
สัมภาษณ์พิเศษ
โดย สุเมศ ทองพันธ์
"ผมพยายามทำให้ทักษิณเขากลับเข้ามาอยู่ในประเทศไทยให้ได้ แล้วก็รับโทษ จากนั้นจะนิรโทษหรืออภัยโทษอะไรก็แล้วแต่"...
"ผมตั้งใจจะแก้ปัญหาทั้งหมดให้ได้ภายใน 1 ปี 1 ปีเท่านั้นแล้วจบ...ผมก็ไป"
ก่อนยึดอำนาจ "19 กันยายน 2549" เพื่อโค่นล้ม "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลพรรคไทยรักไทย
"พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ" อดีตนายกรัฐมนตรี เดินเคียงข้าง "พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์" ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ
ซึ่งถูกฝ่าย "พ.ต.ท.ทักษิณ" ประทับตราว่าเป็นศัตรูตัวฉกาจ
แต่ หลังจากนั้นอีก 2 ปีเมื่อ "พรรคพลังประชาชน" ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งและกลับมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล "พล.อ.ชวลิต" กลับก้าวเข้ามารับตำแหน่ง "รองนายกรัฐมนตรี" ใน "รัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์"
แล้วหลังหมดอายุขัย "รัฐบาลสมชาย" ซึ่ง พรรคประชาธิปัตย์ ได้โอกาสจัดตั้งรัฐบาล โดยที่ "พรรคเพื่อไทย" ตกอยู่ในฐานะ "ฝ่ายค้านพรรคเดียว"
"พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ" ได้ตัดสินใจเดินกลับเข้ามาสู่วังวนการเมืองอีกครั้ง ด้วยการเข้าสวมเสื้อ "พรรคเพื่อไทย" ประกาศตัวสู้ใน "สงครามครั้งสุดท้าย" อยู่ฝ่าย "พ.ต.ท.ทักษิณ" ซึ่งเท่ากับว่า ต้องยืนคนละฟากฝั่งกับ "พล.อ.เปรม" อย่างเต็มตัว
แล้วหลังจากนั้น ในแต่ละก้าวที่ "พล.อ.ชวลิต" เดิน ไม่ว่าจะเหยียบย่างไปที่ไหน อดีต "ขงเบ้งแห่งกองทัพไทย" สามารถกำหนดเกมสั่นคลอน "รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ได้ทุกครั้ง
ซึ่งเขาเปิดใจให้ "มติชน" ได้ฟังทุกกลเกมเบื้องหลังหมากร้อยชั้นทุกการเคลื่อนไหว ตั้งแต่ตัดสินใจเข้ามาเขียนใบสมัครสมาชิกพรรคเพื่อไทย มีอะไรซ่อนอยู่ เพื่ออะไร เพื่อใคร แล้วสุดท้ายจะเป็นอย่างไร
@ การตัดสินใจเข้ามาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย?
ผมมีเรื่องสำคัญ 5 ข้อที่จะต้องแก้ไขและพิสูจน์ให้ได้ คือ 1.ผมจะพิสูจน์ว่าพรรคการเมืองนี้ เสื้อสีนี้ คนคนนี้ อยู่ที่ไหนรู้อยู่แล้ว จงรักภักดีจริงหรือไม่ 2.ผมจะพิสูจน์ให้เห็นถึงการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในแผ่นดินที่กำลังเกิดขึ้น 3.ผมตั้งใจจะมาแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในภาคใต้ ซึ่งก็ได้ทำไปแล้ว 4.ผมจะแก้ปัญหาความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้าน และ 5.ผมจะเข้ามาเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน ส่วนเรื่องอื่นๆ เรื่องเล็กๆ เรื่องการเมือง อย่าง ส.ส.คนไหน จะลงที่ไหน อย่างไร ผมไม่ยุ่ง พวกคุณไปจัดการกันเอง ผมจะมาแก้ปัญหาของแผ่นดิน เรื่องนี้ผมบอกกับคุณทักษิณเขาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว และผมตั้งใจจะแก้ปัญหาทั้งหมดให้ได้ภายใน 1 ปี 1 ปีเท่านั้นแล้วจบ...ผมก็ไป
วันนี้ผมก็พยายามพิสูจน์ข้อที่ 1 เรื่องความจงรักภักดีให้ได้ ตอนนี้กำลังดำเนินการ แอพโพรช (วิธีการเข้าหา) ผู้หลักผู้ใหญ่ กำลังหาช่อง ยังไม่ชัดเจน
ตอนที่ผมเข้ามาพรรคเพื่อไทย ก็มีคนที่ผมเคารพให้ บิ๊กหมง (พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์) มาบอก ผมก็เคารพท่านอยู่แล้ว ผมก็ฝากบอกบิ๊กหมงไปว่า ผมรับทราบ แต่วันนี้เหตุการณ์ ไปไกลแล้ว
เรามาแก้ปัญหาความขัดแย้งกัน ผมว่าเรื่องนี้น่าเป็นห่วงมาก เราเห็นแล้วว่าความขัดแย้งในประเทศนั้น ถ้าเราไม่แก้ไขโดยด่วน วิกฤตใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่นานนี้ ผมมองว่ามีเพียง 3 สถาบันเท่านั้นที่แก้ไขปัญหาความขัดแย้งครั้งนี้ได้ คือ 1.สถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งวันนี้พระองค์ทรงพระราชกรณียกิจอย่างหนักมานานแล้ว เราจะรบกวนเบื้องพระยุคลบาทอีกหรือ 2.สถาบันทหาร ซึ่งที่ผ่านมาไม่สามารถแก้ปัญหามัวแต่ทำอะไรอยู่ก็ไม่รู้ ยุ่งเหยิง น่าจะไปบอกป๋า (พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ) ให้ป๋าทำเองสัก 90 วัน แก้รัฐธรรมนูญสัก 2 มาตรา แล้วถอนตัว ปล่อยให้เขาไปลงเลือกตั้งกัน ถ้าทำได้จะเป็นวีรบุรุษ ไปให้ พล.อ.สุรยุทธ์ (จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี) มาทำ ปัญหาของชาติมัน Very simple แต่ทหารทำไม่ได้ ทำมาเละ! ผ่านมาแล้วรัฐธรรมนูญ 18 ฉบับ ต้องสร้างอำนาจให้ประชาชน ผมพยายามเสนอผู้มีอำนาจ บอกว่าอย่าไปยุ่งตรงนั้น ทำเพื่อประชาชนก่อน แล้วค่อยโดยประชาชน เหมือนรัฐบาลจีน แต่ก็ยังทำไม่ได้ แล้วเราจะยอมให้เข้ามาอีกหรือ ดังนั้นจึงเหลือเพียงสถาบันที่ 3.คือรัฐบาล ซึ่งวันนี้ก็เห็นแล้วว่ายังไม่มีการดำเนินการที่จะแก้ไข ไม่ได้ทำในสิ่งที่เป็นปัญหาของชาติที่สะสมมานานกว่า 77 ปี ตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ดังนั้นวิกฤตใหญ่จะเกิดขึ้นแน่นอน
วันนี้ยังมีความขัดแย้งเรื่องสีเสื้อ ตีกันด้วยไม้หน้าสาม ผมออกจากราชการก่อนเกษียณ 4 ปี ได้เข้ามาแก้ไขปัญหา ยุติปัญหาปฏิวัติ ยุติสงครามประชาชนได้แล้ว แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ กำลังจะแก้ปัญหาพื้นฐาน เรื่องความไม่เป็นธรรมในสังคม ผมเอากองทัพมาพัฒนาประเทศ ทุกคนชนะหมด ไม่มีแพ้ จากนั้นก็เอากองทัพไปสร้างระบบการปกครองที่เป็นธรรม ให้ความรู้คน...แต่ยังไม่สำเร็จ แต่ขณะนั้นเขาก็ยึดอำนาจไม่ได้ เพราะตลอดเวลาเราปราบการปฏิวัติตลอด นี่เป็นสาเหตุที่เราออกจากราชการก่อน 4 ปี แล้วเดินต๊อกๆ เข้าไปสู่อำนาจ
การแก้ปัญหาของชาติวันนี้รัฐบาลเป็นสถาบันสุดท้ายที่จะแก้ปัญหาให้ได้ แต่ต้องรู้ว่าปัญหาคืออะไร ต้องมีเครื่องมือที่เหมาะสม การแก้ปัญหามันก็เหมือนกับเราจะไปสร้างถนน คือเราจะต้องมีรถแทร็กเตอร์ ถึงจะใช้สร้างถนนได้ ไม่ใช่มีแค่สิ่ว-ขวาน ดังนั้นเราต้องไปจัดภาพรัฐบาลให้เหมาะสำหรับการแก้ไขปัญหา จัดภาพรัฐบาลให้เห็นกันไปเลยว่ารัฐบาลนี้จะมาเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้ง ซึ่งเราจะเรียกรัฐบาลนั้นว่ารัฐบาลเฉพาะกาลหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่จะเป็นรัฐบาลที่เราจะมาช่วยกันหาทางลง เป็นรัฐบาลที่ไม่ได้คิดถึงพวกถึงพ้อง แต่จะมาแก้ปัญหา
"สถานการณ์ทุกอย่างขณะนี้กำลังจะนำไปสู่การปฏิวัติ โอกาสที่จะเกิดการปฏิวัติ เกิดการเปลี่ยนแปลงนั้นมีสูงมาก เพราะะ 1.ผู้ปกครองเอง 2.ผู้อยู่ภายใต้การปกครอง เริ่มไม่ยอมให้ปกครอง และ 3.พวกที่เคยล้าหลังเริ่มก้าวหน้า ก็คือพวกนายทุนที่เริ่มก้าวขึ้นมา ซึ่งทั้ง 3 อันดูเหมือนจะทำให้ใกล้เข้าสู่การปฏิวัติเต็มที เมืองไทยกำลังจะไม่มีทางออกอื่น ผมก็ดีใจ ที่ผมก้าวเข้ามาในจังหวะที่สามารถยุติสงครามปฏิวัติได้ทันท่วงที ป้องกันความขัดแย้งเฉพาะหน้าได้เร็ว"
อย่างปัญหาภาคใต้ ผมทำสำเร็จแล้วนะ หลังจากนี้ก็จะมีวงวิชาการในพื้นที่ออกมาพูดเรื่องนครปัตตานี กำลังลงไปสัมผัสใจประชาชน สัปดาห์หน้าจะลงพื้นที่ ไปใช้บ้าน นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา เปิดรับฟังความคิดเห็น สะท้อนปัญหาในพื้นที่กัน อีกไม่กี่วันนี้ก็คงจะมีเกิดขึ้น ทราบว่า บิ๊กบัง (พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน) ไปเสนอว่า จังหวัดชายแดนภาคใต้มี 10 ล้านคน เอาไปเลย 1 ทบวง คนเขาหัวเราะกันตกเก้าอี้ นึกไม่ถึงว่าบิ๊กบัง มุสลิมแท้ๆ จะคิดแต่เรื่องผู้ปกครอง เรื่องอำนาจ
ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็ทำสำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว พรรคนี้หรือไม่จงรักภักดี แต่เรื่องแบบนี้เขาไม่ต้องพูดกัน ผมตั้งใจว่าจะเปลี่ยนคนเสื้อแดง ที่วันนี้เขาชูรูปทักษิณ ให้มาเป็นการชูพระบรมฉายาลักษณ์ ซึ่งตอนนี้ทำได้แล้ว แล้วก็จะให้ ส.ส.ที่มีอยู่ 180 กว่าคนเนี่ย ลงพื้นที่ไปทำโครงการพระราชดำริ หลายๆ โครงการ อย่างโครงการป่ารักน้ำ ของสมเด็จฯท่าน ก็กำลังจะให้พวกนี้เขาลงไปทำ ทำไปเลยโครงการชลประทาน แก้มลิงในภาคอีสาน โดยไม่ต้องพูดว่าจงรักภักดียังไง พวกเราทำถวายฯ
ส่วนข้อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ วันนี้เราก็เห็นว่าเป็นปัญหามาก อย่างกัมพูชา ผมจะรู้จักกับ ฮุน เซน (สมเด็จฯฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา) มานาน ตั้งแต่ 30 ปีก่อน พล.อ.ศรีสวัสดิ์ แก้วบุญพัน ของประเทศลาว บอกผม เฮ้ย จิ๋วเอ้ย เอ็งมาลาวหน่อย มีคนอยากพบ ผมก็ไป ก็พาไปก็แนะนำกับ ฮุน เซน บอกว่าฮุน เซน อยากพบผม แล้วก็ขอให้ผมสรุปโครงการต่างๆ ที่กำลังทำอยู่ในเมืองไทยให้ฟัง ตอนนั้นนั่งกัน 3 คน ขวาเป็น รณฤทธิ์ (สมเด็จกรมพระนโรดม รณฤทธิ์ อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา) ซ้ายเป็นฮุน เซน พบกันแบบ Six eyes เลย ซึ่งที่ผมไปกัมพูชา ผมก็ไปในระดับความสัมพันธ์ระหว่างพรรคกับพรรค ประคองความสัมพันธ์ของรัฐบาลต่อรัฐบาล ผมก็ไม่เข้าใจว่ามาโกรธผมทำไม เราเป็นประเทศใหญ่จะต้องใจเย็น ... จ๊ะจ๋า... เดี๋ยวก็ดีกันไปเอง
"ความขัดแย้งระหว่างเรากับกัมพูชาในสายตาอินเตอร์เนชั่นแนล เราใหญ่กว่าเขา ทำไมไร้ความอดทน ยิ่งกรณียกเลิกเอ็มโอยู นี่ร้ายกาจมาก ไปดูรายละเอียดยิ่งเยอะ ประเทศเพื่อนบ้านนี่ เราต้องให้ความสำคัญ ประเทศใกล้สำคัญกว่าประเทศไกล เรื่องในบ้านสำคัญกว่าปัญหานอกบ้าน เสียดายมาร์ค (อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) มาว่าผม เอาความลับไปขาย สมัยก่อนตอนผมเริ่มเข้ามาทำงานสนองคุณแผ่นดิน ตอนนั้นมาร์คอยู่ไหนก็ไม่รู้"
ท่านเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ (อดีตนายกรัฐมนตรี) บอกว่าเมืองไทย อะไรๆ ก็ดีหมด ยกเว้นผู้นำ (หัวเราะ) น่าสงสารประเทศไทย (หัวเราะอีก)
อย่างไปมาเลเซียก็เหมือนกัน เขากับเราก็มีความเห็นร่วมกันว่าสมควรจะแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งพวกเราที่อยู่ในที่ก็ตระหนักกันดีว่าถ้าไม่ทำตั้งแต่วันนี้ปัญหาจะหนักขึ้นแน่นอน เราจึงต้องใช้ยาแรงหน่อย ต้องคิดว่าจะทำยังไงให้ไปอยู่ในหัวใจเขา เพราะจริงๆ แล้วพื้นตรงนั้นเป็นพื้นที่ที่น่ารัก ผมจะผลักดันให้เป็นภูมิภาคที่ยิ่งใหญ่ ทำภาคใต้ให้เป็นแลนด์มาร์คใหญ่ในภูมิภาค ให้ตรงนั้นเป็นเกียรติประวัติในชีวิตของเขา เพื่อเอาสังคมภูมิบุตร มาสู่การแก้ไขปัญหา
"ทำไมเราจะทำไม่ได้ ถ้าข้างหนึ่งเป็นโบสถ์ใหญ่ของวัดช้างไห้ เป็นศาสนาพุทธ ตรงกลางเป็นมัสยิดกรือเซะ ทำให้ใหญ่ไปเลยของพี่น้องมุสลิม ถัดไปก็เป็นศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ที่เขาจะไปสักการบูชากัน อย่างนี้น่ารักไหม ทำไมเราจะทำไม่ได้ แต่วันนี้มันน่ากลัวที่ภาคเหนือ มันก็บอกว่าเป็นล้านนามา 800 ปีแล้ว ภาคอีสาน ... ศรีโคตรบูร ก็บอกว่ามีมาเป็นพันๆ ปี ไอ้ ลังกาสุกะ ก็ว่ามันมีมาเป็นพันปีเหมือนกัน อย่างนี้แล้วประเทศไทยมันมีมากี่ปี เป็นเนชั่นสเตทมากี่ปีเอง นี่คือจุดอ่อนที่ต้องแก้ไขให้ได้"
นอกจากกัมพูชาและมาเลเซียแล้วก็จะมีไปเวียดนาม ตั้งใจจะไปพบเพื่อนเก่าของผม รัฐบุรุษ โงเหวี่ยนเกี๊ยป ซึ่งเวียดนามเนี่ยผมบอกได้เลยว่าตอนนี้สำเร็จไปขั้นหนึ่งแล้ว คือเขารู้ว่าเราเป็นเพื่อนเขา ถ้าจะจำกันได้ เมื่อไม่กี่ปีที่แล้วเวียดนามมาประชุม ครม. นอกสถานที่ที่ประเทศไทยนะ มาประชุมกันนครพนม บ้านผมนะ สมัยผมเป็น ผบ.ทบ.ใหม่ๆ ตอนนั้นผมไปเวียดนาม ไปกัน 7 คนมีบิ๊กจ๊อด (พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ.) บิ๊กสุ (พล.อ.สุจินดา คราประยูร อดีตนายกรัฐมนตรี) ก็ไปด้วย มี รมว.กลาโหม มี ผบ.ส.ส. มีนายพลอีก 400 นายมาต้อนรับเรา เขาพูด 1 ชั่วโมง ผมพูดแค่ 5 นาที ปรบมือกันเกรียวเลย
"ผมพูดว่าในภูมิภาคนี้ถ้าไทยกับเวียดนามเป็นศัตรูกัน ภูมิภาคนี้ไม่มีวันสงบสุข แต่ภูมิภาคนี้มีศัตรูตัวฉกาจอยู่ตัวหนึ่ง...แล้วผมก็หยุดพักหนึ่ง ในห้องเงียบกันหมด ผมก็บอกว่า ศัตรูตัวนี้คือความยากจน เขาปรบมือกันไม่หยุด เหมือนที่มอสโคว์ เราก็เป็นนายทหารกลุ่มแรกที่ไปคุยกับเขา"
@ จะเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหรือไม่?
(หัวเราะๆ) พอแล้ว....ไม่เอาแล้ว มาครั้งนี้ผมมาทำให้บ้านเมือง ถ้าสำเร็จแล้วผมก็ไป ก่อนที่จะเข้ามาที่พรรคเพื่อไทย ผมเขียนจดหมายบอกทักษิณเขาไว้ เป็นเงื่อนไข 10 ข้อ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือผมจะไม่รับตำแหน่งอะไรเลย แล้วจะไม่ยุ่งกิจการภายใน ท่านไปจัดการกันเอง ถ้าจะให้เป็นหัวหน้าพรรคมันก็ขึ้นอยู่กับว่าถ้าจะให้เป็นอีกก็ต้องมีการเรียกประชุมแล้วก็เลือกกันด้วยโหวตเตอร์ เรื่องอะไรผมจะให้โดนด่า มันก็จะมาด่าว่านอมินีทักษิณ ส.ส.มันก็จะมาด่า แต่ก็พลาดไปแล้ว ออกมาแล้วเขาให้เป็นประธานพรรค แต่ผมยืนยันเลยนะ คนอย่างผมทำอะไรก็ต้องทำด้วยตัวเอง
"ผมบอกทักษิณเขาแล้ว ว่าผมขอเป็นแค่สมาชิกพรรคคนหนึ่ง เป็นสมาชิกอย่างเดียว ผมก็ไม่รู้ว่าเขาคิดอย่างไร เขาก็ไม่รู้ว่าผมคิดอะไร ผมบอกไปเลยนะ ผมจะไม่ยุ่งเรื่องภายในพรรค ส.ส.คนไหนจะลงสมัครที่ไหนยังไง ให้ไปจัดการกันเอง ในจดหมายผมบอกชัดว่าทุกอย่างให้เขา คงเอาไว้ต่อไป เรื่องเลือกคนเป็นนายกรัฐมนตรี ก็เขาเลือกเองนะ...รู้สึกว่าเขาจะเลือกไว้แล้วด้วย...ผมไม่ยุ่ง
มีผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนมาถามผมเหมือนกันนะว่า ได้ 3,000 ล้านจากทักษิณจริงไหม...งง! ผมงงเลย บาทนึงยังไม่ได้ ทุกวันนี้ก็ใช้เงินคุณหญิงหลุยส์ (คุณหญิงพันธุ์เครือ ยงใจยุทธ ภริยา) อยู่เลย
@ 10 ข้อที่เขียนเป็นจดหมายถึง พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นมีอะไรบ้าง?
อืม...ผมจำไม่ได้แล้วสิ ว่ามีอะไรบ้าง... แต่นี่เป็นหนึ่งข้อในนั้น คือผมบอกเขาขอเป็นแค่สมาชิกธรรมดา
ทักษิณอยากให้เป็นอะไร ก็ขอให้เป็นไปตามครรลอง มีการโหวต ลงคะแนน มีการประชุมพรรค เป็นระบบ
@ พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบจดหมายมาว่าอย่างไร?
เขาก็ยอมรับ ต้องคุยกัน ให้เข้าใจตรงกัน แหม ... คนในพรรคเขาทำงานกันเกือบตายแล้วเราจะมาเอาได้ไง
คือมันเป็นข้อตกลง และเราต้องทำแบบนี้ เพื่อไม่ให้คนนอก-คนใน เขาเข้าใจผิด เพราะพรรคนี้พวกเขาทำกันมา เราเพิ่งเข้ามาแล้วจะมาเป็นนั่นเป็นนี่ไม่ได้
@ พ.ต.ท.ทักษิณ ส่งขุนพลข้างกาย ที่เป็น 111 อดีต กก.บห.ไทยรักไทยมาช่วยงานในทีมวอร์รูมบ้างหรือไม่?
ไม่มีเลย ... ไม่มี
@ ประเมินไว้ว่าจะมีการยุบสภาเลือกตั้งใหม่เมื่อไร?
เราจะประเมินไม่ได้ ต้องรู้ไปเลยว่ายุบสภาเมื่อไร วันไหน เราต้องเป็นผู้กำหนด ไม่ใช่ให้รัฐบาลมากำหนด
@ สถานการณ์ความขัดแย้งจะไปถึงจุดไหน อย่างไร?
ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างก็จะเหมือนที่ผมได้พูดมาทั้งหมดแล้วตั้งแต่ต้น แต่ตอนนี้กำลังพยายามทำให้ทุกอย่างมันซอฟต์ลง
"ผมพยายามทำให้ทักษิณเขากลับเข้ามาอยู่ในประเทศไทยให้ได้ แล้วก็รับโทษ จากนั้นจะนิรโทษหรืออภัยโทษอะไรก็แล้วแต่ คนที่มีอำนาจในเมืองไทยก็ควรจะ well come (ต้อนรับ) ท่านทักษิณด้วยนะ โดยเราจะต้องไม่ไปทำอะไรให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทพระเจ้าอยู่หัว เพราะเรื่องแบบนี้พวกเราก็ทำกันเองได้อยู่แล้วนี่"
@ เคลียร์กับ พล.อ.เปรม หรือยัง?
มันต้องได้พบกันถึงจะเคลียร์กันให้ได้ แต่ถ้ายังอยู่ห่างๆ กันอย่างนี้ ลำบาก!
ท่านทักษิณก็เหมือนกัน ถ้าท่านจะไปหาป๋า บอกป๋าให้มาช่วย อ่อนน้อม ถ่อมตนไม่ได้เหรอ ท่าทีตอนนี้มันแข็งไปนิดหนึ่ง
@ นโยบายในประเทศที่ต้องการเสนอให้พรรคเพื่อไทยขับเคลื่อนมีอะไรบ้าง?
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือจุดอ่อนของเราอยู่ในกระบวนการ ซึ่งทุกคนรู้อยู่ อย่างพรรคการเมืองวันนี้ มวลชนมันนำพรรค ซึ่งความจริงมวลชนมันต้องเดินตามพรรค โดยพรรคจะต้องเป็นผู้ควบคุมมวลชน เป็นมวลชนของพรรค แต่กลายเป็นว่าตอนหลังพรรคเดินตามมวลชน อย่างคนเสื้อแดงวันนี้ พรรคเพื่อไทยจะต้องไม่ทิ้ง เพราะคนเสื้อแดงมีคุณูปการต่อพรรค เวลาพรรคตกอับก็ยังมีคนพร้อมที่จะเดินให้พรรค ดังนั้นพรรคจะทิ้งไม่ได้ ซึ่งสิ่งที่ผมจะเสนอคือ พรรคเพื่อไทยจะต้องทำให้คนยากคนจนทั้งหลายที่เขานิยมชมชอบในพรรคเพื่อไทย จะต้องให้มวลชนพื้นฐานมาขึ้นอยู่กับพรรค ทำให้มาเป็นฐานรากของพรรคให้ได้ ส่วนเรื่องที่เหลือยังพูดไม่ได้ ผมยังพูดตอนนี้ไม่ได้จริงๆ ขอร้องๆ มันเป็นความลับยังพูดไม่ได้
ส่วนการแก้ไขปัญหาความยากจนเรื่องหนึ่งใน 5 ข้อผมพูดมาตลอดว่าอยากให้ชาวนาขับรถเก๋งให้ได้ ชาวนาจะต้องส่งลูก ส่งหลานไปเรียนเมืองนอกให้ได้ ชาวนาต้องขึ้นเครื่องบินไปเที่ยวเมืองนอกได้ อย่าง อบต. (องค์การบริหารส่วนตำบล) ผมเป็นคนผลักดันนะ ผลักดันมาตั้งแต่แรก แรกๆ มีแต่ ตาสี ตาสา ยายมี ยายมา ตอนนี้ไปดูสิ อบต. มีแต่ดอกเตอร์นะครับ
@ มองพรรคการเมืองใหม่อย่างไรบ้าง?
พรรคสนธิ (ลิ้มทองกุล) เหรอ เขาด่าผมมากไปหน่อย ...ผมว่าลำบากนะ ไม่ใช่ง่ายๆ การตั้งพรรคการเมือง น่าจะรอก่อน ก็ไม่เอา ผมก็อยากจะคุยกับเขานะ เขาก็คือเพื่อนเราทั้งนั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น