--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันพุธที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2553

"เสี่ยบุณยสิทธิ์" ชี้ทางออกจากวิกฤต ปฎิวัติ แย่แน่ๆ นายกฯ ลาออกน่าจะดีที่สุด

"บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา" ประธานเครือสหพัฒน์ ชี้ทางออกจากวิกฤตความขัดแย้ง วอน 2 ฝ่ายแก้ด้วยสันติ "ลดราวาศอก" ต่อกัน ฟันธง ปฎิวัติ ไม่ดีแน่ ทางออกดีที่สุดตือ นายกฯ อภิสิทธิ์ ลาออก แล้วหาคนที่ดีที่สุดมาทำหน้าที่แทน ตอกนโยบายเศรษฐกิจผิดพลาด-ก่อกำเนิดเสื้อแดงยึดกรุงเทพ

บทสัมภาษณ์ พิเศษ "บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา" ประธานเครือสหพัฒน์ มีเนื้อหาสาระที่น่าสนใจ ประชาชาติธุรกิจ นำมาเสนอท่านผู้อ่าน ดังนี้

@ วอน 2 ฝ่ายแก้ด้วยสันติ "ลดราวาศอก" ต่อกัน
นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ให้ความเห็นว่าใครจะชนะหรือแพ้ก็ไม่ดีทั้งสองฝ่าย วิกฤตนี้ต้องแก้ด้วยวิธีสันติเท่านั้น ถ้าทุกคนยอมลดราวาศอก ที่เรียกว่า "ชนะคือแพ้ แพ้คือชนะ" แม้ท้ายทื่สุดผู้ชุมนุมเสื้อแดงจะยุติการชุมนุมไป แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะจบสิ้นได้ง่ายๆ เพราะอาจจะเป็นแค่การเปลี่ยนรูปแบบของการชุมนุมเป็นแบบ "ใต้ดิน" ซึ่งจะยิ่งก่อกวนมากขึ้น ดังนั้น ไม่ว่าทางไหน เราผู้เป็นพ่อค้าก็คงมีแต่รับกรรม ส่วนประชาชนก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร หากจะให้ประชาชนได้ประโยชน์ก็ต้องถอยคนละก้าว ทุกอย่างเสร็จยิ่งเร็วยิ่งดี

นายบุณยสิทธิ์ กล่าวต่อว่าตนเชื่อว่าเศรษฐกิจต้องมีทางออก ทุกอย่างต้องเดินไปข้างหน้า ถ้าจบเร็ว ก็สามารถเดินไปข้างหน้าได้เร็ว ถ้าช้าก็เป็นบุญเป็นกรรมตอนนี้นักธุรกิจก็คงไม่อยากทำอะไร อยู่เฉยๆ ปลอดภัยที่สุด

"จริงๆ แล้วผมกลับมองสถานการณ์นี้แง่บวก ถ้าไทยผ่านวิกฤตนี้ไปได้ สามารถคุยกันได้รู้เรื่อง แก้แล้วไม่มีเหตุการณ์อะไรร้ายแรง อาจเป็นผลบวกของไทย นำไปสู่ความทันสมัย เพราะรัฐบาล หรือคนที่จะมาเป็นรัฐบาลต่อไปต้องคิดแล้วว่าหากม็อบเสื้อแดงยังสามารถชุมนุมกันได้ขนาดนี้ ต่อไปรัฐจะมาทำอะไรซุ่มซ่ามไม่ได้อีกแล้ว มันเหมือนประเทศไทยก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง เปรียบเดิมเราจบแค่ปริญญาตรี หากผ่านสถานการณ์นี้ไปได้ด้วยดี เท่ากับเราจบปริญญาโท

ปัจจุบันการสู้ของทั้ง 2 ฝ่ายคือการวัดกันว่าใครสามารถอดทนได้มากกว่ากัน เพราะต่างคิดว่าคนเป็นผู้นำก็ต้องมีอาการเบื่อ อย่างแกนนำเสื้อแดงซึ่งมีเพียง 4-5 คน เป็นไปได้ที่อาจจะเลิกราไปเอง อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ต้องบอกว่าม็อบของไทยใช้ได้ ยังอยู่ในความสงบเรียบร้อย ไม่มีการปล้น หรือสร้างความเสียหาย ไม่เหมือนสมัยก่อน จริงๆ การคุมม็อบแบบนี้อันตรายมาก

ดังนั้น ผมจึงมองเรื่องนี้แง่บวก ที่เป็นห่วงคือเรื่องมือที่ 3 มากกว่าเพราะไม่รู้ว่าเป็นกลุ่มไหน แต่จะไปว่าตอนนี้ม็อบเป็นเหมือนเฟสติวัล (Festival) ปะทะกันรุนแรงขนาดนี้แล้วยังคุยกันรู้เรื่อง แสดงว่าคนไทยมีความอดทนสูง ต่างประเทศมองเข้ามายังชื่นชมทั้งฝ่ายรัฐบาลและม็อบ เพราะเค้าเข้ามาแล้วประเทศไทยขณะนี้ดูอันตรายมาก แต่ะคนไทยก็ยังมองเหมือนไม่มีอะไร มากกว่านั้น หากครั้งนี้เราสามารถจบลงได้อย่างสันติอย่างแท้จริง ไทยจะกลายเป็นแพทเทิร์นของการชุมนุมทางการเมือง หรือม็อบให้กับประเทศอื่นๆ นำไปปฏิบัติตาม

@ ชี้นายกฯ ลาออกเป็นวิธีดีที่สุด
ถามว่าทางออกไหนน่าจะดีที่สุด ถ้าผมเป็นนายกรัฐมนตรี หรือคนที่สามารถตัดสินใจได้ในเหตุการณ์นี้ว่าจะทำอย่างไร จริงๆ ถ้าเป็นผม ผมจะไปคุย หาก 2 รอบยังไม่พอ ก็จะขอคุยรอบที่ 3 และหากเจรจาจนถึงที่สุดแล้ว จำเป็นจริงๆ ก็อาจต้องให้ตามขอ คือยุบสภา ถ้าจำเป็นก็ต้องโอเค แต่ก็ต้องให้ประชาชนรู้ว่าทำไมถึงตัดสินใจเช่นนี้ เพื่อประโยชน์ของประเทศอย่างไร เพราะปัจจุบันรัฐบาลก็แนวหนึ่ง เสื้อแดงก็แนวหนึ่ง แบบนี้นักธุรกิจยิ่งเครียด ดังนั้น หากมีการยุบสภาตอนนี้ ฐานะนักธุรกิจก็รับได้ ดีกว่าให้ยืดเยื้อแบบนี้

หากมีทางออกอยู่ 3 ทาง คือยุบสภา, ลาออก, รัฐประหาร ผมขอเลือกให้นายกรัฐมนตรีลาออก น่าจะดีที่สุด และเลือกคนที่ดีที่สุดขึ้นมา เพราะแน่นอนว่าหากปฏิวัติจะไม่เป็นที่ยอมรับของต่างประเทศ และทำให้ทุกอย่างแย่ลง

@ ชี้นโยบายศก.ผิดพลาด-ก่อกำเนิดเสื้อแดง
ประธานเครือสหพัฒน์ อธิบายว่า จริงๆ แล้วต้องบอกว่ารัฐบาลประเมินสถานการณ์เรื่องเสื้อแดงไม่ถูกตั้งแต่แรก เพราะมองว่าเสื้อแดงไม่มีคน เพราะถึงขณะนี้เรารู้แล้วว่าเสื้อแดงมีคนมาร่วมด้วยต่อเนื่อง หากให้ผมวิเคราะห์ว่าจริงๆ แล้ว ส่วนสำคัญทื่ทำให้มีสถานการณ์วันนี้ ต้องบอกว่ามาจากการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจที่ผิดพลาดตั้งแต่รัฐบาลสุรยุทธ์ ต่อเนื่องมาที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ มีปัญหามากมาย อาทิ นโยบายค่าเงินบาท, การแก้ปัญหาราคาข้าว ฯลฯ ทำให้คนระดับล่างเดือดร้อนเรื่องปากท้อง มีส่วนทำให้คนเสื้อแดงจำนวนมากมีความรู้สึกร่วม ก็ต้องบอกว่าแค่ปัญหาเรื่องข้าว กับค่าเงินบาทแค่นี้ รัฐบาลนี้ยังมองปัญหาไม่ออก จะไปแก้ปัญหาม็อบได้อย่างไร

@ ติงปัญหา "มาบตาพุด" แก้ผิดจุด
นายบุณยสิทธิ์ ได้ยกตัวอย่างกรณีมาบตาพุด มองว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากความรีบร้อนในการออกรัฐธรรมนูญ แล้วบังคับใช้ทันที โดยยังไม่มีกฎหมายลูกมารองรับ เมื่อเป็นเช่นนี้วิธีที่ถูกต้องจริงๆ ศาลรัฐธรรมนูญยังไม่สมควรรับฟังว่าใครถูก ใครผิดในกรณีนี้ แต่ควรให้มีการออกกฎหมายลูกให้เสร็จสิ้น ไม่ใช่รีบตัดสินไปก่อน ดังนั้น ขณะนั้นหากรอให้มีกฎหมายลูกออกมาก่อนก็จะไม่เกิดปัญหา ที่ส่งผลกระทบมากถึงปัจจุบันนี้

หรือกรณีของการชุมนุมทางการเมือง หรือม็อบ จริงๆ ก็มาจากการเร่งใช้รัฐธรรมนูญโดยไม่มีกฎหมายลูกเช่นกัน โดยรัฐควรออกกฎหมายลูกออกมาเพื่อบริหารจัดการม็อบ อาทิ จัดสถานที่การชุมนุม, เส้นทางเคลื่อนไหว, มีเวทีให้ไฮปาร์คหรืออภิปราย เป็นต้น

ที่มา.ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
*************************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น