เป็นเสียงของชาวบ้านที่ทุกคนล้วนแต่เป็นลุง ป้า น้า อา ของผม ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งในอำเภออาจสามารถ ที่ครั้งหนึ่งผมเคยบอกว่าพวกเขา "ไม่ใช่เสื้อแดง"
แต่มาครั้งนี้ ผมไม่กล้ายืนยันอย่างนั้นได้อีกแล้ว
กลับบ้านครั้งหลังสุดนี้ห่างจากครั้งก่อนเพียง 4 เดือน ผมสังเกตว่าเกือบ 40 เปอร์เซ็นต์ ติดจานดาวเทียม
น้องชายบอกว่า ก่อนหน้าที่รัฐ จะปิดพีเพิลแชนแนล เสียงลำโพงจากจอโทรทัศน์ของแต่ละบ้าน จะกระหึ่ม "พี่น้องที่รักทั้งหลาย..." หรือไม่ก็ "ยุบสภา" มันฮิตกลายเป็นคำพูดติดปาก พอๆ กับคำว่า "อยู่พูดแบบเหวงๆ" ของชาวโลกออนไลน์
สำหรับชาวบ้าน "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" กลายเป็น "ผู้พ่าย"
สำหรับกองทัพ และสำหรับคนเมือง ก็คงไม่แตกต่างกันมากนัก
18.00 น. วันที่ 10 เมษายน ในที่ประชุมศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) "ฝ่ายความมั่นคง" เสนอให้ถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ราชดำเนิน ก่อนเวลา 18.00 น. แต่ "ฝ่ายการเมือง" เห็นว่า ทหารรุกไปไกลถึงร้านแมคโดนัลด์ หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา ซึ่งอยู่ห่างจากเวทีใหญ่เพียง 100 เมตร จึงมีคำสั่งจากฝ่ายการเมืองให้ "ลุยต่อ" กระทั่งมีการโยนแก๊สน้ำตาลงมาจากเฮลิคอปเตอร์
การที่ ฝ่ายการเมือง สั่งเช่นนั้นแสดงให้เห็นว่าไม่รู้หลัก "จิตวิทยามวลชน"
ทำให้ทหารที่รุกไล่คนเสื้อแดงในเวลากลางวัน และโดนคนเสื้อแดงตีโต้ ประชาชนเห็นด้วยกับรัฐบาล แต่การสั่ง "ลุยต่อ" กลายเป็นความพ่ายแพ้ของฝ่ายการเมืองในอีก 2 ชั่วโมงต่อมา
ทั้งนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งได้รับรายงานจากข่าวกรองว่า หากทหารบุกเข้าไปหลัง 18.00 น. กลุ่มติดอาวุธในเสื้อแดงจะลงมือปฏิบัติการให้มีคนเสื้อแดงเสียชีวิตจำนวนมาก
เพราะการข่าวสันติบาล และหน่วยข่าวทหาร รายงานตรงกันว่า ในกลุ่มคนเสื้อแดง มีคนเสื้อแดงที่มีอาวุธ ที่มีภารกิจเดียวคือไม่ให้การชุมนุมยุติ และพร้อมทำร้ายเจ้าหน้าที่และคนเสื้อแดง หากสถานการณ์จวนตัว จะสร้างความปั่นป่วนให้ลุกลาม
คนเสื้อแดงที่มีอาวุธ มีหน้าที่กำจัดอุปสรรคทุกอุปสรรคที่จะมาทำให้การชุมนุมยุติลง
เมื่อ "ฝ่ายการเมือง" ซึ่งขาดประสบการณ์ และได้ตัดสินใจผิดพลาดครั้งใหญ่ จึงต้องชดใช้ด้วยความสูญเสีย โดยเฉพาะการสูญเสียแม่ทัพระดับ "คุมกองกำลัง" พล.ต.วลิต โรจนภักดี ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ผบ.พล. ร.2 รอ.) ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิดเอ็ม 79 ส่งผลให้ขาหัก 3 ท่อน
พ.อ.เกรียงศักดิ์ นันทโพธิเดช ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์ (ร.12 พัน 2) ถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่สมองซีกขวา จนทำให้ต้องมีการผ่าตัดเปิดสมอง
พ.ท.นพสิทธิ์ สิทธิพงศ์โสภณ ผู้บังคับกองพันทหารม้าที่ 3 รักษาพระองค์ (ม.พัน 3 รอ.) โดนสะเก็ดระเบิดส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บที่ขาทั้งสองข้าง ซึ่งทั้งสามคนยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
และโดยเฉพาะการสูญเสีย พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม รอง เสธ.พล.ร.2 รอ. ค่ายจักรพงษ์ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี จากกองกำลังบูรพา นับเป็นบทเรียนสำคัญ
การสูญเสียอันใหญ่หลวงครั้งนี้ เพราะความดื้อรั้นของฝ่ายการเมือง เราจึงได้เห็น พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ออกมาพูดเป็นครั้งแรก ว่า "ยุบสภาเป็นทางออก" ของปัญหาบ้านเมืองวันนี้
การยุบสภา ที่หน่วยข่าวทหารประเมินแล้วว่าเพื่อไทยไม่มีวันกลับมาอย่างถล่มทลายเพราะยังมีข้อหาเสื้อแดงพาคนมาตาย และเสื้อแดงทำร้ายทหารนั่นเอง
ที่มา.กรุงเทพธุรกิจ
************************************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น