--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันพุธที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2553

แกนนำเสื้อแดงให้สัมภาษณ์รอยเตอร์ อาจเจรจาโดยอาศัยตัวกลาง

– สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าแกนนำกลุ่ม นปช. กล่าวว่าพร้อมที่จะเจรจากับรัฐบาลโดยผ่านตัวกลางเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการปะทะกับกลุ่มทหารติดอาวุธซึ่งข่มขู่ให้พวกเขาออกจากพื้นที่

โดยขวัญชัย ไพรพนา หนึ่งในแกนนำกล่าวให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ว่าเขาอาจประนีประนอมกับรัฐบาลโดยการเสนอให้มีการยุบสภาภายใน 3 เดือน จากเดิมที่กำหนดเส้นตายไว้ 15 วัน

แต่ณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ หนึ่งใน 3 แกนนำหลักบอกว่านี่เป็นอีกความคิดหนึ่งที่ต้องพิจารณาก่อน ณัฐวุฒิบอกอีกว่ารัฐบาลอาจต้องการปราบปรามผู้ชุมนุม แต่เสื้อแดงบางคนก็เห็นว่าอาจเป็นแค่การขู่ให้กลัว

ด้าน จรัล ดิษฐาอภิชัย บอกว่ากลุ่มแกนนำต้องการให้มีการเจรจาประนีประนอมโดยอาศัยกลุ่มบุคคลที่สามเป็นตัวกลาง

ขวัญชัย กล่าวกับรอยเตอร์อีกว่า เขาเชื่อว่าอาจมีการปราบปรามผู้ชุมนุมภายในวันจันทร์ (25 เม.ย.) โดยได้ยินจากวงในว่ารัฐบาลจะขีดเส้นตายการปราบปรามผู้ชุมนุมภายในวันที่ 26 เม.ย. มีโรงแรมสองแห่งในพื้นที่ชุมนุมที่บอกว่าพวกเขาจะปิดให้ทำการจนถึง 26 เม.ย. โดยอ้างเรื่องความปลอดภัย

ส่วนโฆษกรัฐบาล ปณิธาน วัฒนายากร บอกว่าอภิสิทธิ์จะยอมเจรจาด้วย หากเสื้อแดงยอมตกลงว่าจะไม่เพิ่มความตึงเครียดมากกว่านี้ ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ให้ความเห็นใด ๆ เกี่ยวกับข้อเสนอของแกนนำที่จะให้มีการเจรจาผ่านคนกลาง

วีระเผยจะมีการเจรจาไม่มีการสลายการชุมนุมในช่วง 2-3 วันนี้

ก่อนหน้านี้ นายวีระ มุสิกพงศ์ ได้กล่าวบนเวทีปราศรัยเมื่อช่วงดึกของคืนที่ผ่านมา (เวลาประมาณ 01.00 น.) ว่าขอให้ผู้ชุมนุมสบายใจและคลายความเคร่งเครียด เพราะจะไม่มีการสลายการชุมนุมในช่วง 2-3 วันนี้ เนื่องจากจะมีการเจรจากัน โดยได้รับการประสานงานจากทูตต่างประเทศให้มีการเจรจา แต่ยืนยันว่าจะไม่เจรจากับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และขอให้ผู้ชุมนุมยืนหยัดในการไม่ใช้อาวุธใดตอบโต้รัฐ

สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจฯ เสนอเป็นตัวกลางแก้วิกฤติการเมือง

สำนักข่าวไทยรายงานว่า เวลา 16.00 น. การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงบริเวณแยกราชประสงค์ มีการแจกซีดี “10 เมษา ใครสั่งฆ่าประชาชน” ให้กับผู้ชุมนุม โดยมีผู้ชุมนุมจำนวนมากรอรับซีดีดังกล่าว ขณะเดียวกันบนเวทีปราศรัย แนวร่วมกลุ่มคนเสื้อแดงได้เตือนผู้ชุมนุมให้ระมัดระวังการเข้าสลายการชุมนุม

จากนั้นเวลา 16.30 น. นายโอภาส เตพละกุล ประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พร้อมด้วยกรรมการจำนวนหนึ่ง ได้นำหนังสือ เรื่อง “หาทางออกวิกฤตการณ์บ้านเมือง” เดินทางมาบริเวณด้านหลังเวที เพื่อหารือกับ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง โดยหนังสือดังกล่าวเป็นการเสนอทางออกวิกฤติของการเมืองในขณะนี้ โดยขอให้กลุ่มคนเสื้อแดงและรัฐบาลใช้วิธีทางการเมือง สันติวิธี หลีกเลี่ยงความรุนแรง และสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจฯ พร้อมเป็นตัวกลางให้เกิดการเจรจาทั้งสองฝ่าย นอกจากนี้ ยังเห็นว่ารัฐบาลควรเร่งพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2554 ให้แล้วเสร็จในเดือนกรกฎาคม 2553 โดยให้นายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภา และกลุ่มคนเสื้อแดงยุติการเคลื่อนไหว

ภายหลังการหารือกว่า 1 ชั่วโมง นพ.เหวง กล่าวว่า ข้อเสนอต่าง ๆ ได้เลยขั้นตอนนั้นมาแล้ว เพราะรัฐบาลต้องการใช้กำลังกับผู้ชุมนุม ดังนั้นเรื่องทางการเมือง รัฐบาลต้องทบทวนตัวเอง ส่วนเรื่องการเร่งพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2554 ก็ไม่มีความจำเป็น เพราะงบประมาณต่าง ๆ มีระเบียบในการนำออกมาใช้จ่ายได้ ดังนั้นขอยืนยันข้อเรียกร้องของกลุ่มคนเสื้อแดงว่านายกรัฐมนตรีต้องยุบสภา อย่างไรก็ตาม เห็นว่าข้อเสนอดังกล่าว เป็นความปรารถนาดี โดยตนจะนำเข้าหารือในที่ประชุมใหญ่ของเสื้อแดงอีกครั้ง

จตุพร ปูดได้กลิ่นสลายชุมนุม สั่งเตรียมรับมือ

เว็บไซต์ไทยรัฐรายงานเมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 21 เม.ย. นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวบนเวทีปราศรัยแยกราชประสงค์ ว่า ได้รับรายงานข่าวมาว่าขณะนี้ทางศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) มีคำสั่งให้พนักงานโรงแรมและห้างสรรพสินค้าต่างๆ บริเวณย่านราชประสงค์ ออกจากพื้นที่การชุมนุมของกลุ่ม นปช. ถือว่าเป็นสัญญาณที่รัฐบาลพยายามสลายการชุมนุม จึงฝากให้ผู้ชุมนุมคอยสังเกตว่าถ้าโทรศัพท์ของทุกคนโดนตัดสัญญาณเมื่อใด นั่นคือจุดเริ่มต้นในการเข่นฆ่าทำร้ายประชาชน ผู้บริสุทธิ์ที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยอีกครั้ง

นายจตุพร กล่าวต่อว่า กรณีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่จะมีการหารือถึงแนวทางการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์สลายการชุมนุม 10 เม.ย. มีอันต้องล่มไป เนื่องจากความเห็นของทั้งฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทยมีความคิดเห็น ที่แตกต่างกัน จนเป็นเหตุให้การตรวจสอบต้องตกไป แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลพยายามหนีการพิสูจน์ข้อเท็จจริง เพราะกลัวว่าผลการพิสูจน์ที่เป็นความจริงออกมาแล้วฝ่ายรัฐบาลจะรับความจริง ไม่ได้

"นอกจากนี้ยังได้รับรายงานจากนายทหารแตงโม ว่าขณะนี้ทาง ศอฉ.ได้มอบหมายให้นายทหาร 2 นาย เตรียมหลาวไม้ไผ่มาเป็นอาวุธ เพื่อต่อสู้กับกลุ่มคนเสื้อแดง จึงมองว่าวัตถุประสงค์ดังกล่าวรัฐบาลพยายามสร้างสถานการณ์เพื่อใส่ร้ายพี่ น้องเสื้อแดง" นายจตุพร กล่าว

นายจตุพร กล่่าวอีกว่า สำหรับในช่วงเวลานี้แม้ว่าสถานการณ์จะไม่ปกติ เนื่องจากรัฐบาลได้สั่งการให้พนักงานโรงแรม พนักงานห้างสรรพสินค้า ออกจากพื้นที่ราชประสงค์ และสั่งให้โรงพยาบาลต่างๆ รับมือและเตรียมพร้อมรองรับผู้บาดเจ็บนั้น ขอให้พี่น้องเสื้อแดงอย่าวิตก ขอให้ใช้ชีวิตปกติ เพราะเชื่อว่าด่านสำคัญทั้ง 6 จุด จะพยายามต้านทานและรักษาความปลอดภัยในการเข้ามาสลายการชุมนุมของกลุ่มคน เสื้อแดงสุดความสามารถด้วยชีวิต

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงจังหวัดขอนแก่นจำนวนมากได้เดินทางไปปิดล้อมสถานี รถไฟขอนแก่นเพื่อป้องกันไม่ให้กองทัพทหารพร้อมอาวุธสงครามเดินทางเข้า กรุงเทพมหานครได้ เนื่องจากหวั่นว่าจะเป็นกองกำลังที่เตรียมมาเพื่อสลายการชุมนุมของกลุ่มคน เสื้อแดง ทำให้ขณะนี้รถไฟไม่สามารถเดินรถเข้า-ออก สถานีขอนแก่นได้ตั้งแต่เวลา 12.00 น. ที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. เปิดเผยกับ ไทยรัฐออนไลน์ ว่า ขณะนี้ ศอฉ.ประเมินสถานการณ์และควบคุมหลังจากกลุ่มผู้ชุมนุมได้ขยายพื้นที่การ ชุมนุม โดยส่งเจ้าหน้าที่ทหารประจำจุดสำคัญ เช่น บริเวณสี่แยกของถนนราชประสงค์ สีลม เพลินจิต ปทุมวัน และพระรามสี่ เป็นต้น

ส่วน กระแสข่าวการสลายการชุมนุมอย่างต่อเนื่องนั้น พ.อ.สรรเสริญ ปฏิเสธยังไม่ขอตอบคำถามนี้ เพราะในแต่ละวันที่มีการแถลงข่าวไปแล้ว และว่าการปฏิบัติภารกิจตอนนี้ เราไม่ควรตั้งคำถามทุกเรื่อง ถ้าเล่าเรื่องที่เราจะทำ การทำงานของเราจะยุ่งยาก จึงอยากจะขอร้องสื่อมวลชนให้รอฟังการแถลงข่าวพร้อมกันจะดีกว่า ส่วนภายใน 1-2 วันนี้ ไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะสลายหรือไม่ แต่บอกได้ว่าจะปล่อยให้สถานการณ์เป็นอย่างนี้ไม่ได้ เพราะจะเกิดความเสียหายมากขึ้น อีกส่วนก็มีความกดดันจากหลายฝ่าย เพราะถ้าหากไม่ทำ ก็จะมีหลายฝ่ายออกมาปะทะกันก็มีการสูญเสียเกิดขึ้นอยู่ดี

“เจ้าหน้าที่มีความพร้อมแล้วที่จะมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น ส่วนเวลาที่เหมาะสมนั้น ไม่สามารถแจ้งไม่ได้” พ.อ.สรรเสริญ กล่าว

ประชุมสภา เดือด เพื่อไทย จี้ นายกฯขอโทษปชช. สลายชุมนุม 10 เม.ย.มีคนตาย

มติชนออนไลน์รายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเริ่มเวลา 09.00 น. มีนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม ปรากฏว่า มีส.ส.มาเซ็นชื่อเข้าประชุมเพียง 151 คน ถือว่าไม่ครบองค์ประชุม ทำให้นายชัย เปิดให้สมาชิกหารือโดยไม่มีการถ่ายทอดเสียงทางสถานีวิทยุและโทรทัศน์รัฐสภา โดยส.ส.พรรคเพื่อไทย หลายคนพยายามหารือเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารกับกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง เมื่อวันที่ 10 เมษายน โดยพยายามกล่าวโทษว่า เป็นความผิดของรัฐบาลที่สั่งให้ทหารใช้กำลังและอาวุธประชาชน ทั้งนี้นายประยุทธ์ ศิริพาณิชย์ ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า เมื่อมีผู้เสียชีวิตถึง 25 คน บาดเจ็บกว่า 800 คน นายกฯ ในฐานะผู้บริหารสูงสุดต้องกล่าวขอโทษกับประชาชน

ขณะ ที่ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ลุกขึ้นตอบโต้และปกป้องนายกฯ ว่าได้ดำเนินการทุกอย่างตามกรอบของกฎหมาย โดยเฉพาะพ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน 2548 และขอให้กรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงตรวจสอบให้เสร็จสิ้นก่อน เพราะเหตุการณ์ในคืนนั้นมีความวุ่นวาย มีผู้ไม่หวังดีแทรกซึม ทำให้บรรยากาศการประชุมตึงเครียด อย่างไรก็ดี ยังมีส.ส.บางส่วนของฝ่ายค้านและรัฐบาลได้หารือปัญหาราคาข้าวและพืชผลการ เกษตร คั่นเป็นระยะช่วยผ่อนคลายการปะทะคารมของส.ส.ฝ่ายค้านและรัฐบาล

จากนั้น เวลา 09.30 น. เมื่อสมาชิกมาครบองค์ประชุม นายชัย ได้เปิดให้หารือโดยมีการถ่ายทอดเสียงการประชุม นายคมเดช ไชยศิวามงคล ส.ส.กาฬสินธุ์ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เหตุ 10 เมษายน รัฐบาลต้องรับผิดชอบ โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี เพราะนายกฯ ได้สั่งฆ่าประชาชน มีคนเสียชีวิตในเหตุการณ์ 25 คน มีผู้บาดเจ็บกว่า 800 คน และวันนี้มีข่าวจะสลายการชุมนุมอีก ทั้งนี้การออกพ.ร.ก.ฉุกเฉินทำให้ประชาชนต้องบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก ทำให้ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ นำโดยนายอรรถพร พลบุตร ส.ส.เพชรบุรี และนางรัชฎาภรณ์ แก้วสนิท ส.ส.สัดส่วน ลุกขึ้นประท้วง ขอให้ประธานสั่งนายคมเดชถอนคำพูด "นายกฯ สั่งฆ่าประชาชน" แต่นายคมเดชไม่ยอมถอน ทำให้บรรยากาศการประชุมตึงเครียดขึ้นตามลำดับ ส.ส.ทั้งสองฝ่ายต่างยกมือขอลุกขึ้นตอบโต้ ทำให้นายชัยสั่งให้นายคมเดชออกจากห้องประชุมไปหากไม่ยอมถอนคำพูด ซึ่งนายคมเดชไม่ยอมถอน และอ้างว่า จะไปประชุมคณะกรรมาธิการพอดี จากนั้นได้เดินออกจากห้องประชุมไปท่ามกลางความไม่พอใจของส.ส.พรรคประชาธิปัตย์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงการหารือยังมีการตอบโต้กันเป็นระยะ โดยน.พ.ประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย อภิปรายขอให้นายกฯ เปิดประชุมร่วมรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 179 เพื่อให้สมาชิกได้ร่วมกันแสดงความคิดเห็นและทางออกที่เกิดขึ้น โดยเป็นการเปิดโอกาสให้นายกฯ ขอโทษประชาชน และวันนี้ทุกคนต้องให้อภัยกัน แม้ล่าสุดมีผลพิสูจน์จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ที่เกี่ยวข้องระบุว่า สื่อมวลชนญี่ปุ่นเสียชีวิตเพราะถูกกระสุนทหารเสียชีวิต และตนไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บยืนยันว่ามีการใช้กระสุนปืนยิงเข้าใส่ประชาชนจนทะลุ ปอด วันนี้ต้องนำปัญหาเข้าสู่สภา ด้านนายสมคิด บาลไธสง ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า นายกฯ ใจแคบ บริหารประเทศแบบนี้อยู่ได้อย่างไร ไม่อายชาวโลกหรือ ชาวอีสานเสียใจมาก วันนี้โทรทัศน์แตกหลายเรื่องเพราะเขาถีบทิ้งไม่อยากดูช่อง 11 และขอให้เลิกการปิดกั้นสื่อ ขณะที่ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล โดยนายธนิตพล ไชยนันทน์ส.ส.ตาก พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายตอบโต้ว่า รัฐบาลไม่ได้ปืดกั้นการเสนอข่าวของสื่อ แต่การปิดทีวีบางช่องเพราะมีการเสนอข่าวในลักษณะยั่วยุ และบิดเบือนข้อเท็จจริง อย่างไรก็ดี นายชัย พยายามตัดบทนำเข้าสู่วาระการประชุม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย่างไรก็ดีบรรยากาศการประชุมยังตึงเครียด โดยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย เสนอให้มีการนำรายงานของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากเหตุการณ์ชุมนุมทาง การเมืองเดือนเมษายน 52 เข้ามาพิจารณาด้วย ขณะที่นายพีระพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย เสนอญัตติด่วนด้วยปากเปล่า ขอให้สภาตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงจากเหตุการณ์สลาย การชุมนุม 10 เมษายน 53 แต่ถูกทักท้วงจากคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) โดยนายวิทยา แก้วภราดัย ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ประธานวิปรัฐบาล คัดค้าน โดยระบุว่า มีสมาชิกแสดงความไม่สบายใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก ดังนั้นควรนำปัญหานี้กลับมาพูดกันในสภา ทำให้นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.อยุธยา พรรคเพื่อไทย ประธานวิปฝ่ายค้าน อภิปรายว่า ขอให้นายกฯ เปิดประชุมร่วมกันของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 179 ดีกว่าจะให้ถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกรอยู่ฝ่ายเดียว วันนี้นายกฯ ไม่มีความสง่างาม อย่าเป็นฆาตกรโดยฝีปากของคนอื่นเลย และขอเรียกร้องให้นายกฯ ยกเลิกการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินก่อนขอเปิดสภา อาจเป็นวันที่ 22 หรือ 23 เมษายน ก็ได้

ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า เรื่องตั้งกรรมาธิการวิสามัญสอบข้อเท็จจริง ให้ประธานวิปรัฐบาลไปหารือกับวิปรัฐบาลทุกพรรคว่า จะเห็นด้วยตามที่วิปฝ่ายค้านเสนอหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่สภาจะวินิจฉัย อย่างไรก็ดี ขณะนี้วุฒิสภามีญัตติอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 161ในวันที่ 23 เมษายน ก็จะเป็นช่องทางหนึ่งที่ใช้พูดกัน นอกจากนี้ ฟังการหารือในที่ประชุมสภา พบว่า ส.ส.อยากให้เปิดประชุมร่วมรัฐสภา ตนเห็นว่า วันนี้มีการกล่าวหาตน รัฐบาลและเจ้าหน้าที่รัฐ แต่คงไม่ใช่จะมาพูดรายละเอียดในวันนี้ แต่ยืนยันว่า รัฐบาลนี้ไม่มีความคิดทำร้ายประชาชน แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงและรับฟังทุกฝ่าย ฉะนั้น ข้อหารือที่จะเปิดประชุมร่วมกันของรัฐสภาตามมาตรา 179 ตนพร้อมจะใช้ช่องทางดังกล่าวในการคลี่คลายปัญหาที่เกิดขึ้นแต่การตัดสินใจเป็นเรื่องครม.จะมีมติในเรื่องนี้ จึงจะหารือครม.เพื่อมีมติเปิดประชุมร่วมรัฐสภาต่อไป แต่ยืนยันว่า มีเจตนาบริสุทธิ์ที่จะให้มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา

อย่าง ไรก็ดี ส.ส.เพื่อไทย ยังคงไม่พอใจ โดยนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นตอบโต้ว่า นายกฯ มีฐานะเป็นส.ส.คนหนึ่ง แต่กลับใช้กระบวนการแบบนี้มาตลอด พฤติกรรมนอกสภาที่เกิดขึ้นต้องไปติดหนวดแล้ว ส่วนนายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.อยุธยา ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า การเปิดประชุมร่วมรัฐสภาเป็นประโยชน์ แต่ขอให้ยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินก่อน ส่วนนายวิทยา แก้วภราดัย ส.ส.นครศรีธรรมราชพรรคประชาธิปัตย์ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า เมื่อสมาชิกรับได้กับการขอเปิดประชุมรัฐสภาของนายกฯ ก็ไม่มีปัญหา ที่ผ่านมาพวกตนถูกต่อรองและโดนต้มมาแล้ว ดังนั้นขอให้บอกมาเลยว่า จะเอาหรือไม่เอา แต่วันนี้ ขอเสนอญัตติให้ที่ประชุมพิจารณาไปตามระเบียบวาระปกติก่อน

จากนั้นนายชัยจะให้ผู้เสนอญัตติทั้งสองอภิปรายเหตุผล แต่นายธนา ชีรวินิจ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กลับเสนอญัตติ ขอให้สภาตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาพิจารณากรณีส.ส.พรรคเพื่อไทยไปขึ้น เวทีร่วมกับนปช.ยั่วยุปลุกระดมทำให้เกิดความรุนแรงขึ้นในบ้านเมือง ทำให้การประชุมดุเดือด ส.ส.พรรคเพื่อไทยลุกขึ้นมาคัดค้านกันวุ่นวายเพราะเห็นว่า ใช้เทคนิคให้ญัตติก่อนหน้านี้ตกไป โดยนายสุนัย ตอบโต้ว่า เป็นการเล่นเล่ห์เพทุบายบนกองเลือด ทำให้ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์หลายคนลุกประท้วง โต้ตอบว่า "คนหัวขาวคนนี้ เป็นคนนำม็อบบุกสภาเมื่อ 7 เมษายน" ซึ่งนายสุนัย ตอบกลับด้วยความไม่พอใจว่า "ผมไว้ผมสีขาวเหมือพล.อ.เปรมที่พวกท่านนับถือกัน ไอ้พวกนี้นับถืออำมาตย์ที่ทำให้บ้านเมืองเสียหาย เหตุการณ์วันที่ 7 เม.ย.ผมไม่ได้บุกสภา แต่เป็นการวางแผนของรัฐบาล และมีส.ส.ชุมพร พรรคประชาธิปัตย์ถือปืนเข้ามาในสภาด้วย" ทำให้ ส.ส.ประชาธิปัตย์และเพื่อไทย ประท้วงกันวุ่นวาย จนนายชัย กล่าวว่า "พอกันได้แล้ว" หลายครั้ง แต่ไม่มีใครฟัง จึงสั่งพักการประชุมเป็นเวลา 5 นาทีในเวลา 11.30 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเปิดประชุมอีกครั้ง ส.ส.ทั้งสองฝ่ายยังคงปะทะคารมต่อไปอีกครึ่งชั่วโมง โดยฝั่งประชาธิปัตย์ต้องการให้โหวตญัตติของนายธนา แต่นายชัย ยืนยันให้นายพีระพันธุ์ อภิปรายเหตุผลในการเสนอญัตติ โดยนายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ที่เสนอญัตติตั้งกรรมาธิการวิสามัญสอบสวน 10 เมษายน 53 เพราะมีคนตาย 25 เจ็บกว่า 800 คน ทั้งที่นายกฯบอกเสมอว่า จะไม่สลายการชุมนุม แต่ความเป็นจริงกลับเลี่ยงมาใช้คำว่าขอคืนพื้นที่ และตอนแรกบอกจะเอาที่ราชประสงค์ และให้ไปชุมนุมที่ผ่านฟ้า แต่ปรากฏว่า กลับไปปราบที่ผ่านฟ้า แถมยังปิดสื่อ แล้วใช้สื่อรัฐออกข่าวฝ่ายเดียว ทั้งที่สื่อลงว่า นายกฯที่เรียนจบประเทศต้นแบบประชาธิปไตยมือเปื้อนเลือด วันที่ 10 เมษายน รัฐบาลรู้ว่า หากปล่อยให้ถึงกลางคืนจะเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ปล่อย เหมือนเตรียมการจะสังหารประชาชนเพื่อเอาชนะ สุดท้ายเกิดความสูญเสียแต่นายกฯก็ไม่ออกมาแสดงความรับผิดชอบ

ด้าน อรรถพร พลบุตร ส.ส.เพชรบุรี พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายสนับสนุนการพิจารณาไปตามระเบียบวาระ โดยระบุว่า ขอให้สภารอประชุมร่วมกันของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 179 ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองจะหาคำตอบไม่ได้ จะกลายเป็นการเติมเชื้อไฟ ทั้งนี้ วันนี้มีการพูดถึงแก้ว 3 ประการที่ตนไม่อยากให้เกิดขึ้นคือ มวลชน พรรคการเมือง และกองกำลังติดอาวุธ การเรียกร้องให้ยุบสภา ตนเห็นว่าเป็นเรื่องของการใช้ประโยชน์ทางการเมืองเท่านั้น ถ้าวันไหนได้ประโยชน์จากสภาก็ใช้ แต่ถ้าวันไหนไม่ได้ก็บอกให้ยุบสภา แล้วจะให้เชื่อถือได้อย่างไรเหตุการณ์ที่ผ่านมาทั้ง พฤษภาคม 35 และ 10 เมษายน 53 ประชาชนต้องตกเป็นเหยื่อของอำนาจนิยม ซึ่งตนยอมให้เกิดการก้าวไปสู่อำนาจเพื่อคนๆ เดียวไม่ได้ นอกจากนี้กรณีที่อดีตนายกฯ 2 คนคือ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ออกมาพูดเรื่องการขอเข้าเฝ้าฯ ไม่เหมาะสม และทั้งสองคนก็เป็นผู้สั่งฆ่าประชาชนเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 51 ดังนั้นการเปิดสภาเพื่อมาพูดคุยกันเป็นแนวทางที่ถูกต้องแล้ว

จากนั้นได้เปิดให้ส.ส.ฝ่ายละ 2 คนสนับสนุนญัตติ ปรากฏว่า มีการโต้เถียงกันอย่างวุ่นวายนานกว่า 1 ชั่วโมงครึ่ง หลังจาก น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเพราะมีส.ส.ไปขึ้นเวทีให้การสนับสนุนนปช.และในที่สุด ส.ส.ก็พาประชาชนไปตาย สำหรับนายกฯ นั้นได้พยายามแก้ปัญหาอย่างดีที่สุดภายใต้กรอบกฎหมายที่มีอยู่แล้ว และถือเป็นรัฐบาลแรกที่มีคนเสียชีวิตจากเหตุการณ์ แต่ประชาชนยังให้การสนับสนุน และไปให้กำลังใจทหารที่ได้รับบาดเจ็บที่พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลพระ มงกุฏ

ทำให้นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ประท้วงและชี้หน้าน.พ.วรงค์ ว่า เป็นการกล่าวหาส.ส.ทั้งสภาว่าพาคนไปตาย แน่จริงขอให้บอกมาว่าส.ส.คนไหน "ถ้าผมไปชกหน้าคุณแล้วจะว่าอย่างไร" แต่น.พ.วรงค์ตอบโต้ว่า "ผมยังทนฟังที่พวกท่านพูดว่านายกฯ สั่งฆ่าประชาชนได้ แล้วทำไมจึงทนฟังกันไม่ได้กับคำพูดนี้ ทำไมกินปูนร้อนท้อง" ส่วน นายสุนัย ตอบโต้ว่า ถ้ารัฐบาลไม่สั่งให้เอาปืนออกไปยิงประชาชนก็ไม่มีคนตายเกิดขึ้น สุดท้าย นายสามารถ แก้วมีชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1ได้สั่งปิดการอภิปรายและให้ลงมติ ปรากฏว่า ที่ประชุมมีมติ ไม่รับญัตติให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญสอบข้อเท็จจริง 10 เมษายน 53 ด้วยคะแนน 235 ต่อ 137 งดออกเสียง 3 ไม่ลงคะแนน 11 เสียง ถือว่าญัตตินี้ตกไป ทำให้นพ.ชลน่าน ประกาศว่า ถ้าเป็นแบบนี้ฝ่ายค้านก็ไม่ขอสังฆกรรม และนำฝ่ายค้านวอล์กเอาท์จากห้องประชุม


ที่มา.ประชาไท
**********************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น