กลายเป็นเรื่องโจ๊ก ตลกขบขันไปทั้งเมือง เมื่อตำรวจ ระดม บุกจับ"อริสมันต์" และพวก ในโรงแรม เอส ซี ปาร์ค แต่ผลก็คือ ตำรวจถูกจับแทน แล้ว"อริสมันต์"ก็กลายเป็น ไอ้มดแดง โรยตัวลงจากตึก แต่ประเด็นที่ไม่ควรมองข้ามคือ ทำไมต้อง เอส ซี ปาร์ค แล้ว เอส ซี ปาร์ค เกี่ยวโยงถึง ตระกูลชินวัตร อย่างไร ประชาชาติธุรกิจ จะถอดรหัสมาให้อ่าน
10.00 น. วันที่ 16 เม.ย. พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รองผบช.น. พล.ต.ต.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบก.อคฝ. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชน และสืบสวนนครบาล 4 ประมาณ 100 นาย บุกเข้าตรวจค้นในโรงแรม เอสซี ปาร์ค ถ.เลียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ เขตวังทองหลาง กรุงเทพ
หลังรับแจ้งว่า แกนนำนปช.จำนวน 6 คน เข้าไปพักที่โรงแรมดังกล่าว
เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางไปถึง พบว่าแกนนำนปช.ที่พักอยู่ที่ชั้น 3 ของโรงแรม
แกนนำ ดังกล่าว ประกอบด้วย นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง นายสุพร อัตถาวงศ์ นายพายัพ ปั้นเกษ นายวันชนะ เกิดดี นายเจ๋ง ดอกจิก และไม่ทราบชื่ออีก 1 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบตามชั้นต่างๆ คาดว่าทั้ง 6 คน พักอยู่ที่ห้องพักชั้น 3 ของโรงแรม โดยขอให้แขกที่เข้าพักคนอื่นอยู่ในห้องพักอย่างสงบ
ต่อมา กลุ่มเสื้อแดงที่อยู่รอบๆโรงแรมฮือล้อมบริเวณรอบและบุกเข้าในโรงแรมเช่นกัน
แล้ว นายอริสมันต์ ได้โรยตัวหนีจากระเบียงชั้นสามของโรงแรมโดยมีกลุ่มเสื้อแดงรอรับอยู่เบื้องล่าง
นอกจากนี้ เสื้อแดง ยังจับกุม"ตำรวจ"เป็นตัวประกันอีกด้วย
ปฎิบัติการที่ล้มเหลว กลายเป็นเรื่อง ชวนหัวไปทั้งเมือง มีการวิเคราะห์กันว่า ข่าวรวบแกนนำแดง... รั่ว
ปฎิบัติการชวนหัว ทำให้ "อริสมันต์" กลายเป็น ไอ้มดแดง โรยตัว หนีจับกุมของตำรวจ
ทว่า ประเด็นหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม คือ การพยายาม รวบแกนนำ เสื้อแดง ในโรงแรม เอส ซี ปาร์ค
ใคร ๆ ก็รู้ว่า เอส ซี ปาร์ค ถูกใช้เป็นสถานที่ จัดอีเวนต์ ทั้งการเมือง และธุรกิจ ของตระกูลชินวัตร มาโดยตลอด
สมัยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เรืองอำนาจ โรงแรมแห่งนี้ ใช้เป็นที่จัดประชุมพรรค ไทยรักไทย และอาหารจากโรงแรมนี้ ถูกส่งไปให้บริการถึงทำเนียบรัฐบาล
หลังจากพรรคไทยรักไทย ถูกยุบ พรรคพลังประชาชน ก็ยังมาประชุมที่โรงแรมแห่งนี้ จนถึง ปัจจุบัน พรรคเพื่อไทย ก็มายึดที่นี่เป็นที่ประชุมแกนนำ
เช่นเดียวกับ อีเวนต์ของ กลุ่มธุรกิจ ชินวัตร ต่างก็มาใช้บริการที่โรงแรมแห่งนี้มาโดยตลอด
ถามว่า เอส ซี ปาร์ค เชื่อมโยงถึง ตระกูล ชินวัตร อย่างไร ?
จากการตรวจสอบของ"ประชาชาติธุรกิจ" พบว่า โรมแรม เอส ซี ปาร์ค บริหารในรูปบริษัทที่ชื่อว่า บริษัท โซลิค แอสเซท จำกัด
ผู้ถือหุ้น ใหญ่ 149,994 หุ้น หรือ 99.996 % ของ บริษัท โซลิค แอสแซท ก็คือ บริษัท โอ เอ ไอ คอนซัลแตนท์ แอนด์ แมนเนจเม้นท์ จำกัด นั่นเอง
เจาะต่อไป พบว่า บริษัท โอ เอ ไอ คอนซัลแตนท์ ฯ ก่อตั้งวันที่ 27 เมษายน 2533 โรงแรมและภัตตาคาร ทุนจดทะเบียน 700 ล้านบาท ณ วันที่ 30 เมษายน 2552
ผู้ถือหุ้นใหญ่ ก็คือ คุณหญิงพจมาน ถือหุ้น 87.1% บริษัท เอส ซี ออฟฟิซ ปาร์ค จำกัด 12.8%
เหตุนี้เอง" เทพเทือก" จึงสั่งให้ ตำรวจไปลุย เอสซี ปาร์ค เสมือนต้องการ จะบอกว่า ที่นี่คือ แหล่งกบดานของผู้ก่อการร้าย ในความหมายของ ผอ. ศอฉ. ???
ผลพวง อีกประการคือ เทพเทือก ต้องการ ตอกย้ำและบอกกับสังคมไทย ว่า ตระกูลชินวัตร ให้การสนับสนุน กลุ่มคนเสื้อแดง
ถามว่า แกนนำเสื้อแดง พักที่ไหน ก่อนหน้านี้ มีข่าวว่า พวกเขาใช้บริการ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ ที่" พนิดา เทพกาญจน( วัธนเวคิน) ภริยาของ พงษ์เทพ เทพกาญจน คนบ้านเลขที่ 111 ถือหุ้นใหญ่
จนผู้บริหาร ไฮแอท เอราวัณ ต้องออกมา ยืนยันว่า ไม่เคยให้การสนับสนุน และ/หรือให้ที่พักพิงไม่ว่าจะเป็นการชั่วคราวหรือรายวัน แก่แกนนำ นปช. หรือกลุ่มผู้ชุมนุมที่ย่านราชประสงค์
จริงๆ แล้ว ธุรกิจของตระกูลชินวัตร ในปัจจุบัน ไม่ได้กระทบเทือนเท่าใดนัก หลังศาลฎีกาฯมีพิพากษายึดทรัพย์
จากการตรวจสอบครั้งล่าสุด ของ "ประชาชาติธุรกิจ" พบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว ยังมีธุรกิจมูลค่ากว่า 3.3 หมื่นล้านบาท ในประเทศไทย ดังนี้
1.บริษัท โอ เอ ไอ ลิสซิ่ง จำกัด ก่อตั้งวันที่ 17 ตุลาคม 2534 ธุรกิจเช่าซื้อ ทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท ณ วันที่ 29 เมษายน 2552 บริษัท โอเอไอ แมนเนจเม้นท์ จำกัด 54.9% นางสาวพินทองทา ชินวัตร 22.4% นางสาวแพทองธาร ชินวัตร 22.4%
2.บริษัท เอส ซี เค เอสเตท จำกัด ก่อตั้งวันที่ 16 มกราคม 2535 ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ ทุนจดทะเบียน 2,200 ล้านบาท ณ วันที่ 28 เมษายน 2552 นางสาวพินทองทา 96.3% นางสาวแพทองธาร 2.9% คุณหญิงพจมาน 0.7%
3.บริษัท เอส ซี ออฟฟิศ พลาซ่า จำกัด ก่อตั้งวันที่ 29 สิงหาคม 2533 ให้เช่าอสังหาฯ ทุนจดทะเบียน 2,200 ล้านบาท ณ วันที่ 30 เมษายน 2552 นางสาวพินทองทา 95.4% นางสาวแพทองธาร 4.5%
4.บริษัท บี.พี.พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ก่อตั้งวันที่ 16 มิถุนายน 2531 ให้บริการด้านสาธารณูปโภค ทุนจดทะเบียน 340 ล้านบาท ณ วันที่ 30 เมษายน 2552 คุณหญิงพจมานถือหุ้น 49.4% นางสาวพินทองทา 24.3% นางสาวแพทองธาร 14.3% บริษัท เอส ซี ออฟฟิซ ปาร์ค จำกัด 11.7% พ.ต.ท.ทักษิณ 0.07%
5.บริษัท พี.ที.คอร์ปอเรชั่น จำกัด ก่อตั้งวันที่ 21 สิงหาคม 2524 ประกอบธุรกิจให้เช่า-บริการอสังหาริมทรัพย์ ทุนจดทะเบียน 3,700 ล้านบาท ณ วันที่ 30 เมษายน 2552 นางสาวพินทองทา ชินวัตร ถือหุ้น 92.4% นางสาวแพทองธาร ชินวัตร 5.6% คุณหญิงพจมาน 1.8%
6.บริษัท ประไหมสุหรี พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ก่อตั้งวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2533 ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์และบริการสาธารณูปโภค ทุนจดทะเบียน 3,340 ล้านบาท ณ วันที่ 19 เมษายน 2550 นางสาวพินทองทาถือหุ้น 49.8% นางสาวแพทองธาร 49.8% พ.ต.ท.ทักษิณ 0.14% คุณหญิงพจมาน 0.14%
7.บริษัท เวิร์ธซัพพลายส์ จำกัด ก่อตั้งวันที่ 2 มกราคม 2530 ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าและดำเนินการทางธุรกิจ ทุนจดทะเบียน 4,600 ล้านบาท ณ วันที่ 30 เมษายน 2552 นางสาวพินทองทา 51.2% นายพานทองแท้ ชินวัตร 43.4% นางสาวแพทองธาร ชินวัตร 3% คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ 2.1%
8.บริษัท โอ เอ ไอ คอนซัลแตนท์ แอนด์ แมนเนจเม้นท์ จำกัด ก่อตั้งวันที่ 27 เมษายน 2533 โรงแรมและภัตตาคาร ทุนจดทะเบียน 700 ล้านบาท ณ วันที่ 30 เมษายน 2552 คุณหญิงพจมานถือหุ้น 87.1% บริษัท เอส ซี ออฟฟิซ ปาร์ค จำกัด 12.8%
9.บริษัท โอ เอ ไอ เอ็ดดูเคชั่น จำกัด ก่อตั้งวันที่ 5 มีนาคม 2541 มหาวิทยาลัยชินวัตร ทุนจดทะเบียน 2,500 ล้านบาท ณ วันที่ 29 เมษายน 2552 นางสาวพินทองทาถือหุ้น 55% คุณหญิงพจมาน 22.5% นางสาวแพทองธาร ชินวัตร 22.5%
10.บริษัท ทุนนวัตกรรม จำกัด ก่อตั้งวันที่ 13 กันยายน 2542 ประกอบธุรกิจลงทุนในบริษัทต่างประเทศ ทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท ณ วันที่ 30 เมษายน 2552 นางสาวพินทองทาถือหุ้น 28.1% นางสาวแพทองธาร 28.1% บริษัท โอเอไอ แมนเนจเม้นท์ จำกัด 25% คุณหญิงพจมาน 18.7%
11.บริษัท อัลไพน์กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ จำกัด ก่อตั้งวันที่ 30 ตุลาคม 2532 สนามกอล์ฟอัลไพน์ ทุนจดทะเบียน 747 ล้านบาท ณ วันที่ 30 เมษายน 2552 คุณหญิงพจมาน นางสาวพินทองทา นางสาวแพทองธาร ถือหุ้นคนละ 33.3%
12.บริษัท เอส ซี ออฟฟิซ ปาร์ค จำกัด ก่อตั้งวันที่ 21 มีนาคม 2533 ประกอบธุรกิจให้เช่าอสังหาฯ ทุนจดทะเบียน 160 ล้านบาท ณ วันที่ 30 เมษายน 2552 นางสาวพินทองทาถือหุ้น 70% นางสาวแพทองธาร 30%
13.บริษัท โอ เอ ไอ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ก่อตั้งวันที่ 21 เมษายน 2551 ขายเสื้อผ้า ทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท ณ วันที่ 30 เมษายน 2552 บริษัท ประไหมสุหรี พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ถือหุ้น 100%
14.บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งวันที่ 29 สิงหาคม 2546 ธุรกิจอสังหาฯ ทุนจดทะเบียน 3,500 ล้านบาท ณ วันที่ 30 เมษายน 2552 นางสาวแพทองธารถือหุ้น 29.1% นางสาวพินทองทา 28.9% นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ 4.9% คุณหญิงพจมาน 2.8%
15.บริษัท วี.แลนด์พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ก่อตั้งวันที่ 21 มกราคม 2535 ธุรกิจอสังหาฯ ทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น ถือหุ้น 100%
16.บริษัท อัพคันทรี่ แลนด์ จำกัด ก่อตั้งวันที่ 1 พฤษภาคม 2533 ธุรกิจอสังหาฯ ทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น ถือหุ้น 100%
รวมทุนจะเบียน 24,507 ล้านบาท
นอกจากนี้ คุณหญิงพจมานยังมีเงินลงทุนอื่น ประมาณ 870.5 ล้านบาท ได้แก่
บริษัท เดอะ เพนนินซูล่า ทราเวล เซอร์วิส จำกัด 20,000 หุ้น มูลค่า 2 แสนบาท, บริษัท โรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด 2,856,625 หุ้น มูลค่า 285.6 ล้านบาท, บริษัท โรงพยาบาลหริภุญชัย เมโมเรียล จำกัด 100,000 หุ้น มูลค่า 1 ล้านบาท, บมจ.โรงพยาบาลวิภาวดี 3,616,660 หุ้น มูลค่า 8.4 ล้านบาท, กองทุนเปิดไทยพาณิชย์พันธบัตรรัฐบาล 50 ล้านหุ้น มูลค่า 506.5 ล้านบาท, กองทุนเปิดรวงข้าวทวิภาค 5,000,000 หุ้น มูลค่า 36.8 ล้านบาท, พันธบัตรออมทรัพย์ช่วยชาติ ปี 2545 จำนวน 2,000 หน่วย มูลค่า 20 ล้านบาท, MBI INVESTORS LP จำนวน 5,440 หน่วย มูลค่า 12 ล้านบาท (พ.ต.ท.ทักษิณ)
ขณะที่นายพานทองแท้ บุตรชาย ยังมีธุรกิจส่วนตัว 7 บริษัท รวมทุนจดทะเบียน 410 ล้านบาท
1.บริษัท วอยซ์ ทีวี จำกัด แปลงร่างมาจากบริษัท ฮาวคัม เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ก่อตั้งวันที่ 9 ตุลาคม 2546 ทุนจดทะเบียนปัจจุบัน 300 ล้านบาท บริษัท พี.ที.คอร์ปอเรชั่น จำกัด (ของครอบครัว พ.ต.ท.ทักษิณ) ถือหุ้น 56%, นายพานทองแท้ 36.9% นางสาวพินทองทา ชินวัตร (เอม) น้องสาว 7% สำนักงานอยู่ที่อาคารบีบีดี ถนนวิภาวดีฯ แขวงสามเสนใน กรุงเทพฯ
2.บริษัท นิวโอ๊ค จำกัด ก่อตั้งวันที่ 16 มิถุนายน 2546 ร้านถ่ายรูป She@mood ที่สยามสแควร์ ทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท หนุ่มโอ๊คถือหุ้น 100%
3.บริษัท มาสเตอร์ โฟน จำกัด ก่อตั้งวันที่ 9 ธันวาคม 2546 ขายโทรศัพท์มือถือเวอร์ทู ทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท นายพานทองแท้ ถือหุ้นร่วมกับ นายศิธา ทิวารี อดีต ส.ส.กรุงเทพฯ นางสาวสิรอักษร กฤษดาธานนท์ ทายาทกลุ่มอสังหาฯ กฤษดานคร นายไอยคุปต์ กฤตบุญญาลัย และนายนันทสิทธิ์ แจ่มสมบูรณ์ คนละ 20%
4.บริษัท โอคานิท จำกัด ก่อตั้งวันที่ 9 มกราคม 2547 ร้านกาแฟ ทุนจดทะเบียน 35 ล้านบาท นางสาวอุษณา มหากิจศิริ ถือหุ้น 35% นางสาวอุษณีย์ มหากิจศิริ 15% หนุ่มโอ๊ค 19.9% นางสาวพินทองทา ชินวัตร 15% และนางสาวแพทองธาร ชินวัตร 15%
5.บริษัท ฮาวคัม มีเดีย จำกัด ก่อตั้งวันที่ 30 เมษายน 2547 ธุรกิจโฆษณา ทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท บริษัท วอยซ์ ทีวี ถือหุ้น 100%
6.บริษัท ฮาวคัม เอวี จำกัด ก่อตั้งวันที่ 4 ตุลาคม 2547 ธุรกิจบันเทิงและสันทนาการ ทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท บริษัท เอ.วี.ซิสเท็มส์ จำกัด ของนายพลวัฒน์ ศุขจรัส ถือหุ้น 45% บริษัท ฮาวคัม เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ 45% นายกุลพงศ์ บุนนาค 9.9%
7.บริษัท ฮาวคัม สตูดิโอ จำกัด ก่อตั้งวันที่ 15 พฤศจิกายน 2547 รับจ้างผลิตป้ายโฆษณา ทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท บริษัท วอยซ์ ทีวี ถือหุ้น 49.9% บริษัท โอคานิท จำกัด 25% นางเดือนเต็ม กฤษดาธานนท์ 7% นายกฤตพงศ์ ชวาลดิฐ 5% นายมนัสชัย พรโสภากุล 5% นายพานทองแท้ 4% นางสาวอุษณา มหากิจศิริ (บุตรสาวนายประยุทธ มหากิจศิริ เจ้าพ่อเนสกาแฟ) 4%
ขณะที่นายบรรณพจน์ถือหุ้น 2 บริษัท รวมมูลค่าทุนจดทะเบียน 8,150 ล้านบาท ได้แก่
1.บริษัท โอเอไอ แมนเนจเม้นท์ จำกัด ก่อตั้งวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2529 บริการให้คำปรึกษา (ด้านวิศวกรรม) ทุนจดทะเบียน 5,150 ล้านบาท ณ วันที่ 30 เมษายน 2552 นายบรรณพจน์ถือหุ้น 100%
2.บริษัท บี.บี.ดี.พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ก่อตั้งวันที่ 24 ตุลาคม 2549 ให้เช่าอสังหาฯ ทุนจดทะเบียน 3,000 ล้านบาท ณ วันที่ 28 เมษายน 2552 นายบรรณพจน์ถือหุ้น 100%
รวมมูลค่าทั้งหมด (ตามทุนจดทะเบียน) 33,937.5 ล้านบาท
ทั้งหมด พิสูจน์ว่า ตระกูลชินวัตร ยังร่ำรวย มหาศาล แม้ศาลจะยึดไปกว่า 46,373 ล้านบาท
ยังไม่นับ สินทรัพย์และเงินลงทุนในต่างประเทศ ที่ไม่เคยปรากฏต่อสาธารณะ!!!
ฉะนั้นการต่อสู้ รอบนี้ เป็นศึกช้างชนช้าง
ที่มา.ประชาชาติธุรกิจ
**************************************************
พักที่นั่นแล้วผิดด้วยหรือ
ตอบลบ