--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันเสาร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2553

ผู้ก่อการร้าย! ทำลายการทูต

เห็นการทูตไทยวันนี้แล้ว...ทำให้คิดถึง “พระยาโกษาปาน” ผู้ที่ทำหน้าที่ทางการทูตไทยได้อย่างดีและยอดเยี่ยม...จนได้รับคำยกย่องจากฝรั่งเศสและพระนารายณ์มหาราช เพราะหน้าที่การทูตมีมากมายเกินกว่าที่เราจะคิดและรู้จัก...แต่วันนี้ประเทศไทยกลับมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศที่ด้อยคุณค่าในสายตาประชาคมโลก เสียงวิพากษ์วิจารณ์จากนานาประเทศที่แสดงท่าทีต่อเจ้ากระทรวงการฑูต “กษิต ภิรมย์” แล้วเหนื่อยแทนคนไทยทั้งชาติเพราะไม่ว่าเขา

จะไปที่ใดในโลกก็มักจะไปพูดเจรจาไล่ล่าไล่บี้เขาในเรื่อง “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ของไทย ล่าสุด...เวทีโลกที่นิวยอร์ก เขาว่ากันด้วยเรื่องของ “นิวเคลียร์” แต่เจ้ากระทรวงบัวแก้วของเราดันผ่าไปตำหนิประเทศต่างๆ ว่า ไม่ให้ความร่วมมือกับเขาในการไล่ล่า “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” อยากถามดังๆ ตรงๆ ว่า นายกษิต คุณไม่สบายหรือเปล่า?... จู่ๆ ก็ไปพล่ามกลางเวทีโลกว่าตำรวจสากลไม่ให้ความร่วมมือทั้งประเทศรัฐเซีย ประเทศในเขตอาหรับ และ

ประเทศอื่นๆ เพียงแค่ประเด็นเขาเชิญคุณไปพูดกับสิ่งที่คุณพูดมันคนละเรื่องเป็นหนังคนละม้วน หรือว่าภารกิจหลักที่คุณโม้เอาไว้ตั้งแต่ต้นก่อนรับตำแหน่ง คือ “ไล่บี้ทักษิณ” ต่อให้เถียงหัวชนฝาสร้างความ “ร้าวฉาน” ต่อนานาอารยประเทศคุณต้องยอมทำถึงขนาดนั้นเลยหรือ?!ในเมื่อรัฐบาลนี้ไม่ฟังเสียงนานาชาติที่เขามองเห็น...อีกไม่นานประเทศไทยจะต้องปิดประเทศไปเสีย...เพราะสิ่งที่เขาพูดล้วนเป็นความจริงเพียงแต่คนในรัฐบาล “ตามืดบอด” เพราะอำนาจที่มัน

ครอบงำอยู่นั่นเอง...แล้วก็ทำเป็นคนปากดีเอาแต่ใจไม่สนใจต่างประเทศ อย่าลืมว่า...แผนที่ในโลกนี้ประเทศไทยมีเพียงแค่หยิบมือเดียว การที่จะไปแข็งขืนต่อต้านเขาไม่ใช่เรื่องง่าย...และต้องถามต่อว่าประเทศของเราในวันนี้มี “ศักยภาพ” อะไรที่ทำให้ประชาคมโลกเขาน่าปีติชื่นชมบ้างเพราะแม้แต่เรื่องในประเทศของตัวเองยังเอาไม่รอด...นักการเมืองคิดแต่จะแสวงหาอำนาจ...แล้วก็ใช้อำนาจอย่างไม่ลืมหูลืมตา...จนกระทั่งประเทศชาติจะล่มจมด้วยน้ำมือของคนเพียงไม่

กี่คนสุดท้ายยังไปทำตัว “อหังการ์” ให้คนอื่นดูหมิ่นดูแคลนประเทศเราอีกอย่างนั้นหรือการที่อาศัยเวทีโลกไปพูดจาสามหาวอย่างนั้นยิ่งทำให้ “กษิต ภิรมย์” มีแต่เสียกับเสีย เว้นเสียแต่จะปิดประเทศไม่สนใจใคร หากคุณคิดอย่างนั้น...ประเทศไทยของเราจะกลับมาอยู่กันแบบกดขี่ไม่ให้โงหัวลองพิจารณาดูด้วยหน้าที่ของการเป็น “นักการทูต” ว่าประเทศเพื่อนบ้านทั้งลาว กัมพูชา มาเลเซีย วันนี้ความสัมพันธ์ของเรากับของเขายังดีอยู่หรือไม่ หรืออยากจะให้บานปลายไปถึง

ประเทศจีน...เพราะอย่าลืมว่ารัฐเซีย จีน เวียดนาม กัมพูชา ล้วนต่างก็เป็นพันธมิตรที่ดีซึ่งกันและกัน ไม่ทราบว่า “กษิต ภิรมย์” เคยย้อนถามตัวเองด้วยจิตสำนึกแล้วหรือยังว่าทำไมนานาชาติยังอ้าแขนต้อนรับคนไทยที่ชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” และไม่ให้ความร่วมมือกับทางการไทยเลยแม้แต่น้อย ก็เพราะเขาเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วและเขามองออกว่า...สิ่งที่คุณไล่ล่าอยู่นี้มันคือ การเมืองของประเทศไทย แต่คุณก็พยายามไปยัดเยียดว่า “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” เป็น

ผู้ก่อการร้าย...ซึ่งเขาฟังแล้วต่างก็ได้แต่แอบขำในลำคอ ใครกันคือ “ผู้ก่อการร้าย” ซึ่งวันหนึ่งเคยร่วมกันปิดสนามบิน...แต่ถูกยกย่องจากผู้มีอำนาจในประเทศยกย่องให้เป็น “ผู้ก่อการดี”เมื่อเป็นเช่นนี้...ต่างประเทศซึ่งผ่านร้อนผ่านหนาวเข้าสู่ความเป็น “อารยะ” จะมีใครบ้างอยากให้ความร่วมมือกับ “ผู้ก่อการร้าย” ที่ขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีตอบว่าคงไม่มี...ชัดไหม “กษิต ภิรมย์”


ที่มา.บางกอกทูเดย์
*******************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น