...เมื่อรู้ตัวว่าถึงทางตันต้องรีบหาทางออกคือปฏิกริยาปฏิบัติของนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเพราะภัยร้ายแรงของความขัดแย้งระหว่างคนในประเทศ ใกล้จะถึงตัวผู้ถืออำนาจรัฐบาล...
...ภาษาสำนวนลีลาโวหารแปลกไปจากแถลงการณ์ธรรมดา คือ โรดแมปสู่ความปรองดองที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อ่านแถลงทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ เมื่อคืนวันที่ 3 พ.ค. แล้วกลายเป็น “เซอร์ไพร์ส” ของผู้คนทั้งหลายโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากผู้ใหญ่ใน “ประชาธิปัตย์” ควานหาต้นเหตุและที่มาของเรื่องนี้...
...เพราะถูกวิจารณ์หนักจากการสลายม็อบ 10 พ.ย.จนอาจพลิกบทเป็น ทรราช เข้าใจตรงกันถึงข้อมูลลึกและข้อมูลจริงว่า บทบาทใหม่ที่เขียนให้นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เล่นเพื่อให้พลิกกลับจากบทของทรราชกลับมาเป็นพระเอกอย่างเดิม ด้วยการเป็น “ต่อ” ทางการเมืองในฐานะผู้หยิบยื่นให้และฝ่ายผู้ชุมนุม “เสื้อแดง” กลายเป็นฝ่ายเลือก...ต่อจากนี้ไปอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะกลายเป็นคนถูกอย่างเดียว และคนที่เห็นตรงข้ามจะกลายเป็นคนผิดในสายตาของสังคม...
...การบ้านที่ทำยากที่สุดของประกาศไทย คือ เรียกความสงบ สันติ สามัคคีกลับคืนสู่สังคมไทยอีกครั้งจาก สามัคคีมาสู่สมานฉันท์ จนกระทั่งความปรองดองแห่งชาติ ทั้งหมดจะสำเร็จได้ด้วยกุญแจสำคัญดอกเดียวจาก อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เท่านั้นถ้ามีความจริงใจ...
...แต่ต้องไม่ลืมว่า ฉากสำคัญของการเมืองประเทศไทยอยู่ที่ 2 ฉาก...ฉากแรกตอนจบของข้อกล่าวหา “ก่อการร้าย” และ “ล้มสถาบัน” ใครคือ ผู้ชนะ...ฉากสอง คือ ตอนจบของ ผู้ต้องหาคดีของศาลอาญาระหว่างประเทศจะเป็นใคร?...ทั้งสองเรื่องนี้ล้วนตัดสินอนาคตวันข้างหน้าของใครบ้าง? นี่คือยุทธศาสตร์ที่ใช้เป็นเกมการต่อสู้ทางการเมือง เพื่อหนีจาก ผู้แพ้มาเป็นผู้ชนะ จึงท้าทายอนาคตข้างหน้าอย่างยิ่งของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะและสุเทพ เทือกสุบรรณ ก่อนที่อำนาจบริหารที่พันธนาการตัวเองไว้จะหลุดไป...
...เพราะโรดแมปสู่ความปรองดองแห่งชาติ “เสื้อเหลือง” พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถึงรับไม่ได้กับบท ผู้แพ้...พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เลยต้องออกมาเป็นแม่ทัพสู้รบทางสงครามความคิดใหม่อีกหน...
...ในขณะที่การเมืองกำลังจะปฏิรูปครั้งใหม่กองทัพก็ใช่ว่าจะหยุดนิ่งและอยู่เฉยได้ ยิ่งมีความท้าทายมากขึ้นไปอีกเพราะเรื่องทหารฆ่าทหาร ยังสะสางบัญชีไม่จบสมบูรณ์...มด คันไฟ เชื่อว่าหนักที่สุดของการทำงานของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา คือ ประสานรอยร้าวลึกในกองทัพให้ได้ระหว่าง วงศ์เทวัญ กับ บูรพาพยัคฆ์บทพิสูจน์เรื่องนี้ คือระยะเวลาที่ยังเหลือในชีวิตราชการก่อน 30 ก.ย.นี้ จึงมีความหมายและสำคัญอย่างยิ่งรวมไปถึงผู้นำกองทัพอย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีกลาโหมด้วย...
...ส่วนการเมืองกำลังจะนำไปสู่การลงตัวของการหาตัว นายกรัฐมนตรีคนใหม่ต่อจาก อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่าจะเป็นใคร ข่าวว่าถ้าต้องเป็นตัวเลือกของ “ประชาธิปัตย์” น่าจะเป็นบัญญัติ บรรทัดฐาน มากกว่าคนอื่น แต่ถ้าเป็นคนกลางวันนี้ไม่มีใครเกินหน้า พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ถ้า บรรหาร ศิลปะอาชา โอเค...
...การเมืองคือความไม่แน่นอน วันก่อนได้ยินว่า เสนาะ เทียนทอง ออกรอบเล่นกอล์ฟกับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ หลังมีข่าว ป๋าเหนาะ จะเข้า “พรรค เพื่อไทย” อีกครั้ง...
...งาน MONEY EXPO ยังมี สันติ วิริยะรังสฤษฎิ์ บอกมาว่าที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จนถึงวันที่ 9 นี้...-/-...
คอลัมน์.บางกอกกอสซิบมด คันไฟ
ที่มา.บางกอกทูเดย์
****************************************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น