--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันเสาร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

กกต.โต้"ปชป."อ้างเงื่อนเวลา180วันไม่ได้ "แก้วสรร"ชี้เงิน29ล้านปมยุบพรรค รอศาลสั่งถึงเป็นพยานให้

กกต.แย้ง"ปชป."อ้างเงื่อนเวลายุบพรรคไม่ได้ ชี้เอาผิดได้เมื่อความปรากฏต่อ"นายทะเบียน" ยุบตาม ม.93 กฎหมายพรรคการเมือง "แก้วสรร"เผย"ประชาธิปัตย์"ยังไม่ติดต่อให้เป็นพยาน ลั่นถ้าศาลสั่งยินดี ชี้หากยุบอยู่ที่ปม 29 ล้าน

กรณีพรรคประชาธิปัตย์ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในประเด็นข้อกฎหมายถึงอำนาจของนายทะเบียนพรรคการเมืองในคำร้องที่ขอให้ศาลมีคำสั่งยุบพรรคประชาธิปัตย์ที่ถูกกล่าวหาใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง 29 ล้านบาท ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ซึ่งอาจเข้าข่ายกระทำผิดมาตรา 62 และ 65 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2541 และมาตรา 82 และ 93 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2550 ทั้งนี้ ศาลได้ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นคำคัดค้านแก้ข้อกล่าวหาของพรรคประชาธิปัตย์ภายใน 9 มิถุนายนนั้น

นายกฤช เอื้อวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ ของ กกต. ในฐานะคณะทำงานของนายทะเบียนพรรคการเมือง กล่าวเมื่อ วันที่ 28 พฤษภาคม ถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์ยกประเด็นการต่อสู้ในเรื่องอำนาจของนายทะเบียนว่า เป็นหน้าที่ของสำนักกิจการพรรคการเมืองที่ได้รับมอบหมายจะต้องทำการศึกษาและเสนอความเห็นต่อประธาน กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง เพื่อให้ที่ประชุม กกต.พิจารณาให้ความเห็นชอบในการยื่นคำคัดค้านข้อต่อสู้ของพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนที่จะเสนอไปยังศาลรัฐธรรมนูญ

ส่วนกรณีพรรคประชาธิปัตย์ยกข้อต่อสู้ว่า กรณีนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นนานแล้วและเลย 180 วันนับจากวันเลือกตั้ง ซึ่งนายทะเบียนไม่สามารถหยิบยกมาเอาผิดได้ นายกฤชกล่าวว่า กฎหมายไม่ได้เขียนว่าความผิดต้องเกิดขึ้นเมื่อใด แต่เขียนเพียงว่าเมื่อความปรากฏต่อนายทะเบียนเท่านั้น ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์อ้างเรื่องเวลาที่จะต้องเอาผิดภายใน 180 วันนับจากวันเลือกตั้งในปี 2548 นั้น ตรงนี้เป็นข้อโต้แย้งของพรรคประชาธิปัตย์ โดยประเด็น 180 วันเป็นเรื่องการร้องคัดค้านเรื่องค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งที่ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. กำหนดให้ต้องยื่นภายใน 180 วัน นับแต่วันประกาศผลการเลือกตั้ง ซึ่งยอมรับว่าเป็นข้อเท็จจริงหนึ่งที่อยู่ในสำนวน แต่โดยหลักข้อกล่าวหาที่ กกต.ยื่นขอให้ศาลพิจารณายุบพรรคประชาธิปัตย์เป็นกรณีการใช้จ่ายเงินกองทุนพัฒนาพรรคการมืองไม่ถูกต้องตามความเป็นจริงตามมาตรา 93 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง

ผู้สื่อข่าวถามถึงแนวปฏิบัติที่ผ่านมาในการยุบพรรคการเมืองตามมาตรา 93 ของ พ.ร.บ.พรรคการเมือง นายทะเบียนจะต้องมีความเห็นก่อนว่าผิดก่อนถึงค่อยเสนอที่ประชุม กกต.หรือไม่ นายกฤชกล่าวว่า กฎหมายเขียนว่า นายทะเบียนโดยความเห็นชอบของที่ประชุม กกต. ซึ่งที่ผ่านมามีทั้งที่นายทะเบียนมีความเห็นแล้วเสนอต่อที่ประชุม และมีทั้งที่บางกรณีนายทะเบียนตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบและทำเรื่องเสนอต่อที่ประชุมพิจารณา ดังนั้น ตรงนี้ขึ้นอยู่กับศาลจะพิจารณาอย่างไร

เมื่อถามว่า พรรคประชาธิปัตย์อ้างว่า กกต. ไม่เข้าใจว่าพรรคการเมืองที่ต้องเริ่มจัดทำป้ายหาเสียงเมื่อใด นายกฤชกล่าวว่า ตามหลักการหากจะใช้เงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองไปดำเนินการก็จะใช้ได้เมื่อ กกต.อนุมัติแล้วเท่านั้น ไม่สามารถไปจัดทำป้ายไว้ก่อนได้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นประเด็นที่ต้องไปต่อสู้กันในชั้นศาล

นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) และอดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) 2550 กล่าวถึงกรณีนายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะทีมกฎหมายสู้คดียุบพรรค ปชป. ระบุว่า จะดึงให้เป็นพยานในคดีด้วยว่า เพิ่งทราบจากสื่อมวลชน ว่าพรรค ปชป.จะดึงให้เป็นพยาน เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีการติดต่อเข้ามา ทั้งนี้ หากพรรคปชป.ระบุตนไว้ในบัญชีพยาน แล้วศาลออกคำสั่งเรียกคงจะต้องไป แต่ความจริงถ้าเป็นปัญหาเรื่องข้อกฎหมายไม่จำเป็นต้องเรียกตนไป เพราะศาลรัฐธรรมนูญน่าจะวินิจฉัยเองได้อยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ที่อ้างว่าตนเคยบอกว่าพรรค ปชป.จะไม่ถูกยุบ เพราะสู้ข้อกฎหมายได้นั้น ความจริงเป็นเพียงการเขียนบทความถึงหลักกฎหมายกว้างๆ เท่านั้น ทั้งกรณีเงินสนับสนุนพรรคการเมือง 29 ล้านบาท ที่ พ.ร.บ.พรรคการเมืองฉบับเดิม ไม่ได้ระบุให้ตัดสิทธิทางการเมืองของกรรมการบริหารพรรค เพียงแต่ตัดสิทธิห้ามเป็นกรรมการบริหารพรรคเท่านั้น ส่วนกรณีเงินบริจาค 258 ล้านบาท น่าจะเป็นการรับเงินโดยไม่บอก ซึ่งเป็นประเด็นการใช้เงิน แต่ กกต.กลับไประบุความผิดว่าด้วยกฎหมายเกี่ยวกับความมั่นคง ถือเป็นการปรับใช้กฎหมายที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ทำให้คิดว่าหากจะยุบพรรค ปชป.น่าจะมาจากประเด็นเงิน 29 ล้านบาทมากกว่า
ที่มา.มติชนออนไลน์
*********************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น