--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันพุธที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

โรดแมป VS เรดแมป บานไม่หุบ!


ผ่านมา 10 วันแล้วหลังจากที่นายกฯ อภิสิทธิ์ ประกาศ “โรดแมป” แต่การเจรจายังไม่คืบ ทั้งๆ ที่ “เรดแมป” ของกลุ่มคนเสื้อแดงก็ไม่ได้ขัดแย้ง แค่ขอให้ยุติ 2 มาตรฐานเท่านั้น...บนการเชือดเฉือนช่วงชิงอำนาจและผลประโยชน์ทางการเมือง การชิงไหวชิงพริบ ช่วงชิงจังหวะ ช่วงชิงภาพลักษณ์ ถือเป็นสิ่งที่ยอมกันไม่ได้เลย ปรัชญาเมธีทางการเมืองนับแต่สมัยกรีก หรือยุคโรมันรุ่งเรือง ถึงได้บอกว่าการเมืองไม่มีมิตรแท้ ไม่มีศัตรูถาวรแล้วเดิมพันสำคัญในช่วงชิงอำนาจทาง

การเมืองระหว่างรัฐบาลกับกลุ่มคนเสื้อแดง ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทย รวมทั้งบรรดาพรรคร่วมรัฐบาล หรือแม้แต่พรรคการเมืองใหม่ที่ต้องการจะยึดเกาะอำนาจการเมืองขั้วรัฐบาลเอาไว้ให้ได้บ้างสักนิดก็ยังดีมีหรือจะมีใครยอมใคร... มีหรือจะมีใครยอมกระพริบตาก่อนไม่ต้องอื่นไกล ถามแค่ “ยี้ห้อยร้อยยี่สิบ” นายเนวิน ชิดชอบ ที่วันนี้สวมหมวกซีอีโอพรรคภูมิใจไทย สามารถทำงานการเมืองทั้งใต้ดินบนดินได้สารพัด แม้จะถูกตัดสิทธิ์เว้นวรรคทางการเมือง 5 ปี

ก็ตามอิทธิฤทธิ์อิทธิเดชมากมายสารพัดวิชาไสยดำเขมรขนาดนี้ ยังต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เกาะเกี่ยวขั้วอำนาจการเมืองขั้วรัฐบาล... จะต้องหักหลังใคร งูเห่าใคร... ทำได้ทั้งนั้น นี่แหละคือการช่วงชิงทางการเมือง ที่วันนี้เล่นกันแบบสุดๆเมื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ฉวยจังหวะชิงจั่วไพ่ก่อน เปิดแผนปรองดองออกมาสร้างภาพลักษณ์และแต้มบวกทางการเมืองไปก่อนล่วงหน้า ทำได้จริงไม่จริง หมกเม็ดหรือไม่ช่วยไม่ได้ อย่างน้อยที่สุดสังคมส่วนใหญ่ขานรับ

กันอื้ออึงนี่คือก้าวแรกในการปลดล็อกวิกฤติทางการเมือง หากใครไม่เห็นด้วยแสดงว่าไม่อยากให้ปัญหาจบก็เพราะแบบนี้แหละที่ทำให้ ถึงวันนี้ต้องชิงเหลี่ยมกันอุตลุด... แม้แต่แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปช.) ก็ยังต้านกระแสไม่ไหวก็ใครที่ไหนจะดิบเถื่อนเพราะมีเส้นได้อย่าง ม็อบพันธมิตรฯ หรือม็อบหลากสีบ้างล่ะ ที่สามารถออกแถลงการณ์ประณามนายอภิสิทธิ์ และประณามแผนปรองดองได้หน้าตาเฉย... โดยไม่ต้องสนใจว่าสังคมฝากความหวัง

เอาไว้กับการเจรจาโดยสันติแถมสังคมส่วนใหญ่ที่กล้าด่ากลุ่มคนเสื้อแดง ด่ารัฐบาล แต่กับม็อบมีเส้นพวกนี้กลับไม่กล้ายุ่ง ได้แต่หุบปากนิ่งทำตาปริบๆทำให้ม็อบที่ไม่มีเส้นอย่างกลุ่มคนเสื้อแดง ทำได้เพียงรักษารูปมวยไม่ให้เพลี่ยงพล้ำ พร้อมกับทวงจังหวะได้เปรียบกลับคืนมาบ้าง โดยได้มีการทำ “เรดแมป” ออกมาประกบคู่ “โรดแมป” ของนายอภิสิทธิ์ เพื่อให้สังคมได้เห็นว่า การเจรจาโดยสันติ ก็เป็นสิ่งที่คนเสื้อแดงต้องการ เพียงแต่ทุกอย่างควรมีมาตรฐานเดียว... ไม่ใช่

2 มาตรฐาน จนทำให้คนเรือนหมื่นเรือนแสนทนไม่ได้ต้องออกมาทวงความเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงอย่างที่เป็นอยู่ซึ่งจริงๆ 2 มาตรฐานนั้นประชาชนคนไทยจำนวนเป็นสิบล้านๆ คน ก็ล้วนรู้ดีอยู่แก่ใจ ว่ามีพฤติกรรม 2 มาตรฐานอยู่จริงหรือไม่!?!เรดแมป ที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. แดงทั้งแผ่นดิน อ่านมติที่ประชุมแกนนำ นปช. บนเวทีสี่แยกราชประสงค์ เพื่อให้เป็นเงื่อนไขยื่นต่อนายอภิสิทธิ์ พิจารณา ก่อนที่จะประกาศยุติการชุมนุม จึงต้องถือว่าเป็นการขานรับ

กระแสและสวนหมัดไปในตัวว่าทางกลุ่ม นปช. ได้พิจารณา และมีมติเอกฉันท์แสดงท่าทีตอบรับแผนปรองดองโดยทันทีไปก่อนหน้านี้แล้ว เนื่องจากไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นอีก แต่เนื่องจากการหารืออาจจะต้องใช้เวลาและจำเป็นที่การแก้ไขปัญหาจะต้องคำนึงถึงชีวิตคนที่สูญเสียไป เรื่องไม่จบลงแค่การยุติการชุมนุมหรือการยุบสภาเท่านั้น ที่ประชุมแกนนำจึงมีมติอย่างเป็นทางการ คือ1. นปช.แดงทั้งแผ่นดินประกาศตอบรับวันเลือกตั้งใหม่วันที่ 14

พฤศจิกายน 2553 ตามที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯเสนอมาแต่ในช่วงประกาศตอบรับ นปช.ได้ตั้งคำถามว่านายกฯจะกำหนดวันยุบสภาวันไหน เนื่องจากเป็นหน้าที่โดยตรงของนายกฯ ขณะที่การกำหนดวันเลือกตั้งเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งนายอภิสิทธิ์และคนในรัฐบาลได้ออกมาแสดงความเห็นที่ตรงกันว่าวันยุบสภาจะอยู่ในช่วงวันที่ 15-30 กันยายน 2553 นปช. จึงถือโอกาสนี้ ตอบรับวันที่ 15-30 กันยายน เป็นวันที่จะมีการประกาศยุบสภา

โดยไม่มีเงื่อนไขถือเป็นการแสดงความจริงใจในส่วนของ นปช. ที่ต้องการนำพาบ้านเมืองไปสู่สันติ ไม่มีคนบาดเจ็บล้มตาย แต่เรื่องนี้ นปช. มีข้อเรียกร้องเพิ่มเติม คือ แกนนำ นปช. ยืนยันว่าไม่ประสงค์ที่จะรับนิรโทษกรรม ไม่ว่าจะเป็นโทษเล็กรวมไปถึงโทษใหญ่ คือการประหารชีวิต และพร้อมที่จะเดินหน้าต่อสู้ทุกขั้นตอนตามกระบวนการยุติธรรม แต่รัฐบาลต้องปฏิบัติการกระบวนการยุติธรรมให้เป็นมาตรฐานเดียวกันด้วย ซึ่งที่มาของข้อกล่าวหาการก่อการร้ายเกิดจาก

เหตุการณ์ในวันที่ 10 เมษายน 2553 ซึ่งทหารได้ใช้กำลังสลายการชุมนุม มีประชาชนบาดเจ็บ 800 กว่าคน และมีผู้เสียชีวิต 25 คนฉะนั้น นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ที่เป็นผู้สั่งการให้สลายการชุมนุมจนเกิดเหตุดังกล่าว ก็ต้องเดินเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมจากเหตุการณ์ 10 เมษายนเช่นเดียวกัน และเมื่อคดีถึงที่สุด แกนนำ นปช.ถูกตัดสินว่ามีความผิด เราก็ยินดีรับโทษประหารชีวิต แต่ถ้านายอภิสิทธิ์และนายสุเทพถูกดำเนินคดีถึงที่สุด ก็ต้องรับ

โทษประหารชีวิตเช่นเดียวกัน2.กรณีที่ข้อเสนอนายอภิสิทธิ์ มีการระบุถึงสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน กลุ่ม นปช.นั้นพร้อมที่จะประกาศยุติการชุมนุมด้วย แต่เพื่อแสดงความจริงใจ ขอให้รัฐบาลคืนสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีเพิลแชนแนล (พีทีวี) ให้กลับมาออกอากาศได้ตามปกติเหมือนเดิม เพราะข้อเท็จจริงในทางเทคนิคพบว่าขณะนี้พีทีวีพร้อมออกอากาศ เพียงแต่มีขบวนการนอกระบบที่ตัดสัญญาณ ทำให้ไม่สามารถออกอากาศได้และหากมีการจัดตั้งคณะกรรมการที่เข้า

มากำกับดูแลสื่อ เพื่อให้เกิดความปรองดอง พีทีวีก็พร้อมเข้าสู่กระบวนการให้ความร่วมมือกับคณะกรรมการเช่นเดียวกับกรณีของเอเอสทีวี3.สำหรับกรณี พ.ร.ก.บริหารราชการในภาวะฉุกเฉิน ที่รัฐบาลอ้างว่าจำเป็นต้องประกาศ เพื่อรักษาสถานการณ์ไม่ให้เกิดความรุนแรงนั้น ในส่วนของแกนนำเห็นว่าเมื่อรัฐบาลดำเนินการ รัฐบาลก็ต้องตัดสินใจเองว่าจะยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ หรือไม่ เชื่อว่าหากยังไม่ประกาศยกเลิก ยิ่งนานวัน รัฐบาลจะยิ่งถูกกระแสสังคมกดดันมากขึ้นรวมทั้ง

ควรจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการกลางขึ้นมาตรวจสอบหาข้อเท็จจริงถึงสาเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้น เพราะนี่คือสิ่งสำคัญ ทั้งนี้ ข้อตกลงดังกล่าวหากบรรลุผล นปช.จะไม่ถือว่าการที่รัฐบาลประกาศยุบสภาคือ ชัยชนะ และการที่กลุ่มคนเสื้อแดงยุติการชุมนุม ก็ไม่ถือว่าเป็นชัยชนะของรัฐบาล แต่ถือว่าการที่คนไทยทั้ง 64 ล้านคน จะเริ่มต้นหาทางออกจากกับดักของบ้านเมือง ถือเป็นชัยชนะของคนไทยทั้งประเทศดังนั้นจริงๆแล้วจะเห็นว่า ทั้งโรดแมป และ เรดแมป มีจุดที่

สามารถประสานเชื่อมต่อกันได้ไม่ยาก หากทั้ง 2 ฝ่ายเลือกที่จะใช้การเจรจาโยสันติ และไม่ขึงพืดทางความคิดคำถามสำคัญจึงอยู่ที่ว่า วันนี้ผ่านมา 10 วันแล้วนับแต่ที่นายอภิสิทธิ์ ประกาศโรดแมป... แต่ทำไมแรงกดดันจึงยังไม่ผ่อนคลาย และสถานการณ์ยังคงยืดเยื้อจึงไม่แปลกที่สำนักข่าวรอยเตอร์ จะรายงานว่า จนถึงขณะนี้ยังมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดของการชุมนุม เพราะยังมีความพยายามเสนอเงื่อนไขใหม่ๆ เพิ่มขึ้น และอ้างความเห็นของนายปวีณ ชัชวาลพงศ์พันธุ์ นัก

วิชาการรัฐศาสตร์รับเชิญของสถาบันศึกษายุทธศาสตร์ระหว่างประเทศ (ไอเอเอส) แห่งสิงคโปร์ เตือนว่า ยิ่งผู้ชุมนุมปล่อยให้เวลายืดเยื้อออกไป และเพิ่มเงื่อนไขเรียกร้องที่ปฏิบัติตามได้ยากมากขึ้นเรื่อยๆ อาจจะไปเข้าทางของฝ่ายรัฐบาล ซึ่งอาจส่งผลให้ไม่มีการยุบสภาเลือกตั้งใหม่ และส่งกำลังเข้าสลายการชุมนุมในที่สุดหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส/ไอเอชที อ้างการให้สัมภาษณ์ของนายจรัล ดิษฐาอภิชัย หนึ่งในแกนนำผู้ชุมนุม เปิดเผยว่า ยังคงต้องมีการทำความ

ตกลงกันในอีกบางเรื่อง รวมทั้งวิธีการปฏิบัติต่อแกนนำผู้ชุมนุม 24 คนที่ตกเป็นผู้ต้องหาในข้อหาละเมิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.ความมั่นคง กับแกนนำอีก 9 คนที่ถูกตั้งข้อหาก่อการร้ายนายจรัลยอมรับกับนิวยอร์กไทม์สว่า แกนนำมีความคิดเห็นแตกต่างกันอยู่ในขณะนี้ ว่าจะเลิกการชุมนุมหรือไม่น.พ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. แดงทั้งแผ่นดิน พูดชัดเจนว่า หากยุติการชุมนุมแล้ว แกนนำทั้ง 24 คน รวมทั้งนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง พร้อมมอบตัวเข้าสู่กระบวนการ

ยุติธรรม น.พ.เหวง ยืนยันว่า นปช.ไม่ได้เล่นแง่หรือตีรวน แต่เจตนาของการต่อสู้ คือต้องการสร้างประวัติศาสตร์ให้รัฐบาลที่เข่นฆ่าประชาชนถูกดำเนินคดีส่วนการที่นปช.ไม่ยอมรับ ที่นายสุเทพ ไปมอบตัวที่ดีเอสไอ เพราะเห็นว่าไม่ถูกต้อง เนื่องจากคดีสั่งฆ่าประชาชน กคพ. ยังไม่ได้รับเป็นคดีพิเศษ ดังนั้นดีเอสไอจึงไม่มีอำนาจสอบสวนคดีนี้แต่อย่างใดซึ่งการไปมอบตัวของนายสุเทพ ไม่ได้รับทราบข้อกล่าวหา เพราะหากไปมอบตัวต้องถูกพิมพ์ลายนิ้วมือ นปช. รับไม่ได้กับ

การแสดงปาหี่ของนายสุเทพกับดีเอสไอ นปช.พร้อมยุติการชุมนุมทันที หากนายสุเทพเข้ามอบตัวในฐานะผู้ต้องหาคดีสั่งฆ่าประชาชน ดังนั้นสิ่งที่สังคมจะต้องทำในวันนี้ก็คือ หนักแน่นและใจเย็น เพื่อให้กระบวนการเจรจาผ่านพ้นไปด้วยดีให้ได้ข้อยุติ เพราะการใช้อำนาจ หรือการข่มขู่ว่าจะสลายการชุมนุม หรือการสร้างม็อบมาเผชิญหน้า ไม่ใช่ทางออกที่แท้จริงอย่างแน่นอน
ที่มา.บางกอกทูเดย์
..............................................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น