--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันอาทิตย์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

นักวิชาการชี้คดียุบปชป.พิสูจน์อำนาจนอกระบบ

จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้

นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์เชื่อนายกรัฐมนตรีไม่คิดเรื่องยุบสภาเลือกตั้งใหม่เพราะกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ได้เปรียบฝ่ายตรงข้าม และจะใช้อำนาจสร้างเงื่อนไขตัดทอนกำลังพรรคเพื่อไทยให้ลดลงไปเรื่อยๆ แฉข่าววงในคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ตัวช่วยวิ่งเต้นกันฝุ่นตลบ ชี้หากไม่ถูกยุบจะเป็นบทพิสูจน์ว่าอำนาจนอกระบบในประเทศนี้ใหญ่จริง “อภิสิทธิ์” ระบุยุบสภาเมื่อเกิดประโยชน์ต่อบ้านเมือง ย้ำเงื่อนไขเดิมต้องสงบไม่มีการต่อต้าน แต่คงยากเพราะยังมีความเคลื่อนไหวอยู่ “ชวรัตน์” จี้นายกฯแสดงท่าทีใหม่ให้ชัดเจนหลังเงื่อนไขเปลี่ยน

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่รัฐสภาถึงกำหนดการยุบสภาตามแผนปรองดองว่า จะพิจารณาว่าการยุบสภาที่เกิดประโยชน์ต่อบ้านเมืองควรมีขึ้นเมื่อไร โดยมีเงื่อนไขสำคัญอยู่ที่ความสงบเรียบร้อย

“ความจริงตั้งใจจะเดินหน้าแผนปรองดองอย่างจริงจังตั้งแต่ปลายเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา แต่ถึงตอนนี้ยังทำไม่ได้เพราะมีกลุ่มคนที่ประกาศตัวอย่างชัดเจนว่าจะต่อสู้ในรูปแบบต่างๆอยู่ หากเรื่องแบบนี้ยังไม่หมดคงเป็นเรื่องยากสำหรับการปรองดอง”

นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า ในส่วนของผู้ชุมนุมที่มาด้วยความบริสุทธิ์ใจภาครัฐก็พยายามเข้าไปทำความเข้าใจเพื่อให้ได้รับข้อมูลอีกด้านหนึ่ง ซึ่งอยากให้เปิดใจรับข่าวสารให้ครบถ้วน ส่วนกลุ่มติดอาวุธ กลุ่มที่ใช้ความรุนแรง ยืนยันว่าไม่สามารถปรองดองด้วยได้ ต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด

ผู้สื่อข่าวถามว่าแผนปรองดองข้อไหนจะทำให้เห็นเป็นรูปธรรมได้เร็วที่สุด นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า บางเรื่องเป็นเรื่องของโครงสร้างที่ต้องใช้เวลา แต่ต้องเริ่มต้นกระบวนการเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าจะดำเนินการเรื่องต่างๆ อาทิ ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นธรรมในสังคม บางเรื่องก็สามารถทำได้เร็ว เช่น การตรวจสอบข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ บางเรื่องอาจทำได้ช้าเพราะต้องเป็นไปตามกรอบเวลา เช่น เรื่องการเมือง เรื่องปฏิรูปสื่อ เป็นต้น

นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยา พรรคเพื่อไทย เชื่อว่าไม่มีทางที่นายกรัฐมนตรีจะประกาศยุบสภาเพื่อจัดเลือกตั้งใหม่ตามที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้

“ผมเชื่อว่าเรื่องยุบสภาไม่เคยอยู่ในหัวของนายกรัฐมนตรีหรือกลุ่มอำนาจที่ให้การสนับสนุนเลย เพราะชัดเจนว่าหากยุบสภาตอนนี้จะแพ้การเลือกตั้ง ดังนั้น จึงต้องอยู่เพื่อใช้อำนาจในมือตัดทอนกำลังของพรรคเพื่อไทยให้อ่อนแรงลงมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเชื่อว่ากลุ่มอำนาจจะทำทุกวิถีทางที่จะสกัดกั้นไม่ให้พรรคเพื่อไทยเข้ามามีอำนาจ” นายวิสุทธิ์กล่าว

รศ.อัษฎางค์ ปาณิกบุตร นักวิชาการอิสระด้านรัฐศาสตร์ เชื่อมั่นเช่นกันว่านายกรัฐมนตรีจะเบี้ยวสัญญาประชาคมเรื่องยุบสภาแล้วจัดเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ย. นี้แน่นอน โดยโยนความผิดไปให้คนเสื้อแดงว่าไม่รับเงื่อนไข ทำให้นายกฯจะได้อยู่ในตำแหน่งนานเท่าที่ต้องการ

“รัฐบาลนายอภิสิทธิ์กำลังได้เปรียบทางการเมืองเหนือพรรคเพื่อไทยอยู่มาก โดยจะอาศัยความได้เปรียบตรงนี้อยู่ในอำนาจให้นานที่สุดเพื่อให้คนไทยลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและสร้างเป็นเกราะกำบังให้ตัวเอง มีผลทำให้พรรคเพื่อไทยฝ่อไปในที่สุด ส่วนการที่พรรคประชาธิปัตย์ถูกฟ้องยุบพรรคผมเชื่อว่าจะไม่ถูกยุบ เพราะทราบข่าววงในมาว่ามีตัวช่วยวิ่งเต้นกันฝุ่นตลบ ซึ่งถ้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ถูกยุบก็แสดงว่าระบบอุปถัมภ์ในบ้านเมืองนั้นใหญ่จริง” รศ.อัษฎางค์กล่าวและว่า หากถือเอาบรรทัดฐานก่อนหน้านี้พรรคประชาธิปัตย์ต้องถูกยุบ แต่หากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าไม่ยุบจะทำให้ความน่าเชื่อถือขององค์กรต่างๆในประเทศลดลงไปอีก จึงต้องรอดูว่าศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินเรื่องนี้อย่างไร

รศ.สุขุม นวลสกุล นักวิชาการอิสระด้านรัฐศาสตร์ มองต่างมุมว่ารัฐบาลน่าจะอยู่ได้ไม่นาน เพราะนายกรัฐมนตรียังไม่ได้ให้คำตอบที่คนเสื้อแดงต้องการอย่างชัดเจนคือยุบสภาเลือกตั้งใหม่เมื่อไร เมื่อยังไม่มีคำตอบก็ต้องมีการเคลื่อนไหวกันอีก

“การเปลี่ยนรัฐบาลมี 2 วิธีคือ วิธีในระบบกับวิธีนอกระบบ เมื่อรัฐบาลไม่เลือกเปลี่ยนตามวิธีในระบบจะมีการเคลื่อนไหวขับไล่ด้วยวิธีนอกระบบเกิดขึ้นอีก ตรงกันข้ามหากรัฐบาลเลือกเปลี่ยนแปลงตามระบบแม้อาจจะช้าหน่อยแต่หากคนเสื้อแดงไม่ยอมรับความชอบธรรมก็จะมาอยู่ที่รัฐบาล ทีนี้จะอยู่ต่อไปอีกนานเท่าไรก็ได้” รศ.สุขุมกล่าว

นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองตอนนี้เปลี่ยนแปลงไปและมีตัวแปรใหม่เกิดขึ้นมาก ดังนั้น นายกรัฐมนตรีควรแสดงความชัดเจนเรื่องกำหนดการยุบสภาและเลือกตั้งใหม่อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ทราบว่านายกรัฐมนตรีจะนัดหมายแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลหารือกันในเร็วๆนี้ ซึ่งน่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นหลังจากนั้น

นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า ไม่ควรเอาเรื่องยุบพรรคประชาธิปัตย์มาตอบโต้กันบนหน้าหนังสือพิมพ์ เพราะเรื่องนี้อยู่ในอำนาจศาลแล้ว จึงอยู่ที่ดุลยพินิจของศาลว่าจะพิจารณาออกมาอย่างไร

“ขอเตือนบรรดานักวิชาการที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ผ่านสื่อว่ากำลังกระทำเข้าข่ายละเมิดอำนาจศาล และยังไม่เป็นธรรมกับ กกต. อีกด้วย ส่วนพรรคประชาธิปัตย์มีข้อมูลหลักฐานอย่างไรก็ควรเก็บเอาไปพูดในศาล ไม่ควรออกมาพูดข้างนอกให้สับสน” นางสดศรีกล่าวและว่า หากเห็น กกต.ชุดนี้ไม่ดีหรือพิจารณาไม่ได้ดี ควรไปแก้กฎหมายให้ ส.ส. มีวาระนานถึง 10 ปี จะได้ไม่ต้องให้ กกต.ชุดนี้จัดการเลือกตั้ง อยากให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้ามาสมานฉันท์กัน เลิกแบ่งแยก เพราะไม่อย่างนั้นการทำงานของ กกต. จะยากลำบาก เพราะถูกการเมืองจ้องเล่นงาน

**********************************************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น