--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันพุธที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2553

กษิตต้องการเอาเลือดฮุนเซ็นมาล้างตีน


ที่มา – Khmerization
by Sokheounpang

กษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศของไทย เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศไทยที่มีประสบการณ์ด้านการต่างประเทศเป็นเวลานาน ได้ทำงานในกระทรวงต่างประเทศตั้งแต่ปี 2511 จนถึง 2548 รับตำแหน่งเอกอัครราชทูตของไทยประจำประเทศต่างๆในยุโรป อเมริกา มอสโค โตเกียว จาร์การ์ต้า

กษิตยังเป็นหนึ่งในแกนนำและผู้นำของพันธมิตรซึ่งนำการประท้วงซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นปีๆเพื่อขับไล่รัฐบาลของทักษิณ ชินวัตรที่ได้รับเลือกตั้งจากประชาชนโดยตรง

ไม่นานมานี้ ในระหว่างการรณรงค์ของพันธมิตรครั้งสุดท้ายได้มีการเรียกร้องให้เป็น “สงครามนางาซากิ หรือฮิโรชิมา” เพื่อโค่นรัฐบาลที่นิยมทักษิณ และนำไปสู่การปิดล้อมของสนามบิน 2 แห่ง นั่นคือดอนเมืองและสุวรรณภูมิ กษิตเป็นหนึ่งในแกนนำของพันธมิตร กษิตเป็นผู้ที่ร่วมการประท้วงและขี้นเวทีปราศรัยกับกลุ่มคนที่ชุมนุมประท้วง

คำปราศรัยของกษิตไม่เพียงแต่โจมตีทักษิณและผู้นิยมทักษิณ แต่ได้โจมตีถึงคุณธรรมของชาวกัมพูชาในเรื่องเขาพระวิหาร ที่สำคัญที่สุดคือได้โจมตีฮุนเซน ได้เกิดเสียงวิจารณ์และสร้างความกังวลให้กับนักวิชาการและนักการเมืองไทย

จริงๆบางคน เช่นเดียวกับคนไทยทั่วๆไปซึ่งมีความเคารพ มีคุณธรรมและมีเกียรติ ว่าคำปราศรัยของกษิตจะพาประเทศไปเสี่ยงต่อการทำงานในฐานะทูตต่างประเทศหรือความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

จากคำปราศรัยโจมตีฮุนเซน ผมพยายามสืบหาคำพูดดังกล่าว แต่ก็ไม่พบ แต่โชคดีผมไปอ่านเจอในคอลัมภ์ของหน้งสือพิมพ์บางกอกโพสต์วันที่ 10 มกราคม 2552 เป็นหนึ่งในการแสดงความเห็นจากคนที่ใช้ชื่อว่า Charlotte(ชาร์ลอต) ได้แปลและเขียนไว้ว่า

ในระหว่างการปราศรัยที่สนามบินสุวรรณภูมิ “กษิตได้ประกาศกร้าวเสียงดังว่า เขาจะเอาเลือดของฮุนเซนมาล้างตีน”ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ เพราะโดยส่วนตัวแล้ว กษิตเป็นหนึ่งในพวกพันธมิตร กลุ่มเอียงสุดโต่งซึ่งมีการปลุกปั่นในเรืองการเข้ายึดเขาพระวิหารในเดือนกรกฎาคม 2551

การพูดแบบนาซีไม่ใช่เป็นเรื่องใหม่สำหรับคนไทย เพราะในประวัติศาสตร์ไทยได้มีการเขียนและสอน อธิบายว่าคนไทยปฎิบัติต่อชาวกัมพูชาโดยเฉพาะช่วงศตวรรษที่ 16 ซึ่งพระนเรศวรประกาศใช้เลือดของกษัตริย์เชษฐาล้างพระบาทเช่นกัน มีการสอนในโรงเรียนเพื่อจะสร้างเสริมความรักชาติในหมู่คนไทยให้มีความรู้สึกเหนือชั้นกว่ากัมพูชา

และไม่ต้องมีความเกรงกลัวต่อชาวกัมพูชาแต่อย่างใด เป็นที่เชื่อกันว่าคำปราศรัยของกษิตมีเป้าหมายเพื่อจะดึงเอาเรื่องในประวัติศาสตร์มาใช้ เพื่อเป้าหมายทางการเมืองของตน คำปราศรัยของกษิตไม่ได้ถูกตีพิมพ์หรือถูกแปลจากสื่อแต่อย่างใด มีแต่การถูกวิจารณ์และถูกเตือนเรื่องคำพูดแบบคนไร้การศึกษาเท่านั้น

กับคำถามของผมที่ว่า ทำไมคนคนนึงที่มีการศึกษาสูงมีประสบการณ์จากการทำงานระดับชาติและระดับสากล และมีตำแหน่งระดับสูงในรัฐบาลแต่ยังใช้คำพูดถ่อยๆกับผู้นำประเทศอื่นโดยขาดความเคารพ นี่คือคนไทยที่มีการศึกษาหรือ นี่เป็นสิ่งที่คนไทยส่วนใหญ่มองเพื่อนบ้านอย่างนี้หรือ

ผมยังสงสัยว่าฮุนเซนจะคิดถึงคำพูดสามหาวของกษิตอย่างไร และมีปฎิกิริยาตอบต่อกษิตอย่างไรถ้าฮุนเซนทราบเรื่องนี้ และโดยเฉพาะในปลายเดือนมกราคม 2552 ที่จะมีการประชุมกันระหว่างการเยือนกัมพูชาของกษิต ในทางการเมือง

“คำพูดของกษิตไม่เพียงแต่แสดงความเกลียดชังและดูถูกฮุนเซนเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงความเกลียดชังและดูถูกต่อชนชาวกัมพูชาโดยทั่วไปทั้งประเทศด้วย”

โดยส่วนตัว ผมไม่เคยชอบฮุนเซนและในฐานะเป็นคนกัมพูชาหรือเป็นคนซึ่งอาศัยอยู่ในโลกแห่งความเจริญของศตวรรษนี้ ความประพฤติของกษิตถูกนำมามองว่าเป็นคนที่ป่าเถื่อน ไม่เจริญ จองหอง โง่ สัตว์ป่า เป็นนาซี

ซึ่งเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้และจะลืมกันไม่ได้ และกษิตไม่สมควรที่จะเหยียบเข้าไปในประเทศกัมพูชา ไม่ว่าจะเข้าไปโดยตำแหน่งหรือหน้าที่ ที่กษิตจะต้องมีการร่วมงานระหว่างไทยและกัมพูชา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น