--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันเสาร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2553

หรือไม่อยากเป็นมนุษย์?

โดย: นิติภูมิ นวรัตน์

ความกังวลใจกรณีความรังเกียจ เดียดฉันท์ไทยจากประเทศเพื่อนบ้านมีมากขึ้น

นิติ ภูมิไม่ได้นึกเองเขียนเองนะครับ แต่มีผู้คนสำรวจตรวจข่าวจากสื่อมวลชนของเพื่อนบ้านฉบับต่างๆ ต่างเห็นพ้องต้องกันว่า ประเทศไทยในยุคที่พรรคประชาธิปัตย์บริหาร ยุคที่มีนายกรัฐมนตรีชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และมีนายกษิต ภิรมย์ เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศนั้น เป็นยุคที่ภาพพจน์ของรัฐไทยตกต่ำย่ำแย่ที่สุด

หลาย ชาติที่เคยมีสถานะในแวดวงระหว่างประเทศด้อยกว่าเรา เดี๋ยวนี้กลับมีสถานะแข็งแรงขึ้น ได้รับความร่วมมือดีขึ้น เสพจากสื่อของรัฐบาลไทย ท่านอาจจะมองว่ากัมพูชาเป็นประเทศราคาน้อยด้อยค่ากว่าไทย ทว่าในความเป็นจริง เดี๋ยวนี้เขมรผงาดความน่าเชื่อถือขึ้นมาเป็นเบอร์ต้นๆ ในแวดวงระหว่างประเทศแล้ว

พ.ศ.2553 นี่แหละ ที่กัมพูชาจะเป็นเจ้าภาพจัดการซ้อมรบกับชาติสำคัญในโลกมากกว่า 20 ประเทศ ประเทศที่ดูเหมือนจะตื่นเต้นมากในการกระดิกพลิกตัวของกัมพูชาในครั้งนี้ก็ คือสหรัฐอเมริกา เพราะสหรัฐฯ ทุ่มเงินทั้งหมดในการช่วยกัมพูชาในการซ้อมรบใน พ.ศ.2553 โดยที่ตนกระโจนเข้าร่วมซ้อมรบในครั้งนี้ด้วย

เป็นธรรมดาละครับ เมื่อชาติต่างๆเห็นว่าประเทศไทยในปัจจุบันทุกวันนี้อ่อนแอ มีรัฐบาลที่พึ่งพาไม่ได้ คบหาสมาคมไปก็ไร้ประโยชน์ ก็หันไปคบประเทศอื่น ผมตามคำวิเคราะห์ของสื่อหลายประเทศ และพอทราบการวิเคราะห์ของรัฐบาลของบางชาติมหาอำนาจ พวกนี้เชื่อว่า ปีหน้า พ.ศ.2553 อำนาจการบริหารชาติบ้านเมืองของไทยจะกลับไปอยู่สู่กลุ่มเดิม และจะอยู่อย่างมั่นคงยาวนาน

หลายคนเชื่อว่าโครงสร้างทางอำนาจของประเทศไทยจะเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง และเริ่มไม่เชื่อมั่นประเทศไทย

ทว่า มีความเชื่อมั่นในกัมพูชา จดหมายเชิญจากผู้คนสำคัญในรัฐบาลจึงถูกส่งมาที่กัมพูชาไม่เว้นแต่ละวัน รัฐบาลของรัสเซียก็เหมือนกัน เห็นความสำคัญของกัมพูชา จึงส่งจดหมายเชิญมาขอให้ผู้นำเขมรทุกระดับไปเยือนรัสเซีย

4-10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จเฮง สำริน ประธานรัฐสภาแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา จึงบินไปเยือนรัสเซีย โอ้โฮ ทางรัสเซียต้อนรับขับสู้อย่างใหญ่ยิ่ง มีการหารือข้อราชการบานเบอะเยอะแยะ

นักลงทุนรัสเซียจำนวนไม่น้อย ตอนนี้กระดิกพลิกตัวจะมาลงทุนในกัมพูชา บริษัทท่องเที่ยวรัสเซียให้สัญญาว่าจะโปรโมตท่องเที่ยวกัมพูชาให้ระเบิด เถิดเทิง โดยเฉพาะพวกสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติและทางประวัติศาสตร์

รัสเซียมองว่าต่อไปในอนาคต ตนจะสามารถพึ่งพากัมพูชาได้เป็นเรื่องเป็นราว จึงประกาศยกหนี้ให้กัมพูชาทั้งหมด 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ขณะ ที่ความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยและกัมพูชาแหลกสลายตายอยู่ในมือของนาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายกษิต ภิรมย์ แต่ความสัมพันธ์ของเขมรกับเพื่อนบ้านอื่นๆกลับงอกงามอย่างดี มีความเจริญอย่างยิ่ง ไม่ว่ากะเวียดนาม ลาว พม่า มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ บรูไน และสิงคโปร์

เสาร์ 26 ธันวาคม 2552 นายกรัฐมนตรีเหวียน เติ๋น สุง ของเวียดนาม และสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กอดกันกลมในงานวันร่วมกันเป็นประธานการประชุมการลงทุนเพื่อส่งเสริมความร่วม มือระหว่างกัน เมื่อไล่นับมูลค่าของโครงการทั้งหมดที่บันทึกไว้ในวันนั้นมากถึง 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มากกว่า 2 แสนล้านบาทแล้ว BIDV หรือธนาคารเพื่อการลงทุนและพัฒนาของเวียดนาม ก็กระดิกพลิกตัวอย่างแรงเพื่อหาเงินให้นักธุรกิจเวียดนามเข้าไปลงทุนในแผ่น ดินกัมพูชา

ขณะที่มหาอำนาจชาติสำคัญและประเทศเพื่อนบ้านทั้งหลายทั้ง ปวง ต่างเร่งสร้างและลงนามในบันทึกข้อตกลงกับเขมร แต่คณะรัฐมนตรีไทยซึ่งมีนโยบายหลักคือการไล่จับคนคนเดียว กลับมีมติเห็นชอบยกเลิกบันทึกข้อตกลงที่ทำขึ้นเมื่อ 18 มิถุนายน พ.ศ.2544 ว่าด้วยเขตพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลอ่าวไทย

เขียนรับใช้ถึงตรงนี้แล้ว นิติภูมิก็อยากเรียนถามท่านว่า ไม่มีใครในคณะรัฐบาลไทยทราบเลยหรือ ว่าราชอาณาจักรไทยเป็นนิติรัฐและเป็นสมาชิกสหประชาชาติ ที่ต้องเคารพในสิ่งที่ได้ให้คำมั่นสัญญาไปแล้ว

ผมไปที่ไหนมีคนถาม เรื่องรัฐบาลไทยสมัยปัจจุบันทุ่มทุนไล่ล่าคนคนเดียว เป็นปีแล้วยังล่าได้ไม่สำเร็จ ทั้งๆที่มีผู้คนนับหมื่นเรือนแสน และมีเงินเป็นพันเป็นหมื่นล้านไปใช้ซื้อเครื่องมือไล่ล่า

คำประกาศยก เลิกบันทึกข้อตกลงของรัฐบาลไทย ทำให้นักกฎหมายหลายประเทศหัวร่องอหาย ว่าอะไรเกิดขึ้นกะรัฐบาลไทยที่นอกจากแกว่งเท้าหาเสี้ยน ทะเลาะกับเพื่อนบ้านแล้ว ยังกล้าละเมิดต่อหลักการกฎหมายระหว่างประเทศและขนบธรรมเนียมประเพณีที่ทุก ชาติรัฐในโลกมนุษย์ปฏิบัติติดต่อกันมาช้านาน

หรือว่าหลายคนในรัฐบาลไทยชุดนี้อยากจะเลิกเป็นมนุษย์?

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น