--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันจันทร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2553

การเมืองปีเสือ ดุกว่าที่คิด!

ที่มา:บางกอกทูเดย์
การเมืองปีเสือดูเหมือนว่าเสือตัวนี้จะ “ดุ” ตั้งแต่ต้นปี...เมื่อมีเสียงขู่จาก “เสือเฒ่า ” อย่าง “ปู่จิ้น ”ชวรัตน์ชาญวีรกลูหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และ “เนวิน ชิดชอบ” แกนนำพรรคภูมิใจไทยที่ออกมาเดินเกมรุกและทวงถาม 1 ใน 4 เงื่อนไขที่แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ รับปากจะดำเนินการก่อนที่ตกลงจัดตั้งรัฐบาลนั้น

คือ ข้อตกลงใจที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 ใน 6 ประเด็นตามที่คณะกรรมการสมานฉันท์ฯ เสนอแต่หากพรรคประชาธิปัตย์เลือกซื้อเวลาต่อไป...พรรคภูมิใจไทยก็อาจจะมีการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง โดยกล่าวทิ้งท้าย เพราะเกมการเมืองอะไรก็เกิดขึ้นได้ยังไม่รวมถึงท่าทีของ “พรรคเพื่อแผ่นดิน” และ “พรรคชาติไทยพัฒนา” ที่สะท้อนผ่านโฆษกพรรคที่พูดชัดเจนว่า พร้อมจะสนับสนุนพรรคเพื่อไทย หากเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญและนำฉบับปี 2540 มาใช้พร้อมยืนยันไม่

ได้ท้าทาย!แต่ที่ผ่านมา พรรคชาติไทยพัฒนา ก็ลดเงื่อนไขการแก้ไขรัฐธรรมนูญมามากแล้ว ดังนั้นหากพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่เห็นด้วยที่จะแก้ไข หรือยื้อเวลา พรรคชาติไทยพัฒนาก็จะไปจับมือแก้ไขกับพรรคอื่นแทนหากหลังปีใหม่ยังไม่มีความคืบหน้า จะทวงถามนายกรัฐมนตรีอีกครั้งนอกจากนี้ยังรวมถึงการปรับคณะรัฐมนตรีที่จะเกิดขึ้นหลังจากวิทยา แก้วภราดัย ต้องลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ มานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยจากพรรค

ภูมิใจไทย ที่กำลังรอการตัดสินใจจากผู้ใหญ่ของพรรคจากผลสอบของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการไทยเข้มแข็ง ที่มี น.พ.บรรลุ ศิริพานิช เป็นประธาน สรุปว่าทั้ง 2 คน เปิดช่องให้มีการทุจริตคอร์รัปชั่นซึ่งแม้กระบวนการสอบสวนจะยังไม่เริ่มต้นและผู้ถูกกล่าวหายังไม่มีโอกาสชี้แจงแต่นายวิทยา ก็ชิง “ตัดกระแส” ด้วยการแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง เพราะไม่ต้องการให้กระทบต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลเหล่านี้ ต่างเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้เกิด

แรงกระเพื่อม ทั้งต่อพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคร่วมรัฐบาล เพราะต่างก็ต้องการที่จะเป็นรัฐมนตรีเกมการเมืองจะร้อนแรงขึ้นอีกระดับหนึ่งเมื่อผสมกับ 2ปัจจัยแรก โดยในสมัยประชุมสภาที่จะเปิดขึ้นในวันที่ 21 มกราคมเป็นต้นไปพรรคฝ่ายค้านจะยื่นญัตติเพื่อขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เพื่อตีแผ่ให้สังคมรับรู้ข้อบกพร่องของรัฐบาล ทั้งเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น และการไร้ประสิทธิภาพในการบริหารงานการเคลื่อนไหวในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ จะสอดประสาน

กับการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ประกาศชุมนุมขับไล่รัฐบาล ตั้งแต่กลางเดือนมกราคมนี้เป็นต้นไปแต่ความเคลื่อนไหวนอกสภาเหล่านี้ อาจจะไม่ส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง“ขณะนี้พรรคร่วมรัฐบาลเกาะกลุ่มกันเหนียวแน่นมากขึ้นทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการตัดสินใจทางการเมืองซึ่งหากข้อมูลในการอภิปรายฯ ของฝ่ายค้าน มีนํ้าหนักมากพอที่จะชี้ให้เห็นถึงการทุจริตคอร์รัปชั่นในรัฐบาลได้ อาจเป็นปัจจัยที่พรรคร่วมฯ อาจนำมาพิจารณาว่าจะยก

มือสนับสนุนรัฐบาลหรือไม่” เสียงจากคนในพรรคร่วมรัฐบาลปัจจัยทางการเมืองทุกอย่างจะดำเนินการก่อน วันประกาศผลตัดสินคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรซึ่งกำลังงวดเข้ามาทุกขณะ และมีแนวโน้มว่าจะสามารถตัดสินได้ภายในไตรมาสแรกของปี 2553แต่ดูเหมือนว่าปัจจัยภายนอกที่กำลังกระหนํ่ารัฐบาลยังมีผลสู้ปัจจัยภายในไม่ได้จึงไม่แปลกที่แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลหลายคน ที่เมื่อวันที่3 ม.ค.ที่ผ่านมา มีรายงานว่า ไปรวมตัวและหารือ

กันที่บ้านริมนํ้าของ “นายสุชาติ ตันเจริญ” แกนนำกลุ่มบ้านริมนํ้า เพื่อประเมินสถานการณ์ทางการเมืองสอดคล้องกับท่าทีล่าสุดของ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ที่ออกมาส่งสัญญาณว่าปัจจัยภายนอกจะไม่ส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาล แต่หากเป็นความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาล จะเป็นสิ่งเดียวที่ล้มรัฐบาลได้ภาพการเมืองในปีนี้จึงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับรัฐบาลโอบามาร์ค ที่จะประคับประคองรัฐนาวาอภิสิทธิ์ ถึงฝั่งฝันได้ เพราะเกมการเมืองปีเสือ “ดุกว่าที่คิด” 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น