เครือข่าย ปชช.ตะวันออกแฉ กลุ่มนักลงทุนยักษ์ใหญ่มาบตาพุดหนุนหลังมวลชน เคลื่อนไหวปกป้องผลประโยชน์ ใบปลิวโจมตี กก.4 ฝ่ายว่อนพื้นที่ ปลุกต้านทำเอชไอเอ ผู้บริหารแบงก์กสิกรชี้เจโทรมองไทยไม่น่าลงทุน ถือเป็นสัญญาณเตือนอย่าชะล่าใจ
นายสุทธิ อัชฌาศัย ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก และกรรมการเพื่อแก้ปัญหาการปฎิบัติตามมาตรา 67 วรรค 2 ของรัฐธรรมนูญ หรือกรรมการ 4 ฝ่าย ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 7 มกราคม ที่สำนักงานเครือข่ายฯ อ.เมือง จ.ระยองว่า การประชุมคณะกรรมการฯครั้งที่ผ่านมา ได้ข้อยุติเรื่องการตั้งองค์กรอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพแล้ว หลังจากนี้รัฐบาลจะนำเนื้อหารายละเอียดจากการประชุมกรรมการ 4 ฝ่าย เข้าสู่พิจารณากฏหมายในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป ระหว่างนี้ต้องจัดตั้งองค์กรอิสระชั่วคราวก่อน เพราะกว่าสภาฯจะพิจารณาผ่านความเห็นชอบต้องใช้เวลานาน 2 ปี ทั้งนี้มอบหมายให้คณะกรรมการกฤษฏีกาไปพิจารณายกร่างการจัดตั้งองค์กรอิสระชั่วคราว
นายสุทธิกล่าวว่าขณะนี้นในพื้นที่มาบตาพุดมีความกังวล เนื่องจากมีการสร้างความปั่นป่วนโดยการทิ้งใบปลิว ข้อความเช่น การประกาศเขตควบคุมมลพิษ ทำให้ชาวมาบตาพุดเกิดความเสียหายทางด้านเศรษฐกิจ การจัดตั้งคณะกรรมการ 4 ฝ่ายและองค์กรอิสระโดยไม่มีชาวบ้านมาบตาพุดเข้าไปมีส่วนร่วมเท่ากับรัฐบาลสร้างความไม่เป็นธรรมกับชาวมาบตาพุด นอกจากนี้ยังระบุ คณะกรรมการ 4 ฝ่ายและองค์กรอิสระยังจะให้โรงงานต่างๆทำรายงานผลกระทบด้านสุขภาพหรือ เอชไอเอกับชาวมาบตาพุดอีกหรือ ชาวมาบตาพุดจักต้องร่วมกันต่อต้านความไม่ชอบธรรม โดยการไม่เข้าร่วมทำ เอชไอเอ จนกว่าจะให้ชาวมาบตาพุดมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา
นายสุทธิ กล่าวว่าประธานชุมชนมาบตาพุด 18 ชุมชน ร่วมลงชื่อเพื่อที่จะนำไปยื่นหนังสือต่อรัฐบาลที่ทำเนียบรัฐบาล พยายามที่จะขอเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการ 4 ฝ่าย ซึ่งก็อยากให้เข้ามาร่วมรับฟังเพื่อให้เกิดข้อยุติในข้อพิพาททางกฎหมายรัฐธรรมนูญ
"คณะกรรมการ 4 ฝ่ายไม่มีงบประมาณอยู่ในมือ อยากจะทำความเข้าใจกับกลุ่มดังกล่าว แทนที่จะนำข้อเสนอที่เป็นประโยชน์แก่คณะกรรมการเพื่อผลักดันรัฐบาลจะดีกว่า การที่กลุ่มนิรนามออกใบปลิวโจมตีคณะกรรมการ 4 ฝ่าย พร้อมต่อต้านไม่ให้ความร่วมมือในการทำ เอชไอเอ อยากถามว่ากลุ่มนิรนามต้องการอะไร ผมจะนำรายชื่อกลุ่มพวกนี้ถ่ายเอกสารแจกทั่วเมืองระยองว่ากลุ่มนิรนามกลุ่มนี้มีพฤติกรรมเช่นไร พร้อมกันนี้ทางเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออกกำลังรวบรวมผลงานที่เราทำมาทั้งหมดลงแผ่นวีซีดี โดยประมาณเดือนกุมภาพันธ์นี้จะจัดส่งถึงมือคนระยองทั้งหมดกว่า 4 แสนคน" ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออกกล่าว
นายสุทธิ กล่าวว่ากลุ่มนักลงทุนยักษ์ใหญ่ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดกำลังเดินสายสนับสนุนกลุ่มมวลชนมาบตาพุด ให้ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง รวมทั้งพยายามให้ชาวบ้านที่ร่วมฟ้องคดี ให้ร่วมลงชื่อถอนฟ้อง รายละ 3,000 บาท โดยนำเอกสารมาให้เซ็นชื่อว่าไม่ประสงค์จะดำเนินคดีกับผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 8 ราย
ขณะที่นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า กรณีที่ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่นหรือเจโทรกรุงเทพฯ มองว่าประเทศไทยไม่น่าลงทุน เนื่องจากปัญหาการเมืองที่ยืดเยื้อและความไม่แน่นอนด้านกฎเกณฑ์การลงทุน โดยเฉพาะปัญหาจากการลงทุนในโครงการมาบตาพุดนั้น มองว่าเป็นสัญญานเตือนให้ไทยต้องระวัง และไม่ควรชะล่าใจเด็ดขาด ซึ่งเรื่องเหล่านี้ส่วนหนึ่งเกิดจากความไม่แน่นอนด้านการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งไทยต้องยอมรับ แต่เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อความเชื่อมั่นด้านการลงทุนอย่างแน่นอน เนื่องจากไทยมีอะไรดีที่น่าสนใจให้มาลงทุนมาก แต่ผู้ที่เกี่ยวข้องต้องช่วยกันแก้ไข
นายประสารกล่าวว่า ปัญหามาบตาพุด ถือเป็นบทเรียนที่ไทยต้องหาทางแก้ไขด้านกฎเกณฑ์การลงทุน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นทั้งนี้กรณีที่ปตท.และเอสซีจีเคมิคอลส์จะหารือกับธนาคารต่างๆเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ภายหลังได้รับผลกระทบจากชะลอโครงการในมาบตาพุดนั้น ขณะนี้ยังไม่มีการเจรจาในเรื่องดังกล่าว แต่หากบริษัทต้องการเข้ามาปรับโครงสร้างจริง เชื่อว่าจะไม่มีปัญหา ซึ่งการขอปรับโครงสร้างหนี้ เป็นเรื่องธรรมดาของสินเชื่อ เมื่อมีปัญหาที่ไม่สามารถดำเนินการตามตารางที่วางไว้ ก็ต้องเข้ามาคุยกันอยู่แล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น