หมายเหตุ : ตัดบางตอนจากรายงานพิเศษ เรื่อง 2 พ่อบ้านจาก ชินคอร์ป บัณฑูร-นิวัฒน์ธำรง แสงและลมใต้ปีก ยิ่งลักษณ์ ในตึกไทยคู่ฟ้า จากหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ
ภายหลังที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ ให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ รมต.ที่เกี่ยวข้องโยกย้าย "นายถวิล เปลี่ยนศรี" อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ไม่ชอบด้วยกฎหมาย พ้นสภาพนายก และรมต.เฉพาะตัว
ครม.จึงมีมติโดยอาศัยอำนาจตามพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน มาตรา 10 ให้ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ปฎิบัติหน้าที่รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ปฎิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี
นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล เขาเป็น "ลูกหม้อ" ของตระกูล "ชินวัตร" มาตั้งแต่ปี 2544
เคยเป็นผู้จัดการทั่วไป บริษัท ชินวัตร คอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด และดูแลบริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล บรอดคาสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (ไอบีซี), บริษัท ชินวัตร ไดเร็คทอรี่ส์ จำกัด บริษัท มูฟวิ่งซาวนด์ จำกัด บริษัท ชินวัตร แซทเทลไลท์ จำกัด บริษัท เอสซี แมทช์บอกซ์ จำกัด และได้รับตำแหน่งรองประธานกรรมการบริหารกลุ่มชิน คอร์ปอเรชั่น
งาน (สื่อ) มวลชน-งานภาพลักษณ์ และกิจกรรมสัมพันธ์ ล้วนเคยเป็นหน้าที่ของ "นิวัฒน์ธำรง" ในฐานะอดีตประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) และรองประธานกรรมการบริหาร บริษัทในเครือชิน คอร์ปอเรชั่น (ชินคอร์ป)
ยุคหลังรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เขาหลบมรสุมการเมืองเข้าสู่ร่มพระธรรม ด้วยการไปบวชที่วัดป่าพุทธพจน์หริภุญไชย จ.ลำพูน
ในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2554 เขาได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคเพื่อไทย
ปรากฏตัวเคียงข้าง "น.ส.ยิ่งลักษณ์" ตั้งแต่ก้าวแรกที่ก้าวออกจากตึกชินวัตรจนถึงทำเนียบรัฐบาล
ข้าราชการในทำเนียบรัฐบาลรายงานว่า ตั้งแต่เขาชนะการเลือกตั้ง "นิวัฒน์ธำรง" นั่งหัวโต๊ะประชุมกับข้าราชการระดับสูงไปแล้ว 3 ครั้ง
ทั้งตระเตรียมพิธีการรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี
ทั้งแจกแจงงานที่เป็นนโยบายของพรรคที่อยู่ภายใต้การกำกับของสำนักนายกรัฐมนตรี
ทั้งพิจารณางานบุคคล-นักบริหาร ระดับซี 10 ขึ้นไปในทำเนียบ ที่บางคนอาจต้องเก้าอี้ร้อน บางคนอาจต้องสลับ-ปรับตำแหน่งใหม่
"นิวัฒน์ธำรง"ต้องสวมบทคล้าย "นายผดุง ลิ้มเจริญรัตน์" เลขาฯส่วนตัว-คนสนิทของ "พ.ต.ท.ทักษิณ"
ในตอนนั้น นิวัฒน์ธำรง ถือว่าเป็นดั่งลมใต้ปีกที่คอยประคองนกเหล็กที่ชื่อ "ยิ่งลักษณ์" ที่ตอนนี้โดนหักปีกเสียแล้ว
ที่มา.ประชาชาติธุรกิจ
------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น