--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

สิ้นดาบ ศาล รธน. - ปปช. กปปส.ก็ถึง ทางตัน !!?

ศาลรัฐธรรมนูญ ได้สร้างประวัติศาสตร์สำคัญเอาไว้กับการเมืองไทยอีกครั้ง เมื่อมีคำวินิจฉัย ให้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ รัฐมนตรี ที่เกี่ยวข้อง กับการโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนสี จากตำแหน่งเลขาธิการสภาความั่นคงแห่งชาติ มาเป็นที่ ปรึกษานายกรัฐมนตรี ต้องพ้นจากตำแหน่ง

แม้หลายฝ่ายในสังคมจะมองว่า การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ถือเป็นเรื่องปกติของการบริหารประเทศ เนื่องจากฝ่ายบริหารจะต้องใช้บุคลากรที่ตรงกับความต้องการและเป้าหมายของงาน ที่จะต้องดำเนินการตามนโยบายให้มีประสิทธิ์ภาพ

นอกจากนี้ยังมีการตั้งข้อสังเกตกันอย่างกว้างขวางว่า ในรัฐบาลชุดก่อนหน้า คือ รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็มีการโยกย้าย พล.ท.สุรพล เผื่อนอัยกา จากตำแหน่ง เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ มาอยู่ในตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีเช่นเดียวกัน กลับไม่เคยมีองค์กรใด มาดำเนินการกับการกระทำของรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในครั้งนั้นแม้แต่น้อย

ทำให้ทันทีที่จบคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในเรื่องนี้ คำถามถึง มาตรฐาน ขององค์กรอิสระ และกระบวนการยุติธรรม ของประเทศไทย ก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง

ไม่เพียงเท่านั้น ในวันต่อมา 8 พฤษภาคม 2557 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติป.ป.ช. ก็วินิจฉัยชี้มูลความผิดนายกรัฐมนตรี ในกรณีโครงการรับจำนำข้าว และส่งเรื่องให้ วุฒิสภา ดำเนินการถอดถอนออกจากตำแหน่ง

ซึ่งก็ทำให้เกิดคำถามสำคัญขึ้นอีกครั้งว่า การที่ ป.ป.ช. ดำเนินการไต่สวนและพิจารณาชี้มูลความผิดโครงการรับจำนำข้าว โดยใช้เวลาไม่กี่วัน ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับ คดีทุจริตโครงการระบายข้าวสารในสต็อกรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2552-2553 แต่ ป.ป.ช. กลับอ้างว่า เอกสารหลักฐานน้ำท่วมหาย และยังไม่ดำเนินการใดๆ นั้นแท้ที่จริงแล้ว ป.ป.ช. ยังคงมีความ เป็นกลาง-เป็นธรรม-ยุติธรรม หรือไม่

แต่แม้ ศาลรัฐธรรมนูญและ ป.ป.ช. จะดำเนินการกับ นายกรัฐมนตรี ในช่วง 2 วันติดกันนั้น แต่ก็ยังไม่สามารถ โค่นล้มรัฐบาล” ลงได้ เพราะ คณะรัฐมนตรี ครม. บางส่วน ยังคงรักษาการในตำแหน่ง ต่อไป

ซึ่งเท่ากับว่า สุญญากาศ ทางการเมือง ที่จะทำให้ ม็อบ กปปส. และ กลุ่ม ส.ว.ลากตั้ง รวมหัวกัน ผลักดัน นายกฯ ม.7 นั้นยังไม่สามารถเป็นไปได้โดยง่าย

ซ้ำร้ายดูเหมือน เมื่อหมด ดาบของ ศาลรัฐธรรมนูญ และ ป.ป.ช. ในครั้งนี้ไป กลับยิ่งทำให้หนทางไปสู่ เป้าหมายล้มประชาธิปไตย ของ ม็อบ กปปส. นั้น ปิดตาย ลงในทุกหนทาง

กลับกัน หนทาง ที่เริ่มเห็น แสงสว่าง เด่นชัดขึ้นมาอีกครั้ง นั่นก็คือ การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย เพราะทั้งคนไทย และ ต่างประเทศ ทั่วโลก เริ่มออกมาเรียกร้องให้ ไทย เร่ง จัดการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย โดยด่วน

กลายเป็นกระแสการ  กดดัน ให้ สุเทพ เทือกสุบรรณ ถึง ทางตัน ในการเคลื่อนไหวโค่นล้มประชาธิปไตย

ทฤษฎีมะม่วงหล่น ที่เคยวาดหวังเอาไว้มากมาย วันนี้ ศาลรัฐธรรมนูญ และ ป.ป.ช. ก็ยังไม่สามารถทำให้ สุก-งอม และ หล่น ลงมาได้

ล่าสุด แม้ สุเทพ เทือกสุบรรณ ประกาศเลื่อนวันกำหนดนัดชุมนุมใหญ่นัดสุดท้าย จาก 14 พฤษภาคม 2557 มาเป็นวันที่ 9 พฤษภาคม 2557  แล้วถือฤกษ์เวลา 09.09 น. เป็นฤกษ์ดีในการทำลายประชาธิปไตย พร้อมกับประกาศว่าจะล้มรัฐบาลให้ได้ในครั้งนี้ ทั้งๆที่ ทางเลือกแทบจะไม่มีเหลืออยู่

กลายเป็นการกระทำที่หลายฝ่ายมองตรงกันว่า หนทางสุดท้าย ของ สุเทพ เทือกสุบรรณ และ กปปส. ก็คือการจุดไฟความรุนแรง-ความขัดแย้ง ให้ลุกลามจนถึงที่สุด จนกระทั่งถึงจุดที่ จะต้อง ล้มกระดานการเมือง ด้วยหนทางที่ไม่เป็นประชาธิปไตย

เหมือนกับที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้หลุดปากพูดออกมา ว่า ท้ายที่สุด อาจจะเกิด การรัฐประหาร หากไม่รับข้อเสนอ ทางออกประเทศไทย

ส่งผลให้เกิดความกังวลกันในวงกว้าง ว่า การชุมนุมใหญ่ 9 พฤษภาคม 2557 ของ สุเทพ เทือกสุบรรณ อาจจะใช้เงื่อนไขสุดท้าย คือ การสร้างความรุนแรง เข้ามาใช้ในปฏิบัติการณ์เขย่า มะม่วง ตามทฤษฎีที่เคยกล่าวมาตลอดหรือไม่

แม้ขั้นแรกของ ฤกษ์ 9 พฤษภา อาจจะเป็นเพียงแค่การ ดาวกระจาย บุก-ยึด-ปิด-คุกคามสื่อ แต่จนแล้วจนรอด ก็ยังไม่มีใคร บอกได้ว่า การกระทำดังกล่าว จะทำให้ กปปส. ถึง ฝั่งฝัน ได้อย่างไร

สุดท้ายอาจจะต้อง แรง และ แรง มากกว่าที่เคยทำมาก่อนหน้านี้ เพื่อที่จะ เข็ญ รถถัง ออกมา รัฐประหาร ล้ม ประชาธิปไตย

ที่มา.พระนครสานส์
/////////////////////////////////////////////

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น