--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันเสาร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

อยากได้อำนาจถึงกับต้องฆ่าคนเป็นความเลวร้ายที่เหมือนไม่ใช่คน

การแย่งชิงเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจทางการเมืองด้วยการสั่งฆ่าฝ่ายตรงข้ามนั้นเป็นเรื่องที่เลวร้ายและเป็นบาปหนักมาก การกระทำอย่างนี้เป็นการย้ำภาพว่าการเมืองโหดร้าย การเมืองไม่มีความปรานี

เสน่ห์ของอำนาจทำให้คนเรากล้าฆ่าคนเพื่อให้ได้มา ในแง่ความเป็นมนุษย์ควรมีจิตใจสูง มีจิตใจประเสริฐ หากอยากได้ตำแหน่งหรืออำนาจควรจะได้มาด้วยคุณธรรม ไม่ใช่ใช้กระสุน ใช้การคุกคาม ใช้ความโหดเหี้ยมเพื่อให้ตนได้ขึ้นสู่ตำแหน่ง

จริงๆแล้ว ส.ส. ไม่ใช่ตำแหน่งที่ใหญ่โตอะไรจนต้องเอาชีวิตคนอื่นมาแลก หากใครได้มาด้วยวิธีอย่างนี้อย่าคิดว่ามีเกียรติ เพราะเข้ามาแล้วทำอะไรไม่เป็น ถูกชาวบ้านด่าก็มีให้เห็นมากมาย ยุบสภาได้ไม่กี่วันก็เล่นกันแล้ว

การกระทำอย่างนี้ไม่ต่างจากวัวควายที่ไม่ใช้สมอง ใช้แต่กำลังเข้าขวิดกัน หวังให้ฝ่ายตรงข้ามตายสถานเดียว ประชาธิปไตยจะกลายเป็นประชาธิปตายกันไปแล้ว ต่อไปจะเป็นอย่างไร เพราะแค่เริ่มต้นก็ยิงกันแล้ว

ส่วนนายประชา ประสพดี อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ถูกไล่ฆ่าบอกว่าอโหสิกรรมให้กับคนที่ทำร้ายตัวเองแล้ว ซึ่งมีความจริงใจแค่ไหน ถ้าจริงใจจริงๆถือว่าวิเศษมาก ส่วนผู้กระทำจะหยุดได้หรือยัง หรือยังจะก่อกรรมใหม่ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าไม่หยุดจะกลายเป็นเวรกรรมที่ต้องตามชดใช้กันไปทุกชาติ

อีกหลายๆจังหวัดการแย่งชิงอำนาจก็มีความหวาดเสียวไม่แพ้กัน อาตมาเป็นพระอยู่จังหวัดนนทบุรี ทราบดีว่าเมืองนนท์ก็เป็นเขตหนึ่งที่อยู่ในข่ายความรุนแรง อยู่ในข่ายที่ต้องเฝ้าระวัง เพราะก่อนหน้านี้นายกเทศมนตรีบางบัวทอง นักการเมืองท้องถิ่น ก็ถูกดักยิงเสียชีวิตเพราะการเมืองเช่นกัน หากต้องมีการตายอีกเพราะการแย่งชิงอำนาจทางการเมือง แสดงว่าประชาธิปไตยไทยไม่ใช้สมอง ใช้แต่ความอัปรีย์มาไล่บี้ ไล่ฆ่า เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจและตำแหน่ง

เมื่อไรประเทศไทยจะมีกฎกติกาว่าถ้านักการเมืองตระกูลไหนมีประวัติฆ่านักการเมืองฝ่ายตรงข้ามห้ามคนตระกูลนั้นยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีก เพื่อไม่ให้มาสร้างเคราะห์กรรมกับคนอื่นและตัวเอง

คนเราเกิดมาทั้งทีควรใช้โอกาสสร้างโชค ไม่ใช่คิดแต่จะเอาโอกาสมาสร้างเคราะห์ เราเคยได้ยินแต่คำว่าเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส แต่ตอนนี้บ้านเมืองวิกฤต การเลือกตั้งยังไม่ทันจะเริ่มต้นกลับมาสร้างวิกฤตซ้ำเข้าไปอีก เรียกว่าเป็นการทำลายโอกาสแห่งความก้าวหน้าทางสติปัญญาของมนุษย์ที่ควรมีคุณธรรม จริยธรรม และศีลธรรม

เราพูดกันเสมอว่าการเมืองสกปรก การเมืองโหดร้าย การเมืองไม่มีความปรานี ซึ่งเป็นความจริง นอกจากนี้ยังเป็นความเถื่อนและหายนะ ดังนั้น เราต้องช่วยกันแก้ไข อย่าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปอีก เพราะจะเป็นเคราะห์กรรม เป็นวิกฤตที่ตกมาถึงประชาชน ฉะนั้นเราต้องช่วยกันทำวิกฤตให้เป็นโอกาส ไม่ใช่เอาวิกฤตมาเป็นโอกาสฆ่ากัน หากเป็นอย่างนี้คงปล่อยไว้ไม่ได้ ถ้ายังจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน ยังสกัดกั้นความชั่วร้ายทางการเมืองไม่ได้บ้านเมืองจะยุ่งเหยิงและไม่สงบต่อไป

หากเรื่องนี้เป็นเรื่องทางการเมืองอย่างที่นายประชาพูด ต้องถือว่าเป็นบาป เป็นความเลวที่เกิดขึ้นในทางการเมือง

ความคิดของผู้ที่เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชมาเป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่ต้องการให้ปวงชนปกครองกันเอง ตอนนั้นคงไม่คิดว่าพอเปลี่ยนแล้วปวงชนจะมาแย่งชิงอำนาจกันเอง ทำเยี่ยงกับบ้านป่าเมืองเถื่อน ทำให้ประชาธิปไตยกลายเป็นการปกครองที่ป่าเถื่อน ภาพพจน์ของประชาธิปไตยไทยถูกชาติอื่นมองว่าป่าเถื่อน เพราะเพียงแค่อยากได้ก็ใช้กำลังแย่งชิงเพื่อให้ตัวเองได้เป็นใหญ่เป็นโต ไม่สนว่าจะเหยียบหัวคนอื่นขึ้นมาเป็น ส.ส. เป็นนักการเมือง การเบิกทางให้ได้มาซึ่งอำนาจด้วยการหยุดลมหายใจคนอื่น หรือทำลายชีวิตคนอื่น ถามว่าสง่างามตรงไหน มีแต่คนความเลวทรามต่ำช้าเท่านั้นที่ทำอย่างนี้ได้

หากเป็นนักการเมืองแล้วมือต้องเปื้อนเลือด ใจเปื้อนบาป สมองคิดแต่เรื่องอำมหิตผิดมนุษย์ อย่างนี้ถือว่าไม่ใช่นักการเมืองในระบอบประชาธิปไตย

อยากให้นักการเมืองทั้งหลายเขียนเป็นกฎหมายออกมาเลยว่าหากนักการเมืองตระกูลไหนใช้วิธีแสวงหาอำนาจหรือตำแหน่งด้วยวิธีการฆ่าคนอื่นอย่าให้คนในตระกูลนั้นเล่นการเมืองอีก เพราะเดี๋ยวจะไม่มีใครเกรงกลัวกฎหมาย คิดจะยิงใครก็ยิง เรียกว่าหมดแล้วความเคารพยำเกรงในกฎหมาย ต่อไปจะได้ไม่ต้องเป็นเลือพล่าน เพราะนักการเมืองไม่ใช่วัวชน ไม่ใช่ไก่ชนที่ต้องตีกันตายไปข้างหนึ่ง หรือตีกันจนเลือดตกอย่างออก

เจริญพร

สำนัก(ข่าว)พระพยอม
จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
**********************************************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น