การประกาศยุบสภาอย่างเป็นทางการของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ถือเป็นการเริ่มต้นการหาเสียงอย่างเป็นทางการ ทุกพรรคการเมืองต้องประกาศรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งทั้งระบบแบ่งเขตและระบบบัญชีรายชื่อภายใต้กฎกติกาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่จะทำหน้าที่ดูแลการเลือกตั้งทั้งระบบ หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีมติว่ากฎหมายลูกทั้ง 3 ฉบับถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ และไม่มีข้อความใดขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ
กกต. ได้กำหนดวันเลือกตั้งคือวันที่ 3 กรกฎาคม โดยพรรคการเมืองต้องส่งรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อระหว่างวันที่ 19-23 พฤษภาคม ณ สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่นดินแดง และแบบแบ่งเขตระหว่างวันที่ 24-28 พฤษภาคม ณ เขตเลือกตั้งของแต่ละจังหวัดที่กำหนดไว้ ส่วนการลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้ามีเพียง 1 วันคือ วันที่ 26 มิถุนายน
งบประมาณที่ใช้ในการเลือกตั้งครั้งนี้คือ 3,817 ล้านบาท แยกเป็นการจัดหน่วยเลือกตั้ง 94,000 หน่วย เขตเลือกตั้ง 375 หน่วย จากผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 48 ล้านคน โดยมีค่าตอบแทนให้แก่กรรมการหรือเจ้าหน้าที่แต่ละหน่วยวันละ 300 บาท ขณะเดียวกัน กกต. ต้องมีเจ้าหน้าที่ด้านกิจการสืบสวนสอบสวนและการประสานงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการรักษาความสงบเรียบร้อย ซึ่งหลายฝ่ายคาดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะมีความรุนแรงและมีการทุจริตซื้อเสียงอย่างมาก
แม้หลายฝ่ายไม่เชื่อว่าการเลือกตั้งจะทำให้ความขัดแย้งในบ้านเมืองยุติ และอาจเกิดความรุนแรงมากกว่าเดิม แต่อย่างน้อยก็เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่การปฏิวัติรัฐประหารที่ยิ่งทำให้บ้านเมืองถอยหลังเข้าคลอง หรือทำให้บ้านเมืองเกิดกลียุคที่คนไทยจะเข่นฆ่ากันตายมากกว่าที่ผ่านมา
ดังนั้น ไม่ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะมีปัญหาหรืออุปสรรคใดๆก็ตาม ประชาชนทุกคนจะเป็นผู้ตัดสินอนาคตของประเทศและชีวิตของตัวเองว่าจะเดินต่อไปอย่างไร แม้จะเป็นอำนาจเพียงแค่ไม่กี่วินาทีหรือนาทีในการใช้สิทธิ 1 คนต่อ 1 เสียง แต่มีความหมายอย่างยิ่งที่จะกำหนดทิศทางของประเทศ ไม่ว่าจะยากดีมีจน ไพร่หรืออำมาตย์ ทุกคนมี 1 เสียงเท่ากัน เพราะระบอบประชาธิปไตยถือว่าประชาชนทุกคนมีสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาค สิทธิในความเป็นพลเมือง และสิทธิในความเป็นมนุษย์
ความขัดแย้งทางการเมืองจึงขึ้นอยู่กับประชาชน ขณะที่นักการเมืองต้องตระหนักว่าเป็นผู้แทนของประชาชนที่อาสามาทำงานให้กับประเทศชาติและประชาชน ไม่ใช่เป็นนายของประชาชนและคิดแต่จะกอบโกยผลประโยชน์ให้กับตนเองและพวกพ้องอย่างที่ผ่านมา ซึ่งในที่สุดจะหนีไม่พ้นวงจรอุบาทว์ หรือประชาชนลุกขึ้นมาขับไล่และล้างนักการเมืองชั่วออกจากระบบ
ที่มา.หนังสือพิมพ์โลกวันนี้รายวัน
**********************************************************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น