โดย.นักปรัชญาชายขอบ
ถ้ายอมรับการทำรัฐประหารและนิรโทษกรรมแก่ตนเองได้ ทำไมจึงยอมรับการที่รัฐบาลที่ประชาชนเลือกมาจะนิรโทษกรรมแก่นักการเมืองที่ถูกทำรัฐประหาร และถูกตัดสินความผิดโดยกระบวนการที่สืบเนื่องไม่ได้
เรื่อง “การล้างความผิดให้ทักษิณ” ผมจะถามอภิสิทธิ์ว่า ทำไมประชาธิปัตย์รับได้กับการที่พวกทำรัฐประหารและฆ่าประชาชนแล้วออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้แก่ตนเอง เพราะในประวัติศาสตร์รัฐประหารที่ผ่านมา ไม่เคยเห็นอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์ออกมาค้านเรื่องนี้อย่างจริงจัง
ถ้ายอมรับการที่พวกทำรัฐประหารนิรโทษกรรมแก่ตนเองได้ ทำไมจึงยอมรับการที่รัฐบาลที่ประชาชนเลือกมาจะนิรโทษกรรมแก่นักการเมืองที่ถูกทำรัฐประหาร และถูกตัดสินความผิดโดยกระบวนการที่สืบเนื่องจากรัฐประหารไม่ได้
ประชาธิปัตย์บอกว่า ถ้านิรโทษกรรมทักษิณเท่ากับไม่เคารพหลักนิติธรรม ถามว่าหลักนิติธรรมจะมีได้ก็ต่อเมื่อมี “หลักนิติรัฐ” ใช่หรือไม่?
การทำรัฐประหารเป็นการยกเลิกกติกาประชาธิปไตย ฉีกรัฐธรรมนูญทิ้ง หลักนิติรัฐภายใต้ระบอบประชาธิปไตยยังเหลืออยู่ตรงไหน?
ฝ่ายทำรัฐประหารเป็นผู้กล่าวหาว่าทักษิณทำผิด (5 ข้อ) แล้วทำรัฐประหาร เสร็จแล้วก็เป็นโจทย์เอง ตั้ง คสต.ขึ้นมาเองเพื่อสืบสวนสอบสวนเอาผิด ส่งฟ้องศาลได้เอง กระทั่ง “ตุลาการภิวัตน์” ตามคอนเซ็บต์อำมาตย์ก็ตัดสินเอง อย่างนี้หรือครับที่ประชาธิปัตย์เรียกว่า เป็น “กระบวนการที่มีหลักนิติรัฐและมีหลักนิติธรรม”
กรณีเซ็นชื่อให้เมียซื้อที่ดิน และทำกับข้าวออกทีวี กับกรณีสั่งสลายการชุมนุม “ผิดหลักสากล” อย่างชัดแจ้ง จนทำให้คนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก แค่คิดตาม “สามัญสำนึก” ของชาวบ้านธรรมดาๆ ไม่ต้องใช้ “มโนธรรม” ของความเป็นมนุษย์ ไม่ต้องอ้างหลักนิติธรรมนิติรัฐใดๆ ถามว่า อย่างไหนควรจะติดคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญามากกว่ากัน !
ถ้าอภิสิทธิ์ตอบว่า มันเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมที่เป็นไปตามหลักกฎหมาย จะใช้ “สามัญสำนึก” มาตัดสินไม่ได้ ก็ต้องถามว่า กระบวนการยุติธรรมซังกะบ๊วยอะไร หลักกฎหมายซังกะบ๊วยอะไร มันจึงขัดกับหลักความยุติธรรมตามสามัญสำนึกของมนุษย์มนาเช่นนั้น
หลักความยุติธรรมพื้นฐานภายใต้ระบอบประชาธิปไตยคือ หลักสิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาค ถามว่า การทำรัฐประหารคือการปล้นสิทธิและเสรีภาพไหม? กระบวนการเอาผิดภายใต้อำนาจรัฐประหารเป็นกระบวนการที่มีหลักประกันความเสมอภาคตามกฎหมายไหม?
แม้ทักษิณจะทำผิดจริง เขาควรจะได้รับสิทธิ์ต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมในระบอบประชาธิปไตยไม่ใช่หรือ? ฉะนั้น การนิรโทษกรรมจากการเอาผิดของกระบวนการรัฐประหาร จึงเท่ากับเป็นการคืนสิทธิอันชอบธรรมที่คุณทักษิณมีอย่างเท่าเทียมกับคนไทยทุกคนในการพิสูจน์ข้อกล่าวหาของตนเองภายใต้ “กระบวนการยุติธรรมที่เป็นกลาง”ตามระบอบประชาธิปไตย
ที่สำคัญนี่คือการปฏิเสธ “ความชอบธรรม” ของรัฐประหาร การที่อภิสิทธิ์และประชาธิปัตย์ปฏิเสธการนิรโทษกรรมแก่นักการเมืองที่ถูกทำรัฐประหาร จึงเท่ากับเป็นการยืนยันความชอบธรรมของรัฐประหาร
ยิ่งกว่านั้น พฤติกรรมที่ยอมรับความชอบธรรมของรัฐประหารของอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์คือ การฉกเอา “กลุ่มยี้ห้อย” มาจากพรรคเพื่อไทยไปตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร แล้วพวกเขาก็กลายเป็น “รัฐบาลนอมินี” ของ “ระบบอำมาตย์”
และผนึกอำนาจทางการเมืองของพวกตนเองให้เป็นเนื้อเดียวกันกับอำนาจของระบบอำมาตย์ แล้วรักษา “อำนาจเถื่อน” นั้นไว้ด้วยชีวิตประชาชนเกือบ 100 ศพ
ที่อภิสิทธิ์และประชาธิปัตย์กล่าวหาว่า คนเสื้อแดงใช้วิธีรุนแรง ละเมิดกฎหมาย เผาบ้านเผาเมือง ฯลฯ แต่การที่อภิสิทธิ์และประชาธิปัตย์ยอมรับรัฐประหารและระบบอำมาตย์ เท่ากับเป็นนักการเมืองและพรรคการเมืองที่ค้ำยัน “โครงสร้างความรุนแรง” ที่กดทับสังคมไทยมาตลอด
และในยุครัฐบาลประชาธิปัตย์ก็มีการใช้ “สองมาตรฐาน” ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เท่ากับเป็นการ “เผาผลาญ” ระบบความยุติธรรมจนเหลือแต่เถ้าถ่าน !
มีใครบ้างในประเทศนี้ที่ยังเชื่อถือว่ากระบวรการยุติธรรมมี “มาตรฐานเดียว” โดยเฉพาะเกี่ยวกับการดำเนินการเอาผิดเกี่ยวกับคดีทางการเมืองระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทย และระหว่างคนเสื้อเหลืองกับคนเสื้อแดง !
ส่วนเรื่องที่ประชาธิปัตย์อ้างว่า “การดีเบต” เป็นหลักสากล แต่พอเพื่อไทยเรียกร้องว่า ให้พรรคที่ได้เสียงข้างมากมีสิทธิ์จัดตั้งรัฐบาลก่อน กลับบอกว่าไม่ได้บัญญัติไว้ในกฎหมายรัฐธรรมนูญ อ้าว! ดีเบตก็ไม่ได้บัญญัติในรัฐธรรมนูญ แต่พวกจะเอาให้ได้ถ้าคิดว่าตนเองเป็นฝ่ายได้เปรียบ ถ้าอะไรที่ตัวเองจะเสียเปรียบพวกไม่เอาซะอย่าง ใครจะทำไม เป็นแบบนี้มาตลอด จะเรียกนี่เป็น “อัตลักษณ์” ของประชาธิปัตย์ก็ได้นะ
ฉะนั้น คุณยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทยต้องชี้ให้สังคมเห็นว่า พรรคการเมืองพรรคนี้มี “อัตลักษณ์” เอาเปรียบทางการเมืองอย่าง “ไม่เป็นสุภาพบุรุษ” มาตลอด
ถ้าจะพิสูจน์ว่าคุณอภิสิทธิ์และประชาธิปัตย์มีสปิริตของ “สุภาพบุรุษ” จริง กล้ารับข้อตกลงไหมว่า หากยิ่งลักษณ์รับคำท้าดีเบตกับอภิสิทธิ์ ประชาธิปัตย์ต้องกล้าให้ “สัญญาประชาคม” ว่า ให้พรรคการเมืองที่ได้เสียงข้างมากมีสิทธิ์จัดตั้งรัฐบาลก่อน
ถ้าอภิสิทธิ์และประชาธิปัตย์ไม่กล้ารับคำท้าพรรคเพื่อไทย ก็อย่ามาสะเออะท้าดีเบต เพราะพวกคุณไม่ใช่สุภาพบุรุษ และ “ไม่แฟร์” กับสุภาพสตรีที่เป็น “น้องใหม่” ทางการเมืองเอาเสียเลย !
/////////////////////////////////////////////////
ถ้ายอมรับการทำรัฐประหารและนิรโทษกรรมแก่ตนเองได้ ทำไมจึงยอมรับการที่รัฐบาลที่ประชาชนเลือกมาจะนิรโทษกรรมแก่นักการเมืองที่ถูกทำรัฐประหาร และถูกตัดสินความผิดโดยกระบวนการที่สืบเนื่องไม่ได้
เรื่อง “การล้างความผิดให้ทักษิณ” ผมจะถามอภิสิทธิ์ว่า ทำไมประชาธิปัตย์รับได้กับการที่พวกทำรัฐประหารและฆ่าประชาชนแล้วออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้แก่ตนเอง เพราะในประวัติศาสตร์รัฐประหารที่ผ่านมา ไม่เคยเห็นอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์ออกมาค้านเรื่องนี้อย่างจริงจัง
ถ้ายอมรับการที่พวกทำรัฐประหารนิรโทษกรรมแก่ตนเองได้ ทำไมจึงยอมรับการที่รัฐบาลที่ประชาชนเลือกมาจะนิรโทษกรรมแก่นักการเมืองที่ถูกทำรัฐประหาร และถูกตัดสินความผิดโดยกระบวนการที่สืบเนื่องจากรัฐประหารไม่ได้
ประชาธิปัตย์บอกว่า ถ้านิรโทษกรรมทักษิณเท่ากับไม่เคารพหลักนิติธรรม ถามว่าหลักนิติธรรมจะมีได้ก็ต่อเมื่อมี “หลักนิติรัฐ” ใช่หรือไม่?
การทำรัฐประหารเป็นการยกเลิกกติกาประชาธิปไตย ฉีกรัฐธรรมนูญทิ้ง หลักนิติรัฐภายใต้ระบอบประชาธิปไตยยังเหลืออยู่ตรงไหน?
ฝ่ายทำรัฐประหารเป็นผู้กล่าวหาว่าทักษิณทำผิด (5 ข้อ) แล้วทำรัฐประหาร เสร็จแล้วก็เป็นโจทย์เอง ตั้ง คสต.ขึ้นมาเองเพื่อสืบสวนสอบสวนเอาผิด ส่งฟ้องศาลได้เอง กระทั่ง “ตุลาการภิวัตน์” ตามคอนเซ็บต์อำมาตย์ก็ตัดสินเอง อย่างนี้หรือครับที่ประชาธิปัตย์เรียกว่า เป็น “กระบวนการที่มีหลักนิติรัฐและมีหลักนิติธรรม”
กรณีเซ็นชื่อให้เมียซื้อที่ดิน และทำกับข้าวออกทีวี กับกรณีสั่งสลายการชุมนุม “ผิดหลักสากล” อย่างชัดแจ้ง จนทำให้คนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก แค่คิดตาม “สามัญสำนึก” ของชาวบ้านธรรมดาๆ ไม่ต้องใช้ “มโนธรรม” ของความเป็นมนุษย์ ไม่ต้องอ้างหลักนิติธรรมนิติรัฐใดๆ ถามว่า อย่างไหนควรจะติดคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญามากกว่ากัน !
ถ้าอภิสิทธิ์ตอบว่า มันเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมที่เป็นไปตามหลักกฎหมาย จะใช้ “สามัญสำนึก” มาตัดสินไม่ได้ ก็ต้องถามว่า กระบวนการยุติธรรมซังกะบ๊วยอะไร หลักกฎหมายซังกะบ๊วยอะไร มันจึงขัดกับหลักความยุติธรรมตามสามัญสำนึกของมนุษย์มนาเช่นนั้น
หลักความยุติธรรมพื้นฐานภายใต้ระบอบประชาธิปไตยคือ หลักสิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาค ถามว่า การทำรัฐประหารคือการปล้นสิทธิและเสรีภาพไหม? กระบวนการเอาผิดภายใต้อำนาจรัฐประหารเป็นกระบวนการที่มีหลักประกันความเสมอภาคตามกฎหมายไหม?
แม้ทักษิณจะทำผิดจริง เขาควรจะได้รับสิทธิ์ต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมในระบอบประชาธิปไตยไม่ใช่หรือ? ฉะนั้น การนิรโทษกรรมจากการเอาผิดของกระบวนการรัฐประหาร จึงเท่ากับเป็นการคืนสิทธิอันชอบธรรมที่คุณทักษิณมีอย่างเท่าเทียมกับคนไทยทุกคนในการพิสูจน์ข้อกล่าวหาของตนเองภายใต้ “กระบวนการยุติธรรมที่เป็นกลาง”ตามระบอบประชาธิปไตย
ที่สำคัญนี่คือการปฏิเสธ “ความชอบธรรม” ของรัฐประหาร การที่อภิสิทธิ์และประชาธิปัตย์ปฏิเสธการนิรโทษกรรมแก่นักการเมืองที่ถูกทำรัฐประหาร จึงเท่ากับเป็นการยืนยันความชอบธรรมของรัฐประหาร
ยิ่งกว่านั้น พฤติกรรมที่ยอมรับความชอบธรรมของรัฐประหารของอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์คือ การฉกเอา “กลุ่มยี้ห้อย” มาจากพรรคเพื่อไทยไปตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร แล้วพวกเขาก็กลายเป็น “รัฐบาลนอมินี” ของ “ระบบอำมาตย์”
และผนึกอำนาจทางการเมืองของพวกตนเองให้เป็นเนื้อเดียวกันกับอำนาจของระบบอำมาตย์ แล้วรักษา “อำนาจเถื่อน” นั้นไว้ด้วยชีวิตประชาชนเกือบ 100 ศพ
ที่อภิสิทธิ์และประชาธิปัตย์กล่าวหาว่า คนเสื้อแดงใช้วิธีรุนแรง ละเมิดกฎหมาย เผาบ้านเผาเมือง ฯลฯ แต่การที่อภิสิทธิ์และประชาธิปัตย์ยอมรับรัฐประหารและระบบอำมาตย์ เท่ากับเป็นนักการเมืองและพรรคการเมืองที่ค้ำยัน “โครงสร้างความรุนแรง” ที่กดทับสังคมไทยมาตลอด
และในยุครัฐบาลประชาธิปัตย์ก็มีการใช้ “สองมาตรฐาน” ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เท่ากับเป็นการ “เผาผลาญ” ระบบความยุติธรรมจนเหลือแต่เถ้าถ่าน !
มีใครบ้างในประเทศนี้ที่ยังเชื่อถือว่ากระบวรการยุติธรรมมี “มาตรฐานเดียว” โดยเฉพาะเกี่ยวกับการดำเนินการเอาผิดเกี่ยวกับคดีทางการเมืองระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทย และระหว่างคนเสื้อเหลืองกับคนเสื้อแดง !
ส่วนเรื่องที่ประชาธิปัตย์อ้างว่า “การดีเบต” เป็นหลักสากล แต่พอเพื่อไทยเรียกร้องว่า ให้พรรคที่ได้เสียงข้างมากมีสิทธิ์จัดตั้งรัฐบาลก่อน กลับบอกว่าไม่ได้บัญญัติไว้ในกฎหมายรัฐธรรมนูญ อ้าว! ดีเบตก็ไม่ได้บัญญัติในรัฐธรรมนูญ แต่พวกจะเอาให้ได้ถ้าคิดว่าตนเองเป็นฝ่ายได้เปรียบ ถ้าอะไรที่ตัวเองจะเสียเปรียบพวกไม่เอาซะอย่าง ใครจะทำไม เป็นแบบนี้มาตลอด จะเรียกนี่เป็น “อัตลักษณ์” ของประชาธิปัตย์ก็ได้นะ
ฉะนั้น คุณยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทยต้องชี้ให้สังคมเห็นว่า พรรคการเมืองพรรคนี้มี “อัตลักษณ์” เอาเปรียบทางการเมืองอย่าง “ไม่เป็นสุภาพบุรุษ” มาตลอด
ถ้าจะพิสูจน์ว่าคุณอภิสิทธิ์และประชาธิปัตย์มีสปิริตของ “สุภาพบุรุษ” จริง กล้ารับข้อตกลงไหมว่า หากยิ่งลักษณ์รับคำท้าดีเบตกับอภิสิทธิ์ ประชาธิปัตย์ต้องกล้าให้ “สัญญาประชาคม” ว่า ให้พรรคการเมืองที่ได้เสียงข้างมากมีสิทธิ์จัดตั้งรัฐบาลก่อน
ถ้าอภิสิทธิ์และประชาธิปัตย์ไม่กล้ารับคำท้าพรรคเพื่อไทย ก็อย่ามาสะเออะท้าดีเบต เพราะพวกคุณไม่ใช่สุภาพบุรุษ และ “ไม่แฟร์” กับสุภาพสตรีที่เป็น “น้องใหม่” ทางการเมืองเอาเสียเลย !
/////////////////////////////////////////////////
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น