นายสุจิน วาจากิจ นายอำเภอบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ พร้อมด้วย พ.อ.นัฏฐ์ ศรีอินทร์ ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 26 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในระดับพื้นที่ของฝ่ายไทย ได้เจรจาร่วมกับตัวแทนฝ่ายกัมพูชาอีกรอบ นำโดย พ.อ.ยึม พาน รองผู้บังคับการทหารประจำจ.อุดรมีชัย นายฮิง เฮือน ผู้ช่วยนายอำเภอบันเตียอำปึล จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ร่วมกันกำหนดประเภทสินค้าที่จะนำมาซื้อขายแลกเปลี่ยนกัน หลังทั้งสองฝ่ายได้เจรจาเห็นชอบร่วมกันในการเปิดจุดผ่อนหรือจุดแลกเปลี่ยนสินค้าเพื่อมนุษยธรรม ที่บริเวณช่องสายตะกู ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด โดยผลการเจรจาเป็นไปด้วยความราบรื่น ทั้งสองต่างฝ่ายเห็นชอบให้มีการนำสินค้าอุปโภคบริโภค อาหารพื้นบ้านในพื้นที่มาซื้อขายแลกเปลี่ยนกัน แต่สิ่งของที่ห้ามนำมาจำหน่าย คือ ไม้ป่า สัตว์ป่า ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากไม้ และสิ่งของที่จะสามารถใช้เป็นอาวุธได้
ทั้งนี้ทางฝั่งกัมพูชาเองยังเสนอความต้องการที่อยากให้ฝั่งไทย นำมาจำหน่าย 4 ประเภทหลัก คือ ปุ๋ย ยางรถยนต์ อุปกรณ์ก่อสร้าง และน้ำมันเครื่อง แต่ทางฝั่งไทยขอหารือกับทางกรมศุลกากรอีกครั้ง เพราะสินค้าประเภทดังกล่าวเป็นสินค้าเชิงพาณิชย์ ส่วนปัญหาที่ทั้งสองฝ่ายมีความกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อการเปิดจุดผ่อนปรน คือ ปัญหายาเสพติด การดัดแปลงภูมิประเทศหรือขยายเขตชุมชน เช่น การก่อสร้างอาคาร บ้านเรือน หรือสิ่งปลูกสร้างที่ถาวร ที่อาจจะทำให้มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องเขตแดนตามมาในภายหลังได้ ซึ่งกรณีดังกล่าวทั้งสองฝ่ายจะต้องดูแลและแก้ไขปัญหาร่วมกัน นอกจากนี้ทั้งสองฝ่ายจะต้องมีการควบคุมดูแลด้านคุณภาพสินค้า จำนวนพวกเนื้อสัตว์ทุกชนิด ที่จะนำมาจำหน่ายเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบตามมาในภายหลังด้วย
โดยนายสุจิน ระบุว่า ผลการเจรจากำหนดประเภทสินค้าร่วมกันในวันนี้เป็นไปได้ด้วยดี และยืนยันว่าจะสามารถเปิดจุดผ่อนปรนช่องสายตะกูหรือจุดแลกเปลี่ยนสินค้าเพื่อมนุษยธรรม ในวันที่ 14 ก.ย.54 นี้อย่างแน่นอน โดยในเบื้องต้นจะเปิดสัปดาห์ละ 1 วัน ทุกวันพุธ ตั้งแต่เวลา 09.00 - 14.00 น. หากในอนาคตประชาชนมีความต้องการให้เปิดหลายวันมากขึ้น และไม่มีปัญหาอุปสรรคใดๆ ก็อาจจะมีการพัฒนายกระดับให้เป็นจุดผ่านแดนถาวร เพราะเชื่อว่าการจุดการค้าชายแดนดังกล่าว จะเป็นการส่งเสริมด้านเศรษฐกิจชายแดน และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้งสองประเทศให้ดีขึ้น
ที่มา.เนชั่น
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น