--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ป้ายสุดท้าย !!?

โดย. ฐากูร บุนปาน

จะด้วยการสร้างสถานการณ์ ด้วยความคับแค้น ด้วยอุบัติเหตุ หรืออะไรก็ตามที

จากวันเริ่มชุมนุมประท้วงรัฐบาลมา เพื่อนร่วมชาติร่วมสังคมของเราไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน ไม่ว่าจะประชาชนหรือเจ้าหน้าที่ เสียชีวิตเพราะเหตุที่เกี่ยวเนื่องกับการเมือง-การชุมนุมนี้ไปแล้วกว่า 20 ราย และได้รับบาดเจ็บอีกกว่า 700 คน

ในจำนวนนี้มีเด็ก สตรี และคนชราตกเป็นเหยื่อสงครามอยู่ด้วย

ถ้าไม่ช่วยกันหยุดยั้ง ไม่ช่วยกันเรียกสติกลับคืนมา ตัวเลขผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจะเพิ่มมากขึ้นกว่านี้อีก

ในภาวะที่ความเกลียดชังถูกสุมเข้าไปทุกวัน การกระทำรุนแรงต่ออีกฝ่าย (หรือฝ่ายเดียวกันก็อาจเป็นได้) มากขึ้นทุกที ความรุนแรงและความเกลียดถูกปั่นให้พุ่งสูงขึ้นไปเรื่อยๆ และเขม็งเกลียวรอวันใกล้ระเบิดครั้งใหญ่

ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

หรือใครจะเป็นศพต่อไป?

ยังไม่นับความพินาศฉิบหายทางอื่นที่จะตามมา ไม่ว่าเศรษฐกิจ การปกครอง กฎหมาย สังคม การต่างประเทศ ฯลฯ
ถ้าการ "เจรจา" ระหว่างชนชั้นนำของทั้งสองฝ่ายมีอยู่จริง ก็ต้องเร่งให้การเจรจานี้มีผลในทางปฏิบัติโดยเร็ว

ที่จะไปหวังเรื่องอำนาจนอกระบบอะไรนั้น พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. เขาเพิ่งออกมาพูดชัดๆ ว่า
จะไม่มีการปฏิวัติ

และไม่เชื่อด้วยว่าการใช้กำลังจะสามารถสยบระงับสถานการณ์ได้

คนคุมกำลังพลติดอาวุธมากที่สุดในประเทศนี้เห็นว่า การเจรจาเท่านั้นจะเป็นทางออกของปัญหา

ซึ่งจริง

แต่จะเจรจากันอย่างไร ถ้าฝ่ายที่ "ลงทุนลงแรง" ไปแล้วไม่ยอมรับเงื่อนไขกติกาใดๆ ทั้งสิ้น

และสามารถทำอะไรก็ได้ โดยมีคนโอบอุ้มราวกับไข่ในหิน

ปิดสถานที่ราชการก็ไม่ผิด ยกขบวนไปแบล๊กเมล์ชาวบ้านก็ไม่ผิด เชื้อเชิญให้กองกำลังติดอาวุธมาร่วมรับประทานอาหารก็ยังเป็นการชุมนุมแบบสันติ อหิงสา

ได้เปรียบมหาศาลอย่างนี้ใครจะเจรจา

อยากให้การเจรจาเกิดขึ้นได้ ต้องให้ทั้งสองฝ่ายอยู่บนพื้นที่เสมอกัน

และวิธีการที่จะคืนความปกติให้บ้านเมืองในเบื้องต้นได้เร็วที่สุด คือการยุติการชุมนุม

ไม่ต้องกลัวไปว่า ม็อบถอยแล้วรัฐบาลจะชนะ

รัฐบาลปัจจุบันมีชนักปักหลังอยู่หลายเรื่อง มีสัญญาค้างจ่ายกับสังคมก็อีกหลายเรื่อง ตั้งแต่เงินจำนำข้าวไปถึงการปฏิรูป

ถามว่ารัฐบาลแบบนี้จะทำอะไรได้ นอกจากทำตามความต้องการของสังคม

ขนาดกองทัพที่ว่ารักกันนักหนา เอาเข้าจริงแล้วการ "เป็นกลาง" แบบไม่ทำอะไร อีกด้านก็คือให้ท้ายความไม่สงบ ความรุนแรงให้เพิ่มระดับหนักข้อยิ่งขึ้น

แค่พูดไม่พอ ต้องลงมือปฏิบัติอะไรบางอย่างด้วย

พร้อมทำหรือกล้าทำไหมเล่าครับ

กลับมาถามตัวเองกันใหม่ ว่ายังอยากให้ความสงบ สันติ ความเป็นปกติกลับคืนมาหรือไม่

เรามาถึงจุดที่ต้องตัดสินใจจริงๆ แล้ว

ที่มา:มติชนรายวัน

---------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น