--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันเสาร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

คิกออฟรัฐบาลใหม่ กับดักล้ำหน้า โรดแมป ทักษิณคิดเพื่อไทย ทำ !!?

คำพูดย่อมเป็นนายของตัวเอง!!! ยิ่งเป็นสัญญา “หน้าข้าว หน้าเหล้า” ที่พรรคเพื่อไทยภายใต้การนำของปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 1 “ปู-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ที่ได้รับความไว้วางใจอย่างท่วมท้นจากประชาชนผู้ใช้สิทธิ์เกินครึ่งประเทศ ส่งผลให้รัฐบาลที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ ไม่ต่างจากจุดศูนย์รวม ความหวัง

n ด่านแรกสาง 6 ภารกิจเร่งด่วน
เป็นธรรมดา เมื่อประชาชนมีความคาดหวังสูง ถ้าสิ่งที่ประกาศออกไปไม่สัมฤทธิ์ผลเป็นรูปธรรม ความคาดหวังเหล่านั้น ย่อมมีแนวโน้มเป็นไปได้สูง ว่าจะนำมาซึ่งทฤษฎีหัวกลับ กระทั่งแปรเปลี่ยนเป็นความ ช้ำมาก ความผิดหวังมาก หรืออาจถึงขั้นดำเนินไปถึงความเกลียดมันก็มีทางเป็นไป ได้ทั้งนั้น???
ส่งผลให้ ภารกิจเร่งด่วน 6 ประการ อันประกอบด้วย
1.การยกเลิกเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมัน เฉพาะน้ำมันบางชนิด อาทิ เบนซิน 95 ลดลง 7.50 บาท เบนซิน 91 ลดลง 6.50 บาท ดีเซล ลดลง 2.20 บาท
2.การแก้ปัญหาราคาสินค้าแพง
3.การจัดทำระบบประกันสุขภาพใหม่
4.การแก้ไขปัญหายาเสพติด
5.การฟื้นฟูความสัมพันธ์กับประเทศ เพื่อนบ้าน
และ6.การดำเนินการตามแผนการปรองดอง..
กำลังตกเป็นที่จับจ้องจากสายตาสาธารณชนทั่วสารทิศ ด้วยศักยภาพของรัฐบาล ผ่านม็อตโต้หาเสียง “ทักษิณ” คิด..“เพื่อไทย” ทำ จะทำได้ไม่ได้ไม่มีใครรู้ แต่ที่รู้แจ้งกระจ่างชัดและเห็นจริงแล้วคือ ประชาชนต่างมีคำตอบในใจที่ปรากฏชัดตามคำโฆษณาชวนเชื่อบนป้ายหาเสียงไปเป็นที่เรียบร้อยโรงเรียน “ทักษิโณมิกส์” แล้ว

n เดิมพันข้าวยากหมากแพงที่ต้องก้าวข้าม
อย่างไรก็ดี หากจับจากภารกิจเร่งด่วน 6 ประการ ด้วยประสบการณ์บริหาร ภายใต้กรอบ “ทักษิโณมิกส์” เชื่อว่า 4 ใน 6 ภารกิจ ไม่น่าจะยากเกินมือของ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์ 1” แต่ 2 ภารกิจที่เหลือถือเป็นงานที่ท้าทายความสามารถของพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะการแก้ปัญหาข้าวยากหมากแพง ที่ถือเป็นจุดสลบตัวจริงของ “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” และว่ากันว่า ด้วยปมปัญหาดังกล่าว มันมีอานิสงส์ในการตัดสินใจให้กลุ่มคนที่ยังไม่เลือกใคร เทคะแนนให้พรรคเพื่อไทยจนเกิดปรากฏการณ์แลนด์สไลด์..ถ้างานนี้ แก้ปัญหาไม่ได้ดังที่ประชาชนคาดหวัง คลื่นสึนามิลูกเดียวกัน มันย่อมมีแนวโน้มเป็นไปได้สูง ที่อาจจะม้วนหางกลับไปสั่นคลอน เสถียรภาพรัฐบาลเพื่อไทยเช่นกัน

n ยาดำโรดแมปปรองดองฉบับสีแดง
อีกหนึ่งภารกิจเร่งด่วนที่ถือว่าหินไม่แพ้กัน นั่นก็คือการดำเนินการตามแผน การปรองดอง แม้ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” จะย้ำในทุกครั้งที่ให้สัมภาษณ์ว่าเป็นเรื่องของคณะกรรมการชุดของ “คณิต ณ นคร” เป็นผู้ดำเนินการ แต่เนื่องด้วยวาระปรองดองยังคงดังคาบเกี่ยวคู่ขนานมากับ “วาระนิรโทษกรรม” ที่ฝ่ายตรงข้ามกำลังจับจ้องอย่างจดจ่อและตาเป็นมัน ถึงตรงนี้ หากเผอิญบทสรุปสุดท้าย ลงเอยด้วยการปลดล็อกข้อกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นเงื่อนเวลาใด ฝ่ายที่ไม่เอา “ระบอบ ทักษิณ” ก็พร้อมจะลุกขึ้นมาคัดค้านได้ในทุกเงื่อนเวลาเช่นกันนั่นรวมไปถึงการเขย่าโผคณะรัฐมนตรี หรือ “ครม.ยิ่งลักษณ์ 1” ที่สถานการณ์เริ่มใกล้เคียงบรรยากาศ “แดงเดือด” เข้าไปทุกขณะจิต เนื่องด้วยมีการเล่นกำลังภายในระหว่างคนกันเองของนักเลือกตั้งและแกนนำ นปช. ไม่มีแดง ไม่มีเพื่อไทย หรือ ไม่มีเพื่อ ไทย ก็ไม่มีแดง นั้นไม่มีใครทราบ??? แต่ที่ทุกฝ่ายแม้กระทั่ง “อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร” หรือแม้กระทั่ง “ปู-ยิ่งลักษณ์” ทราบและรู้ดีอยู่แก่ใจแล้ว คือหากมวยฮาร์ดคอร์อย่าง “จตุพร พรหมพันธุ์-ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” รวมไปถึง “น.พ.เหวง โตจิราการ” ได้รับการปูนบำเหน็จ มันจะมีผลสั่นสะเทือนไปถึง “โรดแมปปรองดองฉบับสีแดง” มากน้อยเพียงใด

n หลุมดำสัญญาใจค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท
นอกจาก 6 ภารกิจเร่งด่วน ยังมี นโยบายขายฝันอีกหลายโครงการ ที่เริ่มถูกท้าทายว่าเป็นเพียงนโยบายภาพเสมือนจริง ที่ยากจะจับต้องได้ ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศ คิกออฟ 1 มกราคม 2555 ดูเหมือนจะเป็นนโยบายที่กำลังเป็น “ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์” อย่างมากในวงสังคมไทย แม้นักธุรกิจเมืองขอนแก่น จะเดิน หน้าขานรับเป็นรายแรก ด้วยการปรับฐาน ค่าแรงขั้นต่ำตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อไทย แต่เสียงดังกล่าวก็ดูเหมือนจะด้อยราคา ลงในทันที พลันที่ “บุญชัย โชควัฒนา” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตสินค้าอุปโภค บริโภครายใหญ่ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์นโยบายดังกล่าว อย่างเผ็ดร้อน“เป็นสิ่งที่เป็นไม่ได้ รัฐไม่ควรดำเนิน นโยบายเช่นนี้ หากทำจริงจะเป็นเรื่องที่เสียหายมาก ระบบจะพัง นักลงทุนจะหนีหายหมด เหมือนกับกรณีที่นักลงทุนจีนหนี มาลงทุนในตลาดไทย เพราะประเทศจีนมี การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ”นั่นรวมไปถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์อีก มากมาย ที่มองกันว่า การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท จะส่งผลกระทบไปถึงธุรกิจเอส เอ็มอีก ที่มีกว่า 3 ล้านรายทั่วประเทศ
แม้งานนี้ หลายฝ่ายจะมองว่า การผ่านนโยบายดังกล่าวในขั้นคณะกรรมการ ไตรภาคี ที่ในอดีตไม่ต่างจากปราการสกัด ดาวรุ่งการขึ้นค่าแรง จะกลายเป็นเรื่องจิ๊บๆ เมื่อมีแนวโน้มว่าภาครัฐจะจับมือกับฝ่ายผู้ใช้แรงงาน แต่มันก็ยังมีคำถามย้อน กลับไปอีกว่า หากเจ้าของกิจการอยู่ไม่ได้ แล้วใครกันเล่าจะเข้ามาโอบอุ้มแรงงานที่อาจได้รับผลกระทบจากนโยบายขึ้นค่าแรง ขั้นต่ำ 300 บาท ประเด็นร้อนเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท จึงกลายเป็นด่านหินในการพิสูจน์ฝีมือ การบริหารประเทศของ “ปู-ยิ่งลักษณ์” ภายใต้แคมเปญ “ทักษิณ”คิด..“เพื่อไทย” ทำ..ได้เป็นอย่างดี!!!

n พันธกิจหินสานเมกะโปรเจกต์
ข้ามช็อตไปที่เมกะโปรเจกต์ที่พรั่งพรู ออกมาแบบรายวันในช่วงหาเสียง จับเฉพาะ โครงการเด่นๆ ที่ประกาศออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน รถไฟฟ้าตลอดสาย 20 บาท เชื่อมรถ เรือ บีทีเอส บีอาร์ที ที่โฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านป้ายคัตเอาต์หาเสียง โครงการนี้ถือว่าถูกปรามาศอย่างหนักจาก พรรคประชาธิปัตย์ ว่าไม่มีทางจะบริหารจัดการให้คุ้มทุน เพราะรถไฟฟ้าทั้งใต้ดินบนดินแต่ละสาย ลงทุนสายละเป็นหมื่นล้าน มันจึงยากและยากยิ่งกว่า หากจะข้าม ช็อตไปคิดถึงเรื่องผลกำไร และนี่ก็คืออีกด่านสกัดที่จะวัดฝีมือ “ทักษิโณมิกส์” ว่าจะยังคงความขลังเฉกเช่นในอดีตอีกต่อไป หรือไม่???

n ข้อครหาผลประโยชน์ทับซ้อนบนแท็บเล็ตเด็ก “ป.1”
ตัดสลับมาที่นโยบายประชานิยมด้านการศึกษา ล็อกเป้าไปที่วาระแจกแท็บเล็ตเด็ก ป.1 ทั่วประเทศ เพื่อส่งเสริม การเรียนรู้คู่เทคโนโลยีอันกว้างไกล แต่สุดท้ายก็ทอดยอดกลายเป็นข้อครหาเก่าๆ ดั้งเดิมใน “วาระซ่อนเร้น ผลประโยชน์ทับซ้อน” ที่ “อดีตนายกฯ ทักษิณ” ต้องกระเด็นตกเก้าอี้มาแล้วครั้งรัฐบาลไทยรักไทย เงื่อนไขอะไรไม่ต่างจากเหตุการณ์ ในวันวาน เมื่อเป็นโครงการที่เกี่ยวเนื่องไป ถึงธุรกิจคมนาคม ทั้งผู้ให้บริการ และผู้ผลิต สินค้า หรือแม้กระทั่งผู้ผลิตแอพพลิเคชั่นเสริมซึ่งจะเสริมสร้างการเรียนรู้ ที่เมื่อเอา มาเกลี่ยๆ ดู ก็จะพบว่ามีเอกชนเพียงไม่กี่รายที่มีคุณสมบัติครบถ้วนในการแข่งขันวันนี้ แม้ในภาคปฏิบัติจะยังคงไม่บังเกิด แต่จากแผลเก่าที่เคยปรากฏ “รัฐบาล เพื่อไทย” จึงจำเป็นอย่างยิ่งยวดในการตั้งรับการตรวจสอบที่จะมาถึง!!!

n จับตาของร้อนหวยออนไลน์
ต่อจิ๊กซอว์มาที่ของร้อนที่ถูกตั้งแท่นไว้เรียบร้อยโดย “รัฐบาลเทพประทาน” นั่นคืออภิมหาโปรเจกต์มาราธอน “หวยออนไลน์” ซึ่งเป็นหนึ่งในกรุสมบัติที่จะใช้เป็นกลไกในการหาเม็ดเงินมาอุดรอยรั่วจากการทุ่มทุนในเมกะโปรเจกต์ ซึ่งขณะนี้ หากใครไม่เข้าใจถึงเงื่อนไขว่า มีการตั้งแท่น เอาไว้แล้วจากรัฐบาลชุดที่ผ่านมา การสาน ต่อโดย “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” ซึ่งมีพี่ชายอย่าง “อดีตนายกฯ ทักษิณ” เป็นต้นความคิด มันย่อมสุ่มเสี่ยงอีกครั้งที่โครงการเจ็ดชั่วโคตรนี้ จะต้องเผชิญกับการคัดค้าน โดยเฉพาะจากการเคลื่อนไหวของกองทัพ ธรรมอันมีคู่แค้นเก่าเจ้าเดิม “พล.ต.จำลอง ศรีเมือง” เป็นแกนนำ ซึ่งแสดงเจตนารมณ์คัดค้านมาตั้งแต่ต้นแล้ว อีกหนึ่งแรงปะทะ อันทอดยอดมาจากการลงทุนในเมกะโปรเจกต์ คงไม่แคล้ว การจัดเก็บรายได้เข้ารัฐผ่านการจัดเก็บภาษี ที่มีแนวโน้มว่าภาษีบาปจะต้องได้รับผลกระทบไปเต็มๆ นั่นย่อมเท่ากับว่า รัฐบาล ใหม่ อาจสุ่มเสี่ยงกระทบกระทั่งกับบริษัทน้ำเมา ที่มีสายสัมพันธ์อันดีกับขั้วอำนาจเก่าอีกครั้ง ซึ่งผลดีผลร้ายจะลงเอยอย่างไร มันก็ไม่ต่างจากการสร้างศัตรูอันเป็นมหาทุนในทางคู่ขนานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ไม่พ้น

n หมากสุดท้ายวัดใจกองทัพ
นี่นับเฉพาะเชิงนโยบายขายฝัน ยังปรากฏแนวปะทะ ป้อมปราการทั้งพ่อค้านายทุน นักเคลื่อนไหว นักเลือกตั้ง ที่พร้อม จะเตะตัดขา “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” ให้หกล้มจนหัวคะมำและหากนับรวมฝ่ายอำนาจพิเศษ ที่ หลายฝ่ายกำลังจับจ้องไปที่เก้าอี้ รมว. กลาโหม ซึ่งค่อนข้างมีผลไปถึงแนวทางการเคลื่อนของกองทัพที่ยังเป็นปริศนา ถือว่าทุกย่างก้าวต่อจากนี้ของ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” มันย่อมไม่ใช่งานง่าย เพราะบังเกิดสารพัดงานงอก กับดักล้ำหน้า ถูกวางไว้ทุกหย่อมหญ้า ปริมณฑลการเมือง โรดแมป “ทักษิณ” คิด..“เพื่อไทย ทำ” กำลังเจอบททดสอบใหญ่ หากคนที่อยู่ต่างประเทศไม่เรียนรู้เหตุการณ์ในอดีต และคิดใหม่ทำใหม่..อีกครั้งมันก็คงไม่ง่าย ที่ “กองทัพปูแดง” จะก้าวผ่านป้อมปราการเหล็ก 7 ชั้น.. ไปได้พ้น???

ที่มา.สยามธุรกิจ
******************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น