--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ปราโมทย์ โชติมงคล. โปลิศการเมืองปราม ส.ส. 500 รมต.ไม่ใช่เรื่องมีเกียรติ เมื่อทำไม่ได้ก็ต้องออก !!?



บางห้วงเวลา "ส.ส." หรือ "ผู้ทรงเกียรติ" กลายเป็นส่วนหนึ่งที่กระพือความแตกแยกให้รุนแรงขึ้น

บางห้วงมีการวางมวย บางวาระมีผรุสวาท

บางคราว-บางวาระ "ผู้ทรงเกียรติ" แสดงกิริยาไม่ทรงเกียรติ จนได้ฉายาประทับ "ถีบ-เถื่อน-ถ่อย"

"ปราโมทย์ โชติมงคล" ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ในฐานะ "ตำรวจการเมือง"

เขาส่งคำเตือนไปถึงว่าที่รัฐบาล "ยิ่งลักษณ์" และฝ่ายนิติบัญญัติทั้งสภา ในฐานะผู้ตรวจพฤติกรรมจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

- เลือกตั้งในสายตาผู้ตรวจการแผ่นดิน ถือว่ารับได้ เพราะคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดได้เหมาะสม ในใจผม กกต.น่าจะประกาศรับรองผลได้เร็วขึ้นกว่าวันที่ 2 ส.ค. (เป็นวันสุดท้ายของการประกาศรับรองผล) ขณะนี้ เป็นช่วงรัฐบาลรักษาการนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์
ส่วนรัฐบาลพรรคเพื่อไทยของคุณ ยิ่งลักษณ์ ไม่สามารถทำงานได้ มันเป็นช่องว่างที่นานเกินไป อาจทำให้เกิดผลกระทบได้ กกต.อาจจะประกาศรับรองผล ส.ส.ให้ครบ 475 คนให้เร็วที่สุด

- มองปรากฏการณ์ที่นักการเมืองซื้อเสียงเลือกตั้งอย่างไร
ในฐานะที่ผู้ตรวจการแผ่นดินดูแลเรื่องจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ผมภาวนาให้คนเหล่านี้เข้ามาด้วยความพร้อม 1.พร้อมด้วยฐานะความเป็นอยู่ มีฐานะครอบครัวที่มั่นคง ไม่หาประโยชน์ ไม่มาเอาสตางค์ 2.พร้อมในความรู้ความสามารถ ใช้สติปัญญาทำหน้าที่บริหารบ้านเมือง

ค่านิยมของบ้านเรา ใครมาทำงานการเมืองไม่ว่าท้องถิ่น ระดับชาติ หรือรัฐมนตรี มันเห็นแววของความร่ำรวย จากเดิมที่เป็นครูประชาบาล เป็นผู้รับเหมาเล็ก ๆ แล้วมาเป็น สมาชิกท้องถิ่น กลับร่ำรวยขึ้นมา โดยไม่ปรากฏว่ามีอาชีพที่ชัดเจน มันทำให้คนรู้สึกว่างานการเมืองทำให้ร่ำรวย

- จะแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างไร
ผู้ตรวจการแผ่นดินกำลังเน้นเรื่องการส่งเสริม ปลูกฝังจิตสำนึกด้านจริยธรรม เรากำลังบอกไปทุกเครือข่าย ทั้งภาครัฐเอกชน เวลานี้บ้านเมืองเรากำลังมีปัญหามาก ทุจริตคอร์รัปชั่น ความแตกแยกทางความคิด การแพ้ชนะ ประเทศเพื่อนบ้านก็มีปัญหากันหมด

พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงมีพระราชดำรัสอยู่เสมอว่า จะเอาแพ้ชนะกันมีประโยชน์อะไร ถ้าบ้านเมืองเสียหาย แต่ละพรรค ทุกคนก็เป็นคนไทย ถ้าพรรคไม่ดี ประเทศไทยจะดีได้อย่างไร

ดังนั้น ควรเปลี่ยนวิธีคิดได้หรือไม่ ประเทศจะได้สงบสุขเสียที โดยเฉพาะ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต้องทำ ตัวให้เป็นแบบอย่าง สมาชิกรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ผู้มีตำแหน่งทางการเมือง คนเขาจับตามองทั้งประเทศ

- ช่วงจัดตั้ง ครม. มองอย่างไรกับการต่อรองตำแหน่งของกลุ่มการเมือง
การจะแบ่งกลุ่ม แบ่งก๊วนก็ทำเถอะ เป็นข่าวทุกวันว่ากลุ่มไหนจะเอาตำแหน่งไหน ประชาชนเขามองแล้วก็เสื่อม

คนเป็นรัฐมนตรีต้องเสียสละ หากทุกคนคิดว่าเป็นเพื่อเป็นเกียรติ แล้วใช้ตำแหน่งหาประโยชน์ ก็จะแย่งกันเป็น

ดังนั้น ใครที่ไม่มีความสามารถก็อย่ามาเป็น ให้คนอื่นที่เขาสามารถทำได้มาทำแทน เพราะตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นเรื่องเสียสละ ต้องทำงานให้บ้านเมือง ถ้าเป็นบริษัทของคุณก็ว่าไป

- รัฐบาลควรดูความรู้ความสามารถของคนที่มาเป็นรัฐมนตรีมากกว่าคัดเลือกคนจากกลุ่มก๊วน
แน่นอน...(เสียงสูง) เอาคนที่มาเป็นรัฐมนตรีมากำหนดนโยบาย ต้องเป็น คนเก่ง ต้องทำงานกับข้าราชการประจำ ได้ และมีความรู้พอสมควร ไม่ใช่เอาตัวแทนที่ไม่รู้เรื่องมาเป็นรัฐมนตรีแล้ว หาผลประโยชน์ หากเป็นเช่นนี้จะบริหารประเทศได้อย่างไร

ไม่ใช่มากำหนดโควตาจนทำให้ประชาชนกลุ้มใจอย่างทุกวันนี้ ผม เห็นว่าไม่เหมาะไม่ควรที่มาออกข่าวว่ากลุ่มไหนอยากได้ตำแหน่งอะไรยังไม่ ทันไร โผนั้น โผนี้ เดี๋ยวไปดูไบ ก็เสื่อมหมด

- คิดอย่างไรกับการนำคนใกล้ชิด ญาติสนิท นักการเมืองมาเป็นรัฐมนตรี
ถ้าคนใกล้ชิดเป็นคนเก่ง มีความสามารถไม่ใช่เรื่องเสียหาย ไม่ใช่เอาพรรคพวกที่ไม่รู้เรื่องมาเป็น ทำงานไม่ได้ ข้าราชการก็ดูถูก

- ส.ส.ชุดใหม่จะมีพฤติกรรมด่าทอและมีภาพความรุนแรงหรือไม่
เวลาประชุมสภามันถ่ายทอดสู่สาธารณะ การที่ใช้ถ้อยคำที่ทำให้เกิดความแตกแยก ให้เกิดความร้าวฉาน ทำให้คนทั่วไปมองเป็นภาพความรุนแรง ถือว่าเป็นเรื่องเสียหาย คนจะเสื่อมศรัทธากับสถาบันนี้ เพราะเมื่อได้ชื่อว่าเป็นสมาชิกสภาผู้ทรงเกียรติ แต่ไฉนผู้ทรงเกียรติกลับไปทำพฤติกรรมแบบนั้น

- ผู้ทรงเกียรติในยุคที่สังคมแตกแยกทางความคิดควรจะปฏิบัติตัวอย่างไร
คือ...ตราบใดที่ทั้งสองฝ่ายยังคิดว่าเป็นคนละพวก คิดว่าเป็นศัตรูกัน ก็จะทำทุกอย่างเพื่อล้มล้างศัตรู ซึ่งผมคิดว่าเป็นวิธีคิดที่ผิด ถ้าหากจะชนะคะคานกัน จะต้องเอาอีกฝ่ายให้ล่มสลายไป มันก็เสียหายทั้งสองฝ่าย

- หาก ส.ส.เคารพซึ่งกันและกันในสภา จะเป็นจุดเริ่มความปรองดองในสังคม
แน่นอน ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นบุคคลที่ทรงเกียรติแต่ถ้ามีความแตกแยก ทุกคนก้าวร้าว พูดจาไม่สุภาพ เสียดสี ด่าทอ อู้ย...(เสียงสูง) คนส่วนใหญ่เห็นว่า ส.ส.รัฐมนตรียังทำเลย คนก็เอาบ้างสิ มันก็เป็นแบบอย่างที่ไม่ดี มันก็เสื่อมทรามทั้งระบบ

- จริยธรรมอย่างเดียวเพียงพอหรือไม่
หากพบว่าใครทำผิดจริง ๆ ก็ต้องเล่นงานแรง ๆ ให้เห็นประเด็นถอดถอนออกจากตำแหน่งไปเลย ตัดโอกาสไม่ให้กลับมา ต้องลงโทษอย่างชัดเจน เช่น กรณีพระรักเกียรติ สุขธนะ ที่ถูกลงโทษจำคุก (ในคดีทุจริตรับสินบน) ต้องจับแบบนี้ให้ได้เยอะ ๆ คนก็จะได้กลัว

- มองนโยบายประชานิยมที่พรรคการ เมืองใช้หาเสียงอย่างไร
ต้องทำด้วยเจตนาที่แท้จริง และไม่เป็นภาระผูกพันในอนาคตเรื่องการเงินมาก จะขึ้นค่าแรง 300 บาท ต้องคำนึงถึงความเป็นไปได้ แต่อย่าเอาเงินไปแจก

- หากพรรคการเมืองไม่ทำ ตามที่หาเสียงไว้ ควรจะทบทวนตัวเองอย่างไร
ต้องรับผิดชอบด้วยการลาออก เพื่อให้รัฐบาลใหม่เอาสิ่งที่ไปหาเสียงไว้มากำหนดเป็นนโยบายแถลงต่อรัฐสภา

แม้จะบอกว่าเป็นรัฐบาลเพราะมี ส.ส. เยอะนั้น ไม่ได้ ต้องมีความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองไปสัญญาประชาคมไว้ แม้ไม่มีการอภิปรายหรือลงมติก็ต้อง ลาออกเอง ต้องแถลงลาออก นั่นเป็นประเทศที่มีประชาธิปไตยเขาทำกัน

การเป็นรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี ไม่ใช่เรื่องมีเกียรติ แต่เป็นเรื่องความรับผิดชอบ เมื่อทำไม่ได้ก็ต้องออก แม้จะเอาเสียงข้างมากมายกมือแต่ก็ทำไม่ได้อยู่ดี นี่คือจิตสำนึกของคนที่มาดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไม่ใช่อยู่ไปนาน ๆ เพื่อหาประโยชน์ อย่างนี้ก็แย่ บ้านเมืองเสียหายหมด ทำไม่ได้ก็ต้องออกไป

- ในฐานะที่เป็นตำรวจทางการเมือง มีอะไรจะฝากถึง ส.ส.และรัฐบาลชุดใหม่ที่กำลังเดินเข้าสภา
ในฐานะที่ท่านทั้งหลายเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เป็นบุคคลที่สาธารณะคาดหวัง เป็นบุคคลที่เข้ามาใช้อำนาจรัฐเพื่ออำนวยประโยชน์สุขให้แก่บ้านเมือง

ดังนั้น ท่านต้องเสียสละ ต้องมีพฤติกรรมที่เป็นแบบอย่างที่ดีต่อประชาชนทั้งประเทศ

หากแม้นเห็นว่าทำไม่ได้แล้ว ควรจะเปิดโอกาสให้คนอื่นมาทำ ผมยืนยันว่า ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีทั้งหลายแหล่ ไม่ใช่ตำแหน่งที่มีเกียรติอย่างเดียว เป็นตำแหน่งที่ต้องเหนื่อยยาก เสียสละ ต้องมีความพร้อมทุกด้าน ภาระรับผิดชอบมีมากมาย ถ้ามันหนักหนาสาหัสก็เปิดโอกาสให้คนอื่นมาทำงานแทน

ที่มา.ประชาชาติธุรกิจ
///////////////////////////////////////////

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น