สัมภาษณ์พิเศษ
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโรค หรือ สคบ. เรียกร้องให้ผู้บริโภคที่ถูกเอาเปรียบ ออกมาใช้สิทธิ์ร้องเรียนเพื่อขอความเป็นธรรม 5 ประการตามกฎหมายกำหนด ที่สายด่วน สคบ.1166 หรือรับแบบฟอร์มร้องเรียนที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น พร้อมทั้งตอบรับนโยบายนายกรัฐมนตรี เพิ่มช่องทางร้องเรียนให้มากขึ้น นอกจากนี้ยังเตรียมความพร้อมต้อนรับเออีซี ด้วยการเปิดโครงการผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยว ร่วมใจคุ้มครองผู้บริโภค และพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดสัมมนา "Thai Young Consumer Leader To Asian" เชิญเยาวชนจาก 9 ประเทศกลุ่มอาเซียน ร่วมสัมมนาในเดือนกรกฎาคม
จิรชัย มูลทองโร่ย เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กล่าวว่า สคบ.เป็นหน่วยกลางในการคุ้มครองผู้บริโภค ตามสิทธิที่ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2541 กำหนดไว้ โดยมีการกำหนดวิศัยทัศน์ที่ชัดเจนตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา ในประเทศไทยมีหน่วยงานที่คุ้มครองผู้บริโภค 8 กระทรวง 20 กลุ่ม ซึ่งแต่หน่วยงานก็ทำหน้าที่ดูแลคุ้มครองผู้ประกอบธุรกิจที่รับผิดชอบ แต่ สคบ.คุ้มครองผู้บริโภคตามสิทธิผู้บริโภค 5 ประการ ได้แก่
1.สิทธิที่จะได้รับข่าวสารรวมทั้งคำพรรณนาคุณภาพที่ถูกต้องและเพียงพอ เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ ได้แก่ สิทธิที่จะได้รับการโฆษณา หรือการแสดงฉลากตามความเป็นจริง และปราศจากพิษภัยแก่ผู้บริโภค รวมตลอดถึงสิทธิที่จะได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า หรือบริการอย่างถูกต้องและเพียงพอ ที่จะไม่หลงผิดในการซื้อสินค้าหรือรับบริการ โดยไม่เป็นธรรม
2.สิทธิที่จะมีอิสระในการเลือกหาสินค้าหรือบริการ ได้แก่ สิทธิที่จะเลือกซื้อสินค้าหรือรับบริการโดยความสมัครใจ และปราศจากการชักจูงใจอันไม่เป็นธรรม
3.สิทธิที่จะได้รับความปลอดภัยจากการใช้สินค้าหรือบริการ ได้แก่ สิทธิที่จะได้รับสินค้าหรือบริการที่ปลอดภัย มีสภาพและคุณภาพได้มาตรฐานเหมาะสมแก่การใช้ ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สิน ในกรณีใช้ตามคำแนะนำ หรือระมัดระวังตามสภาพของสินค้าหรือบริการนั้น
4.สิทธิที่จะได้รับความเป็นธรรมในการทำสัญญา ได้แก่ สิทธิที่จะได้รับข้อสัญญาโดยไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้ประกอบธุรกิจ
5.สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาและชดเชยความเสียหาย ได้แก่ สิทธิที่จะได้รับการคุ้มครองและชดใช้ค่าเสียหาย เมื่อมีการละเมิดสิทธิของผู้บริโภค ตามข้อ 1, 2, 3 และ 4
กฎหมายให้อำนาจ สคบ.ฟ้องคดีแทนผู้บริโภคจนถึงศาลฎีกา โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมใดๆ ทั้งสิ้น สคบ.จะเป็นหน่วยงานกลางในการเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาพิจารณาแก้ไขปัญหาร่วมกัน ผมมีนโยบายชัดเจน ไม่คุ้มครองตามอำเภอใจ หมายความว่า หากผู้ประกอบได้ดำเนินการชดเชยให้ผู้บริโภคตามความเหมาะสมแล้ว แต่ผู้บริโภคยังไม่พอใจ สคบ.จะปิดบัญชี ให้ผู้บริโภคไปดำเนินการฟ้องร้องเอง เพราะถือว่าผู้ประกอบการแสดงความรับผิดชอบตามสมควรแล้ว ผมเป็นหน่วยงานภาครัฐ ต้องให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย แต่ สคบ.ก็ถูกผู้บริโภคฟ้องกลับเหตุเพราะไม่พอใจในคำตัดสิน ผมขอยืนยันว่า สคบ.ทำหน้าที่อย่างเป็นกลาง และให้ความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย ไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จึงอยากจะเรียกร้องให้ผู้บริโภคออกมาใช้สิทธิ์ร้องเรียนตามกฎหมายกำหนด คิดไม่ออก บอก สคบ.1166"
ด้านนโยบายที่ วราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้รับมอบหมายโดยตรงจาก ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้มาทำหน้าที่ ประธานกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค นั้น เลขาธิการ สคบ. กล่าวว่า รัฐมนตรีวราเทพ เป็นตัวแทนนายกรัฐมนตรีมาทำหน้าที่แทน ซึ่งท่านเห็นชอบกับวิศัยทัศน์และยุทธศาสตร์ของ สคบ.ที่มีอยู่เดิม แต่ขอให้เพิ่มเติมในส่วนของผู้ประกอบการที่มีเจตนาเอาเปรียบผู้บริโภค หรือผู้ประกอบการที่ไม่แน่ชัดว่าตั้งใจเอาเปรียบประชาชน หรืออาศัยช่องว่างของกฎหมายเอาเปรียบผู้บริโภค และผู้ประกอบการที่ไม่มีผู้ร้องเรียน เช่น การคิดอัตราค่าจอดรถตามอาคารต่างๆ ที่เอาเปรียบ หากผู้ประกอบธุรกิจไม่ยอมแก้ไข สคบ.สามารถประกาศให้สาธารณชนรับได้ และให้ สคบ.ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
ในส่วนของผู้บริโภค รัฐมนตรีวราเทพ อยากให้ สคบ.เพิ่มช่องทางในการร้องเรียนให้มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีช่องทางในการร้องเรียนคือ สายด่วน สคบ.1166 หรือขอรับแบบฟอร์มร้องเรียนที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นทุกสาขาทั่วประเทศ แต่อยากให้มีศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ สคบ.ตามห้างสรรพสินค้าทุกแห่งที่มีสาขาทั่วประเทศ นอกจากนี้ก็อยากให้มีการขยายเครือข่าย สคบ.จากที่มีอยู่ให้มากขึ้น ไม่อยากให้เป็นไฟไหม้ฟาง อยากให้ทำอย่างต่อเนื่อง"
สำหรับการเตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน สคบ. เล็งเห็นถึงความสำคัญเกี่ยวกับธุรกิจการให้บริการท่องเที่ยว เนื่องจากมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ ประกอบกับเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลในการคุ้มครองผู้บริโภค จึงเห็นควรมีการป้องปรามและทำความเข้าใจกับ ผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยว อันจะเป็นการป้องกันการกระทำที่อาจเป็นการละเมิดสิทธิผู้บริโภค โดยการจัด โครงการผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยว ร่วมใจคุ้มครองผู้บริโภค
สคบ.จะออกตรวจสอบผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นในกลุ่มธุรกิจบริการจัดทัวร์ท่องเที่ยว ไกด์ ให้บริการเช่ารถยนต์ อุปกรณ์ดำน้ำ เรือเช่า สถานที่พัก โรงแรม รีสอร์ท ร้านอาหาร ร้านจำหน่ายสินค้าของฝาก ร้านจำหน่ายเครื่องประดับอัญมณี เครื่องเงิน ทองคำ และจัดสัมมนาเพื่อทำความเข้าใจและให้ความรู้ผู้ประกอบธุรกิจถึงหลักเกณฑ์ ข้อกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้วหลายครั้ง อาทิ เชียงราย เมืองพัทยา ชลบุรี นครพนม ตรัง เป็นต้น"
นอกจากนี้ สคบ.ยังได้จัดการอบรมให้ความรู้แก่กลุ่มเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นครู อาจารย์และนักเรียน เพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน อาทิ โครงการ Thai Smart Young Consumer หรือการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ อาทิ GS1 เพื่อเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
รวมทั้งมีแนวคิดเปิดโครงการใหม่ ชื่อว่า "Thai Young Consumer Leader To Asian" ที่ได้รับแนวความคิดเมื่อครั้งไปดูงานที่ประเทศบรูไน ซึ่งบรูไนต้องการให้มีประเทศในกลุ่มอาเซียนเป็นแกนนำในการสนับสนุนเยาวชนรุ่นใหม่ที่ส่งเสริมการดูแลผู้บริโภค สคบ.จึงถือโอกาสนี้ เป็นเจ้าภาพในการจัดกิจกรรมสัมมนา "Thai Young Consumer Leader To Asian" โดยตั้งใจว่าจะเชิญเยาวชนจาก 9 ประเทศในกลุ่มอาเซียนมาร่วมสัมมนาในเดือนกรกฎาคม เพราะมั่นใจว่า สคบ.ของไทยมีความพร้อมจากโครงการ Thai Smart Young Consumer ที่มีเครือข่ายในสถานศึกษา และมีหลายประเทศมาขอดูงาน เช่น อินโดนีเซีย โอมาน
โครงการ “สคบ.สัญจร” ที่จะเป็นการลงพื้นที่จาก สคบ.ส่วนกลางการให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการและผู้บริโภคในภูมิภาคต่างๆ ซึ่งแต่เดิม สคบ.ทำเพียงให้ความรู้ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค แต่ต่อจากนี้ จะแทรกเรื่องเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่เออีซีด้วย และปีนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบให้สอดคล้องกับกิจกรรมหรือเทศกาลสำคัญๆ ของจังหวัดนั้นๆ ซึ่งถือได้ว่าเป็นการบูรณาการความร่วมมือเพื่อให้ผู้บริโภคเกิดประโยชน์สูงสุด
สำหรับแผนการดำเนินงานในอนาคต สคบ.กำลังเร่งดำเนินการในเรื่องขอการมอบตราสัญลักษณ์การคุ้มครองผู้บริโภคแก่ผู้ประกอบธุรกิจ ซึ่งคาดว่าจะมอบได้ในวันที่ 30 เมษายน 2556 ซึ่งเป็นวันคุ้มครองผู้บริโภคไทยให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจได้ใน 3 กลุ่ม คือ ธุรกิจทองคำ ทองรูปพรรณ โรงเรียนกวดวิชา และธุรกิจขายตรง เนื่องจากทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจ มีความพร้อม และจากการตรวจสอบ มีการปฏิบัติถูกต้องตามหลักเกณฑ์และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะดำเนินการไปพร้อมกับการตั้งกองทุนเยียวยา เพื่อชดเชยผู้บริโภคที่มาร้องเรียนได้ทันที โดยไม่ต้องรอผ่านกระบวนการฟ้องร้องทางศาล
เลขาธิการ สคบ.ย้ำว่า การทำงานของ สคบ.ดำเนินไปโดยศึกษาปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในสังคมในสถานการณ์ต่างๆ และพร้อมปรับตัวเพื่อให้รับมือกับปัญหานั้นๆ ให้ดีที่สุด พร้อมสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของประเทศ และยึดมั่นที่จะเป็นองค์กรกลางความร่วมมือด้านการคุ้มครองผู้บริโภคต่อไป
ที่มา.คมชัดลึก
.........................................