เพื่อกำหนดทิศทางในการเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ภายใต้กรอบทวิภาคีเชิงลึกมากขึ้นและเพื่อขยายความร่วมมือในระดับภูมิภาค ประธานาธิบดีบารัค โอบามาได้แสดงความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่ได้รับโปรดเกล้าให้เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์
ประธานาธิบดีบารัค โอบามาย้ำจุดยืนว่า สหรัฐอเมริกาสนับสนุนระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทยและยินดีกับรัฐบาลไทยในความมุ่งมั่นเพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตยอย่างแข็งขัน เขาย้ำว่าประเทศไทยคือพันธมิตรตามสนธิสัญญาที่เก่าแก่ที่สุดในเอเชียของสหรัฐอเมริกา ผู้นำทั้ง 2 ฝ่ายต่างเห็นพ้องในความเป็นพันธมิตรอันมีรากฐานมากจากการยึดมั่นในระบอบประชาธิไตย หลักนิติรัฐ หลักสิทธิมนุษยชนอันเป็นสากล ความเป็นสังคมเปิด และการมีตลาดเสรี อันเป็นสิ่งที่ทำให้ประชาชนของทั้ง 2 ประเทศผูกพันแน่นแฟ้น
โดยนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตรเสริมว่า ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทยและสหรัฐอเมริกานั้นเกือบ 180 ปีนั้น ได้รับการสถาปนาครั้งแรกในปี 1833 ตามสนธิสัญญาไมตรีและการค้า (Treaty of Amity and Commerce) การเป็นหุ้นส่วนระหว่างกันนั้นมิใช่เพียงแค่ระยะเวลาที่ยาวนานเป็นเครื่องพิสูจน์ความสัมพันธ์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงผลประโยชน์ร่วมกันของทั้ง 2 ประเทศด้วย ซึ่งมีคุณค่าเปี่ยมไปด้วยความหมายในการสนับสนุนให้เกิดเสถียรภาพ ความรุ่งเรือง และสร้างงานให้ทั้ง 2 ประเทศตลอดจนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหมด ผู้นำทั้ง 2 ประเทศยินดีที่จะหารือร่วมกันในระดับสูง ในมิติที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น
- รวมถึงการหารือทางยุทธศาสตร์ครั้งที่ 4 ระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกาในเดือนมิถุนายน 2012
- การเยือนสหรัฐอเมริกาของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์เมื่อเดือนกันยายน 2012 เพื่อเข้าร่วมประชุมสมัชชาใหญ่แห่งองค์การสหประชาชาติครั้งที่ 67
- การหารือร่วมกันว่าด้วยยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงครั้งที่ 2 เมื่อเดือนตุลาคม 2012 และ
- การเยือนประเทศไทยของรัฐมนตรีกลาโหมแห่งสหรัฐอเมริกา นายลีออน พาเน็ตตา (Leon Panetta) เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2012 ที่ผ่านมา
ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องที่จะใช้การหารือในระดับสูงเป็นเครื่องมือในการสานสัมพันธ์สู่ความสำเร็จยิ่งขึ้น ภายใต้ความเป็นหุ้นส่วนระหว่างกันให้ที่หลากหลายมิติมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลสะท้อนในความร่วมมือเชิงลึกด้านต่าง ๆ ทั้งการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ ด้านเทคนิค สังคม วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การหารือทางยุทธศาสตร์ระหว่างสหรัฐอเมริกาและไทย (United States-Thailand Strategic Dialouge) ถือเป็นกรอบความร่วมมือที่สำคัญในการกำหนดวาระความสัมพันธ์ของทั้งสหรัฐและไทย
นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้การต้อนรับประธานาธิบดีบารัค โอบามา
การหารือยุทธศาสตร์ความมั่นคงระหว่างไทยและสหรัฐครั้งที่ 2 นั้นทำให้ความร่วมมือด้านความมั่นคงภายใต้กรอบทวิภาคี ช่วยส่งเสริมและพัฒนาความสัมพันธ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ผู้นำทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องที่จะหารือทางยุทธศาสตร์ระหว่างกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงกลาโหมของไทยและสหรัฐเพื่อขยายความเป็นหุ้นส่วนของทั้ง 2 ประเทศ ผู้นำทั้ง 2 ประเทศย้ำถึงหุ้นส่วนเชิงสร้างสรรค์ไทย-สหรัฐ (Thailand-United States Creative Partnership) ที่เชื่อมโยงมหาวิทยาลัย ภาคธุรกิจ และนวัตกรรมในภาคส่วนต่างๆ ของทั้ง 2 ประเทศ เป็นความมือหลักของทั้ง 2 ชาติ และให้เป็นฟอรั่มในการขยายความร่วมมือในพื้นที่ใหม่ๆ
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าไทยยินดีที่จะแลกเปลี่ยนทางการศึกษาและการไปมาหาสู่ระหว่างประชาชนผ่านโครงการให้ทุนการศึกษาฟุลไบรท์ (Full Bright) และโครงการหน่วยสันติภาพ (Peace Corps) ซึ่งครบรอบ 50 ปีในปีนี้ ผู้นำทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องที่จะฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตที่กำลังจะครบรอบ 180 ปีในอีกไม่ช้า ถือเป็นโอกาสอันดีที่ทำให้ทั้งไทยและสหรัฐอเมริกาได้ตระหนักถึงความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างกันและทำให้มีศักยภาพที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ด้านประธานาธิบดีโอบามาได้แสดงให้เห็นว่าเขาซาบซึ้งและประทับใจที่ประเทศไทยพยายามสนับสนุนสันติภาพและความรุ่งเรืองให้เกิดขึ้นในภูมิภาคผ่านโครงการพัฒนาด้านต่างๆ ขณะที่นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ยินดีกับบทบาทเชิงสร้างสรรค์ของสหรัฐในภูมิภาค ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องที่จะเกี่ยวพันกันในมิติที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยสหรัฐจะช่วยส่งเสริมในการเพิ่มพูนสันติภาพ ความรุ่งเรือง การพัฒนาอย่างยั่งยืน ตลอดจนความสัมพันธ์ในระดับประชาชนต่อประชาชน ทั้ง 2 ฝ่ายยินดีต่อความสำเร็จขณะที่ความร่วมมือด้านความมั่นคง ดังนี้
- การฝึกซ้อมรบภายใต้รหัสคอบร้าโกลด์ (Cobra Gold) ประจำปีต่อไป ซึ่งในปัจจุบันมีประเทศที่เข้าร่วมฝึกซ้อมรบและเฝ้าสังเกตการณ์รวม 27 ประเทศ
- การร่วมปฏิบัติการเพื่อรักษาสันติภาพระหว่างประเทศไทยในดาฟูร์
- การปฏิบัติภารกิจเพื่อต่อต้านกลุ่มโจรสลัดในอ่าวเอเดน (Aden)
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีโอบามายังร่วมยินดีกับไทยที่ได้เป็นเจ้าภาพร่วมกับสาธารณรัฐเกาหลีในงานประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือและความมั่นคงในการฝึกซ้อมเตรียมรับภัยพิบัติในปี 2013 นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์แสดงความยินดีกับสหรัฐที่ดำเนินนโยบายในการเป็นหุ้นส่วนแห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอย่างแข็งขันและการให้ความสนับสนุนอาเซียนของสหรัฐในการรวมตัวและการพัฒนาเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านการเกี่ยวพันของสหรัฐในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน-สหรัฐ และการประชุมสุดยอดผู้นำเอเชียตะวันออก (East Asia Summit: EAS)
ประธานาธิบดีโอบามากล่าวว่า ความสำคัญที่เพิ่มขึ้นอย่างมากของการประชุมสุดยอดผู้นำเอเชียตะวันออก เป็นฟอรั่มในการหารือของผู้นำในเอเชียแปซิฟิกทั้งประเด็นการเมืองและยุทธศาสตร์ ผู้นำทั้ง 2 ฝ่ายเน้นย้ำความมุ่งมั่นที่ทำงานร่วมกันเพื่อสนับสนุนให้เกิดความร่วมมือในทางปฏิบัติของภูมิภาค รวมทั้งองค์การระดับพหุภาคีในภูมิภาคอย่างการประชุมว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ARF) และความร่วมมือด้านเศรษฐกิจในเอเชียแปซิฟิก (APEC) ผู้นำทั้ง 2 ฝ่ายต่างตระหนักถึงความสำคัญว่าด้วยความร่วมมือที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานการเคารพซึ่งกันและกัน และการแก้ปัญหาข้อพิพาทอย่างสันติตามหลักการสากลของกฎหมายระหว่างประเทศ
ทั้ง 2 ฝ่ายต่างยอมรับความสำเร็จในความคืบหน้าว่าด้วยแนวปฏิบัติทะเลจีนใต้ภายใต้กรอบความร่วมมือของอาเซียน-จีน นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์กล่าวถึงการที่สหรัฐมีข้อริเริ่มในการเกี่ยวพันกับลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่าง ทั้ง 2 ฝ่ายยินดีที่ลงนามในบันทึกทำความเข้าใจ (MoU) ความร่วมมือไตรภาคีระหว่างองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา และองค์การความร่วมมือการพัฒนาของไทยในการสนับสนุนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์แก่ประเทศต่างๆ ในภูมิภาค
ผู้นำทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องที่จะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อเผชิญหน้ากับความท้าทายรูปแบบใหม่ เช่น ความมั่นคงด้านนิวเคลียร์ สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง การบรรเทาภัยพิบัติ และการลักลอบค้าสัตว์ป่า ที่กลายเป็นประเด็นสำคัญในระดับโลก ผู้นำทั้ง 2 ฝ่ายต่างยินดีต่อผลการประชุมสุดยอดผู้นำความมั่นคงว่าด้วยนิวเคลียร์ ณ กรุงโซล และการประสานงานร่วมกันเกี่ยวกับภัยคุกคามด้านนิวเคลียร์ รวมทั้งการเข้าไปมีส่วนร่วมกับข้อริเริ่มเพื่อต่อต้านการก่อการร้ายด้วยอาวุธนิวเคลียร์ ในการนี้ ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แสดงความยินดีที่ไทยประกาศรับรองหลักการสกัดกั้นความริเริ่ม ด้านความมั่นคงในการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง (Proliferation Security Initiative: PSI)
นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตรวจแถวทหารกองเกียรติยศร่วมกับประธานาธิบดีบารัค โอบามา
ประธานาธิบดีโอบามาและนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ เห็นพ้องที่จะร่วมมือในการต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามชาติ อาทิ การต่อต้านการค้ามนุษย์ การต่อต้านยาเสพติด และการพยายามทำให้บริเวณชายแดน สนามบิน และท่าเรือเกิดความปลอดภัย โดยประธานาธิบดีโอบามาและนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ให้ความสำคัญในการเป็นหุ้นส่วนร่วมกันในด้านสาธารณสุข และพัฒนาวัคซีนสำหรับป้องกันภูมิคุ้มกันบกพร่องจากการติดเชื้อ HIV และไข้เลือดออก ตลอดจนความร่วมมือเพื่อต่อต้านโรคระบาด เช่น โรคไข้หวัดใหญ่ และการดื้อยาต้านเชื้อมาลาเรียหลายชนิด โดยทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องในความร่วมมือที่จะเอาชนะต่อความท้าทายข้ามชาติทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก
ประธานาธิบดีบารัค โอบามายังตระหนักถึงบทบาทของไทยในการเป็นศูนย์กลางแห่งภูมิภาคสำหรับการเชื่อมโยงอาเซียนและสนับสนุนบทบาทที่สำคัญยิ่งของไทยในการขับเคลื่อนประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic community: AEC) ทั้ง 2 ฝ่ายยินดีที่จะรวมกลุ่มกันภายใต้กรอบความตกลงการลงทุนและการค้า (Trade and Investment Framework Agreement: TIFA) การร่วมมือในเชิงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ ในบริบททนี้ ผู้นำทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องที่จะร่วมมือเพื่อสนับสนุนให้เกิดการค้า การลงทุน การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างยั่งยืน การพัฒนาโอกาสทางเศรษฐกิจแก่สตรี และการเชื่อมโยงในระดับประชาชนสู่ประชาชนผ่านแผนงานสหรัฐ-อาเซียน 5 ปี (U.S.-ASEAN Five Year Work Plan)
ประธานาธิบดีโอบามารู้สึกยินดีที่ประเทศไทยให้ความสนใจในการเจรจาตามความตกลงหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ภาคพื้นแปซิฟิก (Trans Pacific Partnership: TPP) ที่ไทยจำเป็นต้องดำเนินการตามกระบวนการภายใน โดยผู้นำทั้ง 2 ฝ่ายยินดีที่จะมีการประชุมรัฐมนตรีร่วมภายใต้ความตกลงทั้งด้านการลงทุนและการค้า ซึ่งเป็นอีกก้าวสำคัญในการกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าและการปรึกษาหารือของไทยในการเข้าไปมีส่วนร่วมตามความตกลงที่มีมาตรฐานสูงซึ่งรวมถึงความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก(Trans Pacific Partnership: TPP) นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์และประธานาธิบดีโอบามาเห็นพ้องที่จะแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกาเพื่อนำไปสู่ความร่วมมือที่ก้าวหน้าและหลากหลายมิติมากยิ่งขึ้น
ถ้อยแถลงจากงานเลี้ยงอาหารมื้อค่ำอย่างเป็นทางการระหว่าง
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา และนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา v.s. นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ภาพจากทำเนียบรัฐบาล
นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศฮิลลารี คลินตัน สุภาพสตรีและสุภาพบุรุษผู้มีเกียรติทุกท่าน ดิฉันรู้สึกยินดีอย่างยิ่งในการให้การต้อนรับท่านสู่เมืองไทย และเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่ได้รับโอกาสในการเยือนหลังชัยชนะเลือกตั้งประธานาธิบดี ดิฉันหวังว่างานกาลาดินเนอร์ในค่ำคืนนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นการต้อนรับการเยือนของท่าน แต่ยังเป็นการร่วมฉลองแสดงความยินดีที่ท่านดำรงตำแหน่งเป็นวาระที่ 2 ดิฉันเชื่ออย่างยิ่งว่าประธานาธิบดีของท่านจะประสบความสำเร็จและขยายความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ชาติอย่างสมบูรณ์
ดิฉันขอใช้โอกาสนี้ขอบคุณท่านและทีมรัฐบาลของท่าน โดยเฉพาะรัฐมนตรีต่างประเทศ ฮิลลารี คลินตัน สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอได้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและสหรัฐ รวมทั้งการเกี่ยวพันกับชาติเอเชียทั้งหลายดำเนินไปอย่างก้าวหน้า สำเร็จลุล่วง ความเป็นหุ้นส่วนของเรามิใช่แค่เพียงรากฐานทางประวัติศาสตร์ แต่ยังรวมถึงความสัมพันธ์ของเราในระดับประชาชนสู่ประชาชนที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานการมีค่านิยมร่วมกันทั้งด้านประชาธิปไตยและการเคารพในสิทธิเสรีภาพของพลเมืองร่วมกันด้วย
เรารู้สึกซาบซึ้งใจต่อการให้ความสนับสนุนของท่านในการนำพาประชาธิปไตยกลับสู่ประเทศไทย ดิฉันหวังว่าท่านจะยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง แม้ในขณะที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายอย่างหลากหลาย
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กล่าวถ้อยแถลงในมื้ออาหารค่ำอย่างเป็นทางการ ภาพจากทำเนียบรัฐบาล
ในความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ อย่างที่ประธานาธิบดีและดิฉันได้หารือกันในวันนี้ เราจะยังคงเสริมสร้างและขยายการค้า การลงทุน เพื่อสนับสนุนให้เกิดการจ้างงานและความเจริญรุ่งเรืองของเราต่อไป ในโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพียงความเชื่อมั่นเท่านั้น หุ้นส่วนจะสามารถยึดมั่นสันติภาพและความรุ่งเรืองสู่ประเทศชาติของเราทั้งสองได้
ท่านผู้มีเกียรติทั้งหลาย ดิฉันขอเชิญทุกท่านร่วมดื่มอวยพรเพื่อฉลองความสัมพันธ์ของเราที่จะครบรอบ 180 ปีในปี 2013 นี้ ที่สหรัฐอเมริกาและประเทศเป็นมิตรภาพที่ดีต่อกันอย่างยาวนาน
เชียร์
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา
ท่านนายกรัฐมนตรีและท่านผู้มีเกียรติทั้งหลาย การเยือนประเทศไทยของผมแม้เป็นช่วงเวลาสั้น แต่ผมก็รู้สึกได้ถึงการต้อนรับอย่างอบอุ่นของประชาชนชาวไทย อย่างที่ทุกท่านรู้จักกันดีในนามของ ดินแดนแห่งรอยยิ้ม (สยามเมืองยิ้ม) และผมรู้สึกได้ไม่ว่าจะไปที่แห่งใดก็ตาม
ผมรู้สึกได้ถึงเกียรติภูมิและความแข็งแกร่งของประชาชนและประเทศนี้ ความสงบและสันติภาพที่ผมรู้สึกได้ขณะที่ผมย่างก้าวไปในบริเวณวัดโพธิ์ (วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร) และพระปรีชาสามารถของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงอุทิศตนและพระราชทานความช่วยเหลือในการพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนทั้งเรา เราได้เห็นถึงการฟื้นฟูชาติและพยายามผลักดันให้ประเทศชาติหน้าก้าวหน้าต่อไปหลังประสบอุทกภัย
บารัค โอบามา กล่าวถ้อยแถลงในมื้ออาหารค่ำอย่างเป็นทางการ ภาพจากทำเนียบรัฐบาล
เหนือสิ่งอื่นใด ผมคิดว่าเราทั้งมวลที่อยู่ ณ ที่นี่ในค่ำคืนนี้มีความเป็นมิตรภาพอันเป็นหนึ่งเดียวกัน ครั้งหนึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตรัสว่าตั้งแต่ท่านทรงพระราชทรงภพ ณ ประเทศอเมริกา สหรัฐอเมริกาถือเป็น “แผ่นดินแม่อีกครึ่งหนึ่ง” (half my motherland) และเราทั้งหมดทั้งมวลรู้สึกภาคภูมิใจในความเป็นคนไทยอเมริกัน ผู้ที่จะทำให้ประเทศของเรารุ่งเรือง ด้วยความสัจจริง ผมได้กล่าวกับพระบาทสมเด็นพระเจ้าอยู่หัวถึงพันโทหญิง ลัดดา แทมมี่ ดัคเวิร์ธ (Ladda Tammy Duckworth) ที่เป็นลูกครึ่งอเมริกัน-ไทยคนแรกที่ได้รับการเลือกตั้งเข้าสู่สภาของเรา และเธอมาจากรัฐอิลลินอยส์ ผมรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเธออย่างยิ่ง
ทุกสิ่งอย่างที่ผมรู้สึกได้ เกียรติภูมิของพวกท่าน ความยืดหยุ่นในการปรับตัวของพวกท่าน มิตรภาพ รวมทั้งการต้อนรับอันอบอุ่นจากพวกท่าน เหล่านี้คือรากฐานความสัมพันธที่เป็นพันธมิตรของพวกเรา นั่นคือสาเหตุที่ทำให้ท่านเป็นชาติแรกในอาเซียนที่สหรัฐให้ความสำคัญในการมาเยือนหลังจากที่เราได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้ง นั่นคือสาเหตุที่ทำไมวันนี้ เราสามารถกล่าวได้ว่าไทยคือเพื่อนที่เก่าแก่ที่สุดของเรา และเรารู้สึกภาคภูมิใจต่อมิตรภาพของเรายิ่งนัก เรารู้สึกได้และเล็งเห็นความเป็นผู้นำอันชาญฉลาดของนายกรัฐมนตรี ท่านสามารถดำเนินบนเส้นทางประชาธิปไตยได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยเสรีภาพ และมีพัฒนาการ
นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร v.s. ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ภาพจากทำเนียบขาว
ด้วยเหตุนี้ ผมขอดื่มอวยพรแด่มิตรภาพระหว่างประชาชนของเรา เพื่อเพิ่มพูนความแข็งแกร่งแด่ความเป็นพันธมิตรของเรา เพื่อสันติภาพ ความรุ่งเรืองที่เราร่วมแสวงหาและแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
ไชโย.
ที่มา: The White House
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////