ท่านเจ้าของประเทศ??
“มาร์คไขสือ” ประกาศโรดแมปเพื่อความปรองดองแห่งชาติ แม้ไม่ได้กำหนดวันยุบสภาแต่ก็กำหนดวันเลือกตั้งไว้ที่ 14 พฤษจิกายน 2553หลายฝ่ายยังดันทะลึ่งออกมาชูธงคัดค้านการยุบสภาการยุบสภาไม่เห็นเสียตรงไหน และก็ไม่ผิดกับหลักการประชาธิปไตยแต่อย่างใดเป็นเรื่องที่ถูกต้องเสียอีก ที่หลากหลายความคิดหลากหลายสีเสื้อจะได้ไปต่อสู้ให้รู้แพ้รู้ชนะ รู้หมู่รู้จ่ากันด้วยมือเปล่า ในคูหาเลือกตั้งดีกว่าจะต้องมาคว้าปืนผาหน้าไม้ออกมาห้ำหั่นเผาบ้านเผาเมืองให้วอดวายรู้แพ้รู้ชนะกันข้างถนนไม่ใช่หรือ??หรือว่า คุณวรนุช ไม่ชอบ??
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เรื่องของบุญญาวาสนา??
คนเสื้อหลากสีชุมนุมกันที่บริเวณอนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิตำรวจจัดวางกำลังดูแลความปลอดภัย ทั้งตามจุดล่อแหลมและจุดสูงข่ม รวมทั้งจัดชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดตรวจสอบพื้นที่ก่อนการชุมนุมเพื่อให้การชุมนุมเป็นไปอย่างปลอดภัยเรื่องการจะดำเนินคดีตาม พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินฯ นั้น ไม่ต้องพูดถึงบุ้ยไปที่ขาดเจตนาไปโน้น!! ก็ไม่รู้เจตนาอะไร??ทีกับการชุมนุมของคนเสื้อแดง ตำรวจ-ทหารก็วางกำลังเหมือนกัน แต่ดูเหมือนจะวางกำลังสกัดกั้นและเตรียมสลายการชุมนุมมากกว่าที่พูดมาไม่ใช่เพื่อให้เกิดความเกลียดชังเจ้าหน้าที่บ้านเมืองแต่พูดด้วยความห่วงใย เผื่อจะได้ฉุกคิดบ้างว่า การที่คนแห่มาชุมนุมเป็นเรือนหมื่นเรือนแสนทนร้อนทนฝนอยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะเหตุจากการเลือกปฏิบัติ เหตุจากความคิดที่ว่าบ้านนี้เมืองนี้ไม่มีความยุติธรรมไม่ใช่หรือ??อย่าให้ใครว่าได้ว่า คนมีเส้น ทำอะไรๆ ก็ถูกไปหมด??? เดี๋ยวก็ยุ่งตาย...ห่...!!
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ท่าดี ทีเหลว??
วันนี้เจ้ามือหวยใต้ดินยังยิ้มย่องผ่องใส่อิ่มหมีพีมันกันเหมือนเดิมหวยออนไลน์ที่ทำท่าจะออกมาสยบหวยใต้ดิน ถึงวันนี้อะไรๆ ก็ยังไม่คืบเท่าที่ควรสลากกินแบ่งขายเกินราคา วันนี้ก็ยังขายเกินราคาแถมจะเกินราคามากกว่าเดิมเสียอีกเพิ่มจำนวนสลาก ก็แค่เพิ่มความอ้วนท้วนสมบูรณ์ให้ผู้เกี่ยวข้องเท่านั้นกว่าจะถึงมือผู้ค้าย่อยก็ปาไปฉบับละเก้าสิบกว่าบาทแล้วจะให้จำหน่ายราคาฉบับละแปดสิบบาทคงต้องรอไปชาติหน้าช่างบริสุทธิ์ซื่อ สะอาดหมดจดกันเสียจริงๆเห็นมาด กรณ์ จาติกวนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแล้วนึกว่าจะพึ่งได้เอาเข้าจริงก็แค่ ท่าดี ทีเหลว เท่านั้นเอง??
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ผู้ดีเดินตรอก ขี้ครอกเดินถนน??
วันนี้อะไรๆ ในเมืองไทยชักจะไม่อยู่กับร่องกับรอยที่ได้ดีมีชัยชูหน้าอ้าปากหน้าสลอน หากมองพฤติกรรมในอดีตแล้วมันคนละเรื่องเดียวกัน??อดีตเคยยึดทำเนียบรัฐบาล ยึดสนามบินเป็นที่ชุมนุมวันนี้ยังมีหน้าอ้าปากแบบไม่อายฟ้าไม่อายดิน ให้ดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่ยึดสี่แยกราชประสงค์เป็นที่ชุมนุนให้สิ้นซากอดีตเคยเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภาเนื่องเพราะมีประชาชนมาชุมนุมขับไล่วันนี้ถูกประชาชนชุมนุมขับไล่เป็นเรือนหมื่นเรือนแสน กลับนิ่งใบ้ไม่ใยดีหรือว่า ถึงคราวผู้ดีเดินตรอก ขี้ครอกเดินถนนกันแล้ว ??
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เตือนไว้ ก่อนไฟไหม้เมือง!!
พฤษภาคมปีนี้ร้อนมากขึ้นกว่าทุกปี ทั้งการเมืองและอากาศทั้งร้อนและเครียด คงหนีไม่พ้นคนเสื้อแดงที่ชุมนุมบริเวณสี่แยกราชประสงค์ และตำรวจ-ทหารที่คอยดูแลความสงบเรียบร้อยอยู่ทั่วไป ทั้งเมืองกรุงและปริมณฑลเราๆ ท่านๆ ขนาดอยู่ในบ้าน อยู่ในร่มยังทนกันแทบไม่ไหวผู้ชุมนุม ตำรวจ-ทหาร ที่อยู่ตามถนนรนแคมต้องยกย่องในความอึดและความอดทนถ้าหากไม่เดือดร้อนและเจ็บช้ำน้ำใจในความอยุติธรรมต่างๆจริงแล้ว ป่านนี้คงเผ่นกลับบ้านไปหมดแล้วส่วนตำรวจ-ทหาร ที่ต้องทนเพราะเป็นหน้าที่“บิ๊กป๊อก”อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ตร. และ “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการ ผบ.ตร. ต่ำใต้ท่านนั้นเขาเอือมและระอากันสุดจะทนอยู่แล้วหากเหนือทั้งสองท่านยังคอยราดน้ำมันใส่กองไฟไปเรื่อยๆแบบนี้ร้อนและเครียดเกินจุดทนเมื่อไหร่ ระวังไฟจะไหม้เมือง !!!
คอลัมน์.ตอดนิดตอดหน่อยใต้ฟ้า
ที่มา.บางกอกทูเดย์
****************************************************
วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
วันพุธที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
โรดแมป VS เรดแมป บานไม่หุบ!

ผ่านมา 10 วันแล้วหลังจากที่นายกฯ อภิสิทธิ์ ประกาศ “โรดแมป” แต่การเจรจายังไม่คืบ ทั้งๆ ที่ “เรดแมป” ของกลุ่มคนเสื้อแดงก็ไม่ได้ขัดแย้ง แค่ขอให้ยุติ 2 มาตรฐานเท่านั้น...บนการเชือดเฉือนช่วงชิงอำนาจและผลประโยชน์ทางการเมือง การชิงไหวชิงพริบ ช่วงชิงจังหวะ ช่วงชิงภาพลักษณ์ ถือเป็นสิ่งที่ยอมกันไม่ได้เลย ปรัชญาเมธีทางการเมืองนับแต่สมัยกรีก หรือยุคโรมันรุ่งเรือง ถึงได้บอกว่าการเมืองไม่มีมิตรแท้ ไม่มีศัตรูถาวรแล้วเดิมพันสำคัญในช่วงชิงอำนาจทาง
การเมืองระหว่างรัฐบาลกับกลุ่มคนเสื้อแดง ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทย รวมทั้งบรรดาพรรคร่วมรัฐบาล หรือแม้แต่พรรคการเมืองใหม่ที่ต้องการจะยึดเกาะอำนาจการเมืองขั้วรัฐบาลเอาไว้ให้ได้บ้างสักนิดก็ยังดีมีหรือจะมีใครยอมใคร... มีหรือจะมีใครยอมกระพริบตาก่อนไม่ต้องอื่นไกล ถามแค่ “ยี้ห้อยร้อยยี่สิบ” นายเนวิน ชิดชอบ ที่วันนี้สวมหมวกซีอีโอพรรคภูมิใจไทย สามารถทำงานการเมืองทั้งใต้ดินบนดินได้สารพัด แม้จะถูกตัดสิทธิ์เว้นวรรคทางการเมือง 5 ปี
ก็ตามอิทธิฤทธิ์อิทธิเดชมากมายสารพัดวิชาไสยดำเขมรขนาดนี้ ยังต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เกาะเกี่ยวขั้วอำนาจการเมืองขั้วรัฐบาล... จะต้องหักหลังใคร งูเห่าใคร... ทำได้ทั้งนั้น นี่แหละคือการช่วงชิงทางการเมือง ที่วันนี้เล่นกันแบบสุดๆเมื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ฉวยจังหวะชิงจั่วไพ่ก่อน เปิดแผนปรองดองออกมาสร้างภาพลักษณ์และแต้มบวกทางการเมืองไปก่อนล่วงหน้า ทำได้จริงไม่จริง หมกเม็ดหรือไม่ช่วยไม่ได้ อย่างน้อยที่สุดสังคมส่วนใหญ่ขานรับ
กันอื้ออึงนี่คือก้าวแรกในการปลดล็อกวิกฤติทางการเมือง หากใครไม่เห็นด้วยแสดงว่าไม่อยากให้ปัญหาจบก็เพราะแบบนี้แหละที่ทำให้ ถึงวันนี้ต้องชิงเหลี่ยมกันอุตลุด... แม้แต่แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปช.) ก็ยังต้านกระแสไม่ไหวก็ใครที่ไหนจะดิบเถื่อนเพราะมีเส้นได้อย่าง ม็อบพันธมิตรฯ หรือม็อบหลากสีบ้างล่ะ ที่สามารถออกแถลงการณ์ประณามนายอภิสิทธิ์ และประณามแผนปรองดองได้หน้าตาเฉย... โดยไม่ต้องสนใจว่าสังคมฝากความหวัง
เอาไว้กับการเจรจาโดยสันติแถมสังคมส่วนใหญ่ที่กล้าด่ากลุ่มคนเสื้อแดง ด่ารัฐบาล แต่กับม็อบมีเส้นพวกนี้กลับไม่กล้ายุ่ง ได้แต่หุบปากนิ่งทำตาปริบๆทำให้ม็อบที่ไม่มีเส้นอย่างกลุ่มคนเสื้อแดง ทำได้เพียงรักษารูปมวยไม่ให้เพลี่ยงพล้ำ พร้อมกับทวงจังหวะได้เปรียบกลับคืนมาบ้าง โดยได้มีการทำ “เรดแมป” ออกมาประกบคู่ “โรดแมป” ของนายอภิสิทธิ์ เพื่อให้สังคมได้เห็นว่า การเจรจาโดยสันติ ก็เป็นสิ่งที่คนเสื้อแดงต้องการ เพียงแต่ทุกอย่างควรมีมาตรฐานเดียว... ไม่ใช่
2 มาตรฐาน จนทำให้คนเรือนหมื่นเรือนแสนทนไม่ได้ต้องออกมาทวงความเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงอย่างที่เป็นอยู่ซึ่งจริงๆ 2 มาตรฐานนั้นประชาชนคนไทยจำนวนเป็นสิบล้านๆ คน ก็ล้วนรู้ดีอยู่แก่ใจ ว่ามีพฤติกรรม 2 มาตรฐานอยู่จริงหรือไม่!?!เรดแมป ที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. แดงทั้งแผ่นดิน อ่านมติที่ประชุมแกนนำ นปช. บนเวทีสี่แยกราชประสงค์ เพื่อให้เป็นเงื่อนไขยื่นต่อนายอภิสิทธิ์ พิจารณา ก่อนที่จะประกาศยุติการชุมนุม จึงต้องถือว่าเป็นการขานรับ
กระแสและสวนหมัดไปในตัวว่าทางกลุ่ม นปช. ได้พิจารณา และมีมติเอกฉันท์แสดงท่าทีตอบรับแผนปรองดองโดยทันทีไปก่อนหน้านี้แล้ว เนื่องจากไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นอีก แต่เนื่องจากการหารืออาจจะต้องใช้เวลาและจำเป็นที่การแก้ไขปัญหาจะต้องคำนึงถึงชีวิตคนที่สูญเสียไป เรื่องไม่จบลงแค่การยุติการชุมนุมหรือการยุบสภาเท่านั้น ที่ประชุมแกนนำจึงมีมติอย่างเป็นทางการ คือ1. นปช.แดงทั้งแผ่นดินประกาศตอบรับวันเลือกตั้งใหม่วันที่ 14
พฤศจิกายน 2553 ตามที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯเสนอมาแต่ในช่วงประกาศตอบรับ นปช.ได้ตั้งคำถามว่านายกฯจะกำหนดวันยุบสภาวันไหน เนื่องจากเป็นหน้าที่โดยตรงของนายกฯ ขณะที่การกำหนดวันเลือกตั้งเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งนายอภิสิทธิ์และคนในรัฐบาลได้ออกมาแสดงความเห็นที่ตรงกันว่าวันยุบสภาจะอยู่ในช่วงวันที่ 15-30 กันยายน 2553 นปช. จึงถือโอกาสนี้ ตอบรับวันที่ 15-30 กันยายน เป็นวันที่จะมีการประกาศยุบสภา
โดยไม่มีเงื่อนไขถือเป็นการแสดงความจริงใจในส่วนของ นปช. ที่ต้องการนำพาบ้านเมืองไปสู่สันติ ไม่มีคนบาดเจ็บล้มตาย แต่เรื่องนี้ นปช. มีข้อเรียกร้องเพิ่มเติม คือ แกนนำ นปช. ยืนยันว่าไม่ประสงค์ที่จะรับนิรโทษกรรม ไม่ว่าจะเป็นโทษเล็กรวมไปถึงโทษใหญ่ คือการประหารชีวิต และพร้อมที่จะเดินหน้าต่อสู้ทุกขั้นตอนตามกระบวนการยุติธรรม แต่รัฐบาลต้องปฏิบัติการกระบวนการยุติธรรมให้เป็นมาตรฐานเดียวกันด้วย ซึ่งที่มาของข้อกล่าวหาการก่อการร้ายเกิดจาก
เหตุการณ์ในวันที่ 10 เมษายน 2553 ซึ่งทหารได้ใช้กำลังสลายการชุมนุม มีประชาชนบาดเจ็บ 800 กว่าคน และมีผู้เสียชีวิต 25 คนฉะนั้น นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ที่เป็นผู้สั่งการให้สลายการชุมนุมจนเกิดเหตุดังกล่าว ก็ต้องเดินเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมจากเหตุการณ์ 10 เมษายนเช่นเดียวกัน และเมื่อคดีถึงที่สุด แกนนำ นปช.ถูกตัดสินว่ามีความผิด เราก็ยินดีรับโทษประหารชีวิต แต่ถ้านายอภิสิทธิ์และนายสุเทพถูกดำเนินคดีถึงที่สุด ก็ต้องรับ
โทษประหารชีวิตเช่นเดียวกัน2.กรณีที่ข้อเสนอนายอภิสิทธิ์ มีการระบุถึงสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน กลุ่ม นปช.นั้นพร้อมที่จะประกาศยุติการชุมนุมด้วย แต่เพื่อแสดงความจริงใจ ขอให้รัฐบาลคืนสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีเพิลแชนแนล (พีทีวี) ให้กลับมาออกอากาศได้ตามปกติเหมือนเดิม เพราะข้อเท็จจริงในทางเทคนิคพบว่าขณะนี้พีทีวีพร้อมออกอากาศ เพียงแต่มีขบวนการนอกระบบที่ตัดสัญญาณ ทำให้ไม่สามารถออกอากาศได้และหากมีการจัดตั้งคณะกรรมการที่เข้า
มากำกับดูแลสื่อ เพื่อให้เกิดความปรองดอง พีทีวีก็พร้อมเข้าสู่กระบวนการให้ความร่วมมือกับคณะกรรมการเช่นเดียวกับกรณีของเอเอสทีวี3.สำหรับกรณี พ.ร.ก.บริหารราชการในภาวะฉุกเฉิน ที่รัฐบาลอ้างว่าจำเป็นต้องประกาศ เพื่อรักษาสถานการณ์ไม่ให้เกิดความรุนแรงนั้น ในส่วนของแกนนำเห็นว่าเมื่อรัฐบาลดำเนินการ รัฐบาลก็ต้องตัดสินใจเองว่าจะยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ หรือไม่ เชื่อว่าหากยังไม่ประกาศยกเลิก ยิ่งนานวัน รัฐบาลจะยิ่งถูกกระแสสังคมกดดันมากขึ้นรวมทั้ง
ควรจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการกลางขึ้นมาตรวจสอบหาข้อเท็จจริงถึงสาเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้น เพราะนี่คือสิ่งสำคัญ ทั้งนี้ ข้อตกลงดังกล่าวหากบรรลุผล นปช.จะไม่ถือว่าการที่รัฐบาลประกาศยุบสภาคือ ชัยชนะ และการที่กลุ่มคนเสื้อแดงยุติการชุมนุม ก็ไม่ถือว่าเป็นชัยชนะของรัฐบาล แต่ถือว่าการที่คนไทยทั้ง 64 ล้านคน จะเริ่มต้นหาทางออกจากกับดักของบ้านเมือง ถือเป็นชัยชนะของคนไทยทั้งประเทศดังนั้นจริงๆแล้วจะเห็นว่า ทั้งโรดแมป และ เรดแมป มีจุดที่
สามารถประสานเชื่อมต่อกันได้ไม่ยาก หากทั้ง 2 ฝ่ายเลือกที่จะใช้การเจรจาโยสันติ และไม่ขึงพืดทางความคิดคำถามสำคัญจึงอยู่ที่ว่า วันนี้ผ่านมา 10 วันแล้วนับแต่ที่นายอภิสิทธิ์ ประกาศโรดแมป... แต่ทำไมแรงกดดันจึงยังไม่ผ่อนคลาย และสถานการณ์ยังคงยืดเยื้อจึงไม่แปลกที่สำนักข่าวรอยเตอร์ จะรายงานว่า จนถึงขณะนี้ยังมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดของการชุมนุม เพราะยังมีความพยายามเสนอเงื่อนไขใหม่ๆ เพิ่มขึ้น และอ้างความเห็นของนายปวีณ ชัชวาลพงศ์พันธุ์ นัก
วิชาการรัฐศาสตร์รับเชิญของสถาบันศึกษายุทธศาสตร์ระหว่างประเทศ (ไอเอเอส) แห่งสิงคโปร์ เตือนว่า ยิ่งผู้ชุมนุมปล่อยให้เวลายืดเยื้อออกไป และเพิ่มเงื่อนไขเรียกร้องที่ปฏิบัติตามได้ยากมากขึ้นเรื่อยๆ อาจจะไปเข้าทางของฝ่ายรัฐบาล ซึ่งอาจส่งผลให้ไม่มีการยุบสภาเลือกตั้งใหม่ และส่งกำลังเข้าสลายการชุมนุมในที่สุดหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส/ไอเอชที อ้างการให้สัมภาษณ์ของนายจรัล ดิษฐาอภิชัย หนึ่งในแกนนำผู้ชุมนุม เปิดเผยว่า ยังคงต้องมีการทำความ
ตกลงกันในอีกบางเรื่อง รวมทั้งวิธีการปฏิบัติต่อแกนนำผู้ชุมนุม 24 คนที่ตกเป็นผู้ต้องหาในข้อหาละเมิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.ความมั่นคง กับแกนนำอีก 9 คนที่ถูกตั้งข้อหาก่อการร้ายนายจรัลยอมรับกับนิวยอร์กไทม์สว่า แกนนำมีความคิดเห็นแตกต่างกันอยู่ในขณะนี้ ว่าจะเลิกการชุมนุมหรือไม่น.พ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. แดงทั้งแผ่นดิน พูดชัดเจนว่า หากยุติการชุมนุมแล้ว แกนนำทั้ง 24 คน รวมทั้งนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง พร้อมมอบตัวเข้าสู่กระบวนการ
ยุติธรรม น.พ.เหวง ยืนยันว่า นปช.ไม่ได้เล่นแง่หรือตีรวน แต่เจตนาของการต่อสู้ คือต้องการสร้างประวัติศาสตร์ให้รัฐบาลที่เข่นฆ่าประชาชนถูกดำเนินคดีส่วนการที่นปช.ไม่ยอมรับ ที่นายสุเทพ ไปมอบตัวที่ดีเอสไอ เพราะเห็นว่าไม่ถูกต้อง เนื่องจากคดีสั่งฆ่าประชาชน กคพ. ยังไม่ได้รับเป็นคดีพิเศษ ดังนั้นดีเอสไอจึงไม่มีอำนาจสอบสวนคดีนี้แต่อย่างใดซึ่งการไปมอบตัวของนายสุเทพ ไม่ได้รับทราบข้อกล่าวหา เพราะหากไปมอบตัวต้องถูกพิมพ์ลายนิ้วมือ นปช. รับไม่ได้กับ
การแสดงปาหี่ของนายสุเทพกับดีเอสไอ นปช.พร้อมยุติการชุมนุมทันที หากนายสุเทพเข้ามอบตัวในฐานะผู้ต้องหาคดีสั่งฆ่าประชาชน ดังนั้นสิ่งที่สังคมจะต้องทำในวันนี้ก็คือ หนักแน่นและใจเย็น เพื่อให้กระบวนการเจรจาผ่านพ้นไปด้วยดีให้ได้ข้อยุติ เพราะการใช้อำนาจ หรือการข่มขู่ว่าจะสลายการชุมนุม หรือการสร้างม็อบมาเผชิญหน้า ไม่ใช่ทางออกที่แท้จริงอย่างแน่นอน
ที่มา.บางกอกทูเดย์
..............................................................
ศอฉ.ทำแดงมี‘ลูกฮึด’

ทำท่าจะบานปลายใหญ่โต...จนเห็นภาพผู้คน “บาดเจ็บล้มตาย” ในเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 เมษายนลอยมาอยู่ตรงหน้าเพราะจากคำประกาศของ ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ. ประกาศใช้มาตรการกดดัน “ม็อบเสื้อแดง” เต็มรูปแบบทั้งการตัดน้ำตัดไป...ตัดช่องทางการสื่อสาร...
รวมไปถึงตัดเส้นทางการเดินทางของคนเสื้อแดง “คนในไม่ให้ออก...คนนอกไม่ให้เข้า”สิ่งเหล่านี้เป็น “คำขู่” ที่เพิ่มพลังให้กับมวลชนคนเสื้อแดงโดยที่ “ผู้มีอำนาจ” ไม่รู้ตัว...เพราะมวลชนบางส่วนเกือบ “ถอดใจ” ไปกับมติแกนนำที่รับแผนปรองดองรัฐบาล ซึ่งนั่นไม่ใช่ข้อตกลงหรือ “สัญญาใจ” ตั้งแต่ต้น...ในการออกมารวมตัวชุมนุมเพื่อกดดันให้รัฐบาล “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ยุบสภาในทันที! และสิ่งสำคัญคือข่าวคราวของแกนนำที่ดูจะ “ไม่มีเอกภาพ” แต่สุดท้ายทาง
แกนนำก็ออกมายืนยันความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นว่าพวกเขาจะไม่ทำให้สิ่งที่ผ่านมา “ต้องสูญเปล่า”“ถ้ากลับบ้านโดยไม่ได้รับความยุติธรรมแล้วจะกลับไปทำไม ก็ไม่ต้องกลับ เป็นไงเป็นกัน” ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กล่าวคนเสื้อแดงพร้อมสู้ “ถวายหัว...แลกชีวิต” เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาล “คืนอำนาจ” อันชอบธรรมให้กับประชาชนแต่จนแล้วจนรอด “วิธีปรองดอง” ซึ่งทางรัฐบาลคลอดออกมา...กลับไม่ส่งผลให้เกิดประโยชน์ เพราะมีการ “ใส่ร้าย” เล่นแง่เล่นมุมกันอยู่ตลอดเวลา
โดยเฉพาะการปฏิบัติและแสดงออกของรัฐบาลด้วยแววตา “อาฆาต” ไร้ความปราณี...ซึ่งเหตุผลดังกล่าวยิ่งทำให้เหตุการณ์ต่างๆ บานปลายยืดเยื้อเหตุผลสำคัญเป็นเพราะ “ผู้ปฏิบัติ” ไม่มีความจริงใจยกตัวอย่างกรณี “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ที่เข้ามอบตัวกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เมื่อสองวันก่อนหน้านี้ความคลุมเคลือทางระบบกฏหมาย...ทำเป็นว่าสุเทพได้เข้ามอบตัว...และดักว่าเป็นเพราะเสื้อแดงไม่ปรองดองนั่นเป็นเหตุผลในการหาความชอบธรรมเพื่อ
การสั่งการ “ปราบปรามม็อบ” รอบใหม่เพราะแม้แต่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ยังออกมาบอกกับดีเอสไอว่า...ไม่มีสิทธิ์สอบสวนคดี นายอภิสิทธิ์ และ นายสุเทพ ในเหตุสั่งสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 เมษาเหตุเพราะ “ไม่มีอำนาจ”สิ่งที่ผู้มีอำนาจปฏิบัติต่อประชาชนของพวกเขา ดูแล้วเหมือนมีแต่ “น้ำเสียง” แต่หน้าไร้ซึ่ง “จิตสำนึก” ในสิ่งที่ทำมันเป็นตอกย้ำ “ความคิด” ของผู้มีอำนาจภายใต้ “หน้ากากแป๊ะยิ้ม” เมื่อ ศอฉ.
ประกาศ “เดดไลน์” ตัดน้ำ-ตัดไฟ กดดันม็อบเสื้อแดงเลิกชุมนุมทำให้ความลังเลและความหวั่นไหวของ “มวลชนคนเสื้อแดง” บางส่วนหายไปเป็นปลิดทิ้ง...พร้อมจับมือร่วมกันต่อสู้กับ “อำนาจ” ที่ไม่ชอบธรรม ด้วยคำประกาศว่าเสื้อแดงในวันนี้ไม่ใคร “กลัวตาย”สำนวนฝรั่งมีว่า High risk high return...ลงทุนลงแรงมาก ย่อมได้รับกลับคืนมากคนเสื้อแดงรู้ว่า...การต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่ง “ประชาธิปไตย” จำเป็นต้องแลกด้วยอะไรหลายๆ อย่าง ไม่เว้นแม้กระทั่งชีวิต ซึ่งพวกเขา
ก็เต็มใจพร้อมยอม “สละชีพ” เพื่อให้ได้สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า นั่นคือ ประชาธิปไตยไทย ต้องเป็นกติกาของคนส่วนใหญ่สงสัยก็แต่ว่า...การออกทีวีแล้วมาปลุกการต่อสู้ของคนเสื้อแดงหลายครั้งที่ผ่านมา...ดูแล้ว “พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด” ก็แอบแดงด้วยใช่ป่ะ?พูดมาแต่ละครั้ง...คนเสื้อแดงปิดทีวี...ขึ้นรถขึ้นราออกไปร่วมชุมนุมที่ราชประสงค์กันตรึม!
ที่มา.บางกอกทูเดย์
..............................................................
คดีพันธมิตรฯ! ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม?

การเมืองวันนี้มัน “เชื่อมโยง” ถึงกันหมด...จนเกิดเป็น “ปฏิกิริยา” ที่สังเกตุเห็นได้ชัดเจนว่า...การออกมาเคลื่อนไหวของคนกลุ่มนั้นกลุ่มนี้...มันมีประเด็นอะไรมาเป็นตัว “ขับเคลื่อน”โดยเฉพาะการเตรียมปรากฎกายของ “สนธิ ลิ้มทองกุล” แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ท่ามกลางกระแสข่าวลือว่า...เขา “หนีหาย” ไปไหนท่าม
กลางวิกฤติการเมืองอันร้อนแรงซึ่งก็มี “ข่าวลือ” ต่างๆ นานา..แต่สุดท้ายเมื่อจนแต้ม “เข้าตาจน” สัญญาณคลื่นความถี่สูงจึงส่งมาให้ประชาชนรับทราบว่า...พันธมิตรฯ กำลังจะออกมาเคลื่อนไหวจริงๆ จังๆ อีกครั้งเพราะหากช้านานไปกว่านี้ กระทั่งมีการ “เลือกตั้งใหม่” แล้วเกิดการเปลี่ยนขั้วรัฐบาล...ถามว่าเมื่อถึงวันนั้น “พันธมิตรฯ” จะยืนหยัดอยู่บนเวทีการเมืองในบทบาทใดซึ่งเชื่อด้วยความบริสุทธืใจว่า...คงไม่ใช่ในฐานะ “ผู้ก่อการดี”โดยเฉพาะคดีความที่กลุ่มพันธมิตรฯ
ทำการ “ปิดยึดสนามบิน” ซึ่งถึงวันนี้แม้กระบวนการทางกฎหมายจะเป็นไปด้วยความ “ล่าช้า” แต่ใช่ว่าจะไม่มีความคืบหน้าล่าสุด “พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง” ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้ส่งสำนวนผลสรุป “สั่งฟ้อง” คดีกลุ่มพันธมิตรฯ ยึดสนามบินไปให้ทาง “พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ” รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แต่ทางด้าน “พล.ต.อ.ปทีป” กล่าวว่า ตนยังไม่เห็นสำนวน ส่วนจะมีความเห็นอย่างไรยังบอกไม่ได้ ต้องขอดูสำนวนก่อน พร้อมยืนยันว่าการสอบสวนนั้น
ต้องตั้งอยู่บน “หลักความยุติธรรม” ใครถูกก็ถูก...ผิดก็ต้องผิด ตนคงไม่ทำจากถูกให้เป็นผิด จากผิดให้ถูก โดยจะดำเนินคดีกับทั้ง 2 กลุ่ม เป็นไปในทางเดียวกัน...และไม่เคย “เตะถ่วง” คดีพันธมิตรฯ เพราะต้องมีการสอบพยานเยอะร่วม 1,000 ปากมันประจวบเหมาะกับกการที่กลุ่มพันธมิตรฯ กำลังถูกตาม “เช็กบิล” ตามขั้นตอนของกระบวนการทางกฎหมายซึ่งประชาชนก็อยากรู้ว่า “ผลคำตัดสิน” จะออกมาเช่นไร...ทั้งที่เป็นคดี “อุกฉกรรจ์” เข้าขั้นข้อหาผู้ก่อการร้าย
สากล...แต่การทำงานก็ยังคงทำกันแบบ “เนิบๆ สบายๆ” เหมือนรอเวลาอะไรบางอย่างดังนั้น...ผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องเลือก “ละเมียดละไม” กับสำนวนคดีนี้เสียทีเพราะต่อให้ทำอย่างไร...คงไม่สามารถ “ลบล้างความผิด” ที่เคยร่วมกระทำกันมา...และไม่จำเป็นต้อง “ประดิษฐ์ประดอย” เหมือนเช่นสำนวนไทย ช้าๆ ได้พร้าเล่มงามเพราะความผิดตรงหน้าเป็นความผิดที่ชัดเจนอย่าลืม...ยุติธรรมไม่มี สามัคคีไม่เกิด!
ที่มา.บางกอกทูเดย์
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
'สุขุมพันธ์' เผยทูตอียู ห่วงตัดน้ำ-ไฟ กระทบสถานทูต วอน 'กษิต' อย่าหาเรื่องทูตแทรกแซงการเมือง
ทูตอียูห่วงตัดน้ำ-ไฟม็อบ นปช.กระทบสถานทูต "สุขุมพันธ์" วอน "กษิต"อย่าสร้างปมเพิ่มหาว่าทูตแทรกการเมือง รพ.จุฬา-รพ.ตำรวจพร้อมรับมือมาตรการตัดน้ำ-ไฟ "กอร์ปศักดิ์" ระบุยกเลิกเงื่อนไขยุบสภาเหตุไม่ยุติชุมนุม
12 พ.ค. 53 - นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงว่า จากการเชิญ คณะทูตและเครือข่ายองค์กรสหประชาชาติประจำกรุงเทพฯ รวมถึง หอการค้า มาพบในวันนี้ ได้บรรยายสรุปและให้ข้อเท็จจริง เกี่ยวกับสถานการณ์ในไทย โดยอธิบายถึงแผนปรองดอง 5 ประการ ยืนยันว่า การดำเนินการตามแผนไม่ขึ้นอยู่กับกลุ่มคนเสื้อแดงเท่า นั้น แต่ประชาชนโดยรวมต้องมีส่วนร่วมด้วย ซึ่งอย่างน้อยยังมีเวลา 5-6 เดือน ในการดำเนินการ พร้อมชี้แจงถึงการตัดน้ำ ตัดไฟ เพราะในบริเวณราชประสงค์ มีสถานทูตถึง 17 แห่ง โดยจะให้กระทบคน ส่วนใหญ่น้อยที่สุด พร้อมได้มีการปฏิเสธประเทศที่เสนอตัวขอเป็นคนกลางในการไกล่เกลี่ยปัญหาให้ เพราะถือเป็นปัญหาภายในของไทย นอกจากนี้คณะทูตแต่ละประเทศต่างเห็นว่า มาตรการปรองดองเป็นทิศทางที่ดี ในการแก้ไขปัญหา ทั้งนี้ในการชี้แจงมี นายเกียรติ สิทธิอมร ประธานผู้แทนการค้าไทย ร่วมด้วย โดยมีการชี้แจงเรื่องการชดเชยค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากการชุมนุมที่แยกราช ประสงค์ ให้กับเอกชนของต่างชาติ
นอกจากนี้ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ กล่าวว่า ได้ส่งหนังสือถึงรัฐมนตรีต่างประเทศทั่วโลก เพื่อสรุปสถานการณ์ทางการเมืองของไทยในขณะนี้ว่า เป็นเรื่องของวิถีทางประชาธิปไตย เพื่อให้แต่ละประเทศ ได้รับทราบข้อเท็จจริงของปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ยังเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ ตนเองได้มีการเชิญทูตหลายประเทศมา เพื่อตำหนิและแสดงความไม่พอใจ กรณีที่มีทูตหลายประเทศ ไปปรากฎตัวที่เวทีการชุมนุม ของกลุ่มคนเสื้อแดงส่วนการที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เรื่องการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีของตนเองในวันนี้นั้น นายกษิต กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่งและไม่ได้รู้สึกทุกข์ร้อน หรือจะต้องเสียชีวิต หากไม่ได้เป็นรัฐมนตรี นอกจากนี้ยังกล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง โดยหวังว่า ภายใน 1-2 วัน จะมีการวางอาวุธและไปมอบตัวของแกนนำ
'สุขุมพันธ์' เผยทูตอียู ห่วงตัดน้ำ-ไฟ กระทบสถานทูต วอน 'กษิต' อย่าหาเรื่องทูตแทรกแซงการเมือง
ที่ศาลาว่าการ กรุงเทพมหานคร (กทม.) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม.ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 12 พ.ค.ภายหลังการร่วมรับประทานอาหารกับคณะทูตานุทูตในเครือสหภาพยุโรป (อียู) กว่า 10 ประเทศ ว่า ได้พูดคุยกันในหลายเรื่องโดยเฉพาะประเด็นการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วม ประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่มีแนวโน้มว่ารัฐบาลจะใช้มาตรการตัดน้ำ-ไฟ เพื่อกดดันให้มีการยุติการชุมนุมในพื้นที่ราชประสงค์และโดยรอบ โดยคณะทูตานุทูตได้แสดงความห่วงใยในมาตรการดังกล่าว เพราะว่าพื้นที่โดยรอบชุมนุมนั้นเป็นที่ตั้งของสถานทูตสำคัญหลายแห่ง เช่น สถานทูตอังกฤษ สถานทูตสหรัฐอเมริกา ซึ่งหากมาตรการดังกล่าวมีผลบังคับใช้อาจจะกระทบการทำงานของเจ้าหน้าที่ นอกจากนั้นแล้วพื้นที่โดยรอบยังเป็นแหล่งที่พักอาศัยของนักท่องเที่ยวชาว ต่างชาติ เจ้าหน้าที่สถานทูตด้วย
ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ กล่าวว่าคณะทูตานุทูตได้ขอความเห็นใจจากกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ด้วยว่าการที่เจ้าหน้าที่สถานทูตไปพบปะบุคคลที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาลนั้น ไม่ได้เป็นการแทรกแซงใดๆ ในเรื่องภายในประเทศ เพราะปกติสถานทูตแต่ละที่ก็จะมีการพบปะ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับบุคคลต่างๆ ทั้งนี้ ขอเรียกร้องให้นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อย่านำประเด็นดังกล่าวมาเป็นปัญหา เพราะสมัยที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เป็นฝ่ายค้าน คณะทูตจากหลายประเทศก็เข้าพบกับผู้บริหารพรรคได้ ถือเป็นเรื่องปกติ อย่าได้นำมาสร้างประเด็นปัญหาในช่วงที่สถานการณ์การเมืองมีความอ่อนไหว
"ขณะนี้ทราบว่าทางสถานทูตต่างๆ ได้เตรียมการแจ้งไปยังชาวต่างชาติสัญชาติต่างๆ เพื่อให้มารายงานตัวกับสถานทูต ในกรณีที่เกิดเหตุความวุ่นวาย ทางสถานทูตจะได้ติดต่อประสานงาน หรือแจ้งข่าวได้" ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าว
รพ.จุฬา-รพ.ตำรวจพร้อมรับมือมาตรการตัดน้ำ-ไฟ
ศ.นพ.อดิศร ภัทราดูลย์ ผอ.รพ.จุฬาลงกรณ์ กล่าวถึงมาตรการเตรียมพร้อม หลังรัฐบาลประกาศจะทำการตัดน้ำ ตัดไฟ บริเวณรอบสี่แยกราชประสงค์ ว่า ได้ตรวจสอบกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศ พบว่าหม้อแปลงไฟฟ้าของโรงพยาบาลกับ บริเวณถนนราชประสงค์ ได้แยกออกจากกัน อีกทั้งโรงพยาบาลมีระบบสำรองไฟ และน้ำ จึงเชื่อว่าไม่มีปัญหาในการบริการประชาชน รวมถึงผู้บาดเจ็บได้
“การย้ายผู้ป่วยในโรงพยาบาลนั้น ขณะนี้ไม่มีความจำเป็น เนื่องจากตั้งแต่เกิดเหตุการณ์คนเสื้อแดงบุกโรงพยาบาลเมื่อคืนวันที่ 29 เม.ย. จนถึงขณะนี้ทางโรงพยาบาลยังไม่สามารถเปิดให้บริการผู้ป่วยในได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตามหากมีเหตุฉุกเฉินทางโรงพยาบาลพร้อมรองรับและเป็นโรงพยาบาลสนาม ดูแลผู้ป่วยและผู้บาดเจ็บได้อย่างไม่มีปัญหา และคาดว่าหากมีการยุติชุมนุมทางโรงพยาบาลจะสามารถเปิดให้บริการได้เต็มรูป แบบ”ศ.นพ.อดิศร
พล.ต.ท.นท.จงเจตน์ อาวเจนพงษ์ นายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้ป่วยที่อยู่ในโรงพยาบาลประมาณ 200 เตียง โดยจะย้ายผู้ป่วยไปไว้ยังอาคารที่มีเครื่องปั่นไฟสำรองทั้งหมด ซึ่งจะสามารถใช้ได้ประมาณ 24 ชั่วโมงทั้งน้ำและไฟ โดยเป็นเครื่องระบบเติมน้ำมันดีเซล คาดว่าจะสามารถดูแลผู้ป่วยได้ไม่มีปัญหา เพราะปกติโรงพยาบาลจะมีเครื่องปั่นไฟสำรองอยู่แล้ว เพราะห้องผ่าตัดจะไม่สามารถปล่อยให้ไฟดับได้
"เพื่อไทย"อ้างกองทัพลำเลียงรถสายพาน100คันจากสระบุรี กรุยทางผ่าด่านเตรียมสลายม็อบแดงราชประสงค์
ด้าน พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย กล่าวเมื่อวันที่ 12 พ.ค. ว่า ตนในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร ได้ตรวจสอบพบความเคลื่อนไหวของกองทัพในการเริ่มกระบวนการสลายการชุมนุมของ ประชาชนคนเสื้ออแดงบริเวณสี่แยกราชประสงค์แล้ว ล่าสุดพบว่าในวันที่ 12 พ.ค.ได้มีการลำเลียงรถสายพานจำนวน 100 คัน จากค่ายอดิศร จ.สระบุรี ซึ่งคาดว่าจะถึงกรุงเทพมหาคร ในช่วงเย็นวันเดียวกัน เพื่อเตรียมไว้ใช้ในการกรุยทาง ผ่าด่านผู้ชุมนุม เปิดช่องให้กำลังทหารเข้าไปจัดการกับผู้ชุมนุม ซึ่งตนขอเรียกร้องให้กองทัพและรัฐบาลหยุดกระทำการเช่นนี้เสีย เพราะการใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมบริเวณสี่แยกราชประสงค์จะทำให้เกิดความ เสียหายจำนวนมาก โดยเฉพาะชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์ ซึ่งไม่ใช่หนทางในการปรองดองตามที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเสนอเลย
กอร์ปศักดิ์ระบุยกเลิกเงื่อนไขยุบสภาเหตุไม่ยุติชุมนุม
นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรีกล่าวกับทีวีไทยว่าการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงวันนี้ ยังไม่ยุติ และไม่มีการเจรจาใดๆเกิดขึ้นอีก ซึ่งถือว่าไม่เป็นไปตามเงื่อนไข ดังนั้น การยุบสภาในวันที่ 14 พ.ย. ตามแผนปรองดองของรัฐบาลถือว่ายกเลิก
ที่มาข่าว: มติชนออนไลน์, สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น, เว็บไซต์ข่าวสด, กรุงเทพธุรกิจ
....................................................................
12 พ.ค. 53 - นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงว่า จากการเชิญ คณะทูตและเครือข่ายองค์กรสหประชาชาติประจำกรุงเทพฯ รวมถึง หอการค้า มาพบในวันนี้ ได้บรรยายสรุปและให้ข้อเท็จจริง เกี่ยวกับสถานการณ์ในไทย โดยอธิบายถึงแผนปรองดอง 5 ประการ ยืนยันว่า การดำเนินการตามแผนไม่ขึ้นอยู่กับกลุ่มคนเสื้อแดงเท่า นั้น แต่ประชาชนโดยรวมต้องมีส่วนร่วมด้วย ซึ่งอย่างน้อยยังมีเวลา 5-6 เดือน ในการดำเนินการ พร้อมชี้แจงถึงการตัดน้ำ ตัดไฟ เพราะในบริเวณราชประสงค์ มีสถานทูตถึง 17 แห่ง โดยจะให้กระทบคน ส่วนใหญ่น้อยที่สุด พร้อมได้มีการปฏิเสธประเทศที่เสนอตัวขอเป็นคนกลางในการไกล่เกลี่ยปัญหาให้ เพราะถือเป็นปัญหาภายในของไทย นอกจากนี้คณะทูตแต่ละประเทศต่างเห็นว่า มาตรการปรองดองเป็นทิศทางที่ดี ในการแก้ไขปัญหา ทั้งนี้ในการชี้แจงมี นายเกียรติ สิทธิอมร ประธานผู้แทนการค้าไทย ร่วมด้วย โดยมีการชี้แจงเรื่องการชดเชยค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากการชุมนุมที่แยกราช ประสงค์ ให้กับเอกชนของต่างชาติ
นอกจากนี้ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ กล่าวว่า ได้ส่งหนังสือถึงรัฐมนตรีต่างประเทศทั่วโลก เพื่อสรุปสถานการณ์ทางการเมืองของไทยในขณะนี้ว่า เป็นเรื่องของวิถีทางประชาธิปไตย เพื่อให้แต่ละประเทศ ได้รับทราบข้อเท็จจริงของปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ยังเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ ตนเองได้มีการเชิญทูตหลายประเทศมา เพื่อตำหนิและแสดงความไม่พอใจ กรณีที่มีทูตหลายประเทศ ไปปรากฎตัวที่เวทีการชุมนุม ของกลุ่มคนเสื้อแดงส่วนการที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เรื่องการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีของตนเองในวันนี้นั้น นายกษิต กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่งและไม่ได้รู้สึกทุกข์ร้อน หรือจะต้องเสียชีวิต หากไม่ได้เป็นรัฐมนตรี นอกจากนี้ยังกล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง โดยหวังว่า ภายใน 1-2 วัน จะมีการวางอาวุธและไปมอบตัวของแกนนำ
'สุขุมพันธ์' เผยทูตอียู ห่วงตัดน้ำ-ไฟ กระทบสถานทูต วอน 'กษิต' อย่าหาเรื่องทูตแทรกแซงการเมือง
ที่ศาลาว่าการ กรุงเทพมหานคร (กทม.) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม.ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 12 พ.ค.ภายหลังการร่วมรับประทานอาหารกับคณะทูตานุทูตในเครือสหภาพยุโรป (อียู) กว่า 10 ประเทศ ว่า ได้พูดคุยกันในหลายเรื่องโดยเฉพาะประเด็นการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วม ประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่มีแนวโน้มว่ารัฐบาลจะใช้มาตรการตัดน้ำ-ไฟ เพื่อกดดันให้มีการยุติการชุมนุมในพื้นที่ราชประสงค์และโดยรอบ โดยคณะทูตานุทูตได้แสดงความห่วงใยในมาตรการดังกล่าว เพราะว่าพื้นที่โดยรอบชุมนุมนั้นเป็นที่ตั้งของสถานทูตสำคัญหลายแห่ง เช่น สถานทูตอังกฤษ สถานทูตสหรัฐอเมริกา ซึ่งหากมาตรการดังกล่าวมีผลบังคับใช้อาจจะกระทบการทำงานของเจ้าหน้าที่ นอกจากนั้นแล้วพื้นที่โดยรอบยังเป็นแหล่งที่พักอาศัยของนักท่องเที่ยวชาว ต่างชาติ เจ้าหน้าที่สถานทูตด้วย
ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ กล่าวว่าคณะทูตานุทูตได้ขอความเห็นใจจากกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ด้วยว่าการที่เจ้าหน้าที่สถานทูตไปพบปะบุคคลที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาลนั้น ไม่ได้เป็นการแทรกแซงใดๆ ในเรื่องภายในประเทศ เพราะปกติสถานทูตแต่ละที่ก็จะมีการพบปะ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับบุคคลต่างๆ ทั้งนี้ ขอเรียกร้องให้นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อย่านำประเด็นดังกล่าวมาเป็นปัญหา เพราะสมัยที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เป็นฝ่ายค้าน คณะทูตจากหลายประเทศก็เข้าพบกับผู้บริหารพรรคได้ ถือเป็นเรื่องปกติ อย่าได้นำมาสร้างประเด็นปัญหาในช่วงที่สถานการณ์การเมืองมีความอ่อนไหว
"ขณะนี้ทราบว่าทางสถานทูตต่างๆ ได้เตรียมการแจ้งไปยังชาวต่างชาติสัญชาติต่างๆ เพื่อให้มารายงานตัวกับสถานทูต ในกรณีที่เกิดเหตุความวุ่นวาย ทางสถานทูตจะได้ติดต่อประสานงาน หรือแจ้งข่าวได้" ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าว
รพ.จุฬา-รพ.ตำรวจพร้อมรับมือมาตรการตัดน้ำ-ไฟ
ศ.นพ.อดิศร ภัทราดูลย์ ผอ.รพ.จุฬาลงกรณ์ กล่าวถึงมาตรการเตรียมพร้อม หลังรัฐบาลประกาศจะทำการตัดน้ำ ตัดไฟ บริเวณรอบสี่แยกราชประสงค์ ว่า ได้ตรวจสอบกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศ พบว่าหม้อแปลงไฟฟ้าของโรงพยาบาลกับ บริเวณถนนราชประสงค์ ได้แยกออกจากกัน อีกทั้งโรงพยาบาลมีระบบสำรองไฟ และน้ำ จึงเชื่อว่าไม่มีปัญหาในการบริการประชาชน รวมถึงผู้บาดเจ็บได้
“การย้ายผู้ป่วยในโรงพยาบาลนั้น ขณะนี้ไม่มีความจำเป็น เนื่องจากตั้งแต่เกิดเหตุการณ์คนเสื้อแดงบุกโรงพยาบาลเมื่อคืนวันที่ 29 เม.ย. จนถึงขณะนี้ทางโรงพยาบาลยังไม่สามารถเปิดให้บริการผู้ป่วยในได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตามหากมีเหตุฉุกเฉินทางโรงพยาบาลพร้อมรองรับและเป็นโรงพยาบาลสนาม ดูแลผู้ป่วยและผู้บาดเจ็บได้อย่างไม่มีปัญหา และคาดว่าหากมีการยุติชุมนุมทางโรงพยาบาลจะสามารถเปิดให้บริการได้เต็มรูป แบบ”ศ.นพ.อดิศร
พล.ต.ท.นท.จงเจตน์ อาวเจนพงษ์ นายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้ป่วยที่อยู่ในโรงพยาบาลประมาณ 200 เตียง โดยจะย้ายผู้ป่วยไปไว้ยังอาคารที่มีเครื่องปั่นไฟสำรองทั้งหมด ซึ่งจะสามารถใช้ได้ประมาณ 24 ชั่วโมงทั้งน้ำและไฟ โดยเป็นเครื่องระบบเติมน้ำมันดีเซล คาดว่าจะสามารถดูแลผู้ป่วยได้ไม่มีปัญหา เพราะปกติโรงพยาบาลจะมีเครื่องปั่นไฟสำรองอยู่แล้ว เพราะห้องผ่าตัดจะไม่สามารถปล่อยให้ไฟดับได้
"เพื่อไทย"อ้างกองทัพลำเลียงรถสายพาน100คันจากสระบุรี กรุยทางผ่าด่านเตรียมสลายม็อบแดงราชประสงค์
ด้าน พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย กล่าวเมื่อวันที่ 12 พ.ค. ว่า ตนในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร ได้ตรวจสอบพบความเคลื่อนไหวของกองทัพในการเริ่มกระบวนการสลายการชุมนุมของ ประชาชนคนเสื้ออแดงบริเวณสี่แยกราชประสงค์แล้ว ล่าสุดพบว่าในวันที่ 12 พ.ค.ได้มีการลำเลียงรถสายพานจำนวน 100 คัน จากค่ายอดิศร จ.สระบุรี ซึ่งคาดว่าจะถึงกรุงเทพมหาคร ในช่วงเย็นวันเดียวกัน เพื่อเตรียมไว้ใช้ในการกรุยทาง ผ่าด่านผู้ชุมนุม เปิดช่องให้กำลังทหารเข้าไปจัดการกับผู้ชุมนุม ซึ่งตนขอเรียกร้องให้กองทัพและรัฐบาลหยุดกระทำการเช่นนี้เสีย เพราะการใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมบริเวณสี่แยกราชประสงค์จะทำให้เกิดความ เสียหายจำนวนมาก โดยเฉพาะชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์ ซึ่งไม่ใช่หนทางในการปรองดองตามที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเสนอเลย
กอร์ปศักดิ์ระบุยกเลิกเงื่อนไขยุบสภาเหตุไม่ยุติชุมนุม
นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรีกล่าวกับทีวีไทยว่าการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงวันนี้ ยังไม่ยุติ และไม่มีการเจรจาใดๆเกิดขึ้นอีก ซึ่งถือว่าไม่เป็นไปตามเงื่อนไข ดังนั้น การยุบสภาในวันที่ 14 พ.ย. ตามแผนปรองดองของรัฐบาลถือว่ายกเลิก
ที่มาข่าว: มติชนออนไลน์, สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น, เว็บไซต์ข่าวสด, กรุงเทพธุรกิจ
....................................................................
เบื้องหลัง นปช.ยื้อสลายชุมนุม "ฮาร์ดคอร์"งัดข้อ"สายพิราบ" ผวา ติดคุก ไม่ได้ประกันตัว !!!
การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ( นปช.) บริเวณแยกราชประสงค์ ยืดเยื้อมาครบ 2 เดือนแล้ว แต่ดูเหมือน แกนนำ นปช. ยังไม่ยอมสลายตัว
ทั้งๆ ที่ รัฐบาลกำหนดช่วงเวลาการยุบสภา ระหว่าง วันที่ 15-30 กันยายน
และกำหนดวันเลือกตั้ง วันที่ 14 พ.ย.
ต่อมา แกนนำเสื้อแดง ยื่นข้อเสนอให้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) ไปมอบตัวต่อกองปราบปราม
แต่นายสุเทพ ไปรับทราบข้อร้องทุกข์ กล่าวโทษของกลุ่มญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ณ์ 10 เมษายน จาก นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ
แกนนำ นปช. อ้างว่า เป็นแค่ ปาหี่ ของนายสุเทพ
จึงไม่ยอมรับ และประกาศชุมนุมต่อ
ทั้งหมด เป็นแค่การเล่นแง่ ไม่ใช่ เหตุผลหลัก
ล่าสุด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ขีดเส้นตาย ต้องยุติการชุมนุม 12 พ.ค. ถ้ายังดื้อ อาจนำไปสู่มาตรการตัดน้ำ ตัดไป และอพยพคน
ถามกันว่า เบื้องลึก จริง ที่แกนนำ ยังไม่ยุติการชุมนุม มาจากเหตุใดกันแน่ เพราะเสียงสะท้อนกลับมายังแกนนำเสื้อแดง คือ ทำไม ยังไม่ยุติม็อบเสียที และทำไม เสื้อแดง มีเงื่อนไข วันต่อวัน
ส่วนหนึ่งมาจาก เป้าหมายที่แตกต่างกันของแกนนำ คนเสื้อแดง แกนนำ ส่วนใหญ่ เห็นว่า เมื่อรัฐบาลกำหนดวันยุบสภา และวันเลือกตั้ง 14 พ.ย. แล้วก็น่าจะยุติการชุมนุม
แต่แกนนำในสายฮาร์ดคอร์ ยังไม่ยอม
มีรายงานข่าวจากที่ประชุมแกนนำ นปช. ครั้งที่ผ่านมา แกนนำ สายฮาร์ดคอร์ รุมถล่ม นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อย่างหนัก ในประเด็นการยุติการชุมนุมโดยข้อเสนอ 3 ประการ
ขณะที่ นายวีระ มุสิกพงศ์ ประธาน นปช. หายตัวจากการชุมนุมไปหลายวันแล้ว หลายคนยังจำคำพูดของ ประธาน นปช. ที่ว่า ถ้าเสื้อแดงต้องการชัยชนะโดยการใช้ความรุนแรง เขาจะเดินกลับบ้านทันที
บัดนี้ ภาพแห่งความแตกแยกใน นปช. คุกรุ่นขึ้นตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม เหตุผลหลักที่ปฎิเสธ ไม่ได้ แต่ ไม่มีแกนนำ นปช. ยอมรับอย่างตรงไป ตรงมาก็คือ ความหวั่นวิตกของแกนนำเสื้อแดงว่า หากมอบตัวแล้ว จะไม่ได้ประกันตัว และจะติดคุก
ต้องอย่าลืมว่า แกนนำ เสื้อแดง มีโทษอาญา เป็นชนักติดหลัง แตกต่างกัน
“3 เกลอ” อันประกอบด้วย นายวีระ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นพ.เหวง โตจิราการ และนายก่อแก้ว พิกุลทอง โดนแค่ หมายจับ ตาม พ.ร.บ. บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 โดยไม่มีคดีอาญาที่ร้ายแรง
แต่แกนนำ สายฮาร์ดคอร์ ที่โดยทั้ง พ.ร.ก. ฉุกเฉิน และโทษอาญา ที่รุนแรง โดยเฉพาะ ข้อหาฉกรรจ์ที่นายสุเทพ เรียกว่า ผู้ก่อการร้าย
ประกอบ ด้วย นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ นายพายัพ ปั้นเกตุ นายนิสิต สินธุไพร เสื้อแดงกลุ่มนี้ เสี่ยงที่จะโดนโทษอาญา หลายความผิด หลายกระทง
จากพฤติการณ์ใช้ความรุนแรง ทั้งคดีเก่าตั้งแต่ เมษายน ปี 2552 และคดีใหม่ที่ก่อขึ้นในช่วงเดือนเมษายน ไม่ว่าจะเป็นการบุกรัฐสภา เหตุการณ์วันที่ 10 เมษายน การบุกโรงพยาบาลศิริราช
จริงๆ แล้ว หากพิจารณา ขั้นตอนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา การออกหมายจับ ไม่ใช่ หน้าที่ของพนักงานสอบสวน แต่เป็นอำนาจของศาลที่จะอนุมัติให้ออกหมายจับ หรือไม่
แกนนำ เสื้อแดง สายฮาร์ดคอร์ วิตกว่า ที่สุดแล้ว ศาล จะไม่ให้ประกันตัว
อาจทำให้ พวกเขา สูญสิ้นอิสรภาพ ในวันที่ผู้ชุมนุมเสื้อแดง แยกย้ายกลับบ้านไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ทางออกที่ยังมีช่องอยู่ก็คือ ถ้ารัฐบาล ไม่คัดค้าน การประกัน
อาจเป็น เหตุผล ที่ ศาล ยอมให้ประกันตัวแกนนำ นปช. ก็เป็นได้
นาทีนี้ต้องถามว่า การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง อยู่ภายใต้การนำของ สายพิราบ หรือ สายฮาร์ดคอร์ กันแน่ !!!
ถ้าคำตอบคือ สายฮาร์ดคอร์ ก็น่าห่วง เป็นอย่างยิ่ง
ที่มา.มติชนออนไลน์
*******************************************************
ทั้งๆ ที่ รัฐบาลกำหนดช่วงเวลาการยุบสภา ระหว่าง วันที่ 15-30 กันยายน
และกำหนดวันเลือกตั้ง วันที่ 14 พ.ย.
ต่อมา แกนนำเสื้อแดง ยื่นข้อเสนอให้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) ไปมอบตัวต่อกองปราบปราม
แต่นายสุเทพ ไปรับทราบข้อร้องทุกข์ กล่าวโทษของกลุ่มญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ณ์ 10 เมษายน จาก นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ
แกนนำ นปช. อ้างว่า เป็นแค่ ปาหี่ ของนายสุเทพ
จึงไม่ยอมรับ และประกาศชุมนุมต่อ
ทั้งหมด เป็นแค่การเล่นแง่ ไม่ใช่ เหตุผลหลัก
ล่าสุด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ขีดเส้นตาย ต้องยุติการชุมนุม 12 พ.ค. ถ้ายังดื้อ อาจนำไปสู่มาตรการตัดน้ำ ตัดไป และอพยพคน
ถามกันว่า เบื้องลึก จริง ที่แกนนำ ยังไม่ยุติการชุมนุม มาจากเหตุใดกันแน่ เพราะเสียงสะท้อนกลับมายังแกนนำเสื้อแดง คือ ทำไม ยังไม่ยุติม็อบเสียที และทำไม เสื้อแดง มีเงื่อนไข วันต่อวัน
ส่วนหนึ่งมาจาก เป้าหมายที่แตกต่างกันของแกนนำ คนเสื้อแดง แกนนำ ส่วนใหญ่ เห็นว่า เมื่อรัฐบาลกำหนดวันยุบสภา และวันเลือกตั้ง 14 พ.ย. แล้วก็น่าจะยุติการชุมนุม
แต่แกนนำในสายฮาร์ดคอร์ ยังไม่ยอม
มีรายงานข่าวจากที่ประชุมแกนนำ นปช. ครั้งที่ผ่านมา แกนนำ สายฮาร์ดคอร์ รุมถล่ม นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อย่างหนัก ในประเด็นการยุติการชุมนุมโดยข้อเสนอ 3 ประการ
ขณะที่ นายวีระ มุสิกพงศ์ ประธาน นปช. หายตัวจากการชุมนุมไปหลายวันแล้ว หลายคนยังจำคำพูดของ ประธาน นปช. ที่ว่า ถ้าเสื้อแดงต้องการชัยชนะโดยการใช้ความรุนแรง เขาจะเดินกลับบ้านทันที
บัดนี้ ภาพแห่งความแตกแยกใน นปช. คุกรุ่นขึ้นตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม เหตุผลหลักที่ปฎิเสธ ไม่ได้ แต่ ไม่มีแกนนำ นปช. ยอมรับอย่างตรงไป ตรงมาก็คือ ความหวั่นวิตกของแกนนำเสื้อแดงว่า หากมอบตัวแล้ว จะไม่ได้ประกันตัว และจะติดคุก
ต้องอย่าลืมว่า แกนนำ เสื้อแดง มีโทษอาญา เป็นชนักติดหลัง แตกต่างกัน
“3 เกลอ” อันประกอบด้วย นายวีระ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นพ.เหวง โตจิราการ และนายก่อแก้ว พิกุลทอง โดนแค่ หมายจับ ตาม พ.ร.บ. บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 โดยไม่มีคดีอาญาที่ร้ายแรง
แต่แกนนำ สายฮาร์ดคอร์ ที่โดยทั้ง พ.ร.ก. ฉุกเฉิน และโทษอาญา ที่รุนแรง โดยเฉพาะ ข้อหาฉกรรจ์ที่นายสุเทพ เรียกว่า ผู้ก่อการร้าย
ประกอบ ด้วย นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ นายพายัพ ปั้นเกตุ นายนิสิต สินธุไพร เสื้อแดงกลุ่มนี้ เสี่ยงที่จะโดนโทษอาญา หลายความผิด หลายกระทง
จากพฤติการณ์ใช้ความรุนแรง ทั้งคดีเก่าตั้งแต่ เมษายน ปี 2552 และคดีใหม่ที่ก่อขึ้นในช่วงเดือนเมษายน ไม่ว่าจะเป็นการบุกรัฐสภา เหตุการณ์วันที่ 10 เมษายน การบุกโรงพยาบาลศิริราช
จริงๆ แล้ว หากพิจารณา ขั้นตอนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา การออกหมายจับ ไม่ใช่ หน้าที่ของพนักงานสอบสวน แต่เป็นอำนาจของศาลที่จะอนุมัติให้ออกหมายจับ หรือไม่
แกนนำ เสื้อแดง สายฮาร์ดคอร์ วิตกว่า ที่สุดแล้ว ศาล จะไม่ให้ประกันตัว
อาจทำให้ พวกเขา สูญสิ้นอิสรภาพ ในวันที่ผู้ชุมนุมเสื้อแดง แยกย้ายกลับบ้านไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ทางออกที่ยังมีช่องอยู่ก็คือ ถ้ารัฐบาล ไม่คัดค้าน การประกัน
อาจเป็น เหตุผล ที่ ศาล ยอมให้ประกันตัวแกนนำ นปช. ก็เป็นได้
นาทีนี้ต้องถามว่า การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง อยู่ภายใต้การนำของ สายพิราบ หรือ สายฮาร์ดคอร์ กันแน่ !!!
ถ้าคำตอบคือ สายฮาร์ดคอร์ ก็น่าห่วง เป็นอย่างยิ่ง
ที่มา.มติชนออนไลน์
*******************************************************
แด่คนึง ฉัตรเท: ไพร่-แดง-จุฬา
ชัยธวัช ตุลาฑล
[หมายเหตุ: ผู้เขียนเผยแพร่ครั้งแรกในเฟซบุคของเขา เมื่อ 11 พ.ค. เวลา 02.20 น. ประชาไทขออนุญาตจากผู้เขียนและนำมาเผยแพร่ต่อ]
[นี่เป็นบันทึกที่ผมปรับปรุงจากโน๊ตที่เขียนขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อนำไปพูดในวันเดียวกันนั้น ในงานรำลึกครบรอบ 1 เดือน เหตุการณ์ 10 เมษายน 2553 ณ ลานหน้าคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ วันนั้นทางนิสิตที่จัดงานเชิญผมไปพูดในฐานะ บก. ฟ้าเดียวกัน และผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์วันที่ 10 เมษาด้วย แต่ผมขอพูดในฐานะอดีตนิสิตจุฬาคนหนึ่ง เนื่องจากว่า เรื่องที่ผมจะพูดนั้น คือเรื่องของคุณคนึง ฉัตรเท เจ้าหน้าที่ของจุฬาคนหนึ่งที่เสีย ชีวิตในเหตุการณ์วันที่ 10 เมษาด้วย ซึ่งในที่นี้ขออนุญาตเรียกเขาว่า พี่คนึง]
-1-
พี่คนึงอายุ 50 ปี เกิดวันที่ 27 มีนาคม ใน อ.ภาชี จ.อยุธยา เข้าทำงานเป็นลูกจ้างเงินงบประมาณแผ่นดินที่จุฬาตั้งแต่ พ.ศ. 2527 เริ่มจากเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของมหาวิทยาลัย จนล่าสุดทำงานเป็นสายตรวจนอกเครื่องแบบพี่คนึงและครอบครัวพักอาศัยอยู่บนแฟลตเจ้าหน้าที่ในจุฬา ภรรยาทำงานมีฐานะเป็นแค่ลูกจ้างชั่วคราว มีลูกชายหนึ่งคน อายุ 13 ปี กำลังเรียนอยู่ชั้น ม. 2
พี่คนึงมีบุคลิกคล่องแคล่วรวดเร็ว สนุกสนาน คุยเก่ง ไม่ชอบทะเลาะกับใคร เป็นคนเรียบร้อย รับผิดชอบทำงานบ้านและทำอาหารแทนภรรยา เวลาตั้งวงสุรา เขามักจะเป็นคนผูกขาดเข้าครัวทำกับแกล้มให้เพื่อนๆ รวมทั้งคอยบริการเติมเครื่องดื่มไม่ให้พร่องแก้ว จนเพื่อนๆ ตั้งให้เป็น “ขุนระริน”
พี่คนึงเสียชีวิตจากการพยายามเข้าสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงตรงบริเวณสี่แยกคอกวัว เมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา ทีแรกหมอโรงพยาบาลวชิระบอกว่า พี่คนึงน่าจะเสียชีวิตเพราะหัวใจวาย แต่สุดท้ายผลการชันสูตรศพพบว่า พี่คนึงเสียชีวิตจากการถูกยิง กระสุนเข้าซี่โครงด้านขวา แล้วไประเบิดที่ปอดก่อนกระจายไปที่ไขสันหลัง เลือดคั่งในช่องอก ปอดฉีกขาด
จากรายงานของสื่อมวลชน ตอนแรกที่ญาติๆ พี่คนึงได้ยินข่าวประกาศชื่อผู้เสียชีวิตนั้น ยังไม่มั่นใจว่าจะใช่หรือเปล่า เพราะปกตินายคนึงเป็นคนใจดี แต่เมื่อตรวจสอบแล้วว่าใช่ รู้สึกเสียใจมาก ด้านลูกชายพี่คนึงบอกว่า เมื่อรู้ข่าวก็เสียใจมาก ร้องไห้อยู่พักใหญ่ จนน้าสาวบอกว่าต้องเข็มแข็ง เขาจึงต้องพยายามทำใจ ที่ผ่านมาพ่อของเขาชอบเรื่องการเมือง แต่ก็ไม่เคยเข้าร่วมเหตุการณ์ใดๆ จนมาครั้งนี้ แต่ถึงเสียใจก็ต้องพยายามเข้มแข็ง เพราะยังมีแม่ที่ต้องคอยดูแล และเมื่อโตขึ้นนั้น เขาก็ยังตั้งมั่นว่า อยากจะเป็นทหาร ได้รับใช้ชาติ
เมื่อสิ้นคู่ชีวิตไปแล้ว มาถึงตอนนี้ ภรรยาของพี่คนึงยังตกอยู่ในภาวะกดดันจากหลายเรื่อง รวมทั้งภาระค่าใช้จ่ายและหนี้สินของครอบครัวที่ต้องแบกรับ ในวันเผาศพสามี พี่ชายของเธอคนหนึ่งซึ่งก็เคยรู้จักรักใคร่กันดีกับพี่คนึงมาก่อน ไม่ยอมมาร่วมงาน ด้วยเหตุผลว่า พวกมันเป็น “คอมมิวนิสต์”
ด้านเพื่อนของพี่คนึงก็เสียใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาคิดว่ามันไม่ใช่สิ่งที่น่าจะเกิดขึ้น ทำไมรัฐบาลต้องเอาปืนมายิงใส่ประชาชนที่ไม่มีอาวุธ ตามคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่ รปภ. จุฬาอีก 2 คนที่ไปอยู่ตรงบริเวณแยกคอกวัว ด้วยในวันนั้น เพื่อนของพี่คนึงยืนยันว่า ทหารยิงใส่ผู้ชุมนุมจริง
หลังเหตุการณ์ 10 เมษา แม้ว่ารัฐบาลและสื่อมวลชนจะออกข่าวว่าเสื้อแดงก่อความรุนแรงและมีผู้ก่อการร้ายแฝงตัวอยู่ เพื่อห้ามปรามไม่ให้ประชาชนเข้าร่วมการชุมนุมอีก ทว่าเพื่อนพี่คนึงไม่กลัวและยังไปร่วมชุมนุมที่ราชประสงค์อยู่เสมอหลังเลิกงาน พวกเขาให้เหตุผลว่า สิ่งที่รัฐบาลบอก ต่างกับสิ่งที่พวกเขาเห็นจริง ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับผู้ชุมนุมพวกเขาก็อยากไปเสริมกำลัง ไปช่วยกันหลายๆ คน ไม่ใช่ว่ารัฐบาลบอกอะไรแล้วเราต้องเชื่อ
-2-
พี่คนึงไม่เคยเข้าร่วมการเคลื่อนไหวทางการเมืองใดๆ มาก่อน เขาคงไม่ได้เป็น active citizen หรือพลเมืองที่กระตือรือร้นใน นิยามของภาคประชาชน
ในแง่ของคนเสื้อแดงแล้ว อาจกล่าวได้ว่า พี่คนึงเป็น “แดงตู้เย็น” เสียเป็นส่วนใหญ่
ด้วยภาระหน้าที่การงานและภาระในครอบครัว พี่คนึงไม่เคยออกมาชุมนุมต่อต้านรัฐประหาร 19 กันยา ไม่เคยออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐธรรมนูญฉบับปี 50 และไม่ได้ไปร่วมชุมนุมคนเสื้อแดงในยุคแรกๆ เท่าที่ทราบ พี่คนึงมาร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดงครั้งแรกที่สนามศุภชลาศัยเมื่อปีที่แล้ว เหตุผลง่ายๆ ก็คือ มันใกล้จุฬา และด้วยเหตุผลเดียวกันประกอบกับหน้าที่ที่จะต้องหาข่าวให้ผู้บริหารจุฬาอยู่แล้ว พี่คนึงจึงไปชุมนุมที่ราชประสงค์อยู่เสมอ แต่พี่คนึงไม่เคยไปร่วมชุมนุม ณ เวทีคนเสื้อแดงที่ผ่านฟ้ามาก่อน เลย ครั้งแรกและครั้งเดียวที่พี่คนึง ไปชุมนุมที่ผ่านฟ้า คือเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553
เย็นวันนั้น เดิมทีพี่คนึงตั้งใจจะไปร่วมชุมนุมที่ราชประสงค์ แต่พอเห็นรถกระบะของการ์ดคนเสื้อแดงที่เรียกระดมคนให้ไปช่วย พี่น้องที่ผ่านฟ้า พี่คนึงก็กระโดดขึ้นรถไปด้วย โดยจอดรถตนเองทิ้งไว้ที่สี่แยกปทุมวัน
-3-
ตามคำบอกเล่าของเพื่อนร่วมงาน พี่คนึงจะพูดอยู่เสมอว่าไม่ชอบการบริหารของพรรคประชาธิปัตย์มาแต่ไหนแต่ไร ตรงกันข้าม เขาชื่นชอบนโยบายและการบริหารงานของพรรคไทยรักไทยเช่นเดียวกับเพื่อนๆ ของเขาส่วนใหญ่ และถึงแม้คนอย่างพี่คนึงจะได้รับสวัสดิการของมหาวิทยาลัยอยู่ แล้วทำให้ไม่ได้ประโยชน์อะไรเพิ่มจากนโยบายบางอย่างของไทยรักไทย เช่น 30 บาทรักษาทุกโรค แต่พวกเขาก็ยังชอบมัน เพราะอย่างไรญาติพี่น้องของพวกเขาในต่างจังหวัดก็ได้รับสิทธิประโยชน์ด้วย
เมื่อถูกถามเชิงสัพยอกจากเพื่อนๆ ว่าไอ้คนึงมึงไปทำไมเนี่ย ไปร่วมกับเสื้อแดงทำไม คุณแดงจริงหรือเปล่า พี่คนึงก็ตอบว่า ผมแดงจริง ผมไปเพราะไม่ชอบ 2 มาตรฐาน มันเป็นความเหลื่อมล้ำกันในสังคม พี่คนึงบ่นไม่พอใจบ่อยถึงความไม่เท่าเทียมเป็นธรรมในการดำเนินคดีระหว่างกรณีคนเสื้อแดงกับคนเสื้อเหลือง รวมทั้งกรณียุบพรรคไทยรักไทยและพลังประชาชน กรณีสมัครต้องหลุดจากตำแหน่งนายก เพราะทำกับข้าว พี่คนึงไม่ชอบรัฐธรรมนูญฉบับปี 50 ด้วย
เจ้าหน้าที่ระดับล่างของจุฬาส่ วนใหญ่เป็นเสื้อแดง เพื่อนพี่คนึงประเมินให้ผมฟังอย่างนั้น เฉพาะในส่วนที่เป็น รปภ. ราว 280 คน จาก 300 คน เป็นคนเสื้อแดง พวกเขามักจะดูทีวีเสื้อแดงด้วยกันบนแฟลต เวลาไปเข้าร่วมชุมนุม มักจะแยกกันไปส่วนตัวหรือไปกับครอบครัวตนเอง ต่างคนต่างไป เมื่อเสร็จสิ้นเวลางานก็จะถอดเครื่องแบบแล้วแปลงร่างเป็นคนเสื้อแดง หากเห็นกันในที่ชุมนุมก็จะไม่ทักทายกัน ต่างคนต่างเดิน แต่พอเช้าวันรุ่งขึ้นถึงจะค่อย มาคุยกันว่าไปชุมนุมอยู่ตรงจุดไหนกันบ้าง
อย่างไรก็ดี เพื่อนของพี่คนึงเล่าว่า พวกเขาบอกกันอยู่เสมอว่าเราอย่าเอาเรื่องการเมืองมาขัดแย้งกันนะ เพื่อนฝูงก็คือเพื่อนฝูง
ภายใต้สภาพแวดล้อมทางวัฒนธรรมแบบจุฬาๆ โดยปกติคนอย่างพี่คนึงไม่ค่อยจะได้รับเกียรติอยู่แล้ว เพื่อนของพี่คนึงระบายให้ฟังว่า พวกเขาต้องรองรับอารมณ์จากอาจารย์เสมอ อาจารย์ในมหาวิทยาลัยมักจะใช้อารมณ์ โวยวาย ต่อว่า เจ้าหน้าที่ รปภ. อยู่เสมอเมื่อเกิดเหตุให้หงุดหงิด ไม่สะดวก ไม่พอใจ
ในทางการเมือง เมื่ออยู่ในจุฬา คนอย่างพี่คนึงหรือแดงจุฬาที่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับล่างต้องเจียมเนื้อเจียมตัวในการแสดงออกซึ่งความคิดทางการเมืองของตัว เมื่อเกิดกรณีที่มีคนเอาสติ๊กเกอร์ยุบสภาไปติดรถที่จะใช้ปฏิบัติงาน อาจารย์หรือเจ้าหน้าที่ระดับผู้บริหารก็โวยวายจนต้องเอาออกด้วยเหตุผลว่า “กำลังอยู่ในเวลางาน” หรือเป็น “รถหลวง” ซ้ำยังถูกกำชับมาด้วยว่า หากเห็นสติ๊กเกอร์ยุบสภาตามป้อมยามและประตูให้เอาออกด้วย มีบ้างเหมือนกันที่พวกเขาโดนกรีดรถส่วนตัวเพราะติดสติ๊กเกอร์เสื้อแดง กระทั่งมีข่าวลือกระจายออกไปว่า หากไม่เอาออกจะมีโทษ เมื่อมีนักข่าวมาติดต่อขอสัมภาษณ์เพื่อนร่วมงานหรือญาติของพี่คนึงในจุฬา พวกเขาก็ต้องปฏิเสธเพื่อป้องกัน ไม่ให้เกิดปัญหากับมหาวิทยาลัย
-4-
ชีวิตของคนอย่างพี่คนึงมีค่าแค่ไหน พวกเขาจะคิดหรือไม่ว่าตนเองเป็นแค่เบี้ยหมากในเกมการเมือง ที่ผู้มีอำนาจต่อสู้กัน? พี่คนึงคงไม่มีโอกาสจะตอบคำถาม นี้ แต่เพื่อนแดงจุฬาของเขาบอกว่า พวกเขาไม่คิดแบบนั้น พวกเขาไปชุมนุมด้วยความเต็มใจ และถึงแม้เราไม่ไปต่อสู้ คนอื่นก็ไป เพื่อให้ภารกิจสำเร็จ เพื่อให้เกิดสิ่งที่ดีขึ้น
เมื่อการชุมนุมคราวนี้ นปช. ชูคำขวัญว่าด้วยการต่อสู้ระหว่างไพร่กับอำมาตย์ นักวิชาการดาหน้าออกมาอธิบายกันใหญ่ว่าสังคมไทยไม่มีไพร่แล้ว และสังคมไทยก็ไม่มีการต่อสู้ทางชนชั้นด้วย ทว่าสำหรับพี่คนึงกับเพื่อน พวกเขาพูดหยอกล้อกันว่ากูนี่แหละไพร่ คนอย่างพี่คนึงยินดีที่จะนิยามตัวเองว่าไพร่ พวกเขาเห็นว่าคำนี้ยังใช้ได้อยู่ เช่นเดียวกับคำว่าอำมาตย์ ซึ่งเพื่อนพี่คนึงบอกผมว่าเราเห็นตัวอำมาตย์อยู่ ตัวนี้มันชอบไปล้วงลูกอยู่เบื้องหลังตลอด แต่ด้วยความเกรงใจ ผมไม่ได้ซักต่อว่าเขาเห็นตัวไหน?
ในเช้าวันที่ผมไปคุยกับเพื่อนพี่คนึงนั้น ระหว่างเดินทางผมได้ยินรายการวิทยุสัมภาษณ์ท่าน ส.ว. หญิงของกรุงเทพฯ ซึ่งยกย่องกันว่ามาจาก “ภาคประชาชน” เธอแสดงตนว่าห่วงใยและเข้าใจปัญหาของคนจนอย่างน่าชื่นชม เธอยอมรับด้วยนะว่าปัญหาการชุมนุมของคนเสื้อแดงนั้นเป็นผลมาจากปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม ชั่วแต่ว่า นักการเมืองและผู้มีอำนาจกลับฉวยใช้ความยากจนความเหลื่อมล้ำนี้ไปปลุกระดมให้มวลชนออกมาชุมนุมต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของตัว กล่าวอย่างรวบรัดก็คือ ยุบสภาไม่ใช่ทางออกที่แท้จริงสำหรับคนยากคนจน คำตอบสุดยอดคือการปฏิรูปประเทศไทย แล้วเราจะมีประชาธิปไตยที่แท้จริง
ผมเล่าความเห็นของท่าน ส.ว. ให้เพื่อนพี่คนึงฟัง แต่พวกเขายืนกรานว่าปฏิรูปประเทศไม่เอา เพราะไม่เชื่อว่ารัฐบาลอย่างที่เป็นอยู่นี้จะปฏิรูปได้ ดังนั้นต้องยุบสภาอย่างเดียว แล้วจัดการเลือกตั้งให้เสียงประชาชน ตัดสินอนาคตประเทศ พวกพี่เขาแสดงความมุ่งมั่นขนาดที่ว่า แม้จะต้องเหมารถไปเลือกตั้ง เขาก็จะไป
ผมไม่แน่ใจว่าตนเองกำลังทำเรื่องพี่คนึงให้โรแมนติกดั่งวีรชนหาญกล้าในวรรณกรรมเพื่อชีวิตดาษๆ หรือเปล่า
ผมไม่แน่ใจว่าตนเองกำลังนำความตายของพี่คนึงไปรับใช้ความคิด และการต่อสู้ทางการเมืองของตนเองหรือเปล่า
สิ่งที่ยืนยันอย่างซื่อสัตย์ได้ก ็คือว่า เรื่องที่เล่ามาทั้งหมดนี้ มาจากบทสนทนากับเพื่อนพี่คนึง 2 ท่าน และอาจารย์จากคณะอักษรฯ อีกท่านหนึ่ง เราพูดคุยกันเกือบ 2 ชั่วโมง ตรงม้าหินอ่อนหน้าศาลาพระเกี้ยว ในช่วงเที่ยงของวันเสาร์
ด้านหนึ่ง เรื่องที่เล่ามาทั้งหมดก็คงไม่ได้มีอะไรพิสดาร แดงจุฬาในเรื่องเล่านี้ก็คงไม่ได้มีความคิดความอ่านทางการเมืองกระจ่างลึกซึ้งเหมือนนิสิตและนักวิชาการในจุฬา คนอย่างพี่คนึงอาจไม่เข้าใจหรอกว่าประชาธิปไตยที่แท้จริง ซึ่งไม่ใช่แค่การเลือกตั้งอย่างที่ปัญญาชนเขาพูดๆ กันนั้น หน้าตาเป็นอย่างไรและใครจะเป็นผู้ชี้ทิศนำทางไป
รปภ. ไพร่-แดง-จุฬา คนหนึ่ง คิดและพูดกับผมได้แต่ประโยคง่ายๆ ว่า "ประชาธิปไตยตัวจริง มันต้องให้ประชาชนเป็นผู้เลือก เป็นผู้ตัดสิน"
-5-
ถ้าเราเชื่อว่า “คำอธิบาย” ปรากฏการณ์ที่ต่างกัน ย่อมนำไปสู่ “ทางเลือกทางการเมือง” ที่ต่างกันด้วย การไม่ยอมให้สังคมถูกครอบงำด้วยคำอธิบายชุดเดียวจึงมีความจำเป็น เราน่าจะช่วยกันเล่าเรื่องคนอย่างพี่คนึงเพื่อประกอบสร้างเป็นคำอธิบายปรากฏการณ์คนเสื้อแดงและเหตุการณ์ 10 เมษา หลายๆ ชุด และไม่อนุญาตให้รัฐบาล นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ ราษฎรอาวุโส ภาคประชาชน ภาคประชาสังคม นักพัฒนา นักต่อสู้เพื่อนคนจน สื่อมวลชน นักสันติวิธี ฯลฯ หน้าไหน ผูกขาดทางเลือกทางการเมืองนับจากนี้ต่อไป
เราควรต้องต่อสู้กับการมองเห็น ผู้คนที่ผิดแปลกไปจากเรา “เป็นอื่น” ไปจากผู้คนปกติทั่วไปในสังคม จนนำไปสู่การอนุญาตให้ใช้ความรุนแรงต่อกัน เราควรช่วยกันทำให้ผู้คนที่มี ความคิดทางการเมืองต่างไปจากคนอย่างพี่คนึง สามารถคิดถึงหัวอกของคนอย่างพี่คนึงได้ ฉันมนุษย์ปกติที่ยังจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อไปในชีวิตประจำวัน
เรื่องที่เกี่ยวข้อง:
รายงาน: รำลึกวีรชนนิรนาม ‘คนึง ฉัตรเท’ รปภ.จุฬาฯ ผู้จากไปเมื่อ 10 เมษา, 11 พ.ค. 53
ที่มา.ประชาไท
*********************************************************
[หมายเหตุ: ผู้เขียนเผยแพร่ครั้งแรกในเฟซบุคของเขา เมื่อ 11 พ.ค. เวลา 02.20 น. ประชาไทขออนุญาตจากผู้เขียนและนำมาเผยแพร่ต่อ]
[นี่เป็นบันทึกที่ผมปรับปรุงจากโน๊ตที่เขียนขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อนำไปพูดในวันเดียวกันนั้น ในงานรำลึกครบรอบ 1 เดือน เหตุการณ์ 10 เมษายน 2553 ณ ลานหน้าคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ วันนั้นทางนิสิตที่จัดงานเชิญผมไปพูดในฐานะ บก. ฟ้าเดียวกัน และผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์วันที่ 10 เมษาด้วย แต่ผมขอพูดในฐานะอดีตนิสิตจุฬาคนหนึ่ง เนื่องจากว่า เรื่องที่ผมจะพูดนั้น คือเรื่องของคุณคนึง ฉัตรเท เจ้าหน้าที่ของจุฬาคนหนึ่งที่เสีย ชีวิตในเหตุการณ์วันที่ 10 เมษาด้วย ซึ่งในที่นี้ขออนุญาตเรียกเขาว่า พี่คนึง]
-1-
พี่คนึงอายุ 50 ปี เกิดวันที่ 27 มีนาคม ใน อ.ภาชี จ.อยุธยา เข้าทำงานเป็นลูกจ้างเงินงบประมาณแผ่นดินที่จุฬาตั้งแต่ พ.ศ. 2527 เริ่มจากเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของมหาวิทยาลัย จนล่าสุดทำงานเป็นสายตรวจนอกเครื่องแบบพี่คนึงและครอบครัวพักอาศัยอยู่บนแฟลตเจ้าหน้าที่ในจุฬา ภรรยาทำงานมีฐานะเป็นแค่ลูกจ้างชั่วคราว มีลูกชายหนึ่งคน อายุ 13 ปี กำลังเรียนอยู่ชั้น ม. 2
พี่คนึงมีบุคลิกคล่องแคล่วรวดเร็ว สนุกสนาน คุยเก่ง ไม่ชอบทะเลาะกับใคร เป็นคนเรียบร้อย รับผิดชอบทำงานบ้านและทำอาหารแทนภรรยา เวลาตั้งวงสุรา เขามักจะเป็นคนผูกขาดเข้าครัวทำกับแกล้มให้เพื่อนๆ รวมทั้งคอยบริการเติมเครื่องดื่มไม่ให้พร่องแก้ว จนเพื่อนๆ ตั้งให้เป็น “ขุนระริน”
พี่คนึงเสียชีวิตจากการพยายามเข้าสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงตรงบริเวณสี่แยกคอกวัว เมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา ทีแรกหมอโรงพยาบาลวชิระบอกว่า พี่คนึงน่าจะเสียชีวิตเพราะหัวใจวาย แต่สุดท้ายผลการชันสูตรศพพบว่า พี่คนึงเสียชีวิตจากการถูกยิง กระสุนเข้าซี่โครงด้านขวา แล้วไประเบิดที่ปอดก่อนกระจายไปที่ไขสันหลัง เลือดคั่งในช่องอก ปอดฉีกขาด
จากรายงานของสื่อมวลชน ตอนแรกที่ญาติๆ พี่คนึงได้ยินข่าวประกาศชื่อผู้เสียชีวิตนั้น ยังไม่มั่นใจว่าจะใช่หรือเปล่า เพราะปกตินายคนึงเป็นคนใจดี แต่เมื่อตรวจสอบแล้วว่าใช่ รู้สึกเสียใจมาก ด้านลูกชายพี่คนึงบอกว่า เมื่อรู้ข่าวก็เสียใจมาก ร้องไห้อยู่พักใหญ่ จนน้าสาวบอกว่าต้องเข็มแข็ง เขาจึงต้องพยายามทำใจ ที่ผ่านมาพ่อของเขาชอบเรื่องการเมือง แต่ก็ไม่เคยเข้าร่วมเหตุการณ์ใดๆ จนมาครั้งนี้ แต่ถึงเสียใจก็ต้องพยายามเข้มแข็ง เพราะยังมีแม่ที่ต้องคอยดูแล และเมื่อโตขึ้นนั้น เขาก็ยังตั้งมั่นว่า อยากจะเป็นทหาร ได้รับใช้ชาติ
เมื่อสิ้นคู่ชีวิตไปแล้ว มาถึงตอนนี้ ภรรยาของพี่คนึงยังตกอยู่ในภาวะกดดันจากหลายเรื่อง รวมทั้งภาระค่าใช้จ่ายและหนี้สินของครอบครัวที่ต้องแบกรับ ในวันเผาศพสามี พี่ชายของเธอคนหนึ่งซึ่งก็เคยรู้จักรักใคร่กันดีกับพี่คนึงมาก่อน ไม่ยอมมาร่วมงาน ด้วยเหตุผลว่า พวกมันเป็น “คอมมิวนิสต์”
ด้านเพื่อนของพี่คนึงก็เสียใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาคิดว่ามันไม่ใช่สิ่งที่น่าจะเกิดขึ้น ทำไมรัฐบาลต้องเอาปืนมายิงใส่ประชาชนที่ไม่มีอาวุธ ตามคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่ รปภ. จุฬาอีก 2 คนที่ไปอยู่ตรงบริเวณแยกคอกวัว ด้วยในวันนั้น เพื่อนของพี่คนึงยืนยันว่า ทหารยิงใส่ผู้ชุมนุมจริง
หลังเหตุการณ์ 10 เมษา แม้ว่ารัฐบาลและสื่อมวลชนจะออกข่าวว่าเสื้อแดงก่อความรุนแรงและมีผู้ก่อการร้ายแฝงตัวอยู่ เพื่อห้ามปรามไม่ให้ประชาชนเข้าร่วมการชุมนุมอีก ทว่าเพื่อนพี่คนึงไม่กลัวและยังไปร่วมชุมนุมที่ราชประสงค์อยู่เสมอหลังเลิกงาน พวกเขาให้เหตุผลว่า สิ่งที่รัฐบาลบอก ต่างกับสิ่งที่พวกเขาเห็นจริง ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับผู้ชุมนุมพวกเขาก็อยากไปเสริมกำลัง ไปช่วยกันหลายๆ คน ไม่ใช่ว่ารัฐบาลบอกอะไรแล้วเราต้องเชื่อ
-2-
พี่คนึงไม่เคยเข้าร่วมการเคลื่อนไหวทางการเมืองใดๆ มาก่อน เขาคงไม่ได้เป็น active citizen หรือพลเมืองที่กระตือรือร้นใน นิยามของภาคประชาชน
ในแง่ของคนเสื้อแดงแล้ว อาจกล่าวได้ว่า พี่คนึงเป็น “แดงตู้เย็น” เสียเป็นส่วนใหญ่
ด้วยภาระหน้าที่การงานและภาระในครอบครัว พี่คนึงไม่เคยออกมาชุมนุมต่อต้านรัฐประหาร 19 กันยา ไม่เคยออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐธรรมนูญฉบับปี 50 และไม่ได้ไปร่วมชุมนุมคนเสื้อแดงในยุคแรกๆ เท่าที่ทราบ พี่คนึงมาร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดงครั้งแรกที่สนามศุภชลาศัยเมื่อปีที่แล้ว เหตุผลง่ายๆ ก็คือ มันใกล้จุฬา และด้วยเหตุผลเดียวกันประกอบกับหน้าที่ที่จะต้องหาข่าวให้ผู้บริหารจุฬาอยู่แล้ว พี่คนึงจึงไปชุมนุมที่ราชประสงค์อยู่เสมอ แต่พี่คนึงไม่เคยไปร่วมชุมนุม ณ เวทีคนเสื้อแดงที่ผ่านฟ้ามาก่อน เลย ครั้งแรกและครั้งเดียวที่พี่คนึง ไปชุมนุมที่ผ่านฟ้า คือเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553
เย็นวันนั้น เดิมทีพี่คนึงตั้งใจจะไปร่วมชุมนุมที่ราชประสงค์ แต่พอเห็นรถกระบะของการ์ดคนเสื้อแดงที่เรียกระดมคนให้ไปช่วย พี่น้องที่ผ่านฟ้า พี่คนึงก็กระโดดขึ้นรถไปด้วย โดยจอดรถตนเองทิ้งไว้ที่สี่แยกปทุมวัน
-3-
ตามคำบอกเล่าของเพื่อนร่วมงาน พี่คนึงจะพูดอยู่เสมอว่าไม่ชอบการบริหารของพรรคประชาธิปัตย์มาแต่ไหนแต่ไร ตรงกันข้าม เขาชื่นชอบนโยบายและการบริหารงานของพรรคไทยรักไทยเช่นเดียวกับเพื่อนๆ ของเขาส่วนใหญ่ และถึงแม้คนอย่างพี่คนึงจะได้รับสวัสดิการของมหาวิทยาลัยอยู่ แล้วทำให้ไม่ได้ประโยชน์อะไรเพิ่มจากนโยบายบางอย่างของไทยรักไทย เช่น 30 บาทรักษาทุกโรค แต่พวกเขาก็ยังชอบมัน เพราะอย่างไรญาติพี่น้องของพวกเขาในต่างจังหวัดก็ได้รับสิทธิประโยชน์ด้วย
เมื่อถูกถามเชิงสัพยอกจากเพื่อนๆ ว่าไอ้คนึงมึงไปทำไมเนี่ย ไปร่วมกับเสื้อแดงทำไม คุณแดงจริงหรือเปล่า พี่คนึงก็ตอบว่า ผมแดงจริง ผมไปเพราะไม่ชอบ 2 มาตรฐาน มันเป็นความเหลื่อมล้ำกันในสังคม พี่คนึงบ่นไม่พอใจบ่อยถึงความไม่เท่าเทียมเป็นธรรมในการดำเนินคดีระหว่างกรณีคนเสื้อแดงกับคนเสื้อเหลือง รวมทั้งกรณียุบพรรคไทยรักไทยและพลังประชาชน กรณีสมัครต้องหลุดจากตำแหน่งนายก เพราะทำกับข้าว พี่คนึงไม่ชอบรัฐธรรมนูญฉบับปี 50 ด้วย
เจ้าหน้าที่ระดับล่างของจุฬาส่ วนใหญ่เป็นเสื้อแดง เพื่อนพี่คนึงประเมินให้ผมฟังอย่างนั้น เฉพาะในส่วนที่เป็น รปภ. ราว 280 คน จาก 300 คน เป็นคนเสื้อแดง พวกเขามักจะดูทีวีเสื้อแดงด้วยกันบนแฟลต เวลาไปเข้าร่วมชุมนุม มักจะแยกกันไปส่วนตัวหรือไปกับครอบครัวตนเอง ต่างคนต่างไป เมื่อเสร็จสิ้นเวลางานก็จะถอดเครื่องแบบแล้วแปลงร่างเป็นคนเสื้อแดง หากเห็นกันในที่ชุมนุมก็จะไม่ทักทายกัน ต่างคนต่างเดิน แต่พอเช้าวันรุ่งขึ้นถึงจะค่อย มาคุยกันว่าไปชุมนุมอยู่ตรงจุดไหนกันบ้าง
อย่างไรก็ดี เพื่อนของพี่คนึงเล่าว่า พวกเขาบอกกันอยู่เสมอว่าเราอย่าเอาเรื่องการเมืองมาขัดแย้งกันนะ เพื่อนฝูงก็คือเพื่อนฝูง
ภายใต้สภาพแวดล้อมทางวัฒนธรรมแบบจุฬาๆ โดยปกติคนอย่างพี่คนึงไม่ค่อยจะได้รับเกียรติอยู่แล้ว เพื่อนของพี่คนึงระบายให้ฟังว่า พวกเขาต้องรองรับอารมณ์จากอาจารย์เสมอ อาจารย์ในมหาวิทยาลัยมักจะใช้อารมณ์ โวยวาย ต่อว่า เจ้าหน้าที่ รปภ. อยู่เสมอเมื่อเกิดเหตุให้หงุดหงิด ไม่สะดวก ไม่พอใจ
ในทางการเมือง เมื่ออยู่ในจุฬา คนอย่างพี่คนึงหรือแดงจุฬาที่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับล่างต้องเจียมเนื้อเจียมตัวในการแสดงออกซึ่งความคิดทางการเมืองของตัว เมื่อเกิดกรณีที่มีคนเอาสติ๊กเกอร์ยุบสภาไปติดรถที่จะใช้ปฏิบัติงาน อาจารย์หรือเจ้าหน้าที่ระดับผู้บริหารก็โวยวายจนต้องเอาออกด้วยเหตุผลว่า “กำลังอยู่ในเวลางาน” หรือเป็น “รถหลวง” ซ้ำยังถูกกำชับมาด้วยว่า หากเห็นสติ๊กเกอร์ยุบสภาตามป้อมยามและประตูให้เอาออกด้วย มีบ้างเหมือนกันที่พวกเขาโดนกรีดรถส่วนตัวเพราะติดสติ๊กเกอร์เสื้อแดง กระทั่งมีข่าวลือกระจายออกไปว่า หากไม่เอาออกจะมีโทษ เมื่อมีนักข่าวมาติดต่อขอสัมภาษณ์เพื่อนร่วมงานหรือญาติของพี่คนึงในจุฬา พวกเขาก็ต้องปฏิเสธเพื่อป้องกัน ไม่ให้เกิดปัญหากับมหาวิทยาลัย
-4-
ชีวิตของคนอย่างพี่คนึงมีค่าแค่ไหน พวกเขาจะคิดหรือไม่ว่าตนเองเป็นแค่เบี้ยหมากในเกมการเมือง ที่ผู้มีอำนาจต่อสู้กัน? พี่คนึงคงไม่มีโอกาสจะตอบคำถาม นี้ แต่เพื่อนแดงจุฬาของเขาบอกว่า พวกเขาไม่คิดแบบนั้น พวกเขาไปชุมนุมด้วยความเต็มใจ และถึงแม้เราไม่ไปต่อสู้ คนอื่นก็ไป เพื่อให้ภารกิจสำเร็จ เพื่อให้เกิดสิ่งที่ดีขึ้น
เมื่อการชุมนุมคราวนี้ นปช. ชูคำขวัญว่าด้วยการต่อสู้ระหว่างไพร่กับอำมาตย์ นักวิชาการดาหน้าออกมาอธิบายกันใหญ่ว่าสังคมไทยไม่มีไพร่แล้ว และสังคมไทยก็ไม่มีการต่อสู้ทางชนชั้นด้วย ทว่าสำหรับพี่คนึงกับเพื่อน พวกเขาพูดหยอกล้อกันว่ากูนี่แหละไพร่ คนอย่างพี่คนึงยินดีที่จะนิยามตัวเองว่าไพร่ พวกเขาเห็นว่าคำนี้ยังใช้ได้อยู่ เช่นเดียวกับคำว่าอำมาตย์ ซึ่งเพื่อนพี่คนึงบอกผมว่าเราเห็นตัวอำมาตย์อยู่ ตัวนี้มันชอบไปล้วงลูกอยู่เบื้องหลังตลอด แต่ด้วยความเกรงใจ ผมไม่ได้ซักต่อว่าเขาเห็นตัวไหน?
ในเช้าวันที่ผมไปคุยกับเพื่อนพี่คนึงนั้น ระหว่างเดินทางผมได้ยินรายการวิทยุสัมภาษณ์ท่าน ส.ว. หญิงของกรุงเทพฯ ซึ่งยกย่องกันว่ามาจาก “ภาคประชาชน” เธอแสดงตนว่าห่วงใยและเข้าใจปัญหาของคนจนอย่างน่าชื่นชม เธอยอมรับด้วยนะว่าปัญหาการชุมนุมของคนเสื้อแดงนั้นเป็นผลมาจากปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม ชั่วแต่ว่า นักการเมืองและผู้มีอำนาจกลับฉวยใช้ความยากจนความเหลื่อมล้ำนี้ไปปลุกระดมให้มวลชนออกมาชุมนุมต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของตัว กล่าวอย่างรวบรัดก็คือ ยุบสภาไม่ใช่ทางออกที่แท้จริงสำหรับคนยากคนจน คำตอบสุดยอดคือการปฏิรูปประเทศไทย แล้วเราจะมีประชาธิปไตยที่แท้จริง
ผมเล่าความเห็นของท่าน ส.ว. ให้เพื่อนพี่คนึงฟัง แต่พวกเขายืนกรานว่าปฏิรูปประเทศไม่เอา เพราะไม่เชื่อว่ารัฐบาลอย่างที่เป็นอยู่นี้จะปฏิรูปได้ ดังนั้นต้องยุบสภาอย่างเดียว แล้วจัดการเลือกตั้งให้เสียงประชาชน ตัดสินอนาคตประเทศ พวกพี่เขาแสดงความมุ่งมั่นขนาดที่ว่า แม้จะต้องเหมารถไปเลือกตั้ง เขาก็จะไป
ผมไม่แน่ใจว่าตนเองกำลังทำเรื่องพี่คนึงให้โรแมนติกดั่งวีรชนหาญกล้าในวรรณกรรมเพื่อชีวิตดาษๆ หรือเปล่า
ผมไม่แน่ใจว่าตนเองกำลังนำความตายของพี่คนึงไปรับใช้ความคิด และการต่อสู้ทางการเมืองของตนเองหรือเปล่า
สิ่งที่ยืนยันอย่างซื่อสัตย์ได้ก ็คือว่า เรื่องที่เล่ามาทั้งหมดนี้ มาจากบทสนทนากับเพื่อนพี่คนึง 2 ท่าน และอาจารย์จากคณะอักษรฯ อีกท่านหนึ่ง เราพูดคุยกันเกือบ 2 ชั่วโมง ตรงม้าหินอ่อนหน้าศาลาพระเกี้ยว ในช่วงเที่ยงของวันเสาร์
ด้านหนึ่ง เรื่องที่เล่ามาทั้งหมดก็คงไม่ได้มีอะไรพิสดาร แดงจุฬาในเรื่องเล่านี้ก็คงไม่ได้มีความคิดความอ่านทางการเมืองกระจ่างลึกซึ้งเหมือนนิสิตและนักวิชาการในจุฬา คนอย่างพี่คนึงอาจไม่เข้าใจหรอกว่าประชาธิปไตยที่แท้จริง ซึ่งไม่ใช่แค่การเลือกตั้งอย่างที่ปัญญาชนเขาพูดๆ กันนั้น หน้าตาเป็นอย่างไรและใครจะเป็นผู้ชี้ทิศนำทางไป
รปภ. ไพร่-แดง-จุฬา คนหนึ่ง คิดและพูดกับผมได้แต่ประโยคง่ายๆ ว่า "ประชาธิปไตยตัวจริง มันต้องให้ประชาชนเป็นผู้เลือก เป็นผู้ตัดสิน"
-5-
ถ้าเราเชื่อว่า “คำอธิบาย” ปรากฏการณ์ที่ต่างกัน ย่อมนำไปสู่ “ทางเลือกทางการเมือง” ที่ต่างกันด้วย การไม่ยอมให้สังคมถูกครอบงำด้วยคำอธิบายชุดเดียวจึงมีความจำเป็น เราน่าจะช่วยกันเล่าเรื่องคนอย่างพี่คนึงเพื่อประกอบสร้างเป็นคำอธิบายปรากฏการณ์คนเสื้อแดงและเหตุการณ์ 10 เมษา หลายๆ ชุด และไม่อนุญาตให้รัฐบาล นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ ราษฎรอาวุโส ภาคประชาชน ภาคประชาสังคม นักพัฒนา นักต่อสู้เพื่อนคนจน สื่อมวลชน นักสันติวิธี ฯลฯ หน้าไหน ผูกขาดทางเลือกทางการเมืองนับจากนี้ต่อไป
เราควรต้องต่อสู้กับการมองเห็น ผู้คนที่ผิดแปลกไปจากเรา “เป็นอื่น” ไปจากผู้คนปกติทั่วไปในสังคม จนนำไปสู่การอนุญาตให้ใช้ความรุนแรงต่อกัน เราควรช่วยกันทำให้ผู้คนที่มี ความคิดทางการเมืองต่างไปจากคนอย่างพี่คนึง สามารถคิดถึงหัวอกของคนอย่างพี่คนึงได้ ฉันมนุษย์ปกติที่ยังจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อไปในชีวิตประจำวัน
เรื่องที่เกี่ยวข้อง:
รายงาน: รำลึกวีรชนนิรนาม ‘คนึง ฉัตรเท’ รปภ.จุฬาฯ ผู้จากไปเมื่อ 10 เมษา, 11 พ.ค. 53
ที่มา.ประชาไท
*********************************************************
อำนวย-ธาริตแจงข้อกฎหมายกรณี"สุเทพ"มอบตัว
พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รับผิดชอบงานด้านกฎหมาย พร้อม นายธาริต เพ็งดิษ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และคณะทำงานสอบสวนคดีที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมและคดีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ร่วมกันแถลงข่าวกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เข้ารับทราบคำร้องทุกข์กล่าวหาหลังสั่งสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา และการดำเนินสอบสวนคดีกับแกนนำผู้ชุมนุม นปช.ว่า การทำร้ายร่างกายประชาชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐ เข้าข่ายความผิดตามมติคณะกรรมการคดีพิเศษ เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2553 ในมูลฐานความผิด เป็นคดีพิเศษ คือการก่อการร้าย การขู่บังคับให้รัฐบาลดำเนินการใดๆ การทำร้ายประชาชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐ และกระทำต่ออาวุธยุทธภัณท์ของทางราชการ โดยเมื่อเป็นคดีพิเศษแล้วจะกลับเป็นคดีธรรมดาไม่ได้ และการสอบสวนต้องกระทำโดยพนักงานสอบสวนคดีพิเศษหรือผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจาก 13 หน่วยงานที่ถูกตั้งขึ้นเท่านั้น
หนังสือกล่าวโทษของญาติของผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุ 10 เมษายน และเหตุการณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง ซึ่งกล่าวหานายกฯ และนายสุเทพ กรณีสั่งการให้ใช้อาวุธจริงประทุษร้ายต่อชีวิตร่างกายประชาชน จึงเข้าข่ายลักษณะที่ 3 ของมติคณะกรรมการคดีพิเศษครั้งที่ 3/2553 ลงวันที่ 16 ม.ย.2553 คือ กรณีทำร้ายร่างกายประชาชนจึงถือเป็นคดีพิเศษ ซึ่งตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 250 มาตรา275 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 66 กรณีกล่าวหาว่าผู้ดำรงตำแหน่งนายกฯหรือข้าราชการการเมืองอื่นกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่หรือทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายอื่นๆจะต้องส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันปราบปรามการทุจริตแห่งชาติดำเนินการไต่สวน " พล.ต.ต.อำนวยกล่าวและว่า ดังนั้น คดีนี้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะดำเนินการรวบรวมข้อเท็จจริงเบื้องต้นเท่านั้น แล้วส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ดำเนินการต่อไป ส่วนการรับทราบข้อกล่าวหาของนายสุเทพนั้นเป็นการรับทราบข้อกล่าวหาตามหนังสือกล่าวโทษของผู้กล่าวหาทั้ง 14 คนโดยตรง กล่าวคือ กรณีกล่าวหาว่าสั่งการให้ใช้อาวุธจริงประทุษร้ายต่อชีวิตร่างกายประชาชน
ด้าน อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า นายสุเทพเข้ามอบตัวกับกรมสอบสวนคดีพิเศษนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว แม้จะไปมอบตัวกับใคร ไม่ว่าจะเป็นนายอำเภอ หรือท้องที่ใด สุดท้ายเรื่องก็จะถูกส่งไปที่กรมสอบสวนคดีพิเศษอยู่ดี ส่วนที่ นปช. เรียกร้องให้ไปมอบตัวกับกองปราบปรามนั้นไม่สมเหตุสมผล จึงอยากเรียกร้องให้แกนนำสลายการชุมนุมตามที่ได้ประกาศต่อประชาสังคม
ส่วนความกังวล หากแกนนำ นปช.จะเข้ามอบตัวแล้วไม่ได้รับการประกันตัวนั้น พล.ต.ต.อำนวย กล่าวเสริมว่า อำนาจอยู่ที่ศาล หากยังไม่มอบตัวก็ไม่ควรพูดถึงการให้ประกันตัว หมายจับ พ.ร.ก.ไม่ใช่หมายจับคดีอาญา เมื่อมีการยกเลิกก็จบ ส่วนแกนนำคนใดมีคดีอาญาในฐานความผิดใดก็ว่ากันไปตามกฎหมาย พนักงานสอบสวนจะใช้มาตรฐานเดียวกันทั้งหมด ส่วนความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พศ.2546 ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ซึ่งเป็นคดีการเมือง ต้องมีการสอบสวนในเบื้องต้น เพื่อส่งเรื่องให้กับ ปปช. เช่นเดียวกับเหตุสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ที่ได้ส่งเรื่องเอาผิดกับ นาย สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี และ พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ ชี้มูลความผิดต่อไป
ที่มา.เนชั่น
*********************************************************
หนังสือกล่าวโทษของญาติของผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุ 10 เมษายน และเหตุการณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง ซึ่งกล่าวหานายกฯ และนายสุเทพ กรณีสั่งการให้ใช้อาวุธจริงประทุษร้ายต่อชีวิตร่างกายประชาชน จึงเข้าข่ายลักษณะที่ 3 ของมติคณะกรรมการคดีพิเศษครั้งที่ 3/2553 ลงวันที่ 16 ม.ย.2553 คือ กรณีทำร้ายร่างกายประชาชนจึงถือเป็นคดีพิเศษ ซึ่งตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 250 มาตรา275 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 66 กรณีกล่าวหาว่าผู้ดำรงตำแหน่งนายกฯหรือข้าราชการการเมืองอื่นกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่หรือทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายอื่นๆจะต้องส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันปราบปรามการทุจริตแห่งชาติดำเนินการไต่สวน " พล.ต.ต.อำนวยกล่าวและว่า ดังนั้น คดีนี้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะดำเนินการรวบรวมข้อเท็จจริงเบื้องต้นเท่านั้น แล้วส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ดำเนินการต่อไป ส่วนการรับทราบข้อกล่าวหาของนายสุเทพนั้นเป็นการรับทราบข้อกล่าวหาตามหนังสือกล่าวโทษของผู้กล่าวหาทั้ง 14 คนโดยตรง กล่าวคือ กรณีกล่าวหาว่าสั่งการให้ใช้อาวุธจริงประทุษร้ายต่อชีวิตร่างกายประชาชน
ด้าน อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า นายสุเทพเข้ามอบตัวกับกรมสอบสวนคดีพิเศษนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว แม้จะไปมอบตัวกับใคร ไม่ว่าจะเป็นนายอำเภอ หรือท้องที่ใด สุดท้ายเรื่องก็จะถูกส่งไปที่กรมสอบสวนคดีพิเศษอยู่ดี ส่วนที่ นปช. เรียกร้องให้ไปมอบตัวกับกองปราบปรามนั้นไม่สมเหตุสมผล จึงอยากเรียกร้องให้แกนนำสลายการชุมนุมตามที่ได้ประกาศต่อประชาสังคม
ส่วนความกังวล หากแกนนำ นปช.จะเข้ามอบตัวแล้วไม่ได้รับการประกันตัวนั้น พล.ต.ต.อำนวย กล่าวเสริมว่า อำนาจอยู่ที่ศาล หากยังไม่มอบตัวก็ไม่ควรพูดถึงการให้ประกันตัว หมายจับ พ.ร.ก.ไม่ใช่หมายจับคดีอาญา เมื่อมีการยกเลิกก็จบ ส่วนแกนนำคนใดมีคดีอาญาในฐานความผิดใดก็ว่ากันไปตามกฎหมาย พนักงานสอบสวนจะใช้มาตรฐานเดียวกันทั้งหมด ส่วนความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พศ.2546 ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ซึ่งเป็นคดีการเมือง ต้องมีการสอบสวนในเบื้องต้น เพื่อส่งเรื่องให้กับ ปปช. เช่นเดียวกับเหตุสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ที่ได้ส่งเรื่องเอาผิดกับ นาย สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี และ พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ ชี้มูลความผิดต่อไป
ที่มา.เนชั่น
*********************************************************
วันสลายตัว
เมื่อนปช.กับรัฐบาลบรรลุข้อตกลงเข้าสู่กระบวนการปรองดองกันได้ในที่สุด และยอมรับเงื่อนไขรายละเอียด ให้ทั้งสองฝ่ายต้องตกเป็นผู้ต้องหาในคดีความต่างๆ อย่างเสมอภาค
วันสลายตัวของนปช.ก็มาถึง!
นำมาซึ่งความสงบสุขของชาวเมืองหลวง
รวมทั้งความโล่งใจของคนส่วนใหญ่ ซึ่งมีจิตใจประชาธิปไตยและมนุษยธรรม เห็นทางออกของปัญหาทางการเมือง
ด้วยการเจรจาอย่างสันติวิธี
ไม่ใช่จบด้วยสูญเสียชีวิตประชาชนบนท้องถนน ไม่ว่าประชาชนสีไหน ไม่ควรร้องเชียร์ให้ทหารออกมาเข่นฆ่า
ผ่านจากวิกฤตครั้งนี้ หลายคนควรไปทบทวนตัวเอง ว่ายังมีจิตใจเหมือนมนุษย์มนาปกติหรือไม่!?
ถัดจากการสลายตัวของผู้ชุมนุมแล้ว เราคงได้เห็นการเดินหน้าแผนปรองดอง เพื่อสร้างประชาธิปไตย และแก้ความเหลื่อมล้ำทางสังคม
คงไม่เพียงแค่คำพูดสวยหรู
สำคัญที่สุด คือการเตรียมยุบสภา ในครึ่งหลังของเดือนก.ย.
แล้วเลือกตั้งในกลางเดือนพ.ย.
การยุบสภาและการเลือกตั้งเป็นกติกาประชาธิปไตยที่ดีที่สุด โดยต้องทำให้สะอาดบริสุทธิ์ที่สุด!
เชื่อว่าคนส่วนใหญ่พอใจหนทางนี้
แม้แต่กองเชียร์นายกฯที่คัดค้านการยุบสภา ความจริงถ้ามั่นใจในความยิ่งใหญ่ของพลังตนเอง ที่ว่ามีเป็นล้านคนนั้น
เอามาเทให้ประชาธิปัตย์กลับมาเป็นรัฐบาลก็ได้มิใช่หรือ
ที่พยายามพูดกันว่าประชาธิปไตยไม่ใช่แค่การเลือกตั้งก็จริง แต่การยุบสภาและเลือกตั้งเป็นวิธีแก้ขัดแย้งการเมืองที่ประชาชนไม่ต้องสูญเสียเลือดเนื้อ
บางกลุ่มบอกว่า โรดแม็ปของอภิสิทธิ์คือการตกลงเฉพาะรัฐบาลกับม็อบแดง โดยที่กลุ่มอื่นไม่เกี่ยว
ในเมื่อคู่ขัดแย้งขณะนี้คือรัฐบาลกับม็อบแดง แล้วจะให้ใครไปเจรจายุติปัญหา ถ้าไม่ใช่คู่กรณี 2 ฝ่าย
มองด้วยหัวใจที่เปิดกว้าง การยุบสภา คือวิธีการแก้ปัญหาความขัดแย้งในบ้านเมืองอย่างเป็นประธิปไตยและไม่ให้ประชาชนที่ชุมนุมต้องล้มตาย
แล้วนี่จะเป็นหนทางในการแก้ปัญหาในอนาคตต่อไป
ส่วนสีอื่นที่ไม่พอใจ ก็มีสิทธิจะต่อสู้ทางการเมืองกันต่อไป ภายใต้กติกาประชาธิปไตย
ไปสู้กันตอนหย่อนบัตรเลือกตั้งไง!
ที่มา.ข่าวสดรายวัน
คอลัมน์ ชกไม่มีมุม
วงค์ ตาวัน
***********************************************************
วันสลายตัวของนปช.ก็มาถึง!
นำมาซึ่งความสงบสุขของชาวเมืองหลวง
รวมทั้งความโล่งใจของคนส่วนใหญ่ ซึ่งมีจิตใจประชาธิปไตยและมนุษยธรรม เห็นทางออกของปัญหาทางการเมือง
ด้วยการเจรจาอย่างสันติวิธี
ไม่ใช่จบด้วยสูญเสียชีวิตประชาชนบนท้องถนน ไม่ว่าประชาชนสีไหน ไม่ควรร้องเชียร์ให้ทหารออกมาเข่นฆ่า
ผ่านจากวิกฤตครั้งนี้ หลายคนควรไปทบทวนตัวเอง ว่ายังมีจิตใจเหมือนมนุษย์มนาปกติหรือไม่!?
ถัดจากการสลายตัวของผู้ชุมนุมแล้ว เราคงได้เห็นการเดินหน้าแผนปรองดอง เพื่อสร้างประชาธิปไตย และแก้ความเหลื่อมล้ำทางสังคม
คงไม่เพียงแค่คำพูดสวยหรู
สำคัญที่สุด คือการเตรียมยุบสภา ในครึ่งหลังของเดือนก.ย.
แล้วเลือกตั้งในกลางเดือนพ.ย.
การยุบสภาและการเลือกตั้งเป็นกติกาประชาธิปไตยที่ดีที่สุด โดยต้องทำให้สะอาดบริสุทธิ์ที่สุด!
เชื่อว่าคนส่วนใหญ่พอใจหนทางนี้
แม้แต่กองเชียร์นายกฯที่คัดค้านการยุบสภา ความจริงถ้ามั่นใจในความยิ่งใหญ่ของพลังตนเอง ที่ว่ามีเป็นล้านคนนั้น
เอามาเทให้ประชาธิปัตย์กลับมาเป็นรัฐบาลก็ได้มิใช่หรือ
ที่พยายามพูดกันว่าประชาธิปไตยไม่ใช่แค่การเลือกตั้งก็จริง แต่การยุบสภาและเลือกตั้งเป็นวิธีแก้ขัดแย้งการเมืองที่ประชาชนไม่ต้องสูญเสียเลือดเนื้อ
บางกลุ่มบอกว่า โรดแม็ปของอภิสิทธิ์คือการตกลงเฉพาะรัฐบาลกับม็อบแดง โดยที่กลุ่มอื่นไม่เกี่ยว
ในเมื่อคู่ขัดแย้งขณะนี้คือรัฐบาลกับม็อบแดง แล้วจะให้ใครไปเจรจายุติปัญหา ถ้าไม่ใช่คู่กรณี 2 ฝ่าย
มองด้วยหัวใจที่เปิดกว้าง การยุบสภา คือวิธีการแก้ปัญหาความขัดแย้งในบ้านเมืองอย่างเป็นประธิปไตยและไม่ให้ประชาชนที่ชุมนุมต้องล้มตาย
แล้วนี่จะเป็นหนทางในการแก้ปัญหาในอนาคตต่อไป
ส่วนสีอื่นที่ไม่พอใจ ก็มีสิทธิจะต่อสู้ทางการเมืองกันต่อไป ภายใต้กติกาประชาธิปไตย
ไปสู้กันตอนหย่อนบัตรเลือกตั้งไง!
ที่มา.ข่าวสดรายวัน
คอลัมน์ ชกไม่มีมุม
วงค์ ตาวัน
***********************************************************
"3เกลอ"แตกคอ! ภท.ผวา"แม้ว"
หน้าที่หลัก วิสา คัญทัพ วิพากษ์วิจารณ์ข่าว-บทความให้ผู้ชุมนุมฟังทุกเที่ยงวัน ในมาดนิ่งไม่แสดงอารมณ์ แต่วันก่อน เห็นข่าวนปช.ถกลับ วิสา เก็บอา รมณ์ไม่อยู่ ด่าการ์ดแกนนำบางคนอยากดังชอบเอาความลับไปบอกนักข่าว ส่วนตัวเองนักข่าวไม่เคยมาถามเพราะรู้ว่าไม่เคยบอกอะไร
รู้ว่า"ไม่รู้"ต่างหาก
ข่าววงในจากราชประสงค์ ยืนยันนปช.แตกคอ สายบุ๋นที่นำโดย วีระ มุสิกพงศ์ ที่อยากให้เลิกชุมนุมตั้งแต่ 10 พ.ค. กับสายบู๊ที่มี ตู่-จตุพร พรหมพันธุ์ เป็นหัวหอก เห็นว่านปช.ยังไม่มีหลักประกัน เพราะฝ่ายรัฐบาลยังไม่ถูกดำเนินคดี เรื่องสลายการชุมนุมเลยยังไม่ยุติเสียที
ข่าวนี้"วิสา"ฉุนหนักกว่าเดิม
กลัวข้อกล่าวหายุ่งเกี่ยวกับสมาชิก 111 ประชุมแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลตัวจริงเมื่อดึกวันที่ 9 พ.ค. นายกฯอภิสิทธิ์ เลยสั่งแกนนำรูดซิปห้ามให้ข่าว ห้ามรับโทรศัพท์ ถึงขนาดสาบานกันกลางโต๊ะ อาหาร ปิดลับจนต้องวิ่งรอกเปลี่ยนที่ประชุม โซ้ยข้าวแกงแทนเมนูภัตตาคาร
เป็นแผนประหยัดของเจ้าภาพรึเปล่า
ประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ ประ ธานส.ส.ภูมิใจไทย ลั่นจะนำส.ส.กลับเข้าสภาได้ไม่ต่ำกว่า 40 จากปัจจุบัน 42 แต่ข่าวจากห้องประชุมว่าที่ผู้สมัคร ระบุผู้เข้าประชุมน้อยลงทุกที อาจไม่มั่นใจในกระแสพรรคเพราะถ้า ทักษิณ ยังอยู่โฟนอินมาแค่ 2-3 ครั้ง ฝ่ายตรงข้ามก็สอบตกแล้ว
ตกลงสี่สิบ หรือสิบสี่?
ประชุมครม.อังคารที่ผ่านมา เป็นครั้งแรกที่กลับมาใช้ทำเนียบรัฐบาล หลังกลุ่มเสื้อแดงปักหลักชุมนุมยืดเยื้อมานาน 2 เดือน เรียกร้องให้ยุบสภา จนนายกฯอภิสิทธิ์ ต้องระเห็จไปใช้ราบ 11 เป็นทั้งที่ทำงาน ที่กินนอน ชนิดครบวงจร
อย่าประมาททีเดียว
ครม.เห็นชอบการปรับปรุงโครงการเออร์ลี่ รีไทร์ ตามที่ ไตรรงค์ สุวรรณคีรี เสนอ ปี 2554 ผู้เข้าร่วมโครงการต้องมีอายุ 50 ปีขึ้นไป มีเวลาราชการคำนวณบำเหน็จบำนาญ 25 ปีขึ้นไป เหลืออายุราชการ 1 ปีขึ้นไป ส่วนปี 2555 ต้องเหลืออายุราชการ 2 ปีขึ้นไป
เพื่อความพร้อมในการหาคนแทน
มติครม. 11 พ.ค. เห็นชอบตามที่นายกฯ ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการช่วยเหลือผู้ประกอบการ-ลูกจ้าง ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม มี กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกฯ เป็นประธาน มีอำนาจเรียกหน่วยราชการ รัฐวิสาหกิจ ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงและจัดส่งเอกสารให้ได้
ถ้าเป็นการช่วยเหลือ ก็ไม่มีใครว่า
ครม.เห็นชอบตามที่มหาดไทยแต่งตั้ง มานิต วัฒนเสน ปลัดกระทรวงมหาด ไทย เป็นประธานบอร์ด การไฟฟ้านคร หลวง ขวัญชัย วงศ์นิติกร รองปลัดมหาดไทย เป็นกรรมการ
มีผลแล้วตั้งแต่ 11 พ.ค.
สังคมการเมือง
ข่าวสดรายวัน
********************************************************
รู้ว่า"ไม่รู้"ต่างหาก
ข่าววงในจากราชประสงค์ ยืนยันนปช.แตกคอ สายบุ๋นที่นำโดย วีระ มุสิกพงศ์ ที่อยากให้เลิกชุมนุมตั้งแต่ 10 พ.ค. กับสายบู๊ที่มี ตู่-จตุพร พรหมพันธุ์ เป็นหัวหอก เห็นว่านปช.ยังไม่มีหลักประกัน เพราะฝ่ายรัฐบาลยังไม่ถูกดำเนินคดี เรื่องสลายการชุมนุมเลยยังไม่ยุติเสียที
ข่าวนี้"วิสา"ฉุนหนักกว่าเดิม
กลัวข้อกล่าวหายุ่งเกี่ยวกับสมาชิก 111 ประชุมแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลตัวจริงเมื่อดึกวันที่ 9 พ.ค. นายกฯอภิสิทธิ์ เลยสั่งแกนนำรูดซิปห้ามให้ข่าว ห้ามรับโทรศัพท์ ถึงขนาดสาบานกันกลางโต๊ะ อาหาร ปิดลับจนต้องวิ่งรอกเปลี่ยนที่ประชุม โซ้ยข้าวแกงแทนเมนูภัตตาคาร
เป็นแผนประหยัดของเจ้าภาพรึเปล่า
ประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ ประ ธานส.ส.ภูมิใจไทย ลั่นจะนำส.ส.กลับเข้าสภาได้ไม่ต่ำกว่า 40 จากปัจจุบัน 42 แต่ข่าวจากห้องประชุมว่าที่ผู้สมัคร ระบุผู้เข้าประชุมน้อยลงทุกที อาจไม่มั่นใจในกระแสพรรคเพราะถ้า ทักษิณ ยังอยู่โฟนอินมาแค่ 2-3 ครั้ง ฝ่ายตรงข้ามก็สอบตกแล้ว
ตกลงสี่สิบ หรือสิบสี่?
ประชุมครม.อังคารที่ผ่านมา เป็นครั้งแรกที่กลับมาใช้ทำเนียบรัฐบาล หลังกลุ่มเสื้อแดงปักหลักชุมนุมยืดเยื้อมานาน 2 เดือน เรียกร้องให้ยุบสภา จนนายกฯอภิสิทธิ์ ต้องระเห็จไปใช้ราบ 11 เป็นทั้งที่ทำงาน ที่กินนอน ชนิดครบวงจร
อย่าประมาททีเดียว
ครม.เห็นชอบการปรับปรุงโครงการเออร์ลี่ รีไทร์ ตามที่ ไตรรงค์ สุวรรณคีรี เสนอ ปี 2554 ผู้เข้าร่วมโครงการต้องมีอายุ 50 ปีขึ้นไป มีเวลาราชการคำนวณบำเหน็จบำนาญ 25 ปีขึ้นไป เหลืออายุราชการ 1 ปีขึ้นไป ส่วนปี 2555 ต้องเหลืออายุราชการ 2 ปีขึ้นไป
เพื่อความพร้อมในการหาคนแทน
มติครม. 11 พ.ค. เห็นชอบตามที่นายกฯ ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการช่วยเหลือผู้ประกอบการ-ลูกจ้าง ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม มี กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกฯ เป็นประธาน มีอำนาจเรียกหน่วยราชการ รัฐวิสาหกิจ ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงและจัดส่งเอกสารให้ได้
ถ้าเป็นการช่วยเหลือ ก็ไม่มีใครว่า
ครม.เห็นชอบตามที่มหาดไทยแต่งตั้ง มานิต วัฒนเสน ปลัดกระทรวงมหาด ไทย เป็นประธานบอร์ด การไฟฟ้านคร หลวง ขวัญชัย วงศ์นิติกร รองปลัดมหาดไทย เป็นกรรมการ
มีผลแล้วตั้งแต่ 11 พ.ค.
สังคมการเมือง
ข่าวสดรายวัน
********************************************************
ดร.โกร่ง ถอดรหัส ′5 อาการป่วยไข้ทางการเมือง′ จาก สงครามกลางเมือง สู่ Fail State

การต่อสู้ระหว่าง รัฐบาล กับ คนเสื้อแดง ยืดเยื้อยาวนาน จนถึงนาทีนี้ ยังหาทางลงไม่ได้ ยิ่งนานวันความเสียหายยิ่งลุกลามออกไปเรื่อยๆ ผู้ใหญ่หลายคนเริ่มเตือนเรื่อง "รัฐบาลล้มเหลว Fail State" ก่อนที่รัฐบาล จะล้มเหลว มีเหตุจากอะไร
ล่าสุด ดร.วีรพงษ์ รามางกูร อดีตรองนายกรัฐมนตรี คอลัมนิสต์ คนเดินตรอก แห่งประชาชาติธุกิจ ถอดรหัส ทฤษฎีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างรุนแรง ของ ดร.เครน บรินตัน ลองอ่านดู อาจเห็นภาพในสังคมไทยชัดเจนขึ้น
@ 5 อาการป่วยทางการเมือง
ดร. โกร่ง ถ่ายทอด ทฤษฎีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างรุนแรง จากเค้าโครงตำราเรียนของ ดร.เครน บรินตัน ถึงอาการป่วยเบื้องต้นทางการเมืองของสังคมที่จะพัฒนาไปสู่ความรุนแรงทางการเมืองต่อไป
อาการเบื้องต้นของการป่วยของสังคมที่ว่า ได้แก่
1.การเกิดความรู้สึกทางชนชั้นของสังคมเป็นคนชั้นสูงและคนชั้นล่าง แล้วก็เกิดความรู้สึกต่อต้านซึ่งกันและกัน หรือ Class Antagonism
2.รัฐบาลบริหารราชการแผ่นดินไม่ได้ อาจจะเป็นเพราะความสามารถของรัฐบาลเอง หรือกลไกของรัฐบาลไม่ทำงาน หรือ Government Inefficiency
3.มีผู้นำที่ซื่อบื้อ ซุ่มซ่าม งี่เง่า เต่าล้านปี ไม่ทันสถานการณ์ หรือที่ ดร.บรินตันใช้คำว่า Inept Ruler
4.ปัญญาชนซึ่งเคยเป็นคนชั้นสูงย้ายข้างจากที่เคยอยู่ฝ่ายชนชั้นสูงเข้ามาสนับสนุนและเห็นใจคนชั้นล่าง Intellectual Transfer of Loyalty
5.ประการสุดท้ายของอาการไข้เบื้องต้นคือความล้มเหลวในการใช้วาจาขู่ว่าจะใช้กำลังบังคับ หรือมีการใช้กำลังแล้วคนไม่กลัว การต่อต้านยังคงมีต่อไป หรือ Failure of Force
เมื่ออาการไข้ดังกล่าว ปรอทได้สูงขึ้นกว่า 100 องศาฟาห์เรนไฮต์ สังคมที่มีไข้ขึ้นสูงดังกล่าว สังคมนั้นก็จะเคลื่อนจากอาการตัวร้อนเป็นไข้ไปเข้าสู่การป่วยที่แท้จริง
ช่วงที่อาการจากการเป็นไข้กลายเป็นอาการป่วยอย่างที่แท้จริง "ขบวนการประชาชน" หรือ "People Movement ก็จะก่อตัวขึ้น พัฒนาตัวเองให้เข้มแข็งจนกลายเป็นขบวนการที่ถาวร
@ องค์ประกอบ 7 ประการของขบวนการประชาชน
ขบวนการดังกล่าว ถ้ามีองค์ประกอบครบ 7 ประการ ก็จะเป็นขบวนการประชาชนที่ถาวรยั่งยืน องค์ประกอบ 7 ประการดังกล่าว
ประกอบด้วย
1.อุดมการณ์ร่วมกัน หรือ Common Idealogy อุดมการณ์อาจจะเป็นอุดมการณ์ทางการเมือง เช่น อุดมการณ์ประชาธิปไตยพรรคเดียวหรือหลายพรรค อุดมการณ์ความเสมอภาค อุดมการณ์เรื่องความเป็นธรรม การปฏิบัติอย่างเท่าเทียม อุดมการณ์เรื่องความเท่าเทียมกัน หรืออุดมการณ์ทางเศรษฐกิจสังคมนิยม อุดมการณ์เศรษฐกิจเสรีนิยม อุดมการณ์ชาตินิยมทางการเมือง หรืออุดมการณ์ชาตินิยมทางเศรษฐกิจ อุดมการณ์ทางศาสนาจะเคร่งหรือไม่เคร่ง รัฐศาสนา รัฐที่ไม่ใช่รัฐศาสนา เป็นต้น อุดมการณ์เหล่านี้ ถ้ามีการหยิบยกขึ้นมาเป็นอุดมการณ์ทางการเมือง และสามารถทำให้มีผู้คนมาร่วมอุดมการณ์ได้มากขึ้นทุกปี ก็สามารถก่อกำเนิดเป็นขบวนการประชาชนได้
2.หัวหน้า หรือ Leaders ขบวนการทุกขบวนการย่อมมีหัวหน้าที่ใช้เป็นสัญลักษณ์ที่เป็นรูปธรรม เพราะอุดมการณ์ร่วมกันที่ใช้นำมาเป็นเครื่องมือปลุกระดมนั้นเป็น "นามธรรม" ส่วนที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้ เห็นได้ทั้งภาพและเสียงที่ได้ยินได้
หัวหน้าอาจจะมีหลายระดับ อาจจะมีหัวหน้าใหญ่ รองลงมาเป็นผู้นำ หรือสมัยนี้ชอบเรียกกันว่าเป็น "แกนนำ" จำนวนไม่มาก แล้วก็อาจจะมีกลุ่มแกนนำรุ่นที่ 2 หรือรุ่นที่ 3 ต่อไป ซึ่งอาจจะมีบางส่วนเปิดตัวหรือบางส่วนไม่เปิดตัว ในสมัยสงครามเย็น การมีหัวหน้าที่เป็นรูปธรรมที่ชัดเจนเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จ เช่น รัสเซีย จีน คิวบา เวียดนาม ส่วนพรรคที่ไม่สามารถเปิดเผยหัวหน้าที่เป็นรูปธรรมได้ จึงไม่ประสบความสำเร็จและล้มเหลวในที่สุด
การที่ขบวนการสามารถเปิดเผยชื่อ "หัวหน้า" หรือกลุ่มหัวหน้าได้อย่างเปิดเผยได้อย่างเป็นรูปธรรม จึงมีส่วนสำคัญของระดับการพัฒนาของขบวนการ
ถ้ายังไม่สามารถเปิดเผยชื่อหัวหน้าหรือคณะบุคคลที่เป็นหัวหน้าได้ ก็ยังต้องพัฒนาตัวเองต่อไปจนกว่าจะหาหัวหน้าได้ เพราะมันสมองย่อมต้องมาจากกลุ่มผู้นำเหล่านี้
3.มีการจัดตั้ง หรือ Organization มีองค์กรที่เป็นศูนย์กลาง และมีสาขาเครือข่ายขยายตัวจากส่วนกลางกระจายไปยังส่วนภูมิภาค มีสายการบังคับบัญชาสั่งการเป็นเครือข่าย มีศูนย์กลางอยู่ในเมืองหลวงและในภูมิภาค มีการจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรม โรงเรียนฝ่ายโฆษณาการ โรงเรียนฝ่ายปฏิบัติการ ถ้าพัฒนาไปถึงกองกำลังติดอาวุธ ก็จะมีสายการบังคับบัญชาการที่ชัดเจนแน่นอน อาจจะเปิดเผยหรือปิดลับ
4.ทรัพยากร หรือ Resources ที่จะใช้ในการปฏิบัติการทั้งในด้านการโฆษณา การหาแนวร่วม การปฏิบัติการในกิจกรรมทางการเมือง ทรัพยากรที่สำคัญคือทรัพยากรทางการเงิน ซึ่งอาจจะได้จากการบริจาคหรือการหารายได้จากแหล่งต่าง ๆ อาจจะเป็นทรัพยากรอื่น ๆ ที่องค์กรกลางหรือสาขาจะระดมมาได้จากแหล่งอื่น ๆ ทรัพยากรต่าง ๆ เหล่านี้อาจจะระดมมาได้หลายทาง และก็เป็นของจำเป็น
5.ผู้ปฏิบัติงานในภาคสนาม หรือ Cadre เป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินกิจกรรมในด้านต่าง ๆ เช่น เมื่อมีการจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมและโรงเรียนปฏิบัติการ ผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมผ่านการปฏิบัติงานก็จะได้รับการยกฐานะขึ้นเป็น "แกนนำ" แกนนำก็จะทำหน้าที่ให้การอบรมสำหรับอาสาสมัครที่รับหน้าที่เป็นผู้ปฏิบัติงานของรุ่นต่อ ๆ ไป
6.สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการได้รับการสนับสนุนจากประชาชน หรือ Popular Support ขบวนการที่จะเติบใหญ่ได้ ต้องมีแรงสนับสนุนจากประชาชน การจะได้รับการสนับสนุนได้ ก็คงต้องทำให้ประชาชนเห็นด้วยกับอุดมการณ์ ได้รับการสนับสนุน เลื่อมใสศรัทธาในตัวผู้นำของขบวนการ
เมื่อองค์กรนำของขบวนการเข้มแข็ง มีประชาชนผู้มีอารมณ์ร่วมในความคิดเห็นที่เป็นอุดมการณ์ ขบวนการดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากประชาชนมากขึ้น จำนวนคนเข้าร่วมขบวนการก็จะเติบใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ตามกระแสที่ได้ปลุกระดมขึ้นให้รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
7.สิ่งสุดท้ายของขบวนการประชาชนก็คือการมีเป้าหมาย หรือ Goal and Target ที่ชัดเจนมากขึ้นตามลำดับ
เมื่อเกิดขบวนการประชาชนและกระแสอารมณ์ทางการเมืองถูกระดมให้รุนแรงมากขึ้น ดร.บรินตันได้กล่าวต่อไปถึงสถานการณ์ขั้นต่อไปของทฤษฎีการเปลี่ยนแปลงการเมืองครั้งใหญ่
@ สถานการณ์ขั้นแรกของการปฏิวัติ
สถานการณ์ขั้นแรกของการปฏิวัติ ก็คือ 1.การประท้วงต่อต้านรัฐบาล มีความรุนแรงเพิ่มขึ้น หรือ Government Protests Increase เมื่อขบวนการจุดไฟติด มีผู้เข้าร่วมขบวนการมากขึ้นทุกที มีองค์กรจัดตั้ง มีทรัพยากรทางการเงิน มีผู้ปฏิบัติงาน ก็จะมีการจัดให้มีการประท้วงต่อต้านรัฐบาล แต่ละครั้งในการประท้วงต่อต้านก็จะมีความรุนแรงมากขึ้น ทั้งในแง่จำนวนคนที่เข้าร่วมประท้วงและต่อต้าน และจำนวนความถี่ในการต่อต้าน การชุมนุมต่อต้านก็จะบ่อยมากขึ้น
ถ้ารัฐบาลใช้กำลังเข้าปราบปราม มีคนล้มตาย ก็จะเป็นรูปธรรมของความรุนแรงที่จะใช้ในการปลุกระดมต่อต้านมากยิ่งขึ้น ความโกรธแค้นชิงชังอีกฝ่ายหนึ่งก็จะถูกใช้ เพื่อเป็นการสร้างกระแสคัดค้านต่อต้านฝ่ายรัฐบาลมากยิ่งขึ้น
ครั้นรัฐบาลไม่ใช้กำลังรุนแรงเข้าปราบปราม ขบวนการดังกล่าวก็จะขยายตัวยิ่งขึ้น ทำให้ประสิทธิภาพในการบริหารราชการของรัฐบาลเสื่อมลง ความมั่นใจในความคงอยู่ของรัฐบาลก็จะเสื่อมลง ทำให้การบังคับใช้กฎหมายไม่ประสบความสำเร็จ
เมื่อการประท้วงต่อต้านรัฐบาลพัฒนามาถึงขึ้นที่มีมวลชนจำนวนมากเข้าร่วมการประท้วงต่อต้าน มีขบวนการประชาชนเข้ามาร่วมสนับสนุน ทั้งที่มีการแสดงออกและไม่ได้แสดงออก โดยที่ฝ่ายอำนาจรัฐมักจะเชื่อว่าฝ่ายที่ไม่แสดงออก หรือที่รัฐบาลทุกแห่งมักจะเรียกว่า "silent majority" นั้นจะมีจำนวนผู้คนที่มากกว่า และจริง ๆ แล้วผู้คนที่อยู่เงียบ ๆ นั้นก็ไม่มีใครรู้แน่ว่าเป็นฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายต่อต้านรัฐบาล
การประท้วงต่อต้านรัฐบาลที่ขยายจำนวนและแผ่กระจายไปในวงกว้างในท้องที่นอกเมืองหลวง รวมทั้งความบ่อยของการจัดการประท้วงต่อต้านจะนำไปสู่การปราบปรามอย่างรุนแรง มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก
เมื่อมีการปราบปรามผู้ที่แสดงออกผู้ประท้วงต่อต้านจนถึงขั้นรุนแรง หรือถ้าไม่มีการปราบปราม ความเชื่อมั่นในตัวผู้นำและต่อรัฐบาลเองก็เสื่อมลงอย่างมาก จนทำให้เกิดความล้มเหลวในการใช้กำลัง หรือ Failure of Forces กลายเป็นความล้มเหลวในการใช้อำนาจอธิปไตยของรัฐ สถานการณ์ก็กลายเป็นสถานการณ์ของรัฐที่กำลังล้มเหลว หรือ Failing State
ประการต่อไปก็คือการมีเหตุการณ์รุนแรง หรือเหตุการณ์ทางการเมืองเกิดขึ้นบ่อย ๆ หรือตำราเขาเรียกว่า dramatic events เช่น มีการก่อวินาศกรรมที่นั่นที่นี่ มีเหตุการณ์ทางการเมืองที่คาดไม่ถึงทั้งในวงการรัฐบาล วงการฝ่ายค้าน หรือรัฐสภา เกิดขึ้นเป็นข่าวใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ
เช่น มีการฆาตกรรมผู้นำฝ่ายนั้นหรือฆาตกรรมฝ่ายนี้ รัฐสภาเกิดอลเวงมีการย้ายข้างของสมาชิกรัฐสภา สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จะทำให้เกิดสถานการณ์ "อนาธิปไตย" ขึ้นโดยทั่วไป
@ ภาวะเศรษฐกิจและการเงินล้มเหลว
เมื่อเกิดสถานการณ์อย่างนี้ก็กระทบต่อการดำเนินการทางธุรกิจ การค้าขาย การลงทุน การบริโภค สิ่งที่ตามมาก็คือภาวะเศรษฐกิจและการเงินล้มเหลว หรือ "Economic and Financial Breakdown" ความล้มเหลวทางเศรษฐกิจทำให้ธุรกิจต้องปิดตัวเองลง ต้องลอยแพคนงาน การว่างงานเพิ่มขึ้น ความเสี่ยงทางการเมืองทำให้ไม่มีการลงทุน
ถ้าสถานการณ์เลวร้ายลงไปอีกก็จะเกิดภาวะเงินตราต่างประเทศไหลออกไปนอกประเทศ ค่าเงินตกลงอย่างรุนแรง การที่ค่าเงินตกลงอย่างรุนแรงทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ รายได้ของรัฐบาลลดลง รายจ่ายมีมากขึ้น ทำให้ฐานะทางการคลังเลวลง หลายประเทศที่ ดร.เครน บรินตัน ทำการศึกษา ก่อนจะเกิด "สงครามกลางเมือง" หรือ "civil war" ฐานะทางการเงินของรัฐบาลอยู่ในฐานะล้มละลาย รัฐบาลต้องชดเชยการขาดดุลงบประมาณโดยการกู้เงินจากธนาคารกลางจำนวนมาก ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้ออย่างรุนแรง
หลังจากเกิดภาวะ "อนาธิปไตย" เศรษฐกิจและการเงินของประเทศล้มเหลว ก็จะมีการเรียกร้องให้มีคนกลางมาเข้ามาเป็นรัฐบาล หรือที่บรินตันเรียกว่า "Moderates Attain Power" รัฐบาลคนกลางส่วนมากมักจะเป็น "รัฐบาลมะเขือเผา" อย่างที่มีเสียงเรียกร้องให้ตั้ง "รัฐบาลแห่งชาติ" เมื่อตั้งมาแล้วก็แก้ไขอะไรไม่ได้ ปัญหาหลักไม่ได้รับการแก้ไข เหตุการณ์ก็เลวร้ายลงไปเรื่อย ๆ
กระนั้นก็ตาม คนก็พอใจระยะหนึ่ง กลายเป็น "Honeymoon Period" ก่อนที่จะมีการรัฐประหาร และผู้นำหัวรุนแรงก็จะเข้าสู่อำนาจ เช่นเดียวกับเยอรมนีและอิตาลี หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือเป็นช่วง "Redicals Take Control" แล้วก็เกิดสงครามกลางเมือง กลายเป็นรัฐบาลล้มเหลว หรือ Fail State
อ่านตำราฝรั่งแล้ว หวังว่าจะไม่เห็นในบ้านเรา
ที่มา. ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
วันอังคารที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
ปาหี่การเมือง!!!
ปาหี่การเมือง!!!
แลบลิ้น ปลิ้นตา..ทำปะหนึ่งเป็นพวก “ปีวอก” หลอกกันอย่างเด็ดน้ำ ได้ทุกเรื่อง???จุดยืน สองเท้า สองตีน สองเกือก ของ “นักรบประชาธิปไตยคนเสื้อแดง” ประกาศโจ่งแจ้ง แจ่มใส แล้ว ที่จะให้ “เทพเทือก” สุเทพ เทือกสุบรรณ” รองนายกฯฐานะ “ผู้อำนวยการ ศอฉ.” เป็นจำเลยแผ่นดิน ผ่านกระบวนการยุติธรรม ที่เป็นกลาง ของเจ้าหน้าที่ตำรวจนี่,สะเออะมอบตัว “ดีเอสไอ”.... ถือว่าผิดกติกา อย่างยิ่งยวดอย่าลืมว่า “ธาริต เพ็งดิษฐ์” อธิบดีดีเอสไอ...เป็นไม้เบื่อไม้เมา กับ “วีระ-จตุพร-ณัฐวุฒิ” ชนิดผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ!...และยิ่งไปกว่านั้น “อธิบดีธาริต” เป็นตัวเอ้ ๑ ในคีย์แมนใหญ่ ของ “ศอฉ.” ที่สั่งการทหาร ใช้อาวุธสงคราม ยิงประชาชนมือเปล่าๆ ล้มตายเป็นใบไม้ร่วง!!!คนเขากลัวกฎหมายจะถูกเย้ย...เมื่อ “จำเลย” มอบตัวกับ “ว่าที่จำเลย”?....การเมินเฉยกฎหมาย จึงน่าเป็นห่วง???
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
ขึ้นบัญชีดำยกแผง!!!
“วีระ มุสิกพงศ์-จตุพร พรหมพันธุ์-ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” เป็นผู้ก่อการร้าย ล้มสถานบัน พร้อมกับกลุ่มฮาร์ดคอร์อีก ๕๐๐ คน จาก “กลุ่มเสื้อแดง”???ตามจองกฐิน จองเวร จองล้างจากผลาญ จาก “ไก่อู” พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. อย่างไม่ลดละวาศอก“ไก่อู” ก็ไม่รอดเหมือนกัน....ประทับตรา ร่วมกินโต๊ะประชาชน ทุกเม็ด ทุกดอกท่านก็เป็นอีก “หนึ่งหัวหอก” ที่ “ประชาชน” ตั้งโปรเจ็กต์ โรดแมป ตามทวงคืน เพื่อเอาความยุติธรรมกับคืนมา ให้กับ “วีรชน” ที่สละชีพ ในการเรียกร้อง ประชาธิปไตย!!!“พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด”....หัดเตรียมตัวเอาไว้มั่งเถิด?....ตัวเองก็ไม่ได้ดีเลิศ ไปกว่าใคร??
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
‘หักหลัง’ จนซี่โครงเดาะ!!!
ต้องชี้แจง แถลงไข ให้สิ้นข้อความ..ไม่เช่นนั้น จะมีเสียงถากถาง ซึ่งนับเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะ???จริงหรือไม่?...ก่อนแผนโรดแมป ปรองดองแห่งชาติ จะอุบัติ เกิดการทำคลอดหลอดแก้วทางความคิดของ “มาร์ค” นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ขึ้นมานั้น....“วีระ มุสิกพงศ์” กับ “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ”....เป็น ๒ เสือบุกราบ ๑๑ ไปพบกับฝ่ายรัฐบาลและการเจรจา ตกร่องปล้องชิ้นกันนั้น..ได้รับคำยืนยัน ประกันซ่อมฟรี จากทูตสันติภาพ “กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ” เลขาธิการนายกรัฐมนตรี, “ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร” ผู้ว่าฯ กทม. ว่าม็อบเสื้อแดงเข้ามอบตัว จะให้ประกันตัว “วีระ-จตุพร-ณัฐวุฒิ” อย่างไร้เงื่อนไข....ส่วน “กี้ร์ อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง-แรมโบ้สุภรณ์ อัตถาวงศ์-ขวัญชัย ไพรพนา” รวมทั้งแกนนำอื่นๆ และ การ์ดอาสา ผู้เป็นฮาร์ดคอร์อีกหลายชีวิต จะไม่ได้รับอิสรภาพ ...ต้องเดินคอตกเข้าคุก!!!เรื่องนี้จะเท็จหรือจริง.... “วีระ-ณัฐวุฒิ” ต้องแถลงออกมาทุกสิ่ง?......นิ่งเฉยไว้ มันจะไม่สนุก???
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
‘ประชาธิปไตย’ อย่างสูงส่ง!!!
“มาร์ค” นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ไม่เท่าขี้เล็บ เขาเลย ขอบอกตรงๆ ??เมื่อ “กอร์ดอน บราวน์” นายกรัฐมนตรีอังกฤษ นำพาพรรคแรงงาน ผ่านศึกเลือกตั้ง หมอบกระแต แพ้ก็ไม่ “หน้าด้าน” อยู่ให้คน เขานินทาสะบัดก้นออกจากหัวหน้าพรรค..ไม่ยึกยักอยู่แบบ คนหนาผิดกับ “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นำพลพรรคประชาธิปัตย์ แพ้เลือกตั้งอย่างไม่เห็นฝุ่น...แต่ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน หนำซ้ำไปซุกใต้อุ้งเกือกท๊อปบู๊ตทหาร เป็นพลเรือนสมุนรับใช้ทหาร เพื่อเขาให้หนุนตัวเอง ..จนในที่สุด ได้เป็น “รัฐบาลเทพประทาน” เข้ามาเป็น “นายกรัฐมนตรี” ผู้ยิ่งใหญ่!!!“อภิสิทธิ์” จบจากอังกฤษ...ประชาธิปไตยไม่ติดตัวมาสักนิด?.....คิด เกาะปลายปืนทหารร่ำไป???
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
เกลียดตัวกินไข่..เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง
ชดโช้, “ตุลย์ สุทธิสมวงศ์” หมอจุฬา สลัดคราบจาก “ม็อบเสื้อเหลือง” มาเป็นเบอร์หนึ่งแถวหน้า ของ “ม็อบพันธุ์สีผสม” ร้อยพ่อพันแม่..ในการสกัดกั้น “เสื้อแดง”???เห็นแล้วสังเวช อนาถหัวใจ..ต่อท่าที ของ “ตุลย์ สุทธิสมวงศ์” ที่ลืมเผ่าพันธุ์ม็อบเสื้อเหลือง ที่ตัวเองเกาะใบบุญ จนได้ดิบได้ดีทำท่าสะอิดสะเอียน.. “เปี๊ยนไป๋” ไม่ยอมรับการเป็น “ม็อบเสื้อเหลือง” ก่อนหน้านี้ความจริงย่อมหนีความจริงไม่พ้น “นายตุลย์” เป็นม็อบเหลืองพันธุ์แท้...ถึงจะแปรเปลี่ยนมาเป็น “ผู้นำม็อบร้อยพ่อพันธุ์แม่”...แต่ตัวจริงเสียงจริง ท่านเป็นพวกยึดทำเนียบรัฐบาล และยึดสนามบินสุวรรณภูมิ เป็น “ผู้ก่อการร้าย” ที่มีชนักติดหลัง!!!คิดว่าเมื่อเป็น “ม็อบหลากสี”......แล้วทำให้ตัวเองหลุดคดี?.....คิดบ้าจี้ได้อย่าง น่าทุเรศทุรัง???
โดย.ตอดนิดตอดหน่อยการบูร
ทีมา.บางกอกทูเดย์
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
แลบลิ้น ปลิ้นตา..ทำปะหนึ่งเป็นพวก “ปีวอก” หลอกกันอย่างเด็ดน้ำ ได้ทุกเรื่อง???จุดยืน สองเท้า สองตีน สองเกือก ของ “นักรบประชาธิปไตยคนเสื้อแดง” ประกาศโจ่งแจ้ง แจ่มใส แล้ว ที่จะให้ “เทพเทือก” สุเทพ เทือกสุบรรณ” รองนายกฯฐานะ “ผู้อำนวยการ ศอฉ.” เป็นจำเลยแผ่นดิน ผ่านกระบวนการยุติธรรม ที่เป็นกลาง ของเจ้าหน้าที่ตำรวจนี่,สะเออะมอบตัว “ดีเอสไอ”.... ถือว่าผิดกติกา อย่างยิ่งยวดอย่าลืมว่า “ธาริต เพ็งดิษฐ์” อธิบดีดีเอสไอ...เป็นไม้เบื่อไม้เมา กับ “วีระ-จตุพร-ณัฐวุฒิ” ชนิดผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ!...และยิ่งไปกว่านั้น “อธิบดีธาริต” เป็นตัวเอ้ ๑ ในคีย์แมนใหญ่ ของ “ศอฉ.” ที่สั่งการทหาร ใช้อาวุธสงคราม ยิงประชาชนมือเปล่าๆ ล้มตายเป็นใบไม้ร่วง!!!คนเขากลัวกฎหมายจะถูกเย้ย...เมื่อ “จำเลย” มอบตัวกับ “ว่าที่จำเลย”?....การเมินเฉยกฎหมาย จึงน่าเป็นห่วง???
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
ขึ้นบัญชีดำยกแผง!!!
“วีระ มุสิกพงศ์-จตุพร พรหมพันธุ์-ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” เป็นผู้ก่อการร้าย ล้มสถานบัน พร้อมกับกลุ่มฮาร์ดคอร์อีก ๕๐๐ คน จาก “กลุ่มเสื้อแดง”???ตามจองกฐิน จองเวร จองล้างจากผลาญ จาก “ไก่อู” พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. อย่างไม่ลดละวาศอก“ไก่อู” ก็ไม่รอดเหมือนกัน....ประทับตรา ร่วมกินโต๊ะประชาชน ทุกเม็ด ทุกดอกท่านก็เป็นอีก “หนึ่งหัวหอก” ที่ “ประชาชน” ตั้งโปรเจ็กต์ โรดแมป ตามทวงคืน เพื่อเอาความยุติธรรมกับคืนมา ให้กับ “วีรชน” ที่สละชีพ ในการเรียกร้อง ประชาธิปไตย!!!“พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด”....หัดเตรียมตัวเอาไว้มั่งเถิด?....ตัวเองก็ไม่ได้ดีเลิศ ไปกว่าใคร??
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
‘หักหลัง’ จนซี่โครงเดาะ!!!
ต้องชี้แจง แถลงไข ให้สิ้นข้อความ..ไม่เช่นนั้น จะมีเสียงถากถาง ซึ่งนับเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะ???จริงหรือไม่?...ก่อนแผนโรดแมป ปรองดองแห่งชาติ จะอุบัติ เกิดการทำคลอดหลอดแก้วทางความคิดของ “มาร์ค” นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ขึ้นมานั้น....“วีระ มุสิกพงศ์” กับ “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ”....เป็น ๒ เสือบุกราบ ๑๑ ไปพบกับฝ่ายรัฐบาลและการเจรจา ตกร่องปล้องชิ้นกันนั้น..ได้รับคำยืนยัน ประกันซ่อมฟรี จากทูตสันติภาพ “กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ” เลขาธิการนายกรัฐมนตรี, “ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร” ผู้ว่าฯ กทม. ว่าม็อบเสื้อแดงเข้ามอบตัว จะให้ประกันตัว “วีระ-จตุพร-ณัฐวุฒิ” อย่างไร้เงื่อนไข....ส่วน “กี้ร์ อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง-แรมโบ้สุภรณ์ อัตถาวงศ์-ขวัญชัย ไพรพนา” รวมทั้งแกนนำอื่นๆ และ การ์ดอาสา ผู้เป็นฮาร์ดคอร์อีกหลายชีวิต จะไม่ได้รับอิสรภาพ ...ต้องเดินคอตกเข้าคุก!!!เรื่องนี้จะเท็จหรือจริง.... “วีระ-ณัฐวุฒิ” ต้องแถลงออกมาทุกสิ่ง?......นิ่งเฉยไว้ มันจะไม่สนุก???
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
‘ประชาธิปไตย’ อย่างสูงส่ง!!!
“มาร์ค” นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ไม่เท่าขี้เล็บ เขาเลย ขอบอกตรงๆ ??เมื่อ “กอร์ดอน บราวน์” นายกรัฐมนตรีอังกฤษ นำพาพรรคแรงงาน ผ่านศึกเลือกตั้ง หมอบกระแต แพ้ก็ไม่ “หน้าด้าน” อยู่ให้คน เขานินทาสะบัดก้นออกจากหัวหน้าพรรค..ไม่ยึกยักอยู่แบบ คนหนาผิดกับ “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นำพลพรรคประชาธิปัตย์ แพ้เลือกตั้งอย่างไม่เห็นฝุ่น...แต่ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน หนำซ้ำไปซุกใต้อุ้งเกือกท๊อปบู๊ตทหาร เป็นพลเรือนสมุนรับใช้ทหาร เพื่อเขาให้หนุนตัวเอง ..จนในที่สุด ได้เป็น “รัฐบาลเทพประทาน” เข้ามาเป็น “นายกรัฐมนตรี” ผู้ยิ่งใหญ่!!!“อภิสิทธิ์” จบจากอังกฤษ...ประชาธิปไตยไม่ติดตัวมาสักนิด?.....คิด เกาะปลายปืนทหารร่ำไป???
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
เกลียดตัวกินไข่..เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง
ชดโช้, “ตุลย์ สุทธิสมวงศ์” หมอจุฬา สลัดคราบจาก “ม็อบเสื้อเหลือง” มาเป็นเบอร์หนึ่งแถวหน้า ของ “ม็อบพันธุ์สีผสม” ร้อยพ่อพันแม่..ในการสกัดกั้น “เสื้อแดง”???เห็นแล้วสังเวช อนาถหัวใจ..ต่อท่าที ของ “ตุลย์ สุทธิสมวงศ์” ที่ลืมเผ่าพันธุ์ม็อบเสื้อเหลือง ที่ตัวเองเกาะใบบุญ จนได้ดิบได้ดีทำท่าสะอิดสะเอียน.. “เปี๊ยนไป๋” ไม่ยอมรับการเป็น “ม็อบเสื้อเหลือง” ก่อนหน้านี้ความจริงย่อมหนีความจริงไม่พ้น “นายตุลย์” เป็นม็อบเหลืองพันธุ์แท้...ถึงจะแปรเปลี่ยนมาเป็น “ผู้นำม็อบร้อยพ่อพันธุ์แม่”...แต่ตัวจริงเสียงจริง ท่านเป็นพวกยึดทำเนียบรัฐบาล และยึดสนามบินสุวรรณภูมิ เป็น “ผู้ก่อการร้าย” ที่มีชนักติดหลัง!!!คิดว่าเมื่อเป็น “ม็อบหลากสี”......แล้วทำให้ตัวเองหลุดคดี?.....คิดบ้าจี้ได้อย่าง น่าทุเรศทุรัง???
โดย.ตอดนิดตอดหน่อยการบูร
ทีมา.บางกอกทูเดย์
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)