นายสมาน ลิประพันธ์ อดีตสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง เขตอำเภอกันตัง ในฐานะแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง จ.ตรัง กล่าวว่า ตนเองได้พาประชาชนชาวตรัง ประมาณ 50-60 คน เดินทางขึ้นมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดง ที่แยกราชประสงค์ ส่วนใหญ่เป็นชาวอำเภอกันตัง นาโยง ย่านตาขาว และเมือง โดยมีลักษณะการเดินทางของกลุ่มคนเสื้อแดง ไปกันเป็นแบบต่างคนต่างมา แล้วนัดเจอกันที่กรุงเทพฯ ซึ่งไม่เหมือนกับการเดินทางขึ้นไปชุมนุมในช่วงแรก ที่นัดกันไปโดยการเหมารถไปพร้อมๆ กัน โดยมีเป้าหมายที่จะอยู่ร่วมชุมนุมกันจนกว่าจะได้รับชัยชนะ นอกจากนั้น กลุ่มคนเสื้อแดงในจังหวัดตรัง ก็ยังมีการเตรียมการปรับเปลี่ยนกำลังขึ้นไปรวมตัวกันที่แยกราชประสงค์
ทั้งนี้ ก่อนที่ตนเองจะเดินทางขึ้นไปชุมนุมที่กรุงเทพฯ ทางกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง ได้เชิญไปพบ ร่วมกับแกนนำคนอื่นๆ อีก 2-3 คน เช่น นายรัตน์ ภู่กลาง อดีต ส.จ.เขตอำเภอเมืองตรัง ซึ่งการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจในครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายจากกระทรวงมหาดไทย เพื่อปรามแกนนำเพื่อไม่ให้นำสมาชิกขึ้นไปร่วมชุมนุมที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นการกระทำเหมือนกันทุกจังหวัด โดยส่วนตัวเข้าใจว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำตามนโยบาย โดยไม่ได้มีการคุกคามอะไร เพียงแต่ไปพูดคุยกันธรรมดา ซึ่งที่ผ่านมากลุ่มคนเสื้อแดงในจังหวัดตรังไม่มีผลกระทบ เพราะส่วนใหญ่เข้าใจว่าเป็นเรื่องของขั้วทางการเมือง ไม่ได้รับการข่มขู่จากอีกฝ่าย และไม่มีการสกัดกั้นไม่ให้ขึ้นมาร่วมในการชุมนุมที่กรุงเทพฯ
ส่วนข้อกล่าวหาที่ว่ากลุ่มคนเสื้อแดงในจังหวัดตรัง หรือในภาคใต้ มีท่อน้ำเลี้ยงนั้น ขอยืนยันได้ว่าพวกตนขึ้นมาชุมนุมด้วยหัวใจอันแน่วแน่ของอุดมการณ์ และมาด้วยทุนทรัพย์ของตนเองทั้งสิ้น แม้ที่ผ่านมากลุ่มคนเสื้อแดงของภาคใต้ ยังไม่ได้รับอันตรายอะไร แต่ถ้าทหารมีการปราบปรามอย่างรุนแรง ก็อาจจะทำให้เกิดอันตรายกับกลุ่มคนเสื้อแดงของภาคใต้ เนื่องจากกลุ่มคนภาคใต้ส่วนใหญ่จะรวมตัวอยู่หน้าเวที
ที่มา.เนชั่น
************************************************
วันศุกร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2553
แกนนำเสื้อแดงตรังยันชุมนุมไม่มีท่อน้ำเลี้ยง
จาก รวันดา ถึง สีลม
800,000 คน คือจำนวนประมาณของผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์สังหารหมู่ที่ประเทศรวันดา
แบ่งเป็น 750,000 คน คือจำนวนประมาณของชนเผ่าทุตซีที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนั้น
และ 50,000 คน คือจำนวนประมาณของชนเผ่าฮูตูที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนั้น
ปัจจุบัน ชาวรวันดาเกือบหนึ่งล้านยังต้องขึ้นศาล เนื่องจากมีส่วนพัวพันในเหตุการณ์ดังกล่าว อีกเกือบหนึ่งล้านยังต้องอยู่ในคุก และอาจต้องเสียชีวิตก่อนได้รับการตัดสิน
ทุกวันนี้ ประเทศรวันดาถูกจัดอันดับให้เป็นประเทศที่ยากจนเป็นอันดับที่ 3 ของโลก ประชากรของประเทศกระจัดกระจายไปตามประเทศต่างๆ ที่เปิดรับ
พิจารณาดูแล้วน่าแปลกใจที่เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1994 หรือตรงกับ พ.ศ. 2537
ย้อนกลับไปดูข้อมูลทางประวัติศาสตร์ ตั้งแต่หลังสงครามโลก ประเทศรวันดาประกอบด้วยชนเผ่าฮูตูผู้เป็นชนเผ่าพื้นเมือง มีจำนวนมากกว่าชนเผ่าทุตซีที่ส่วนมากเป็นผู้อพยพจากเอธิโอเปีย โดยประเทศรวันดาได้ตกเป็นของอาณานิคมของเบลเยียม แต่แทนที่เบลเยี่ยมจะให้ความสำคัญกับชนเผ่าพื้นเมือง ก็กลับให้อำนาจทางการเมืองและสังคมแก่ชาวเผ่าทุตซี
แล้วชาวทุตซีก็เถลิงอำนาจนั้นด้วยการกดขี่ข่มเหงชาวฮูตู ทำให้ชาวฮูตูซึ่งเป็นชนเผ่าพื้นเมืองดั้งเดิมต้องมีสถานะไม่ต่างจากพลเมืองชั้น 2 ต้องพบกับความยากลำบากในเงื่อนไขการปกครองของชาวทุตซี
ในที่สุดการปฏิวัติก็มาถึง ชนเผ่าฮูตูลุกฮือขึ้นต่อต้านอำนาจของเบลเยียมและชนเผ่าทุตซี ที่สำคัญเหตุการณ์ปฏิวัตนั้นจบลงด้วยชัยชนะของชนเผ่าฮูตู ส่วนชาวทุตซีจำนวนมากได้หนีไปอยู่ประเทศยูกันดา ซึ่งมีพรมแดนติดกับทิศเหนือของรวันดา พร้อมกับได้ตั้งกลุ่มกองกำลังแนวหน้ารักชาติรวันดา (RPF) เพื่อต่อต้านอำนาจชนเผ่าฮูตู
ส่วนสาเหตุของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์นั้น เกิดจากที่ประธานาธิบดี จูเวนัล ฮับยาริมานาของรัฐบาลฮูตู ได้เลือกเจรจาสันติภาพกับชาวรวันดาเพื่อยุติความรุนแรงระหว่างเผ่า แต่ทางเลือกของประธานาธิบดีสร้างความไม่พอใจในคณะรัฐบาลหลายคน หลังการเซ็นสัญญาสงบศึกเสร็จสิ้นลง จรวดมิซไซล์ลึกลับได้พุ่งตรงไปยังเครื่องบินของประธานาธิบดี ปลิดชีวิตของผู้นำรวันดา รวมถึงอนาคตของประเทศนี้
เพียงไม่กี่ชั่วโมงที่ประธานาธิบดีเสียชีวิต สื่อของรัฐก็ทำหน้าที่ทำลายล้างอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงกำลังทหารซึ่งเป็นชาวเผ่าฮูตูที่ออกไล่ล่าสังหารชาวทุตซีทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ ชรา ทั้งชายและหญิง นำมาซึ่งวาทกรรมการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชนิดที่วาทกรรมชุดเดียวกันที่ฮิตเลอร์สร้างไว้ยังมิอาจเทียบได้
ไม่เพียงแต่ชาวทุตซีเท่านั้น แต่ชาวฮูตูผู้รักสันติภาพก็ถูกกวาดล้าง จะพบว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชัง และใช้พลังความเกลียดผลักดัน ดังจะเห็นได้จากสิ่งที่เกิดขึ้นคือ "ถ้าไม่เหมือน คุณตาย"
ที่น่าเศร้ายิ่งกว่านั้น ภายหลัง 3 เดือนของกลียุคแห่งรวันดา กลุ่ม RPF ภายใต้การนำของ พอล คากาเม ได้บุกเข้ายึดกรุงคิกาลี และยึดอำนาจจากรัฐบาลฮูตู จนชาวฮูตูราว 2 ล้านคนต้องอพยพไปอยู่ประเทศคองโก
โดยในช่วงเวลานั้น มีชาวทุตซีเหลืออยู่ราว 130,000 คน แต่ความรุนแรงกลับมิได้ยุติลง เมื่อชาวทุตซีในนาม RPF ก็ไล่สังหารชาวฮูตูเพื่อเป็นการแก้แค้น นอกจากนั้นชาวทุตซีบางส่วนก็อพยพไปยังคองโกด้วย โดยผู้อพยพก็ยังถูกสังหารจากทหารคองโกอยู่แม้กระทั่งในปัจจุบัน
เหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ดังกล่าวดำเนินสืบเนื่องยาวนานถึง 3 เดือน โดยปราศจากร่างเงาจากสหประชาชาติ เบลเยี่ยม และสหรัฐอเมริกา ซึ่งสะท้อนความไร้ประสิทธิภาพทั้งที่มีข่าวออกมาก่อนเป็นเวลานานพอสมควรว่ามีชาวฮูตูจำนวนมากเริ่มสะสมอาวุธ แต่สหประชาชาติกลับเพิกเฉยต่อข่าวกรองนี้
พลันทำให้นึกไปถึงว่า ช่วงปีดังกล่าวเป็นช่วงหลังสงครามเย็น อาวุธ ′มือสอง′ ซึ่งมีการพูดถึงว่า เป็นสินค้าที่ถูกขายทอดถ่ายโอนมายังประเทศโลกที่สามเหล่านี้
ถามว่า อะไรคือเหตุผลที่ทำให้เชื่อเช่นนั้น ก็เพราะประเทศโลกที่สามเหล่านี้สามารถผลิตอาวุธจำนวนมากได้ที่ไหนกัน สังคมประเทศเหล่านี้คือสังคมเกษตรกรรม
ไม่แน่ว่าประเทศสำคัญๆ ในสหประชาชาติเองนั่นแหละที่สนับสนุนอาวุธให้กับชนเผ่าฮูตู
ณ กาลปัจจุบัน ความเกลียดชังเหล่านั้นยังคงคุกรุ่น เพียงแต่ถูกกลบด้วยขี้เถ้าจากกองกำลังทหารของแคนาดา แต่ลึกลงไปในจิตใจของชาวรวันดา
ที่ชาวทุตซีหลายคนยังมีความเชื่อว่าการจะอยู่รอดก็คือต้องปราบปรามชาวฮูตู ส่วนชาวฮูตูก็เชื่อว่าพวกเขาไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการต้องตกเป็นจำเลยของเหตุการณ์สังหารหมู่ โดยไม่มีใครสนใจความยากแค้นของเขาในสมัยที่รัฐบาลทุตซีปกครองประเทศเลย
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นและจบลงในปี 1994 ปีที่ประเทศแอฟริกาใต้ได้พบกับแสงสว่างแห่งสันติภาพ และการได้ประธานาธิบดีผิวสีคนแรก แต่รวันดากลับก้าวสู่ห้วงรัตติกาล
ที่ทุกวันนี้ได้เป็น ′อุทาหรณ์′ ฝากไว้ให้โลกได้ขบคิด
แต่น่าเสียดาย ที่บางประเทศไม่ได้เรียนรู้อะไรจากมันเลย
ที่มา.ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
*************************************************
แบ่งเป็น 750,000 คน คือจำนวนประมาณของชนเผ่าทุตซีที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนั้น
และ 50,000 คน คือจำนวนประมาณของชนเผ่าฮูตูที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนั้น
ปัจจุบัน ชาวรวันดาเกือบหนึ่งล้านยังต้องขึ้นศาล เนื่องจากมีส่วนพัวพันในเหตุการณ์ดังกล่าว อีกเกือบหนึ่งล้านยังต้องอยู่ในคุก และอาจต้องเสียชีวิตก่อนได้รับการตัดสิน
ทุกวันนี้ ประเทศรวันดาถูกจัดอันดับให้เป็นประเทศที่ยากจนเป็นอันดับที่ 3 ของโลก ประชากรของประเทศกระจัดกระจายไปตามประเทศต่างๆ ที่เปิดรับ
พิจารณาดูแล้วน่าแปลกใจที่เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1994 หรือตรงกับ พ.ศ. 2537
ย้อนกลับไปดูข้อมูลทางประวัติศาสตร์ ตั้งแต่หลังสงครามโลก ประเทศรวันดาประกอบด้วยชนเผ่าฮูตูผู้เป็นชนเผ่าพื้นเมือง มีจำนวนมากกว่าชนเผ่าทุตซีที่ส่วนมากเป็นผู้อพยพจากเอธิโอเปีย โดยประเทศรวันดาได้ตกเป็นของอาณานิคมของเบลเยียม แต่แทนที่เบลเยี่ยมจะให้ความสำคัญกับชนเผ่าพื้นเมือง ก็กลับให้อำนาจทางการเมืองและสังคมแก่ชาวเผ่าทุตซี
แล้วชาวทุตซีก็เถลิงอำนาจนั้นด้วยการกดขี่ข่มเหงชาวฮูตู ทำให้ชาวฮูตูซึ่งเป็นชนเผ่าพื้นเมืองดั้งเดิมต้องมีสถานะไม่ต่างจากพลเมืองชั้น 2 ต้องพบกับความยากลำบากในเงื่อนไขการปกครองของชาวทุตซี
ในที่สุดการปฏิวัติก็มาถึง ชนเผ่าฮูตูลุกฮือขึ้นต่อต้านอำนาจของเบลเยียมและชนเผ่าทุตซี ที่สำคัญเหตุการณ์ปฏิวัตนั้นจบลงด้วยชัยชนะของชนเผ่าฮูตู ส่วนชาวทุตซีจำนวนมากได้หนีไปอยู่ประเทศยูกันดา ซึ่งมีพรมแดนติดกับทิศเหนือของรวันดา พร้อมกับได้ตั้งกลุ่มกองกำลังแนวหน้ารักชาติรวันดา (RPF) เพื่อต่อต้านอำนาจชนเผ่าฮูตู
ส่วนสาเหตุของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์นั้น เกิดจากที่ประธานาธิบดี จูเวนัล ฮับยาริมานาของรัฐบาลฮูตู ได้เลือกเจรจาสันติภาพกับชาวรวันดาเพื่อยุติความรุนแรงระหว่างเผ่า แต่ทางเลือกของประธานาธิบดีสร้างความไม่พอใจในคณะรัฐบาลหลายคน หลังการเซ็นสัญญาสงบศึกเสร็จสิ้นลง จรวดมิซไซล์ลึกลับได้พุ่งตรงไปยังเครื่องบินของประธานาธิบดี ปลิดชีวิตของผู้นำรวันดา รวมถึงอนาคตของประเทศนี้
เพียงไม่กี่ชั่วโมงที่ประธานาธิบดีเสียชีวิต สื่อของรัฐก็ทำหน้าที่ทำลายล้างอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงกำลังทหารซึ่งเป็นชาวเผ่าฮูตูที่ออกไล่ล่าสังหารชาวทุตซีทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ ชรา ทั้งชายและหญิง นำมาซึ่งวาทกรรมการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชนิดที่วาทกรรมชุดเดียวกันที่ฮิตเลอร์สร้างไว้ยังมิอาจเทียบได้
ไม่เพียงแต่ชาวทุตซีเท่านั้น แต่ชาวฮูตูผู้รักสันติภาพก็ถูกกวาดล้าง จะพบว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชัง และใช้พลังความเกลียดผลักดัน ดังจะเห็นได้จากสิ่งที่เกิดขึ้นคือ "ถ้าไม่เหมือน คุณตาย"
ที่น่าเศร้ายิ่งกว่านั้น ภายหลัง 3 เดือนของกลียุคแห่งรวันดา กลุ่ม RPF ภายใต้การนำของ พอล คากาเม ได้บุกเข้ายึดกรุงคิกาลี และยึดอำนาจจากรัฐบาลฮูตู จนชาวฮูตูราว 2 ล้านคนต้องอพยพไปอยู่ประเทศคองโก
โดยในช่วงเวลานั้น มีชาวทุตซีเหลืออยู่ราว 130,000 คน แต่ความรุนแรงกลับมิได้ยุติลง เมื่อชาวทุตซีในนาม RPF ก็ไล่สังหารชาวฮูตูเพื่อเป็นการแก้แค้น นอกจากนั้นชาวทุตซีบางส่วนก็อพยพไปยังคองโกด้วย โดยผู้อพยพก็ยังถูกสังหารจากทหารคองโกอยู่แม้กระทั่งในปัจจุบัน
เหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ดังกล่าวดำเนินสืบเนื่องยาวนานถึง 3 เดือน โดยปราศจากร่างเงาจากสหประชาชาติ เบลเยี่ยม และสหรัฐอเมริกา ซึ่งสะท้อนความไร้ประสิทธิภาพทั้งที่มีข่าวออกมาก่อนเป็นเวลานานพอสมควรว่ามีชาวฮูตูจำนวนมากเริ่มสะสมอาวุธ แต่สหประชาชาติกลับเพิกเฉยต่อข่าวกรองนี้
พลันทำให้นึกไปถึงว่า ช่วงปีดังกล่าวเป็นช่วงหลังสงครามเย็น อาวุธ ′มือสอง′ ซึ่งมีการพูดถึงว่า เป็นสินค้าที่ถูกขายทอดถ่ายโอนมายังประเทศโลกที่สามเหล่านี้
ถามว่า อะไรคือเหตุผลที่ทำให้เชื่อเช่นนั้น ก็เพราะประเทศโลกที่สามเหล่านี้สามารถผลิตอาวุธจำนวนมากได้ที่ไหนกัน สังคมประเทศเหล่านี้คือสังคมเกษตรกรรม
ไม่แน่ว่าประเทศสำคัญๆ ในสหประชาชาติเองนั่นแหละที่สนับสนุนอาวุธให้กับชนเผ่าฮูตู
ณ กาลปัจจุบัน ความเกลียดชังเหล่านั้นยังคงคุกรุ่น เพียงแต่ถูกกลบด้วยขี้เถ้าจากกองกำลังทหารของแคนาดา แต่ลึกลงไปในจิตใจของชาวรวันดา
ที่ชาวทุตซีหลายคนยังมีความเชื่อว่าการจะอยู่รอดก็คือต้องปราบปรามชาวฮูตู ส่วนชาวฮูตูก็เชื่อว่าพวกเขาไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการต้องตกเป็นจำเลยของเหตุการณ์สังหารหมู่ โดยไม่มีใครสนใจความยากแค้นของเขาในสมัยที่รัฐบาลทุตซีปกครองประเทศเลย
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นและจบลงในปี 1994 ปีที่ประเทศแอฟริกาใต้ได้พบกับแสงสว่างแห่งสันติภาพ และการได้ประธานาธิบดีผิวสีคนแรก แต่รวันดากลับก้าวสู่ห้วงรัตติกาล
ที่ทุกวันนี้ได้เป็น ′อุทาหรณ์′ ฝากไว้ให้โลกได้ขบคิด
แต่น่าเสียดาย ที่บางประเทศไม่ได้เรียนรู้อะไรจากมันเลย
ที่มา.ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
*************************************************
"จิ๋ว"แถลง ย้ำขอพึ่งพระบารมี
อัดรัฐบาลละเมิด พระราชวินิจฉัย "มาร์ค"หลบตอบ กระทู้สลายม็อบ
"บิ๊กจิ๋ว" ออกแถลง การณ์ "สถาบันกษัตริย์กับการเมือง" แจกแจงแนวคิดขอพึ่งพระบารมี"ในหลวง" คลี่คลายวิกฤตความขัดแย้ง อ้างรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 กำหนดพระมหากษัตริย์ไม่ได้อยู่นอกการเมืองหรืออยู่เหนือการเมือง อัดกลับนายกฯ-รัฐบาลไม่รับผิดชอบชีวิตประชาชน แถมเตรียมจะเข่นฆ่าอีกรอบ เลยต้องพึ่งพระบารมียับยั้งวิกฤต โต้ลั่นไม่ใช่หัวหน้าขบวนการก่อการร้ายตามที่ถูกป้ายสี "มาร์ค"แจ้งประธานสภาขอเลื่อนตอบกระทู้สดฝ่ายค้าน อ้างกลัวเป็นการเติมเชื้ออารมณ์ความรุนแรง เตรียมเสนอครม.ขอเปิดประชุมร่วมรัฐสภา แต่ยังไม่ระบุวันเวลา ปชป.โหวตตีตก"ญัตติด่วน"เพื่อไทย "เชาวริน"นำทีมวอล์กเอาต์ "สภาล่ม"ครั้งที่ 6 ในสมัยประชุม "มาร์ค-เทือก"ยังอู้อี้เรื่องแก้รธน. บอกยังไม่มีจังหวะนัดหารือพรรคร่วม
"สุเทพ"ยังอู้อี้เรื่องแก้รธน.
เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ที่รัฐสภา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์กรณีพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย และอดีตนายกฯ ขอเข้าเฝ้าฯ เพื่อขอพึ่งพระมหากรุณาธิคุณแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ว่า การขอเข้าเฝ้าฯ ของพล.อ.ชวลิตเป็นเรื่องไม่บังควรและไม่ควรกระทำ สิ่งที่พล.อ. ชวลิตพยายามทำนั้นกระทบต่อจิตใจคนไทยเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อถามถึงข่าวโทรศัพท์พูดคุยกับนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา เพื่อแจ้งมติของพรรคประชาธิปัตย์เรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายสุเทพกล่าวว่า ตนมีหน้าที่ประสานงานกับพรรคร่วมรัฐบาล ไม่มีปัญหา ตนพบกับพรรคร่วมรัฐบาลมาก่อนแล้วเมื่อวันที่ 11 เม.ย. และตกลงร่วมกันว่าเรามีภาระหน้าที่ร่วมกันปฏิบัติงานเพื่อให้ประเทศชาติพ้นวิกฤตไปให้ได้ ส่วนที่จะพูดคุยเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญนั้น พูดคุยกันไว้ว่าถ้าพรรคประชาธิปัตย์จะช่วยส่งเสริมสนับสนุนก็มีน้ำใจให้หน่อย เผื่อการเลือกตั้งคราวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลจะได้มีโอกาสมากขึ้น แต่ไม่ได้นำมาปะปนกับเรื่องแก้ไขวิกฤตการณ์
เมื่อถามว่าวันนี้พรรคประชาธิปัตย์ชัดเจนว่าต้องทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองก่อนจะแก้รัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ว่ากันตามจังหวะ แต่ตอนนี้ไม่ใช่จังหวะ ส่วนที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ แนะให้แกนนำพรรคจัดลำดับความสำคัญของคดียุบพรรคมาก่อนการแก้รัฐธรรม นูญหรือยุบสภา เพราะถ้าไม่มีพรรคคงจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ นายสุเทพกล่าวว่า เป็นเรื่องปกติที่ภายในพรรคจะมีความคิดแตกต่างกัน มาช่วยกันคิดก็ดีแล้ว
ยื้อเปิดอภิปรายร่วมรัฐสภา
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงการเปิดอภิปรายทั่วไปในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 179 ว่า เดิมวุฒิสภากำหนดให้เปิดการอภิปรายทั่วไป ตามมาตรา 161 วันที่ 23 เม.ย. แต่เมื่อส.ส.จะขออภิปรายด้วยดังนั้นรัฐบาลจะให้เปิดอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 179 เพื่อให้สมาชิกทั้ง 2 สภาได้อภิปราย ทั้งนี้ จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าพิจารณาในที่ประชุม ครม.วันที่ 27 เม.ย.เพื่อขอมติแล้วแจ้งให้ประธานรัฐสภาทราบเพื่อกำหนดวันเวลาอภิปรายต่อไป ผู้สื่อข่าวถามว่าควรให้เหตุการณ์สงบก่อนจึงเปิดอภิปรายร่วมของรัฐสภาใช่หรือไม่ นายสาทิตย์กล่าวว่า น่าจะดีกว่า หากสถานการณ์คลี่คลายไปแล้ว จะตอบทุกเรื่องได้ หากยังอยู่ในช่วงที่มีสถานการณ์และมีประเด็นเรื่องความมั่นคงก็ยากที่จะตอบคำถามสภา
นายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงสภาไม่ผ่านญัตติตั้งกรรมาธิการวิสามัญสอบเหตุการณ์สลายการชุมนุมวันที่ 10 เม.ย. ว่า ฝ่ายค้านเสนอทางออกให้รัฐบาลชี้แจงเหตุการณ์ แต่ไม่เข้าใจที่รัฐบาลปฏิเสธ เวทีสภาน่าจะเป็นที่ปรึกษาและทางออกตามระบอบประชาธิปไตย เป็นที่พึ่งให้ส.ส.ได้ แต่เมื่อจะใช้เวทีสภากลับถูกโจมตีและไม่เปิดโอกาสให้พูด จึงต้องไปใช้เวทีของ นปช. แต่ไม่ใช่การทำงานคู่ขนานกับคนเสื้อแดง การที่ส.ส.ขึ้นเวทีต้องยอมรับผลที่ตามมาเพราะข้างนอกไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง เมื่อถามว่าหากรัฐบาลไม่ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนเหตุการณ์ 10 เม.ย.จะทำอย่างไร นายวิทยากล่าวว่า แม้แต่ส.ว.ยังเรียกร้องเช่นเดียวกัน รัฐบาลคงเลี่ยงไม่ได้และขณะนี้ผู้ใหญ่ภายในพรรคประชาธิปัตย์ยังเรียกร้องบางสิ่งบางอย่างกับนายกฯ เช่นกัน
"มาร์ค"เลื่อนตอบกระทู้สภา
เมื่อเวลา 11.40 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณากระทู้ถามสด มีนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาทำหน้าที่ประธานที่ประชุม โดยนายชัย แจ้งว่าได้รับหนังสือจากสำนักเลขาธิการนายกฯ ว่า ตามที่ประธานสภานัดประชุมสภาโดยบรรจุระเบียบกระทู้ถามสดทั้ง 3 ได้แก่ กระทู้ถามสดเรื่องการประกาศ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ของนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กระทู้ถามสดเรื่องการบริหารราชการผิดพลาดในการใช้กำลังทหารสลายการชุมนุมจนมีเหตุให้ประชาชนเสียชีวิต ของนายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย และกระทู้ถามสดเรื่องการบริหารราชการแผ่นดินภายใต้ภาวะที่ผิดปกติและวิกฤตอย่างยิ่งของสังคมไทยของ นายสมชัย ฉัตรพัฒนศิริ ส.ส.พรรครวมชาติพัฒนา
หนังสือดังกล่าวระบุว่า นายกฯ ได้ทราบแล้วและให้เรียนประธานสภาว่า ในสถานการณ์ปัจจุบันมีเหตุฉุกเฉินร้ายแรงอย่างต่อเนื่อง นายกฯ และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต้องดูแลติดตามสถานการณ์โดยตลอด จึงมีเหตุจำเป็นอันหลีกเลี่ยงไม่ได้จึงไม่สามารถมาตอบกระทู้ถามทั้ง 3 เรื่องได้ ขอให้เลื่อนออกไปก่อน เมื่อสถานการณ์คลี่คลายจึงจะมาตอบกระทู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ นายกฯ ได้เรียนเพิ่มเติมว่ารัฐบาลจะดำเนินการให้มีการเปิดประชุมร่วมรัฐสภา ตามมาตรา 179 ของรัฐธรรมนูญ เพื่อให้เปิดการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ โดยจะเสนอคณะรัฐมนตรีเสนอเรื่องต่อไป
ส.ส.รัฐบาลร่วมโวยด้วย
นายสุนัยกล่าวว่า หนังสือดังกล่าว นายกฯ ควรใช้เวทีสภาแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น วันนี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรรณ พล.ต.สนั่น ขจรประ ศาสน์ รองนายกฯ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ก็มาร่วมประชุมสภา อีกทั้งสถานการณ์ความรุนแรงอาจเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ ขณะนี้มีความพยายามล้มระบบรัฐสภาเหมือนสมัย 6 ตุลาฯ จึงขอให้ตนได้ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ
"การตั้งกระทู้ถามวันนี้ ไม่ได้ต้องการเรียกร้องให้นายกฯยุบสภาหรือลาออก แต่ต้องการให้แก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนโดยเฉพาะในวันที่ 23 เม.ย. นี้ กลุ่มเสื้อเหลืองที่แปลงพันธุ์เป็นเสื้อหลากสี กำลังนัดชุมนุมใหญ่ และแกนนำพันธมิตรบอกว่าจะเป็นคนบุกเอง สถานการณ์แบบนี้นายกฯ จะอยู่ได้อย่างไร ทำไมไม่ใช้เวทีสภาแก้ไขปัญหา" นายสุนัย กล่าว
ด้านนายสมชัย กล่าวว่า ตอนนี้ปัญหาไม่ปกติ ไม่ใช่เรื่องที่คนคนเดียวจะรับผิดชอบ แม้นายกฯ จะทำหน้าที่ตามกฎหมายเพราะมีการก่อการร้ายเกิดขึ้น และยังมีเหตุปะทะกันระหว่างคนสีลมและคนเสื้อแดง ฝ่ายค้านก็ยังเรียกร้องให้ยุบสภาอีก จึงไม่ใช่เวลาที่นายกฯ จะมารับผิดชอบคนเดียว เห็นหรือไม่ว่าแค่การขอพื้นที่คืนก็มีคนตาย 25 คน บาดเจ็บ 800 กว่าคน แล้วการที่นายกฯ ไม่ยอมมาหารือกับสภา แต่ไปหารือกับพวกท่านเอง แล้วเกิดอะไรขึ้นนายกฯ จะรับไหวหรือไม่ นาทีนี้เป็นนาทีที่รับฟัง ไม่ใช่มาเลื่อน หากมีคนตายอีก 200-300 คนจะทำอย่างไร
"สาทิตย์"ลุกแก้แทนนายกฯ
ส่วนนายวิชาญ กล่าวว่า ไหนนายกฯ บอกไม่เคยถอดทิ้งสภา ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย. นายกฯ ก็เก็บตัวฟังแต่รายงาน ศอฉ. วันนี้ความกล้าของนายกฯ หายไปไหน เมื่อเป็นผู้นำประเทศ บอกไม่ใช้อาวุธแต่ก็เอาอาวุธเข้ามา บอกไม่ใช้กำลังก็ใช้ นายกฯ ไม่มีความชอบธรรม หากจะเลื่อนกระทู้สดออกไป แล้วประธานสภาการันตีแทนได้หรือไม่ ว่าจะไม่มีการสลายกลุ่มผู้ชุมนุมหรือจะไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น
ขณะที่นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ชี้แจงว่านายกฯ ดำเนินการตามข้อบังคับการประชุม โดยทำหนังสือมาแจ้งยังประธานสภา ความจริงนายกฯ มาลงนามเข้าประชุมสภาก่อน 09.00 น. แต่เนื่องจากบ้านเมืองมีสถานการณ์ฉุกเฉินหลายอย่าง จึงต้องมีการหารือกันเพื่อแก้ไขปัญหา ยืนยันว่าไม่ใช่นายกฯ หนีหน้าไปไหนหรือไม่ต้องการเผชิญหน้าอย่างแน่นอน เพราะนายกฯเสนอให้ใช้รัฐธรรมนูญ มาตรา 179 เสนอให้เปิดประชุมร่วมรัฐสภาเพื่ออภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ และสัปดาห์หน้าก็จะเสนอเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมครม.
ขณะที่นายสาทิตย์ ชี้แจง นายสุนัยและนายวิชาญแย้งว่าขอทราบคำตอบว่ารัฐมนตรีจะตอบกระทู้แทนนายกฯ หรือไม่ ไม่ใช่มาชี้แจงอย่างนี้ ซึ่งนายสาทิตย์ยืนยันว่าจะไม่ตอบกระทู้แทนนายกฯ นายสมชัยได้ให้นายสามารถ แก้วมีชัย รองประธานสภาคนที่ 1 ประธานที่ประชุม อ่านหนังสือคำชี้แจงของนายกฯ อีกครั้งเพื่อให้ทุกคนเข้าใจอย่างชัดเจน จากนั้นยุติการถามกระทู้ทั้ง 3 เรื่อง โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
ปชป.สกัด"ญัตติด่วน"พท.
จากนั้น ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส. สัดส่วน พรรคเพื่อไทย เสนอญัตติด่วนด้วยวาจาขอให้สภาตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อติดตามการชุมนุมประท้วงของกลุ่มต่างๆ เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นต่อประชาชนและประเทศชาติ แต่นายสามารถ แจ้งว่า อาจขัดข้อบังคับการประชุมข้อ 56 ที่บัญญัติว่า เมื่อญัตติตกไปแล้วห้ามเสนอญัตตินั้นในสมัยประชุมเดียวกัน ซึ่งเมื่อวันที่ 21 เม.ย. ที่ผ่านมาส.ส.พรรคเพื่อไทยเสนอญัตติทำนองนี้ แต่ที่ประชุมมีมติไม่รับพิจารณาแล้ว ทำให้ส.ส.เพื่อไทยหลายคนลุกขึ้นคัดค้านอ้างว่าเป็นคนละญัตติกัน แต่นายสามารถยืนยันว่าทั้ง 2 ญัตติมีเจตนาเดียวกัน แต่จะให้ร.ต.ท.เชาวรินชี้แจงเหตุผลก่อนแล้วจะพักประชุมเพื่อตรวจสอบว่าขัดข้อบังคับหรือไม่ ทำให้ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ลุกขึ้นประท้วงว่า เมื่อวินิจฉัยไปแล้วต้องดำเนินการประชุมไปตามระเบียบวาระปกติ
ทั้งนี้ ระหว่าง ร.ต.ท.เชาวริน อภิปรายชี้แจง นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ลุกขึ้นประท้วง ร.ต.ท.เชาวรินจึงหันไปกล่าวว่า "ประท้วงอะไร มีใครตายหรือ" ทำให้มีการปะทะคารมกันระหว่างส.ส.สองพรรค ร.ต.ท.เชาวรินชี้แจงว่า ขณะนี้บ้านเมืองมีการเผชิญหน้าของประชาชนหลายกลุ่มรัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาได้ สภาก็ไม่ค่อยมีบทบาท จึงเสนอญัตตินี้ เพื่อแก้ปัญหาสงครามกลางเมือง จากนั้นนายสามารถ สั่งพักประชุม 10 นาทีเพื่อตรวจสอบญัตติ
"เชาวริน"ลุกป้องเสื้อแดง
เมื่อเปิดประชุม นายสามารถแจ้งว่า วินิจฉัยแล้วญัตติดังกล่าวสนอได้ เพราะเมื่อวันที่ 21 เม.ย. ญัตติที่นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโยธร พรรคเพื่อไทยเสนอยังไม่เข้าสู่วาระการประชุม เพียงแต่พิจารณาว่าจะบรรจุในวาระหรือไม่ จึงถือว่าญัตติยังไม่ได้พิจารณา นอกจากนี้ญัตตินี้มีสาระการป้องกันสงครามกลางเมือง จึงไม่เกี่ยว ข้องกับญัตติของนายพีรพันธุ์ ทำให้นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นเสนอญัตติให้พิจารณาตามระเบียบ วาระเดิม
ร.ต.ท.เชาวรินกล่าวว่า ญัตตินี้มีเพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่จะเกิดวันนี้พรุ่งนี้ นปช.มาปักหลักที่ราชประสงค์ตั้งแต่ 3 เม.ย. มีคนมาชุมนุมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อีกด้านหนึ่งก็มีผู้ชุมนุมอีกกลุ่มออกมาเคลื่อนไหว จึงเกรงว่าจะเหมือนเหตุการณ์เดือนตุลาฯ 2519 ที่มีการปลุกระดมให้ประชา ชนฆ่าอีกฝ่ายหนึ่งโดยอ้างว่าเป็นคอมมิวนิสต์ ตอนนี้ก็เริ่มมีเหตุการณ์ในทำนองนี้ ซึ่งไม่ใช่ความจริง แต่แกนนำกลุ่มคนเสื้อหลากสีก็นำคนออกมา บอกว่ารัฐบาลแก้ปัญหาไม่ได้จะนำคนมาแก้ปัญหาเอง จึงเกรงจะมีการปะทะกันกับนปช. รวมถึงกลุ่มพันธมิตรฯ ฉะนั้นควรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญและช่วยกันลงพื้นที่ป้องปรามความรุนแรง ตอนนี้มีการเรียกตัวส.ก.พรรคเพื่อไทย วินมอเตอร์ไซค์ ขนาดเจ้าหน้าที่ที่มาดูแลพื้นที่กินส้มตำกับผู้ชุมนุมยังโดนสั่งขัง ไม่คาดหวังว่าส.ส.ฝ่ายรัฐบาลจะเห็นด้วยแต่ก็ถือว่าได้ทำหน้าที่ในสภาแล้ว และหากเกิดอะไรขึ้นมาฝ่ายรัฐบาลต้องรับผิดชอบกันเอง
"นิพิฏฐ์"อัดมีวาระแอบแฝง
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ชี้แจงว่า ที่ฝ่ายรัฐบาลเสนอให้พิจารณาไปตามระเบียบวาระ ไม่ได้หมายความว่าฝ่ายรัฐบาลไม่สนใจ แต่ส.ส.พรรครัฐบาลทุกคนกังวลต่อสถานการณ์ แต่การที่ส.ส.เพื่อไทยเสนอญัตติน่าจะมีวาระแอบแฝง ไม่ได้เสนออย่างบริสุทธิ์ใจ เรื่องสงครามประชาชน แกนนำคนเสื้อแดงและส.ส.หลายคนขึ้นเวทีนปช.และพูดคำนี้ขึ้นเป็นครั้งแรก ส.ส.ในสภากลายเป็นผู้ไปสร้างสงครามประชาชนเสียเอง ญัตตินี้จึงไม่มีประโยชน์และยิ่งซ้ำเติมวิกฤตประเทศ ถ้าสมาชิกในสภาไปมีส่วนร่วมกับสงครามข้างนอก ปล่อยให้คนทำผิดกฎหมาย หากส.ส.มีสำนึก ไม่ช่วยเหลือ ไม่เข้าร่วม ถึงจะแก้ปัญหาได้อย่างแท้จริง และคราวนี้ที่มีการประกาศสงครามไพร่-อำมาตย์ มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง ขอให้ย้อนดูประวัติศาสตร์สมัยกรุงศรีอยุธยา มีกบฏไพร่มาแล้ว 3 ครั้ง แกนนำร่ำรวย มีความรู้ใช้วาทศิลป์พูดโกหกปลุกระดม แต่ไม่เคยชนะและตายทุกครั้ง
"ยืนยันอีกครั้งว่าเวทีเสื้อแดงเป็นผู้ปลุกระดมให้เกิดสงครามประชาชน ถ้าสังคมวันนี้ไม่ยอมรับความจริงก็เดินหน้าไปไม่ได้ เวทีของคนเสื้อแดงพูดว่าต้องเกิดสงครามประชาชนและเวทีแห่งนั้นมีส.ส.เพื่อไทยอยู่ด้วย" นายนิพิฏฐ์กล่าว
ระหว่างนายนิพิฏฐ์อภิปรายส.ส.เพื่อไทยประท้วงเป็นระยะๆ กับคำว่าสงครามประชาชน นายนายนิพิฏฐ์จึงเลี่ยงใช้คำว่าสงครามไพร-อำมาตย์แทน
รบ.ชนะโหวต-แต่สภาล่ม
ต่อมาเป็นการลงมติ ปรากฏว่าที่ประชุมสภามีมติให้พิจารณาไปตามระเบียบวาระการประชุมเดิม ด้วยคะแนน 212 ต่อ 93 งด 1 ไม่ลงคะแนน 9 เสียง ทำให้นายสุนัยกล่าวว่า สภาใช้เสียงส่วนใหญ่ปิดปากหลายครั้งจึงไม่ขอร่วมสังฆกรรม จากนั้นได้นำส.ส.เพื่อไทยวอล์กเอาต์ออกจากห้องประชุม พร้อมกับระบุว่าขอให้ประธานตรวจสอบองค์ประชุมด้วย เพราะไม่ครบแน่
จากนั้นพ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาคนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม นำเข้าสู่วาระรับรองข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณารายงานผลการศึกษาปัญหาการบังคับใช้เพื่อการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2550 ก่อนลงมติเห็นชอบกับข้อสังเกต พ.อ.อภิวันท์สั่งเสียบบัตรแสดงตนเพื่อนับองค์ประชุม ปรากฏมีสมาชิกแสดงตน 231 คน จาก 475 คน ไม่ครบองค์ประชุมกึ่งหนึ่งที่ 238 คน พ.อ.อภิวันท์จึงสั่งปิดประชุมเวลา 14.45 น. ถือเป็นครั้งที่ 6 ที่สภาล่มในสมัยประชุมนี้
ชู"อนุพงษ์"คนกลางเจรจา
นายพิษณุ หัตถสงเคราะห์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย เลขานุการวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า พรรคไม่สบายใจที่นายกฯ หลบเลี่ยงตอบกระทู้เหตุการณ์ เมื่อวันที่ 10 เม.ย. พรรคอยากให้สภาเป็นเวทีหาทางออก และเห็นว่าเบื้องต้นนายกฯ ควรลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ ยอมรับความผิดพลาด เปิดทางสภาสรรหานายกฯ คนใหม่ ส่วน การยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในฐานะวิปฝ่าย ค้านเห็นควรยื่นในสมัยประชุมนี้ แต่ขึ้นอยู่กับมติพรรค หากยื่นอภิปรายจะมีส.ส.พรรคร่วมใช้โอกาสนี้สะวิงขั้วมาทางฝ่ายค้าน
นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจต้องคำนึงถึงเงื่อนไขการยุบสภาด้วย ส่วนจะยื่นหรือไม่ขึ้นอยู่กับที่ประชุมพรรค แต่หากในสิ้นเดือนนี้ยังไม่มีข้อสรุปก็จะไม่มีการยื่นญัตติแล้ว
พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภา พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สถานการณ์ขณะนี้เลยไปกว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว อภิปรายไปก็ไม่มีประโยชน์ ควรมุ่งแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียมากขึ้น เพราะขณะนี้พร้อมเผชิญหน้าเอากันให้ตาย ส่วนการแก้ปัญหาความขัดแย้งการเจรจายังมีความสำคัญ โดยรัฐบาลต้องเป็นหลักลงมาเริ่มต้น และนายกฯ ควรยอมรับความจริง อย่าใส่ความผู้ชุมนุมเป็นผู้ก่อการร้ายเพื่อไม่ให้ซ้ำเติมความแตกแยก ส่วนการเจรจาโดยคนกลางขณะนี้เหลือน้อยเต็มที แต่ตนเห็นว่ายังพอมีคือพล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ที่เป็นผู้เจรจาในทางลับได้ เพราะมีความเป็นตัวของตัวเอง พื้นฐานเป็นคนดีมีเหตุผล
ส่อล้มแผนยื่น"ญัตติเชือด"
นายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี รองโฆษกพรรคเพื่อไทย เผยว่า การประชุมพรรควันที่ 20 เม.ย. ส.ส.หารือนอกรอบเกี่ยวกับกระบวนการนิติบัญญัติในสภา ว่า ขณะนี้ส.ส.ทำงานลำบากมากขึ้น การขอยื่นญัตติอภิปรายทั่วไปหรือตั้งกระทู้ถามสด ถูกขัดขวางจากรัฐบาล นอกจากนี้ยังหารือถึงการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ส.ส.ส่วนใหญ่ลงมติอย่างไม่เป็นทางการว่าไม่ควรยื่น เพราะมีอุปสรรคเรื่องกระบวนการนิติบัญญัติ และจะปิดสมัยประชุมวันที่ 20 พ.ค. ข้อมูลที่เตรียมไว้โดยเฉพาะการทุจริตโครงการไทยเข้มแข็งและโครงการชุมชนพอเพียง จะเก็บไว้ก่อนนำมาเผยแพร่หรือแจกจ่ายให้องค์กรอิสระ
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีบุคคลหลายกลุ่มไม่พอใจการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง ว่า ขณะนี้มีนักธุรกิจร่วมกันลงขันครั้งละ 100 ล้านบาท จัดให้มีม็อบเชียร์และม็อบชนทั้ง กทม.และต่างจังหวัด เน้นพื้นที่ที่มีนักการเมืองของรัฐบาล นักการเมืองหนุนเรื่องฐานมวลชน ขณะที่กลุ่มธุรกิจสนับสนุนกลุ่มการเมืองให้เคลื่อนไหวมี 4 บริษัทยักษ์ใหญ่เป็นตัวหลัก ม็อบพวกนี้จะส่งเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ ใช้สื่อของรัฐเป็นตัวช่วย คนชุมนุมจากเสื้อหลากสีทำผิดพ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่รัฐบาลไม่ดำเนินการใดๆ ไม่ว่าฝ่ายศอฉ.และเจ้าหน้าที่ตำรวจ เห็นชัดว่าปฏิบัติสองมาตรฐาน สัปดาห์หน้าพรรคจะยื่นฟ้องต่อป.ป.ช. และกระบวนการยุติธรรม เอาผิดนายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ และพล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ. ตร. ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157
เชื่อปัญหาหนักกว่าไฟใต้
นายพร้อมพงศ์ กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวพรรคประชาธิปัตย์จะขอความช่วยเหลือจากนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ให้มาช่วยดูแลปัญหาม็อบเสื้อแดง ว่า หากจริงเกมใต้ดินต่อไปนี้เช่นม็อบชนม็อบจะรุนแรงขึ้น การสร้างสถานการณ์ต่างๆ ที่นำไปสู่ความวุ่นวายทางการเมือง จนเป็นเหตุให้รัฐบาลมีความชอบธรรมที่จะสลายการชุมนุมโดยอาศัยพ.ร.ก.ฉุกเฉินและอำนาจกองทัพในการปราบปรามประชาชน เกิดโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่รอบที่สอง แทนที่จะมีการเจราจารอบที่สาม จะเป็นสิ่งที่ทำให้การเจรจาปิดฉากลง
ส่วนกรณีพ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศอฉ.ออกมาข่มขู่เสื้อแดงรายวันนั้น นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า หากดูประวัติศาสตร์การปราบปรามประชาชน ยิ่งตีก็ยิ่งโต ยิ่งปราบยิ่งเกิดขึ้น วันนี้เสื้อแดงมีอยู่ทุกภาค หากคิดว่าใช้กำลังปราบปรามแล้วได้ผลขอให้ดูปัญหาภาคใต้ ทำไมรัฐบาลปราบไม่ได้ แต่กลับมีระเบิดรายวัน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีมวลชนน้อยกว่าคนเสื้อแดงขณะนี้ด้วยซ้ำ และข้อมูลในเชิงการข่าว ผู้ก่อการร้ายภาคใต้ใช้กำลังเคลื่อนไหวเพียง 3 พันคน ถามว่าประชาชนที่มาชุมนุมเป็นเรือนแสนวันนี้ รัฐบาลจะปราบไหวหรือไม่ เพราะมวลชนมีทุกภาค การคิดเช่นนี้ของรัฐบาลคิดโดยไม่มีหลักรัฐศาสตร์ คิดแต่ใช้กำลัง
"จิ๋ว"ออกแถลงการณ์ชี้แจง
วันเดียวกัน พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ออกแถลงการณ์ผ่านพรรคเพื่อไทย เรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์กับการเมือง ใจความโดยสรุปว่า ไม่เห็นประชาธิปไตยในระบอบไหนที่จะดีสำหรับเมืองไทยเกินกว่าระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สถาบันพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขแห่งรัฐ ทรงใช้อำนาจอธิปไตยผ่าน 3 ทาง คือ คณะรัฐมนตรี รัฐสภา และศาล ตามรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 มาตรา 3 แสดงว่าพระมหากษัตริย์อยู่ในการเมือง ไม่ได้อยู่นอกการเมือง หรือไม่ได้อยู่เหนือการเมือง ยามใดที่ประเทศมีการปกครองในระบอบเผด็จการ มีฝ่ายใดที่ได้อำนาจและใช้อำนาจก่อความเดือดร้อนเสียหายต่อประเทศชาติและประชาชน ท่านทรงคานการใช้อำนาจเช่นนั้น เช่น ในเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ และพฤษภาทมิฬ
พล.อ.ชวลิตระบุว่า เมื่อรัฐบาลสั่งให้ทหารปฏิบัติมาตรการแก้ปัญหาม็อบที่ผิด เกิดการบาดเจ็บล้มตายทั้งสองฝ่าย รัฐบาลกลับไม่แสดงความรับผิดชอบใดๆ แต่เตรียมจะเข่นฆ่าประชาชนอีก ตนจึงไม่มีทางเลือกเพราะเห็นว่าไม่มีสถาบันใดอีกแล้วที่จะหยุดยั้งได้นอกจากสถาบันพระมหากษัตริย์ และต้องยุติยับยั้งก่อนจะสายเกินการณ์ จึงตัดสินใจของพระบารมีปกเกล้าฯ ให้แก่ประชาชน อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง และไม่มีทางเลือกใด ใครคือผู้รับผิดชอบและใครกันแน่ที่ไม่รับผิดชอบ ขอให้คิดดูด้วยจิตใจที่เที่ยงธรรมและมีคุณธรรม อย่ายึดแต่หลักนิติรัฐแต่ไม่มีหลักนิติธรรม ยืนยันว่าตนเป็นหัวหน้าขบวนการประชาธิปไตยแห่งชาติ อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขแห่งรัฐ เพื่อต่อสู้เอาชนะขบวนการการเผด็จการรัฐสภา เผด็จการรัฐประหารและเผด็จการทุกชนิด มิใช่หัวหน้าผู้ก่อการร้ายตามที่มีผู้ป้ายสีไว้ (อ่านรายละเอียด น.3)
"ชวน"ยังห่วงคดียุบพรรค
เมื่อเวลา 14.00 น. ที่รัฐสภา คณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พรรคประชาธิปัตย์ ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค เป็นประธาน พร้อมด้วยนายบัณฑิต ศิริพันธุ์ ทนายผู้ว่าความประชุมหารือแนวทางการต่อสู้คดียุบพรรค โดยเชิญนายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรม การสภาที่ปรึกษาพรรคและอดีตหัวหน้าพรรค นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ส.ส.นครนายก นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตกรรมการบริหารพรรค เข้าให้ข้อมูล
หลังประชุมนานกว่า 1 ชั่วโมง นายชวนให้สัมภาษณ์ว่า คดียุบพรรคครั้งนี้กับครั้งที่แล้วคนละประเด็นกัน เมื่อถามว่ามีข้ออะไรที่น่าหนักใจหรือไม่ นายชวนกล่าวว่า เวลาถูกฟ้องคงไม่มีใครสบายใจ
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายกล่าวว่า ขณะนี้การตรวจสอบเริ่มพิจารณาลึกลงไปในเนื้อข้อเท็จจริงของคดี จึงไม่สามารถเปิดเผยอะไรได้ ส่วนการพิจารณาวันนี้ที่มีการเชิญผู้มาชี้แจง ทั้ง 3 คนยืนยันไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ทั้งนี้ จะสามารถทำคำชี้แจงการต่อสู้คดีได้ภายหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และถ้าศาลรับเรื่องไว้พิจารณา ก็จะส่งคำกล่าวหาให้พรรค และเมื่อได้รับคำกล่าวหาถึงจะเริ่มนับหนึ่งเพื่อแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน
ทนาย"บัณฑิต"มั่นใจชนะ
รายงานข่าวแจ้งว่า การหารือวันนี้ที่ประชุมแสดงความมั่นใจว่าพรรคจะไม่ถูกยุบ เพราะมีข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงที่มั่นใจว่าจะหักล้างคดีได้ โดยเฉพาะนายบัณฑิต แสดงความมั่นใจว่าจะชนะคดี ส่วนที่มีความกังวลว่าหากศาลรัฐธรรม นูญตัดสินยุบพรรค อาจจะกระทบต่อเสถียร ภาพของรัฐบาลนั้น ที่ประชุมเห็นว่ากรณีนี้อาจไม่รุนแรงถึงขั้นทำให้พรรคประชาธิปัตย์ถูกยุบ แต่อาจกระทบกับคนที่เกี่ยวข้อง และเป็นผู้เซ็นเอกสารโดยตรง โดยอาจจะมี 5-6 คนเท่านั้นที่ถูกตัดสิทธิ์ ดังนั้น จึงไม่กระทบกับเสถียรภาพรัฐบาลมากนัก ที่ประชุมย้ำกับผู้เข้าร่วมประชุมงดให้ข้อมูลแก่ผู้สื่อข่าว เนื่องจากการพิจารณาขณะนี้ลงลึกไปในรายละเอียดของคดี สำหรับการประชุมนัดต่อไปนั้นยังไม่ชัดเจน เนื่องจากนายบัณฑิต ติดภารกิจเดินทางไปต่างประเทศ 1 สัปดาห์ ดังนั้น จะมีการประชุมเฉพาะชุดเล็กเท่านั้น
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงตอบโต้แกนนำนปช.ที่ระบุนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอนำสำนวนคดียุบพรรคมาให้พรรคประชาธิปัตย์ไว้ต่อสู้คดี ว่า นายธาริตไม่เคยนำสำนวนมาให้พรรคและไม่เคยช่วยพรรค เพราะสำนวนคดีนี้อธิบดีดีเอสไอคนก่อนยื่นให้กกต.ไปหมดแล้ว
โต้ตั้งพรรคสำรอง-ไม่จริง
ส่วนที่จาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทยระบุประชาธิปัตย์ตั้งพรรคสำรองเอาไว้แล้ว โดยจะให้นายชวน เป็นหัวหน้าพรรค นายเทพไทกล่าวว่า ไม่เป็นความจริง การให้สัมภาษณ์ของนายจาตุรนต์ หวังผลทางการเมืองให้สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ระส่ำระสาย กระทบเสถียรภาพรัฐบาล และทำให้พรรคร่วมรัฐบาลไม่มั่นใจ
นายเทพไทกล่าวว่า ขณะนี้สิ่งที่รัฐบาลเป็นห่วงคือกรณีมีม็อบเสื้อหลากสีออกมาต่อต้านคนเสื้อแดง ยืนยันรัฐบาลไม่ได้จ้างบุคคลดังกล่าวมาตามที่แกนนำนปช.กล่าวหา บุคคลดังกล่าวมาด้วยจิตใจบริสุทธิ์ ต้องการออกมาปกป้องสถาบัน และหวังจะทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไป ที่แกนนำ นปช.กล่าวหาว่ามีการจ้างมาคงเพราะตัวเองเคยใช้วิธีนี้มาก่อน นอกจากนี้พรรคยังห่วงเรื่องการก่อวินาศกรรมโดยการยิงจรวดอาร์พีจีเข้าใส่คลังน้ำมันย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี รัฐบาลเป็นห่วงว่าอาวุธสงครามที่หายไปยังไม่ได้รับคืนมาเป็นจำนวนมาก จึงห่วงว่าจะมีบุคคลบางกลุ่มนำอาวุธดังกล่าวไปใช้สู้รบกับเจ้าหน้าที่ และยังประเมินว่าสถานที่ที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด นอกจากคลังน้ำมันแล้วยังมีโรงงานผลิตไฟฟ้า สถานีจ่ายไฟฟ้าขนาดใหญ่ กระทั่งหอบังคับการการบิน เพราะหากเกิดวินาศกรรมขึ้นจะสร้างความสูญเสียยิ่งกว่าปิดสนามบิน
จี้ส.ส.ขึ้นเวทีม็อบลาออก
เวลา 16.00 น. ที่รัฐสภา นายพิมพ์พล แสงเมือง นักกฎหมายกลุ่มอาสาปกป้อง ยื่นหนังสือถึงประธานสภาผ่านทางนายวัชระ เพชรทอง ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ขอให้ส.ส.พรรคเพื่อไทย จำนวน 27 คน ที่ขึ้นเวทีปราศรัยของกลุ่มคนเสื้อแดงลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากถือว่ากระทำผิดจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอย่างร้ายแรง ส.ส.กลุ่มดังกล่าวเป็นผู้มีส่วนร่วมในการยุยงปลุกปั่นจนทำให้เกิดเหตุการณ์ 10 เม.ย. หากยังไม่ลาออกตนจะยื่นถอดถอนต่อไป
นายวัชระกล่าวว่า นอกจากนี้ตนจะหาช่องทางยื่นยุบพรรคเพื่อไทยด้วย เนื่องจากถือว่ามีการกระทำเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข โดยจะยื่นทันทีที่รวบรวมหลักฐานเสร็จ
"หนั่น"ทวงสัญญาแก้รธน.
ที่รัฐสภา พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประ ธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์ระบุให้ความสำคัญกับคดียุบพรรคมากกว่าการแก้รัฐธรรมนูญ ว่า ไม่ทราบ คดียุบพรรคเป็นเรื่องของศาลรัฐธรรม นูญ เมื่อถามว่าพรรคร่วมรัฐบาลกดดันพรรคประชาธิปัตย์เรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญมากเกินไปหรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ไม่ แต่เขาตกลงกันมาอย่างนั้น เรียกร้องให้แก้ไขก่อนยุบสภา ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ถูกยุบพรรคก่อน หรือจะแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อน ก็สุดแล้วแต่ ถ้าถูกยุบ รัฐบาลชุดนี้อยู่ไม่ได้ ต้องว่ากันใหม่
ต่อข้อถามพรรคร่วมรัฐบาลจะชะลอการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้เวลาพรรคประชาธิปัตย์ไปทำคดียุบพรรคก่อนหรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ยังไม่ถูกยุบตอนนี้ จะชะลออะไร มาแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่มีคนเรียกร้องให้ยุบสภา เราขอเวลา 9 เดือนแต่ยังตกลงกันไม่ได้ ควรมาทำเรื่องนี้ก่อน ถ้ามันอยู่ได้ พรรคประชาธิปัตย์ก็มีเวลาไปเตรียมการสู้คดี ในพรรคประชาธิปัตย์แบ่งหน้าที่กัน มีคณะทำงานฝ่ายกฎหมายสู้คดียุบพรรค ใครที่เป็นฝ่ายบริหารก็มาทำเรื่องแก้ปัญหาการชุมนุม อย่านำ 2 เรื่องปนกัน ให้ทำคู่ขนานกันไป ช่วง 9 เดือนสามารถแก้ได้หมดทุกเรื่อง
บอก"ปชป."อย่าปอดแหก
เมื่อถามว่าพรรคประชาธิปัตย์จะรอดจากคดียุบพรรคนี้หรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์อยู่มา 64 ปี เท่าที่ฟัง เงินต่างๆ ไม่ได้เข้ามาในพรรคประชาธิปัตย์อย่างที่มีเป็นหลักฐาน เชื่อมั่นว่าคงไม่เกี่ยวพันกับพรรคประชาธิปัตย์มาก ส่วนกรณีเงินสนับสนุนกิจกรรมพรรคการเมือง 29 ล้านบาท พรรคประชาธิปัตย์คงต้องมีหลักฐาน อย่าไปตื่นเต้น เมื่อถามถึงนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์ ประเมินว่าอาจแพ้คดีนี้ได้ พล.ต.สนั่นหัวเราะพร้อมกล่าวว่า "ถ้าปอดแหกอย่างนั้น อย่าไปสู้สิ"
พล.ต.สนั่น กล่าวถึงพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ ทำหนังสือถึงสำนักราชเลขาธิการเพื่อขอเข้าเฝ้าฯ พึ่งพระมหากรุณาธิคุณยุติปัญหาความขัดแย้งในบ้านเมือง ว่า เรื่องนี้นำมาแถลงข่าวไม่ได้ ด้วยความเคารพ ท่านควรหยุดสักนิดแล้วมาช่วยกันแก้ปัญหา เช่น ช่วยกันพูดคุยกับกลุ่มคนเสื้อแดงให้เกิดความเข้าใจ หรือให้ถอยกันคนละนิด เมื่อถามว่าบุคคลทั้งสองดื้อดึงหรือไม่เพราะมีเสียงติติงว่าการทำเช่นนี้เป็นสิ่งที่ไม่บังควร พล.ต. สนั่น กล่าวว่า คงหยุดไม่ได้แล้ว เพราะถ้าหยุดก็ถูกด่ามาก และราชเลขาธิการจะว่าอย่างไรก็ว่าตามนั้น
มท.ชี้"นปช."แนวร่วมเยอะ
ที่กระทรวงมหาดไทย นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์โดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค ยังไม่ติดต่อมายังพรรคร่วมรัฐบาลว่าจะนัดหารือเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันเวลาใด พรรคภูมิใจไทยยืนยันจะจับมือพรรคชาติไทยพัฒนา และให้เป็นแกนนำไม่ว่าจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ เมื่อถามว่าจะมีทางออกเรื่องการแก้รัฐธรรม นูญอย่างไร เพราะท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ยังคงยืนกรานไม่ต้องการให้มีการแก้ไขรัฐธรรม นูญ นายชวรัตน์ กล่าวว่า ก็เห็นว่าอย่างนั้น แต่ไม่ทราบว่าจะทำอย่างไร
ส่วนการชุมนุมของกลุ่มนปช. ที่ชุมนุมยืดเยื้อมาเป็นเวลายาวนาน 40 กว่าวันนั้น รมว. มหาดไทย กล่าวว่า เป็นการชุมนุมที่เกินกว่าคาดหมายไว้ ไม่ทราบว่าเหตุใดกลุ่มนปช.ถึงมีแนวร่วมมากขนาดนี้ สำหรับเหตุทะเลาะวิวาทระหว่างกลุ่มนปช.กับกลุ่มเสื้อหลากสี ยังอาจนำมาซึ่งความสูญเสียด้วยหากต่างฝ่ายต่างไม่ยอมซึ่งกันและกัน อยากให้การชุมนุมยุติโดยเร็ว รัฐบาลจะได้เดินหน้าบริหารบ้านเมืองต่อไปได้
ส.ว.ยื่นเสนอแนะทางออก
เวลา 13.00 น. ที่รัฐสภา นายสิงห์ชัย ทุ่งทอง ส.ว.อุทัยธานี นายวิชาญ ศิริชัยเอกวัฒน์ ส.ว.สรรหา เข้ายื่นหนังสือต่อนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯ เป็นรายงานผลการประชุมวุฒิสภาเมื่อวันที่ 20 เม.ย. ที่พิจารณาญัตติเรื่องขอให้เรียกประชุมวุฒิสภาเป็นกรณีพิเศษเป็นการด่วนที่สุด เพื่อแสวงหาแนวทางแก้ไขสถานการณ์ของประเทศ
นายสิงห์ชัย กล่าวว่า ส.ว.ทุกคนเป็นห่วงสถานการณ์ขณะนี้ จึงรวบรวมคำอภิปราย ข้อเสนอแนะของสมาชิกในการประชุมวุฒิสภานัดพิเศษ เมื่อวันที่ 20 เม.ย. ซึ่งเราเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ในการแก้ปัญหา แม้ไม่เป็นมติของวุฒิสภาแต่หวังว่าฝ่ายบริหารจะเห็นความสำคัญในข้อคิดเห็นต่างๆ นอกจากนี้ ตนจะนำรายงานดังกล่าวไปยื่นกับกลุ่มนปช.ที่แยกราชประสงค์ในวันเดียวกัน โดยข้อสรุปของส.ว.ส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้ใช้ความรุนแรงแก้ปัญหา ใช้การเจรจาทั้ง 2 ฝ่ายอีกครั้งและอย่าสร้างสถาน การณ์ยั่วยุ
นายสาทิตย์ กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ขณะนี้ข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ แต่รัฐบาลตั้งใจจะใช้เวทีรัฐสภาโดยจะขอมติจากที่ประชุมครม. วันอังคารที่ 27 เม.ย.นี้ เพื่อเปิดอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 179 ซึ่งรัฐบาลยินดีรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน
จี้"มาร์ค-เทือก"ลาพักงาน
เวลา 14.15 น. นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา นางนฤมล ศิริวัฒน์ ส.ว.อุตรดิตถ์ ร่วมแถลงข่าว นายเรืองไกรกล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น ส.ว.ต้องการให้นายกฯ รับผิดชอบในฐานะผู้นำสูงสุด ตามที่เคยประกาศกฎเหล็ก 9 ข้อ โดยเฉพาะข้อ 9 ระบุความรับผิดชอบทางการเมืองต้องอยู่สูงกว่าความรับผิดชอบทางกฎหมาย ดังนั้น นายกฯจะแสดงความรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตจากเหตุปะทะเมื่อวันที่ 10 เม.ย.อย่างไร
นายเรืองไกรกล่าวว่า หากย้อนไปเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2551 ที่มีการสลายการชุมนุมกลุ่มพันธ มิตรฯ นายอภิสิทธิ์เป็นผู้เสนอตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบข้อเท็จจริง นำไปสู่กระบวนการถอดถอนผู้ที่สั่งสลายการชุมนุม ดังนั้นจึงขอเสนอให้นายกฯ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ลาพักจนกว่าจะทราบผลสอบสวนข้อเท็จจริง และตั้งคนขึ้นมารักษาการแทนเหมือนที่อดีตนายกฯเคยทำมาก่อน และคงไม่เป็นปัญหาเพราะพรรคร่วมรัฐบาลยังเป็นเสียงข้างมาก ทำงานได้อยู่ ไม่ต้องห่วงการแต่งตั้งโยกย้ายทหารและตำรวจ หรือการผ่านงบประมาณ เพราะพรรคร่วมรัฐบาลให้คำปรึกษาได้ ข้อเสนอนี้ไม่ใช่การกดดันให้ยุบสภาหรือลาออก แต่ต้องการให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งรัฐบาล แกนนำนปช. และพรรคร่วมมีทางออก
ย้ำต้องแก้ด้วยการเจรจา
นางนฤมลกล่าวว่า กลุ่มส.ว.ต้องออกมาเคลื่อนไหวเพราะไม่อยากเห็นความรุนแรงและใช้กำลังจัดการผู้ชุมนุม จึงออกแถลงการณ์เพื่อเป็นข้อเสนอกับรัฐบาล คือให้รัฐบาลกำหนดขั้นตอนวิธีแก้ปัญหาด้วยการเจรจา ไม่ใช้สื่อของรัฐสร้างความแตกแยก ดังนั้น ควรให้โทรทัศน์เสนอข่าวการชุมนุมได้โดยไม่ปิดกั้น รัฐบาลต้องป้องกันและควบคุมไม่ให้เกิดเหตุปะทะกันระหว่างบุคคลหลายกลุ่มกับกลุ่มคนเสื้อแดง เหมือนที่เกิดขึ้นที่ถนนสีลม เมื่อคืนวันที่ 21 เม.ย. และสุดท้ายรัฐบาลต้องใช้สภาเป็นหลักในการแก้ปัญหา
วันเดียวกัน นายอนุรักษ์ นิยมเวช ประธานคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา พร้อมคณะกรรมา ธิการออกแถลงการณ์ว่า คณะกรรมาธิการมีมติเสนอต่อรัฐบาล ดังนี้ 1.ต้องแก้ปัญหาด้วยการเจรจาทั้ง 2 ฝ่ายด้วยสันติวิธี 2.เปิดโอกาสให้ผู้มีความคิดเห็นที่แตกต่างได้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารอย่างเท่าเทียม 3.ป้องกันไม่ให้ผู้ชุมนุมในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดและกลุ่มต่างๆ เผชิญหน้าจนเกิดการปะทะกัน และ 4.ต้องใช้รัฐสภาเป็นหลักแก้ปัญหา โดยเฉพาะการประชุมส.ว.ที่ยื่นขอใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรา 161 ก่อนจะดำเนินการตามมาตรา 179
แม้วส่งทนายแจ้งจับ"กษิต"
วันเดียวกัน ที่กองบังคับการกองปราบปราม นายสุภาพ เพชรศรี รับมอบอำนาจต่อจากนายสมบูรณ์ คุปติมนัส ทนายความของพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เข้าแจ้งความกับพ.ต.ท.มาโนชญ์ สวนดอกไม้ พงส.(สบ2) กก.1บก.ป. เพื่อให้ดำเนินคดีนายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328 กรณีให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ ในการประชุมสุดยอดความมั่นคงทางนิวเคลียร์ (NSS) ที่มหาวิทยาลัยจอห์นฮอฟกิ้นส์ กรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมา ในคำสัมภาษณ์มีเนื้อหาพาดพิง พ.ต.ท.ทักษิณว่าอยู่เบื้องหลังเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งไม่เป็นความจริง และยังทำให้พ.ต.ท.ทักษิณได้รับความเสียหาย พร้อมกับนำสำเนาของหนังสือพิมพ์ข่าวสดและหนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันที่ 14 เม.ย. 2553 ที่ตีพิมพ์คำสัมภาษณ์ของนายกษิต มามอบให้พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐานด้วย
พ.ต.ท.มาโนชญ์ กล่าวว่า ได้รับเรื่องและสอบปากคำฝ่ายผู้เสียหายไว้เป็นหลักฐาน ก่อนนำเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาส่งเรื่องให้กับอัยการสูงสุดดำเนินการต่อไป เนื่องจากเป็น กรณีที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ
มาร์คยังไม่นัดคุยพรรคร่วม
เวลา 19.00 น. ที่ศูนย์แถลงข่าว ศอฉ. ใน กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้รัฐ ธรรมนูญว่า ที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์มอบให้ตนกับนายสุเทพ ไปคุยกับพรรคร่วมรัฐบาล แต่ขณะนี้ยังไม่มีโอกาส แต่คิดว่าพรรคร่วมเข้าใจเพราะสิ่งที่เราอยากจะสื่อสาร คือเราเข้าใจความต้องการและความคิดเห็นของพรรคร่วม แต่ประเด็นของรัฐธรรมนูญจะต้องตอบสังคม ฉะนั้นการทำความเข้าใจกับสังคมเพื่อให้ยอมรับเป็นหัวใจสำคัญ เดิมคิดว่าถ้าทำประชามติจะเป็นคำตอบที่ง่ายที่สุด ยังติดขัดอยู่ ต้องมาคุยกันว่าจะมีวิธีการรับฟังและสื่อสารและหาคำตอบให้สังคมอย่างไร
เมื่อถามถึงกลุ่มคนเสื้อแดงมีการเคลื่อนไหวทั้งในและนอกสภา ล่าสุดพล.อ.ชวลิต ขอเข้าเฝ้าฯ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทุกอย่างเชื่อมโยงกันทั้งหมด อย่างวันนี้ตนทำหนังสือถึงสภา ไม่ไปตอบกระทู้เพราะไม่ต้องการให้สถานการณ์มีปัญหามากยิ่งขึ้น แต่ตนก็ติดตามการอภิปรายของสมาชิกโดยเฉพาะฝ่ายค้าน การไม่ไปสภาวันนี้ไม่ใช่เพราะตนไม่สนใจการแก้ปัญหาทางการเมือง แต่เวทีและรูปแบบต้องเหมาะสม ไม่เป็นตัวเติมเชื้อให้เกิดความขัดแย้ง ถ้ามีการตอบโต้ในสภา ต่างฝ่ายจะพูดในสิ่งที่คิดว่าเป็นความจริง จะทำให้เกิดการเผชิญหน้ากันมากขึ้น ส่วนการประชุมร่วมรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 179 นั้น จะเสนอต่อครม.ต่อไป
เมื่อถามว่าพล.อ.ชวลิต ออกแถลงการณ์พาดพิงตัวนายกฯ และพรรคประชาธิปัตย์เคยขอพระราชทานรัฐบาลแห่งชาติ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนพูดถึงกรณีนี้เป็นกรณีที่ตนเสนอว่าเป็นความพร้อมใจของทุกฝ่าย จะต้องเอาสถาน การณ์ไปเทียบเคียงกัน
ที่มา.ข่าวสดรายวัน
************************************************
"บิ๊กจิ๋ว" ออกแถลง การณ์ "สถาบันกษัตริย์กับการเมือง" แจกแจงแนวคิดขอพึ่งพระบารมี"ในหลวง" คลี่คลายวิกฤตความขัดแย้ง อ้างรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 กำหนดพระมหากษัตริย์ไม่ได้อยู่นอกการเมืองหรืออยู่เหนือการเมือง อัดกลับนายกฯ-รัฐบาลไม่รับผิดชอบชีวิตประชาชน แถมเตรียมจะเข่นฆ่าอีกรอบ เลยต้องพึ่งพระบารมียับยั้งวิกฤต โต้ลั่นไม่ใช่หัวหน้าขบวนการก่อการร้ายตามที่ถูกป้ายสี "มาร์ค"แจ้งประธานสภาขอเลื่อนตอบกระทู้สดฝ่ายค้าน อ้างกลัวเป็นการเติมเชื้ออารมณ์ความรุนแรง เตรียมเสนอครม.ขอเปิดประชุมร่วมรัฐสภา แต่ยังไม่ระบุวันเวลา ปชป.โหวตตีตก"ญัตติด่วน"เพื่อไทย "เชาวริน"นำทีมวอล์กเอาต์ "สภาล่ม"ครั้งที่ 6 ในสมัยประชุม "มาร์ค-เทือก"ยังอู้อี้เรื่องแก้รธน. บอกยังไม่มีจังหวะนัดหารือพรรคร่วม
"สุเทพ"ยังอู้อี้เรื่องแก้รธน.
เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ที่รัฐสภา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์กรณีพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย และอดีตนายกฯ ขอเข้าเฝ้าฯ เพื่อขอพึ่งพระมหากรุณาธิคุณแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ว่า การขอเข้าเฝ้าฯ ของพล.อ.ชวลิตเป็นเรื่องไม่บังควรและไม่ควรกระทำ สิ่งที่พล.อ. ชวลิตพยายามทำนั้นกระทบต่อจิตใจคนไทยเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อถามถึงข่าวโทรศัพท์พูดคุยกับนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา เพื่อแจ้งมติของพรรคประชาธิปัตย์เรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายสุเทพกล่าวว่า ตนมีหน้าที่ประสานงานกับพรรคร่วมรัฐบาล ไม่มีปัญหา ตนพบกับพรรคร่วมรัฐบาลมาก่อนแล้วเมื่อวันที่ 11 เม.ย. และตกลงร่วมกันว่าเรามีภาระหน้าที่ร่วมกันปฏิบัติงานเพื่อให้ประเทศชาติพ้นวิกฤตไปให้ได้ ส่วนที่จะพูดคุยเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญนั้น พูดคุยกันไว้ว่าถ้าพรรคประชาธิปัตย์จะช่วยส่งเสริมสนับสนุนก็มีน้ำใจให้หน่อย เผื่อการเลือกตั้งคราวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลจะได้มีโอกาสมากขึ้น แต่ไม่ได้นำมาปะปนกับเรื่องแก้ไขวิกฤตการณ์
เมื่อถามว่าวันนี้พรรคประชาธิปัตย์ชัดเจนว่าต้องทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองก่อนจะแก้รัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ว่ากันตามจังหวะ แต่ตอนนี้ไม่ใช่จังหวะ ส่วนที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ แนะให้แกนนำพรรคจัดลำดับความสำคัญของคดียุบพรรคมาก่อนการแก้รัฐธรรม นูญหรือยุบสภา เพราะถ้าไม่มีพรรคคงจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ นายสุเทพกล่าวว่า เป็นเรื่องปกติที่ภายในพรรคจะมีความคิดแตกต่างกัน มาช่วยกันคิดก็ดีแล้ว
ยื้อเปิดอภิปรายร่วมรัฐสภา
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงการเปิดอภิปรายทั่วไปในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 179 ว่า เดิมวุฒิสภากำหนดให้เปิดการอภิปรายทั่วไป ตามมาตรา 161 วันที่ 23 เม.ย. แต่เมื่อส.ส.จะขออภิปรายด้วยดังนั้นรัฐบาลจะให้เปิดอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 179 เพื่อให้สมาชิกทั้ง 2 สภาได้อภิปราย ทั้งนี้ จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าพิจารณาในที่ประชุม ครม.วันที่ 27 เม.ย.เพื่อขอมติแล้วแจ้งให้ประธานรัฐสภาทราบเพื่อกำหนดวันเวลาอภิปรายต่อไป ผู้สื่อข่าวถามว่าควรให้เหตุการณ์สงบก่อนจึงเปิดอภิปรายร่วมของรัฐสภาใช่หรือไม่ นายสาทิตย์กล่าวว่า น่าจะดีกว่า หากสถานการณ์คลี่คลายไปแล้ว จะตอบทุกเรื่องได้ หากยังอยู่ในช่วงที่มีสถานการณ์และมีประเด็นเรื่องความมั่นคงก็ยากที่จะตอบคำถามสภา
นายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงสภาไม่ผ่านญัตติตั้งกรรมาธิการวิสามัญสอบเหตุการณ์สลายการชุมนุมวันที่ 10 เม.ย. ว่า ฝ่ายค้านเสนอทางออกให้รัฐบาลชี้แจงเหตุการณ์ แต่ไม่เข้าใจที่รัฐบาลปฏิเสธ เวทีสภาน่าจะเป็นที่ปรึกษาและทางออกตามระบอบประชาธิปไตย เป็นที่พึ่งให้ส.ส.ได้ แต่เมื่อจะใช้เวทีสภากลับถูกโจมตีและไม่เปิดโอกาสให้พูด จึงต้องไปใช้เวทีของ นปช. แต่ไม่ใช่การทำงานคู่ขนานกับคนเสื้อแดง การที่ส.ส.ขึ้นเวทีต้องยอมรับผลที่ตามมาเพราะข้างนอกไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง เมื่อถามว่าหากรัฐบาลไม่ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนเหตุการณ์ 10 เม.ย.จะทำอย่างไร นายวิทยากล่าวว่า แม้แต่ส.ว.ยังเรียกร้องเช่นเดียวกัน รัฐบาลคงเลี่ยงไม่ได้และขณะนี้ผู้ใหญ่ภายในพรรคประชาธิปัตย์ยังเรียกร้องบางสิ่งบางอย่างกับนายกฯ เช่นกัน
"มาร์ค"เลื่อนตอบกระทู้สภา
เมื่อเวลา 11.40 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณากระทู้ถามสด มีนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาทำหน้าที่ประธานที่ประชุม โดยนายชัย แจ้งว่าได้รับหนังสือจากสำนักเลขาธิการนายกฯ ว่า ตามที่ประธานสภานัดประชุมสภาโดยบรรจุระเบียบกระทู้ถามสดทั้ง 3 ได้แก่ กระทู้ถามสดเรื่องการประกาศ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ของนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กระทู้ถามสดเรื่องการบริหารราชการผิดพลาดในการใช้กำลังทหารสลายการชุมนุมจนมีเหตุให้ประชาชนเสียชีวิต ของนายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย และกระทู้ถามสดเรื่องการบริหารราชการแผ่นดินภายใต้ภาวะที่ผิดปกติและวิกฤตอย่างยิ่งของสังคมไทยของ นายสมชัย ฉัตรพัฒนศิริ ส.ส.พรรครวมชาติพัฒนา
หนังสือดังกล่าวระบุว่า นายกฯ ได้ทราบแล้วและให้เรียนประธานสภาว่า ในสถานการณ์ปัจจุบันมีเหตุฉุกเฉินร้ายแรงอย่างต่อเนื่อง นายกฯ และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต้องดูแลติดตามสถานการณ์โดยตลอด จึงมีเหตุจำเป็นอันหลีกเลี่ยงไม่ได้จึงไม่สามารถมาตอบกระทู้ถามทั้ง 3 เรื่องได้ ขอให้เลื่อนออกไปก่อน เมื่อสถานการณ์คลี่คลายจึงจะมาตอบกระทู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ นายกฯ ได้เรียนเพิ่มเติมว่ารัฐบาลจะดำเนินการให้มีการเปิดประชุมร่วมรัฐสภา ตามมาตรา 179 ของรัฐธรรมนูญ เพื่อให้เปิดการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ โดยจะเสนอคณะรัฐมนตรีเสนอเรื่องต่อไป
ส.ส.รัฐบาลร่วมโวยด้วย
นายสุนัยกล่าวว่า หนังสือดังกล่าว นายกฯ ควรใช้เวทีสภาแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น วันนี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรรณ พล.ต.สนั่น ขจรประ ศาสน์ รองนายกฯ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ก็มาร่วมประชุมสภา อีกทั้งสถานการณ์ความรุนแรงอาจเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ ขณะนี้มีความพยายามล้มระบบรัฐสภาเหมือนสมัย 6 ตุลาฯ จึงขอให้ตนได้ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ
"การตั้งกระทู้ถามวันนี้ ไม่ได้ต้องการเรียกร้องให้นายกฯยุบสภาหรือลาออก แต่ต้องการให้แก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนโดยเฉพาะในวันที่ 23 เม.ย. นี้ กลุ่มเสื้อเหลืองที่แปลงพันธุ์เป็นเสื้อหลากสี กำลังนัดชุมนุมใหญ่ และแกนนำพันธมิตรบอกว่าจะเป็นคนบุกเอง สถานการณ์แบบนี้นายกฯ จะอยู่ได้อย่างไร ทำไมไม่ใช้เวทีสภาแก้ไขปัญหา" นายสุนัย กล่าว
ด้านนายสมชัย กล่าวว่า ตอนนี้ปัญหาไม่ปกติ ไม่ใช่เรื่องที่คนคนเดียวจะรับผิดชอบ แม้นายกฯ จะทำหน้าที่ตามกฎหมายเพราะมีการก่อการร้ายเกิดขึ้น และยังมีเหตุปะทะกันระหว่างคนสีลมและคนเสื้อแดง ฝ่ายค้านก็ยังเรียกร้องให้ยุบสภาอีก จึงไม่ใช่เวลาที่นายกฯ จะมารับผิดชอบคนเดียว เห็นหรือไม่ว่าแค่การขอพื้นที่คืนก็มีคนตาย 25 คน บาดเจ็บ 800 กว่าคน แล้วการที่นายกฯ ไม่ยอมมาหารือกับสภา แต่ไปหารือกับพวกท่านเอง แล้วเกิดอะไรขึ้นนายกฯ จะรับไหวหรือไม่ นาทีนี้เป็นนาทีที่รับฟัง ไม่ใช่มาเลื่อน หากมีคนตายอีก 200-300 คนจะทำอย่างไร
"สาทิตย์"ลุกแก้แทนนายกฯ
ส่วนนายวิชาญ กล่าวว่า ไหนนายกฯ บอกไม่เคยถอดทิ้งสภา ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย. นายกฯ ก็เก็บตัวฟังแต่รายงาน ศอฉ. วันนี้ความกล้าของนายกฯ หายไปไหน เมื่อเป็นผู้นำประเทศ บอกไม่ใช้อาวุธแต่ก็เอาอาวุธเข้ามา บอกไม่ใช้กำลังก็ใช้ นายกฯ ไม่มีความชอบธรรม หากจะเลื่อนกระทู้สดออกไป แล้วประธานสภาการันตีแทนได้หรือไม่ ว่าจะไม่มีการสลายกลุ่มผู้ชุมนุมหรือจะไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น
ขณะที่นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ชี้แจงว่านายกฯ ดำเนินการตามข้อบังคับการประชุม โดยทำหนังสือมาแจ้งยังประธานสภา ความจริงนายกฯ มาลงนามเข้าประชุมสภาก่อน 09.00 น. แต่เนื่องจากบ้านเมืองมีสถานการณ์ฉุกเฉินหลายอย่าง จึงต้องมีการหารือกันเพื่อแก้ไขปัญหา ยืนยันว่าไม่ใช่นายกฯ หนีหน้าไปไหนหรือไม่ต้องการเผชิญหน้าอย่างแน่นอน เพราะนายกฯเสนอให้ใช้รัฐธรรมนูญ มาตรา 179 เสนอให้เปิดประชุมร่วมรัฐสภาเพื่ออภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ และสัปดาห์หน้าก็จะเสนอเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมครม.
ขณะที่นายสาทิตย์ ชี้แจง นายสุนัยและนายวิชาญแย้งว่าขอทราบคำตอบว่ารัฐมนตรีจะตอบกระทู้แทนนายกฯ หรือไม่ ไม่ใช่มาชี้แจงอย่างนี้ ซึ่งนายสาทิตย์ยืนยันว่าจะไม่ตอบกระทู้แทนนายกฯ นายสมชัยได้ให้นายสามารถ แก้วมีชัย รองประธานสภาคนที่ 1 ประธานที่ประชุม อ่านหนังสือคำชี้แจงของนายกฯ อีกครั้งเพื่อให้ทุกคนเข้าใจอย่างชัดเจน จากนั้นยุติการถามกระทู้ทั้ง 3 เรื่อง โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
ปชป.สกัด"ญัตติด่วน"พท.
จากนั้น ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส. สัดส่วน พรรคเพื่อไทย เสนอญัตติด่วนด้วยวาจาขอให้สภาตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อติดตามการชุมนุมประท้วงของกลุ่มต่างๆ เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นต่อประชาชนและประเทศชาติ แต่นายสามารถ แจ้งว่า อาจขัดข้อบังคับการประชุมข้อ 56 ที่บัญญัติว่า เมื่อญัตติตกไปแล้วห้ามเสนอญัตตินั้นในสมัยประชุมเดียวกัน ซึ่งเมื่อวันที่ 21 เม.ย. ที่ผ่านมาส.ส.พรรคเพื่อไทยเสนอญัตติทำนองนี้ แต่ที่ประชุมมีมติไม่รับพิจารณาแล้ว ทำให้ส.ส.เพื่อไทยหลายคนลุกขึ้นคัดค้านอ้างว่าเป็นคนละญัตติกัน แต่นายสามารถยืนยันว่าทั้ง 2 ญัตติมีเจตนาเดียวกัน แต่จะให้ร.ต.ท.เชาวรินชี้แจงเหตุผลก่อนแล้วจะพักประชุมเพื่อตรวจสอบว่าขัดข้อบังคับหรือไม่ ทำให้ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ลุกขึ้นประท้วงว่า เมื่อวินิจฉัยไปแล้วต้องดำเนินการประชุมไปตามระเบียบวาระปกติ
ทั้งนี้ ระหว่าง ร.ต.ท.เชาวริน อภิปรายชี้แจง นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ลุกขึ้นประท้วง ร.ต.ท.เชาวรินจึงหันไปกล่าวว่า "ประท้วงอะไร มีใครตายหรือ" ทำให้มีการปะทะคารมกันระหว่างส.ส.สองพรรค ร.ต.ท.เชาวรินชี้แจงว่า ขณะนี้บ้านเมืองมีการเผชิญหน้าของประชาชนหลายกลุ่มรัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาได้ สภาก็ไม่ค่อยมีบทบาท จึงเสนอญัตตินี้ เพื่อแก้ปัญหาสงครามกลางเมือง จากนั้นนายสามารถ สั่งพักประชุม 10 นาทีเพื่อตรวจสอบญัตติ
"เชาวริน"ลุกป้องเสื้อแดง
เมื่อเปิดประชุม นายสามารถแจ้งว่า วินิจฉัยแล้วญัตติดังกล่าวสนอได้ เพราะเมื่อวันที่ 21 เม.ย. ญัตติที่นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโยธร พรรคเพื่อไทยเสนอยังไม่เข้าสู่วาระการประชุม เพียงแต่พิจารณาว่าจะบรรจุในวาระหรือไม่ จึงถือว่าญัตติยังไม่ได้พิจารณา นอกจากนี้ญัตตินี้มีสาระการป้องกันสงครามกลางเมือง จึงไม่เกี่ยว ข้องกับญัตติของนายพีรพันธุ์ ทำให้นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นเสนอญัตติให้พิจารณาตามระเบียบ วาระเดิม
ร.ต.ท.เชาวรินกล่าวว่า ญัตตินี้มีเพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่จะเกิดวันนี้พรุ่งนี้ นปช.มาปักหลักที่ราชประสงค์ตั้งแต่ 3 เม.ย. มีคนมาชุมนุมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อีกด้านหนึ่งก็มีผู้ชุมนุมอีกกลุ่มออกมาเคลื่อนไหว จึงเกรงว่าจะเหมือนเหตุการณ์เดือนตุลาฯ 2519 ที่มีการปลุกระดมให้ประชา ชนฆ่าอีกฝ่ายหนึ่งโดยอ้างว่าเป็นคอมมิวนิสต์ ตอนนี้ก็เริ่มมีเหตุการณ์ในทำนองนี้ ซึ่งไม่ใช่ความจริง แต่แกนนำกลุ่มคนเสื้อหลากสีก็นำคนออกมา บอกว่ารัฐบาลแก้ปัญหาไม่ได้จะนำคนมาแก้ปัญหาเอง จึงเกรงจะมีการปะทะกันกับนปช. รวมถึงกลุ่มพันธมิตรฯ ฉะนั้นควรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญและช่วยกันลงพื้นที่ป้องปรามความรุนแรง ตอนนี้มีการเรียกตัวส.ก.พรรคเพื่อไทย วินมอเตอร์ไซค์ ขนาดเจ้าหน้าที่ที่มาดูแลพื้นที่กินส้มตำกับผู้ชุมนุมยังโดนสั่งขัง ไม่คาดหวังว่าส.ส.ฝ่ายรัฐบาลจะเห็นด้วยแต่ก็ถือว่าได้ทำหน้าที่ในสภาแล้ว และหากเกิดอะไรขึ้นมาฝ่ายรัฐบาลต้องรับผิดชอบกันเอง
"นิพิฏฐ์"อัดมีวาระแอบแฝง
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ชี้แจงว่า ที่ฝ่ายรัฐบาลเสนอให้พิจารณาไปตามระเบียบวาระ ไม่ได้หมายความว่าฝ่ายรัฐบาลไม่สนใจ แต่ส.ส.พรรครัฐบาลทุกคนกังวลต่อสถานการณ์ แต่การที่ส.ส.เพื่อไทยเสนอญัตติน่าจะมีวาระแอบแฝง ไม่ได้เสนออย่างบริสุทธิ์ใจ เรื่องสงครามประชาชน แกนนำคนเสื้อแดงและส.ส.หลายคนขึ้นเวทีนปช.และพูดคำนี้ขึ้นเป็นครั้งแรก ส.ส.ในสภากลายเป็นผู้ไปสร้างสงครามประชาชนเสียเอง ญัตตินี้จึงไม่มีประโยชน์และยิ่งซ้ำเติมวิกฤตประเทศ ถ้าสมาชิกในสภาไปมีส่วนร่วมกับสงครามข้างนอก ปล่อยให้คนทำผิดกฎหมาย หากส.ส.มีสำนึก ไม่ช่วยเหลือ ไม่เข้าร่วม ถึงจะแก้ปัญหาได้อย่างแท้จริง และคราวนี้ที่มีการประกาศสงครามไพร่-อำมาตย์ มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง ขอให้ย้อนดูประวัติศาสตร์สมัยกรุงศรีอยุธยา มีกบฏไพร่มาแล้ว 3 ครั้ง แกนนำร่ำรวย มีความรู้ใช้วาทศิลป์พูดโกหกปลุกระดม แต่ไม่เคยชนะและตายทุกครั้ง
"ยืนยันอีกครั้งว่าเวทีเสื้อแดงเป็นผู้ปลุกระดมให้เกิดสงครามประชาชน ถ้าสังคมวันนี้ไม่ยอมรับความจริงก็เดินหน้าไปไม่ได้ เวทีของคนเสื้อแดงพูดว่าต้องเกิดสงครามประชาชนและเวทีแห่งนั้นมีส.ส.เพื่อไทยอยู่ด้วย" นายนิพิฏฐ์กล่าว
ระหว่างนายนิพิฏฐ์อภิปรายส.ส.เพื่อไทยประท้วงเป็นระยะๆ กับคำว่าสงครามประชาชน นายนายนิพิฏฐ์จึงเลี่ยงใช้คำว่าสงครามไพร-อำมาตย์แทน
รบ.ชนะโหวต-แต่สภาล่ม
ต่อมาเป็นการลงมติ ปรากฏว่าที่ประชุมสภามีมติให้พิจารณาไปตามระเบียบวาระการประชุมเดิม ด้วยคะแนน 212 ต่อ 93 งด 1 ไม่ลงคะแนน 9 เสียง ทำให้นายสุนัยกล่าวว่า สภาใช้เสียงส่วนใหญ่ปิดปากหลายครั้งจึงไม่ขอร่วมสังฆกรรม จากนั้นได้นำส.ส.เพื่อไทยวอล์กเอาต์ออกจากห้องประชุม พร้อมกับระบุว่าขอให้ประธานตรวจสอบองค์ประชุมด้วย เพราะไม่ครบแน่
จากนั้นพ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาคนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม นำเข้าสู่วาระรับรองข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณารายงานผลการศึกษาปัญหาการบังคับใช้เพื่อการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2550 ก่อนลงมติเห็นชอบกับข้อสังเกต พ.อ.อภิวันท์สั่งเสียบบัตรแสดงตนเพื่อนับองค์ประชุม ปรากฏมีสมาชิกแสดงตน 231 คน จาก 475 คน ไม่ครบองค์ประชุมกึ่งหนึ่งที่ 238 คน พ.อ.อภิวันท์จึงสั่งปิดประชุมเวลา 14.45 น. ถือเป็นครั้งที่ 6 ที่สภาล่มในสมัยประชุมนี้
ชู"อนุพงษ์"คนกลางเจรจา
นายพิษณุ หัตถสงเคราะห์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย เลขานุการวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า พรรคไม่สบายใจที่นายกฯ หลบเลี่ยงตอบกระทู้เหตุการณ์ เมื่อวันที่ 10 เม.ย. พรรคอยากให้สภาเป็นเวทีหาทางออก และเห็นว่าเบื้องต้นนายกฯ ควรลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ ยอมรับความผิดพลาด เปิดทางสภาสรรหานายกฯ คนใหม่ ส่วน การยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในฐานะวิปฝ่าย ค้านเห็นควรยื่นในสมัยประชุมนี้ แต่ขึ้นอยู่กับมติพรรค หากยื่นอภิปรายจะมีส.ส.พรรคร่วมใช้โอกาสนี้สะวิงขั้วมาทางฝ่ายค้าน
นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจต้องคำนึงถึงเงื่อนไขการยุบสภาด้วย ส่วนจะยื่นหรือไม่ขึ้นอยู่กับที่ประชุมพรรค แต่หากในสิ้นเดือนนี้ยังไม่มีข้อสรุปก็จะไม่มีการยื่นญัตติแล้ว
พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภา พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สถานการณ์ขณะนี้เลยไปกว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว อภิปรายไปก็ไม่มีประโยชน์ ควรมุ่งแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียมากขึ้น เพราะขณะนี้พร้อมเผชิญหน้าเอากันให้ตาย ส่วนการแก้ปัญหาความขัดแย้งการเจรจายังมีความสำคัญ โดยรัฐบาลต้องเป็นหลักลงมาเริ่มต้น และนายกฯ ควรยอมรับความจริง อย่าใส่ความผู้ชุมนุมเป็นผู้ก่อการร้ายเพื่อไม่ให้ซ้ำเติมความแตกแยก ส่วนการเจรจาโดยคนกลางขณะนี้เหลือน้อยเต็มที แต่ตนเห็นว่ายังพอมีคือพล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ที่เป็นผู้เจรจาในทางลับได้ เพราะมีความเป็นตัวของตัวเอง พื้นฐานเป็นคนดีมีเหตุผล
ส่อล้มแผนยื่น"ญัตติเชือด"
นายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี รองโฆษกพรรคเพื่อไทย เผยว่า การประชุมพรรควันที่ 20 เม.ย. ส.ส.หารือนอกรอบเกี่ยวกับกระบวนการนิติบัญญัติในสภา ว่า ขณะนี้ส.ส.ทำงานลำบากมากขึ้น การขอยื่นญัตติอภิปรายทั่วไปหรือตั้งกระทู้ถามสด ถูกขัดขวางจากรัฐบาล นอกจากนี้ยังหารือถึงการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ส.ส.ส่วนใหญ่ลงมติอย่างไม่เป็นทางการว่าไม่ควรยื่น เพราะมีอุปสรรคเรื่องกระบวนการนิติบัญญัติ และจะปิดสมัยประชุมวันที่ 20 พ.ค. ข้อมูลที่เตรียมไว้โดยเฉพาะการทุจริตโครงการไทยเข้มแข็งและโครงการชุมชนพอเพียง จะเก็บไว้ก่อนนำมาเผยแพร่หรือแจกจ่ายให้องค์กรอิสระ
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีบุคคลหลายกลุ่มไม่พอใจการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง ว่า ขณะนี้มีนักธุรกิจร่วมกันลงขันครั้งละ 100 ล้านบาท จัดให้มีม็อบเชียร์และม็อบชนทั้ง กทม.และต่างจังหวัด เน้นพื้นที่ที่มีนักการเมืองของรัฐบาล นักการเมืองหนุนเรื่องฐานมวลชน ขณะที่กลุ่มธุรกิจสนับสนุนกลุ่มการเมืองให้เคลื่อนไหวมี 4 บริษัทยักษ์ใหญ่เป็นตัวหลัก ม็อบพวกนี้จะส่งเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ ใช้สื่อของรัฐเป็นตัวช่วย คนชุมนุมจากเสื้อหลากสีทำผิดพ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่รัฐบาลไม่ดำเนินการใดๆ ไม่ว่าฝ่ายศอฉ.และเจ้าหน้าที่ตำรวจ เห็นชัดว่าปฏิบัติสองมาตรฐาน สัปดาห์หน้าพรรคจะยื่นฟ้องต่อป.ป.ช. และกระบวนการยุติธรรม เอาผิดนายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ และพล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ. ตร. ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157
เชื่อปัญหาหนักกว่าไฟใต้
นายพร้อมพงศ์ กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวพรรคประชาธิปัตย์จะขอความช่วยเหลือจากนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ให้มาช่วยดูแลปัญหาม็อบเสื้อแดง ว่า หากจริงเกมใต้ดินต่อไปนี้เช่นม็อบชนม็อบจะรุนแรงขึ้น การสร้างสถานการณ์ต่างๆ ที่นำไปสู่ความวุ่นวายทางการเมือง จนเป็นเหตุให้รัฐบาลมีความชอบธรรมที่จะสลายการชุมนุมโดยอาศัยพ.ร.ก.ฉุกเฉินและอำนาจกองทัพในการปราบปรามประชาชน เกิดโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่รอบที่สอง แทนที่จะมีการเจราจารอบที่สาม จะเป็นสิ่งที่ทำให้การเจรจาปิดฉากลง
ส่วนกรณีพ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศอฉ.ออกมาข่มขู่เสื้อแดงรายวันนั้น นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า หากดูประวัติศาสตร์การปราบปรามประชาชน ยิ่งตีก็ยิ่งโต ยิ่งปราบยิ่งเกิดขึ้น วันนี้เสื้อแดงมีอยู่ทุกภาค หากคิดว่าใช้กำลังปราบปรามแล้วได้ผลขอให้ดูปัญหาภาคใต้ ทำไมรัฐบาลปราบไม่ได้ แต่กลับมีระเบิดรายวัน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีมวลชนน้อยกว่าคนเสื้อแดงขณะนี้ด้วยซ้ำ และข้อมูลในเชิงการข่าว ผู้ก่อการร้ายภาคใต้ใช้กำลังเคลื่อนไหวเพียง 3 พันคน ถามว่าประชาชนที่มาชุมนุมเป็นเรือนแสนวันนี้ รัฐบาลจะปราบไหวหรือไม่ เพราะมวลชนมีทุกภาค การคิดเช่นนี้ของรัฐบาลคิดโดยไม่มีหลักรัฐศาสตร์ คิดแต่ใช้กำลัง
"จิ๋ว"ออกแถลงการณ์ชี้แจง
วันเดียวกัน พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ออกแถลงการณ์ผ่านพรรคเพื่อไทย เรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์กับการเมือง ใจความโดยสรุปว่า ไม่เห็นประชาธิปไตยในระบอบไหนที่จะดีสำหรับเมืองไทยเกินกว่าระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สถาบันพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขแห่งรัฐ ทรงใช้อำนาจอธิปไตยผ่าน 3 ทาง คือ คณะรัฐมนตรี รัฐสภา และศาล ตามรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 มาตรา 3 แสดงว่าพระมหากษัตริย์อยู่ในการเมือง ไม่ได้อยู่นอกการเมือง หรือไม่ได้อยู่เหนือการเมือง ยามใดที่ประเทศมีการปกครองในระบอบเผด็จการ มีฝ่ายใดที่ได้อำนาจและใช้อำนาจก่อความเดือดร้อนเสียหายต่อประเทศชาติและประชาชน ท่านทรงคานการใช้อำนาจเช่นนั้น เช่น ในเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ และพฤษภาทมิฬ
พล.อ.ชวลิตระบุว่า เมื่อรัฐบาลสั่งให้ทหารปฏิบัติมาตรการแก้ปัญหาม็อบที่ผิด เกิดการบาดเจ็บล้มตายทั้งสองฝ่าย รัฐบาลกลับไม่แสดงความรับผิดชอบใดๆ แต่เตรียมจะเข่นฆ่าประชาชนอีก ตนจึงไม่มีทางเลือกเพราะเห็นว่าไม่มีสถาบันใดอีกแล้วที่จะหยุดยั้งได้นอกจากสถาบันพระมหากษัตริย์ และต้องยุติยับยั้งก่อนจะสายเกินการณ์ จึงตัดสินใจของพระบารมีปกเกล้าฯ ให้แก่ประชาชน อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง และไม่มีทางเลือกใด ใครคือผู้รับผิดชอบและใครกันแน่ที่ไม่รับผิดชอบ ขอให้คิดดูด้วยจิตใจที่เที่ยงธรรมและมีคุณธรรม อย่ายึดแต่หลักนิติรัฐแต่ไม่มีหลักนิติธรรม ยืนยันว่าตนเป็นหัวหน้าขบวนการประชาธิปไตยแห่งชาติ อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขแห่งรัฐ เพื่อต่อสู้เอาชนะขบวนการการเผด็จการรัฐสภา เผด็จการรัฐประหารและเผด็จการทุกชนิด มิใช่หัวหน้าผู้ก่อการร้ายตามที่มีผู้ป้ายสีไว้ (อ่านรายละเอียด น.3)
"ชวน"ยังห่วงคดียุบพรรค
เมื่อเวลา 14.00 น. ที่รัฐสภา คณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พรรคประชาธิปัตย์ ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค เป็นประธาน พร้อมด้วยนายบัณฑิต ศิริพันธุ์ ทนายผู้ว่าความประชุมหารือแนวทางการต่อสู้คดียุบพรรค โดยเชิญนายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรม การสภาที่ปรึกษาพรรคและอดีตหัวหน้าพรรค นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ส.ส.นครนายก นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตกรรมการบริหารพรรค เข้าให้ข้อมูล
หลังประชุมนานกว่า 1 ชั่วโมง นายชวนให้สัมภาษณ์ว่า คดียุบพรรคครั้งนี้กับครั้งที่แล้วคนละประเด็นกัน เมื่อถามว่ามีข้ออะไรที่น่าหนักใจหรือไม่ นายชวนกล่าวว่า เวลาถูกฟ้องคงไม่มีใครสบายใจ
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายกล่าวว่า ขณะนี้การตรวจสอบเริ่มพิจารณาลึกลงไปในเนื้อข้อเท็จจริงของคดี จึงไม่สามารถเปิดเผยอะไรได้ ส่วนการพิจารณาวันนี้ที่มีการเชิญผู้มาชี้แจง ทั้ง 3 คนยืนยันไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ทั้งนี้ จะสามารถทำคำชี้แจงการต่อสู้คดีได้ภายหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และถ้าศาลรับเรื่องไว้พิจารณา ก็จะส่งคำกล่าวหาให้พรรค และเมื่อได้รับคำกล่าวหาถึงจะเริ่มนับหนึ่งเพื่อแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน
ทนาย"บัณฑิต"มั่นใจชนะ
รายงานข่าวแจ้งว่า การหารือวันนี้ที่ประชุมแสดงความมั่นใจว่าพรรคจะไม่ถูกยุบ เพราะมีข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงที่มั่นใจว่าจะหักล้างคดีได้ โดยเฉพาะนายบัณฑิต แสดงความมั่นใจว่าจะชนะคดี ส่วนที่มีความกังวลว่าหากศาลรัฐธรรม นูญตัดสินยุบพรรค อาจจะกระทบต่อเสถียร ภาพของรัฐบาลนั้น ที่ประชุมเห็นว่ากรณีนี้อาจไม่รุนแรงถึงขั้นทำให้พรรคประชาธิปัตย์ถูกยุบ แต่อาจกระทบกับคนที่เกี่ยวข้อง และเป็นผู้เซ็นเอกสารโดยตรง โดยอาจจะมี 5-6 คนเท่านั้นที่ถูกตัดสิทธิ์ ดังนั้น จึงไม่กระทบกับเสถียรภาพรัฐบาลมากนัก ที่ประชุมย้ำกับผู้เข้าร่วมประชุมงดให้ข้อมูลแก่ผู้สื่อข่าว เนื่องจากการพิจารณาขณะนี้ลงลึกไปในรายละเอียดของคดี สำหรับการประชุมนัดต่อไปนั้นยังไม่ชัดเจน เนื่องจากนายบัณฑิต ติดภารกิจเดินทางไปต่างประเทศ 1 สัปดาห์ ดังนั้น จะมีการประชุมเฉพาะชุดเล็กเท่านั้น
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงตอบโต้แกนนำนปช.ที่ระบุนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอนำสำนวนคดียุบพรรคมาให้พรรคประชาธิปัตย์ไว้ต่อสู้คดี ว่า นายธาริตไม่เคยนำสำนวนมาให้พรรคและไม่เคยช่วยพรรค เพราะสำนวนคดีนี้อธิบดีดีเอสไอคนก่อนยื่นให้กกต.ไปหมดแล้ว
โต้ตั้งพรรคสำรอง-ไม่จริง
ส่วนที่จาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทยระบุประชาธิปัตย์ตั้งพรรคสำรองเอาไว้แล้ว โดยจะให้นายชวน เป็นหัวหน้าพรรค นายเทพไทกล่าวว่า ไม่เป็นความจริง การให้สัมภาษณ์ของนายจาตุรนต์ หวังผลทางการเมืองให้สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ระส่ำระสาย กระทบเสถียรภาพรัฐบาล และทำให้พรรคร่วมรัฐบาลไม่มั่นใจ
นายเทพไทกล่าวว่า ขณะนี้สิ่งที่รัฐบาลเป็นห่วงคือกรณีมีม็อบเสื้อหลากสีออกมาต่อต้านคนเสื้อแดง ยืนยันรัฐบาลไม่ได้จ้างบุคคลดังกล่าวมาตามที่แกนนำนปช.กล่าวหา บุคคลดังกล่าวมาด้วยจิตใจบริสุทธิ์ ต้องการออกมาปกป้องสถาบัน และหวังจะทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไป ที่แกนนำ นปช.กล่าวหาว่ามีการจ้างมาคงเพราะตัวเองเคยใช้วิธีนี้มาก่อน นอกจากนี้พรรคยังห่วงเรื่องการก่อวินาศกรรมโดยการยิงจรวดอาร์พีจีเข้าใส่คลังน้ำมันย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี รัฐบาลเป็นห่วงว่าอาวุธสงครามที่หายไปยังไม่ได้รับคืนมาเป็นจำนวนมาก จึงห่วงว่าจะมีบุคคลบางกลุ่มนำอาวุธดังกล่าวไปใช้สู้รบกับเจ้าหน้าที่ และยังประเมินว่าสถานที่ที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด นอกจากคลังน้ำมันแล้วยังมีโรงงานผลิตไฟฟ้า สถานีจ่ายไฟฟ้าขนาดใหญ่ กระทั่งหอบังคับการการบิน เพราะหากเกิดวินาศกรรมขึ้นจะสร้างความสูญเสียยิ่งกว่าปิดสนามบิน
จี้ส.ส.ขึ้นเวทีม็อบลาออก
เวลา 16.00 น. ที่รัฐสภา นายพิมพ์พล แสงเมือง นักกฎหมายกลุ่มอาสาปกป้อง ยื่นหนังสือถึงประธานสภาผ่านทางนายวัชระ เพชรทอง ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ขอให้ส.ส.พรรคเพื่อไทย จำนวน 27 คน ที่ขึ้นเวทีปราศรัยของกลุ่มคนเสื้อแดงลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากถือว่ากระทำผิดจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอย่างร้ายแรง ส.ส.กลุ่มดังกล่าวเป็นผู้มีส่วนร่วมในการยุยงปลุกปั่นจนทำให้เกิดเหตุการณ์ 10 เม.ย. หากยังไม่ลาออกตนจะยื่นถอดถอนต่อไป
นายวัชระกล่าวว่า นอกจากนี้ตนจะหาช่องทางยื่นยุบพรรคเพื่อไทยด้วย เนื่องจากถือว่ามีการกระทำเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข โดยจะยื่นทันทีที่รวบรวมหลักฐานเสร็จ
"หนั่น"ทวงสัญญาแก้รธน.
ที่รัฐสภา พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประ ธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์ระบุให้ความสำคัญกับคดียุบพรรคมากกว่าการแก้รัฐธรรมนูญ ว่า ไม่ทราบ คดียุบพรรคเป็นเรื่องของศาลรัฐธรรม นูญ เมื่อถามว่าพรรคร่วมรัฐบาลกดดันพรรคประชาธิปัตย์เรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญมากเกินไปหรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ไม่ แต่เขาตกลงกันมาอย่างนั้น เรียกร้องให้แก้ไขก่อนยุบสภา ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ถูกยุบพรรคก่อน หรือจะแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อน ก็สุดแล้วแต่ ถ้าถูกยุบ รัฐบาลชุดนี้อยู่ไม่ได้ ต้องว่ากันใหม่
ต่อข้อถามพรรคร่วมรัฐบาลจะชะลอการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้เวลาพรรคประชาธิปัตย์ไปทำคดียุบพรรคก่อนหรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ยังไม่ถูกยุบตอนนี้ จะชะลออะไร มาแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่มีคนเรียกร้องให้ยุบสภา เราขอเวลา 9 เดือนแต่ยังตกลงกันไม่ได้ ควรมาทำเรื่องนี้ก่อน ถ้ามันอยู่ได้ พรรคประชาธิปัตย์ก็มีเวลาไปเตรียมการสู้คดี ในพรรคประชาธิปัตย์แบ่งหน้าที่กัน มีคณะทำงานฝ่ายกฎหมายสู้คดียุบพรรค ใครที่เป็นฝ่ายบริหารก็มาทำเรื่องแก้ปัญหาการชุมนุม อย่านำ 2 เรื่องปนกัน ให้ทำคู่ขนานกันไป ช่วง 9 เดือนสามารถแก้ได้หมดทุกเรื่อง
บอก"ปชป."อย่าปอดแหก
เมื่อถามว่าพรรคประชาธิปัตย์จะรอดจากคดียุบพรรคนี้หรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์อยู่มา 64 ปี เท่าที่ฟัง เงินต่างๆ ไม่ได้เข้ามาในพรรคประชาธิปัตย์อย่างที่มีเป็นหลักฐาน เชื่อมั่นว่าคงไม่เกี่ยวพันกับพรรคประชาธิปัตย์มาก ส่วนกรณีเงินสนับสนุนกิจกรรมพรรคการเมือง 29 ล้านบาท พรรคประชาธิปัตย์คงต้องมีหลักฐาน อย่าไปตื่นเต้น เมื่อถามถึงนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์ ประเมินว่าอาจแพ้คดีนี้ได้ พล.ต.สนั่นหัวเราะพร้อมกล่าวว่า "ถ้าปอดแหกอย่างนั้น อย่าไปสู้สิ"
พล.ต.สนั่น กล่าวถึงพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ ทำหนังสือถึงสำนักราชเลขาธิการเพื่อขอเข้าเฝ้าฯ พึ่งพระมหากรุณาธิคุณยุติปัญหาความขัดแย้งในบ้านเมือง ว่า เรื่องนี้นำมาแถลงข่าวไม่ได้ ด้วยความเคารพ ท่านควรหยุดสักนิดแล้วมาช่วยกันแก้ปัญหา เช่น ช่วยกันพูดคุยกับกลุ่มคนเสื้อแดงให้เกิดความเข้าใจ หรือให้ถอยกันคนละนิด เมื่อถามว่าบุคคลทั้งสองดื้อดึงหรือไม่เพราะมีเสียงติติงว่าการทำเช่นนี้เป็นสิ่งที่ไม่บังควร พล.ต. สนั่น กล่าวว่า คงหยุดไม่ได้แล้ว เพราะถ้าหยุดก็ถูกด่ามาก และราชเลขาธิการจะว่าอย่างไรก็ว่าตามนั้น
มท.ชี้"นปช."แนวร่วมเยอะ
ที่กระทรวงมหาดไทย นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์โดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค ยังไม่ติดต่อมายังพรรคร่วมรัฐบาลว่าจะนัดหารือเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันเวลาใด พรรคภูมิใจไทยยืนยันจะจับมือพรรคชาติไทยพัฒนา และให้เป็นแกนนำไม่ว่าจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ เมื่อถามว่าจะมีทางออกเรื่องการแก้รัฐธรรม นูญอย่างไร เพราะท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ยังคงยืนกรานไม่ต้องการให้มีการแก้ไขรัฐธรรม นูญ นายชวรัตน์ กล่าวว่า ก็เห็นว่าอย่างนั้น แต่ไม่ทราบว่าจะทำอย่างไร
ส่วนการชุมนุมของกลุ่มนปช. ที่ชุมนุมยืดเยื้อมาเป็นเวลายาวนาน 40 กว่าวันนั้น รมว. มหาดไทย กล่าวว่า เป็นการชุมนุมที่เกินกว่าคาดหมายไว้ ไม่ทราบว่าเหตุใดกลุ่มนปช.ถึงมีแนวร่วมมากขนาดนี้ สำหรับเหตุทะเลาะวิวาทระหว่างกลุ่มนปช.กับกลุ่มเสื้อหลากสี ยังอาจนำมาซึ่งความสูญเสียด้วยหากต่างฝ่ายต่างไม่ยอมซึ่งกันและกัน อยากให้การชุมนุมยุติโดยเร็ว รัฐบาลจะได้เดินหน้าบริหารบ้านเมืองต่อไปได้
ส.ว.ยื่นเสนอแนะทางออก
เวลา 13.00 น. ที่รัฐสภา นายสิงห์ชัย ทุ่งทอง ส.ว.อุทัยธานี นายวิชาญ ศิริชัยเอกวัฒน์ ส.ว.สรรหา เข้ายื่นหนังสือต่อนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯ เป็นรายงานผลการประชุมวุฒิสภาเมื่อวันที่ 20 เม.ย. ที่พิจารณาญัตติเรื่องขอให้เรียกประชุมวุฒิสภาเป็นกรณีพิเศษเป็นการด่วนที่สุด เพื่อแสวงหาแนวทางแก้ไขสถานการณ์ของประเทศ
นายสิงห์ชัย กล่าวว่า ส.ว.ทุกคนเป็นห่วงสถานการณ์ขณะนี้ จึงรวบรวมคำอภิปราย ข้อเสนอแนะของสมาชิกในการประชุมวุฒิสภานัดพิเศษ เมื่อวันที่ 20 เม.ย. ซึ่งเราเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ในการแก้ปัญหา แม้ไม่เป็นมติของวุฒิสภาแต่หวังว่าฝ่ายบริหารจะเห็นความสำคัญในข้อคิดเห็นต่างๆ นอกจากนี้ ตนจะนำรายงานดังกล่าวไปยื่นกับกลุ่มนปช.ที่แยกราชประสงค์ในวันเดียวกัน โดยข้อสรุปของส.ว.ส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้ใช้ความรุนแรงแก้ปัญหา ใช้การเจรจาทั้ง 2 ฝ่ายอีกครั้งและอย่าสร้างสถาน การณ์ยั่วยุ
นายสาทิตย์ กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ขณะนี้ข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ แต่รัฐบาลตั้งใจจะใช้เวทีรัฐสภาโดยจะขอมติจากที่ประชุมครม. วันอังคารที่ 27 เม.ย.นี้ เพื่อเปิดอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 179 ซึ่งรัฐบาลยินดีรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน
จี้"มาร์ค-เทือก"ลาพักงาน
เวลา 14.15 น. นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา นางนฤมล ศิริวัฒน์ ส.ว.อุตรดิตถ์ ร่วมแถลงข่าว นายเรืองไกรกล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น ส.ว.ต้องการให้นายกฯ รับผิดชอบในฐานะผู้นำสูงสุด ตามที่เคยประกาศกฎเหล็ก 9 ข้อ โดยเฉพาะข้อ 9 ระบุความรับผิดชอบทางการเมืองต้องอยู่สูงกว่าความรับผิดชอบทางกฎหมาย ดังนั้น นายกฯจะแสดงความรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตจากเหตุปะทะเมื่อวันที่ 10 เม.ย.อย่างไร
นายเรืองไกรกล่าวว่า หากย้อนไปเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2551 ที่มีการสลายการชุมนุมกลุ่มพันธ มิตรฯ นายอภิสิทธิ์เป็นผู้เสนอตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบข้อเท็จจริง นำไปสู่กระบวนการถอดถอนผู้ที่สั่งสลายการชุมนุม ดังนั้นจึงขอเสนอให้นายกฯ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ลาพักจนกว่าจะทราบผลสอบสวนข้อเท็จจริง และตั้งคนขึ้นมารักษาการแทนเหมือนที่อดีตนายกฯเคยทำมาก่อน และคงไม่เป็นปัญหาเพราะพรรคร่วมรัฐบาลยังเป็นเสียงข้างมาก ทำงานได้อยู่ ไม่ต้องห่วงการแต่งตั้งโยกย้ายทหารและตำรวจ หรือการผ่านงบประมาณ เพราะพรรคร่วมรัฐบาลให้คำปรึกษาได้ ข้อเสนอนี้ไม่ใช่การกดดันให้ยุบสภาหรือลาออก แต่ต้องการให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งรัฐบาล แกนนำนปช. และพรรคร่วมมีทางออก
ย้ำต้องแก้ด้วยการเจรจา
นางนฤมลกล่าวว่า กลุ่มส.ว.ต้องออกมาเคลื่อนไหวเพราะไม่อยากเห็นความรุนแรงและใช้กำลังจัดการผู้ชุมนุม จึงออกแถลงการณ์เพื่อเป็นข้อเสนอกับรัฐบาล คือให้รัฐบาลกำหนดขั้นตอนวิธีแก้ปัญหาด้วยการเจรจา ไม่ใช้สื่อของรัฐสร้างความแตกแยก ดังนั้น ควรให้โทรทัศน์เสนอข่าวการชุมนุมได้โดยไม่ปิดกั้น รัฐบาลต้องป้องกันและควบคุมไม่ให้เกิดเหตุปะทะกันระหว่างบุคคลหลายกลุ่มกับกลุ่มคนเสื้อแดง เหมือนที่เกิดขึ้นที่ถนนสีลม เมื่อคืนวันที่ 21 เม.ย. และสุดท้ายรัฐบาลต้องใช้สภาเป็นหลักในการแก้ปัญหา
วันเดียวกัน นายอนุรักษ์ นิยมเวช ประธานคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา พร้อมคณะกรรมา ธิการออกแถลงการณ์ว่า คณะกรรมาธิการมีมติเสนอต่อรัฐบาล ดังนี้ 1.ต้องแก้ปัญหาด้วยการเจรจาทั้ง 2 ฝ่ายด้วยสันติวิธี 2.เปิดโอกาสให้ผู้มีความคิดเห็นที่แตกต่างได้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารอย่างเท่าเทียม 3.ป้องกันไม่ให้ผู้ชุมนุมในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดและกลุ่มต่างๆ เผชิญหน้าจนเกิดการปะทะกัน และ 4.ต้องใช้รัฐสภาเป็นหลักแก้ปัญหา โดยเฉพาะการประชุมส.ว.ที่ยื่นขอใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรา 161 ก่อนจะดำเนินการตามมาตรา 179
แม้วส่งทนายแจ้งจับ"กษิต"
วันเดียวกัน ที่กองบังคับการกองปราบปราม นายสุภาพ เพชรศรี รับมอบอำนาจต่อจากนายสมบูรณ์ คุปติมนัส ทนายความของพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เข้าแจ้งความกับพ.ต.ท.มาโนชญ์ สวนดอกไม้ พงส.(สบ2) กก.1บก.ป. เพื่อให้ดำเนินคดีนายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328 กรณีให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ ในการประชุมสุดยอดความมั่นคงทางนิวเคลียร์ (NSS) ที่มหาวิทยาลัยจอห์นฮอฟกิ้นส์ กรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมา ในคำสัมภาษณ์มีเนื้อหาพาดพิง พ.ต.ท.ทักษิณว่าอยู่เบื้องหลังเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งไม่เป็นความจริง และยังทำให้พ.ต.ท.ทักษิณได้รับความเสียหาย พร้อมกับนำสำเนาของหนังสือพิมพ์ข่าวสดและหนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันที่ 14 เม.ย. 2553 ที่ตีพิมพ์คำสัมภาษณ์ของนายกษิต มามอบให้พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐานด้วย
พ.ต.ท.มาโนชญ์ กล่าวว่า ได้รับเรื่องและสอบปากคำฝ่ายผู้เสียหายไว้เป็นหลักฐาน ก่อนนำเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาส่งเรื่องให้กับอัยการสูงสุดดำเนินการต่อไป เนื่องจากเป็น กรณีที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ
มาร์คยังไม่นัดคุยพรรคร่วม
เวลา 19.00 น. ที่ศูนย์แถลงข่าว ศอฉ. ใน กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้รัฐ ธรรมนูญว่า ที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์มอบให้ตนกับนายสุเทพ ไปคุยกับพรรคร่วมรัฐบาล แต่ขณะนี้ยังไม่มีโอกาส แต่คิดว่าพรรคร่วมเข้าใจเพราะสิ่งที่เราอยากจะสื่อสาร คือเราเข้าใจความต้องการและความคิดเห็นของพรรคร่วม แต่ประเด็นของรัฐธรรมนูญจะต้องตอบสังคม ฉะนั้นการทำความเข้าใจกับสังคมเพื่อให้ยอมรับเป็นหัวใจสำคัญ เดิมคิดว่าถ้าทำประชามติจะเป็นคำตอบที่ง่ายที่สุด ยังติดขัดอยู่ ต้องมาคุยกันว่าจะมีวิธีการรับฟังและสื่อสารและหาคำตอบให้สังคมอย่างไร
เมื่อถามถึงกลุ่มคนเสื้อแดงมีการเคลื่อนไหวทั้งในและนอกสภา ล่าสุดพล.อ.ชวลิต ขอเข้าเฝ้าฯ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทุกอย่างเชื่อมโยงกันทั้งหมด อย่างวันนี้ตนทำหนังสือถึงสภา ไม่ไปตอบกระทู้เพราะไม่ต้องการให้สถานการณ์มีปัญหามากยิ่งขึ้น แต่ตนก็ติดตามการอภิปรายของสมาชิกโดยเฉพาะฝ่ายค้าน การไม่ไปสภาวันนี้ไม่ใช่เพราะตนไม่สนใจการแก้ปัญหาทางการเมือง แต่เวทีและรูปแบบต้องเหมาะสม ไม่เป็นตัวเติมเชื้อให้เกิดความขัดแย้ง ถ้ามีการตอบโต้ในสภา ต่างฝ่ายจะพูดในสิ่งที่คิดว่าเป็นความจริง จะทำให้เกิดการเผชิญหน้ากันมากขึ้น ส่วนการประชุมร่วมรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 179 นั้น จะเสนอต่อครม.ต่อไป
เมื่อถามว่าพล.อ.ชวลิต ออกแถลงการณ์พาดพิงตัวนายกฯ และพรรคประชาธิปัตย์เคยขอพระราชทานรัฐบาลแห่งชาติ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนพูดถึงกรณีนี้เป็นกรณีที่ตนเสนอว่าเป็นความพร้อมใจของทุกฝ่าย จะต้องเอาสถาน การณ์ไปเทียบเคียงกัน
ที่มา.ข่าวสดรายวัน
************************************************
UN USA แคนาดา วอนให้ทุกฝ่ายในไทยเลี่ยงความรุนแรง
นายมาร์ติน เนซินสกี้ โฆษกสหประชาชาติกล่าวในการบรรยายสรุปแก่สื่อมวลชนที่นครนิวยอร์คของสหรัฐเมื่อวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่นว่า นายบัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ วิตกอย่างยิ่งเรื่องการเผชิญหน้าที่ยืดเยื้อและความตึงเครียดในไทย รวมทั้งความเป็นไปได้ที่สถานการณ์จะปานปลายไปมากกว่านี้ โดยถ้อยแถลงของเขามีขึ้นหลังเกิดเหตุยิงระเบิดเอ็ม 79 หลายระลอกในย่านสีลมของไทยเมื่อคืนที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ รวมทั้งชาวต่างประเทศหลายคน ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างผู้ประท้วงเสื้อแดงกับผู้ประท้วงฝ่ายสนับสนุนรัฐบาล
นายเนซินสกี้ กล่าวด้วยว่าสำนักงานใหญ่ของสหประชาชาติที่กรุงเทพฯได้รับจดหมายจากกลุ่มผู้ประท้วงเสื้อแเดงแล้ว แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม และขอวิงวอนให้บรรดาผู้ประท้วงและเจ้าหน้าที่ไทยหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงและการสูญเสียเลือเนื้อเพิ่มมากขึ้น และทำงานพื่อแก้ไขสถานการณ์โดยสันติ เพราะเป็นช่วงเวลาที่ต้องการความอดกลั้นจากทุกฝ่าย
ด้าน นายฟิลิปส์ คราวเลย์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯได้ประณามเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความอดกลั้น รวมทั้งบรรดาแกนนำของเสื้อแดงและกองกำลังความมั่นคงของไทย เช่นเดียวกับ นายลอว์เรนซ์ แคนนอน รัฐมนตรีกิจการต่างประเทศแคนาดา ที่บอกว่าเสียใจมากต่อความรุนแรงและการเสียชีวิตล่าสุดในไทย และขอประนามอย่างรุนแรงต่อการใช้ความรุนแรงที่ขลาดเขลาแบบนี้ ซึ่งเขาหมายถึงการโจมตีด้วยระเบิดต่อผู้ชุมนุมสนับสนุนรัฐบาล
นายแคนนอนเรียกร้องให้ทุกฝ่ายแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองด้วยวิธีการที่มีสันติ โปร่งใสและเป็นประชาธิปไตย แทนที่จะหันเข้าหาความรุนแรง ขณะเดียวกันแคนาดาได้ออกคำเตือนให้ชาวแคนาดาหลีกเลี่ยงย่านธุรกิจการค้าดังกล่าวในไทยที่กำลังมีการประท้วงและเสี่ยงจะเกิดการปะทะกับความไม่สงบมากขึ้น พร้อมเตือนให้ชาวแคนาดาหลีกเลี่ยงการเดินขบวนและสถานที่ประท้วงทุกรูปแบบ รวมทั้งที่ตั้งทางทหารและสถานที่ๆมีการชุมนุมของบรรดาเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงของไทย
ที่มา.เนชั่น
************************************************
นายเนซินสกี้ กล่าวด้วยว่าสำนักงานใหญ่ของสหประชาชาติที่กรุงเทพฯได้รับจดหมายจากกลุ่มผู้ประท้วงเสื้อแเดงแล้ว แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม และขอวิงวอนให้บรรดาผู้ประท้วงและเจ้าหน้าที่ไทยหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงและการสูญเสียเลือเนื้อเพิ่มมากขึ้น และทำงานพื่อแก้ไขสถานการณ์โดยสันติ เพราะเป็นช่วงเวลาที่ต้องการความอดกลั้นจากทุกฝ่าย
ด้าน นายฟิลิปส์ คราวเลย์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯได้ประณามเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความอดกลั้น รวมทั้งบรรดาแกนนำของเสื้อแดงและกองกำลังความมั่นคงของไทย เช่นเดียวกับ นายลอว์เรนซ์ แคนนอน รัฐมนตรีกิจการต่างประเทศแคนาดา ที่บอกว่าเสียใจมากต่อความรุนแรงและการเสียชีวิตล่าสุดในไทย และขอประนามอย่างรุนแรงต่อการใช้ความรุนแรงที่ขลาดเขลาแบบนี้ ซึ่งเขาหมายถึงการโจมตีด้วยระเบิดต่อผู้ชุมนุมสนับสนุนรัฐบาล
นายแคนนอนเรียกร้องให้ทุกฝ่ายแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองด้วยวิธีการที่มีสันติ โปร่งใสและเป็นประชาธิปไตย แทนที่จะหันเข้าหาความรุนแรง ขณะเดียวกันแคนาดาได้ออกคำเตือนให้ชาวแคนาดาหลีกเลี่ยงย่านธุรกิจการค้าดังกล่าวในไทยที่กำลังมีการประท้วงและเสี่ยงจะเกิดการปะทะกับความไม่สงบมากขึ้น พร้อมเตือนให้ชาวแคนาดาหลีกเลี่ยงการเดินขบวนและสถานที่ประท้วงทุกรูปแบบ รวมทั้งที่ตั้งทางทหารและสถานที่ๆมีการชุมนุมของบรรดาเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงของไทย
ที่มา.เนชั่น
************************************************
"ผบก.น.1"เจรจาแกนนำนปช. ขอรื้อถอนแนวกั้น
พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น. 1 ได้เดินทางมาเจรจากับกลุ่มคนเสื้อแดง โดยขอให้รื้อถอนสิ่งกีดขาวง และถอยร่นออกไปจากถึงบริเวณสี่แยกสารสิน แต่นายขวัญชัย ไพรพนา ได้แจ้งว่าจะถอนร่นผู้ชุมนุมไปยังบริเวณแยกสารสิน แต่ไม่สามารถจะรื้อถอนสิ่งกีดขวางได้ เพื่อตนมีความเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของกลุ่มคนเสื้อแดง พล.ต.ต.วิชัย จึงได้กล่าวตอบไปว่า ขอให้ถอยร่นกลุ่มผู้ชุมนุมไปก่อน และตนจะเข้าไปเจราจกับนายณัฐวุฒิเอง จากนั้นพล.ต.ต.วิชัย ได้ขึ้นไปยังรถขยายเสียง โดยได้กล่าวกับกลุ่มผู้ชุมนุมว่าตำรวจไม่ได้มาสลายการชุมนุม หรือมายึดพื้นที่คืน แต่เนื่องจากเมื่อคืนวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้มีการกระทบกระทั่งกับระหว่างคนเสื้อแดงกับกลุ่มคนเสื้อหลากสี ซึ่งผู้บังคับบัญชาไม่อยากจะให้เกิดปัญหาเรื่องการกระทบกระทั่งกันอีก ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องให้คนเสื้อแดงถอยออกจากแนวกั้นประมาณ 100 เมตร หลังจากนั้นตนจะเดินทางไปเดินทางไปเจรจากับแกนนำนปช. เพื่อดำเนินการดำเนินในเรื่องนี้ต่อไป ส่วนตำรวจนั้นตนจะสั่งให้กลับไปทั้งหมด ขอให้คนเสื้อแดงเบาใจได้ว่าจะไม่มีการสลายการชุมนุม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ด้านนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๊งดอกจิก ได้แจ้งกลับไปยัง พล.ต.ต.วิชัย ว่าการจะให้คนเสื้อแดงถอยก่อนคงทำไม่ได้ เพราะมวลชนคงจะไม่ยอม ดังนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องถอยก่อน ตนจึงจะสั่งให้คนเสื้อแดงถอยกลับได้ ดังนั้น พล.ต.ต.วิชัย จึงได้แจ้งว่าเอาเป็นว่า "เราต่างคนต่างถอย" จะไม่ได้มีปัญหา จากนั้น พล.ต.อ.ฤชากร จรเจวุฒิ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจถอยหลังกลับออกไป 5 ก้าว ทำให้คนเสื้อแดงส่งเสียงร้องชอบใจ พล.ต.อ.ฤชากร กล่าวว่า ตนอยู่กับพวกท่านมาตั้งแต่เมื่อคืน ซึ่งรัฐบาลไม่ต้องการให้มีความสูญเสียอีกแล้ว เพราะขณะนี้มีผู้ไม่หวังปะปนเข้ามา ดังนั้นขอให้คนเสื้อแดงช่วยดูคนข้างๆตนเองด้วยว่ารู้จักหรือไม่ ถ้าไม่รู้จักก็ให้มาแจ้งเจ้าหน้าที่ได้
จากนั้น 08.40 น. พล.ต.ต.วิชัย ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ตำพรวจถอยกลับที่ตั้ง พร้อมทั้งกล่าวว่าตนพูดคำไหนคำนั้น เมื่อตนสั่งให้ตำรวจถอยกลับที่ตั้งแล้ว ก็ขอให้คนเสื้อแดงกลับเข้าไปในแนวของตนเอง เพื่อให้การจารจรสามารถเคลื่อนไหวตัวได้ และจะได้ไม่มีการกระทบกระทั่งกัน
ที่มา.เนชั่น
************************************************
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ด้านนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๊งดอกจิก ได้แจ้งกลับไปยัง พล.ต.ต.วิชัย ว่าการจะให้คนเสื้อแดงถอยก่อนคงทำไม่ได้ เพราะมวลชนคงจะไม่ยอม ดังนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องถอยก่อน ตนจึงจะสั่งให้คนเสื้อแดงถอยกลับได้ ดังนั้น พล.ต.ต.วิชัย จึงได้แจ้งว่าเอาเป็นว่า "เราต่างคนต่างถอย" จะไม่ได้มีปัญหา จากนั้น พล.ต.อ.ฤชากร จรเจวุฒิ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจถอยหลังกลับออกไป 5 ก้าว ทำให้คนเสื้อแดงส่งเสียงร้องชอบใจ พล.ต.อ.ฤชากร กล่าวว่า ตนอยู่กับพวกท่านมาตั้งแต่เมื่อคืน ซึ่งรัฐบาลไม่ต้องการให้มีความสูญเสียอีกแล้ว เพราะขณะนี้มีผู้ไม่หวังปะปนเข้ามา ดังนั้นขอให้คนเสื้อแดงช่วยดูคนข้างๆตนเองด้วยว่ารู้จักหรือไม่ ถ้าไม่รู้จักก็ให้มาแจ้งเจ้าหน้าที่ได้
จากนั้น 08.40 น. พล.ต.ต.วิชัย ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ตำพรวจถอยกลับที่ตั้ง พร้อมทั้งกล่าวว่าตนพูดคำไหนคำนั้น เมื่อตนสั่งให้ตำรวจถอยกลับที่ตั้งแล้ว ก็ขอให้คนเสื้อแดงกลับเข้าไปในแนวของตนเอง เพื่อให้การจารจรสามารถเคลื่อนไหวตัวได้ และจะได้ไม่มีการกระทบกระทั่งกัน
ที่มา.เนชั่น
************************************************
"ณัฐวุฒิ"ระบุ เหตุระเบิดสีลมฝีมือเจ้าหน้าที่รัฐ
บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่ม นปช. ที่บริเวณแยกราชประสงค์ เช้าวันนี้ว่า สภาพด้านหลังเวทีและการชุมนุมโดยรวมอยู่ในภาวะที่ตึงเครียดจากเหตุการณ์คืนที่ผ่านมา และหวั่นเกรงว่าเจ้าหน้าที่จะใช้กำลังสลาย โดยล่าสุด นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. ขึ้นประกาศว่า บริเวณแยกศาลาแดง สวนลุมพินี มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตั้งด่านเตรียมเข้าผลักดันกลุ่มผู้ชุม แต่ขอให้ยังมีผู้ชุมนุมคอยประจำอยู่หน้าเวทีหลัก เนื่องจากหวั่นว่าอาจมีการส่งกำลังเข้ามาสลายหากมีผู้ชุมนุมเหลือน้อย
นายณัฐวุฒิยังระบุว่า ในการแถลงข่าวช่วงเช้า ตนเองมีหลักฐานที่จะเปิดเผยว่าเหตุการณ์ระเบิดที่สีลมในช่วงเช้าเป็นฝีมือของฝ่ายรัฐ
ผู้สื่อขาวรายงานว่า วันนี้แกนนำคนสำคัญของ นปช. อาทิ นายณัฐวุฒิ นายจตุพร พรหมพันธ์ นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง มาประจำการอยู่ทีเวทีตั้งแต่ช่วงเช้า ต่างจากทุกวันที่ผ่านมา ที่กว่าแกนนำจะเข้ามาริเวณหลังเวทีก็เป็นช่วงสาย นอกจากนี้ในสถานที่ชุมนุม พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ได้ปรากฏตัว โดยโฆษกบนเวทีได้ประกาศยินดีต้อนรับ จากนั้น เสธ.แดงจึงได้ผ่านหลังเวที แต่ไม่ได้เข้าไปหาแกนนำที่อยู่ในบริเวณที่กั้นไว้เฉพาะ
ที่มา.เนชั่น
**********************************************
นายณัฐวุฒิยังระบุว่า ในการแถลงข่าวช่วงเช้า ตนเองมีหลักฐานที่จะเปิดเผยว่าเหตุการณ์ระเบิดที่สีลมในช่วงเช้าเป็นฝีมือของฝ่ายรัฐ
ผู้สื่อขาวรายงานว่า วันนี้แกนนำคนสำคัญของ นปช. อาทิ นายณัฐวุฒิ นายจตุพร พรหมพันธ์ นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง มาประจำการอยู่ทีเวทีตั้งแต่ช่วงเช้า ต่างจากทุกวันที่ผ่านมา ที่กว่าแกนนำจะเข้ามาริเวณหลังเวทีก็เป็นช่วงสาย นอกจากนี้ในสถานที่ชุมนุม พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ได้ปรากฏตัว โดยโฆษกบนเวทีได้ประกาศยินดีต้อนรับ จากนั้น เสธ.แดงจึงได้ผ่านหลังเวที แต่ไม่ได้เข้าไปหาแกนนำที่อยู่ในบริเวณที่กั้นไว้เฉพาะ
ที่มา.เนชั่น
**********************************************
วันพฤหัสบดีที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2553
รุมกินโต๊ะ ‘นายอภิสิทธิ์’!!!
ปฏิกิริยาต่อต้าน แอนตี้ “รัฐบาลทรราชย์” ที่ต่างชาติเบ้หน้าหนี ประกาศตัวไม่เป็นมิตร??
เท่าที่รู้มา พี่เบิ้มขาใหญ่ “สหรัฐอเมริกา”...โดย เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย “อีริค จี.จอห์น” เริ่มปฏิบัติการณ์ “แซงชั่น” ไม่ยอมรับ “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นายกรัฐมนตรีกลายกลายสั่งลั่นดาน “ปิดสถานทูต”.. ให้ “เจ้าหน้าที่” หยุดทำงาน ปุบปับกะทันหัน ขอรับเจ้านายจะเกี่ยวโดยตรง กับความ เหี้ยมโหด! อำมหิต! ใจทมิฬหินชาติ! ของ “รัฐบาลอภิสิทธิ์ชน”..ที่ใช้กำลังทหาร ติดอาวุธสงครามครบมือ..เพื่อ “สลายม็อบคนเสื้อแดง” ผู้มี ๒ มือเปล่าๆ โบ๋เบ๋ ไม่มีปืนสักดุ้นเอาไว้ต่อสู้!!!สหรัฐฯ ชักแถวนำร่อง....โอกาส “นายมาร์ค”หงายท้อง?...ล่องจุ้นเข้ามาเต็มที่แล้วหละแม่อีหนู???
xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
วางคิว ‘หยิบชิ้นปลามัน’!!!
“บูรพาพยัคฆ์” วางสเต็ป ให้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” รองผู้บัญชาการทหารบก..วิ่งผลัด ๔ คูณร้อย เป็น “ผู้บัญชาการทหารบก” ก็รู้อยู่ทั่วกัน???
แต่นั่นต้องหมายความว่า “นายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ ณ ซัดดัม” นายกรัฐมนตรีต้องคงความเป็นใหญ่ ...ไม่ตะเกียกตะกาย หนีไปหลบซอกไหนในมุมโลก
“อภิสิทธิ์” ใหญ่.. “บิ๊กตู่” ก็ได้ไป กับเก้าอี้ “ผู้บัญชาการทหารบก”หากแต่ว่าถ้าฟ้าเปลี่ยนสี?...รัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตยจ๋าอย่างเต็มใบ ขึ้นมาคุมอำนาจประเทศไทยอย่างชอบธรรมกันแล้ว...อยากให้ดู “พล.อ.พฤณฑ์ สุวรรณทัต” ขุนพลทหารใหญ่ ตท.๑๐ อดีต “ผู้บัญชาการกองพลที่ ๑” จะก้าวขึ้นมาเป็น “ผู้บัญชาการทหารบก” อย่างสมศักดิ์ศรี!!!“พล.อ.พฤณฑ์” คนนี้ไม่ใช่ย่อย...เป็น “ทหารวงศ์เทวัญ”หัวใจเต็มร้อย?...ที่สู้ไม่ถอย ด้วยล่ะพี่???
xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
ทำตัวยิ่งกว่า ‘ปลิง’!!!
เกาะเก้าอี้ “นายกรัฐมนตรี”..โดยที่ “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ไม่ยอมสลัดทิ้ง???ขณะที่ คนในพรรคประชาธิปัตย์ สวิง สวาย หัวใจตุ้มๆ ต่อมๆ...กรณีการโดน “ยุบพรรค”พระอาจารย์ใหญ่ “ชวน หลีกภัย” ปวดขมองกับเรื่องนี้ อย่างหนักแต่หัวหน้าพรรค “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น...คงคิดว่า “ศาลรัฐธรรมนูญ” จะเป็น “ตัวช่วย” ไม่ให้โดนยุบพรรค เนื่องจากเป็น “รัฐบาลเทพอุ้มสม”..ซึ่งกระโดดค้ำถ่อ ขึ้นมามีอำนาจ ด้วยฝีมือ ของ “เทพประทาน”!!!“ชวน”อยากให้ ปชป.รอด...จึงกัดฟันกรอดๆ ...ด่า “อภิสิทธิ์”ขณะนี้ตลอด อยู่ทุกวัน???
xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
‘กิ๊ก’ ท้ายวัง (บางลำพู)!!!
สาวสวยสังคมสูง ที่ว่ากันว่า สนิทสนมกับ “เทือก แขนครอก” กันอย่างพัลวัน น่าดู???ก่อนจะมีสัมพันธ์ ระดับห้าดาว ฉาวไปทั้งวัง (บางลำพู) นั้น...ว่ากันว่า “เจ้าหล่อน” หลงใหลคนเด่นคนดัง มานักต่อนัก“ทักษิณ ชินวัตร” ก็เป็นที่หมายตา อย่างหนักแต่ด้วยคุณธรรมอันสูงส่ง “บุรุษแดนไกล” ทักษิณ ชินวัตร ไม่เล่นด้วย...จึงเกิดความแค้นตาแม้น...เมื่อมาเกี่ยวข้องกับ “เทือก แขนครอก” จึงนำเรื่องเท็จๆ ไปใส่ไคล้ “อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร” เสียจมแหลก!!!วันนี้ถ้า “ทักษิณ”เล่นด้วย.....ตะละแม่คนสวย....คงไม่ฉกฉวย ทำให้ประเทศนี้ต้องแตก???
xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
เรื่องเลวๆ ทำหมด!!!
“นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นายกรัฐมนตรี...อย่าให้ “ลิ่วล้อ-เบ๊-ม้าใช้” ทำเรื่องพังประเทศไปยิ่งกว่านี้ ..มีแต่จะทำลายภาพพจน์???เอาคนนอกพื้นที่ ชนชั้นกระฎุมพี เลวสิ้นดีที่ไม่ใช่ “ชาวสีลม” ไปเปิดสงครามประชาชนกับคนเสื้อแดงเช่นนั้น ถูกต้องแล้วหรือ...ยิ่งใช้วิชามาร ใส่ไคล้ “คนเสื้อแดง” ว่าจะเผากิจการทั้งหมดในจังหวัดเชียงใหม่...แหมมันช่างเลวสมชื่อพฤติการณ์นอกกรอบเช่นนี้...ก็ไม่เชื่อว่า “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” จะทำ?...ถึงท่านจะไม่ทำก็ไม่อยากให้ยักคิ้วหลิ่วตา...สมควรออกโรงห้าม “ไอ้ห้อย-ไอ้โหน” ที่อยู่ข้างกาย อย่าได้เผาบ้านเผาเมืองดีกว่า จะบอกให้!!!“อภิสิทธิ์” ห้ามปรามลูกน้องหน่อย....อย่าให้ใช้วิธีถ่อยๆ ?....เป็นโจรห้าร้อย จะได้ไหม???
คอลัมน์.ตอดนิดตอดหน่อย
โดย.การบูร
**************************************************
เท่าที่รู้มา พี่เบิ้มขาใหญ่ “สหรัฐอเมริกา”...โดย เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย “อีริค จี.จอห์น” เริ่มปฏิบัติการณ์ “แซงชั่น” ไม่ยอมรับ “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นายกรัฐมนตรีกลายกลายสั่งลั่นดาน “ปิดสถานทูต”.. ให้ “เจ้าหน้าที่” หยุดทำงาน ปุบปับกะทันหัน ขอรับเจ้านายจะเกี่ยวโดยตรง กับความ เหี้ยมโหด! อำมหิต! ใจทมิฬหินชาติ! ของ “รัฐบาลอภิสิทธิ์ชน”..ที่ใช้กำลังทหาร ติดอาวุธสงครามครบมือ..เพื่อ “สลายม็อบคนเสื้อแดง” ผู้มี ๒ มือเปล่าๆ โบ๋เบ๋ ไม่มีปืนสักดุ้นเอาไว้ต่อสู้!!!สหรัฐฯ ชักแถวนำร่อง....โอกาส “นายมาร์ค”หงายท้อง?...ล่องจุ้นเข้ามาเต็มที่แล้วหละแม่อีหนู???
xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
วางคิว ‘หยิบชิ้นปลามัน’!!!
“บูรพาพยัคฆ์” วางสเต็ป ให้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” รองผู้บัญชาการทหารบก..วิ่งผลัด ๔ คูณร้อย เป็น “ผู้บัญชาการทหารบก” ก็รู้อยู่ทั่วกัน???
แต่นั่นต้องหมายความว่า “นายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ ณ ซัดดัม” นายกรัฐมนตรีต้องคงความเป็นใหญ่ ...ไม่ตะเกียกตะกาย หนีไปหลบซอกไหนในมุมโลก
“อภิสิทธิ์” ใหญ่.. “บิ๊กตู่” ก็ได้ไป กับเก้าอี้ “ผู้บัญชาการทหารบก”หากแต่ว่าถ้าฟ้าเปลี่ยนสี?...รัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตยจ๋าอย่างเต็มใบ ขึ้นมาคุมอำนาจประเทศไทยอย่างชอบธรรมกันแล้ว...อยากให้ดู “พล.อ.พฤณฑ์ สุวรรณทัต” ขุนพลทหารใหญ่ ตท.๑๐ อดีต “ผู้บัญชาการกองพลที่ ๑” จะก้าวขึ้นมาเป็น “ผู้บัญชาการทหารบก” อย่างสมศักดิ์ศรี!!!“พล.อ.พฤณฑ์” คนนี้ไม่ใช่ย่อย...เป็น “ทหารวงศ์เทวัญ”หัวใจเต็มร้อย?...ที่สู้ไม่ถอย ด้วยล่ะพี่???
xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
ทำตัวยิ่งกว่า ‘ปลิง’!!!
เกาะเก้าอี้ “นายกรัฐมนตรี”..โดยที่ “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ไม่ยอมสลัดทิ้ง???ขณะที่ คนในพรรคประชาธิปัตย์ สวิง สวาย หัวใจตุ้มๆ ต่อมๆ...กรณีการโดน “ยุบพรรค”พระอาจารย์ใหญ่ “ชวน หลีกภัย” ปวดขมองกับเรื่องนี้ อย่างหนักแต่หัวหน้าพรรค “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น...คงคิดว่า “ศาลรัฐธรรมนูญ” จะเป็น “ตัวช่วย” ไม่ให้โดนยุบพรรค เนื่องจากเป็น “รัฐบาลเทพอุ้มสม”..ซึ่งกระโดดค้ำถ่อ ขึ้นมามีอำนาจ ด้วยฝีมือ ของ “เทพประทาน”!!!“ชวน”อยากให้ ปชป.รอด...จึงกัดฟันกรอดๆ ...ด่า “อภิสิทธิ์”ขณะนี้ตลอด อยู่ทุกวัน???
xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
‘กิ๊ก’ ท้ายวัง (บางลำพู)!!!
สาวสวยสังคมสูง ที่ว่ากันว่า สนิทสนมกับ “เทือก แขนครอก” กันอย่างพัลวัน น่าดู???ก่อนจะมีสัมพันธ์ ระดับห้าดาว ฉาวไปทั้งวัง (บางลำพู) นั้น...ว่ากันว่า “เจ้าหล่อน” หลงใหลคนเด่นคนดัง มานักต่อนัก“ทักษิณ ชินวัตร” ก็เป็นที่หมายตา อย่างหนักแต่ด้วยคุณธรรมอันสูงส่ง “บุรุษแดนไกล” ทักษิณ ชินวัตร ไม่เล่นด้วย...จึงเกิดความแค้นตาแม้น...เมื่อมาเกี่ยวข้องกับ “เทือก แขนครอก” จึงนำเรื่องเท็จๆ ไปใส่ไคล้ “อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร” เสียจมแหลก!!!วันนี้ถ้า “ทักษิณ”เล่นด้วย.....ตะละแม่คนสวย....คงไม่ฉกฉวย ทำให้ประเทศนี้ต้องแตก???
xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
เรื่องเลวๆ ทำหมด!!!
“นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นายกรัฐมนตรี...อย่าให้ “ลิ่วล้อ-เบ๊-ม้าใช้” ทำเรื่องพังประเทศไปยิ่งกว่านี้ ..มีแต่จะทำลายภาพพจน์???เอาคนนอกพื้นที่ ชนชั้นกระฎุมพี เลวสิ้นดีที่ไม่ใช่ “ชาวสีลม” ไปเปิดสงครามประชาชนกับคนเสื้อแดงเช่นนั้น ถูกต้องแล้วหรือ...ยิ่งใช้วิชามาร ใส่ไคล้ “คนเสื้อแดง” ว่าจะเผากิจการทั้งหมดในจังหวัดเชียงใหม่...แหมมันช่างเลวสมชื่อพฤติการณ์นอกกรอบเช่นนี้...ก็ไม่เชื่อว่า “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” จะทำ?...ถึงท่านจะไม่ทำก็ไม่อยากให้ยักคิ้วหลิ่วตา...สมควรออกโรงห้าม “ไอ้ห้อย-ไอ้โหน” ที่อยู่ข้างกาย อย่าได้เผาบ้านเผาเมืองดีกว่า จะบอกให้!!!“อภิสิทธิ์” ห้ามปรามลูกน้องหน่อย....อย่าให้ใช้วิธีถ่อยๆ ?....เป็นโจรห้าร้อย จะได้ไหม???
คอลัมน์.ตอดนิดตอดหน่อย
โดย.การบูร
**************************************************
น้ำตาอสูร
ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น..เมื่อ..สุเทพ เทือกสุบรรณ เดินคอตกน้ำตาซึมออกมาจากที่ประชุมพรรค เมื่อถูก ชวน หลีกภัย กับ บัญญัติ บรรทัดฐาน เบรกไม่ยอมให้แก้ไขรัฐธรรมนูญเราจึงได้เห็น “น้ำตาอสูร” ร่วงเผาะพูดไปสะอึกสะอื้นไป เพราะไม่สามารถจะโน้มน้าว พรรคประชาธิปัตย์ ให้มาร่วมด้วยช่วยกันกับ “พรรค
ร่วม” แก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งแท้จริงแล้วมันก็เป็นแค่ ละครบทหนึ่งที่แสดงกันไม่ค่อยจะเนียนเท่าไรนักในการ ที่จะพยายาม“ติ๊ดชึ่ง”กระตุกดึง พรรคร่วมให้ แถกเหงือกร่วมไปด้วยกัน “พรรคร่วม” ทั้ง 5 ก็รู้ ไม่ใช่ไม่รู้!..รู้เต็มอก! แต่ก็ยังหวังลมๆ แล้งๆ..และก็ยังพอใจพร้อมใจที่จะให้ประชาธิปัตย์ “ตบตูด-ลูบหัว” เล่นไปวันๆเพราะรอ “เศษเนื้อข้างเขียง” ที่ตั้งโต๊ะเตรียมกันมานานในโครงการไทยเข้มแข็งประเด็นในการเขียนหนังสือวันนี้ มันไม่ใช่อยู่ที่จะแก้หรือไม่แก้ รัฐธรรมนูญ
เพราะตราบใดที่ ประชาธิปัตย์ ถือ “ไพ่แต้มต่อ” ขี่คอเอาหม้อคลุมหัวได้.. ผู้ที่ร่วมโต๊ะเล่นด้วยก็อย่าพึงหวังว่าจะ ได้รับการปราณี ในการช่วยตีไพ่ให้มันเป็นอย่างนี้จริงๆ ครับ เจ๊เล้ง!!แต่..ที่เขียนวันนี้เพราะแปลกใจว่า ทำไมผู้ที่เข้าไปใกล้ชิด กับ เนวิน ชิดชอบ ทั้งหลายจะต้องเป็น “คนเจ้าน้ำตา” ตามไปทุกคนใครๆ ก็รู้ว่า “คุณห้อย”น่ะ!.. นิดก็ร้อง-หน่อยก็ร้อง ฉายาของเขาคือ “ร้องไห้กับเดือน”ร้องแม่งตลอดไม่ต้องดูอื่น บุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ลูกน้องข้างกาย เห็นลูกพี่
ร้องทีไรก็ต้องร้องไห้ตามทุกที จนได้ฉายาว่า “ร้องไห้หน้าศพ” ไปกับเขาด้วยรายนี้ “รับจ้างร้องไห้” ชัวร์!!เรี่ยมเร้เรไรล่าสุด “เทพเทือก” ไม่รู้จะร้องทำไมให้อายคนทั้งโลก!..ปรกติธรรมดาก็น่าเกลียดอยู่แล้ว ยิ่งมาทำน้ำตาเล็ดน้ำตาราด..มันสุดบรรยายครับท่านถามจริงๆ เถอะพ่อคุณทั้งหลายจะ “เล่นการเมือง” หรือ จะมา เล่นหนัง- แสดงละคร ให้ประชาชนดูกันแน่ มันผิดวิกนะเนี่ย!คงคิดสิว่า “น้ำตาอสูร”แค่เนี้ยจะหลอกคนได้ทั้งเมือง..ฮี่ธ่อ!!
คอลัมน์.ก็โลกมันเบี้ยว
โดย.หนุ่ม ชิงชัย
*************************************************
ร่วม” แก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งแท้จริงแล้วมันก็เป็นแค่ ละครบทหนึ่งที่แสดงกันไม่ค่อยจะเนียนเท่าไรนักในการ ที่จะพยายาม“ติ๊ดชึ่ง”กระตุกดึง พรรคร่วมให้ แถกเหงือกร่วมไปด้วยกัน “พรรคร่วม” ทั้ง 5 ก็รู้ ไม่ใช่ไม่รู้!..รู้เต็มอก! แต่ก็ยังหวังลมๆ แล้งๆ..และก็ยังพอใจพร้อมใจที่จะให้ประชาธิปัตย์ “ตบตูด-ลูบหัว” เล่นไปวันๆเพราะรอ “เศษเนื้อข้างเขียง” ที่ตั้งโต๊ะเตรียมกันมานานในโครงการไทยเข้มแข็งประเด็นในการเขียนหนังสือวันนี้ มันไม่ใช่อยู่ที่จะแก้หรือไม่แก้ รัฐธรรมนูญ
เพราะตราบใดที่ ประชาธิปัตย์ ถือ “ไพ่แต้มต่อ” ขี่คอเอาหม้อคลุมหัวได้.. ผู้ที่ร่วมโต๊ะเล่นด้วยก็อย่าพึงหวังว่าจะ ได้รับการปราณี ในการช่วยตีไพ่ให้มันเป็นอย่างนี้จริงๆ ครับ เจ๊เล้ง!!แต่..ที่เขียนวันนี้เพราะแปลกใจว่า ทำไมผู้ที่เข้าไปใกล้ชิด กับ เนวิน ชิดชอบ ทั้งหลายจะต้องเป็น “คนเจ้าน้ำตา” ตามไปทุกคนใครๆ ก็รู้ว่า “คุณห้อย”น่ะ!.. นิดก็ร้อง-หน่อยก็ร้อง ฉายาของเขาคือ “ร้องไห้กับเดือน”ร้องแม่งตลอดไม่ต้องดูอื่น บุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ลูกน้องข้างกาย เห็นลูกพี่
ร้องทีไรก็ต้องร้องไห้ตามทุกที จนได้ฉายาว่า “ร้องไห้หน้าศพ” ไปกับเขาด้วยรายนี้ “รับจ้างร้องไห้” ชัวร์!!เรี่ยมเร้เรไรล่าสุด “เทพเทือก” ไม่รู้จะร้องทำไมให้อายคนทั้งโลก!..ปรกติธรรมดาก็น่าเกลียดอยู่แล้ว ยิ่งมาทำน้ำตาเล็ดน้ำตาราด..มันสุดบรรยายครับท่านถามจริงๆ เถอะพ่อคุณทั้งหลายจะ “เล่นการเมือง” หรือ จะมา เล่นหนัง- แสดงละคร ให้ประชาชนดูกันแน่ มันผิดวิกนะเนี่ย!คงคิดสิว่า “น้ำตาอสูร”แค่เนี้ยจะหลอกคนได้ทั้งเมือง..ฮี่ธ่อ!!
คอลัมน์.ก็โลกมันเบี้ยว
โดย.หนุ่ม ชิงชัย
*************************************************
กลุ่มแตกแถว
และแล้วก็เกิดขึ้น!กับเหตุการณ์ที่ “ประชาชน” กับ “ประชาชน” ซึ่งมีความคิดเห็นแตกต่างทางการเมือง...ก่อเหตุปะทะเกือบกลายเป็น “สงครามกลางเมือง” ล้างเผ่าพันธุ์คนไทยถึงเวลานี้ผมยังมองว่า...สิ่งสำคัญที่สุดของการต่อสู้ของ “ประชาชนหลายกลุ่ม” ระหว่าง เสื้อแดง เสื้อหลากสี และ เสื้อเหลืองคือการใช้ “ความอดทน” อย่างยิ่งยวด“คนเสื้อแดง” มีเป้าหมายคือการเรียกร้อง “ความยุติธรรม” ให้เกิดขึ้นในบ้านเมือง...โดยให้รัฐบาล “ยุบสภา”“คนเสื้อหลากสี”
ต้องการให้บ้านเมืองกลับมาสงบสุข...โดยให้คนเสื้อแดงยกเลิกการชุมนุม...และสนับสนุนให้รัฐบาลทำงานต่อไปจนครบวาระ“คนเสื้อเหลือง” มีแนวคิดเช่นเดียวกับคนเสื้อหลากสี...เพียงแต่ “แกนนำ” ผู้สั่งการยังนั่งดูอยู่ในที่มั่น...คนทุกกลุ่มต่างมี “จุดยืน” แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้มีคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งทำตัว “แตกแถว” ไม่ยอมรับการชุมนุมของกลุ่มคนฝ่ายตรงข้ามโดยเฉพาะความต้องการ “เอาชนะคะคาน” และยั่วยุปลุกปั่นให้เกิดความรุนแรงข้อเรียกร้อง สงบ สันติ ไม่ใช้
ความรุนแรง...อยากให้หันหน้ามาเจรจากันทั้งผู้ชุมนุมเสื้อแดงและรัฐบาล...รวมไปถึงไม่อยากให้คนไทยทะเลาะกันและกล่าวทิ้งท้าย...คนไทยทุกคนควรหันหน้ามาปรองดอง!แต่สิ่งเหล่านี้เป็นเพียง “คำพูด” ซึ่งพวกเขาไม่มีความจริงใจต่อการนำมาปฏิบัติ...ทำให้มองได้ว่าเป็น “พวกอีแอบ” ไม่กล้าเปิดเผยและที่สำคัญคือการแสดงตัว “เป็นมือเป็นเท้า” ของผู้มีอำนาจใครบางคนคำถามจึงมีว่า...คนเหล่านี้เข้ามา “แอบแฝง” เพื่อหวังผลประโยชน์อันใดเพราะเพียงข้าม
คืน...พวกเขาได้เปลี่ยนจิตเปลี่ยนใจ...โดยเฉพาะ “ลักษณะนิสัย” และ “ความประพฤติ” ได้อย่างรวดเร็ว เชื่อเถิดว่า...ไม่มีประเทศชาติใดพัฒนาเดินหน้าด้วยการที่ประชาชนหันหน้ามาเป็นศัตรู “ห้ำหั่น” กันเองมันมีแต่สร้าง “ความฉิบหาย” และเปิดทางให้ผู้เป็นทรราชสร้างความร่ำรวยและมั่งคั่งทางอำนาจ “กดหัวหดขี่” โดยไม่เปลืองแรงน่าเสียดายที่คนเหล่านี้ปากบอก “รักชาติ” แต่การกระทำนั้นไม่ต่างกับโจร!
คอลัมน์.ปัญหาโลกแตก
โดย.ภูผาหิน
*********************************************
ต้องการให้บ้านเมืองกลับมาสงบสุข...โดยให้คนเสื้อแดงยกเลิกการชุมนุม...และสนับสนุนให้รัฐบาลทำงานต่อไปจนครบวาระ“คนเสื้อเหลือง” มีแนวคิดเช่นเดียวกับคนเสื้อหลากสี...เพียงแต่ “แกนนำ” ผู้สั่งการยังนั่งดูอยู่ในที่มั่น...คนทุกกลุ่มต่างมี “จุดยืน” แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้มีคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งทำตัว “แตกแถว” ไม่ยอมรับการชุมนุมของกลุ่มคนฝ่ายตรงข้ามโดยเฉพาะความต้องการ “เอาชนะคะคาน” และยั่วยุปลุกปั่นให้เกิดความรุนแรงข้อเรียกร้อง สงบ สันติ ไม่ใช้
ความรุนแรง...อยากให้หันหน้ามาเจรจากันทั้งผู้ชุมนุมเสื้อแดงและรัฐบาล...รวมไปถึงไม่อยากให้คนไทยทะเลาะกันและกล่าวทิ้งท้าย...คนไทยทุกคนควรหันหน้ามาปรองดอง!แต่สิ่งเหล่านี้เป็นเพียง “คำพูด” ซึ่งพวกเขาไม่มีความจริงใจต่อการนำมาปฏิบัติ...ทำให้มองได้ว่าเป็น “พวกอีแอบ” ไม่กล้าเปิดเผยและที่สำคัญคือการแสดงตัว “เป็นมือเป็นเท้า” ของผู้มีอำนาจใครบางคนคำถามจึงมีว่า...คนเหล่านี้เข้ามา “แอบแฝง” เพื่อหวังผลประโยชน์อันใดเพราะเพียงข้าม
คืน...พวกเขาได้เปลี่ยนจิตเปลี่ยนใจ...โดยเฉพาะ “ลักษณะนิสัย” และ “ความประพฤติ” ได้อย่างรวดเร็ว เชื่อเถิดว่า...ไม่มีประเทศชาติใดพัฒนาเดินหน้าด้วยการที่ประชาชนหันหน้ามาเป็นศัตรู “ห้ำหั่น” กันเองมันมีแต่สร้าง “ความฉิบหาย” และเปิดทางให้ผู้เป็นทรราชสร้างความร่ำรวยและมั่งคั่งทางอำนาจ “กดหัวหดขี่” โดยไม่เปลืองแรงน่าเสียดายที่คนเหล่านี้ปากบอก “รักชาติ” แต่การกระทำนั้นไม่ต่างกับโจร!
คอลัมน์.ปัญหาโลกแตก
โดย.ภูผาหิน
*********************************************
หยุดขุด
แต่โบราณกาล...เขาสอนกันไว้ว่า...เวลาสะดุดอะไรจนล้มแล้วละก็....อย่าเพิ่งลุกขึ้นมาทันที..ให้ระมัดระวังตรวจสอบจนแน่ใจเสียก่อนว่า..รอบๆ ตัวนั้นเป็นอย่างไร..ยังจะมีอันตรายอื่นๆ รออยู่หรือเปล่าอย่างคำว่า “อย่าผลีผลาม”...ก็เช่นกัน..หากเอาแต่อารมณ์โกรธ..อารมณ์รัก..มาเป็นตัวกำหนดการกระทำแล้วละก้อ...ท่านว่าเอาไว้ว่า...จะมีแต่เรื่องเสียไม่มีเรื่องได้..พรานเดินป่า..จะบอกกับลูกทีมของเขาว่า..หากป่าเงียบจนผิดปกติ ไร้เสียงนกเสียงกาขานไข..นั่นแปลว่า
สัตว์ใหญ่กำลังอยู่ใกล้...ให้ระมัดระวังตัวให้ดี...เวลากางเต้นท์นอน...พรานเขาจะสอนให้เราหลีกเลี่ยง...ทางเตียน ทางโล่ง...เพราะจะเป็นทางผ่านทางลงสู่หนองน้ำของสัตว์ ใหญ่..อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไทย กำลังเจอกับคนเสื้อแดงที่เป็นม็อบใหญ่..และยืนยันประการเดียว จะให้นายกรัฐมนตรียุบสภาทันที...นายกรัฐมนตรีที่เคยเดินไปปฏิสันฐานกับม็อบเสื้อเหลืองครั้งที่ยังเป็นหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน..ครั้นได้มาเป็นนายกรัฐมนตรี..กลับเอาทหารมาขอพื้นที่คืน
จากม็อบ..จนมีคนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก.. ก็ต้องระมัดระวังและฟังคำคนโบราณให้ดีๆเรื่องแบบนี้เท่าที่เกิดขึ้นมาในโลกนั้น..เขาแก้ปัญหากันอย่างไร...นายกรัฐมนตรีต้องไม่ผลีผลามทำตามใจตัว..หรือตามใจใคร...เพราะทุกปัญหามีหนทางแก้ไข..ไม่มีปัญหาใดที่ไม่มีตอนจบอภิสิทธิ์ เวสชาชีวะ...ลืมเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของท่านสักเวลา..แล้วมองมาที่เก้าอี้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์..มองรัฐสภาที่ท่านเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย..มองลงไปที่แผ่นดินที่ท่านเกิด..
มองกลับเข้าไปที่ครอบครัวของท่าน..หน้าของเมียตาของลูก....แล้วท่านจะรู้ว่า...ท่านจะต้องทำอะไร..ฝรั่งบอกไว้ว่า... “IF YOU FIND YOURSELF IN A HOLE THE FIRST THING TO DO IS STOP DIGGING” หรือ หากพบว่าตัวเองติดอยู่ในหลุม สิ่งแรกที่ท่านต้องทำ คือ หยุดขุด..ท่านทั้งหลายที่อยู่ในหลุมแห่งอำนาจ..อีกกี่หมื่นศพก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้น..หยุดขุดหยุดการเข่นฆ่า..THE FIRST THING TO DO IS STOP
โดย. พญาไม้ทูเดย์พญาไม้
***********************************************
สัตว์ใหญ่กำลังอยู่ใกล้...ให้ระมัดระวังตัวให้ดี...เวลากางเต้นท์นอน...พรานเขาจะสอนให้เราหลีกเลี่ยง...ทางเตียน ทางโล่ง...เพราะจะเป็นทางผ่านทางลงสู่หนองน้ำของสัตว์ ใหญ่..อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไทย กำลังเจอกับคนเสื้อแดงที่เป็นม็อบใหญ่..และยืนยันประการเดียว จะให้นายกรัฐมนตรียุบสภาทันที...นายกรัฐมนตรีที่เคยเดินไปปฏิสันฐานกับม็อบเสื้อเหลืองครั้งที่ยังเป็นหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน..ครั้นได้มาเป็นนายกรัฐมนตรี..กลับเอาทหารมาขอพื้นที่คืน
จากม็อบ..จนมีคนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก.. ก็ต้องระมัดระวังและฟังคำคนโบราณให้ดีๆเรื่องแบบนี้เท่าที่เกิดขึ้นมาในโลกนั้น..เขาแก้ปัญหากันอย่างไร...นายกรัฐมนตรีต้องไม่ผลีผลามทำตามใจตัว..หรือตามใจใคร...เพราะทุกปัญหามีหนทางแก้ไข..ไม่มีปัญหาใดที่ไม่มีตอนจบอภิสิทธิ์ เวสชาชีวะ...ลืมเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของท่านสักเวลา..แล้วมองมาที่เก้าอี้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์..มองรัฐสภาที่ท่านเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย..มองลงไปที่แผ่นดินที่ท่านเกิด..
มองกลับเข้าไปที่ครอบครัวของท่าน..หน้าของเมียตาของลูก....แล้วท่านจะรู้ว่า...ท่านจะต้องทำอะไร..ฝรั่งบอกไว้ว่า... “IF YOU FIND YOURSELF IN A HOLE THE FIRST THING TO DO IS STOP DIGGING” หรือ หากพบว่าตัวเองติดอยู่ในหลุม สิ่งแรกที่ท่านต้องทำ คือ หยุดขุด..ท่านทั้งหลายที่อยู่ในหลุมแห่งอำนาจ..อีกกี่หมื่นศพก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้น..หยุดขุดหยุดการเข่นฆ่า..THE FIRST THING TO DO IS STOP
โดย. พญาไม้ทูเดย์พญาไม้
***********************************************
มาตรา 7 กับ ขอเข้าเฝ้าฯ ต่างกันตรงไหนหรือ?
คนดีชอบแก้ไข...คนอะไรที่ชอบแก้ตัววันนี้ด้วยสถานการณ์ที่ตึงเครียด และสามารถเกิดอุบัติเหตุที่สังคมไทยไม่ต้องการขึ้นได้ตลอดเวลา10 เมษายนที่ผ่านมา ยังสูญเสียไม่พออีกหรือ???ด้วยเหตุนี้เอง หลายคนๆ ที่ทนดูไม่ได้ รวมทั้งไม่สามารถที่จะทนเห็นความสูญเสียให้เกิดขึ้นมาเป็นรอบที่สองได้อีก จึงพยายามที่จะเสนอหาหนทางแก้ไขในสารพัดแนวคิดจะเห็นว่าบรรดาองค์กรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรของไทย หรือของสากลในต่างประเทศ ต่างเรียกร้องให้มีการ
เจรจา โดยที่ขอให้รัฐบาลแสดงความจริงใจด้วยการยกเลิกกฎหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยกเลิกการปิดกั้นสื่อ และหยุดการใช้สื่อของรัฐมาเป็นเครื่องมือในการแก้ต่างแทนรัฐ ด้วยสไตล์ “เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น”เพราะนั่นทำให้ปัญหาไม่จบ แถมยังกลับเป็นการซ้ำเติมเชื้อของความเกลียดชังมากขึ้นไปอีก... ดังนั้น ท่ามกลางข้อเรียกร้องให้มีการเจรจาอย่างจริงใจ โดยเลิกขึงพืดการเจรจาด้วยการยึดทิฐิ และอัตตาของทั้ง 2 ฝ่าย จนทำให้ไม่สามารถได้ข้อยุติเพื่อประเทศ
ชาติวันนี้รัฐบาลไม่ควรยืนกรานว่ายุบสภาใน 9 เดือน เพราะควรจะรู้แล้วว่าไม่มีใครยอมได้แน่ๆ ในขณะที่กลุ่มคนเสื้อแดงก็ควรจะรู้เช่นกันว่า การให้ยุบสภาในทันที ก็เป็นไปไม่ได้เช่นกันเพราะไม่เพียงแต่รัฐบาลไม่ยอม แต่ก็ได้มีกลุ่มคนบางส่วนที่ออกมาแสดงท่าทีว่าไม่ยอมให้รัฐาลยุบสภาฉะนั้น หากจะให้การเจรจายุติทั้ง 2 ฝ่ายต้องยอมถอย ต้องยอมรับว่าไม่มีการเจรจาใดที่ฝ่ายใดจะได้ 100% อย่างที่ต้องการ วันนี้ถ้ารัฐบาลยอมถอย ลดระยะเวลายุบสภาลงมา ในขณะที่
กลุ่มคนเสื้อแดงก็ยอมเพิ่มระยะให้ เช่นมาจบลงที่ตัวเลขกลางๆ เป็นว่ายุบสภาภายใน 3 เดือน เชื่อว่าเป็นทางออกของประเทศชาติที่จะทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายได้รับเสียงปรบมือจากทั่วประเทศแน่นั่นคือ ความหวังที่หลายฝ่ายต้องการจะให้เกิดแต่ทิฐิที่บดบัง พร้อมกับความเชื่อมั่นในอำนาจ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เชื่อมั่นในการกุมอำนาจกองกำลังทหาร รวมทั้งเชื่อมั่นในแนวทางที่นายเนวิน ชิดชอบ บุคคลที่ถูกเว้นวรรคทางการเมือง 5 ปี แต่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองได้ทุกรูป
แบบทั้งบนดิน และใต้ดินจึงมีการเสนอบริการ “จัดตั้งมวลชน” บ้าง เสนอบริการ “สลายการชุมนุมแบบพิสดาร” ซึ่งแม้บางคนที่อยู่รอบข้างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี อาจจะชอบใจ แต่ก็ยิ่งกลายเป็นการที่ทำให้ปัญหายิ่งหนักหนามากขึ้น และจบยากมากขึ้นไปอีกตรงนี้เป็นความจริงที่รัฐบาล และโดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ จะต้องยอมรับเพราะถึงวันนี้กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ได้แก้ไขคำเตือนด้านการท่องเที่ยวล่าสุด ด้วยการแจ้งเตือนให้พลเมืองชาวอเมริกัน
ระมัดระวังตัวเมื่อเดินทางเข้ามาไทยหลังเหตุประท้วงรุนแรง และว่าการประท้วงทางการเมืองในกรุงเทพฯ ยังถือว่ามีความไม่แน่นอน อันอาจขยายวงสู่ความรุนแรงขึ้นได้อีก ยังดีที่สหรัฐฯ ระบุชัดว่า เหตุการณ์ในไทย เกิดจากเรื่องการเมืองภายใน และไม่ปรากฏว่าเป็นการกระทำของพวกก่อการร้ายระหว่างประเทศแต่อย่างใดขณะเดียวกันก็มีประมาณ 40 ประเทศหลักๆ ที่ได้ให้คำแนะนำในการเดินทางแก่คนชาติของตน โดยที่ประมาณ 13 ประเทศ ได้แนะนำคนชาติตนให้
หลีกเลี่ยงเดินทางมาเฉพาะกรุงเทพฯ ซึ่งส่วนใหญ่จะแนะนำให้หลีกเลี่ยงการเดินทางเข้าไปในพื้นที่ที่มีการชุมนุมประท้วงนี่คือ ความเป็นจริงที่เกิดขึ้น จากความกังวลว่าสถานการณ์อาจจะบานปลายและก็เพราะความกังวลเหล่านี้นี่เองที่ทำให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ 2 อดีตนายกรัฐมนตรี เกิดความเป็นวิตก และพยายามที่จะเสนอแนะแนวทางสันติวิธี รวมแม้กระทั่งการมีมุมมองที่จะกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณจาก
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อนำไปสู่การคลี่คลายปัญหาวิกฤติของบ้านเมืองโดยหลักการของจิตสำนึกของคนไทย ตั้งแต่สมัยอดีตนับร้อยนับพันปีมาจนถึงปัจจุบันนั่นคือ องค์พระมหากษัตริย์ ทรงเป็นที่พึ่งสูงสุดของคนไทย ที่จะแก้ไขวิกฤติให้กับพสกนิกรได้หลัการนี้มีมานานตั้งแต่สมัยสุโขทัย ซึ่งประวัติศาสตร์ชาติไทยได้จารึกเอาไว้ให้เป็นความภาคภูมิใจของคนไทยมานับร้อยนับพันปี ซึ่งศิลาจารึกระบุชัดเจนว่า พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ทรงปกครองพสกนิกร เยี่ยง
พ่อปกครองลูกดังนั้น จึงทรงจัดให้มีกระดิ่งเอาไว้ สำหรับให้พสกนิกรหรือลูกๆ ของพระองค์ท่าน มาสั่นกระดิ่งเพื่อขอโปรดเกล้าพระราชทานความช่วยเหลือดับทุกข์ร้อนหรือแก้ไขปัญหานานาซึ่งเป็นเรื่องที่คนไทยจดจารึกฝังในความทรงจำและในจิตใจกันมาโดยตลอด คู่ไปกับความจงรักภักดีสูงสุดที่มีต่อสถาบันด้วยเหตุนี้เอง พล.อ.ชวลิต ซึ่งเป็นห่วงและวิตกกังวลอย่างสูงว่า วิกฤติชาติครั้งนี้จะก่อให้เกิดการสูญเสียอย่างหนัก จึงต้องการทูลขอพระราชทานพระมหา
กรุณาธิคุณเพื่อดับวิกฤติเป็นแนวคิดพื้นฐานของคนไทยทุกคนในยามที่เดือดร้อนทุกข์เข็ญ ก็ย่อมจะต้องนึกถึงพระองค์ท่านแต่ไม่น่าเชื่อว่า ผลประโยชน์ทางการเมือง และอำนาจทางการเมือง จะทำให้มีคนหลายคนที่ออกมากล่าวอ้างแสดงความคิดเห็นกันอย่างสนุกปากในการโจมตี พล.อ.ชวลิต และนายสมชายทำราวกับว่ามีเฉพาะตนเฉพาะกลุ่มเท่านั้น ที่ผูกขาดความจงรักภักดี ทั้งๆ ที่ หากถามว่า คนระดับพล.อ.ชวลิต ซึ่งรับใช้ใต้ละอองธุลีพระบาทมาชั่วชีวิตราชการ จะ
จงรักภักดีต่อสถาบันน้อยกว่าใครในประเทศไทยบ้าง... เชื่อว่าเป็นไม่มีแล้วคิดว่าเป็นการสมควรแล้วจริงๆ เช่นนั้นหรือ ที่นายอภิสิทธิ์ กลับสรุปง่ายๆ สรุปเอาเองดื้อๆ ว่า นี่คือ การพิสูจน์ชัดว่า ใครคือหัวหน้าขบวนการ???เป็นการสรุปที่หลายคนบอกว่า หากเป็นการสรุปของคนที่ไม่ได้มีการศึกษาในระดับอ็อกซฟอร์ด แต่เป็นคนที่มีการศึกษาพื้นๆ ก็จะไม่รู้สึกแปลกใจเลยเพราะจริงๆ แล้วในยามเดือดร้อนเมื่อครั้งที่ผ่านมา บรรดาปัญญาชน นักวิชาการ ที่เห็นวิกฤติจะเกิดกับ
บ้านเมือง ก็ได้ระลึกถึงพระองค์ท่าน และหวังในพระมหากรุณาธิคุณด้วยเช่นกัน ว่าจะแก้ไขปัญหาวิกฤติได้ จึงออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องการขอให้ทรงใช้ มาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญ 2540 เพื่อแก้วิกฤติบ้านเมืองในวันนั้น นายอภิสิทธิ์ ก็สนับสนุนการทูลขอนายกรัฐมนตรีพระราชทาน ตาม มาตรา 7 ด้วยเช่นกันบรรดาคนที่กล่าวหาโจมตี พล.อ.ชวลิต ว่าไม่บังควร เป็นการดึงฟ้าต่ำนั้น เคยคิดย้อนกลับไปหรือไม่ว่า แล้วการกระทำของนายอภิสิทธิ์ จนได้รับฉายา “มาร์ค
ม7” ที่รู้กันทั่วประเทศนั้น จะหมายถึงอะไรอย่างนั้นหรือในสังคมไทยที่ถูกปลูกฝังในเรื่องการให้ความเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ คงต้องถามบรรดานายกองร้องด่าท้าทายของพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหลาย รวมทั้งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง และเฉพาะอย่างยิ่งนายอภิสิทธิ์ ว่าเห็นว่าเป็นการเหมาะสมอย่างนั้นจริงๆ หรือ กับการสรุปโจมตีตำหนิผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้อาวุโส อย่างที่เกิดขึ้น??จริงๆ แล้ว ตลอดมา บางกอก ทูเดย์ เรียกร้องให้มีการเจรจา ให้มี
การแก้ไขวิกฤติของชาติ โดยมองว่า บุคคลอาวุโสสูงและมากบารมี มากการยอมรับ คือ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี และที่สำคัญคือ เป็นประธานองคมนตรี คือผู้ที่เหมาะสมที่สุดที่จะทำหน้าที่ยุติปัญหาวิกฤติในครั้งนี้แต่ พล.อ.เปรม ก็ไม่ได้กระทำ ดังนั้น หากดูตามประวัติศาสตร์ ในการแก้ไขปัญหาวิกฤติบ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็นเมื่อครั้ง 14 ตุลาคม 2516 และ 6 ตุลาคม 2519 เรื่อยมาจน พฤษภาทมิฬ 2535 ก็ไม่ใช่พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์
ท่านหรือ ที่ปัดเป่าให้วิกฤติชาติคลี่คลายลง??เช่นนี้แล้วจะให้ พล.อ.ชวลิต ซึ่งกลัวว่าจะเกิดการสูญเสียในวิกฤติรอบนี้ จะหันไปพึ่งใคร หากไม่พึ่งพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน??ในประวัติศาสตร์ชาติไทย... ไม่พึ่ง “พ่อ” แล้ว “ลูก”จะพึ่งใครนี่คือ ความจริงของประเทศ ซึ่งสื่อที่เป็นกลาง ไม่ว่าจะเป็นบางกอก ทูเดย์เอง หรือแม้แต่ไทยรัฐ ข่าวสด ต่างก็ล้วนท้วงติงในเรื่องนี้แล้วไม่ใช่หรือว่า กรณีการขอเข้าเฝ้าฯ เพื่อหวังในพระมหากรุณาธิคุณของ พล.อ.
ชวลิต กับกรณีขอพระราชทานนายกฯ ตามมาตรา 7 ของนายอภิสิทธิ์นั้น ไม่ได้แตกต่างกันเลยในสาระสำคัญวันนี้ บางกอก ทูเดย์ ยังคงเรียกร้องว่า การปะทะกันไม่ว่าจะเป็นการสลายการชุมนุม หรือการปะทะกันของคนต่างสีเสื้อ ล้วนแล้วแต่เป็นความสูญเสียของประเทศชาติดังนั้น วันนี้ ในฐานะนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ ต้องละทิฐิ และถอดหัวโขน ออกมาตั้งสติว่า จะหาทางออกในการแก้วิกฤติบ้านเมืองครั้งนี้อย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียเลยสังคมไทยในวันนี้
ต้องการ “สติ” และ “ปัญญา” อย่างสูงยิ่ง ประเภทอย่างที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำม็อบพันธมิตรฯ ที่ออกมาเสนอแนะว่า ให้แม่ทัพภาค 1 ประกาศกฎอัยการศึกเองเลย แล้วก็ลุยสลายม็อบให้จบภายใน 2 วัน... อย่างนี้ต่างหากที่สังคมทุกภาคส่วนควรตั้งคำถามว่าสมควรแล้วหรือ ใช้สติปัญญาแล้วจริงๆ หรือ กับข้อเสนอเช่นนั้นเพราะนั่นคือ การพาประเทศชาติลงเหวชัดๆ
ที่มา.บางกอกทูเดย์
***********************************************
เจรจา โดยที่ขอให้รัฐบาลแสดงความจริงใจด้วยการยกเลิกกฎหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยกเลิกการปิดกั้นสื่อ และหยุดการใช้สื่อของรัฐมาเป็นเครื่องมือในการแก้ต่างแทนรัฐ ด้วยสไตล์ “เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น”เพราะนั่นทำให้ปัญหาไม่จบ แถมยังกลับเป็นการซ้ำเติมเชื้อของความเกลียดชังมากขึ้นไปอีก... ดังนั้น ท่ามกลางข้อเรียกร้องให้มีการเจรจาอย่างจริงใจ โดยเลิกขึงพืดการเจรจาด้วยการยึดทิฐิ และอัตตาของทั้ง 2 ฝ่าย จนทำให้ไม่สามารถได้ข้อยุติเพื่อประเทศ
ชาติวันนี้รัฐบาลไม่ควรยืนกรานว่ายุบสภาใน 9 เดือน เพราะควรจะรู้แล้วว่าไม่มีใครยอมได้แน่ๆ ในขณะที่กลุ่มคนเสื้อแดงก็ควรจะรู้เช่นกันว่า การให้ยุบสภาในทันที ก็เป็นไปไม่ได้เช่นกันเพราะไม่เพียงแต่รัฐบาลไม่ยอม แต่ก็ได้มีกลุ่มคนบางส่วนที่ออกมาแสดงท่าทีว่าไม่ยอมให้รัฐาลยุบสภาฉะนั้น หากจะให้การเจรจายุติทั้ง 2 ฝ่ายต้องยอมถอย ต้องยอมรับว่าไม่มีการเจรจาใดที่ฝ่ายใดจะได้ 100% อย่างที่ต้องการ วันนี้ถ้ารัฐบาลยอมถอย ลดระยะเวลายุบสภาลงมา ในขณะที่
กลุ่มคนเสื้อแดงก็ยอมเพิ่มระยะให้ เช่นมาจบลงที่ตัวเลขกลางๆ เป็นว่ายุบสภาภายใน 3 เดือน เชื่อว่าเป็นทางออกของประเทศชาติที่จะทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายได้รับเสียงปรบมือจากทั่วประเทศแน่นั่นคือ ความหวังที่หลายฝ่ายต้องการจะให้เกิดแต่ทิฐิที่บดบัง พร้อมกับความเชื่อมั่นในอำนาจ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เชื่อมั่นในการกุมอำนาจกองกำลังทหาร รวมทั้งเชื่อมั่นในแนวทางที่นายเนวิน ชิดชอบ บุคคลที่ถูกเว้นวรรคทางการเมือง 5 ปี แต่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองได้ทุกรูป
แบบทั้งบนดิน และใต้ดินจึงมีการเสนอบริการ “จัดตั้งมวลชน” บ้าง เสนอบริการ “สลายการชุมนุมแบบพิสดาร” ซึ่งแม้บางคนที่อยู่รอบข้างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี อาจจะชอบใจ แต่ก็ยิ่งกลายเป็นการที่ทำให้ปัญหายิ่งหนักหนามากขึ้น และจบยากมากขึ้นไปอีกตรงนี้เป็นความจริงที่รัฐบาล และโดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ จะต้องยอมรับเพราะถึงวันนี้กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ได้แก้ไขคำเตือนด้านการท่องเที่ยวล่าสุด ด้วยการแจ้งเตือนให้พลเมืองชาวอเมริกัน
ระมัดระวังตัวเมื่อเดินทางเข้ามาไทยหลังเหตุประท้วงรุนแรง และว่าการประท้วงทางการเมืองในกรุงเทพฯ ยังถือว่ามีความไม่แน่นอน อันอาจขยายวงสู่ความรุนแรงขึ้นได้อีก ยังดีที่สหรัฐฯ ระบุชัดว่า เหตุการณ์ในไทย เกิดจากเรื่องการเมืองภายใน และไม่ปรากฏว่าเป็นการกระทำของพวกก่อการร้ายระหว่างประเทศแต่อย่างใดขณะเดียวกันก็มีประมาณ 40 ประเทศหลักๆ ที่ได้ให้คำแนะนำในการเดินทางแก่คนชาติของตน โดยที่ประมาณ 13 ประเทศ ได้แนะนำคนชาติตนให้
หลีกเลี่ยงเดินทางมาเฉพาะกรุงเทพฯ ซึ่งส่วนใหญ่จะแนะนำให้หลีกเลี่ยงการเดินทางเข้าไปในพื้นที่ที่มีการชุมนุมประท้วงนี่คือ ความเป็นจริงที่เกิดขึ้น จากความกังวลว่าสถานการณ์อาจจะบานปลายและก็เพราะความกังวลเหล่านี้นี่เองที่ทำให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ 2 อดีตนายกรัฐมนตรี เกิดความเป็นวิตก และพยายามที่จะเสนอแนะแนวทางสันติวิธี รวมแม้กระทั่งการมีมุมมองที่จะกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณจาก
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อนำไปสู่การคลี่คลายปัญหาวิกฤติของบ้านเมืองโดยหลักการของจิตสำนึกของคนไทย ตั้งแต่สมัยอดีตนับร้อยนับพันปีมาจนถึงปัจจุบันนั่นคือ องค์พระมหากษัตริย์ ทรงเป็นที่พึ่งสูงสุดของคนไทย ที่จะแก้ไขวิกฤติให้กับพสกนิกรได้หลัการนี้มีมานานตั้งแต่สมัยสุโขทัย ซึ่งประวัติศาสตร์ชาติไทยได้จารึกเอาไว้ให้เป็นความภาคภูมิใจของคนไทยมานับร้อยนับพันปี ซึ่งศิลาจารึกระบุชัดเจนว่า พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ทรงปกครองพสกนิกร เยี่ยง
พ่อปกครองลูกดังนั้น จึงทรงจัดให้มีกระดิ่งเอาไว้ สำหรับให้พสกนิกรหรือลูกๆ ของพระองค์ท่าน มาสั่นกระดิ่งเพื่อขอโปรดเกล้าพระราชทานความช่วยเหลือดับทุกข์ร้อนหรือแก้ไขปัญหานานาซึ่งเป็นเรื่องที่คนไทยจดจารึกฝังในความทรงจำและในจิตใจกันมาโดยตลอด คู่ไปกับความจงรักภักดีสูงสุดที่มีต่อสถาบันด้วยเหตุนี้เอง พล.อ.ชวลิต ซึ่งเป็นห่วงและวิตกกังวลอย่างสูงว่า วิกฤติชาติครั้งนี้จะก่อให้เกิดการสูญเสียอย่างหนัก จึงต้องการทูลขอพระราชทานพระมหา
กรุณาธิคุณเพื่อดับวิกฤติเป็นแนวคิดพื้นฐานของคนไทยทุกคนในยามที่เดือดร้อนทุกข์เข็ญ ก็ย่อมจะต้องนึกถึงพระองค์ท่านแต่ไม่น่าเชื่อว่า ผลประโยชน์ทางการเมือง และอำนาจทางการเมือง จะทำให้มีคนหลายคนที่ออกมากล่าวอ้างแสดงความคิดเห็นกันอย่างสนุกปากในการโจมตี พล.อ.ชวลิต และนายสมชายทำราวกับว่ามีเฉพาะตนเฉพาะกลุ่มเท่านั้น ที่ผูกขาดความจงรักภักดี ทั้งๆ ที่ หากถามว่า คนระดับพล.อ.ชวลิต ซึ่งรับใช้ใต้ละอองธุลีพระบาทมาชั่วชีวิตราชการ จะ
จงรักภักดีต่อสถาบันน้อยกว่าใครในประเทศไทยบ้าง... เชื่อว่าเป็นไม่มีแล้วคิดว่าเป็นการสมควรแล้วจริงๆ เช่นนั้นหรือ ที่นายอภิสิทธิ์ กลับสรุปง่ายๆ สรุปเอาเองดื้อๆ ว่า นี่คือ การพิสูจน์ชัดว่า ใครคือหัวหน้าขบวนการ???เป็นการสรุปที่หลายคนบอกว่า หากเป็นการสรุปของคนที่ไม่ได้มีการศึกษาในระดับอ็อกซฟอร์ด แต่เป็นคนที่มีการศึกษาพื้นๆ ก็จะไม่รู้สึกแปลกใจเลยเพราะจริงๆ แล้วในยามเดือดร้อนเมื่อครั้งที่ผ่านมา บรรดาปัญญาชน นักวิชาการ ที่เห็นวิกฤติจะเกิดกับ
บ้านเมือง ก็ได้ระลึกถึงพระองค์ท่าน และหวังในพระมหากรุณาธิคุณด้วยเช่นกัน ว่าจะแก้ไขปัญหาวิกฤติได้ จึงออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องการขอให้ทรงใช้ มาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญ 2540 เพื่อแก้วิกฤติบ้านเมืองในวันนั้น นายอภิสิทธิ์ ก็สนับสนุนการทูลขอนายกรัฐมนตรีพระราชทาน ตาม มาตรา 7 ด้วยเช่นกันบรรดาคนที่กล่าวหาโจมตี พล.อ.ชวลิต ว่าไม่บังควร เป็นการดึงฟ้าต่ำนั้น เคยคิดย้อนกลับไปหรือไม่ว่า แล้วการกระทำของนายอภิสิทธิ์ จนได้รับฉายา “มาร์ค
ม7” ที่รู้กันทั่วประเทศนั้น จะหมายถึงอะไรอย่างนั้นหรือในสังคมไทยที่ถูกปลูกฝังในเรื่องการให้ความเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ คงต้องถามบรรดานายกองร้องด่าท้าทายของพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหลาย รวมทั้งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง และเฉพาะอย่างยิ่งนายอภิสิทธิ์ ว่าเห็นว่าเป็นการเหมาะสมอย่างนั้นจริงๆ หรือ กับการสรุปโจมตีตำหนิผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้อาวุโส อย่างที่เกิดขึ้น??จริงๆ แล้ว ตลอดมา บางกอก ทูเดย์ เรียกร้องให้มีการเจรจา ให้มี
การแก้ไขวิกฤติของชาติ โดยมองว่า บุคคลอาวุโสสูงและมากบารมี มากการยอมรับ คือ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี และที่สำคัญคือ เป็นประธานองคมนตรี คือผู้ที่เหมาะสมที่สุดที่จะทำหน้าที่ยุติปัญหาวิกฤติในครั้งนี้แต่ พล.อ.เปรม ก็ไม่ได้กระทำ ดังนั้น หากดูตามประวัติศาสตร์ ในการแก้ไขปัญหาวิกฤติบ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็นเมื่อครั้ง 14 ตุลาคม 2516 และ 6 ตุลาคม 2519 เรื่อยมาจน พฤษภาทมิฬ 2535 ก็ไม่ใช่พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์
ท่านหรือ ที่ปัดเป่าให้วิกฤติชาติคลี่คลายลง??เช่นนี้แล้วจะให้ พล.อ.ชวลิต ซึ่งกลัวว่าจะเกิดการสูญเสียในวิกฤติรอบนี้ จะหันไปพึ่งใคร หากไม่พึ่งพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน??ในประวัติศาสตร์ชาติไทย... ไม่พึ่ง “พ่อ” แล้ว “ลูก”จะพึ่งใครนี่คือ ความจริงของประเทศ ซึ่งสื่อที่เป็นกลาง ไม่ว่าจะเป็นบางกอก ทูเดย์เอง หรือแม้แต่ไทยรัฐ ข่าวสด ต่างก็ล้วนท้วงติงในเรื่องนี้แล้วไม่ใช่หรือว่า กรณีการขอเข้าเฝ้าฯ เพื่อหวังในพระมหากรุณาธิคุณของ พล.อ.
ชวลิต กับกรณีขอพระราชทานนายกฯ ตามมาตรา 7 ของนายอภิสิทธิ์นั้น ไม่ได้แตกต่างกันเลยในสาระสำคัญวันนี้ บางกอก ทูเดย์ ยังคงเรียกร้องว่า การปะทะกันไม่ว่าจะเป็นการสลายการชุมนุม หรือการปะทะกันของคนต่างสีเสื้อ ล้วนแล้วแต่เป็นความสูญเสียของประเทศชาติดังนั้น วันนี้ ในฐานะนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ ต้องละทิฐิ และถอดหัวโขน ออกมาตั้งสติว่า จะหาทางออกในการแก้วิกฤติบ้านเมืองครั้งนี้อย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียเลยสังคมไทยในวันนี้
ต้องการ “สติ” และ “ปัญญา” อย่างสูงยิ่ง ประเภทอย่างที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำม็อบพันธมิตรฯ ที่ออกมาเสนอแนะว่า ให้แม่ทัพภาค 1 ประกาศกฎอัยการศึกเองเลย แล้วก็ลุยสลายม็อบให้จบภายใน 2 วัน... อย่างนี้ต่างหากที่สังคมทุกภาคส่วนควรตั้งคำถามว่าสมควรแล้วหรือ ใช้สติปัญญาแล้วจริงๆ หรือ กับข้อเสนอเช่นนั้นเพราะนั่นคือ การพาประเทศชาติลงเหวชัดๆ
ที่มา.บางกอกทูเดย์
***********************************************
สถานีต่อไป‘สีลม’
แม้ว่าการเคลื่อนพลครั้งล่าสุดของ “กลุ่มคนเสื้อแดง” จะปรับเปลี่ยนท่าทีจากการเคลื่อนพลบุกถนนสีลม ถนนสายธุรกิจที่สำคัญของไทย แต่แม่ทัพนายกอง ที่ขนทหารกล้า ติดอาวุธครบมือยังคงปักหลักทำหน้าที่ป้องกันการบุกยึดพื้นที่ “สีลม” ของกลุ่มคนเสื้อแดงการวางแนวป้องกันอย่างแน่นหนาของทหารในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะได้รับบทเรียนจากเหตุการณ์ 10 เมษาฯ ที่เกิดการสูญเสียครั้งใหญ่ทั้งฝ่ายพลเรือน และทหาร
ครั้งนี้จึงเป็นการกู้หน้าของทหารไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย!แต่ภาพที่ปรากฏออกมากลับเป็นภาพเหมือน “ถนนสีลม” ถนนแห่งการค้าขาย ถนนที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากต่างบ้านต่างเมือง ได้เข้าสู่ภาวะสงครามแล้ว ทั้งบังเกอร์ รั้วลวดหนาม ทหารถือปืนพร้อมกระสุนจริง อยู่ในท่าเตรียมพร้อม ทำให้วันนี้ “สีลม” เปลี่ยนไป ไม่เหมือนเดิม ร้านรวงที่เคยเปิดกิจการ
วันนี้บางร้านต้องปิดร้าน เพราะไม่มั่นใจว่าจะเกิดจลาจลกลางเมืองหรือไม่ รถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน ที่เคยเป็นสถานีให้บริการผู้โดยสารชาวกรุง วันนี้เต็มไปด้วยทหารถือปืนยืนประจำการ นี้หรือ “สีลม” หรือว่า “สีลม” จะเป็นสถานีต่อไปที่ความวุ่นวายจะกลับเหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับ “ถนนข้าวสาร” เมื่อ 10 เมษาฯขอภาวนาอย่าให้ความคิดนี้เป็นจริง เพราะคนไทยรับไม่ได้กับการสูญเสียอีกครั้ง!
ที่มา.บางกอกทูเดย์
**************************************************
ครั้งนี้จึงเป็นการกู้หน้าของทหารไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย!แต่ภาพที่ปรากฏออกมากลับเป็นภาพเหมือน “ถนนสีลม” ถนนแห่งการค้าขาย ถนนที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากต่างบ้านต่างเมือง ได้เข้าสู่ภาวะสงครามแล้ว ทั้งบังเกอร์ รั้วลวดหนาม ทหารถือปืนพร้อมกระสุนจริง อยู่ในท่าเตรียมพร้อม ทำให้วันนี้ “สีลม” เปลี่ยนไป ไม่เหมือนเดิม ร้านรวงที่เคยเปิดกิจการ
วันนี้บางร้านต้องปิดร้าน เพราะไม่มั่นใจว่าจะเกิดจลาจลกลางเมืองหรือไม่ รถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน ที่เคยเป็นสถานีให้บริการผู้โดยสารชาวกรุง วันนี้เต็มไปด้วยทหารถือปืนยืนประจำการ นี้หรือ “สีลม” หรือว่า “สีลม” จะเป็นสถานีต่อไปที่ความวุ่นวายจะกลับเหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับ “ถนนข้าวสาร” เมื่อ 10 เมษาฯขอภาวนาอย่าให้ความคิดนี้เป็นจริง เพราะคนไทยรับไม่ได้กับการสูญเสียอีกครั้ง!
ที่มา.บางกอกทูเดย์
**************************************************
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)