--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เอาอยู่ แตกแล้ว เสียใจ และช่วยตัวเอง !!?

โดย : บุญชัย ปัณฑุรอัมพร

การช่วยเหลือผู้อื่น ก็เหมือนการช่วยเหลือตัวเอง การช่วยเหลือตัวเองก็เหมือนการช่วยเหลือผู้อื่น เข้าตำรา One for All, All for all

วันนี้ ผมขอยืมวลียอดฮิตอย่างคำว่า เอาอยู่ แตกแล้ว เสียใจ และช่วยตัวเอง ที่ชาว FaceBook พูดคุยกันในหลากหลายแง่มุมของช่วงภาวะฝ่าวิกฤตน้ำท่วมปี พ.ศ. 2554 นี้ มาประกอบบทความครับ

เอาอยู่ เหตุการณ์ในวันนี้คงไม่ต้องพูดถึงเรื่องน้ำท่วมกันอีกแล้วว่า “เอาอยู่” หรือไม่ แต่ที่สำคัญคือ กำลังใจว่ายังเอาอยู่หรือไม่

ลองดูกรณีเหล่านี้นะครับ สองสามีภรรยาที่เคยทำงานในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ มีรายได้รวมกันประมาณ 4 หมื่นกว่าบาทต่อเดือน สามีเป็นหัวหน้าช่าง ภรรยาเป็นหัวหน้าคิวซี วันนี้ทั้งคู่ต้องตกงานและหนีน้ำไปอยู่ขอนแก่น ไปรับจ้างล้างรถรายวัน ได้ค่าแรงวันละ 160 บาทต่อคน รวม 2 คนก็ตกราวๆ 5 พันบาทต่อเดือน เงินที่เคยส่งลูกเรียนและส่งพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายที่ต่างจังหวัดจะเอาอยู่ได้อย่างไร

อีกกรณีหนึ่ง เป็นช่างทำผมที่อยุธยา ได้เงินเดือนรวมทิปเดือนละหมื่นเศษๆ หนีน้ำมาที่ร้านทำผมข้างๆ เซ็นทรัลปิ่นเกล้าเมื่อสัปดาห์ก่อน วันนี้น้ำตามมาที่ร้านเสริมสวยแห่งใหม่ ระดับน้ำสูงสุดที่ 1.20 เมตร ตอนนี้ร้านปิด เข้าใจว่าช่างทำผมคนเดียวกันนี้ก็ยังเอาอยู่ด้วยการหนีน้ำไปหางานทำผมที่ร้านอื่นต่อไป

ขณะที่ แม่ ลูก และหมาชิสุหนึ่งตัวพร้อมรถคู่ใจ ที่หนีน้ำออกมาได้ทันท่วงที หยิบทันแค่โทรศัพท์มือถือติดตัวมาได้เท่านั้น วันนี้เดินทางมาที่ปราจีนบุรีมาอาศัยอยู่ที่บ้านพ่อ จำต้องทิ้งบ้านหลังใหญ่ สมบัติ เอกสารสำคัญ ข้อมูลเกี่ยวกับงานทั้งหมดให้จมน้ำที่บางบัวทอง วันนี้จะเอาอยู่หรือไม่ หรือแม้แต่ภาพที่เห็นในหน้าหนังสือพิมพ์ ภาพของคนลอยคอ ลอยรถเข็น ลุยน้ำท่วมปิ้งลูกชิ้นขายเพราะลูกต้องใช้เงินทุกวัน

ความสูญเสียที่เกิดขึ้นในวันนี้คงต้องอาศัยเวลาในการเยียวยาให้ลุกขึ้นสู้ต่อไป อย่างคำคมที่เพื่อนของผม คุณบุญยงค์ ตันสกุล CEO บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด มักจะพูดเสมอว่า “เสียอะไรเสียได้ แต่อย่าเสียกำลังใจ”

แตกแล้ว เหตุการณ์ในวันนี้หลายคนบอกว่า เปรียบเหมือนเสียกรุงฯ ครั้งที่สาม มองไปในด้านลบ จะเห็นว่า โรงงานต้องปิดไปมากกว่าพันแห่งใน 7 นิคมอุตสาหกรรม ส่งผลกระทบต่อยอดผลิตสินค้าต่างๆ วัตถุดิบและสินค้าที่ผลิตเสร็จเตรียมส่งออกก็เสียหาย คลังสินค้าถูกน้ำท่วมทำลาย ที่ยังไม่เสียหายก็จัดส่งไปขายไม่ได้ เพราะบริษัทขนส่งต่างๆ ก็ปิดตัวเอง การจัดส่งสินค้าด้วยทีมรถของตัวเองก็ขัดข้อง รถจมน้ำทำให้ กระจายสินค้าไปยังภาคอื่นๆ ของประเทศไม่ได้ ยอดขายตกต่ำ ผู้คนตกงานขาดรายได้ กำลังซื้อหด โครงการหมู่บ้าน ทั้งที่ยังขายไม่หมดหรือที่ขายดาวน์ไปแล้วคงต้องหยุดชะงัก ผู้ที่กำลังผ่อนก็อาจจะหยุดผ่อน พวกผ่อนดาวน์จบแล้วก็ลังเลไม่ยอมโอน ธนาคารจะมีหนิ้เสียทั้งจากรายบุคคลและเจ้าของโครงการเพิ่มขึ้น ดอกเบี้ยก็ต้องเป็นขาลงแน่นอน เพื่อแบ่งเบาภาระทุกภาคส่วน รายได้ธนาคารจะตกต่ำ หุ้นธนาคารก็อาจจะร่วง หุ้นร่วงผู้คนก็จะจับจ่ายใช้สอยน้อยลง รายได้ที่จะกระจายต่อไปก็จะน้อยลง กลุ่มท่องเที่ยว โรงแรม ก็คงถูกยกเลิกกันไป การใช้จ่ายจากนักท่องเที่ยวก็คงหายตามไป การลงทุนจากต่างชาติก็จะหดตัวด้วยความไม่พร้อมรับมือกับภัยธรรมชาติของบ้านเรา

ภาคเกษตรที่เป็นเรื่องหลักในการส่งออกจมน้ำ ตลอดจนการส่งออกชิ้นส่วนของอุตสาหกรรมรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ไอที ก็สะดุดไม่สามารถส่งออกไปประกอบเป็นสินค้าสำเร็จรูปได้ กระทบต่อยอดจำหน่ายในตลาดโลก ส่งออกน้อยลง จากนี้ไปหลายองค์กรจำเป็นต้องกู้เพิ่ม รัฐเองก็ต้องกู้เพิ่ม จำเป็นต้องนำเข้าน้ำดื่ม อาหาร ยา และอื่นๆเพิ่มมากขึ้น ตัวเลขขาดดุลการค้าจะตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่สุดเงินบาทก็จะอ่อนค่าลง เศรษฐกิจย่ำแย่ นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐอย่างบ้านหลังแรก รถคันแรก จำนำข้าว ฯลฯ ต่างก็ล้มละเนระนาดไปด้วยเช่นกัน

ในทางกลับกัน มองไปในด้านบวกด้วยการเปรียบเปรยกับหลังภูเขาไฟระเบิด ลาวาที่ปะทุพวยพุ่งทำลายทุกสิ่งทุกอย่างบนแผ่นดิน ทำลายพืชไร่นาสวน บ้านเรือน ชีวิตผู้คนและสัตว์ต่างๆนาๆ กลับกลายเป็นการสร้างชีวิตใหม่ให้งอกงามมากยิ่งขึ้น แร่ธาตุต่างๆ เกิดขึ้นจากลาวาที่สงบลงเป็นปุ๋ยธรรมชาติชั้นดีให้พืชพันธ์เจริญงอกงามยิ่งกว่า ชีวิตเกิดใหม่มากมาย ท้องฟ้าสดใส และเป็นวัฏจักรที่มาสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง

ฟ้าใหม่กำลังมา วันนี้น้ำที่นครสวรรค์ ลพบุรี อ่างทอง อยุธยา เริ่มลดและแห้งแล้วในบางพื้นที่ ผู้คนจึงเริ่มทำ Big Cleaning กัน สัปดาห์ก่อนที่น้ำถล่มกรุงเทพฯ ใครได้สังเกตราคาหุ้นที่ขึ้นติดต่อกันหรือไม่ นักลงทุนต่างชาติมองเรื่องน้ำท่วมเป็นเรื่องที่มาแล้วก็ต้องไป ดังนั้น การคาดการณ์ทางเศรษฐกิจในด้านลบที่ร่ายยาวมาแต่ต้นก็จะย้อนกลับไปในทางบวกทั้งหมดโดยเร็ว ด้วยพลังแห่งความสามัคคีที่ต้องไม่ให้แตกครับ

เสียใจ ภาวะฝ่าวิกฤตน้ำท่วมนี้ ทำให้ผมมองเรื่องการศึกษาบ้านเราที่ต้องเปลี่ยนแปลงอย่างเร่งด่วน มิเช่นนั้นเรายังจะต้องเสียใจกันแบบนี้ต่อไปทุกๆปี ความรู้พื้นฐานในเชิงภูมิศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ที่เกี่ยวกับภัยพิบัติโดยเฉพาะน้ำท่วม พวกเราไม่มีในหัวเลย วิกฤตครั้งนี้ พวกเราเพิ่งจะได้เรียนรู้เรื่องราวหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่ได้ยากเย็นอะไร เป็นเรื่องพื้นๆใกล้ตัวเราทั้งสิ้น คลองมากมายในพื้นที่ที่เราอยู่ เราไม่เคยรู้จักมาก่อน วันนี้ก็ได้รู้ มีกี่คนที่เคยได้ยินชื่อคลองสามวา ความสำคัญของแต่ละคลองเป็นอย่างไร มันทำหน้าที่อะไร น้ำไหลจากไหนไปไหน เมื่อไรจะขึ้นจะลง พื้นที่ไหนต่ำสูง ระดับน้ำทะเลเกี่ยวข้องอย่างไร เขื่อนทำงานยังไง ตลอดจนแนวทางป้องกัน นวัตกรรมต่างๆ สิ่งประดิษฐ์ต่างๆ

แม้ว่าในประวัติศาสตร์ เราจะอยู่กับน้ำมาตลอด แต่เราไม่เคยเรียนรู้เลย ได้เรียนแต่ “ในน้ำมีปลาในนามีข้าว” กันตั้งแต่เล็ก มุ่งเน้นแต่เรื่องของการทำมาหากินแบบทุนนิยมกันจนเคยชิน ทุกอย่างใช้เงินจ้างหมด รู้จักแต่ว่าจะเรียกช่างน้ำ ช่างประปา ช่างไฟ ไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่า ท่อต่างๆในบ้านมันต่อมันเดินกันอย่างไร ไฟฟ้าดูด ไฟรั่วได้ยังไง ไม่มีหนังสือ ประเภท how to อย่างในต่างประเทศ

ปัญหาน้ำท่วมวันนี้ทุกคนเสียใจและยอมรับว่าเป็นปัญหาของตนเอง ชีวิตที่ต้องพลิกผันกันไป ต่างๆนาๆ หากยังไม่คิดแก้ไขมาเรียนรู้เรื่องท้องถิ่น เรื่องใกล้ตัว ศึกษากันแบบภัยพิบัตินิยมหรือน้ำท่วมนิยม (ไม่) ให้มากกว่าเรื่องของทุนนิยม พวกเราคนไทยก็คงจะต้องเสียใจและเสียหน้าไม่กล้าไปมาเลเซียอีกต่อไป

ช่วยตัวเอง การช่วยเหลือตัวเองในภาวะวิกฤตเช่นนี้เป็นเรื่องที่จำเป็นที่สุด ทำตัวไม่ให้เป็นภาระของผู้อื่น เพื่อให้ผู้ที่มีศักยภาพ ผู้ที่มีจิตอาสา ภาคเอกชนที่ก่อตั้งเป็นกลุ่มก้อน ทำงานได้ง่ายขึ้นสะดวกขึ้นเพื่อลดจำนวนผู้เดือดร้อน หันไปช่วยเหลือผู้ที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เช่น คนป่วย คนชรา ผู้พิการ และเด็กเล็ก ยังช่วยให้สิ่งของทั้งอุปโภคและบริโภคเพียงพอต่อผู้ที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้จริงๆ ในห้วงแห่งความโกลาหลนี้ เราได้เห็นผู้ที่จริงใจและไม่จริงใจกันแล้ว ใครทำทีช่วยเหลือ ใช้ตำแหน่งและอำนาจเข้ามาจัดการมากกว่าจิตที่บริสุทธิ์ ใครเอาหน้า กักตุนสินค้า สวมรอย เข้ามาทำการค้า โกงกิน ใครถือวิกฤตเป็นโอกาสที่แฝงไปด้วยแผนงานและโครงการคอรัปชั่นอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเบาะๆ ที่เห็นๆ ก็อย่างเช่น เรือที่ได้รับบริจาคจากบริษัทแอร์โรคลาสหรือในส่วนที่ขายในราคาทุนเพียงไม่กี่พันบาท วันนี้ถูกนำมาจำหน่ายโก่งราคาถึงเกือบแปดพันบาท ถุงทรายที่ถุงละไม่ถึงสิบบาทวันนี้ราคาขึ้นไปถึงเจ็ดแปดสิบบาท น้ำดื่มที่กักตุนกันไว้หรือได้รับบริจาคมาก็มีการนำมาขายในราคาเอากำไรเกินควร ทับถมความลำบากให้กับผู้คนมากยิ่งขึ้น

ในขณะที่บริษัทผู้ผลิตน้ำดื่มสะอาดรายย่อยเกือบ 7 พันบริษัทจากทั่วประเทศร่วมมือกันขายในราคาเดิม ต่างก็ไม่เห็นด้วยกับการนำเข้าน้ำดื่มจากต่างประเทศ เจ้าของกิจการที่มีจิตใจดี อย่างโรงแรมที่เกิดวิกฤต ชาวต่างชาติยกเลิกห้องพัก วันนี้หลายๆแห่งก็ยินดีลดราคาพิเศษให้กับคนไทยด้วยกันเอง บริษัทเอกชนหลายแห่งไม่เพียงแต่จัดตั้งทีมอาสาช่วยเหลือผู้คน บริจาคทั้งสิ่งของและปัจจัย สินค้าที่ขายกันอยู่ทั่วไป ต่างก็ลดราคาแบบยิ่งกว่า Clearance Sale กันมากมาย ด้วยหวังเพียงแค่บรรเทาทุกข์ บรรเทาราคาให้กับผู้คนครับ

การช่วยเหลือผู้อื่น ก็เหมือนการช่วยเหลือตัวเองเช่นเดียวกับการช่วยเหลือตัวเองก็เหมือนการช่วยเหลือผู้อื่น ที่สุดก็เข้าตำรา One for All, All for One

หลายคนคงเบื่อข่าวน้ำท่วม เบื่อคำว่า เอาอยู่ แตกแล้ว เสียใจ และช่วยตัวเอง ที่ได้ยินกันทุกชั่วโมง ลองมาดู คลิปเด็ก ๆน่ารัก ๆจากไทย พีบีเอส นี้สิครับ http://www.youtube.com/watch?v=tQDVcgYSvFE อย่างไหนดีกว่า

ที่มา.กรุงเทพธุรกิจ
///////////////////////////////////////////////////////

เมืองไทยยุคหน้าด้าน !!?

แปลกจริงแฮ่ะ, แก้ปัญหาให้กับแผ่นดิน “นายกฯปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับมีเสียงขับไล่
ทั้งที่ “มาตรฐาน”แก้ปัญหามหาวิบัติภัยน้ำท่วม ทำได้ดีเยี่ยมระดับหนึ่ง..
เทียบกับ “ผู้นำ” อกสามศอกแล้ว...เธอเหนือชั้นกว่า อย่างคาดไม่ถึง
ถ้า “ยิ่งลักษณ์” ต้องรับผิดชอบ...แล้ว “ผู้นำเก่า” ที่เก็บมวลน้ำมหาศาล จนน้ำเหนือหลากมาเหมือนกัน “เขื่อนแตก” ...กลับลอยตัว กล่าวหาคนอื่นผิด!!
คนแก้ปัญหากลับถูกใส่ไคล้...คนทำผิดกลับลอยนวลไป?..หรือเมืองไทยถึงยุคหน้าด้านสนิท??

++++++++++++++++++++++++++++

“ทักษิณคิดเพื่อไทยทำ”!!
ตามมาเป็นผีหลอกหลอน เพื่อยุบ “พรรคเพื่อไทย” ซ้ำ??
อยากจะวิงวอน อย่าได้ก่อวิกฤติชาติ ให้ทะรูดทะราด กันมากไปกว่านี้
“ยุบพรรคเพื่อไทย” ทำให้แผ่นดินสูงหรือก็เปล่า..แล้วจะทำกันทำไมล่ะพี่
มีแต่จะสร้างความแยกแตก เป็นเงื่อนปมให้ชาติบาดเจ็บ สาหัสมากกว่าเดิม
ฉะนั้น,กระซิบเป็นการด่วน....อย่าสร้างสถานการณ์กระอักกระอ่วน?..อย่าได้จุดชนวนเพิ่ม

+++++++++++++++++++++++++++

มีความเป็น “นักรบที่กล้าหาญ”
รบพุ่งมุ่งเอาชนะชัย ไม่ผิดอะไรกับ “กวนอู” เชียวล่ะท่าน
ต้องยอมรับว่า “พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี” เป็นนักรบที่ซื่อสัตย์ต่อแผ่นดิน เป็นอย่างดี
จะเก็บ..โดยไม่ใช้สอย กลัวจะเสียทรัพยากรแผ่นดิน หมดเท่านั้นแหละคุณพี่
ดังนั้น,อยากเห็น “นายกฯปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดึง “พล.อ.พัลลภ” มาเป็นประธานควบคุมการใช้จ่ายเงินงบประมาณแผ่นดิน ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่รัฐบาล ได้กำหนดเอาไว้
“พล.อ.พัลลภ”ไม่โกงกิน..ซื่อสัตย์เท่ากับ “เปาปุ้นจิ้น”?..ตั้งมาปราบคนโกงกิน ดีจริงๆจะบอกให้

+++++++++++++++++++++++++++

อย่าเป็นเหมือน “น้ำ”
ถึงจะมีคุณ แต่ถ้ามามากเกินไป ประชาชน เขาก็บอบช้ำ??
ขณะนี้ชื่อเสียงเกียรติคุณ “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” และ “จตุพร พรหมพันธ์ุ” กำลังขึ้นหม้อ
จะทำอะไร มีคนจับผิด เล่นงานทุกข้อ
ทั้งสองยังมีบทบาทอีกมาก..วันหน้าต้องเติบโตจนใครรั้งไม่หยุด..แต่ตอนนี้ต้องรักษาเนื้อรักษาตัวให้ดี
ก้าวโตทีละสะเต็ป...รับประกันว่าไม่มีเจ็บ?..ไม่โดนคนเขาเหน็บ ให้เจ็บใจด้วยนะสิ

++++++++++++++++++++++++++

“รัฐธรรมนูญอสูร”
เกาะแข้งเกาะขา “รัฐธรรมนูญ” ที่เป็น “เผด็จการทหาร” ไปถึงไหนกันจ๊ะพ่อคุณ
ประชาธิปไตยเต็มใบ อำนาจศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นของประชาชน ที่มาจาก “รัฐธรรมนูญปี ๕๐” ทำไมไม่ต้องการ...
เมื่อ “พรรคเพื่อไทย” เดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ ฉบับหน้าแหลมฟันดำ ของ “คมช.” ก็ต้องสนับสนุน กันหน่อยล่ะท่าน
พรรคใดที่คัดค้าน และ ขัดขวาง ต้องการเชลียร์ท๊อปบูต ให้เขาทำกันไปตามสะดวกเสร็จสรรพ
กลัวว่าไม่ได้เกาะหลังเผด็จการ..ไม่มีวัน?..ได้เป็นรัฐบาล เช่นนั้น จริงมั้ยล่ะขอรับ

คอลัมน์:ตอดนิดตอดหน่อย,บางกอกทูเดย์
*****************************************************

วันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

บทความ: จดหมายจากคลองกระจง ถึง คุณเอกยุทธ อัญชันบุตร !!?

โดย : ปฐม พยัคฆ์ร้ายเเห่งคลองบางหลวง..

"สวัสดีครับ คุณ เอกยุทธ อัญชันบุตร ครับ วันนี้ทันทีที่ข้าพเจ้าได้อ่านสเตตัสของท่านแล้วก็เห็นว่า ข้าพเจ้าสมควรเขียนอะไรถึงท่านสักหน่อย ข้าพเจ้าไม่ออกความเห็นว่าสิ่งที่ท่านคิดเป็นอย่างไร เลว ดี อย่างไร ข้าพเจ้าคงตอบท่านไม่ได้เพราะข้าพเจ้าเองนั้นไม่ได้มีพื้นกำเนิดอันเดียวกับท่านเลยไม่รู้ว่าท่านสูงส่งมาจากไหนและข้าพเจ้าก็ไม่คิดจะขุดคุ้ยท่านแต่อย่างใดเพราะมันไม่ใช่สิ่งที่บัณฑิตพึงทำ

"คุณเอกยุทธครับ คุณรู้จักตำหนักแดงในพระบรมมหาราชวังไหมหรืออีกนัยยะหนึ่งเขาจะเรียกว่า ตำหนักเจ้าดารา เจ้าดารานั้นพระนามเต็ม ๆ ของพระองค์คือ เจ้าหญิงดารารัศมี เป็นพระธิดาของเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าหลวงแห่งเชียงใหม่ ความสำคัญของพระองค์คือเป็นผู้ที่ผนวกแผ่นดินล้านนากับแผ่นดินสยามให้เป็นปึกแผ่นกันทั้ง ๆ ที่พระองค์เองมีสิทธิที่จะเป็นเจ้าหญิงหรือบุตรบุญธรรมของพระราชินีวิคตอเรียแห่งอังกฤษ ถ้าพระเจ้าอินทวิชยานนท์เลือกทางนั้นข้าพเจ้าก็นึกไม่ออกจริง ๆ ว่าแผ่นดินล้านนาในทุกวันนี้จะเป็นอย่างไร อย่างน้อย ๆ ก็อาจจะเป็นถึงฮ่องกงแห่งภาคพื้นอุษาคเนย์ก็เป็นได้ แต่เพราะเหตุอันใดนั้นไม่ทราบพระเจ้าอินทวิชยานนท์ถึงเลือกจะส่งลูกสาวของพระองค์มายังสยามประเทศ ทำให้แผ่นดินสยามกับล้านนาประเทศเป็นอันหนึ่งเดียวกันและทำให้สยามประเทศนั้นปลอดภัยภยันตรายอันเกิดจากประเทศอังกฤษเจ้าอาณานิคม

"ดังนั้นถ้าจะมองว่าสตรีสูงศักดิ์เหนือทำให้ประเทศพ้นภัยก็น่าจะได้นะครับคุณเอกยุทธ นี่ไม่ใช่สิ่งเดียวที่ข้าพเจ้าอยากพูดถึงหรอกครับยังมีอีกเรื่องคือ คุณเอกยุทธรู้จักคำว่า นางสาวถิ่นไทยงาม ไหม ถ้าข้าพเจ้าจำไม่ผิดนางงามเวทีนี้คือรายการประกวดประชันนางงามภาคเหนือที่เกิดขึ้นในสมัย จอมพล. ป. พิบูลสงคราม และไม่เพียงเท่านั้นท่านจอมพลคนเดียวยังเป็นคนให้จังหวัดทางภาคเหนือมีการจัดงานฤดูหนาวและประกวดนางงามในงานนั้นด้วย ที่ข้าพเจ้าพูดมาถึงตรงนี้เพียงเพราะอยากจะชี้ให้ท่านเห็นว่า อาณาจักรล้านนา มีการเปลี่ยนแปลงในเวลาที่ใกล้ ๆ กัน แต่ข้าพเจ้าเข้าใจเอาเองว่าความเปลี่ยนแปลงขั้นรุนแรงของล้านนานั้นมาเกิดขึ้นในสมัย จอมพล ป. ที่ประกาศใช้ลัทธิชาตินิยมอย่างเต็มขั้น ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ มากมายในแผ่นดิน ไม่ใช่เพียงแต่ล้านนาที่ได้ผลกระทบ เพราะนโยบายของจอมพล ป. นโยบายเดียวทำให้เกิดผลกระทบไปทุกภูมิภาค ตอนนั้นทางอีสานก็ระส่ำ ทางใต้ก็ระส่าย ทางเหนือก็เจอยัดเยียดความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น

"สิ่งที่ จอมพล ป. ทำนั้นทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงมากมายในแผ่นดินล้านนาและน่าจะเป็นการเปิดประตูล้านนาให้คนอื่นได้เข้าไปยึดครอง โดยเฉพาะเรื่องความงามของสาวเจ้าความงามของสาวเหนือได้ปรากฏสู่สายตาโลกกว้างก็คงเพราะจากนโยบายนี้ของท่าน ข้าพเจ้าคิดไปเอาเองว่าจากนั้นก็เริ่มมีการล่อการลวงเกิดขึ้นมากมายตามมา แต่สิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุดคือ การเปลี่ยนแปลงการปกครองในแผ่นดินล้านนาซึ่งมาจากนโยบายของรัฐบาลกลาง ป่าไม้ เหมืองแร่ ทรัพยากรต่าง ๆ ที่เขาหาได้โดยง่ายก็ถูกยึดครองเป็นของรัฐ รัฐบาลกลางได้เข้าไปยึดถือครองและทำให้ความเป็นอยู่ของพวกเขาเลวร้ายลง กฏเกณฑ์ของรัฐบาลกลางนั้นไม่เอื้อกับความเป็นอยู่ของเขาจึงทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่ ล้านนาที่เคยเป็นดินแดนที่เรียบง่าย งดงาม ก็ต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว และที่สำคัญเป็นความเปลี่ยนแปลงที่เขาต้องการหรือไม่... นั่นเป็นสิ่งที่รัฐบาลกลางไม่เคยเพียรถาม เขาได้แต่คิดว่าต้องเปลี่ยนต้องยึดโดยไม่สนใจด้วยซ้ำว่าคนพื้นที่คิดอย่างไร มีคนพูดถึงว่า ′หลังจากเปลี่ยนแปลงการปกครอง ความเป็นล้านนาก็ค่อย ๆ หายและลบเลือนไป เขาเอาสิ่งที่ไม่ต้องการมาให้เราและก็ยังกดขี่เรา′ คำกล่าวนี้น่าจะเป็นจริง แต่จะเป็นจริงอย่างไรนั้นต้องให้คนพื้นที่มาตอบเองข้าพเจ้าเพียงแต่มองจากสายตาคนอ่านหนังสือมาเท่านั้น

"สิ่งที่ตามมาคือความยากเข็ญในแผ่นดินล้านนา นายทุนเริ่มบุกไปเอาเปรียบ รัฐบาลกลางเริ่มขูดรีดและจัดระบบจนทำให้พวกเขาไม่สามารถใช้ชีวิตเรียบง่ายได้เหมือนเดิม เกิดการดิ้นรนและต่อสู้เพื่อจะมีชีวิต ความเชื่อที่ว่าสาวเหนือนิยมมาขายตัวก็เกิดมาจากตรงนี้... แต่คุณเอกยุทธรู้ไหมว่าเพราะอะไรถึงมีการขายลูกกิน... ไม่มีใครที่ขายลูกในอกได้หรอกครับ ข้าพเจ้าเชื่อเช่นนั้นแต่ถ้าเขาแร้นแค้นไม่มีแม้แต่เงินจะยาไส้จึงบีบให้เขาต้องทำ ก่อนหน้านี้มาถ้าเรามองย้อนไปเคยเกิดเรื่องราวแบบนี้ไหมในแผ่นดินล้านนา สถานชำเราชายก็เป็นคนจีนเสียส่วนใหญ่ ตึกต่าง ๆ ในเยาวราชก็เป็นต่างด้าวและเป็นชาวจีนที่หนีภัยพิบัติและสงครามมา แต่ก่อนมีแต่คนจีนจริง ๆ ที่ทำอาชีพนี้แต่เมื่อคุณไปบีบคั้นเขาและล่อลวงมาชาวเหนือจึงตกเป็นขี้ปากอย่างปฏิเสธไม่ได้

"เขาไม่ได้มาขายตัวเพราะขี้เกียจ แต่มีการศึกษาพบแล้วว่า คนเหนือที่มาขายบริการในกรุงเทพฯ เพราะส่วนหนึ่งถูกล่อลวงมา พ่อแม่จำเป็นต้องขายพวกเธอเพราะถูกคนกดขี่เอารัดเอาเปรียบ ถ้าจะพูดกรุณาพูดให้ถูก ข้าพเจ้าขอแนะนำให้ท่านไปอ่านหนังสือของ สุภาพบุรุษน้ำหมึก อย่าง คุณ ณรงค์ จันทร์เรือง หนังสือเกือบทุกเล่มของท่านมีเนื้อหาเกี่ยวกับการผู้หญิงขายบริการไม่ว่าจะเป็น เทพธิดาโรงแรม เทพธิดาวารี เทพธิดาคาเฟ่ โดยเฉพาะ เทพธิดาโรงแรม ที่โด่งดังก็ชี้ให้เห็นชัดว่า มาลี เธอมาขายบริการเพราะอะไร ไม่ใช่เพราะความซื่อของเธอหรอกเหรอถึงถูกหลอก ไม่ใช่เพราะความเลวระยำของคนกรุงเทพฯ เหรอที่ไปล่อลวงเขามา

"ถ้าข้อความดูถูกผู้หญิงเหนือจะหลุดออกมาจากใครสักคน ข้าพเจ้าไม่คิดเลยจะออกมาจากคนที่มีชาติกำเนิดดีและมีการศึกษาที่ดีอย่างท่านเลย ทำไมคนอย่างท่านถึงดูเหตุและปัจจัยไม่ออกครับ ทำไมถึงกล่าวว่าคนทั้งภาคทั้ง ๆ ที่ภาคนั้นได้ช่วยเหลือให้เราได้เป็นไทยจนถึงทุกวันนี้ เราปฏิเสธไม่ได้ว่า ถ้าวันนั้นเขาเลือกจะไปทางอังกฤษ ข้าพเจ้าก็ไม่รู้ว่าประเทศไทยในวันนี้จะเหลือแผ่นดินแค่ไหนกัน... และจากประวัติศาสตร์ก็บอกชัด ๆ ว่า รัฐบาลของประเทศไทยทั้งนั้นที่รังแกเขา ทำไมถึงถึงได้หยาบคายกับเพื่อนมนุษย์ได้ขนาดนี้ ข้าพเจ้าไม่เข้าใจ...

"แต่ผ่านอ่านคอมเมนต์คุณไป ข้าพเจ้าก็ได้พบว่า ท่านได้แก้ตัวไว้ถึงสองความเห็นว่า

′ต้องขออภัยนะครับ หากทำให้บางท่านไม่ชอบใจ..แต่กรุณาอ่านข้อความให้ชัดเจนครับ..ไม่ได้กล่าวหาหรือดูถูกใคร แต่กล่าวในความเป็นจริง และน่าจะเข้าใจกันดีว่าหมายถึงใครครับ..ผมเคารพในสิทธิ์และทุกอาชีพ แต่ไม่ยอมรับพวกหน้าด้านที่ทำให้สังคมและประเทศเสียหายครับ..และหญิงบริการก็ไม่ได้สร้างความเดือนร้อนให้ใครแต่คนบางคนที่ไม่มีสติปัญญาก็ไม่ควรอาสาเข้ามานี่ครับ..′

และ ′คุณคุณหมายความว่า หากมีอาชีพขายบริการแล้วต้องยกย่องก็คงได้มั้งครับ..ผมคิดว่าหากเข้าใจความหมายต่างกัน ก็ไม่ใช่สิ่งที่น่ารังเกียจ แต่หากจะเอาความคิดตัวเองว่าวิเศษ เลอเลิศแล้วก็คงไม่ต้องมาแสดงความคิดเห็นกันครับ..ผมจะพูดอย่างไร ก็ต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว ไม่ได้พล่ามและไร้สติ..ความหมายก็แล้วแต่ผู้อ่านจะคิดและตัดสินกันเอง..อย่าเอาความคิดตัวเองไปตัดสินคนอื่นครับ..และหากจะกล่าวว่าผมดูถูกก็ตามสบายแต่บอกแล้วว่าผมรังเกียจพวกเกียจคร้านแต่อยากสบายโดยวิธีง่ายๆก็เท่านั้น..ส่วนคุณจะชอบหรืออย่างไรก็ตามสบายคุณครับ..′

"ข้าพเจ้าอยากจะบอกว่า... สิ่งที่คุณพูดบนสเตตัสว่าอย่างไร คุณต้องรับผิดชอบให้ครบไม่ใช่มาถึงกลางลำก็แก้ตัว เพราะสิ่งที่คุณพูดมันเป็นแค่คำพูดของคนรู้ไม่จริง เพราะสาวเหนือที่มาขายบริการส่วนใหญ่นั้นเพราะถูกหลอก ส่วนขี้เกียจและแก้ปัญหาด้วยการขายตัวมันมีทุกภาคล่ะครับ แม้แต่ประเทศที่เจริญแล้วอย่างญี่ปุ่นและอเมริกาก็ยังมี มันมีกันทั้งโลกไม่ใช่แค่สาวเหนืออย่างเดียว...

"และถ้าในมุมมองของคุณนั้นก็บิดเบี้ยวเป็นอย่างมาก เพราะคุณปูไม่ใช่คนขี้เกียจแต่ถ้าคุณจะมองว่าเขาไม่มีปัญญานั้นก็เป็นสิทธิของคุณแต่คุณไม่มีสิทธิไปบอกให้เขาไปทำอะไรหรือไปชี้่ว่าเขาควรไปทำอะไรโดยเฉพาะอาชีพไม่พึงประสงค์เช่นนั้น..."

////////////////////////////////////////////////////

มีผู้แจ้งความเอกยุทธ อัญชันบุตร-พร้อมเรียกร้องให้ขอขมา !!?

กลุ่มผู้หญิงในเชียงใหม่ ร่วมกับ ส.ส.เชียงใหม่ แจ้งความดำเนินคดีต่อนายเอกยุทธ อัญชันบุตร กรณีโพสต์ข้อความโจมตีสตรีภาคเหนือในเฟซบุค

 บริเวณสถานีตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ กลุ่มพลังผญ๋าแม่ญิงล้านนาเจียงใหม่ (แปลว่า กลุ่มพลังปัญญาผู้หญิงล้านนาเชียงใหม่) ร่วมกับส.ส. จังหวัดเชียงใหม่ ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อนายเอกยุทธ อัญชันบุตร ในกรณีที่ได้โพสต์ข้อความดูถูกสตรีภาคเหนือในเฟซบุคเมื่อวานนี้ (ข่าวที่เกี่ยวข้อง)


โดยกลุ่มพลังผญ๋าแม่ญิงล้านนาเจียงใหม่ ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของกลุ่มสตรีหลายอำเภอในจังหวัดเชียงใหม่ ได้รวมตัวกันบริเวณอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ แถลงการณ์คัดค้านและประณามข้อความดังกล่าว โดยมีการแจกข้อความที่นายเอกยุทธโพสต์ รวมทั้งประวัติของนายเอกยุทธให้กับผู้สื่อข่าว และกลุ่มผู้หญิงที่มารวมตัวกัน

โดยในแถลงการณ์ได้คัดลอกข้อความของนายเอกยุทธมา และระบุว่าข้อความดังกล่าวเป็นการดูถูกดูหมิ่นดูแคลนผู้หญิงชาวเหนือ และนายเอกยุทธ อัญชัญบุตรต้องรับผิดชอบในการกระทำที่ทำให้เสื่อมเสียครั้งนี้ และเรียกร้องให้นายเอกยุทธออกมาขอขมาหรือขอโทษสตรีชาวเหนืออย่างเป็นทางการ

นางสุชีรา รักษาภักดี ประธานกลุ่มพลังผญ๋าแม่ญิงล้านนาเชียงใหม่ กล่าวว่าเมื่อได้อ่านข้อความนี้ ตนรู้สึกเสียใจและเสียความรู้สึก ไม่ว่าคนเสื้อสีใด ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง หรือไม่ว่าจะอยู่ทางภาคเหนือหรือไม่ก็ตาม เมื่อได้อ่านข้อความนี้ ก็ย่อมรู้ว่าคำพูดเช่นนี้ไม่เหมาะสม และไม่สมควร เพราะอาชีพของแต่ละคนก็มีที่มาที่ไป มีศักดิ์ศรีของตน อีกทั้งนายเอกยุทธเป็นผู้ชาย แต่มาพูดคำที่ประณาม หยามเกียรติผู้หญิง เป็นการดูถูก ดูหมิ่น และดูแคลนผู้หญิงคนเหนือทั้งหมด ไม่ใช่เพียงแค่คนที่อยู่ตำแหน่งทางการเมือง ทางกลุ่มของตนจึงจะได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายเอกยุทธ และเรียกร้องให้นายเอกยุทธออกมาขอโทษต่อสตรีชาวเหนือ อีกทั้งยังเรียกร้องให้กลุ่มสตรีจังหวัดต่างๆ ในภาคเหนือ หรือจังหวัดอื่นๆ ได้ร่วมกันแจ้งความดำเนินคดีนายเอกยุทธ ในพื้นที่ของตนเอง

จากนั้นกลุ่มพลังผญ๋าแม่ญิงล้านนาได้เดินทางไปยังสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ เพื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดีนายเอกยุทธ ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา โดยทางตำรวจร้อยเวรได้รับเรื่อง ลงบันทึกประจำวันไว้ และได้ให้นางสุชีราไปแจ้งความอย่างเป็นทางการที่สถานีตำรวจภูธรภูพิงค์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่นางสุชีราเปิดข้อความดูในอินเตอร์เน็ต โดยทางกลุ่มจะได้เดินทางไปแจ้งความที่ สภ.ดังกล่าวในวันพรุ่งนี้ต่อไป


ในระหว่างนั้น นางสาวทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ ส.ส.เพื่อไทย เขต 1จังหวัดเชียงใหม่ได้เดินทางมายังสถานีตำรวจภูธร และให้กำลังใจกลุ่มสตรีที่มาร่วมตัวกัน โดยนางสาวทัศนีย์ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่าในวันนี้ (4 พ.ย.) ทางสมาชิกสตรีของสภาเทศบาล สภาจังหวัดเชียงใหม่ และทางกลุ่ม ส.ส.สตรีในจังหวัด

เชียงใหม่ จะร่วมกันแถลงข่าวในเรื่องนี้อย่างเป็นทางการบริเวณอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ เวลา 11.00 น. เพื่อให้นายเอกยุทธออกมารับผิดชอบต่อข้อความของตัวเอง ซึ่งแม้จะเป็นข้อความที่โพสต์ลงในสื่อออนไลน์ แต่ก็เป็นการเผยแพร่ในที่สาธารณะ เป็นที่รับรู้ในวงกว้าง และยังเป็นการเหยียดหยามผู้หญิงอย่างมาก จึงอยากจะเรียกร้องให้ผู้หญิงทั่วประเทศ ไม่ใช่แค่ภาคเหนือได้ออกมาร่วมกันประณามข้อความดังกล่าวของนายเอกยุทธ

ในส่วนของประเด็นทางกฎหมาย นางทัศนีย์กล่าวต่อว่าจะให้ทางที่ปรึกษากฎหมายของพรรคเพื่อไทยดูว่าจะสามารถดำเนินการอย่างไรได้บ้าง โดยประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนและสิทธิสตรี เป็นสิ่งที่รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญ

ทั้งนี้ตามความผิดฐานหมิ่นประมาท ในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 ระบุว่า “ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะ ทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือ ปรับไม่เกินสองหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ”
และในมาตรา 328 ระบุว่า “ถ้าความผิดฐานหมิ่นประมาทได้กระทำโดยการโฆษณา ด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนตร์ ภาพหรือตัวอักษรที่ ทำให้ปรากฏด้วยวิธีใด ๆ แผ่นเสียง หรือสิ่งบันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือบันทึกอักษร กระทำโดยการกระจายเสียง หรือการกระจายภาพ หรือโดยกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่น ผู้กระทำต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกินสองปีและปรับไม่เกินสองแสนบาท”
นอกจากนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันเดียวกันนี้ ทางกลุ่มสตรีในพื้นที่จังหวัดลำพูนได้มีการรวมตัวการประณามข้อความของนายเอกยุทธเช่นกัน


ผู้สื่อข่าวยังรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะที่เมื่อคืนวานนี้ (2 พ.ย.) ได้มีผู้นำโปสเตอร์ไปติด เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยกับข้อความของนายเอกยุทธ ในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ด้วย โดยโปสเตอร์ถูกติดในหลายอาคารเรียน

ที่มา:ประชาไท
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ความเชื่อมั่นกับปัญหาน้ำ ....

แม้ว่าขณะนี้การแก้ไขปัญหาน้ำเพื่อมิให้น้ำไหลทะลักเข้ากรุงเทพมหานครในเขตชั้นในจะสามารถสกัดกั้นมวลน้ำให้ไหลไปทางอื่นได้หรือไม่นั้น เชื่อว่า ณ วินาทีนี้คงไม่มีใครที่มีคำตอบได้ชัดเจนว่ามาหรือไม่มา ดังนั้นความเชื่อมั่นในเรื่องนี้จึงเป็นความไม่เชื่อมั่นของประชาชนคนกรุงชั้นในที่น้ำยังไม่น่าไว้วางใจ แต่เชื่อว่าประชาชนทุกคนไม่ว่าจะอยู่เขตไหนที่น้ำยังเดินทางมาไม่ถึงต่างก็เตรียมตัวเตรียมใจที่จะรับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในวันใดวันหนึ่ง ส่วนใหญ่จะตั้งมั่นอยู่ในความไม่ประมาทในการรุกเงียบของน้ำที่ค่อย ๆ ไหลเข้ามาท่วม และเชื่อว่าทุกคนรู้อย่างมีสติ ถ้ามีปัญหาน้ำเกิดขึ้นจึงย่อมไม่มีปัญหาของผู้ที่ไม่ประมาท

ปัญหาของน้ำในเวลานี้ยังไม่ได้คลี่คลายให้เห็นแล้วเบาใจ แต่รัฐบาลก็ได้เตรียมแผนฟื้นฟูประเทศและการแก้ไขปัญหาน้ำในอนาคต โดยจะวางแนวทางปรับโครงสร้างระบบน้ำทั้งประเทศ ซึ่งการเตรียมไว้ก่อนดีกว่ามาวางแผนในตอนหลังประเทศไทยไม่มีปัญหาเรื่องน้ำท่วมแล้ว ก็อาจทำให้ประชาชนรู้สึกไม่มั่นใจเรื่องน้ำในวันข้างหน้าได้ ในการวางโครงสร้างระบบน้ำทั้งประเทศของรัฐบาลจะไม่มีนักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยจะมีแต่ผู้ทรงคุณวุฒิเชี่ยวชาญและรู้จริงในเรื่องการแก้ไขปัญหาน้ำจากภาคเอกชนมาช่วยกันจัดระบบ นับว่าเป็นสิ่งที่ดีเช่นกันจะได้ไม่มีปัญหาทางด้านการเมืองจากน้ำลายของนักการเมืองด้วยกันเอง

การจัดระบบน้ำทั้งประเทศคงมีการตั้งคำถามว่า ในอนาคตข้างหน้าจะสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนและชาวต่างชาติที่มาลงทุนในประเทศไทยได้มากน้อยแค่ไหนว่าจะไม่เกิดเหตุน้ำท่วมใหญ่ในกรุงเทพฯ และนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ อีกต่อไป ซึ่งปัญหาความเชื่อมั่นดังกล่าวนี้ คณะทำงานในการจัดระบบน้ำทั้งประเทศไม่ควรที่จะชักช้าในการเสนอแผนต่าง ๆ อย่างเป็นรูปธรรมออกมา เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้และรับทราบถึงความเคลื่อนไหวตลอดเวลา ถึงแม้ว่าปัญหาของน้ำในขณะนี้ยังเป็นปัญหาอยู่ และอีก 6 เดือนข้างหน้าประเทศไทยก็ถึงฤดูฝนอีกแล้ว ฉะนั้นความเชื่อมั่นในเรื่องนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องเร่งสร้างขึ้นมา

เป็นธรรมดาที่รัฐบาลจะใช้วิกฤติน้ำนี้สร้างความเชื่อมั่นของน้ำให้เกิดขึ้นไปยังประเทศต่าง ๆ ได้รับรู้ข่าวคราว เพราะต่างประเทศก็ได้มีการวิเคราะห์สถานการณ์ของเมืองไทยกันในหลายแง่หลายมุม โดยเฉพาะในแง่ลบที่พูดถึงการแก้ไขปัญหาน้ำที่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ก็เหมือนกับเป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจไทยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้นักลงทุนต่างชาติหนีไปลงทุนประเทศเพื่อนบ้านแทน เพราะฉะนั้นนักการเมืองที่ยังสนุกกับการทะเลาะกันในช่วงวิกฤติโปรดพึงระลึกเอาไว้ว่า การเมืองนั้นสามารถไปเขย่าขย่มเศรษฐกิจให้เลวร้ายลงไปอีก ความเห็นต่างนั้นไม่มีใครว่าแน่ แต่ความเห็นต่างนั้นจะต้องมุ่งไปสู่การฟื้นฟูชาติบ้านเมืองด้วยกัน.

ต้นฉบับ: http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=8&contentId=173930

ที่มา: เดลินิวส์
/////////////////////////////////////////////////////////

ปชป.สับยิ่งลักษณ์ 5 คุณสมบัติแย่ไม่ควรเป็น นายก ฯ !!?

โฆษกฯปชป.แฉ ครม. ไม่สนคำเตือนกรมชลฯ สั่งลดการระบายน้ำในเขื่อนรักษานาข้าว เมินพายุเข้า มัวแต่จูบปาก ฮุนเซน ห่วง ทัวร์อาเซียน กว่าจะรู้ตัวน้ำเต็มเขื่อน สั่งระบาย 6 ต.ค. ทำน้ำท่วมเกือบทั้งประเทศ ลำดับเหตุการณ์มัดยิ่งลักษณ์โกหกคำโต โยนบาป ปชป. พร้อมชี้ 5 คุณสมบัติแย่ ไม่ควรเป็นนายกฯ

นายชวนนท์ อินทรโกมาลสุตย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปริมาณน้ำในเขื่อนในลักษณะโยนความผิดให้รัฐบาลประชาธิปัตย์ ว่า เป็นการโกหกคำโตของนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียใจเพราะ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ บอกเสมอให้มุ่งช่วยเหลือประชาชนงดเว้นการตอบโต้ทางการเมือง เพื่อให้ประชาชนรู้สึกว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นที่พึ่งได้ แต่ด้วยความไร้ฝีมือของนายกฯ ทำให้ไม่กล้าพูดความจริงกับประชาชน จนสถานการณ์บานปลายเกิดความเสียหายมหาศาล แทนที่จะแก้ปัญหา นายกฯกลับโยนความผิดให้คนอื่น โดยเฉพาะข้าราชการ เช่น ผู้ว่าฯปทุมธานี และกรมชลประทาน ก็ตกเป็นเหยื่อของรัฐบาล

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังใช้วิธีเบี่ยงเบนความสนใจผ่านเครือข่ายคนเสื้อแดง วิจารณ์ทหาร ฝ่ายค้าน เสนอข่าวลือที่ไม่เป็นจริงทำสังคมสับสนให้ประชาชนหลงประเด็น และนายกรัฐมนตรียังไม่กล้าตัดสินใจในการใช้อำนาจบริหารราชการแผ่นดิน โดยเฉพาะการจัดการพื้นที่ที่มีความขัดแย้ง ซึ่งจะโทษประชาชนไม่ได้เพราะเขาต้องการอยู่โดยได้รับผลกระทบน้อยที่สุด แต่รัฐบาลไม่เคยไปดูแลและไม่พูดชัดเจนถึงการชดเชย ทำให้เกิดเหตุการณ์ประชาชนลุกขึ้นมาต่อต้านเจ้าหน้าที่รัฐที่คลองสามวามและคลองประปา 17 จุด ถ้าน้ำประปาใช้ไม่ได้ นายกฯต้องแสดงความรับผิดชอบ เพราะอำนาจอยู่ในมือนายกฯแต่กลับปล่อยให้ทุกอย่างบานปลาย

นายชวนนท์ กล่าวต่อว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีอำนาจแต่ใช้อำนาจไม่เป็น เช่น การตั้งกรรมการดูแลเปิด-ปิดประตูคลองสามวา เป็นเรื่องน่าแปลกในวิธีบริหาร ที่นายกรัฐมนตรีเป็นคนสร้างปัญหา โดยที่ไม่รู้ผลกระทบแต่ทำตามใจฐานเสียง จากนั้นตั้งกรรมการเป็นแพะรับบาป จากสิ่งที่นายกรัฐมนตรีเป็นคนก่อ ทำให้ไม่มีใครกล้าแนะนำนายกรัฐมนตรี เพราะถ้าเสนอให้ลาออกจะเชื่อหรือไม่ บ้านเมืองคงไม่วิกฤตเท่านี้ ถ้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะไม่มีคุณสมบัติ 5 ข้อ คือ ไม่พูดความจริง โยนความผิดให้คนอื่น เบี่ยงเบนความสนใจ ไม่กล้าตัดสินใจ และใช้อำนาจไม่เป็น

ที่มา:หนังสือพิมพ์โลกวันนี้
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เอกยุทธ อัญชัญบุตร ด่าสาวเหนือ กระทบยิ่งลักษณ์ !!?

เจ้าของเว็บไซต์ไทยอินไซเดอร์ ด่ายิ่งลักษณ์ “ยายหน้าโง่” หน้าด้านเข้ามารับตำแหน่ง ให้ทบทวนอาชีพที่เหมาะกับตัวเอง ระบุสาวเหนือไร้การศึกษา ขี้เกียจ ด้อยปัญญา มักทำงานขายบริการ ขณะที่มีผู้ตั้งกลุ่มต่อต้านเอกยุทธในเฟซบุคเรียกร้องให้ออกมาขอโทษ

นายเอกยุทธ อัญชัญบุตร เจ้าของเว็บไซต์ไทยอินไซเดอร์ ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุคว่า “ไม่อยากจะกล่าวคำแบบนี้ เพราะจะดูเสมือนดูถูกสตรี..แต่ในความเป็นจริงนั้น..สาวเหนือที่ไร้การศึกษาหรือขี้เกียจ และด้อยปัญญา จะมาทำงานสบายที่หญิงปกติไม่ทำกัน..หลักๆก็คือขายบริการ..ฉะนั้นสาวเหนือที่ไร้สติปัญญาและโง่เขลาขนาดหนักแต่หน้าด้านมารับตำแหน่ง ก็ควรจะรู้นะว่าอาชีพอะไรที่เหมาะแก่คุณ ?”

ekayuth
ekayuth2

โดยข้อความดังกล่าวมีผู้มาคลิกไลค์และวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก ซึ่งนายเอกยุทธได้ตอบโต้ข้อวิพากษ์วิจารณ์ว่า

“ต้องขออภัยนะครับ หากทำให้บางท่านไม่ชอบใจ..แต่กรุณาอ่านข้อความให้ชัดเจนครับ..ไม่ได้กล่าวหาหรือดูถูกใคร แต่กล่าวในความเป็นจริง และน่าจะเข้าใจกันดีว่าหมายถึงใครครับ..ผมเคารพในสิทธิ์และทุกอาชีพ แต่ไม่ยอมรับพวกหน้าด้านที่ทำให้สังคมและประเทศเสียหายครับ..และหญิงบริการก็ไม่ได้สร้างความเดือนร้อนให้ใคร แต่คนบางคนที่ไม่มีสติปัญญาก้ไม่ควรอาสาเข้ามานี่ครับ..”

ekayuth3
ekayuth4
ekayuth5
ekayuth6

“คุณคุณหมายความว่า หากมีอาชีพขายบริการแล้วต้องยกย่องก็คงได้มั้งครับ..ผมคิดว่าหากเข้าใจความหมายต่างกัน ก้ไม่ใช่สิ่งที่น่ารังเกียจ แต่หากจะเอาความคิดตัวเองว่าวิเศษ เลอเลิศแล้วก็คงไม่ต้องมาแสดงความคิดเห็นกันครับ..ผมจะพูดอย่างไร ก้ต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว ไม่ได้พล่ามและไร้สติ..ความหมายก้แล้วแต่ผู้อ่านจะคิดและตัดสินกันเอง..อย่าเอาความคิดตัวเองไปตัดสินคนอื่นครับ..และหากจะกล่าวว่าผมดูถูกก็ตามสบาย แต่บอกแล้วว่า ผมรังเกียจพวกเกียจคร้านแต่อยากสบายโดยวิธีง่ายๆ ก็เท่านั้น..ส่วนคุณจะชอบหรืออย่างไรก็ตามสบายคุณครับ..”

หลังจากนั้น นายเอกยุทธไม่ได้ตอบโต้ความเห็นในสเตตัสเดิม แต่ได้โพสต์สเตตัสใหม่ต่อเนื่องวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และผู้ที่เข้ามาแสดงความเห็นไม่พอใจต่อการโพสต์ข้อความของเขา

“ตำแหน่งนายกฯ นั้น ไม่ใช่ของครอบครัว..และไม่ใช่ที่ฝึกหัดงาน..หากไร้ปัญญาก็อย่าหน้าด้านมารับตำแหน่ง..”

“สื่อถามรัฐบาลและผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายว่าต้องการความช่วยเหลือจากต่างประเทศเรื่องน้ำท่วมมั้ย ? คำตอบที่ได้คือ "เราช่วยตัวเอง" ได้...มิน่าถึงได้ยินบ่อยๆว่า"เอาอยู่ค่ะ"

ekayuth7

“รัฐบาล"มาร์ค" ไข่ชั่งโลขาย..แต่รัฐบาล"ปู"..ไข่ใบละ 8 บาท..อย่าไปกังวลมากรัฐบาล"ปูไข่" นั่นเอง...”
“รัฐบาลนี้ถนัดและเก่งอย่างเดียวคือการเป็น "นักกู้ " เริ่มจาก "กู้น้ำท่วม ".."กู้ความมั่นใจนักลงทุน ".." กู้เงิน"...ดีนะที่"ธิลิ้ม" ไม่ได้ร่วมรัฐบาล..ไม่งั้นต้อง "กู้ชาติ "อีกแล้ว....”

ekayuth8

“คนบางกลุ่มงมงายและหลงไหลในคนที่พล่ามและสร้างภาพและต้องตกอยู่ในสภาวะเป็นนักโทษหนีคุก..จะทนไม่ได้และไม่ยอมรับความจริงกับคนที่เอาความจริงมาพูดว่า"โง่แล้วอยากอาสามาทำงาน" เลยพล่านกันไปหมด..”

ทั้งนีเมื่อมีผู้โพสต์ลิงก์ “กลุ่มคนรักภาคเหนือ เรียกร้องให้ "เอกยุทธ อัญชันบุตร" ออกมากราบเท้าสาวเหนือคนเหนือ.....” นายเอกยุทธ์ กล่าวตอบว่า

“ทราบครับ..แต่ผมคิดว่าสิ่งที่พวกเค้าพยายามพูดถึงนั้น ไม่ตรงกับความหมายที่ผมสื่ออกไป..ตามสบายพวกเค้าครับ..คงเครียดกับ"ความโง่"ของคนที่พวกเค้าคลั่งมากมั่งครับ..”

ekayuth9

“จะอนาถหรือสงสารหรือเวทนาบรรดาสาวกทักษิณดีครับ ? พวกที่เข้ามาในบล๊อคผมและต่อว่าด้วยถ้อยคำที่พวกเสื้อแดงถ่อยๆบางคนใช้นั้น ก็คงไม่ต่างกับคนที่พวกเค้างมงายหรอก..ผมเป็น ปชช.ธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่ยอมให้ตระกูลชั่วๆหรือพวกโง่เขลามานั่งเสนอหน้าบริหารประเทศหรอก..อายหมาว่ะ ++++”

ekayuth10

“หากจะมีคนเกลียดผมเพิ่ม 15 ล้านคน เพราะผมว่า"ยัยหน้าโง่" แล้ว ก็ยังสบายใจที่ยังมีอีก 50 ล้านคนที่ไม่ได้เกลียดหรือรัก...”

ekayuth11

สำหรับปฏิกิรยาตอบโต้กรณีที่นายเอกยุทธ์กล่าวพาดพิงผู้หญิงชาวเหนือนั้น ผู้เล่นเฟซบุ๊กจำนวนหนึ่งได้รวมตัวกันสร้างเพจ กลุ่มคนรักภาคเหนือ เรียกร้องให้ "เอกยุทธ อัญชันบุตร" ออกมากราบเท้าสาวเหนือ โดยเมื่อเวลา 22.20 มีผู้คลิกไลค์กลุ่มดังกล่าวแล้ว 695 คน โดยเพจดังกล่าวมีการแชร์ประวัติของนายเอกยุทธ์ซึ่งเคยต้องคดีฉ้อโกง และคดีกบฏจนต้องหลบหนีออกนอกประเทศ

ทั้งนี้ นายเอกยุทธ์เป็นเจ้าของเว็บไซต์ไทยอินไซเดอร์ ซึ่งต่อต้านรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ในอดีตเคยต้องคดีแชร์ชาร์เตอร์มีผู้เข้าร้องเรียนกับกองปราบเป็นจำนวนหลายพันคน ทางการประกาศอายัดทรัพย์สินของเอกยุทธ อัญชันบุตร บริษัท ชาร์เตอร์ และผู้ถือหุ้น เพื่อนำออกขายทอดตลาด และต้องคดีกบฏทหารนอกราชการ เมื่อ พ.ศ. 2528 และหลบคดีออกนอกประเทศ โดยเปลี่ยนชื่อเป็น จอร์จ ตัน และขอลี้ภัยการเมืองที่สวิตเซอร์แลนด์ จากนั้นจึงย้ายไปนิวยอร์ก และเริ่มทำธุรกิจในตลาดค้าหุ้นวอลล์สตรีท และทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ปัจจุบันมีธุรกิจหลักอยู่ในลอนดอน และกัวลาลัมเปอร์

นายเอกยุทธ์เพิ่งจะเดินทางกลับประเทศไทยหลังจากคดีหมดอายุความแล้วและกลับมาเป็นข่าวคราวอีกครั้งในกลางปี พ.ศ. 2547 เมื่อได้เข้าไปที่พรรคประชาธิปัตย์พร้อมกับ นายอัมรินทร์ คอมันตร์ เพื่อเจรจาทางการเมือง มีการกล่าวหาว่า นายเอกยุทธพยายามจะให้เงินสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์เพื่อใช้ในการโค่นล้มรัฐบาล แต่ทางพรรคประชาธิปัตย์ได้แถลงข่าวปฏิเสธและว่าไม่ได้รับเงินไว้ จากนั้น นายเอกยุทธได้ร่วมกับกลุ่ม “ประชาชนเพื่อชาติและราชบัลลังก์” จัดปราศรัยขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขึ้นที่ท้องสนามหลวงในเดือนกันยายนปี 2547 แต่มีผู้ร่วมชุมนุมไม่มากนัก จากนั้น นายเอกยุทธจึงได้ออกข่าวเป็นระยะ ๆ วิจารณ์และโจมตี พ.ต.ท.ทักษิณ เรื่อยมา และได้เปิดเว็บไซต์ส่วนตัว อีกทั้งในบางครั้งบางช่วงก็ได้วิพากษ์และโจมตี นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำผู้หนึ่งของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยด้วย

ที่มา:ประชาไท
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

รับลูก นายกฯ จีน เฉลิม บุกจี้คดี สังหารโหด ชาวจีน 13 ศพ กลางแม่น้ำโขง !!?

4 ประเทศลุ่มน้ำโขง 'จีน-ไทย-ลาว-พม่า' ได้ข้อสรุปสนธิ กำลัง 4 ชาติลาดตระเวนตลอดลำน้ำโขงป้องกันเหตุร้าย และร่วมมือกันสอบสวนคดี 13 ศพด้วย 'เฉลิม'ขึ้นเชียงรายตามคดีฆ่าลูกเรือ ชี้เป็นเรื่องส่วนบุคคลของทหาร 9 นาย ไม่เกี่ยวกับสถาบัน ให้ 'ภาณุพงศ์'ประสานผบ.ทบ. และแม่ทัพภาคที่ 3 ดำเนินการผู้เกี่ยวข้อง เผยจีนไม่ติดใจเรื่องค่าชดเชย ต้องการเพียงหาผู้ลงมืออย่างโหดเหี้ยมเท่านั้น พบข้อมูลโยงแก๊ง 'ไทยใหญ่' ของ 'จาย หน่อคำ' กองกำลังติดอาวุธ เก็บค่าคุ้มครอง และค้ายาใกล้สามเหลี่ยมทองคำ

ความคืบหน้าเหตุฆ่าหมู่ลูกเรือจีน 13 ศพ กลางแม่น้ำโขง จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 1 พ.ย. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังประชุมครม. ถึงความคืบหน้าที่รัฐบาลจีนเรียกร้องให้ดำเนินการกับทหาร 9 นาย ที่เกี่ยวข้องกับคดีสังหารลูกเรือจีนซึ่งมีรายงานข่าวว่าคดีดังกล่าวอาจเชื่อมโยงกับเครือข่ายค้ายาเสพติด ว่า ในวันที่ 4 พ.ย.นี้ จะเดินทางไปจ.เชียงราย เพื่อติดตามสถานการณ์ ขณะนี้เรารวบรวมพยานหลักฐานเรียบร้อยและมีความแน่นหนา มีการดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง 9 คน ยืนยันว่าเราทำเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา เพราะเป็นเรื่องใหญ่ที่มีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างระเทศ

เมื่อถามถึงชายชุดดำที่มากับเรือสินค้า ซึ่งหลบหนีไปขึ้นฝั่งประเทศลาวนั้น มีความคืบหน้าอย่างไรว่าเป็นใคร ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่าทราบแล้วแต่ขอเวลาให้ตรวจสอบในสุดสัปดาห์ก่อนและจะชัดเจนขึ้น

เมื่อถามว่าจะสรุปคดีนี้ได้เมื่อไหร่ รองนายกฯ กล่าวว่า ตอนนี้ก็ค่อนข้างสรุปได้แล้ว และตนลงไปกำกับด้วย มีพยานยืนยันว่าเป็นเรื่องบุคคลไม่เกี่ยวกับสถาบันทหาร ซึ่งทางผู้บังคับบัญชาของเขาก็ให้ความร่วมมืออย่างดี และมอบหมายให้พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธนา ซึ่งมีความใกล้ชิดกับผบ.ทบ. แม่ทัพภาคที่ 3 ให้ไปประ สานเรื่องนี้และได้รับความร่วมมืออย่างดี ซึ่งกอง ทัพภาค 3 และกองกำลังผาเมืองก็ช่วย แต่มีเด็กซนอยู่ ดังนั้นเมื่อลงไปตรวจสอบจึงจะรู้ว่าบกพร่องผิดพลาดหรือตั้งใจและจะได้ความชัดเจน

"ยืนยันว่ารัฐบาลจะทำอย่างตรงไปตรงมาแน่ นอน ถ้ารัฐบาลหรือผมบิดเบี้ยวประเทศชาติจะเสียหายยิ่งกว่าคดีซาอุฯหลายร้อยล้านเท่า ส่วนค่าชดเชยทางจีนเขาไม่ติดใจ แต่ติดใจที่การฆ่าครั้งนี้มันโหดร้ายทารุณมาก" รองนายกฯ กล่าว

วันเดียวกันสำนักข่าวซินหัว ประเทศจีน ราย งานว่า จากการหารือร่วมระหว่างประเทศในลุ่มแม่น้ำโขง 4 ประเทศ ได้แก่ จีน ไทย ลาว และพม่า เพื่อหาแนวทางความร่วมมือกำกับดูแลความปลอดภัยการเดินเรือในลำน้ำโขง หลังเกิดเหตุลูกเรือชาวจีนถูกสังหารไป 13 ราย เมื่อวันที่ 5 ต.ค. ที่ผ่านมานั้น ผลสรุปออกมาว่า ทั้ง 4 ประเทศจะร่วมมือกันบังคับใช้กฎหมายในแม่น้ำโขง

นายเมิ่ง เจี้ยนจู รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีน กล่าวภายหลังการหารือกับผู้แทนรัฐบาลอีก 3 ประเทศ ได้แก่ พล.ต.อ. โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรีไทย พล.ท.ดวง ใจ พิจิต รมว.กลาโหมลาว และพล.ท.โกโก รมว.มหาดไทยพม่าว่า เจ้าหน้าที่จากทั้ง 4 ชาติ จะร่วมกันลาดตระเวนบริเวณลำน้ำโขงและแบ่งปันข้อมูลข่าวกรองระหว่างกัน

ในคำแถลงการณ์ร่วม มีเนื้อหาระบุว่าการลักลอบขนยาเสพติดและอาวุธผิดกฎหมาย ดำเนิน การกันผ่านแม่น้ำโขงมานานนับปี นอกจากนี้ยังมีกรณีข่มขู่ ขูดรีด และใช้กำลังจี้ปล้น เกิดขึ้นหลายครั้ง จึงเห็นควรให้ร่วมกันบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มแข็งเพื่อทำลายกลุ่มนอกกฎหมายในพื้นที่ มติครั้งนี้รวมไปถึงความร่วมมือกันสืบสวนเพื่อเปิดเผยความจริงเบื้องหลังคดีสังหารลูกเรือจีนทั้ง 13 ราย ซึ่งจะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างประเทศ รวมไปถึงกำลังพลถ้าจำเป็น

ด้านนายซ่ง ชิงหรัน นักวิจัยด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของจีน กล่าวว่าความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นการทำลายกำแพงเดิมๆ ด้านกรอบความสัมพันธ์ของประเทศที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับพลเรือนที่สัญจรบนแม่น้ำโขงอีกครั้ง และจะเป็นการช่วยในเรื่องของระบบเศรษฐกิจระหว่างจีน กับประเทศต่างๆ บนลุ่มน้ำโขง ด้วย

รายงานข่าวแจ้งว่า จากแหล่งข่าวจากฝ่ายความมั่นคงหลายฝ่ายระบุตรงกันว่า พื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขงเขตสามเหลี่ยมทองคำไทย-สปป.ลาว-พม่า ใกล้จุดเกิดเหตุฆ่าหมู่ เป็นเขตอิทธิพลของกลุ่มนายจาย หน่อคำ ซึ่งเป็นกลุ่มกองกำลังติดอาวุธชาวไทยใหญ่ มีพฤติกรรมเรียกเก็บค่าผ่านทางจากเรือสินค้าและค้ายาเสพติดในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา มีเรือสินค้าจีนถูกปล้นหรือยิงทำร้ายซึ่งหลายครั้ง หลายฝ่ายต่างเพ่งเล็งไปที่กลุ่มนี้เป็นสำคัญ แม้แต่ในการประชุมคณะกรรมการประ สานงานชายแดนไทย-พม่า ระดับท้องถิ่นหรือทีบีซี ที่ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า ตรงข้าม อ.แม่ สาย ทาง พ.ต.หล้าเมียวอู รอง ผบ.กองพันเคลื่อน ที่เร็วที่ 526 เป็นประธานฝ่ายพม่าได้เสนอให้ฝ่ายไทยช่วยติดตามจับกุมเครือข่ายกลุ่มนี้ด้วย เพราะพม่าถือว่าเป็นภัยต่อประเทศพม่าเช่นกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า หลังเกิดเหตุลูกเรือจีนถูกฆ่าหมู่และทางการไทยยึดของกลางยาบ้าได้ 920,000 เม็ด ทางกองกำลังผาเมืองคาดการณ์ว่าอาจเป็นฝีมือของกลุ่มนายจาย หน่อคำด้วย ทั้งนี้นายจาย หน่อคำ มีเครือข่ายในฝั่งไทยหลายคนหนึ่งในนั้นคือ นาย น. ซึ่งกำลังหลบหนีการตรวจสอบ และมีความสัมพันธ์รู้จักกับข้าราชการระดับสูงบางคน

ที่ผ่านมาทหารพม่าเข้าปราบปรามกลุ่มนี้และทำลายแพที่พักกลางแม่น้ำโขงของกลุ่มนายจาย หน่อคำ เหนือสามเหลี่ยมทองคำไปแล้ว แต่คาดการณ์กันว่ากลุ่มนี้ยังมีกำลัง 20-30 คน ใช้เรือเร็วเป็นพาหนะ เก็บค่าผ่านทางยาบ้าจากกลุ่มค้ายาบ้าเม็ดละ 3 บาท ค่าผ่านเรือสินค้าครั้งละ 3,000-4,000 บาทเป็นอย่างต่ำ เคลื่อนไหวอยู่แถบเมืองเชียงกกหรือป่าเลียว-เชียงลาบ เรื่อยมาจนถึงเกาะสีดอนเรือง เหนือสามเหลี่ยมทองคำขึ้นไปเล็กน้อย โดยอาศัยป่าเขาที่อำนาจรัฐของทั้งสองประเทศเข้าไปไม่ถึง

ที่มา:ข่าวสดรายวัน
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ช่วยประชาชนก่อนหา ..แพะ !!?

ขณะที่พี่น้องประชาชนกำลังฝ่าวิกฤติอภิมหาอุทกภัย เผชิญความทุกข์ยากลำบากแสนสาหัสเพื่อเอาชีวิตของตน เองและครอบครัวให้รอดพ้นจากพิบัติภัยธรรมชาติ แต่สำหรับ “เกมการเมือง” ที่เป็นเรื่องของการช่วงชิงอำนาจและผลประโยชน์ของบรรดานักการเมืองทั้งหลายกลับมิอาจหยุดนิ่งกับที่ได้ โดยเฉพาะเมื่อน้ำลดอาจถึงคราวตอผุดให้เห็นตำตาจึงจำต้องเตรียมการเช็กบิลหาผู้รับผิดชอบและผู้มีส่วนกระทำผิดพลาดจนเป็นต้นเหตุวิกฤติครั้งนี้

ความเคลื่อนไหวของนักการเมืองสังกัดพรรคเพื่อไทย ที่เปิดประเด็นปัดสวะให้พ้นตัว โยนบาปไปที่ข้าราชการและรัฐบาลชุดก่อน ด้วยความพยายามปล่อยข่าวสร้างความกดดันให้นายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน รับผิดชอบเนื่องจากกรม ชลประทานประเมินสถานการณ์และบริหารจัดการน้ำผิดพลาด ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-สิงหาคมที่ผ่านมา โดยประเมินว่าจะเกิดเหตุภัยแล้ง จำต้องเก็บกักน้ำอย่างเต็มที่ ครั้นฝนมาก่อนกำหนดก็ยังพอมีเวลาที่จะพร่องน้ำในเขื่อน แต่กลับไม่ดำเนินการ และหากพิจารณาให้ดีจะพบว่าขณะนั้นพรรคประชาธิปัตย์ยังเป็นรัฐบาลรักษาการและพรรคชาติไทยพัฒนายังดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงมิอาจปฏิเสธความรับผิดชอบได้

ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ ตอบโต้ว่ารัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้บริหารประเทศมาเกือบ 2 เดือนแล้ว ผ่านการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการประจำปี การกล่าวโทษโยนความผิดก็เพียงเพื่อตัดตอนหาแพะรับบาปและทางรอดให้กับนายกรัฐมนตรี ซึ่งการกระทำเช่นนี้ยิ่งทำให้ภาวะผู้นำของนางสาวยิ่งลักษณ์ลดน้อยถอยลงไปอีก ส่วนพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ร่วมรัฐบาลอยู่ด้วยก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เสียงอ่อยเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลร่วมกันรับผิดชอบ พร้อมระบุสาเหตุความล้มเหลวว่าเกิดจากศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) แก้ปัญหาแบบสะเปะสะปะในลักษณะขอไปที ขาดการบูรณาการและสรุปแนวคิดแก้ปัญหาให้ตกผลึกก่อนลงมือทำ โดยเฉพาะความเห็นของนักวิชาการที่ทำให้เกิดความหลากหลายในทางปฏิบัติ

เราเห็นว่า ในช่วงเวลาที่บ้านเมืองกำลังเผชิญเหตุ วิกฤติหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ นักการเมืองไม่ว่าฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน หรือสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งเป็นผู้แทนปวงชน สมควรยึดความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเป็นสำคัญ ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ ช่วยกันขจัดปัญหา บรรเทาวิกฤติ ดีกว่าสาดน้ำลายโยนความผิดให้กัน เพราะน้ำท่วมยังมีวันลด แต่น้ำลายท่วมใจประชาชนไม่มีวันลด ยิ่งทำให้ปัญหาทับถมทวีคูณ อย่าลืมว่า ประชาชนคือผู้ให้กำเนิดนักการเมืองมาโลดแล่นบนถนนแห่งอำนาจและผลประโยชน์ จึงมิควรทำให้ประชาชนสิ้นหวังและเสื่อมศรัทธามากไปกว่านี้.

ต้นฉบับ: http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=8&contentId=173476

ที่มา: เดลินิวส์
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

วันอังคารที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ร.ต.อ.เฉลิม.. เผยสัปดาห์หน้าคดียิงลูกเรือจีนชัดเจน !!?


รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง มั่นใจสัปดาห์หน้าคดียิงลูกเรือจีนชัดเจน ระบุพยานหลักฐานแน่นหนา ได้รับความร่วมมืออย่างดีจาก ผบ.ทบ. และแม่ทัพภาค 3

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ ถึงความคืบหน้าคดียิงลูกเรือจีนเสียชีวิตในแม่น้ำโขง ว่า เจ้าหน้าที่สามารถรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ ไว้อย่างแน่นหนา โดยดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องจำนวน 9 คน และต้องทำเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา เพราะเป็นเรื่องใหญ่ เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ส่วนที่มีข่าวชายชุดดำที่หลบหนีไปในประเทศลาวนั้น ทราบแล้วว่าเป็นใคร ขอเวลาภายในสัปดาห์นี้จะชัดเจน ขณะนี้สามารถสรุปคดีได้แล้ว เพราะมีพยานหลักฐานหมด และได้ลงไปกำกับด้วยตัวเอง

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ส่วนจะเป็นพวกนอกแถวหรือในแถว สัปดาห์นี้คงทราบ แต่เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล ไม่เกี่ยวกับสถาบัน ซึ่งผู้บังคับบัญชาก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ดูแลเรื่องนี้ ซึ่งมีความใกล้ชิดกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก และ พล.ท.วรรณทิพย์ ว่องไว แม่ทัพภาคที่ 3 ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี กองกำลังผาเมืองก็ให้ความช่วยเหลือในเรื่องนี้

“แต่อาจจะมีเด็กซน ๆ สัปดาห์นี้จะรู้ว่า บกพร่อง ผิดพลาด หรือตั้งใจ แต่เมื่อเหตุเกิด รัฐบาลต้องทำตรงไปตรงมา ผมไปตรวจที่เกิดเหตุด้วยตัวเอง และบอกตำรวจว่า ควรจะสอบแบบไหน แนวคิด แนวทางเป็นอย่างไร ที่สำคัญที่สุดคือ ต้องตรงไปตรงมา งานนี้ถ้ารัฐบาลบิดเบี้ยว ผมบิดเบี้ยว ประเทศชาติเสียหายแน่นอน มันยิ่งกว่าคดีเพชรซาอุฯ หลายร้อยล้านเท่า ส่วนเรื่องค่าชดเชย ทางจีนไม่ติดใจ เขาติดใจเพียงว่า การฆ่าครั้งนี้ มันโหดร้ายทารุณ ในความรู้สึกของผม ก็รู้สึกว่ามันโหดร้ายและรุนแรงมาก ทั้งการจับใส่กุญแจมือ เอาผ้าผูกตา มัดแขน เข้าเรียกว่าแผนประทุษกรรมคนร้ายรุนแรงและโหดร้าย” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ปลอดประสพ..เหน็บคุยกับ สุขุมพันธุ์..ไม่รู้เรื่อง !!?

ปลอดประสพ เหน็บคุยกับ'สุขุมพันธุ์'เรื่องประตูระบายน้ำคลองสามวาไม่รู้เรื่อง ไม่ใช่เพราะขัดแย้ง แต่ไม่มีใครประสานเชื่อสถานการณ์จะดีขึ้น

นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวถึงการเปิดประตูระบายน้ำคลองสามวา ว่า ฝั่งตะวันออกเป็นพื้นที่กว้าง ส่งผลให้น้ำเดินทางได้ช้า และ ไม่เป็นมวลน้ำก่อนใหญ่ เพราะน้ำจะกระจายออกพื้นที่ด้านข้าง ทำให้มีเวลาที่จะเฝ้าระวัง และป้องกัน แต่เชื่อว่าสถานการณ์ดีขึ้นตามลำดับ สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือเรื่องน้ำเน่า ซึ่งรัฐบาลจะต้องแก้ไขปัญหาด้วยการนำน้ำอีเอ็ม (Effective Microorganisms) เพื่อบำบัดน้ำเสีย และกทม. ต้องเร่งระบายน้ำออก

ผู้สื่อข่าวถามว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กำหนดให้พื้นที่ คลองสามวา เป็นจุดยุทธศาสตร์ ป้องกันพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมบางชัน นายปลอดประสพ กล่าวว่า “ผมพูดกับผู้ว่าฯไม่ค่อยรู้เรื่อง ไม่ได้มีความขัดแย้ง แต่ไม่มีคนประสาน เวลาผมพูด คุณชายก็บอกให้ฟังคุณชายคนเดียว ถ้าเป็นเรื่องกทม. ไม่ต้องฟังผม ผมเห็นว่าที่ผ่านที่คุณชายบอกให้ฟังคุณชาย น้ำก็ท่วมหมดแล้วนะ ดังนั้นคุณชายอย่าพูดแบบนี้บ่อยๆ ต่างคนก็ต่างมีข้อมูล และ ก็หวังดีกับประชาชน ผมสูง176 ซ.ม. คุณชายสูงไม่ถึง ผมสูงกว่า ต้องเชื่อผมมากกว่า"

เมื่อถามว่า ที่ผ่านมานายปลอดประสพ เคยแถลงให้อพยพ และเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก แต่ปัจจุบันสถานการณ์เป็นจริงตามที่แถลง ดังนั้นประชาชนควรที่จะเชื่อใคร นายปลอดประสพ ยิ้ม และเดินเข้าไปด้านในทันที และหันกลับมาบอกว่า โดยสรุปแล้วสถานการณ์ดีขึ้น

ที่มา:กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

จีนขนเงินหยวน ลงทุนเชียงรายกว่าหมื่นล้านบาท !!?

นายลี โหยง เช็ง ประธานบริหาร กลุ่ม หยุน ซี กรุ๊ป พาคณะผู้แทนการค้าจีน และ นายวิจิตร หยาง นายกสมาคมส่งเสริมเศรษฐกิจและความร่วมมือการค้าอาเซียน – จีน และสื่อมวลชนจีนกว่า 30 กว่าคน เข้าพบนายสมชัยฐ์ หทยะตันย์ติ ผวจ.เชียงราย พร้อมหัวหน้าส่วนราชการของจังหวัดเชียงราย ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงราย เพื่อปรึกษาหารือ และขอความมั่นใจ ในเรื่องการเข้ามาลงทุนที่ จ.เชียงราย และสำรวจพื้นที่ตั้งโรงงานแปรรูปยางพารา และโครงการระบบโลจิสติกส์ มูลค่ากว่า 12,000 ล้านบาท ที่ อ.เชียงของ จ.เชียงราย ปากประตูเส้นทาง R3A จากคุณหมิง ผ่านประเทศลาว

นายลี โหยง เช็ง ประธานบริหารกลุ่ม หยุน ซี กรุ๊ป มณฑลคุนหมิง ของจีน กล่าวว่า มีความยินดี ที่จะเข้ามาลงทุน ด้วยเชื่อมั่นในศักยภาพของ จ.เชียงราย จากการสำรวจพื้นที่ พบว่ามีศักยภาพทั้งการลงทุนและการผลิต มีปัจจัยเอื้อเหมาะสมต่อการลงทุนเส้นทาง R3A และเมื่อสะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 สร้างเสร็จ จะสามารถขนส่งสินค้าไปยังสมาชิกประเทศอาเซียน ได้สะดวกรวดเร็วและมีประสิทธิภาพอย่างมาก ประกอบกับคนไทย มีขีดความสามารถในการผลิตยางคุณภาพดีชั้นนำของโลก ทางกลุ่มพวกตนจึงต้องการขยายลู่ทางการค้า การลงทุนเพิ่มขึ้น ก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมการแปรรูปยางพาราแบบครบวงจร ลงทุนครั้งแรก 5,000 ล้านบาท จะเกิดทุนหมุนเวียนปีละ 12,000 ล้านบาท ใช้แรงงานจากคนในพื้นที่ทั้งหมด การพบนายนายสมชัยฐ์ หทยะตันย์ติ ครั้งนี้เพื่อขอความมั่นใจ และอำนวยความสะดวก แก้ไขปัญหาอุปสรรค ต่อการลงทุนให้เป็นไปด้วยดีทั้ง 2 ฝ่าย

นายสมชัยฐ์ กล่าวว่า ภายหลังจากที่ได้พาคณะฝ่ายไทย เดินทางไปกระชับความสัมพันธ์ สร้างสันถวะไมตรีกับ นายลี หยาง เช็ง ประธานบริหารกลุ่ม หยุน ซี กรุ๊ป และคณะนักธุรกิจการลงทุนที่ยูนานหลายครั้ง ทำให้ภาคเอกชนของกลุ่ม หยุน ซี กรุ๊ป จากสาธารณ รัฐประชาชนจีน มีความมุ่งหวังในการแสวงหากลุ่มพันธมิตรทางการค้าเพิ่มขึ้น จึงกำหนดแนว ทางในการตั้งฐานการผลิตสินค้า และสินค้าเกษตรแปรรูปที่ จ.เชียงรายขึ้น จากนั้นคณะ จึงได้เดินทางมาสำรวจซื้อที่ดิน และเข้าพบตนเพื่อแสดงความร่วมมือทางการค้าอย่างจริงใจ ทางเราก็มีความยินดีที่จะอำนวยความสะดวก ทั้งการขออนุญาต และการก่อสร้างแหล่งผลิตสินค้าให้สำเร็จเรียบร้อย จนกระทั่งสามารถเปิดเดินสายการผลิตได้โดยเร็ว ภายใต้กฎหมายและข้อบังคับของประเทศไทย จากนั้น นายสมชัย ได้มอบหนังสือใบจดทะเบียน จัดตั้งบริษัท ซินซิงรับเบอร์ จำกัดให้กับกลุ่ม หยุน ซีกรุ๊ป ในวันเดียวกันเพื่อแสดงมิตรภาพที่ดีต่อกัน

ที่มา.แม่สายเพรส.คอม
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++