ระวังเพื่อนบ้านแซงทางโค้ง
เชื่อว่าหลายท่านคงช็อกไม่หายกับการที่บอลไทยเสมอกับลาว 2-2 !!!ที่สำคัญโดนนำทั้งสองครั้ง กว่าเราจะตีเสมอได้เรียกว่าแทบกระอัก ผมว่าช่วงนั้นคนลาวทั้งประเทศล้วนแฮปปี้ ไม่ต่างอะไรกับกรณีที่ไทยเสมอบราซิลทั้งที่เมื่อก่อนเราสามารถเอาชนะ เขาได้อย่างไม่ยากเย็น แถมชนะแบบเป็นกอบเป็นกำ เรื่องนี้เป็นตัวอย่างที่ดี ที่เป็นการบ้านของรัฐบาลว่า เราจะพัฒนา ประเทศไปในทิศทางไหน ไม่ใช่เฉพาะเรื่องของฟุตบอล หรือกีฬาเท่านั้น
ที่ผ่านมาเราย่ำอยู่กับที่ แถมหลายครั้งยังเป๋ถอยหลังลงคลองมาตลอดในช่วงหลายปี แต่ก็มีหลายครั้งพอทำท่าจะดี ก็ถูกขัดแข้งขัดขาจากคน เสียผลประโยชน์บ้าง นักการเมืองฝ่าย ตรงข้ามบ้าง หรือแม้กระทั่ง รั้วของชาติ ที่ออกมาครางเสียงกระเส่าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ว่า “เราทำเพื่อประเทศชาติ”
นับวันบ้านเราจะยิ่งตามไม่ทันเพื่อนบ้าน หลายประเทศให้ความสำคัญ กับการพัฒนาบุคลากรทุกด้าน พร้อมๆ ไปกับพัฒนาการศึกษา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมถึงพัฒนาด้านต่างๆ ให้ครอบคลุม แต่บ้านเรากลับไร้ซึ่งการพัฒนาในทุกด้าน ไม่หยุดนิ่งก็ถอยหลัง เน้นอย่างเดียวพัฒนาตัวกูและพวกพ้อง ให้อยู่รอดใครไม่ใช่พวก ใครไม่เอื้อประโยชน์ ไม่มีเส้น หรือไม่ให้มีเอี่ยวด้วย อย่าหวัง ว่าโปรเจกต์จะผ่าน แม้จะรู้แก่ใจว่าถ้าผ่านแล้วจะเกิดประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่
หลายครั้งและหลายเรื่องที่เพื่อนบ้านต้องมาดูงานบ้านเรา และหลายครั้ง และหลายเรื่องอีกเช่นกันที่เราต้องไปดู งานในประเทศพัฒนาแล้ว แต่ระหว่างเรากับเพื่อนบ้านจะต่างกันก็ตรงที่ เมื่อเขามาดูงานบ้านเราแล้วเขานำกลับไปประยุกต์ใช้จริงอย่างได้ผล แต่บ้านเราเสียงบดูงานมากมาย แต่ไม่นำมาปฏิบัติ หรือพอเอามาทำก็เล่นลอกเขาทั้งดุ้น ไม่มองถึงสังคม วัฒนธรรม ความเป็นอยู่ที่แตกต่างกัน
แล้วตอนนี้หลายเรื่องที่ประเทศเขามาดูงานจากเราเริ่มสัมฤทธิผล ในหลายเรื่องเขาเริ่มที่จะแซงเรา เรื่องฟุตบอลนี่สะท้อนภาพได้ชัดเจนมาก ในขณะที่เรากลับยังหยิ่ง เพราะนึกว่าตัวเองแน่ งบดูงานปีละหลายล้านไม่เคยปรากฏว่าเกิดประโยชน์กับคนส่วนใหญ่ แต่เป็นเหมือนงบเที่ยวให้ ส.ส.-ส.ว. และข้าราชการระดับสูง
การศึกษาถดถอยลงไปเรื่อยๆ พร้อมไปกับจริยธรรม คุณธรรม ทั้งที่เราอ้างตัวเองเสมอว่า “เราเป็นสังคมชาวพุทธ” เราชอบสร้างฝันว่าจะเป็นฮับ นู่นบ้าง ฮับนี่บ้าง แต่ไม่เคยดูศักยภาพ ตัวเอง พูดง่ายๆ เราเก่งเรื่องขายฝัน และซื้อฝัน แต่เรากลับเมินความเป็นจริงที่เป็น ณ ขณะนั้นบ้านเมืองกำลังย่ำแย่ แต่เรากลับ เทงบให้ทหารมากมาย เศรษฐกิจกำลังยุ่ย แต่เรากลับมีเมกะโปรเจกต์ออกมาอื้อซ่า ขณะเดียวกันก็ซ่อม สร้างอะไรไปเรื่อย ทั้งที่บางอย่างยังมีสภาพใช้ได้อยู่ วันดีคืนดีปิดแยกนู้นแยกนี้ ซ่อมกันเป็นเดือน..อยากจะตะโกนดังๆ จริงๆ ว่า “นี่มันภาษีตู”
สิ่งที่ต้องทำกลับไม่ทำ สิ่งที่ยังไม่ สมควรทำกลับทำซะงั้น!!! ทั้งที่เรามีอะไรที่ต้องทำอีกมากมาย โดยเฉพาะเรื่องการพัฒนาด้านการศึกษา ที่เป็นหัวใจของการพัฒนาชาติ และการ เกษตร ซึ่งเป็นหัวใจหลักในการเดินหน้า ของประเทศ แต่ที่ผ่านมา ครูกลับเป็นสาขาวิชาที่คนเลือกเรียนเป็นลำดับท้ายๆ เป็นงานที่คนจนตรอกไม่รู้ทำอะไรแล้วต้องทำเพื่อดำรงชีพ ในขณะที่เกษตรกร บ้านเรา ก็เปรียบเสมือนชนชั้นล่างในสังคม ไม่ได้รับการเหลียวแลเท่าที่ควร ราคาขายผลผลิตถูกกว่าต้นทุน คนยอม ขายนาขายไร่หันเหกลับมาเป็นลูกจ้าง ในขณะเดียวกัน นายทุนก็กว้านซื้อแล้วจ้างเกษตรกรทำต่อ
ไม่แปลกที่เด็กเราไม่พัฒนา เพราะครูด้อยคุณภาพ ไม่แปลกที่เกษตรกรบ้านเรา เป็นคนแก่คนเฒ่าเสียส่วนใหญ่ และไม่แปลกเลยที่บอลไทยเกือบแพ้ลาว...ก็ในเมื่อรัฐบาลยังไร้ซึ่งเสถียรภาพ สังคมยังมีมาตรฐานเดียวคือ คนมีอำนาจ มีเส้นเป็นใหญ่ รัฐบาลถูกชักใยโดยมือ ที่มองเห็นแต่แกล้งมองไม่เห็น มีนายกฯ หน่อมแน้มที่พูดเก่งแต่ทำไม่เป็น และมีกลุ่มเสียผลประโยชน์คอยขัดไปทุกเรื่อง ที่สำคัญยังไม่ยอมให้การเมืองจบ ในสภาฯอีกไม่นาน!!!! เราอาจต้องไปดูงานที่ลาวหรือเวียดนามเพื่อนำกลับมาพัฒนาประเทศ ถ้าเรายังไม่เปลี่ยน ตัวเอง คอยดูครับพี่น้อง..
ที่มา.สยามธุรกิจ
***********************************************************
วันพฤหัสบดีที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2553
การตัดสินของผู้กุมชะตา
วันนี้ผมมีเรื่องราวดีๆ ที่น่าสนใจมา ฝากให้ทุกท่านลองพิจารณาดูว่า มาตรฐานการตัดสินใจของผู้มีอำนาจ แบบไหนน่าจะ เหมาะสมที่สุดในภาวะที่ถูกบีบคั้นจากกระแสสังคม...โดยผมขอให้ชื่อเรื่องว่า “การตัดสินของผู้กุมชะตา” นะครับ
มีเด็กกลุ่มหนึ่งเล่นกันใกล้รางรถไฟ 2 ราง รางหนึ่งอยู่ในระหว่างการใช้งาน ในขณะ ที่อีกรางหนึ่งไม่ได้ใช้งานแล้วมีเพียงเด็กคนเดียวเท่านั้นที่เล่นบนรางที่ไม่ได้ใช้งาน ส่วนเด็กที่เหลือนั่งเล่นอยู่บนรางที่ยังใช้งานอยู่
เมื่อรถไฟแล่นมา คุณอยู่ใกล้ๆ ที่สับรางรถไฟ คุณสามารถเปลี่ยนทางรถไฟ ไปยังรางที่ไม่ได้ใช้งานเพื่อช่วยชีวิตเด็กส่วนใหญ่ แต่นั่นหมายถึงการเสียสละชีวิต ของเด็กคนที่เล่นอยู่บนรางที่ไม่ได้ใช้งาน
หรือคุณเลือกจะปล่อยให้รถไฟวิ่งทาง เดิม? ลองหยุดคิดสักนิด มีทางเลือกใดที่ เราสามารถตัดสินใจได้ คุณต้องทำการตัดสินใจก่อนที่จะอ่านต่อไป....
รถไฟไม่สามารถหยุดรอให้คุณไตร่ตรองได้ คนส่วนมากอาจเลือกที่จะเปลี่ยน ทางรถไฟ และยอมสละชีวิตของเด็กคนนั้น ผมคิดว่า คุณก็อาจจะคิดเช่นเดียวกัน
แน่นอน ตอนแรกผมก็คิดเช่นนี้ เพราะการช่วยชีวิตเด็กส่วนมาก ด้วยการเสียสละชีวิตเด็กหนึ่งคนนั้นดูสมเหตุสมผล ทั้งทางศีลธรรมและความรู้สึก แต่คุณเคย คิดบ้างไหมว่าเด็กที่เลือกเล่นบนรางที่ไม่ได้ ใช้งานแล้ว ที่จริงเขาได้ตัดสินใจถูกต้องที่จะเล่นในสถานที่ที่ปลอดภัยแล้วต่างหาก
แต่ทว่า เขากลับต้องเสียสละชีวิตให้ กับเพื่อนที่ไม่ใส่ใจ และเลือกที่จะเล่นในที่อันตราย
สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นรอบตัวเรา ทุกวัน ในสถานที่ทำงาน ย่านชุมชน การ เมือง โดยเฉพาะในสังคมประชาธิปไตย คน กลุ่มน้อยมักจะถูกเสียสละให้กับผลประโยชน์ของคนหมู่มาก แม้ว่าคนกลุ่มน้อยจะฉลาด มองการณ์ไกล และคนหมู่มากจะโง่เง่า ไม่ใส่ใจก็ตาม
เด็กคนที่เลือกจะไม่เล่นบนรางที่อยู่ ในการใช้งานตามเพื่อนๆ ของเขา และคงไม่มีใครเสียน้ำตาให้หากเขาต้องสละชีวิตก็ตาม
เพื่อนที่ส่งต่อเรื่องนี้มาบอกว่า เขาจะไม่พยายามเปลี่ยนเส้นทางรถไฟ เพราะเขาเชื่อว่าเด็กที่เล่นอยู่บนรางที่อยู่ในการใช้งานย่อมรู้ดีว่า รางนั้นยังอยู่ในระหว่างการ ใช้งาน และพวกเขาควรจะหลบออกมา เมื่อพวกเขาได้ยินเสียงหวูดรถไฟ
ถ้าทางรถไฟถูกเปลี่ยน เด็กหนึ่งคน นั้นต้องตายอย่างแน่นอน เพราะเขาไม่เคย คิดว่ารถไฟจะเปลี่ยนมาใช้เส้นทางนั้น
นอกจากนั้น รางที่ไม่ได้ถูกใช้งานอาจ เป็นเพราะรางนั้นไม่ปลอดภัย ถ้ารถไฟถูก เปลี่ยนเส้นทางมาที่รางนี้ เราทำให้ชีวิตของ ผู้โดยสารทั้งหมดตกอยู่ในอันตราย ใน ขณะที่คุณพยายามช่วยชีวิตเด็กจำนวนหนึ่ง โดยการสละชีวิตเด็กหนึ่งคน อาจกลายเป็นการสังเวยชีวิตผู้คนนับร้อยก็ เป็นได้
ชีวิตเต็มไปด้วยการตัดสินใจอันยาก ลำบาก!!! บางครั้งเราอาจลืมไปว่า การตัดสินใจอันรวดเร็วใช่จะเป็นสิ่งที่ถูกต้องเสมอไป
จำไว้ว่า สิ่งที่ถูกต้องไม่จำเป็นต้อง เป็นสิ่งที่นิยมปฏิบัติ และสิ่งที่เป็นที่นิยม ไม่จำเป็นต้องถูกต้องเสมอไป..ทุกๆ คนสามารถทำสิ่งผิดพลาดได้ และนั่นคือเหตุผล ที่เขาใส่ยางลบไว้ที่ปลายของดินสอ
พอจะนึกออกหรือไม่ครับว่าทำไม “นายสาระดี” ถึงอยากหยิบยกเอาเรื่องดังกล่าวมาให้ได้อ่านกัน...เพราะเหตุการณ์ที่ ว่านี้เกิดขึ้นจริง....ในบ้านนี้ เมืองนี้...ได้มี รัฐบาลที่มีผู้นำชื่อ “นายกฯ อภิสิทธิ์” เป็นผู้ควบคุมคันโยก และผลลัพธ์มันก็เริ่มเด่น ชัดขึ้นทุกทีว่าท่านเลือกที่จะโยกคันโยกไป ทางไหน....
ที่มา.สยามธุรกิจ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
มีเด็กกลุ่มหนึ่งเล่นกันใกล้รางรถไฟ 2 ราง รางหนึ่งอยู่ในระหว่างการใช้งาน ในขณะ ที่อีกรางหนึ่งไม่ได้ใช้งานแล้วมีเพียงเด็กคนเดียวเท่านั้นที่เล่นบนรางที่ไม่ได้ใช้งาน ส่วนเด็กที่เหลือนั่งเล่นอยู่บนรางที่ยังใช้งานอยู่
เมื่อรถไฟแล่นมา คุณอยู่ใกล้ๆ ที่สับรางรถไฟ คุณสามารถเปลี่ยนทางรถไฟ ไปยังรางที่ไม่ได้ใช้งานเพื่อช่วยชีวิตเด็กส่วนใหญ่ แต่นั่นหมายถึงการเสียสละชีวิต ของเด็กคนที่เล่นอยู่บนรางที่ไม่ได้ใช้งาน
หรือคุณเลือกจะปล่อยให้รถไฟวิ่งทาง เดิม? ลองหยุดคิดสักนิด มีทางเลือกใดที่ เราสามารถตัดสินใจได้ คุณต้องทำการตัดสินใจก่อนที่จะอ่านต่อไป....
รถไฟไม่สามารถหยุดรอให้คุณไตร่ตรองได้ คนส่วนมากอาจเลือกที่จะเปลี่ยน ทางรถไฟ และยอมสละชีวิตของเด็กคนนั้น ผมคิดว่า คุณก็อาจจะคิดเช่นเดียวกัน
แน่นอน ตอนแรกผมก็คิดเช่นนี้ เพราะการช่วยชีวิตเด็กส่วนมาก ด้วยการเสียสละชีวิตเด็กหนึ่งคนนั้นดูสมเหตุสมผล ทั้งทางศีลธรรมและความรู้สึก แต่คุณเคย คิดบ้างไหมว่าเด็กที่เลือกเล่นบนรางที่ไม่ได้ ใช้งานแล้ว ที่จริงเขาได้ตัดสินใจถูกต้องที่จะเล่นในสถานที่ที่ปลอดภัยแล้วต่างหาก
แต่ทว่า เขากลับต้องเสียสละชีวิตให้ กับเพื่อนที่ไม่ใส่ใจ และเลือกที่จะเล่นในที่อันตราย
สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นรอบตัวเรา ทุกวัน ในสถานที่ทำงาน ย่านชุมชน การ เมือง โดยเฉพาะในสังคมประชาธิปไตย คน กลุ่มน้อยมักจะถูกเสียสละให้กับผลประโยชน์ของคนหมู่มาก แม้ว่าคนกลุ่มน้อยจะฉลาด มองการณ์ไกล และคนหมู่มากจะโง่เง่า ไม่ใส่ใจก็ตาม
เด็กคนที่เลือกจะไม่เล่นบนรางที่อยู่ ในการใช้งานตามเพื่อนๆ ของเขา และคงไม่มีใครเสียน้ำตาให้หากเขาต้องสละชีวิตก็ตาม
เพื่อนที่ส่งต่อเรื่องนี้มาบอกว่า เขาจะไม่พยายามเปลี่ยนเส้นทางรถไฟ เพราะเขาเชื่อว่าเด็กที่เล่นอยู่บนรางที่อยู่ในการใช้งานย่อมรู้ดีว่า รางนั้นยังอยู่ในระหว่างการ ใช้งาน และพวกเขาควรจะหลบออกมา เมื่อพวกเขาได้ยินเสียงหวูดรถไฟ
ถ้าทางรถไฟถูกเปลี่ยน เด็กหนึ่งคน นั้นต้องตายอย่างแน่นอน เพราะเขาไม่เคย คิดว่ารถไฟจะเปลี่ยนมาใช้เส้นทางนั้น
นอกจากนั้น รางที่ไม่ได้ถูกใช้งานอาจ เป็นเพราะรางนั้นไม่ปลอดภัย ถ้ารถไฟถูก เปลี่ยนเส้นทางมาที่รางนี้ เราทำให้ชีวิตของ ผู้โดยสารทั้งหมดตกอยู่ในอันตราย ใน ขณะที่คุณพยายามช่วยชีวิตเด็กจำนวนหนึ่ง โดยการสละชีวิตเด็กหนึ่งคน อาจกลายเป็นการสังเวยชีวิตผู้คนนับร้อยก็ เป็นได้
ชีวิตเต็มไปด้วยการตัดสินใจอันยาก ลำบาก!!! บางครั้งเราอาจลืมไปว่า การตัดสินใจอันรวดเร็วใช่จะเป็นสิ่งที่ถูกต้องเสมอไป
จำไว้ว่า สิ่งที่ถูกต้องไม่จำเป็นต้อง เป็นสิ่งที่นิยมปฏิบัติ และสิ่งที่เป็นที่นิยม ไม่จำเป็นต้องถูกต้องเสมอไป..ทุกๆ คนสามารถทำสิ่งผิดพลาดได้ และนั่นคือเหตุผล ที่เขาใส่ยางลบไว้ที่ปลายของดินสอ
พอจะนึกออกหรือไม่ครับว่าทำไม “นายสาระดี” ถึงอยากหยิบยกเอาเรื่องดังกล่าวมาให้ได้อ่านกัน...เพราะเหตุการณ์ที่ ว่านี้เกิดขึ้นจริง....ในบ้านนี้ เมืองนี้...ได้มี รัฐบาลที่มีผู้นำชื่อ “นายกฯ อภิสิทธิ์” เป็นผู้ควบคุมคันโยก และผลลัพธ์มันก็เริ่มเด่น ชัดขึ้นทุกทีว่าท่านเลือกที่จะโยกคันโยกไป ทางไหน....
ที่มา.สยามธุรกิจ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
"มาสเตอร์การ์ด-วีซ่า" อ่วมหนัก โดน"แฮ็คเกอร์"ถล่ม หลังถอนตัวจาก "วิกิลีกส์"
นักขโมยข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ (แฮ็คเกอร์) ได้โจมตีเว็บไซต์ของบริษัทผู้ให้บริการบัตรเครดิตชั้นนำ อาทิ มาสเตอร์การ์ด และวีซ่าแล้ว หลังจากกลุ่มแฮ็คเกอร์ที่ไม่สามารถระบุตัวได้ ยืนยันที่จะติดตามสองบริษัทดังกล่าวอย่างไม่ลดละ หลังจากที่ทั้งคู่ถอนการให้บริการการชำระเงินจากวิกิลีกส์
ระบบการชำระเงินของมาสเตอร์การ์ดถูกรบกวนอย่างหนัก แต่บริษัทกล่าวว่า การกระทำครั้งนี้ไม่มีผลกระทบต่อผู้ใช้บัตรดังกล่าวแต่อย่างใด ส่วนวีซ่า กล่าวว่าตนประสบปัญหานี้เช่นเดียวกัน
โดย "บุคคลไร้นาม" ซึ่งทำการ "ปฏิบัติการตอบโต้" (Operation Payback) ได้กล่าวในทวิตเตอร์ของตนว่า เว็บไซต์ของวีซ่า "ล่ม" แล้ว
แต่ภายหลังบริษัทวีซ่าได้กู้ข้อมูลของตนเองกลับมาอีกครั้ง และนายเท็ด คาร์ โฆษกของวีซ่ากล่าวว่า ระบบการปฏิบัติการซึ่งดูแลด้านการทำธุรกรรมของผู้ถือบัตรกลับมาดำเนินการตามปกติแล้ว และหน้าทวิตเตอร์ดังกล่าวได้หายไป โดยปรากฏข้อความจากทวิตเตอร์ที่ว่า บัญชีผู้ใช้ดังกล่าวได้ถูกยกเลิกชั่วคราว
ทวิตเตอร์กล่าวว่า ตนจะไม่แสดงความคิดเห็นต่อ "การกระทำต่อบัญชีผู้ใช้เฉพาะราย" อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวกล่าวว่า ข้อมูลที่ "บุคคลไร้นาม" เผยแพร่ออกมาเป็นครั้งสุดท้ายก็คือลิงค์เพื่อเชื่อมต่อไปยังแฟ้มข้อมูลของผู้ถือบัตรเครดิต
นายพอล มัตตอน จากเน็ตคราฟท์ ซึ่งคอยจับตาดูการโจมตีครั้งนี้ กล่าวว่า บริษัทวีซ่าได้เริ่มจับตากลุ่มแฮ็คเกอร์ที่ใช้อินเตอร์เน็ตในการส่งข้อความเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองไปยังบุคคลอื่นๆ (hacktivist) ซึ่งเริ่มมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ มากกว่า 2,000 รายแล้ว เมื่อเทียบกับบริษัทมาสเตอร์การ์ด ซึ่งมีเพียง 400 ราย
มาสเตอร์การ์ดยอมรับว่า "มีความขัดข้องในการให้บริการ" จริง ซี่งเกี่ยวข้องกับระบบ "SecureCode" (รหัสรักษาความปลอดภัย) และกล่าวเสริมว่า "เราจะไม่ยอมให้สมรรถนะในระบบปฏิบัติการหลักของเราอ่อนแอลง และข้อมูลทั้งหมดของผู้ถือบัตรจะไม่ตกอยู่ในความเสี่ยงเด็ดขาด และยังคงใช้บัตรในการทำธุรกรรมต่างๆได้ตามปกติทั่วโลก
ในขณะที่ "เพย์พัล" (PayPal) ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการเพื่อเป็นช่องทางในการบริจาคเงินให้กับวิกิลีกส์ ก็ตกเป็นเป้าหมายการโจมตีเช่นกัน โดยกล่าวว่าบัญชีผู้ใช้ของวิกิลีกส์ "ละเมิดข้อตกลงด้านการให้บริการ"
"วันที่ 27 พย.ที่ผ่านมา กระทรวงต่างประเทศ และรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ส่งจดหมายไปยังวิกิลีกส์ เพื่อแจ้งว่ากิจกรรมของวิกิลีกส์เป็นสิ่งที่ผิดกฏหมายของสหรัฐฯ" นายโอซามา เบดิเยร์ ผู้บริหารของเพย์พัล กล่าวระหว่างการแถลงข่าวที่ประเทศฝรั่งเศส
"เราตัดสินใจที่จะยกเลิกการให้บริการแก่วิกิลีกส์ และมันเป็นไปตามความคิดเห็นอย่างสัตย์จริง ไม่มีสิ่งใดแอบแฝงทั้งสิ้น"
นอกจากนั้น ยังมีบริษัทที่ "ตีตัวออกห่าง"วิกิลีกส์ และถูกโจมตีโดยแฮ็คเกอร์แล้ว รวมถึง ธนาคารสวิสแบงค์ และ ธนาคารโพสต์ไฟแนนซ์ ซึ่งยกเลิกบัญชีเงินฝากของนายจูเลียน แอสเซนจ์ ผู้ก่อตั้งวิกิลีกส์
"บุคคลไร้นาม" ซึ่งอ้างว่าเป็นผู้ปฏิบัติการดังกล่าว ถูกจัดตั้งขึ้นอย่างหลวมๆโดยกลุ่มนักแฮ็คเกอร์ ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับบอร์ดแสดงความเห็นที่อื้อฉาวอย่าง "4chan" และกล่าวว่าตนได้พุ่งเป้าโจมตีไปยังหลายเป้าหมาย โดยกล่าวต่อสำนักข่าวเอพีว่า กลุ่มจะยังคงแสดงการต่อต้านต่อบุคคลใดก็ตาม "ที่ต่อต้านวิกิลีกส์"
ก่อนหน้าการโจมตีมาสเตอร์การ์ด กลุ่ม"บุคคลไร้นาม" ซึ่งเรียกตนเองว่ากลุ่ม "เลือดเย็น" กล่าวต่อผู้สื่อข่าวว่า ตนได้กระทำการ "หลายสิ่งหลายอย่าง" โดยพุ่งเป้าไปยังบริษัทและหน่วยงานต่างๆ ที่ยกเลิกการติดต่อกับวิกิลีกส์ หรือที่พยายามโจมตีเว็บไซต์ดังกล่าว
"เว็บไซต์ที่ยอมก้มหัวให้กับแรงกดดันจากรัฐบาลจะต้องตกเป็นเป้าหมายทั้งสิ้น ในฐานะองค์กรที่ทำงานเพื่อการแสดงออกอย่างมีเสรีภาพบนอินเตอร์เน็ต เรารู้สึกว่าวิกิลีกส์เป็นมากกว่าแค่การเปิดเผยข้อมูลลับ แต่กำลังจะกลายเป็นสมรภูมิรบระหว่างประชาชนและรัฐบาล" สมาชิกกลุ่มรายหนึ่งกล่าว
กลุ่ม "เลือดเย็น" ยอมรับว่า การโจมตีเช่นนี้อาจกระทบต่อประชาชนที่พยายามเข้าถึงเว็บไซต์ที่ถูกโจมตี แต่กล่าวเพิ่มเติมว่า "มันอาจกระทบต่อสิ่งที่คนเหล่านั้นต้องการจะบอกบริษัทเหล่านั้นว่า "เรา" ผู้เป็นประชาชน รู้สึก "ไม่พอใจ"
ที่มา.มติชนออนไลน์
-------------------------------------------------------------------------------
ระบบการชำระเงินของมาสเตอร์การ์ดถูกรบกวนอย่างหนัก แต่บริษัทกล่าวว่า การกระทำครั้งนี้ไม่มีผลกระทบต่อผู้ใช้บัตรดังกล่าวแต่อย่างใด ส่วนวีซ่า กล่าวว่าตนประสบปัญหานี้เช่นเดียวกัน
โดย "บุคคลไร้นาม" ซึ่งทำการ "ปฏิบัติการตอบโต้" (Operation Payback) ได้กล่าวในทวิตเตอร์ของตนว่า เว็บไซต์ของวีซ่า "ล่ม" แล้ว
แต่ภายหลังบริษัทวีซ่าได้กู้ข้อมูลของตนเองกลับมาอีกครั้ง และนายเท็ด คาร์ โฆษกของวีซ่ากล่าวว่า ระบบการปฏิบัติการซึ่งดูแลด้านการทำธุรกรรมของผู้ถือบัตรกลับมาดำเนินการตามปกติแล้ว และหน้าทวิตเตอร์ดังกล่าวได้หายไป โดยปรากฏข้อความจากทวิตเตอร์ที่ว่า บัญชีผู้ใช้ดังกล่าวได้ถูกยกเลิกชั่วคราว
ทวิตเตอร์กล่าวว่า ตนจะไม่แสดงความคิดเห็นต่อ "การกระทำต่อบัญชีผู้ใช้เฉพาะราย" อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวกล่าวว่า ข้อมูลที่ "บุคคลไร้นาม" เผยแพร่ออกมาเป็นครั้งสุดท้ายก็คือลิงค์เพื่อเชื่อมต่อไปยังแฟ้มข้อมูลของผู้ถือบัตรเครดิต
นายพอล มัตตอน จากเน็ตคราฟท์ ซึ่งคอยจับตาดูการโจมตีครั้งนี้ กล่าวว่า บริษัทวีซ่าได้เริ่มจับตากลุ่มแฮ็คเกอร์ที่ใช้อินเตอร์เน็ตในการส่งข้อความเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองไปยังบุคคลอื่นๆ (hacktivist) ซึ่งเริ่มมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ มากกว่า 2,000 รายแล้ว เมื่อเทียบกับบริษัทมาสเตอร์การ์ด ซึ่งมีเพียง 400 ราย
มาสเตอร์การ์ดยอมรับว่า "มีความขัดข้องในการให้บริการ" จริง ซี่งเกี่ยวข้องกับระบบ "SecureCode" (รหัสรักษาความปลอดภัย) และกล่าวเสริมว่า "เราจะไม่ยอมให้สมรรถนะในระบบปฏิบัติการหลักของเราอ่อนแอลง และข้อมูลทั้งหมดของผู้ถือบัตรจะไม่ตกอยู่ในความเสี่ยงเด็ดขาด และยังคงใช้บัตรในการทำธุรกรรมต่างๆได้ตามปกติทั่วโลก
ในขณะที่ "เพย์พัล" (PayPal) ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการเพื่อเป็นช่องทางในการบริจาคเงินให้กับวิกิลีกส์ ก็ตกเป็นเป้าหมายการโจมตีเช่นกัน โดยกล่าวว่าบัญชีผู้ใช้ของวิกิลีกส์ "ละเมิดข้อตกลงด้านการให้บริการ"
"วันที่ 27 พย.ที่ผ่านมา กระทรวงต่างประเทศ และรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ส่งจดหมายไปยังวิกิลีกส์ เพื่อแจ้งว่ากิจกรรมของวิกิลีกส์เป็นสิ่งที่ผิดกฏหมายของสหรัฐฯ" นายโอซามา เบดิเยร์ ผู้บริหารของเพย์พัล กล่าวระหว่างการแถลงข่าวที่ประเทศฝรั่งเศส
"เราตัดสินใจที่จะยกเลิกการให้บริการแก่วิกิลีกส์ และมันเป็นไปตามความคิดเห็นอย่างสัตย์จริง ไม่มีสิ่งใดแอบแฝงทั้งสิ้น"
นอกจากนั้น ยังมีบริษัทที่ "ตีตัวออกห่าง"วิกิลีกส์ และถูกโจมตีโดยแฮ็คเกอร์แล้ว รวมถึง ธนาคารสวิสแบงค์ และ ธนาคารโพสต์ไฟแนนซ์ ซึ่งยกเลิกบัญชีเงินฝากของนายจูเลียน แอสเซนจ์ ผู้ก่อตั้งวิกิลีกส์
"บุคคลไร้นาม" ซึ่งอ้างว่าเป็นผู้ปฏิบัติการดังกล่าว ถูกจัดตั้งขึ้นอย่างหลวมๆโดยกลุ่มนักแฮ็คเกอร์ ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับบอร์ดแสดงความเห็นที่อื้อฉาวอย่าง "4chan" และกล่าวว่าตนได้พุ่งเป้าโจมตีไปยังหลายเป้าหมาย โดยกล่าวต่อสำนักข่าวเอพีว่า กลุ่มจะยังคงแสดงการต่อต้านต่อบุคคลใดก็ตาม "ที่ต่อต้านวิกิลีกส์"
ก่อนหน้าการโจมตีมาสเตอร์การ์ด กลุ่ม"บุคคลไร้นาม" ซึ่งเรียกตนเองว่ากลุ่ม "เลือดเย็น" กล่าวต่อผู้สื่อข่าวว่า ตนได้กระทำการ "หลายสิ่งหลายอย่าง" โดยพุ่งเป้าไปยังบริษัทและหน่วยงานต่างๆ ที่ยกเลิกการติดต่อกับวิกิลีกส์ หรือที่พยายามโจมตีเว็บไซต์ดังกล่าว
"เว็บไซต์ที่ยอมก้มหัวให้กับแรงกดดันจากรัฐบาลจะต้องตกเป็นเป้าหมายทั้งสิ้น ในฐานะองค์กรที่ทำงานเพื่อการแสดงออกอย่างมีเสรีภาพบนอินเตอร์เน็ต เรารู้สึกว่าวิกิลีกส์เป็นมากกว่าแค่การเปิดเผยข้อมูลลับ แต่กำลังจะกลายเป็นสมรภูมิรบระหว่างประชาชนและรัฐบาล" สมาชิกกลุ่มรายหนึ่งกล่าว
กลุ่ม "เลือดเย็น" ยอมรับว่า การโจมตีเช่นนี้อาจกระทบต่อประชาชนที่พยายามเข้าถึงเว็บไซต์ที่ถูกโจมตี แต่กล่าวเพิ่มเติมว่า "มันอาจกระทบต่อสิ่งที่คนเหล่านั้นต้องการจะบอกบริษัทเหล่านั้นว่า "เรา" ผู้เป็นประชาชน รู้สึก "ไม่พอใจ"
ที่มา.มติชนออนไลน์
-------------------------------------------------------------------------------
โจทก์หรือจำเลย ? จังหวะก้าว 'ทักษิณ' บนแผนที่โลก พลังขับเคลื่อนล็อบบี้ยิสต์-ทนายคู่ใจ
สัญญาณล่าตัว "ทักษิณ" จากเมืองไทยแรง-เร็ว ส่งไปถึงนานาชาติ ทำให้ปฏิกิริยาบางประเทศเปลี่ยนไป
อย่างน้อย นายฟาเบียง โบส์ซาร์ ผู้อำนวยการศูนย์เพื่อการเมืองและกิจการระหว่างประเทศ ฝรั่งเศส ก็ยินดีที่จะ "ยกเลิก" กำหนดการบนพื้นที่โลกของ "ทักษิณ" ในช่วงกลางปีที่ผ่านมา
ขณะที่ฝ่าย "ทักษิณ" ให้ข่าว "อ้างความปลอดภัย" จึงไม่ปรากฏตัวที่เวทีสาธารณะแห่งนี้
เช่นเดียวกับกระทรวงการต่างประเทศ มอนเตเนโกร แผ่นดินแม่-ผืนใหม่ ของ "ทักษิณ" ที่แสดงท่าที "ปราม" ไม่ให้เขาใช้แผ่นดินแห่งนี้เคลื่อนไหวทางการเมือง
ชื่อ "ทักษิณ" บนแผนที่การเมืองประเทศไทย อาจเงียบหายไปหลายชั่วยาม และปรากฏตัวอีกหน ในสังคมทวิตเตอร์ ด้วยคีเวิร์ดมีนัย "ขอเจรจา" และแสดงความ "จงรักภักดี"
แม้ไม่มีเสียง-ภาพปรากฏใน "สื่อไทย" แต่ยังมีขบวนการสร้างชื่อทักษิณให้อยู่ในพื้นที่ "สื่อต่างประเทศ" ผ่าน 2 บุคคลเบื้องหลัง ร่วมอำนวยการสร้าง
การส่งลูก-รับลูกจากทนายความ ต่างประเทศ นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ถูกจับคู่กับทนายคู่ใจในเมืองไทย นายนพดล ปัทมะ
ทั้งความเคลื่อนไหวจากอังกฤษถึงปักกิ่ง และเข้ากัมพูชา ลัดเลาะไปถึงมาเลเซีย เข้าสิงคโปร์ ออกไปปรากฏตัวที่ฮ่องกง
จากรัสเซีย-พันธมิตรเก่า เข้า-ออกเมืองดูไบไปตั้งหลัก ใช้พาสปอร์ตประจำตัวอยู่ที่มอนเตเนโกร
ล่าสุด นายนพดล ปัทมะ ส่งข่าวว่า "ทักษิณ" จะปรากฏตัวที่ประเทศมหาอำนาจ สหรัฐอเมริกา
ตามคำเชิญของคณะกรรมาธิการด้านสิทธิมนุษยชนของสหรัฐอเมริกา คือคณะกรรมาธิการด้านความมั่นคงและความ ร่วมมือในยุโรป (ซีเอสซีอี) ซึ่งมีสมาชิกประกอบไปด้วยวุฒิสมาชิก จำนวน 9 คน และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของรัฐสภาสหรัฐอเมริกา จำนวน 9 คน จากทุกพรรคการเมือง ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศ และผู้ช่วยรัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐอเมริกา
"วุฒิสมาชิกของสหรัฐอเมริกาได้ส่งหนังสือเชิญเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เพื่อเชิญ พ.ต.ท.ทักษิณไปให้การและเป็นพยาน หลักฐานรายละเอียดในการไต่สวน กลางเดือนนี้ ที่กรุงวอชิงตัน เกี่ยวกับปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย โดยเฉพาะช่วงเหตุการณ์การปราบปรามและสลายการชุมนุมของประชาชนที่ชุมนุมเรียกร้องทางการเมืองในเดือนเมษายนและพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีพี่น้องเสียชีวิตกว่า 90 คน และบาดเจ็บสองพันกว่าคน" ข่าว-จากนพดลระบุ
ทนายฝ่ายไทยทำนายล่วงหน้าด้วยว่า คณะกรรมาธิการต้องการติดตามปัญหาและเหตุการณ์ในสามจังหวัดชายแดน ภาคใต้ ปัญหาการละเมิดสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและเสรีภาพ ของสื่อสารมวลชน โดยเฉพาะที่เกิด จากการคงไว้ซึ่ง พ.ร.ก.สถานการณ์ ฉุกเฉิน
ทุกความเคลื่อนไหวของ "ทักษิณ" ล้วนถูก "โลก" จับตา
และไม่พ้นไปจากสายตา "สุณัย ผาสุข" ที่ปรึกษาประจำประเทศไทยของ Human Right Watch
"สุณัย" อธิบายปรากฏการณ์ "ทักษิณ" บนแผนที่โลก เที่ยวล่าสุดว่า
"การเชิญ พ.ต.ท.ทักษิณนั้นไม่แปลก เพราะเป็นตัวแสดงหลักทางการเมืองไทย ทั้งในฐานะผู้กระทำ จากสมัยที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีเหตุการณ์ละเมิดสิทธิมนุษยชนหลายเหตุการณ์ รวมทั้ง อาจเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความรุนแรง ในการชุมนุมของคนเสื้อแดงในช่วงต้นปี ที่ผ่านมา และในฐานะผู้ถูกกระทำ จากเหตุการณ์รัฐประหาร 2549 ซึ่งเขา อาจจะได้รับเชิญไปในฐานะโจทก์ หรือจำเลยก็ได้"
ช่องว่างและจุดอ่อนของรัฐบาลไทยในพื้น "ข่าวต่างประเทศ" ทำให้ "ทักษิณ" แทรกตัวเข้าไปในแผนที่โลก ในนามประเทศไทย ตามข้อวิเคราะห์ของ "สุณัย"
"การเชิญบุคคลไปให้การแบบนี้ ก็เป็นเพราะรัฐบาลไทยไม่ได้แข็งขันในการชี้แจงให้ชาวโลกรับทราบสถานการณ์สิทธิ มนุษยชนในไทย ซึ่งกรณีดังกล่าวต้องติดตามดูว่า กรรมาธิการชุดนี้ได้เชิญตัวแทนจากรัฐบาลไทยไปชี้แจงด้วยหรือไม่ อาจจะมีการเชิญตัวแทนจากกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนพิเศษ หรือกรรมการสิทธิมนุษยชน หรือเชิญใคร เพื่อให้มีข้อมูลหลายด้าน ไม่เฉพาะข้อมูลจาก พ.ต.ท.ทักษิณ"
สถานภาพของ "ทักษิณ" จากเคยเป็น ผู้ล่า กลายเป็นผู้ถูกล่า จึงมีการคาดการณ์ว่า ชื่อของเขาอาจได้รับรองจากประเทศมหาอำนาจ หรือไม่
คำตอบของนักสิทธิมนุษยชน คือ "ยังต้องดูท่าทีของทางการสหรัฐ"
"ต้องดูว่า ฝ่ายบริหารจะให้วีซ่าเข้าประเทศหรือไม่ เพราะกรรมาธิการอยู่ในฝ่ายนิติบัญญัติ ขณะที่การอนุญาตให้เข้าประเทศ เป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร แต่แน่นอนว่า ในฝ่ายการเมืองของไทย ก็พยายามจะทำให้เป็นประเด็นการเมืองว่า สหรัฐอเมริกาเชิญอดีตนายกฯไปชี้แจง"
"หาก พ.ต.ท.ทักษิณได้วีซ่าเข้าสหรัฐอเมริกาจริง ก็มีประเด็นที่น่าสนใจว่า เขาจะใช้พาสปอร์ตเล่มไหน จากประเทศใด ในการเข้าสหรัฐ รวมทั้งการขอวีซ่า จะเป็นการขอวีซ่าจากสถานทูตสหรัฐอเมริกา ณ ประเทศใด มีที่อยู่ไหนเป็นหลัก"
เนื้อหาที่ "ทักษิณ" จะพูดบนเวทีโลก อยู่ในความใส่ใจของนักการเมือง ทั้งฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติในเมืองไทย
"สุณัย" ร่างสคริปต์ล่วงหน้าไว้ว่า "เท่าที่ทราบจากข่าว การเชิญ พ.ต.ท.ทักษิณไปให้การนั้น ไม่ได้มีเฉพาะประเด็นกรณีเหตุการณ์ความรุนแรง ในการชุมนุมของคนเสื้อแดงเมื่อเดือนเมษายนและพฤษภาคม แต่มีประเด็นเหตุการณ์ภาคใต้และปัญหาการละเมิด สิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและเสรีภาพของสื่อสารมวลชน"
"รวมทั้งเรื่อง พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน จะยังขาดไปก็คือเหตุการณ์ฆ่าตัดตอนในช่วงนโยบายปราบปรามยาเสพติด ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณน่าจะเป็นจำเลยใน หลายเหตุการณ์ เพราะสหรัฐก็มีข้อมูลว่า พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน เป็นผลงาน สมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณมีอำนาจฝ่าย บริหาร และออกมาโดยไม่ผ่านสภา ทำให้เจ้าหน้าที่ที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนในภาคใต้ ไม่ต้องรับผิด"
ประเด็นสำคัญจึงอยู่ที่ว่า "ทักษิณ" จะอยู่ในเวทีประเทศมหาอำนาจในฐานะใด
สุณัย-ตั้งประเด็นว่า "บางที พ.ต.ท.ทักษิณอาจจะเป็นจำเลยมากกว่าเป็นโจทก์ อย่างไรก็ตาม ต้องดูว่า รัฐบาลไทยจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างไร เช่น หากได้รับเชิญเช่นกัน แล้วรัฐบาลจะส่ง ตัวแทนไปหรือไม่"
"เรื่องนี้เป็นที่สนใจของสหรัฐอเมริกา เพราะไทยเป็นมิตรประเทศของสหรัฐในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และสหรัฐก็ให้ความสำคัญกับสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในไทย ต้องเข้าใจว่า เรื่องนี้ หากรัฐบาล ไม่แข็งขันในการให้ข้อมูล อย่างน้อย ก็ควรจะมีข้อมูลความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนหาสาเหตุความเสียหาย ทั้งชีวิตและทรัพย์สิน"
"ควรมีข้อมูลแถลงออกมาเป็นระยะ โดยในซีกรัฐบาล ควรจะบอกได้ว่า สอบพยานไปแล้วกี่ปาก หรือรูปแบบ อาวุธ วิถีกระสุน ควรมีการรายงานเป็นระยะ โดยมีเจ้าภาพในการแถลง อาจจะเป็นดีเอสไอ หรือคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน หรือ คอป. หรือโฆษกที่รัฐบาลตั้งขึ้นมา แต่ขณะนี้ยังหาเจ้าภาพ ไม่เจอ"
ในแผนที่โลก ทั้งฝ่ายทักษิณ ฝ่ายอภิสิทธิ์ ต่างมีเครือข่าย และอำนาจที่ปรากฏตัว ทั้งเบื้องหน้า-เบื้องหลัง
ปรากฏการณ์การปรากฏตัวของ "ทักษิณ" ครั้งล่าสุด "จึงเป็นช่องโหว่ให้ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลนำมาเป็นประเด็นการเมือง และอย่าลืมว่า ทุกฝ่ายมีล็อบบี้ยิสต์" สุณัย-สรุป
แทบทุกจังหวะก้าว จังหวะคิดของ "ทักษิณ" คนเสื้อแดงทั้งแผ่นดินได้ยิน- รับทราบและติดตาม
กลยุทธ์การเคลื่อนไหว มีทั้งใต้ดิน- บนดิน และกลางอากาศ
ผีเสื้อขยับปีกที่เมืองไทย อาจทำให้เกิดลมพายุที่มอนเตเนโกร
ที่มา.ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
---------------------------------------------------
อย่างน้อย นายฟาเบียง โบส์ซาร์ ผู้อำนวยการศูนย์เพื่อการเมืองและกิจการระหว่างประเทศ ฝรั่งเศส ก็ยินดีที่จะ "ยกเลิก" กำหนดการบนพื้นที่โลกของ "ทักษิณ" ในช่วงกลางปีที่ผ่านมา
ขณะที่ฝ่าย "ทักษิณ" ให้ข่าว "อ้างความปลอดภัย" จึงไม่ปรากฏตัวที่เวทีสาธารณะแห่งนี้
เช่นเดียวกับกระทรวงการต่างประเทศ มอนเตเนโกร แผ่นดินแม่-ผืนใหม่ ของ "ทักษิณ" ที่แสดงท่าที "ปราม" ไม่ให้เขาใช้แผ่นดินแห่งนี้เคลื่อนไหวทางการเมือง
ชื่อ "ทักษิณ" บนแผนที่การเมืองประเทศไทย อาจเงียบหายไปหลายชั่วยาม และปรากฏตัวอีกหน ในสังคมทวิตเตอร์ ด้วยคีเวิร์ดมีนัย "ขอเจรจา" และแสดงความ "จงรักภักดี"
แม้ไม่มีเสียง-ภาพปรากฏใน "สื่อไทย" แต่ยังมีขบวนการสร้างชื่อทักษิณให้อยู่ในพื้นที่ "สื่อต่างประเทศ" ผ่าน 2 บุคคลเบื้องหลัง ร่วมอำนวยการสร้าง
การส่งลูก-รับลูกจากทนายความ ต่างประเทศ นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ถูกจับคู่กับทนายคู่ใจในเมืองไทย นายนพดล ปัทมะ
ทั้งความเคลื่อนไหวจากอังกฤษถึงปักกิ่ง และเข้ากัมพูชา ลัดเลาะไปถึงมาเลเซีย เข้าสิงคโปร์ ออกไปปรากฏตัวที่ฮ่องกง
จากรัสเซีย-พันธมิตรเก่า เข้า-ออกเมืองดูไบไปตั้งหลัก ใช้พาสปอร์ตประจำตัวอยู่ที่มอนเตเนโกร
ล่าสุด นายนพดล ปัทมะ ส่งข่าวว่า "ทักษิณ" จะปรากฏตัวที่ประเทศมหาอำนาจ สหรัฐอเมริกา
ตามคำเชิญของคณะกรรมาธิการด้านสิทธิมนุษยชนของสหรัฐอเมริกา คือคณะกรรมาธิการด้านความมั่นคงและความ ร่วมมือในยุโรป (ซีเอสซีอี) ซึ่งมีสมาชิกประกอบไปด้วยวุฒิสมาชิก จำนวน 9 คน และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของรัฐสภาสหรัฐอเมริกา จำนวน 9 คน จากทุกพรรคการเมือง ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศ และผู้ช่วยรัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐอเมริกา
"วุฒิสมาชิกของสหรัฐอเมริกาได้ส่งหนังสือเชิญเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เพื่อเชิญ พ.ต.ท.ทักษิณไปให้การและเป็นพยาน หลักฐานรายละเอียดในการไต่สวน กลางเดือนนี้ ที่กรุงวอชิงตัน เกี่ยวกับปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย โดยเฉพาะช่วงเหตุการณ์การปราบปรามและสลายการชุมนุมของประชาชนที่ชุมนุมเรียกร้องทางการเมืองในเดือนเมษายนและพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีพี่น้องเสียชีวิตกว่า 90 คน และบาดเจ็บสองพันกว่าคน" ข่าว-จากนพดลระบุ
ทนายฝ่ายไทยทำนายล่วงหน้าด้วยว่า คณะกรรมาธิการต้องการติดตามปัญหาและเหตุการณ์ในสามจังหวัดชายแดน ภาคใต้ ปัญหาการละเมิดสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและเสรีภาพ ของสื่อสารมวลชน โดยเฉพาะที่เกิด จากการคงไว้ซึ่ง พ.ร.ก.สถานการณ์ ฉุกเฉิน
ทุกความเคลื่อนไหวของ "ทักษิณ" ล้วนถูก "โลก" จับตา
และไม่พ้นไปจากสายตา "สุณัย ผาสุข" ที่ปรึกษาประจำประเทศไทยของ Human Right Watch
"สุณัย" อธิบายปรากฏการณ์ "ทักษิณ" บนแผนที่โลก เที่ยวล่าสุดว่า
"การเชิญ พ.ต.ท.ทักษิณนั้นไม่แปลก เพราะเป็นตัวแสดงหลักทางการเมืองไทย ทั้งในฐานะผู้กระทำ จากสมัยที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีเหตุการณ์ละเมิดสิทธิมนุษยชนหลายเหตุการณ์ รวมทั้ง อาจเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความรุนแรง ในการชุมนุมของคนเสื้อแดงในช่วงต้นปี ที่ผ่านมา และในฐานะผู้ถูกกระทำ จากเหตุการณ์รัฐประหาร 2549 ซึ่งเขา อาจจะได้รับเชิญไปในฐานะโจทก์ หรือจำเลยก็ได้"
ช่องว่างและจุดอ่อนของรัฐบาลไทยในพื้น "ข่าวต่างประเทศ" ทำให้ "ทักษิณ" แทรกตัวเข้าไปในแผนที่โลก ในนามประเทศไทย ตามข้อวิเคราะห์ของ "สุณัย"
"การเชิญบุคคลไปให้การแบบนี้ ก็เป็นเพราะรัฐบาลไทยไม่ได้แข็งขันในการชี้แจงให้ชาวโลกรับทราบสถานการณ์สิทธิ มนุษยชนในไทย ซึ่งกรณีดังกล่าวต้องติดตามดูว่า กรรมาธิการชุดนี้ได้เชิญตัวแทนจากรัฐบาลไทยไปชี้แจงด้วยหรือไม่ อาจจะมีการเชิญตัวแทนจากกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนพิเศษ หรือกรรมการสิทธิมนุษยชน หรือเชิญใคร เพื่อให้มีข้อมูลหลายด้าน ไม่เฉพาะข้อมูลจาก พ.ต.ท.ทักษิณ"
สถานภาพของ "ทักษิณ" จากเคยเป็น ผู้ล่า กลายเป็นผู้ถูกล่า จึงมีการคาดการณ์ว่า ชื่อของเขาอาจได้รับรองจากประเทศมหาอำนาจ หรือไม่
คำตอบของนักสิทธิมนุษยชน คือ "ยังต้องดูท่าทีของทางการสหรัฐ"
"ต้องดูว่า ฝ่ายบริหารจะให้วีซ่าเข้าประเทศหรือไม่ เพราะกรรมาธิการอยู่ในฝ่ายนิติบัญญัติ ขณะที่การอนุญาตให้เข้าประเทศ เป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร แต่แน่นอนว่า ในฝ่ายการเมืองของไทย ก็พยายามจะทำให้เป็นประเด็นการเมืองว่า สหรัฐอเมริกาเชิญอดีตนายกฯไปชี้แจง"
"หาก พ.ต.ท.ทักษิณได้วีซ่าเข้าสหรัฐอเมริกาจริง ก็มีประเด็นที่น่าสนใจว่า เขาจะใช้พาสปอร์ตเล่มไหน จากประเทศใด ในการเข้าสหรัฐ รวมทั้งการขอวีซ่า จะเป็นการขอวีซ่าจากสถานทูตสหรัฐอเมริกา ณ ประเทศใด มีที่อยู่ไหนเป็นหลัก"
เนื้อหาที่ "ทักษิณ" จะพูดบนเวทีโลก อยู่ในความใส่ใจของนักการเมือง ทั้งฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติในเมืองไทย
"สุณัย" ร่างสคริปต์ล่วงหน้าไว้ว่า "เท่าที่ทราบจากข่าว การเชิญ พ.ต.ท.ทักษิณไปให้การนั้น ไม่ได้มีเฉพาะประเด็นกรณีเหตุการณ์ความรุนแรง ในการชุมนุมของคนเสื้อแดงเมื่อเดือนเมษายนและพฤษภาคม แต่มีประเด็นเหตุการณ์ภาคใต้และปัญหาการละเมิด สิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและเสรีภาพของสื่อสารมวลชน"
"รวมทั้งเรื่อง พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน จะยังขาดไปก็คือเหตุการณ์ฆ่าตัดตอนในช่วงนโยบายปราบปรามยาเสพติด ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณน่าจะเป็นจำเลยใน หลายเหตุการณ์ เพราะสหรัฐก็มีข้อมูลว่า พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน เป็นผลงาน สมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณมีอำนาจฝ่าย บริหาร และออกมาโดยไม่ผ่านสภา ทำให้เจ้าหน้าที่ที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนในภาคใต้ ไม่ต้องรับผิด"
ประเด็นสำคัญจึงอยู่ที่ว่า "ทักษิณ" จะอยู่ในเวทีประเทศมหาอำนาจในฐานะใด
สุณัย-ตั้งประเด็นว่า "บางที พ.ต.ท.ทักษิณอาจจะเป็นจำเลยมากกว่าเป็นโจทก์ อย่างไรก็ตาม ต้องดูว่า รัฐบาลไทยจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างไร เช่น หากได้รับเชิญเช่นกัน แล้วรัฐบาลจะส่ง ตัวแทนไปหรือไม่"
"เรื่องนี้เป็นที่สนใจของสหรัฐอเมริกา เพราะไทยเป็นมิตรประเทศของสหรัฐในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และสหรัฐก็ให้ความสำคัญกับสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในไทย ต้องเข้าใจว่า เรื่องนี้ หากรัฐบาล ไม่แข็งขันในการให้ข้อมูล อย่างน้อย ก็ควรจะมีข้อมูลความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนหาสาเหตุความเสียหาย ทั้งชีวิตและทรัพย์สิน"
"ควรมีข้อมูลแถลงออกมาเป็นระยะ โดยในซีกรัฐบาล ควรจะบอกได้ว่า สอบพยานไปแล้วกี่ปาก หรือรูปแบบ อาวุธ วิถีกระสุน ควรมีการรายงานเป็นระยะ โดยมีเจ้าภาพในการแถลง อาจจะเป็นดีเอสไอ หรือคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน หรือ คอป. หรือโฆษกที่รัฐบาลตั้งขึ้นมา แต่ขณะนี้ยังหาเจ้าภาพ ไม่เจอ"
ในแผนที่โลก ทั้งฝ่ายทักษิณ ฝ่ายอภิสิทธิ์ ต่างมีเครือข่าย และอำนาจที่ปรากฏตัว ทั้งเบื้องหน้า-เบื้องหลัง
ปรากฏการณ์การปรากฏตัวของ "ทักษิณ" ครั้งล่าสุด "จึงเป็นช่องโหว่ให้ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลนำมาเป็นประเด็นการเมือง และอย่าลืมว่า ทุกฝ่ายมีล็อบบี้ยิสต์" สุณัย-สรุป
แทบทุกจังหวะก้าว จังหวะคิดของ "ทักษิณ" คนเสื้อแดงทั้งแผ่นดินได้ยิน- รับทราบและติดตาม
กลยุทธ์การเคลื่อนไหว มีทั้งใต้ดิน- บนดิน และกลางอากาศ
ผีเสื้อขยับปีกที่เมืองไทย อาจทำให้เกิดลมพายุที่มอนเตเนโกร
ที่มา.ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
---------------------------------------------------
ฝันร้ายรัฐบาล
การเมืองตลอด 4 ปีกว่าที่ผ่านมา
นับตั้งแต่หลังปฏิวัติ 19 กันยาฯ 2549
อย่างหนึ่งที่เห็นคืออดีตนายกฯ ทักษิณ ยังเป็นตัวปัญหาของรัฐบาลไทยมาตลอด
ไม่ว่าจะรัฐบาลขิงแก่ หรือรัฐบาลอภิสิทธิ์ที่อุตส่าห์ลากเอานายกษิต ภิรมย์ อดีตแนวร่วมพันธมิตรฯ มาเป็นรมว.การต่างประเทศ
เพื่อจัดการกับทักษิณโดยเฉพาะ
แต่จนแล้วจนรอดผ่านมา 2 ปี นอกจากภารกิจล่าข้ามโลกจะไม่ประสบความสำเร็จ
ยังทำให้ภาพลักษณ์รัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศของไทยในสายตามิตรประเทศพลอยเสียหายด้วย
บางครั้งรัฐบาลดูเหมือนจะคิดได้เองว่าการเอาแต่ไล่ล่าทักษิณนั้น ไม่ได้ก่อประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนแต่อย่างใด
จึงมีคนเสนอว่ารัฐบาลควรจะนำพาประเทศ 'ก้าวข้ามทักษิณ' ไปให้ได้
แต่ปรากฏว่าทฤษฎีก้าวข้ามนี้ไม่เป็นจริงในทางปฏิบัติ
เนื่องจากทุกครั้งที่มีข่าวความเคลื่อนไหวของทักษิณลอยมาเข้าหู รัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์มักจะออกอาการร้อนรนเหมือนคนสติแตก
ครั้งนี้ก็เช่นกัน นายนพดล ปัทมะ เผยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เตรียมเดินทางเข้าสหรัฐตามคำเชิญคณะกรรมาธิการด้านความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป
เพื่อชี้แจงข้อมูลการละเมิดสิทธิมนุษยชนในไทยช่วงสลายม็อบเสื้อแดงเดือนเม.ย.-พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้เสียชีวิตกว่า 90 ศพ บาดเจ็บอีก 2,000 คน
เรื่องเทคนิคข้อกฎหมายการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนซึ่งโยงใยถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ว่าเมื่อทักษิณเดินทางเข้าไปแล้ว สหรัฐต้องจับส่งตัวให้ไทยหรือไม่ นั่นก็เรื่องหนึ่ง
อีกเรื่องหนึ่งคือข้อมูลเนื้อหาที่ทักษิณจะนำไปชี้แจงต่อซีเอสซีอี
ตรงนี้เองที่รัฐบาลไทยน่าจะกังวลมากเป็นพิเศษ
เพราะในไทยเองจู่ๆ ดันมีภาพถ่ายเหตุการณ์ที่ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ก่อนถูกเผา เมื่อวันที่ 19 พ.ค. แพร่ออกมาทางเฟซบุ๊ก
ที่เคยกล่าวหาเสื้อแดงเป็นคนเผา เลยทำท่าว่าจะโอละพ่อ
ล่าสุดโผล่ออกมาคือข้อมูลคำให้การของทหารบนรางรถไฟฟ้า หน้าวัดปทุมวนาราม สถานที่ล้อมยิง 6 ศพ ซึ่งอยู่ในวันเกิดเหตุ
ยอมรับกับพนักงานสอบสวนดีเอสไอว่ามีการยิงปืนลงมาจริง
ความจริงเหตุการณ์เดือนพ.ค. เริ่มถูกเปิดเผยออกมาเรื่อยๆ
ความจริงที่เป็นฝันร้ายของรัฐบาล
ที่มา.ข่าวสดรายวัน คอลัมน์ เหล็กใน
****************************************************
นับตั้งแต่หลังปฏิวัติ 19 กันยาฯ 2549
อย่างหนึ่งที่เห็นคืออดีตนายกฯ ทักษิณ ยังเป็นตัวปัญหาของรัฐบาลไทยมาตลอด
ไม่ว่าจะรัฐบาลขิงแก่ หรือรัฐบาลอภิสิทธิ์ที่อุตส่าห์ลากเอานายกษิต ภิรมย์ อดีตแนวร่วมพันธมิตรฯ มาเป็นรมว.การต่างประเทศ
เพื่อจัดการกับทักษิณโดยเฉพาะ
แต่จนแล้วจนรอดผ่านมา 2 ปี นอกจากภารกิจล่าข้ามโลกจะไม่ประสบความสำเร็จ
ยังทำให้ภาพลักษณ์รัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศของไทยในสายตามิตรประเทศพลอยเสียหายด้วย
บางครั้งรัฐบาลดูเหมือนจะคิดได้เองว่าการเอาแต่ไล่ล่าทักษิณนั้น ไม่ได้ก่อประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนแต่อย่างใด
จึงมีคนเสนอว่ารัฐบาลควรจะนำพาประเทศ 'ก้าวข้ามทักษิณ' ไปให้ได้
แต่ปรากฏว่าทฤษฎีก้าวข้ามนี้ไม่เป็นจริงในทางปฏิบัติ
เนื่องจากทุกครั้งที่มีข่าวความเคลื่อนไหวของทักษิณลอยมาเข้าหู รัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์มักจะออกอาการร้อนรนเหมือนคนสติแตก
ครั้งนี้ก็เช่นกัน นายนพดล ปัทมะ เผยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เตรียมเดินทางเข้าสหรัฐตามคำเชิญคณะกรรมาธิการด้านความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป
เพื่อชี้แจงข้อมูลการละเมิดสิทธิมนุษยชนในไทยช่วงสลายม็อบเสื้อแดงเดือนเม.ย.-พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้เสียชีวิตกว่า 90 ศพ บาดเจ็บอีก 2,000 คน
เรื่องเทคนิคข้อกฎหมายการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนซึ่งโยงใยถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ว่าเมื่อทักษิณเดินทางเข้าไปแล้ว สหรัฐต้องจับส่งตัวให้ไทยหรือไม่ นั่นก็เรื่องหนึ่ง
อีกเรื่องหนึ่งคือข้อมูลเนื้อหาที่ทักษิณจะนำไปชี้แจงต่อซีเอสซีอี
ตรงนี้เองที่รัฐบาลไทยน่าจะกังวลมากเป็นพิเศษ
เพราะในไทยเองจู่ๆ ดันมีภาพถ่ายเหตุการณ์ที่ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ก่อนถูกเผา เมื่อวันที่ 19 พ.ค. แพร่ออกมาทางเฟซบุ๊ก
ที่เคยกล่าวหาเสื้อแดงเป็นคนเผา เลยทำท่าว่าจะโอละพ่อ
ล่าสุดโผล่ออกมาคือข้อมูลคำให้การของทหารบนรางรถไฟฟ้า หน้าวัดปทุมวนาราม สถานที่ล้อมยิง 6 ศพ ซึ่งอยู่ในวันเกิดเหตุ
ยอมรับกับพนักงานสอบสวนดีเอสไอว่ามีการยิงปืนลงมาจริง
ความจริงเหตุการณ์เดือนพ.ค. เริ่มถูกเปิดเผยออกมาเรื่อยๆ
ความจริงที่เป็นฝันร้ายของรัฐบาล
ที่มา.ข่าวสดรายวัน คอลัมน์ เหล็กใน
****************************************************
เป็น “สะตอสามัคคี” พันธุ์แท้!!
เป็น “สะตอสามัคคี” พันธ์ุแท้!!
ยอดนักการเมือง สส. ๑๓ สมัย รัฐมนตรีหลายกระทรวง “ท่านสัมพันธ์ ทองสมัคร” ผู้แทนนครศรีธรรมราช ท่าจะแย่??
เมื่อแก้รัฐธรรมนูญ แบ่งเขตเรียงเบอร์.. “นครศรีธรรมราช” เป็น ๑ ใน ๒๕ จังหวัด โดนเจี๋ยนหั่นเฉือนเก้าอี้ ส.ส. ไป ๑ ที่
กลุ่ม “ชินวรณ์ บุณยเกียรติ” รมว.ศึกษาฯ แข็งปึ๋ง.. กลุ่ม “วิทยา แก้วภารดัย” แข็งโป๊ก.. กลุ่ม “สุรเชษฐ์ มาศดิตถ์” น้องชาย “คุณหญิงแอ๋ว” สุพัตรา มาศดิตถ์ แข็งปั๋ง.. กลุ่ม “ชำนิ ศักดิเศรษฐ์” แข็งปึก.. และ กลุ่ม “เทพไท เสนพงศ์” โทรโข่ง “นายกฯอภิสิทธิ์” ใครจะโยกลงล่ะพี่
เหลือแต่ “สัมพันธ์ ทองสมัคร” ที่หัวเดียวกระเทียมลีบ..ถูกเขาบีบและกดดัน ไม่ให้ลงสส.
กลุ่มอื่นคิดใช้พวกมากลากไป...โปรดใจรู้ไว้?..ว่านี่ผิดหลักประชาธิปไตย รูบ้างไหมหนอ?
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เล่นการเมืองนอกระบบ!!
“โอบามาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี, เดินตามก้น “ประธานาธิบดีบารัก โอมาบา” แห่งพรรครีพับลิกัน มีแต่ติดลบ???
และเพื่อความเป็นธรรม ในฐานะที่ “อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร” มีผลงานยอดเยี่ยมกระเทียมโทน ไปทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทาง “พรรคดีโมแครต” ..ศัตรูสำคัญ ของ “ท่านโอบามา” เตรียมเชิญ “ท่านทักษิณ ชินวัตร” ไปบรรยายที่สหรัฐ ยังสำนักงาน..
หน้า “นายกฯอภิสิทธิ์” คงต้องชากันมั่งละท่าน
โดยหวังเล่นนอกกรอบ เพื่อให้ “สหรัฐอเมริกา” ช่วยส่งตัว “อดีตนายกฯทักษิณ” เป็นผู้ร้ายข้ามแดน!!!
แต่ “พรรคดีโมแครต” ไม่เล่นด้วย...”มาร์ค” ทำท่าป่วย?..ถึงคราวซวย ที่เสียแผน??
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ปัญหา “ภาคใต้๓ จังหวัด” ยังตายเป็นรายวัน!!
“อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นายกรัฐมนตรี นั่งงอมืองอเท้า แก้ปัญหาที่ไหนกัน??
หนำซ้ำยังส่งนักรบชั้นดี ๑ กองพล จำนวน ๘๐๐ นาย ไปรบยังประเทศซูดานกันเสร็จสรรพ
ดูจะไปก่อเรื่อง กินแหนงแคลงใจ กับ “โลกมุสลิม” เข้าให้อีก สิครับ
“ซูดาน” เป็นชาวมุสลิม ควรให้พี่น้องมุสลิม แก้ปัญหากันเอง จะดีกว่า..เหมือนเมื่อคราวเราไปยุ่งกับมุสลิม “ติมอร์” จนวันนี้ชาวมุสลิม เขาเกลียดไทย กันให้อื้อ!!
ภาคใต้ ๓ จังหวัด ที่มีแต่ห่ากระสุน...เพราะเราทำตัววุ่น?..จุ้นไปยุ่งกับโลกมุสลิมมิใช่หรือ?
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“อิงตะวันตก”ใครก็มองออก!!
มิตรประเทศที่อยู่ไกลโพ้นทะเลนั้น ช่วยไทยเราไม่ได้ดอก??
อยากบอก “นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ถอนตัว เป็น “เบ๊” เดินตามตูด ของ “สหรัฐอเมริกา” เสียที
ท่านนำมา “ประเทศไทย” เผชิญหน้า กับ “จีน-รัสเซีย” ชาติจะป่นปี้
และเรื่องที่คุยน้ำไหลไฟดับ ว่า “รัฐบาลจีน” สนับสนุนให้สร้างรถไฟฟ้า..อย่าโม้ให้มาก..เพราะในยุคของ “รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร” หากไม่มีปฏิวัติ “๑๙ กันยาฯ” จีนก็สร้างรถไฟฟ้าให้ไทยใช้กันแล้ว...และเท่าที่รู้ “ผู้นำจีน” ประกาศลงทุนรถไฟฟ้า กับประเทศไทย เป็นชาติสุดท้าย ..โดยทางนั้น เขาประกาศมาอย่างแข็งกร้าว!!!
ก้อ “อภิสิทธิ์” อิงกับสหรัฐ....เขาก็เห็นชัด ๆ ..แล้วเรื่องอะไรจะดัดจริต ช่วยเรา???
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เอะอะ..ขู่จะให้ “ยุบพรรค”!!!
อยากเห็น “นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ลามลูกกะโล่สักหน่อย จะดีเป็นอันมากส์ส์??
“กระบวนการยุติธรรม” ทรงซึ่งความศักดิ์สิทธิ์...เรื่องที่จะให้คล้อยตาม ความเห็นของ “ลูกหาบหางเครื่อง “พรรคประชาธิปัตย์ คงจะเป็นไปไม่ได้
ทันทีที่ “พรรคเพื่อไทย” ออกมาแฉ ท่านก็ขู่ฟอด ๆ ให้ยุบพรรครอบที่ ๓ ทุก เที่ยวสิเจ้านาย
“ประชาธิปัตย์” ทำอะไรไม่เคยผิด!..แต่อย่าถึงขั้นประกาศตัว เที่ยวไปขู่ “ยุบพรรค” ตามอำเภอน้ำใจเลย ดูแล้วไม่ดี
ที่แน่ ๆเงิน ๒๕๘ ล้านท่านจะรอดตัว....แต่ที่เขากลัว?...ท่านจะถอนสายบัว ยุบสภาฯก่อนนะซี่???
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
โดย:ตอดนิดตอดหน่อยการบูร, บางกอกทูเดย์
ยอดนักการเมือง สส. ๑๓ สมัย รัฐมนตรีหลายกระทรวง “ท่านสัมพันธ์ ทองสมัคร” ผู้แทนนครศรีธรรมราช ท่าจะแย่??
เมื่อแก้รัฐธรรมนูญ แบ่งเขตเรียงเบอร์.. “นครศรีธรรมราช” เป็น ๑ ใน ๒๕ จังหวัด โดนเจี๋ยนหั่นเฉือนเก้าอี้ ส.ส. ไป ๑ ที่
กลุ่ม “ชินวรณ์ บุณยเกียรติ” รมว.ศึกษาฯ แข็งปึ๋ง.. กลุ่ม “วิทยา แก้วภารดัย” แข็งโป๊ก.. กลุ่ม “สุรเชษฐ์ มาศดิตถ์” น้องชาย “คุณหญิงแอ๋ว” สุพัตรา มาศดิตถ์ แข็งปั๋ง.. กลุ่ม “ชำนิ ศักดิเศรษฐ์” แข็งปึก.. และ กลุ่ม “เทพไท เสนพงศ์” โทรโข่ง “นายกฯอภิสิทธิ์” ใครจะโยกลงล่ะพี่
เหลือแต่ “สัมพันธ์ ทองสมัคร” ที่หัวเดียวกระเทียมลีบ..ถูกเขาบีบและกดดัน ไม่ให้ลงสส.
กลุ่มอื่นคิดใช้พวกมากลากไป...โปรดใจรู้ไว้?..ว่านี่ผิดหลักประชาธิปไตย รูบ้างไหมหนอ?
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เล่นการเมืองนอกระบบ!!
“โอบามาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี, เดินตามก้น “ประธานาธิบดีบารัก โอมาบา” แห่งพรรครีพับลิกัน มีแต่ติดลบ???
และเพื่อความเป็นธรรม ในฐานะที่ “อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร” มีผลงานยอดเยี่ยมกระเทียมโทน ไปทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทาง “พรรคดีโมแครต” ..ศัตรูสำคัญ ของ “ท่านโอบามา” เตรียมเชิญ “ท่านทักษิณ ชินวัตร” ไปบรรยายที่สหรัฐ ยังสำนักงาน..
หน้า “นายกฯอภิสิทธิ์” คงต้องชากันมั่งละท่าน
โดยหวังเล่นนอกกรอบ เพื่อให้ “สหรัฐอเมริกา” ช่วยส่งตัว “อดีตนายกฯทักษิณ” เป็นผู้ร้ายข้ามแดน!!!
แต่ “พรรคดีโมแครต” ไม่เล่นด้วย...”มาร์ค” ทำท่าป่วย?..ถึงคราวซวย ที่เสียแผน??
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ปัญหา “ภาคใต้๓ จังหวัด” ยังตายเป็นรายวัน!!
“อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นายกรัฐมนตรี นั่งงอมืองอเท้า แก้ปัญหาที่ไหนกัน??
หนำซ้ำยังส่งนักรบชั้นดี ๑ กองพล จำนวน ๘๐๐ นาย ไปรบยังประเทศซูดานกันเสร็จสรรพ
ดูจะไปก่อเรื่อง กินแหนงแคลงใจ กับ “โลกมุสลิม” เข้าให้อีก สิครับ
“ซูดาน” เป็นชาวมุสลิม ควรให้พี่น้องมุสลิม แก้ปัญหากันเอง จะดีกว่า..เหมือนเมื่อคราวเราไปยุ่งกับมุสลิม “ติมอร์” จนวันนี้ชาวมุสลิม เขาเกลียดไทย กันให้อื้อ!!
ภาคใต้ ๓ จังหวัด ที่มีแต่ห่ากระสุน...เพราะเราทำตัววุ่น?..จุ้นไปยุ่งกับโลกมุสลิมมิใช่หรือ?
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“อิงตะวันตก”ใครก็มองออก!!
มิตรประเทศที่อยู่ไกลโพ้นทะเลนั้น ช่วยไทยเราไม่ได้ดอก??
อยากบอก “นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ถอนตัว เป็น “เบ๊” เดินตามตูด ของ “สหรัฐอเมริกา” เสียที
ท่านนำมา “ประเทศไทย” เผชิญหน้า กับ “จีน-รัสเซีย” ชาติจะป่นปี้
และเรื่องที่คุยน้ำไหลไฟดับ ว่า “รัฐบาลจีน” สนับสนุนให้สร้างรถไฟฟ้า..อย่าโม้ให้มาก..เพราะในยุคของ “รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร” หากไม่มีปฏิวัติ “๑๙ กันยาฯ” จีนก็สร้างรถไฟฟ้าให้ไทยใช้กันแล้ว...และเท่าที่รู้ “ผู้นำจีน” ประกาศลงทุนรถไฟฟ้า กับประเทศไทย เป็นชาติสุดท้าย ..โดยทางนั้น เขาประกาศมาอย่างแข็งกร้าว!!!
ก้อ “อภิสิทธิ์” อิงกับสหรัฐ....เขาก็เห็นชัด ๆ ..แล้วเรื่องอะไรจะดัดจริต ช่วยเรา???
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เอะอะ..ขู่จะให้ “ยุบพรรค”!!!
อยากเห็น “นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ลามลูกกะโล่สักหน่อย จะดีเป็นอันมากส์ส์??
“กระบวนการยุติธรรม” ทรงซึ่งความศักดิ์สิทธิ์...เรื่องที่จะให้คล้อยตาม ความเห็นของ “ลูกหาบหางเครื่อง “พรรคประชาธิปัตย์ คงจะเป็นไปไม่ได้
ทันทีที่ “พรรคเพื่อไทย” ออกมาแฉ ท่านก็ขู่ฟอด ๆ ให้ยุบพรรครอบที่ ๓ ทุก เที่ยวสิเจ้านาย
“ประชาธิปัตย์” ทำอะไรไม่เคยผิด!..แต่อย่าถึงขั้นประกาศตัว เที่ยวไปขู่ “ยุบพรรค” ตามอำเภอน้ำใจเลย ดูแล้วไม่ดี
ที่แน่ ๆเงิน ๒๕๘ ล้านท่านจะรอดตัว....แต่ที่เขากลัว?...ท่านจะถอนสายบัว ยุบสภาฯก่อนนะซี่???
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
โดย:ตอดนิดตอดหน่อยการบูร, บางกอกทูเดย์
วันพุธที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2553
‘ทักษิณ’งดเข้าสหรัฐถูกบี้หนักหันใช้วิดีโอลิ้งค์ชี้แจงสลายเสื้อแดง
“ทักษิณ” เริ่มไม่ชัวร์บินเข้าสหรัฐชี้แจงสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงตามคำเชิญของซีเอสซีอี หลังถูกฝ่ายคุมอำนาจตามไล่บี้กดดันอย่างหนัก อาจเปลี่ยนใจใช้วิดีโอลิ้งค์ชี้แจงแทน “อภิสิทธิ์” ยอมรับคุยโทรศัพท์กับ “โอบามา” อ้างแค่สอบถามเรื่องไอแพด ไม่ได้ทวงเรื่องแลกเปลี่ยนตัวอดีตนายกฯกับ “วิคเตอร์ บูท” ส.ส.สมุทรปราการระบุการให้ข้อมูลที่แตกต่างจากรัฐบาลไม่ถือเป็นการทำลายประเทศ แต่เป็นการให้สังคมโลกรับรู้ข้อเท็จจริง แย้มชี้แจง 3 ประเด็นคือ การใช้อำนาจหลังการรัฐประหาร คดีความที่ถูกกล่าวหา และใช้อาวุธสงครามสลายการชุมนุมของประชาชน ผบ.ตร. สั่งเช็กตารางเข้า-ออกสหรัฐเพื่อทำเรื่องขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน
หลังออกมาเปิดเผยถึงกำหนดการเดินทางเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาในวันที่ 16 ธ.ค. นี้ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นการเดินทางไปตามคำเชิญของคณะกรรมาธิการด้านความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (ซีเอสซีอี) ซึ่งมีสถานะเป็นองค์กรอิสระ มีสมาชิกประกอบด้วย ส.ส. 9 คน ส.ว. 9 คน ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ และผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย โดยเฉพาะในช่วงการสลายการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แดงทั้งแผ่นดินที่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากช่วงเดือน เม.ย. และ พ.ค. ที่ผ่านมา
“ทักษิณ” อาจใช้วิดีโอลิ้งค์ชี้แจงแทน
ล่าสุดมีรายงานข่าวแจ้งเข้ามาว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้ตัดสินใจไม่เดินทางไปสหรัฐตามคำเชิญแล้ว แม้จะได้รับคำยืนยันเรื่องการออกวีซ่าเข้าประเทศได้ ทั้งนี้ เพราะตั้งแต่ข่าวการเดินทางถูกเผยแพร่ออกไปได้เกิดแรงกดดันขึ้นอย่างมาก โดยเป็นแรงกดดันที่พุ่งตรงมาที่ครอบครัวที่ยังอยู่ในประเทศไทยที่ได้รับคำเตือนว่ามีบางคนทนไม่ได้ที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะไปพูดเรื่องการสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงในสหรัฐ เพราะจะทำให้ภาพพจน์ของฝ่ายคุมอำนาจเสียหาย ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณต้องใช้วิธีวิดีโอลิ้งค์เข้าไปพูดในเวทีสัมมนาของซีเอสซีอีแทน ทั้งนี้ ยืนยันว่าการไม่เดินทางไปสหรัฐไม่ได้เป็นเพราะเกรงว่าจะถูกจับตัวส่งกลับไทยในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน
ยังไม่รู้เวทีชี้แจงเป็นแบบไหน
นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ยังไม่ทราบลักษณะงานที่จะให้ พ.ต.ท.ทักษิณชี้แจงว่าจะเป็นการชี้แจงต่อสภาสหรัฐหรือว่าชี้แจงบนเวทีที่จัดในโรงแรม สาระสำคัญไม่ได้อยู่ที่สถานที่แต่อยู่ที่เนื้อหาและตัวบุคคลที่รับฟัง เพราะสมาชิกของซีเอสซีอีประกอบด้วยบุคคลชั้นนำของสหรัฐ
หัวข้อถูกกำหนดไว้กว้างๆ
“ซีเอสซีอีไม่ใช่เอ็นจีโอหรือว่ากลุ่มนักวิชาการ แต่เป็นองค์กรระดับแนวหน้าของสหรัฐ ตามหนังสือเชิญไม่ได้กำหนดหัวข้อชัดเจน เพียงแต่ระบุกว้างๆว่าให้ไปให้ข้อมูลเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ทั้งจากการชุมนุมทางการเมืองและใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งอดีตนายกรัฐมนตรีอาจพูดถึงแผนสร้างความปรองดองของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ด้วยว่ามีความเป็นไปได้จริงหรือไม่” นายนพดลกล่าวพร้อมยืนยันว่า ไม่มีการล็อบบี้ซีเอสซีอีเพื่อขอเข้าชี้แจง เพราะหากทำได้เช่นนั้นจริงองค์กรเขาจะเสื่อมเสียมาก
ไม่มีปัญหาเรื่องวีซ่าเข้าสหรัฐ
นายนพดลยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้รับวีซ่าเข้าสหรัฐแล้ว โดยจะเดินทางไปถึงก่อนวันที่ 16 ธ.ค. เพราะต้องเข้าชี้แจงในวันที่ 16 ธ.ค.
นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ระบุว่า เป็นเรื่องแปลกที่รัฐบาลตื่นเต้นกับการเดินทางเข้าสหรัฐของ พ.ต.ท.ทักษิณมาก และพยายามดิ้นรนที่จะให้สหรัฐจับตัวส่งกลับประเทศไทยทั้งที่ไม่เข้าข่ายสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน เพราะว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้หลบหนีไปอาศัยในสหรัฐ แต่เป็นการเดินทางไปตามคำเชิญ ซึ่งการได้รับคำเชิญครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าสหรัฐสนใจปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่เอาอาวุธสงครามมาสลายการชุมนุมของประชาชน
ให้ข้อมูลอีกด้านไม่ได้ทำร้ายประเทศ
“อดีตนายกฯไปให้ข้อมูลอีกด้านหนึ่งที่รัฐบาลปกปิดไว้ ไม่ใช่การไปทำลายประเทศอย่างที่พูดกัน” นายประชากล่าวพร้อมแสดงความเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางไปตามคำเชิญแน่นอน เพราะการไปในลักษณะนี้น่าจะได้รับความคุ้มครอง หากเป็นการหลอกไปจับตัวเพื่อส่งให้ไทยสังคมโลกจะตั้งคำถามกับสหรัฐและไทย
รายงานข่าวระบุว่า ประเด็นที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะพูดต่อซีเอสซีอีประกอบด้วย 1.การใช้อำนาจของรัฐบาลหลังเกิดการรัฐประหาร 2.คดีความ พ.ต.ท.ทักษิณที่ถูกกล่าวหา และ 3.ข้อมูลการใช้กำลังทหารสลายการชุมนุมกลุ่มเสื้อแดง
“มาร์ค” คุย “โอบามา” เรื่องไอแพด
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า ได้มีการพูดคุยกับนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐ ก่อนหน้านี้ แต่เป็นการสอบถามเรื่องไอแพด ไม่ได้คุยกันเรื่องการแลกเปลี่ยนตัวนายวิคเตอร์ บูท พ่อค้าอาวุธสงครามชาวรัสเซีย กับ พ.ต.ท.ทักษิณ
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้กำลังรอคำยืนยันอย่างเป็นทางการอยู่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้รับคำเชิญจริงหรือไม่ หากได้รับคำเชิญจริงก็เป็นเรื่องปรกติและเป็นสิทธิของสหรัฐ ไม่ถือว่าก้าวก่าย แทรกแซง หรือว่าตบหน้ารัฐบาลไทย ในส่วนของรัฐบาลกำลังพิจารณาว่าจำเป็นต้องส่งคนหรือทำเอกสารชี้แจงเพิ่มเติมหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาก็รายงานสถานการณ์ให้สหรัฐรับทราบเป็นระยะอยู่แล้ว
รัฐบาลเฝ้าดูสถานการณ์
“กรณีนี้คงได้แต่เฝ้าดูเหตุการณ์ ทำอะไรไม่ได้ ส่วนเรื่องการขอตัวกลับไทยก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอน” นายปณิธานกล่าว
พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า กำลังตรวจสอบความชัดเจนเรื่องวีซ่าเข้าและออกจากสหรัฐของ พ.ต.ท.ทักษิณว่าจะเข้าไปเมื่อไรและกลับออกมาเมื่อไร หากมีความชัดเจนจะประสานไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินการขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป
นายศิริศักดิ์ ติยะพันธ์ อธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ กล่าวว่า ตามขั้นตอนขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน กระทรวงการต่างประเทศต้องรู้ที่อยู่ที่ชัดเจนของ พ.ต.ท.ทักษิณก่อนประสานมายังอัยการเพื่อทำเรื่องขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน
ที่มา.จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
**********************************************************************
หลังออกมาเปิดเผยถึงกำหนดการเดินทางเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาในวันที่ 16 ธ.ค. นี้ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นการเดินทางไปตามคำเชิญของคณะกรรมาธิการด้านความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (ซีเอสซีอี) ซึ่งมีสถานะเป็นองค์กรอิสระ มีสมาชิกประกอบด้วย ส.ส. 9 คน ส.ว. 9 คน ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ และผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย โดยเฉพาะในช่วงการสลายการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แดงทั้งแผ่นดินที่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากช่วงเดือน เม.ย. และ พ.ค. ที่ผ่านมา
“ทักษิณ” อาจใช้วิดีโอลิ้งค์ชี้แจงแทน
ล่าสุดมีรายงานข่าวแจ้งเข้ามาว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้ตัดสินใจไม่เดินทางไปสหรัฐตามคำเชิญแล้ว แม้จะได้รับคำยืนยันเรื่องการออกวีซ่าเข้าประเทศได้ ทั้งนี้ เพราะตั้งแต่ข่าวการเดินทางถูกเผยแพร่ออกไปได้เกิดแรงกดดันขึ้นอย่างมาก โดยเป็นแรงกดดันที่พุ่งตรงมาที่ครอบครัวที่ยังอยู่ในประเทศไทยที่ได้รับคำเตือนว่ามีบางคนทนไม่ได้ที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะไปพูดเรื่องการสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงในสหรัฐ เพราะจะทำให้ภาพพจน์ของฝ่ายคุมอำนาจเสียหาย ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณต้องใช้วิธีวิดีโอลิ้งค์เข้าไปพูดในเวทีสัมมนาของซีเอสซีอีแทน ทั้งนี้ ยืนยันว่าการไม่เดินทางไปสหรัฐไม่ได้เป็นเพราะเกรงว่าจะถูกจับตัวส่งกลับไทยในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน
ยังไม่รู้เวทีชี้แจงเป็นแบบไหน
นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ยังไม่ทราบลักษณะงานที่จะให้ พ.ต.ท.ทักษิณชี้แจงว่าจะเป็นการชี้แจงต่อสภาสหรัฐหรือว่าชี้แจงบนเวทีที่จัดในโรงแรม สาระสำคัญไม่ได้อยู่ที่สถานที่แต่อยู่ที่เนื้อหาและตัวบุคคลที่รับฟัง เพราะสมาชิกของซีเอสซีอีประกอบด้วยบุคคลชั้นนำของสหรัฐ
หัวข้อถูกกำหนดไว้กว้างๆ
“ซีเอสซีอีไม่ใช่เอ็นจีโอหรือว่ากลุ่มนักวิชาการ แต่เป็นองค์กรระดับแนวหน้าของสหรัฐ ตามหนังสือเชิญไม่ได้กำหนดหัวข้อชัดเจน เพียงแต่ระบุกว้างๆว่าให้ไปให้ข้อมูลเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ทั้งจากการชุมนุมทางการเมืองและใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งอดีตนายกรัฐมนตรีอาจพูดถึงแผนสร้างความปรองดองของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ด้วยว่ามีความเป็นไปได้จริงหรือไม่” นายนพดลกล่าวพร้อมยืนยันว่า ไม่มีการล็อบบี้ซีเอสซีอีเพื่อขอเข้าชี้แจง เพราะหากทำได้เช่นนั้นจริงองค์กรเขาจะเสื่อมเสียมาก
ไม่มีปัญหาเรื่องวีซ่าเข้าสหรัฐ
นายนพดลยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้รับวีซ่าเข้าสหรัฐแล้ว โดยจะเดินทางไปถึงก่อนวันที่ 16 ธ.ค. เพราะต้องเข้าชี้แจงในวันที่ 16 ธ.ค.
นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ระบุว่า เป็นเรื่องแปลกที่รัฐบาลตื่นเต้นกับการเดินทางเข้าสหรัฐของ พ.ต.ท.ทักษิณมาก และพยายามดิ้นรนที่จะให้สหรัฐจับตัวส่งกลับประเทศไทยทั้งที่ไม่เข้าข่ายสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน เพราะว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้หลบหนีไปอาศัยในสหรัฐ แต่เป็นการเดินทางไปตามคำเชิญ ซึ่งการได้รับคำเชิญครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าสหรัฐสนใจปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่เอาอาวุธสงครามมาสลายการชุมนุมของประชาชน
ให้ข้อมูลอีกด้านไม่ได้ทำร้ายประเทศ
“อดีตนายกฯไปให้ข้อมูลอีกด้านหนึ่งที่รัฐบาลปกปิดไว้ ไม่ใช่การไปทำลายประเทศอย่างที่พูดกัน” นายประชากล่าวพร้อมแสดงความเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางไปตามคำเชิญแน่นอน เพราะการไปในลักษณะนี้น่าจะได้รับความคุ้มครอง หากเป็นการหลอกไปจับตัวเพื่อส่งให้ไทยสังคมโลกจะตั้งคำถามกับสหรัฐและไทย
รายงานข่าวระบุว่า ประเด็นที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะพูดต่อซีเอสซีอีประกอบด้วย 1.การใช้อำนาจของรัฐบาลหลังเกิดการรัฐประหาร 2.คดีความ พ.ต.ท.ทักษิณที่ถูกกล่าวหา และ 3.ข้อมูลการใช้กำลังทหารสลายการชุมนุมกลุ่มเสื้อแดง
“มาร์ค” คุย “โอบามา” เรื่องไอแพด
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า ได้มีการพูดคุยกับนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐ ก่อนหน้านี้ แต่เป็นการสอบถามเรื่องไอแพด ไม่ได้คุยกันเรื่องการแลกเปลี่ยนตัวนายวิคเตอร์ บูท พ่อค้าอาวุธสงครามชาวรัสเซีย กับ พ.ต.ท.ทักษิณ
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้กำลังรอคำยืนยันอย่างเป็นทางการอยู่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้รับคำเชิญจริงหรือไม่ หากได้รับคำเชิญจริงก็เป็นเรื่องปรกติและเป็นสิทธิของสหรัฐ ไม่ถือว่าก้าวก่าย แทรกแซง หรือว่าตบหน้ารัฐบาลไทย ในส่วนของรัฐบาลกำลังพิจารณาว่าจำเป็นต้องส่งคนหรือทำเอกสารชี้แจงเพิ่มเติมหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาก็รายงานสถานการณ์ให้สหรัฐรับทราบเป็นระยะอยู่แล้ว
รัฐบาลเฝ้าดูสถานการณ์
“กรณีนี้คงได้แต่เฝ้าดูเหตุการณ์ ทำอะไรไม่ได้ ส่วนเรื่องการขอตัวกลับไทยก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอน” นายปณิธานกล่าว
พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า กำลังตรวจสอบความชัดเจนเรื่องวีซ่าเข้าและออกจากสหรัฐของ พ.ต.ท.ทักษิณว่าจะเข้าไปเมื่อไรและกลับออกมาเมื่อไร หากมีความชัดเจนจะประสานไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินการขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป
นายศิริศักดิ์ ติยะพันธ์ อธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ กล่าวว่า ตามขั้นตอนขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน กระทรวงการต่างประเทศต้องรู้ที่อยู่ที่ชัดเจนของ พ.ต.ท.ทักษิณก่อนประสานมายังอัยการเพื่อทำเรื่องขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน
ที่มา.จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
**********************************************************************
คุณพระช่วย!!!
ปชป.รอดตายเพราะ ‘ยาหมดอายุ’
ผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา..ในคดีที่นายทะเบียน พรรคการเมืองได้ยื่นให้ศาลท่านสั่งยุบพรรคประชาธิปัตย์ กรณีใช้เงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองจำนวน 29 ล้านบาท ไม่เป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมาย โดย ที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้จัดทำรายงานค่า ใช้จ่ายของพรรคให้ถูกต้องตามความเป็นจริง..ซึ่งชาวบ้านร้านตลาดต่างปูเสื่อข้ามคืน นอนรอฟังผลแห่งคดีดังกล่าวกันค่อนประเทศ..
หลังจาก “กิตินันท์ ธัชประมุข” อัยการพิเศษทนายของฝ่ายผู้ร้อง (กกต.) ได้ร่ายยาวถึงข้อเท็จจริงแห่งคดี..ก็ทำเอา แฟนคลับ ปชป.ที่ติดตามการถ่ายทอดสด ทางทีวีถึงกับนั่งกันก้นไม่ติดพื้น..
แต่พอท่านอดีตนายกรัฐมนตรี “ชวน” ผู้ไม่เคยหลบภัยได้แถลงปิดคดีด้วยวาจาเท่านั้นแหล่ะครับ...ทุกคนในห้อง พิจารณาคดีเหมือนต้องมนต์สะกดนะจังงัง.. น้ำตาคลอเบ้ากันโดยไม่รู้ตัว.. ทุกคนต่างซาบซึ้ง สงสารพรรคเก่าแก่ที่สุดของแผ่นดินไทย..
ว่าใครกันหนอ?? ช่างใจดำอำมหิตก่อตั้งขบวนการทั้งกด..ทั้งดัน..“กกต.” และกระทำการข่มขู่ “ศาล รธน.” หวังเจาะไข่แดงท่านประธานศาล..ด้วยการแอบ ถ่าย “คลิปร้อน”
แต่หลังจากท่าน “อุดมศักดิ์ นิติมนตรี” ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้เป็นตัวแทนขององค์คณะฯ อ่านคำคำวินิจฉัยเท่านั้นแหละ!!! ทุกคนก็ถึง “บางอ้อ”.. เพราะกระบวนการยื่นคำร้องยุบ ปชป.นั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย..
ด้วยเหตุที่ กกต.นั้นตายน้ำตื้น.. ดันไป “ยื่นคำร้องล่าช้า” เกินกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนดนะจ๊ะจะบอกให้?!?! มติเสียง ข้างมากขององค์คณะตุลาการศาล รธน. จึงออกมา 4 ต่อ 2 ให้ “ยกคำร้อง”.. ส่วนประเด็นอื่นๆ ก็พลอยถูกสอยร่วงไม่ต้องนำมาวินิจฉัยไปโดยปริยาย..
อันที่จริงหลังจาก “คลิปแห้ว” ไม่สามารถระคายผิวอันอยู่ยงคงกระพันของ พรรคประชาธิปัตย์ลงได้.. ทุกคนก็พอรู้แล้ว ว่า “ปชป.” จะต้องเป็นพรรคตัวยืนของประเทศไทยไปอีกนานแสนนาน..
แต่ “กระบี่ปราบมาร” เองก็ไม่นึกไม่ถึงว่าคดีประวัติศาสตร์ทางการเมืองของ ไทยที่มี “พ.ร.บ.พรรคการเมือง ปี 2550” ที่เปรียบเสมือนตะแกงอันทรงพลัง..นั้นถูก สร้างมาเพื่อเอาไว้คัดกรองนักการเมือง “น้ำเน่า”.. มันจะจบลงเหมือน “ละครหลังข่าว”
ราวกับว่า “พรรคประชาธิปัตย์” ที่รอลุ้นการถูก “ยุบพรรค” เมื่อต้นสัปดาห์ ที่ผ่านมานั้น..เหมือนจะมีใครบางคนหรือไม่??? ที่มีญาณวิเศษ “ฝัน” เห็นผลแห่งคดีจากการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่าจะออกมาเป็นเช่นใด???
ไม่ใช่เรื่องไสยศาสตร์อะไรหรอกครับท่านผู้อ่าน..แต่ไม่เชื่อก็อย่าได้ลบหลู่ เป็นอันขาด..เพราะคู่ความครั้งนี้ระหว่างผู้ร้อง “กกต.” กับผู้ถูกร้อง “ปชป.” นั้นอาจจะเป็นจุดเปลี่ยนทางการเมืองครั้งสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ชาติไทย..
แต่สิ่งที่ทุกคนรอคอยอย่างใจจด ใจจ่อนั้น.. ผลการวินิจฉัยของกรรมการบนเวทีกลับจับ “กกต.มุมแดง” แพ้ฟาวล์เพราะน้ำหนักเกินพิกัดไปซะอย่างงั้น!!! เล่นทำเอา “ปชป.มุมน้ำเงิน” ที่รูปร่าง ผอมแห้งบักโกรกยืนหน้าซีดรอการชกอยู่นั้น..ถึงกับอ้าปากค้างงุนงงในชัยชนะของตนเอง..
อ้าว!!! พวกเราชาวค่าย “มาร์ค หน้าหมองลูกพระแม่ธรณี” ชนะแล้ว หรือนี่?!?!
“กระบี่ปราบมาร” เห็นท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ เดินลงจากบันไดศาลรัฐธรรมนูญ ด้วยรอยยิ้มเฝื่อนๆ..ไม่เป็น “มาร์คหน้าใส” ตามที่คาดการณ์ไว้.. ก็คงพอจะรู้แล้วว่าหลังจากนี้คงเกิด “สงครามยืดเยื้อ” ระหว่างรัฐบาลกับซีกฝ่ายค้านอีกยาวนานแน่นอน.. เพราะวันนี้สังคมไทยบางส่วนกำลังจับจ้องมองเรื่อง 2 มาตรฐานกันอย่าง ไร้สติ..
แต่ในความเป็นจริงนั้น “เมืองไทย” มีอยู่เพียงมาตรฐานเดียว..มันเป็นมาตรฐานของคนที่มี “อำนาจ” เท่านั้นครับ...
ที่มา.สยามธุรกิจ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา..ในคดีที่นายทะเบียน พรรคการเมืองได้ยื่นให้ศาลท่านสั่งยุบพรรคประชาธิปัตย์ กรณีใช้เงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองจำนวน 29 ล้านบาท ไม่เป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมาย โดย ที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้จัดทำรายงานค่า ใช้จ่ายของพรรคให้ถูกต้องตามความเป็นจริง..ซึ่งชาวบ้านร้านตลาดต่างปูเสื่อข้ามคืน นอนรอฟังผลแห่งคดีดังกล่าวกันค่อนประเทศ..
หลังจาก “กิตินันท์ ธัชประมุข” อัยการพิเศษทนายของฝ่ายผู้ร้อง (กกต.) ได้ร่ายยาวถึงข้อเท็จจริงแห่งคดี..ก็ทำเอา แฟนคลับ ปชป.ที่ติดตามการถ่ายทอดสด ทางทีวีถึงกับนั่งกันก้นไม่ติดพื้น..
แต่พอท่านอดีตนายกรัฐมนตรี “ชวน” ผู้ไม่เคยหลบภัยได้แถลงปิดคดีด้วยวาจาเท่านั้นแหล่ะครับ...ทุกคนในห้อง พิจารณาคดีเหมือนต้องมนต์สะกดนะจังงัง.. น้ำตาคลอเบ้ากันโดยไม่รู้ตัว.. ทุกคนต่างซาบซึ้ง สงสารพรรคเก่าแก่ที่สุดของแผ่นดินไทย..
ว่าใครกันหนอ?? ช่างใจดำอำมหิตก่อตั้งขบวนการทั้งกด..ทั้งดัน..“กกต.” และกระทำการข่มขู่ “ศาล รธน.” หวังเจาะไข่แดงท่านประธานศาล..ด้วยการแอบ ถ่าย “คลิปร้อน”
แต่หลังจากท่าน “อุดมศักดิ์ นิติมนตรี” ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้เป็นตัวแทนขององค์คณะฯ อ่านคำคำวินิจฉัยเท่านั้นแหละ!!! ทุกคนก็ถึง “บางอ้อ”.. เพราะกระบวนการยื่นคำร้องยุบ ปชป.นั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย..
ด้วยเหตุที่ กกต.นั้นตายน้ำตื้น.. ดันไป “ยื่นคำร้องล่าช้า” เกินกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนดนะจ๊ะจะบอกให้?!?! มติเสียง ข้างมากขององค์คณะตุลาการศาล รธน. จึงออกมา 4 ต่อ 2 ให้ “ยกคำร้อง”.. ส่วนประเด็นอื่นๆ ก็พลอยถูกสอยร่วงไม่ต้องนำมาวินิจฉัยไปโดยปริยาย..
อันที่จริงหลังจาก “คลิปแห้ว” ไม่สามารถระคายผิวอันอยู่ยงคงกระพันของ พรรคประชาธิปัตย์ลงได้.. ทุกคนก็พอรู้แล้ว ว่า “ปชป.” จะต้องเป็นพรรคตัวยืนของประเทศไทยไปอีกนานแสนนาน..
แต่ “กระบี่ปราบมาร” เองก็ไม่นึกไม่ถึงว่าคดีประวัติศาสตร์ทางการเมืองของ ไทยที่มี “พ.ร.บ.พรรคการเมือง ปี 2550” ที่เปรียบเสมือนตะแกงอันทรงพลัง..นั้นถูก สร้างมาเพื่อเอาไว้คัดกรองนักการเมือง “น้ำเน่า”.. มันจะจบลงเหมือน “ละครหลังข่าว”
ราวกับว่า “พรรคประชาธิปัตย์” ที่รอลุ้นการถูก “ยุบพรรค” เมื่อต้นสัปดาห์ ที่ผ่านมานั้น..เหมือนจะมีใครบางคนหรือไม่??? ที่มีญาณวิเศษ “ฝัน” เห็นผลแห่งคดีจากการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่าจะออกมาเป็นเช่นใด???
ไม่ใช่เรื่องไสยศาสตร์อะไรหรอกครับท่านผู้อ่าน..แต่ไม่เชื่อก็อย่าได้ลบหลู่ เป็นอันขาด..เพราะคู่ความครั้งนี้ระหว่างผู้ร้อง “กกต.” กับผู้ถูกร้อง “ปชป.” นั้นอาจจะเป็นจุดเปลี่ยนทางการเมืองครั้งสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ชาติไทย..
แต่สิ่งที่ทุกคนรอคอยอย่างใจจด ใจจ่อนั้น.. ผลการวินิจฉัยของกรรมการบนเวทีกลับจับ “กกต.มุมแดง” แพ้ฟาวล์เพราะน้ำหนักเกินพิกัดไปซะอย่างงั้น!!! เล่นทำเอา “ปชป.มุมน้ำเงิน” ที่รูปร่าง ผอมแห้งบักโกรกยืนหน้าซีดรอการชกอยู่นั้น..ถึงกับอ้าปากค้างงุนงงในชัยชนะของตนเอง..
อ้าว!!! พวกเราชาวค่าย “มาร์ค หน้าหมองลูกพระแม่ธรณี” ชนะแล้ว หรือนี่?!?!
“กระบี่ปราบมาร” เห็นท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ เดินลงจากบันไดศาลรัฐธรรมนูญ ด้วยรอยยิ้มเฝื่อนๆ..ไม่เป็น “มาร์คหน้าใส” ตามที่คาดการณ์ไว้.. ก็คงพอจะรู้แล้วว่าหลังจากนี้คงเกิด “สงครามยืดเยื้อ” ระหว่างรัฐบาลกับซีกฝ่ายค้านอีกยาวนานแน่นอน.. เพราะวันนี้สังคมไทยบางส่วนกำลังจับจ้องมองเรื่อง 2 มาตรฐานกันอย่าง ไร้สติ..
แต่ในความเป็นจริงนั้น “เมืองไทย” มีอยู่เพียงมาตรฐานเดียว..มันเป็นมาตรฐานของคนที่มี “อำนาจ” เท่านั้นครับ...
ที่มา.สยามธุรกิจ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
สู้ความจริง
นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พ.ต.ท.ทักษิณกำลังจะเดินทางไปสหรัฐวันที่ 16 ธันวาคม ตามคำเชิญของคณะกรรมาธิการด้านความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (ซีเอสซีอี) ซึ่งเป็นคณะกรรมาธิการด้านสิทธิมนุษยชนที่มีสมาชิกประกอบด้วย วุฒิสมาชิก 9 คน และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของรัฐสภาสหรัฐ 9 คน จากทุกพรรคการเมือง รวมทั้งผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศและผู้ช่วยรัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐ เพื่อให้การและพยานหลักฐานรายละเอียดเกี่ยวกับปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย โดยเฉพาะช่วงเหตุการณ์ “เมษา-พฤษภาอำมหิต” ที่มีผู้เสียชีวิต 91 คน และบาดเจ็บเกือบ 2,000 คน
นอกจากนั้นคณะกรรมาธิการยังต้องการติดตามปัญหาและเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัญหาการละเมิดสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและเสรีภาพของสื่อสารมวลชน หลังการใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
นายธานี ทองภักดี รักษาการโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยอมรับว่า สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน ได้แจ้งเรื่องดังกล่าวมาที่กระทรวงแล้ว ซึ่งองค์กรซีเอสซีอีเป็นองค์กรอิสระ ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางเข้าสหรัฐได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับรัฐบาลสหรัฐจะพิจารณา
สำหรับเรื่องส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนนั้นก็ต้องขึ้นกับอัยการสูงสุดที่รับผิดชอบโดยตรงว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะไทยมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับสหรัฐอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม หากมองในแง่ภาพลักษณ์ของประเทศไทย ก็อาจเป็นโอกาสดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะได้ชี้แจงข้อมูลข้อเท็จจริงอีกด้านหนึ่งให้กับสมาชิกระดับสูงของสหรัฐ ที่มีทั้งฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ แทนที่จะมีแต่คำชี้แจงจากฝ่ายรัฐบาล ซึ่งสหรัฐคงไม่เชื่อฝ่ายใดง่ายๆ
ขณะเดียวกันต้องยอมรับว่าสหรัฐเองก็มีข้อมูลจากหน่วยงานด้านการข่าวและสถานเอก
อัครราชทูตในไทย ซึ่งอาจมีข้อมูลมากกว่าที่ปรากฏเป็นข่าวมากมาย
ดังนั้น ถ้ามองในแง่ดีการไปชี้แจงของ พ.ต.ท.ทักษิณกลับเป็นผลดีกับประเทศไทยที่ยืนยันว่ามีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่ประชาธิปไตยซ่อนรูปที่ยังอยู่ภายใต้อำนาจเผด็จการอย่างที่ถูกเผยแพร่ตามเว็บไซต์ต่างๆ
ที่สำคัญความปรองดองจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีความยุติธรรม ซึ่งทุกฝ่ายจะต้องยอมรับความจริง แก้ปัญหาบ้านเมืองอย่างมีสติ และหนักแน่นเที่ยงตรง อย่างมีเหตุมีผล ดังพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ให้ยึดมั่นผลประโยชน์ของชาติเป็นเป้าหมายสำคัญสูงสุด
ที่มา.หนังสือพิมพ์โลกวันนี้รายวัน
**********************************************************************
นอกจากนั้นคณะกรรมาธิการยังต้องการติดตามปัญหาและเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัญหาการละเมิดสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและเสรีภาพของสื่อสารมวลชน หลังการใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
นายธานี ทองภักดี รักษาการโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยอมรับว่า สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน ได้แจ้งเรื่องดังกล่าวมาที่กระทรวงแล้ว ซึ่งองค์กรซีเอสซีอีเป็นองค์กรอิสระ ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางเข้าสหรัฐได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับรัฐบาลสหรัฐจะพิจารณา
สำหรับเรื่องส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนนั้นก็ต้องขึ้นกับอัยการสูงสุดที่รับผิดชอบโดยตรงว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะไทยมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับสหรัฐอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม หากมองในแง่ภาพลักษณ์ของประเทศไทย ก็อาจเป็นโอกาสดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะได้ชี้แจงข้อมูลข้อเท็จจริงอีกด้านหนึ่งให้กับสมาชิกระดับสูงของสหรัฐ ที่มีทั้งฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ แทนที่จะมีแต่คำชี้แจงจากฝ่ายรัฐบาล ซึ่งสหรัฐคงไม่เชื่อฝ่ายใดง่ายๆ
ขณะเดียวกันต้องยอมรับว่าสหรัฐเองก็มีข้อมูลจากหน่วยงานด้านการข่าวและสถานเอก
อัครราชทูตในไทย ซึ่งอาจมีข้อมูลมากกว่าที่ปรากฏเป็นข่าวมากมาย
ดังนั้น ถ้ามองในแง่ดีการไปชี้แจงของ พ.ต.ท.ทักษิณกลับเป็นผลดีกับประเทศไทยที่ยืนยันว่ามีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่ประชาธิปไตยซ่อนรูปที่ยังอยู่ภายใต้อำนาจเผด็จการอย่างที่ถูกเผยแพร่ตามเว็บไซต์ต่างๆ
ที่สำคัญความปรองดองจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีความยุติธรรม ซึ่งทุกฝ่ายจะต้องยอมรับความจริง แก้ปัญหาบ้านเมืองอย่างมีสติ และหนักแน่นเที่ยงตรง อย่างมีเหตุมีผล ดังพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ให้ยึดมั่นผลประโยชน์ของชาติเป็นเป้าหมายสำคัญสูงสุด
ที่มา.หนังสือพิมพ์โลกวันนี้รายวัน
**********************************************************************
"นพดล"ยัน"ทักษิณ"ไม่หวั่นไปสหรัฐฯจะถูกรวบตัว
"นพดล" ยัน พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางไปตามคำเชิญของ ซีเอสซีอี อย่างแน่นอน พร้อมไม่หวั่นใจ เรื่องสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ระหว่างไทยและสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คงประเมินสถานการณ์แล้วว่า ควรเดินทางไปหรือไม่
ภายหลังจากมีกระแสข่าวที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เตรียมเดินทางไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา ตามคำเชิญของ ซีเอสซีอี ที่มีสมาชิกประกอบไปด้วยวุฒิสมาชิก 9 คน และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ของรัฐสภาสหรัฐ 9 คน จากทุกพรรคการเมือง ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกา เพื่อไปให้การในฐานะพยาน ในการไต่สวนกลางเดือนธันวาคม นี้ ที่ กรุงวอชิงตัน เกี่ยวกับปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน ในประเทศไทย โดยเฉพาะช่วงเหตุการณ์การปราบปราม และสลายการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ผ่านมา ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บจำนวนมาก
ในเรื่องนี้ นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ยืนยัน ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางไปตามคำเชิญของ ซีเอสซีอี อย่างแน่นอน พร้อมกันนี้ ยังไม่หวั่นใจ เรื่องสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ระหว่างประเทศไทย และสหรัฐอเมริกา แต่ทั้งนี้ ต้องสอบถามไปยัง พ.ต.ท.ทักษิณ เนื่องจากเป็นผู้ตัดสินใจด้วยตนเอง อีกทั้งยังรู้ข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย อย่างไรก็ตาม ยังเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คงประเมินสถานการณ์แล้วว่า ควรเดินทางไปหรือไม่
ที่มา.หนังสือพิมพ์โลกวันนี้
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ภายหลังจากมีกระแสข่าวที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เตรียมเดินทางไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา ตามคำเชิญของ ซีเอสซีอี ที่มีสมาชิกประกอบไปด้วยวุฒิสมาชิก 9 คน และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ของรัฐสภาสหรัฐ 9 คน จากทุกพรรคการเมือง ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกา เพื่อไปให้การในฐานะพยาน ในการไต่สวนกลางเดือนธันวาคม นี้ ที่ กรุงวอชิงตัน เกี่ยวกับปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน ในประเทศไทย โดยเฉพาะช่วงเหตุการณ์การปราบปราม และสลายการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ผ่านมา ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บจำนวนมาก
ในเรื่องนี้ นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ยืนยัน ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางไปตามคำเชิญของ ซีเอสซีอี อย่างแน่นอน พร้อมกันนี้ ยังไม่หวั่นใจ เรื่องสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ระหว่างประเทศไทย และสหรัฐอเมริกา แต่ทั้งนี้ ต้องสอบถามไปยัง พ.ต.ท.ทักษิณ เนื่องจากเป็นผู้ตัดสินใจด้วยตนเอง อีกทั้งยังรู้ข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย อย่างไรก็ตาม ยังเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คงประเมินสถานการณ์แล้วว่า ควรเดินทางไปหรือไม่
ที่มา.หนังสือพิมพ์โลกวันนี้
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เปิดจดหมายกมธ.สหรัฐฯเชิญทักษิณให้การ

แปลโดย คุณดวงจำปา
ที่มา เวบไซต์ internetfreedom
23 พฤศจิกายน 2553
ทักษิณ ชิณวัตร
ในความดูแลของ แอนดรู เจ เดอร์โควิค
สำนักงานกฎหมาย แอมสเตอร์ดัม และ เพอร์รอฟ
ตึก โฮเมอร์
601 ถนนสิบสาม, ตะวันตกเฉียงเหนือ, ชั้นที่ 11 ทางใต้
กรุงวอชิงตัน, ดีซี 20005
เรียน คุณทักษิณ:
ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (คณะกรรมาธิการเฮลซิงกิ), ข้าพเจ้าได้เขียนหนังสือเชื้อเชิญคุณ เพื่อ กล่าวคำให้การในการประชุมเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนและสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทย, ด้วยหัวข้อ “ประชาธิปไตย, ธรรมาภิบาล, และสิทธิมนุษยชน ของประเทศไทย,” ในวันที่ 16 ธันวาคม คริสต์ศักราช 2010, เวลา 15:00 น. สถานที่การประชุมนั้นจะยืนยันให้ทราบในอีกครั้งในไม่ช้านี้.
ในฐานะที่เป็นพันธมิตรของความร่วมมือในภาคพื้นเอเซียกับองค์กรเกี่ยวกับความมั่นคงและความร่วมมือในภาคพื้นยุโรป, ความคืบหน้าภายในประเทศไทย, โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการปราบปรามผู้ประท้วงชุมนุมในกรุงเทพมหานครที่เพิ่งผ่านมาไม่นานนี้, เป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างยิ่งต่อคณะกรรมาธิการเฮลซิงกิ.
เมื่อไม่นานมานี้, กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้ส่งเรื่องยื่นฟ้องศาลอาญาระหว่างประเทศ, โดยอ้างเหตุผลว่า นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน, นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, มีความผิดในเรื่องอาชญากรรมต่อมนุษยชาติระหว่างการปราบปราม.
ในการประชุมครั้งนี้, เราต้องการที่จะได้ยินมุมมองของท่านเกี่ยวกับสถานการณ์ของสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย, รวมไปถึงอิสรภาพของสื่อมวลชนและอิสรภาพต่อการแสดงความคิดเห็น, ความพยายามของทางฝ่ายรัฐบาลไทยที่จะผ่อนคลายสถานการณ์ที่ไม่สงบทางภาคใต้, และ ต้องให้ทางประเทศสหรัฐอเมริกาและนานาอารยะประเทศ, รวมไปถึงคณะกรรมาธิการว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป, สามารถช่วยเหลือ แก้ไขสถานการณ์ทางสิทธิมนุษยชนและให้ความมั่นใจถึงเรื่อง กระบวนการเลือกที่เป็นเสรีภาพและยุติธรรม ให้เกิดขึ้นได้อย่างไร.
เราขอร้องให้อธิบายรายงานของท่านเป็นเวลาประมาณ 7-10 นาที. ท่านสามารถเรียกร้องในการขอเวลามากกว่านี้ โดยการส่งเอกสาร เป็นลายลักษณ์อักษรและเนื้อหาสาระเพิ่มเติม ซึ่งท่านเห็นสมควร เพื่อการถูกบันทึกไว้อย่างเป็นทางการ.
คณะกรรมาธิการจะมีความยินดีเป็นอย่างมาก ถ้าท่านสามารถส่งเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษร ในรูปแบบของเป็นไฟล์ (ทางอีเมล์) ก่อนสิ้นสุดเวลาทำงานของทางการ ในวันอังคารที่ 14 ธันวาคม, เพื่อสำเนาจะได้ถูกส่งล่วงหน้าไปยังคณะกรรมาธิการ และ สำเนาอื่นๆ นั้น จะได้จัดพิมพ์ไว้กับทางสาธารณชนได้เห็นกันในการประชุมครั้งนี้.
ข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะได้ยินมุมมองของคุณในเรื่องสำคัญนี้และยินดีต้อนรับการมีส่วนร่วมของคุณในการประชุมครั้งนี้. คุณแชลี่ แฮน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของคณะกรรมาธิการ จะเป็นผู้ประสานงานเตรียมพร้อมในการประชุมครั้งนี้.
กรุณาติดต่อเธอได้ทุกเวลาที่ท่านต้องการโดยโทรศัพท์หมายเลข (202) 225-1901 หรือทางอีเมล์ ที่ Shelly.han@mail.house.gov ถ้าต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม.
ขอแสดงความนับถือ
เบนจามิน ไอ คาร์ดิน, สมาชิกวุฒิสภาประเทศสหรัฐอเมริกา
ประธานคณะกรรมาธิการ
แหล่งที่มาของข่าว.ไทยอีนิวส์
**************************************************************************
วันอังคารที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2553
รายงานข่าวด่วน "ผู้ก่อตั้งวิกิลีกส์" ถูกจับกุมตัวที่กรุงลอนดอน ด้านเว็บดังแถลงจะไม่หยุดแพร่ข้อมูล
โฆษก "วิกิลีกส์" ยันไม่หยุดแพร่ข้อมูลแม้ผู้ก่อตั้งถูกจับ
ภายหลังจากนายจูเลียน แอสเซนจ์ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์วิกิลีกส์ ถูกจับกุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจอังกฤษ นายคริสติน ฮราฟน์สสัน โฆษกของเว็บไซต์ดังกล่าว ได้แสดงความเห็นว่า การจับกุมตัวนายแอสเซนจ์ถือเป็นการคุกคามเสรีภาพสื่อ แต่เว็บไซต์ของพวกตนจะไม่ยอมหยุดเผยแพร่ข้อมูลลับที่มีอยู่ในมือเป็นอันขาด
"วิกิลีกส์มีสถานะเป็นปฏิบัติการ ดังนั้น เราจึงยังคงมุ่งหน้าไปตามวิถีทางเดิมที่ถูกวางไว้ก่อนหน้านี้" โฆษกวิกิลีกส์กล่าวและว่า "พัฒนาการใดๆ ที่ข้องเกี่ยวกับแอสเซนจ์จะไม่ถูกเปลี่ยนแปลง และแผนการของเราก็คือการปล่อยข้อมูลออกไปในวันนี้และวันข้างหน้า"
ฮราฟน์สสันเปิดเผยด้วยว่า ทีมงานจัดทำเว็บไซต์วิกิลีกส์ ได้ทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มทั้งในลอนดอน และสถานที่ลึกลับอื่นๆ
ขณะเดียวกัน กลุ่มผู้สนับสนุนนายแอสเซนจ์ ได้ร่วมตัวกันยื่นจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีจูเลีย กิลลาร์ด แห่งออสเตรเลีย ประเทศที่ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์วิกิลีกส์เป็นพลเมืองอยู่ ยื่นมาเข้ามาช่วยปกป้องเขา
บีบีซีรายงานข่าวด่วน "ผู้ก่อตั้งวิกิลีกส์" ถูกจับกุมตัวที่ลอนดอน
สำนักข่าวบีบีซีรายงานข่าวด่วนว่า นายจูเลียน แอสเซนจ์ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์วิกิลีกส์ ได้ถูกจับกุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยก่อนหน้านี้ นายแอสเซนจ์ ชาวออสเตรเลียวัย 39 ปี ได้เคยปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าเขาล่วงละเมิดทางเพศสตรี 2 ราย ในประเทศสวีเดน
เจ้าหน้าที่ตำรวจสก๊อตแลนด์ยาร์ดระบุว่า นายแอสเซนจ์ถูกจับกุมตัวด้วยหมายจับของสหภาพยุโรป หลังจากได้นัดพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ ณ สถานีตำรวจในกรุงลอนดอน เมื่อเวลา 9.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นของอังกฤษ หรือ 16.30 น. ตามเวลาประเทศไทย
โดยผู้ก่อตั้งวิกิลีกส์จะต้องขึ้นให้การในศาลแขวงเขตเวสต์มินสเตอร์ต่อไป และคาดว่าศาลอาจต้องใช้เวลาหลายเดือน ในการพิจารณาว่าจะส่งตัวนายแอสเซนจ์ไปยังประเทศสวีเดนหรือไม่
ทั้งนี้ นายแอสเซนจ์ ถูกกล่าวโทษจากทางการสวีเดนว่า เขาเคยบีบบังคับสตรีให้ร่วมเพศอย่างผิดกฎหมาย 1 ครั้ง ทำการล่วงละเมิดทางเพศต่อสตรี 2 ครั้ง และทำการข่มขืนสตรีอีก 1 ครั้ง โดยการกล่าวหาทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
เจ้าของ "วิกิลีกส์" เตรียมให้ปากคำตำรวจอังกฤษ เผยโดนธนาคารสวิส "อายัดบัญชี"
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า หมายจับตัว "นายจูเลียน แอสเซนจ์" เจ้าของเว็บไซต์วิกิลีกส์ ของสหภาพยุโรป ได้ถูกส่งมายังทางการอังกฤษ ประเทศซึ่งถูกเชื่อว่าเป็นแหล่งหลบซ่อนตัวของนายแอสเซนจ์ แล้วเมื่อวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา
โดยนายมาร์ค สตีเฟนส์ ทนายความประจำประเทศอังกฤษของนายแอสเซนจ์ เปิดเผยว่า เขาและลูกความกำลังดำเนินการนัดหมายเพื่อเข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยความยินยอมพร้อมใจ เพื่อนำไปสู่กระบวนการการให้ปากคำที่จำเป็น
ทั้งนี้ ทางการสวีเดนได้ออกหมายจับตัวนายแอสเซนจ์ครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เพื่อจะสอบสวนถึงกรณีที่ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์วิกิลีกส์มีความเชื่อมโยงกับข้อกล่าวหาเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศ แต่หมายจับดังกล่าวกลับเป็นโมฆะด้วยปัญหาขั้นตอนการยื่นเอกสาร ส่งผลให้สวีเดนได้ออกหมายจับครั้งใหม่อีกหนหนึ่งเมื่อวันที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน ธนาคารโพสต์ไฟแนนซ์ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ได้ประกาศผ่านเว็บไซต์ของธนาคารว่า นายแอสเซนจ์ได้แจ้งข้อมูลเท็จเกี่ยวกับแหล่งพำนักของตนเองแก่ธนาคาร ในระหว่างขั้นตอนการขอเปิดบัญชี
"แอสเซนจ์ระบุว่าเมืองเจนีวาเป็นแหล่งพำนักของเขา แต่จากการสืบสวน เราพบว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นเท็จ เมื่อแอสเซนจ์ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเขามีแหล่งพำนักในประเทศสวิตเซอร์แลนด์จริง ดังนั้น เขาจึงไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นลูกค้าของเรา ด้วยเหตุนี้ เราจึงมีสิทธิที่จะปิดบัญชีเงินฝากของเขา" ธนาคารโพสต์ไฟแนนซ์ระบุ
จากกรณีดังกล่าว เว็บไซต์วิกิลีกส์ระบุว่า ทางเว็บไซต์และนายแอสเซนจ์จะสูญเสียเงินฝากจำนวน 100,000 ยูโร
ที่มา.มติชนออนไลน์
***************************************
ภายหลังจากนายจูเลียน แอสเซนจ์ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์วิกิลีกส์ ถูกจับกุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจอังกฤษ นายคริสติน ฮราฟน์สสัน โฆษกของเว็บไซต์ดังกล่าว ได้แสดงความเห็นว่า การจับกุมตัวนายแอสเซนจ์ถือเป็นการคุกคามเสรีภาพสื่อ แต่เว็บไซต์ของพวกตนจะไม่ยอมหยุดเผยแพร่ข้อมูลลับที่มีอยู่ในมือเป็นอันขาด
"วิกิลีกส์มีสถานะเป็นปฏิบัติการ ดังนั้น เราจึงยังคงมุ่งหน้าไปตามวิถีทางเดิมที่ถูกวางไว้ก่อนหน้านี้" โฆษกวิกิลีกส์กล่าวและว่า "พัฒนาการใดๆ ที่ข้องเกี่ยวกับแอสเซนจ์จะไม่ถูกเปลี่ยนแปลง และแผนการของเราก็คือการปล่อยข้อมูลออกไปในวันนี้และวันข้างหน้า"
ฮราฟน์สสันเปิดเผยด้วยว่า ทีมงานจัดทำเว็บไซต์วิกิลีกส์ ได้ทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มทั้งในลอนดอน และสถานที่ลึกลับอื่นๆ
ขณะเดียวกัน กลุ่มผู้สนับสนุนนายแอสเซนจ์ ได้ร่วมตัวกันยื่นจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีจูเลีย กิลลาร์ด แห่งออสเตรเลีย ประเทศที่ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์วิกิลีกส์เป็นพลเมืองอยู่ ยื่นมาเข้ามาช่วยปกป้องเขา
บีบีซีรายงานข่าวด่วน "ผู้ก่อตั้งวิกิลีกส์" ถูกจับกุมตัวที่ลอนดอน
สำนักข่าวบีบีซีรายงานข่าวด่วนว่า นายจูเลียน แอสเซนจ์ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์วิกิลีกส์ ได้ถูกจับกุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยก่อนหน้านี้ นายแอสเซนจ์ ชาวออสเตรเลียวัย 39 ปี ได้เคยปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าเขาล่วงละเมิดทางเพศสตรี 2 ราย ในประเทศสวีเดน
เจ้าหน้าที่ตำรวจสก๊อตแลนด์ยาร์ดระบุว่า นายแอสเซนจ์ถูกจับกุมตัวด้วยหมายจับของสหภาพยุโรป หลังจากได้นัดพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ ณ สถานีตำรวจในกรุงลอนดอน เมื่อเวลา 9.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นของอังกฤษ หรือ 16.30 น. ตามเวลาประเทศไทย
โดยผู้ก่อตั้งวิกิลีกส์จะต้องขึ้นให้การในศาลแขวงเขตเวสต์มินสเตอร์ต่อไป และคาดว่าศาลอาจต้องใช้เวลาหลายเดือน ในการพิจารณาว่าจะส่งตัวนายแอสเซนจ์ไปยังประเทศสวีเดนหรือไม่
ทั้งนี้ นายแอสเซนจ์ ถูกกล่าวโทษจากทางการสวีเดนว่า เขาเคยบีบบังคับสตรีให้ร่วมเพศอย่างผิดกฎหมาย 1 ครั้ง ทำการล่วงละเมิดทางเพศต่อสตรี 2 ครั้ง และทำการข่มขืนสตรีอีก 1 ครั้ง โดยการกล่าวหาทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
เจ้าของ "วิกิลีกส์" เตรียมให้ปากคำตำรวจอังกฤษ เผยโดนธนาคารสวิส "อายัดบัญชี"
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า หมายจับตัว "นายจูเลียน แอสเซนจ์" เจ้าของเว็บไซต์วิกิลีกส์ ของสหภาพยุโรป ได้ถูกส่งมายังทางการอังกฤษ ประเทศซึ่งถูกเชื่อว่าเป็นแหล่งหลบซ่อนตัวของนายแอสเซนจ์ แล้วเมื่อวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา
โดยนายมาร์ค สตีเฟนส์ ทนายความประจำประเทศอังกฤษของนายแอสเซนจ์ เปิดเผยว่า เขาและลูกความกำลังดำเนินการนัดหมายเพื่อเข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยความยินยอมพร้อมใจ เพื่อนำไปสู่กระบวนการการให้ปากคำที่จำเป็น
ทั้งนี้ ทางการสวีเดนได้ออกหมายจับตัวนายแอสเซนจ์ครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เพื่อจะสอบสวนถึงกรณีที่ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์วิกิลีกส์มีความเชื่อมโยงกับข้อกล่าวหาเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศ แต่หมายจับดังกล่าวกลับเป็นโมฆะด้วยปัญหาขั้นตอนการยื่นเอกสาร ส่งผลให้สวีเดนได้ออกหมายจับครั้งใหม่อีกหนหนึ่งเมื่อวันที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน ธนาคารโพสต์ไฟแนนซ์ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ได้ประกาศผ่านเว็บไซต์ของธนาคารว่า นายแอสเซนจ์ได้แจ้งข้อมูลเท็จเกี่ยวกับแหล่งพำนักของตนเองแก่ธนาคาร ในระหว่างขั้นตอนการขอเปิดบัญชี
"แอสเซนจ์ระบุว่าเมืองเจนีวาเป็นแหล่งพำนักของเขา แต่จากการสืบสวน เราพบว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นเท็จ เมื่อแอสเซนจ์ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเขามีแหล่งพำนักในประเทศสวิตเซอร์แลนด์จริง ดังนั้น เขาจึงไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นลูกค้าของเรา ด้วยเหตุนี้ เราจึงมีสิทธิที่จะปิดบัญชีเงินฝากของเขา" ธนาคารโพสต์ไฟแนนซ์ระบุ
จากกรณีดังกล่าว เว็บไซต์วิกิลีกส์ระบุว่า ทางเว็บไซต์และนายแอสเซนจ์จะสูญเสียเงินฝากจำนวน 100,000 ยูโร
ที่มา.มติชนออนไลน์
***************************************
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)