--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันศุกร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2553

"ณัฐวุฒิ"ระบุ เหตุระเบิดสีลมฝีมือเจ้าหน้าที่รัฐ

บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่ม นปช. ที่บริเวณแยกราชประสงค์ เช้าวันนี้ว่า สภาพด้านหลังเวทีและการชุมนุมโดยรวมอยู่ในภาวะที่ตึงเครียดจากเหตุการณ์คืนที่ผ่านมา และหวั่นเกรงว่าเจ้าหน้าที่จะใช้กำลังสลาย โดยล่าสุด นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. ขึ้นประกาศว่า บริเวณแยกศาลาแดง สวนลุมพินี มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตั้งด่านเตรียมเข้าผลักดันกลุ่มผู้ชุม แต่ขอให้ยังมีผู้ชุมนุมคอยประจำอยู่หน้าเวทีหลัก เนื่องจากหวั่นว่าอาจมีการส่งกำลังเข้ามาสลายหากมีผู้ชุมนุมเหลือน้อย

นายณัฐวุฒิยังระบุว่า ในการแถลงข่าวช่วงเช้า ตนเองมีหลักฐานที่จะเปิดเผยว่าเหตุการณ์ระเบิดที่สีลมในช่วงเช้าเป็นฝีมือของฝ่ายรัฐ

ผู้สื่อขาวรายงานว่า วันนี้แกนนำคนสำคัญของ นปช. อาทิ นายณัฐวุฒิ นายจตุพร พรหมพันธ์ นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง มาประจำการอยู่ทีเวทีตั้งแต่ช่วงเช้า ต่างจากทุกวันที่ผ่านมา ที่กว่าแกนนำจะเข้ามาริเวณหลังเวทีก็เป็นช่วงสาย นอกจากนี้ในสถานที่ชุมนุม พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ได้ปรากฏตัว โดยโฆษกบนเวทีได้ประกาศยินดีต้อนรับ จากนั้น เสธ.แดงจึงได้ผ่านหลังเวที แต่ไม่ได้เข้าไปหาแกนนำที่อยู่ในบริเวณที่กั้นไว้เฉพาะ


ที่มา.เนชั่น
**********************************************

วันพฤหัสบดีที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2553

รุมกินโต๊ะ ‘นายอภิสิทธิ์’!!!

ปฏิกิริยาต่อต้าน แอนตี้ “รัฐบาลทรราชย์” ที่ต่างชาติเบ้หน้าหนี ประกาศตัวไม่เป็นมิตร??
เท่าที่รู้มา พี่เบิ้มขาใหญ่ “สหรัฐอเมริกา”...โดย เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย “อีริค จี.จอห์น” เริ่มปฏิบัติการณ์ “แซงชั่น” ไม่ยอมรับ “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นายกรัฐมนตรีกลายกลายสั่งลั่นดาน “ปิดสถานทูต”.. ให้ “เจ้าหน้าที่” หยุดทำงาน ปุบปับกะทันหัน ขอรับเจ้านายจะเกี่ยวโดยตรง กับความ เหี้ยมโหด! อำมหิต! ใจทมิฬหินชาติ! ของ “รัฐบาลอภิสิทธิ์ชน”..ที่ใช้กำลังทหาร ติดอาวุธสงครามครบมือ..เพื่อ “สลายม็อบคนเสื้อแดง” ผู้มี ๒ มือเปล่าๆ โบ๋เบ๋ ไม่มีปืนสักดุ้นเอาไว้ต่อสู้!!!สหรัฐฯ ชักแถวนำร่อง....โอกาส “นายมาร์ค”หงายท้อง?...ล่องจุ้นเข้ามาเต็มที่แล้วหละแม่อีหนู???

xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
วางคิว ‘หยิบชิ้นปลามัน’!!!
“บูรพาพยัคฆ์” วางสเต็ป ให้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” รองผู้บัญชาการทหารบก..วิ่งผลัด ๔ คูณร้อย เป็น “ผู้บัญชาการทหารบก” ก็รู้อยู่ทั่วกัน???
แต่นั่นต้องหมายความว่า “นายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ ณ ซัดดัม” นายกรัฐมนตรีต้องคงความเป็นใหญ่ ...ไม่ตะเกียกตะกาย หนีไปหลบซอกไหนในมุมโลก
“อภิสิทธิ์” ใหญ่.. “บิ๊กตู่” ก็ได้ไป กับเก้าอี้ “ผู้บัญชาการทหารบก”หากแต่ว่าถ้าฟ้าเปลี่ยนสี?...รัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตยจ๋าอย่างเต็มใบ ขึ้นมาคุมอำนาจประเทศไทยอย่างชอบธรรมกันแล้ว...อยากให้ดู “พล.อ.พฤณฑ์ สุวรรณทัต” ขุนพลทหารใหญ่ ตท.๑๐ อดีต “ผู้บัญชาการกองพลที่ ๑” จะก้าวขึ้นมาเป็น “ผู้บัญชาการทหารบก” อย่างสมศักดิ์ศรี!!!“พล.อ.พฤณฑ์” คนนี้ไม่ใช่ย่อย...เป็น “ทหารวงศ์เทวัญ”หัวใจเต็มร้อย?...ที่สู้ไม่ถอย ด้วยล่ะพี่???

xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
ทำตัวยิ่งกว่า ‘ปลิง’!!!
เกาะเก้าอี้ “นายกรัฐมนตรี”..โดยที่ “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ไม่ยอมสลัดทิ้ง???ขณะที่ คนในพรรคประชาธิปัตย์ สวิง สวาย หัวใจตุ้มๆ ต่อมๆ...กรณีการโดน “ยุบพรรค”พระอาจารย์ใหญ่ “ชวน หลีกภัย” ปวดขมองกับเรื่องนี้ อย่างหนักแต่หัวหน้าพรรค “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น...คงคิดว่า “ศาลรัฐธรรมนูญ” จะเป็น “ตัวช่วย” ไม่ให้โดนยุบพรรค เนื่องจากเป็น “รัฐบาลเทพอุ้มสม”..ซึ่งกระโดดค้ำถ่อ ขึ้นมามีอำนาจ ด้วยฝีมือ ของ “เทพประทาน”!!!“ชวน”อยากให้ ปชป.รอด...จึงกัดฟันกรอดๆ ...ด่า “อภิสิทธิ์”ขณะนี้ตลอด อยู่ทุกวัน???

xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
‘กิ๊ก’ ท้ายวัง (บางลำพู)!!!
สาวสวยสังคมสูง ที่ว่ากันว่า สนิทสนมกับ “เทือก แขนครอก” กันอย่างพัลวัน น่าดู???ก่อนจะมีสัมพันธ์ ระดับห้าดาว ฉาวไปทั้งวัง (บางลำพู) นั้น...ว่ากันว่า “เจ้าหล่อน” หลงใหลคนเด่นคนดัง มานักต่อนัก“ทักษิณ ชินวัตร” ก็เป็นที่หมายตา อย่างหนักแต่ด้วยคุณธรรมอันสูงส่ง “บุรุษแดนไกล” ทักษิณ ชินวัตร ไม่เล่นด้วย...จึงเกิดความแค้นตาแม้น...เมื่อมาเกี่ยวข้องกับ “เทือก แขนครอก” จึงนำเรื่องเท็จๆ ไปใส่ไคล้ “อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร” เสียจมแหลก!!!วันนี้ถ้า “ทักษิณ”เล่นด้วย.....ตะละแม่คนสวย....คงไม่ฉกฉวย ทำให้ประเทศนี้ต้องแตก???

xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
เรื่องเลวๆ ทำหมด!!!
“นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นายกรัฐมนตรี...อย่าให้ “ลิ่วล้อ-เบ๊-ม้าใช้” ทำเรื่องพังประเทศไปยิ่งกว่านี้ ..มีแต่จะทำลายภาพพจน์???เอาคนนอกพื้นที่ ชนชั้นกระฎุมพี เลวสิ้นดีที่ไม่ใช่ “ชาวสีลม” ไปเปิดสงครามประชาชนกับคนเสื้อแดงเช่นนั้น ถูกต้องแล้วหรือ...ยิ่งใช้วิชามาร ใส่ไคล้ “คนเสื้อแดง” ว่าจะเผากิจการทั้งหมดในจังหวัดเชียงใหม่...แหมมันช่างเลวสมชื่อพฤติการณ์นอกกรอบเช่นนี้...ก็ไม่เชื่อว่า “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” จะทำ?...ถึงท่านจะไม่ทำก็ไม่อยากให้ยักคิ้วหลิ่วตา...สมควรออกโรงห้าม “ไอ้ห้อย-ไอ้โหน” ที่อยู่ข้างกาย อย่าได้เผาบ้านเผาเมืองดีกว่า จะบอกให้!!!“อภิสิทธิ์” ห้ามปรามลูกน้องหน่อย....อย่าให้ใช้วิธีถ่อยๆ ?....เป็นโจรห้าร้อย จะได้ไหม???

คอลัมน์.ตอดนิดตอดหน่อย
โดย.การบูร
**************************************************

น้ำตาอสูร

ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น..เมื่อ..สุเทพ เทือกสุบรรณ เดินคอตกน้ำตาซึมออกมาจากที่ประชุมพรรค เมื่อถูก ชวน หลีกภัย กับ บัญญัติ บรรทัดฐาน เบรกไม่ยอมให้แก้ไขรัฐธรรมนูญเราจึงได้เห็น “น้ำตาอสูร” ร่วงเผาะพูดไปสะอึกสะอื้นไป เพราะไม่สามารถจะโน้มน้าว พรรคประชาธิปัตย์ ให้มาร่วมด้วยช่วยกันกับ “พรรค

ร่วม” แก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งแท้จริงแล้วมันก็เป็นแค่ ละครบทหนึ่งที่แสดงกันไม่ค่อยจะเนียนเท่าไรนักในการ ที่จะพยายาม“ติ๊ดชึ่ง”กระตุกดึง พรรคร่วมให้ แถกเหงือกร่วมไปด้วยกัน “พรรคร่วม” ทั้ง 5 ก็รู้ ไม่ใช่ไม่รู้!..รู้เต็มอก! แต่ก็ยังหวังลมๆ แล้งๆ..และก็ยังพอใจพร้อมใจที่จะให้ประชาธิปัตย์ “ตบตูด-ลูบหัว” เล่นไปวันๆเพราะรอ “เศษเนื้อข้างเขียง” ที่ตั้งโต๊ะเตรียมกันมานานในโครงการไทยเข้มแข็งประเด็นในการเขียนหนังสือวันนี้ มันไม่ใช่อยู่ที่จะแก้หรือไม่แก้ รัฐธรรมนูญ

เพราะตราบใดที่ ประชาธิปัตย์ ถือ “ไพ่แต้มต่อ” ขี่คอเอาหม้อคลุมหัวได้.. ผู้ที่ร่วมโต๊ะเล่นด้วยก็อย่าพึงหวังว่าจะ ได้รับการปราณี ในการช่วยตีไพ่ให้มันเป็นอย่างนี้จริงๆ ครับ เจ๊เล้ง!!แต่..ที่เขียนวันนี้เพราะแปลกใจว่า ทำไมผู้ที่เข้าไปใกล้ชิด กับ เนวิน ชิดชอบ ทั้งหลายจะต้องเป็น “คนเจ้าน้ำตา” ตามไปทุกคนใครๆ ก็รู้ว่า “คุณห้อย”น่ะ!.. นิดก็ร้อง-หน่อยก็ร้อง ฉายาของเขาคือ “ร้องไห้กับเดือน”ร้องแม่งตลอดไม่ต้องดูอื่น บุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ลูกน้องข้างกาย เห็นลูกพี่

ร้องทีไรก็ต้องร้องไห้ตามทุกที จนได้ฉายาว่า “ร้องไห้หน้าศพ” ไปกับเขาด้วยรายนี้ “รับจ้างร้องไห้” ชัวร์!!เรี่ยมเร้เรไรล่าสุด “เทพเทือก” ไม่รู้จะร้องทำไมให้อายคนทั้งโลก!..ปรกติธรรมดาก็น่าเกลียดอยู่แล้ว ยิ่งมาทำน้ำตาเล็ดน้ำตาราด..มันสุดบรรยายครับท่านถามจริงๆ เถอะพ่อคุณทั้งหลายจะ “เล่นการเมือง” หรือ จะมา เล่นหนัง- แสดงละคร ให้ประชาชนดูกันแน่ มันผิดวิกนะเนี่ย!คงคิดสิว่า “น้ำตาอสูร”แค่เนี้ยจะหลอกคนได้ทั้งเมือง..ฮี่ธ่อ!!


คอลัมน์.ก็โลกมันเบี้ยว
โดย.หนุ่ม ชิงชัย
*************************************************

กลุ่มแตกแถว

และแล้วก็เกิดขึ้น!กับเหตุการณ์ที่ “ประชาชน” กับ “ประชาชน” ซึ่งมีความคิดเห็นแตกต่างทางการเมือง...ก่อเหตุปะทะเกือบกลายเป็น “สงครามกลางเมือง” ล้างเผ่าพันธุ์คนไทยถึงเวลานี้ผมยังมองว่า...สิ่งสำคัญที่สุดของการต่อสู้ของ “ประชาชนหลายกลุ่ม” ระหว่าง เสื้อแดง เสื้อหลากสี และ เสื้อเหลืองคือการใช้ “ความอดทน” อย่างยิ่งยวด“คนเสื้อแดง” มีเป้าหมายคือการเรียกร้อง “ความยุติธรรม” ให้เกิดขึ้นในบ้านเมือง...โดยให้รัฐบาล “ยุบสภา”“คนเสื้อหลากสี”

ต้องการให้บ้านเมืองกลับมาสงบสุข...โดยให้คนเสื้อแดงยกเลิกการชุมนุม...และสนับสนุนให้รัฐบาลทำงานต่อไปจนครบวาระ“คนเสื้อเหลือง” มีแนวคิดเช่นเดียวกับคนเสื้อหลากสี...เพียงแต่ “แกนนำ” ผู้สั่งการยังนั่งดูอยู่ในที่มั่น...คนทุกกลุ่มต่างมี “จุดยืน” แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้มีคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งทำตัว “แตกแถว” ไม่ยอมรับการชุมนุมของกลุ่มคนฝ่ายตรงข้ามโดยเฉพาะความต้องการ “เอาชนะคะคาน” และยั่วยุปลุกปั่นให้เกิดความรุนแรงข้อเรียกร้อง สงบ สันติ ไม่ใช้

ความรุนแรง...อยากให้หันหน้ามาเจรจากันทั้งผู้ชุมนุมเสื้อแดงและรัฐบาล...รวมไปถึงไม่อยากให้คนไทยทะเลาะกันและกล่าวทิ้งท้าย...คนไทยทุกคนควรหันหน้ามาปรองดอง!แต่สิ่งเหล่านี้เป็นเพียง “คำพูด” ซึ่งพวกเขาไม่มีความจริงใจต่อการนำมาปฏิบัติ...ทำให้มองได้ว่าเป็น “พวกอีแอบ” ไม่กล้าเปิดเผยและที่สำคัญคือการแสดงตัว “เป็นมือเป็นเท้า” ของผู้มีอำนาจใครบางคนคำถามจึงมีว่า...คนเหล่านี้เข้ามา “แอบแฝง” เพื่อหวังผลประโยชน์อันใดเพราะเพียงข้าม

คืน...พวกเขาได้เปลี่ยนจิตเปลี่ยนใจ...โดยเฉพาะ “ลักษณะนิสัย” และ “ความประพฤติ” ได้อย่างรวดเร็ว เชื่อเถิดว่า...ไม่มีประเทศชาติใดพัฒนาเดินหน้าด้วยการที่ประชาชนหันหน้ามาเป็นศัตรู “ห้ำหั่น” กันเองมันมีแต่สร้าง “ความฉิบหาย” และเปิดทางให้ผู้เป็นทรราชสร้างความร่ำรวยและมั่งคั่งทางอำนาจ “กดหัวหดขี่” โดยไม่เปลืองแรงน่าเสียดายที่คนเหล่านี้ปากบอก “รักชาติ” แต่การกระทำนั้นไม่ต่างกับโจร!

คอลัมน์.ปัญหาโลกแตก
โดย.ภูผาหิน
*********************************************

หยุดขุด

แต่โบราณกาล...เขาสอนกันไว้ว่า...เวลาสะดุดอะไรจนล้มแล้วละก็....อย่าเพิ่งลุกขึ้นมาทันที..ให้ระมัดระวังตรวจสอบจนแน่ใจเสียก่อนว่า..รอบๆ ตัวนั้นเป็นอย่างไร..ยังจะมีอันตรายอื่นๆ รออยู่หรือเปล่าอย่างคำว่า “อย่าผลีผลาม”...ก็เช่นกัน..หากเอาแต่อารมณ์โกรธ..อารมณ์รัก..มาเป็นตัวกำหนดการกระทำแล้วละก้อ...ท่านว่าเอาไว้ว่า...จะมีแต่เรื่องเสียไม่มีเรื่องได้..พรานเดินป่า..จะบอกกับลูกทีมของเขาว่า..หากป่าเงียบจนผิดปกติ ไร้เสียงนกเสียงกาขานไข..นั่นแปลว่า

สัตว์ใหญ่กำลังอยู่ใกล้...ให้ระมัดระวังตัวให้ดี...เวลากางเต้นท์นอน...พรานเขาจะสอนให้เราหลีกเลี่ยง...ทางเตียน ทางโล่ง...เพราะจะเป็นทางผ่านทางลงสู่หนองน้ำของสัตว์ ใหญ่..อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไทย กำลังเจอกับคนเสื้อแดงที่เป็นม็อบใหญ่..และยืนยันประการเดียว จะให้นายกรัฐมนตรียุบสภาทันที...นายกรัฐมนตรีที่เคยเดินไปปฏิสันฐานกับม็อบเสื้อเหลืองครั้งที่ยังเป็นหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน..ครั้นได้มาเป็นนายกรัฐมนตรี..กลับเอาทหารมาขอพื้นที่คืน

จากม็อบ..จนมีคนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก.. ก็ต้องระมัดระวังและฟังคำคนโบราณให้ดีๆเรื่องแบบนี้เท่าที่เกิดขึ้นมาในโลกนั้น..เขาแก้ปัญหากันอย่างไร...นายกรัฐมนตรีต้องไม่ผลีผลามทำตามใจตัว..หรือตามใจใคร...เพราะทุกปัญหามีหนทางแก้ไข..ไม่มีปัญหาใดที่ไม่มีตอนจบอภิสิทธิ์ เวสชาชีวะ...ลืมเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของท่านสักเวลา..แล้วมองมาที่เก้าอี้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์..มองรัฐสภาที่ท่านเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย..มองลงไปที่แผ่นดินที่ท่านเกิด..

มองกลับเข้าไปที่ครอบครัวของท่าน..หน้าของเมียตาของลูก....แล้วท่านจะรู้ว่า...ท่านจะต้องทำอะไร..ฝรั่งบอกไว้ว่า... “IF YOU FIND YOURSELF IN A HOLE THE FIRST THING TO DO IS STOP DIGGING” หรือ หากพบว่าตัวเองติดอยู่ในหลุม สิ่งแรกที่ท่านต้องทำ คือ หยุดขุด..ท่านทั้งหลายที่อยู่ในหลุมแห่งอำนาจ..อีกกี่หมื่นศพก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้น..หยุดขุดหยุดการเข่นฆ่า..THE FIRST THING TO DO IS STOP



โดย. พญาไม้ทูเดย์พญาไม้
***********************************************

มาตรา 7 กับ ขอเข้าเฝ้าฯ ต่างกันตรงไหนหรือ?

คนดีชอบแก้ไข...คนอะไรที่ชอบแก้ตัววันนี้ด้วยสถานการณ์ที่ตึงเครียด และสามารถเกิดอุบัติเหตุที่สังคมไทยไม่ต้องการขึ้นได้ตลอดเวลา10 เมษายนที่ผ่านมา ยังสูญเสียไม่พออีกหรือ???ด้วยเหตุนี้เอง หลายคนๆ ที่ทนดูไม่ได้ รวมทั้งไม่สามารถที่จะทนเห็นความสูญเสียให้เกิดขึ้นมาเป็นรอบที่สองได้อีก จึงพยายามที่จะเสนอหาหนทางแก้ไขในสารพัดแนวคิดจะเห็นว่าบรรดาองค์กรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรของไทย หรือของสากลในต่างประเทศ ต่างเรียกร้องให้มีการ

เจรจา โดยที่ขอให้รัฐบาลแสดงความจริงใจด้วยการยกเลิกกฎหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยกเลิกการปิดกั้นสื่อ และหยุดการใช้สื่อของรัฐมาเป็นเครื่องมือในการแก้ต่างแทนรัฐ ด้วยสไตล์ “เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น”เพราะนั่นทำให้ปัญหาไม่จบ แถมยังกลับเป็นการซ้ำเติมเชื้อของความเกลียดชังมากขึ้นไปอีก... ดังนั้น ท่ามกลางข้อเรียกร้องให้มีการเจรจาอย่างจริงใจ โดยเลิกขึงพืดการเจรจาด้วยการยึดทิฐิ และอัตตาของทั้ง 2 ฝ่าย จนทำให้ไม่สามารถได้ข้อยุติเพื่อประเทศ

ชาติวันนี้รัฐบาลไม่ควรยืนกรานว่ายุบสภาใน 9 เดือน เพราะควรจะรู้แล้วว่าไม่มีใครยอมได้แน่ๆ ในขณะที่กลุ่มคนเสื้อแดงก็ควรจะรู้เช่นกันว่า การให้ยุบสภาในทันที ก็เป็นไปไม่ได้เช่นกันเพราะไม่เพียงแต่รัฐบาลไม่ยอม แต่ก็ได้มีกลุ่มคนบางส่วนที่ออกมาแสดงท่าทีว่าไม่ยอมให้รัฐาลยุบสภาฉะนั้น หากจะให้การเจรจายุติทั้ง 2 ฝ่ายต้องยอมถอย ต้องยอมรับว่าไม่มีการเจรจาใดที่ฝ่ายใดจะได้ 100% อย่างที่ต้องการ วันนี้ถ้ารัฐบาลยอมถอย ลดระยะเวลายุบสภาลงมา ในขณะที่

กลุ่มคนเสื้อแดงก็ยอมเพิ่มระยะให้ เช่นมาจบลงที่ตัวเลขกลางๆ เป็นว่ายุบสภาภายใน 3 เดือน เชื่อว่าเป็นทางออกของประเทศชาติที่จะทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายได้รับเสียงปรบมือจากทั่วประเทศแน่นั่นคือ ความหวังที่หลายฝ่ายต้องการจะให้เกิดแต่ทิฐิที่บดบัง พร้อมกับความเชื่อมั่นในอำนาจ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เชื่อมั่นในการกุมอำนาจกองกำลังทหาร รวมทั้งเชื่อมั่นในแนวทางที่นายเนวิน ชิดชอบ บุคคลที่ถูกเว้นวรรคทางการเมือง 5 ปี แต่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองได้ทุกรูป

แบบทั้งบนดิน และใต้ดินจึงมีการเสนอบริการ “จัดตั้งมวลชน” บ้าง เสนอบริการ “สลายการชุมนุมแบบพิสดาร” ซึ่งแม้บางคนที่อยู่รอบข้างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี อาจจะชอบใจ แต่ก็ยิ่งกลายเป็นการที่ทำให้ปัญหายิ่งหนักหนามากขึ้น และจบยากมากขึ้นไปอีกตรงนี้เป็นความจริงที่รัฐบาล และโดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ จะต้องยอมรับเพราะถึงวันนี้กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ได้แก้ไขคำเตือนด้านการท่องเที่ยวล่าสุด ด้วยการแจ้งเตือนให้พลเมืองชาวอเมริกัน

ระมัดระวังตัวเมื่อเดินทางเข้ามาไทยหลังเหตุประท้วงรุนแรง และว่าการประท้วงทางการเมืองในกรุงเทพฯ ยังถือว่ามีความไม่แน่นอน อันอาจขยายวงสู่ความรุนแรงขึ้นได้อีก ยังดีที่สหรัฐฯ ระบุชัดว่า เหตุการณ์ในไทย เกิดจากเรื่องการเมืองภายใน และไม่ปรากฏว่าเป็นการกระทำของพวกก่อการร้ายระหว่างประเทศแต่อย่างใดขณะเดียวกันก็มีประมาณ 40 ประเทศหลักๆ ที่ได้ให้คำแนะนำในการเดินทางแก่คนชาติของตน โดยที่ประมาณ 13 ประเทศ ได้แนะนำคนชาติตนให้

หลีกเลี่ยงเดินทางมาเฉพาะกรุงเทพฯ ซึ่งส่วนใหญ่จะแนะนำให้หลีกเลี่ยงการเดินทางเข้าไปในพื้นที่ที่มีการชุมนุมประท้วงนี่คือ ความเป็นจริงที่เกิดขึ้น จากความกังวลว่าสถานการณ์อาจจะบานปลายและก็เพราะความกังวลเหล่านี้นี่เองที่ทำให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ 2 อดีตนายกรัฐมนตรี เกิดความเป็นวิตก และพยายามที่จะเสนอแนะแนวทางสันติวิธี รวมแม้กระทั่งการมีมุมมองที่จะกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณจาก

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อนำไปสู่การคลี่คลายปัญหาวิกฤติของบ้านเมืองโดยหลักการของจิตสำนึกของคนไทย ตั้งแต่สมัยอดีตนับร้อยนับพันปีมาจนถึงปัจจุบันนั่นคือ องค์พระมหากษัตริย์ ทรงเป็นที่พึ่งสูงสุดของคนไทย ที่จะแก้ไขวิกฤติให้กับพสกนิกรได้หลัการนี้มีมานานตั้งแต่สมัยสุโขทัย ซึ่งประวัติศาสตร์ชาติไทยได้จารึกเอาไว้ให้เป็นความภาคภูมิใจของคนไทยมานับร้อยนับพันปี ซึ่งศิลาจารึกระบุชัดเจนว่า พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ทรงปกครองพสกนิกร เยี่ยง

พ่อปกครองลูกดังนั้น จึงทรงจัดให้มีกระดิ่งเอาไว้ สำหรับให้พสกนิกรหรือลูกๆ ของพระองค์ท่าน มาสั่นกระดิ่งเพื่อขอโปรดเกล้าพระราชทานความช่วยเหลือดับทุกข์ร้อนหรือแก้ไขปัญหานานาซึ่งเป็นเรื่องที่คนไทยจดจารึกฝังในความทรงจำและในจิตใจกันมาโดยตลอด คู่ไปกับความจงรักภักดีสูงสุดที่มีต่อสถาบันด้วยเหตุนี้เอง พล.อ.ชวลิต ซึ่งเป็นห่วงและวิตกกังวลอย่างสูงว่า วิกฤติชาติครั้งนี้จะก่อให้เกิดการสูญเสียอย่างหนัก จึงต้องการทูลขอพระราชทานพระมหา

กรุณาธิคุณเพื่อดับวิกฤติเป็นแนวคิดพื้นฐานของคนไทยทุกคนในยามที่เดือดร้อนทุกข์เข็ญ ก็ย่อมจะต้องนึกถึงพระองค์ท่านแต่ไม่น่าเชื่อว่า ผลประโยชน์ทางการเมือง และอำนาจทางการเมือง จะทำให้มีคนหลายคนที่ออกมากล่าวอ้างแสดงความคิดเห็นกันอย่างสนุกปากในการโจมตี พล.อ.ชวลิต และนายสมชายทำราวกับว่ามีเฉพาะตนเฉพาะกลุ่มเท่านั้น ที่ผูกขาดความจงรักภักดี ทั้งๆ ที่ หากถามว่า คนระดับพล.อ.ชวลิต ซึ่งรับใช้ใต้ละอองธุลีพระบาทมาชั่วชีวิตราชการ จะ

จงรักภักดีต่อสถาบันน้อยกว่าใครในประเทศไทยบ้าง... เชื่อว่าเป็นไม่มีแล้วคิดว่าเป็นการสมควรแล้วจริงๆ เช่นนั้นหรือ ที่นายอภิสิทธิ์ กลับสรุปง่ายๆ สรุปเอาเองดื้อๆ ว่า นี่คือ การพิสูจน์ชัดว่า ใครคือหัวหน้าขบวนการ???เป็นการสรุปที่หลายคนบอกว่า หากเป็นการสรุปของคนที่ไม่ได้มีการศึกษาในระดับอ็อกซฟอร์ด แต่เป็นคนที่มีการศึกษาพื้นๆ ก็จะไม่รู้สึกแปลกใจเลยเพราะจริงๆ แล้วในยามเดือดร้อนเมื่อครั้งที่ผ่านมา บรรดาปัญญาชน นักวิชาการ ที่เห็นวิกฤติจะเกิดกับ

บ้านเมือง ก็ได้ระลึกถึงพระองค์ท่าน และหวังในพระมหากรุณาธิคุณด้วยเช่นกัน ว่าจะแก้ไขปัญหาวิกฤติได้ จึงออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องการขอให้ทรงใช้ มาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญ 2540 เพื่อแก้วิกฤติบ้านเมืองในวันนั้น นายอภิสิทธิ์ ก็สนับสนุนการทูลขอนายกรัฐมนตรีพระราชทาน ตาม มาตรา 7 ด้วยเช่นกันบรรดาคนที่กล่าวหาโจมตี พล.อ.ชวลิต ว่าไม่บังควร เป็นการดึงฟ้าต่ำนั้น เคยคิดย้อนกลับไปหรือไม่ว่า แล้วการกระทำของนายอภิสิทธิ์ จนได้รับฉายา “มาร์ค

ม7” ที่รู้กันทั่วประเทศนั้น จะหมายถึงอะไรอย่างนั้นหรือในสังคมไทยที่ถูกปลูกฝังในเรื่องการให้ความเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ คงต้องถามบรรดานายกองร้องด่าท้าทายของพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหลาย รวมทั้งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง และเฉพาะอย่างยิ่งนายอภิสิทธิ์ ว่าเห็นว่าเป็นการเหมาะสมอย่างนั้นจริงๆ หรือ กับการสรุปโจมตีตำหนิผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้อาวุโส อย่างที่เกิดขึ้น??จริงๆ แล้ว ตลอดมา บางกอก ทูเดย์ เรียกร้องให้มีการเจรจา ให้มี

การแก้ไขวิกฤติของชาติ โดยมองว่า บุคคลอาวุโสสูงและมากบารมี มากการยอมรับ คือ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี และที่สำคัญคือ เป็นประธานองคมนตรี คือผู้ที่เหมาะสมที่สุดที่จะทำหน้าที่ยุติปัญหาวิกฤติในครั้งนี้แต่ พล.อ.เปรม ก็ไม่ได้กระทำ ดังนั้น หากดูตามประวัติศาสตร์ ในการแก้ไขปัญหาวิกฤติบ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็นเมื่อครั้ง 14 ตุลาคม 2516 และ 6 ตุลาคม 2519 เรื่อยมาจน พฤษภาทมิฬ 2535 ก็ไม่ใช่พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์

ท่านหรือ ที่ปัดเป่าให้วิกฤติชาติคลี่คลายลง??เช่นนี้แล้วจะให้ พล.อ.ชวลิต ซึ่งกลัวว่าจะเกิดการสูญเสียในวิกฤติรอบนี้ จะหันไปพึ่งใคร หากไม่พึ่งพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน??ในประวัติศาสตร์ชาติไทย... ไม่พึ่ง “พ่อ” แล้ว “ลูก”จะพึ่งใครนี่คือ ความจริงของประเทศ ซึ่งสื่อที่เป็นกลาง ไม่ว่าจะเป็นบางกอก ทูเดย์เอง หรือแม้แต่ไทยรัฐ ข่าวสด ต่างก็ล้วนท้วงติงในเรื่องนี้แล้วไม่ใช่หรือว่า กรณีการขอเข้าเฝ้าฯ เพื่อหวังในพระมหากรุณาธิคุณของ พล.อ.

ชวลิต กับกรณีขอพระราชทานนายกฯ ตามมาตรา 7 ของนายอภิสิทธิ์นั้น ไม่ได้แตกต่างกันเลยในสาระสำคัญวันนี้ บางกอก ทูเดย์ ยังคงเรียกร้องว่า การปะทะกันไม่ว่าจะเป็นการสลายการชุมนุม หรือการปะทะกันของคนต่างสีเสื้อ ล้วนแล้วแต่เป็นความสูญเสียของประเทศชาติดังนั้น วันนี้ ในฐานะนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ ต้องละทิฐิ และถอดหัวโขน ออกมาตั้งสติว่า จะหาทางออกในการแก้วิกฤติบ้านเมืองครั้งนี้อย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียเลยสังคมไทยในวันนี้

ต้องการ “สติ” และ “ปัญญา” อย่างสูงยิ่ง ประเภทอย่างที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำม็อบพันธมิตรฯ ที่ออกมาเสนอแนะว่า ให้แม่ทัพภาค 1 ประกาศกฎอัยการศึกเองเลย แล้วก็ลุยสลายม็อบให้จบภายใน 2 วัน... อย่างนี้ต่างหากที่สังคมทุกภาคส่วนควรตั้งคำถามว่าสมควรแล้วหรือ ใช้สติปัญญาแล้วจริงๆ หรือ กับข้อเสนอเช่นนั้นเพราะนั่นคือ การพาประเทศชาติลงเหวชัดๆ

ที่มา.บางกอกทูเดย์
***********************************************

สถานีต่อไป‘สีลม’

แม้ว่าการเคลื่อนพลครั้งล่าสุดของ “กลุ่มคนเสื้อแดง” จะปรับเปลี่ยนท่าทีจากการเคลื่อนพลบุกถนนสีลม ถนนสายธุรกิจที่สำคัญของไทย แต่แม่ทัพนายกอง ที่ขนทหารกล้า ติดอาวุธครบมือยังคงปักหลักทำหน้าที่ป้องกันการบุกยึดพื้นที่ “สีลม” ของกลุ่มคนเสื้อแดงการวางแนวป้องกันอย่างแน่นหนาของทหารในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะได้รับบทเรียนจากเหตุการณ์ 10 เมษาฯ ที่เกิดการสูญเสียครั้งใหญ่ทั้งฝ่ายพลเรือน และทหาร

ครั้งนี้จึงเป็นการกู้หน้าของทหารไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย!แต่ภาพที่ปรากฏออกมากลับเป็นภาพเหมือน “ถนนสีลม” ถนนแห่งการค้าขาย ถนนที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากต่างบ้านต่างเมือง ได้เข้าสู่ภาวะสงครามแล้ว ทั้งบังเกอร์ รั้วลวดหนาม ทหารถือปืนพร้อมกระสุนจริง อยู่ในท่าเตรียมพร้อม ทำให้วันนี้ “สีลม” เปลี่ยนไป ไม่เหมือนเดิม ร้านรวงที่เคยเปิดกิจการ

วันนี้บางร้านต้องปิดร้าน เพราะไม่มั่นใจว่าจะเกิดจลาจลกลางเมืองหรือไม่ รถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน ที่เคยเป็นสถานีให้บริการผู้โดยสารชาวกรุง วันนี้เต็มไปด้วยทหารถือปืนยืนประจำการ นี้หรือ “สีลม” หรือว่า “สีลม” จะเป็นสถานีต่อไปที่ความวุ่นวายจะกลับเหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับ “ถนนข้าวสาร” เมื่อ 10 เมษาฯขอภาวนาอย่าให้ความคิดนี้เป็นจริง เพราะคนไทยรับไม่ได้กับการสูญเสียอีกครั้ง!

ที่มา.บางกอกทูเดย์
**************************************************

ยิงเอ็ม79 ถล่ม"บีทีเอสศาลาแดง-แบงก์กรุงศรีฯ สีลม"5 ลูก ตาย1 บาดเจ็บ 75 คน สาหัส 10

รายงาน ล่าสุดแจ้งว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นติดๆ กันหลายครั้งที่บริเวณสถานีรถไฟฟ้าศาลาแดง และธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาสีลม เกิดขึ้นจากการยิงเอ็ม 79 ถล่ม 5 ลูก ทำให้มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งนี้ จากเสียงระเบิดที่เกิดขึ้นที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 75 คน ในจำนวนนี้มีสาหัส 10 คน และเสียชีวิต 1 คน เป็นผู้หญิง

ทั้ง นี้ เมื่อเวลา 20.55 น.ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร. 11 รอ.) นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุระเบิดที่สถานี รถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีศาลาแดงว่า ได้รับรายงานเบื้องต้นแล้ว และสั่งการให้ติดตามและดูแลสถานการณ์อย่างใกล้ชิดแล้ว คาดว่าเป็นการยิงระเบิดเอ็ม 79 วิถีโค้งเข้าไป ขณะนี้สถานการณ์ยังชุลมุนอยู่ ต้องรอรายงานจาก ศอฉ.อย่างเป็นางการอีกครั้ง

พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. ให้สัมภาษณ์ช่องไทยพีบีเอส เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น. โดยระบุว่า เหตุการณ์ระเบิดหลายครั้งที่เกิดขึ้นที่ถนนสีลม มาจากระเบิดเอ็ม 79 ทั้งหมด 5 ลูก ลง 3 จุดด้วยกัน ได้แก่ 1.ที่หลังคาสถานีบีทีเอส สถานีศาลาแดง 2.ตกที่ด้านล่างบนพื้นถนนบริเวณหน้าโรงแรมดุสิตธานี และ 3.หน้าธนาคารกรุงศรี ใกล้กับรร.ดุสิตฯ เช่นกัน ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ทหารได้เข้าเคลียร์พื้นที่แล้ว

เมื่อ ถามว่า ความเป็นไปได้ที่จะมีการสลายการชุมนุม พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า กลางคืนทำงานลำบากยืนยันไม่มีการสลายการชุมนุม ซึ่งขณะนี้นายกฯ ได้เรียกประชุมฝ่ายความมั่นคงเป็นการด่วนแล้ว ส่วนผลของการประชุมจะเป็นเช่นไรตอนนี้ยังไม่สามารถบอกได้

" จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่คาดว่ายิงมาจากพื้นที่แถวสวนลุม หรือไม่ก็ใกล้เวทีปราศรัยของคนเสื้อแดง แต่ยืนยันว่าไม่ได้ยิงมาจากบริเวณตึกสูงรอบๆ บริเวณถนนสีลม และไม่ใช่ปฏิบัติการของทหารแน่นอน" พ.อ.สรรเสริญ กล่าว

เมื่อเวลาประมาณ 20.50 น.เกิดเสียงระเบิดอีกครั้งใกล้โรงแรมดุสิตธานี ซึ่งทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติมจากเหตุการณ์ที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีศาลาแดง

จาก เหตุเกิดเสียงคล้ายระเบิดที่บริเวณสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีศาลาแดง โดยเป็นเสียงระเบิดดังขึ้น 3 ครั้งซ้อน ด้านบนของรถไฟฟ้า ซึ่งเป็นที่พักของทหารและเจ้าหน้าที่ที่ประจำอยู่ที่บริเวณสกายวอร์ก นอกจากนี้ ยังมีสื่อทั้งไทยและต่างประเทศก็ปักหลักคอยทำข่าวอยู่ที่บริเวณดังกล่าวอีก ด้วย สำหรับผู้บาดเจ็บยังไม่แน่ชัดว่าเป็นนักท่องเที่ยวหรือสื่อมวลชน โดยทั้งหมดถูกนำตัวส่งโรงพยายาลเรียบร้อยแล้ว

ขณะ เดียวกันกลุ่มผู้ค้าที่บริเวณสีลมได้วิ่งหนีกระจัดกระจาย แต่เมื่อเหตุการณ์สงบแล้วก็ได้รีบเก็บข้าวของปิดร้านหนีหมดแล้ว โดยทหารได้เข้าทำการปิดถนนสีลมหมดไม่ให้รถเข้าออกแต่อย่างใด โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนขึ้นไปบันทึกภาพ

อย่าง ไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านี้มีเสียงดังป่วนเขย่าขวัญอยู่เป็นระยะ สร้างความสะเทือนขวัญให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมคนรักสีลม และประชาชนที่สัญจรไปมา รวมทั้งยังมีการขว้างปาขวดโซดาเข้ามาใกล้บริเวณพื้นที่ชุมนุมคนรักสีลมอีก ด้วย

ทั้ง นี้ การ์ด นปช.ได้ขับรถ จยย. และแท็กซี่ วนมาดูเหตุการณ์ตลอด ทำให้กลุ่มคนสีลมโห่ร้องตะโกนขับไล่ สร้างความตึงเครียดเพิ่มขึ้น เวทีปราศรัยทั้งสวนลุมและกลุ่มคนรักสีลม ได้ขอพื้นที่ว่างระยะห่างระหว่างกันให้มากขึ้น และขอผู้ประกอบการเพิ่มแสงสว่างเพื่อไม่ให้เกิดการสร้างสถานการณ์

ก่อนหน้านี้ เวลา 20.00 น.วันที่ 22 เม.ย. เกิดเสียงดังสนั่นคล้ายระเบิดที่แฝงมากับเสียงพลุ ที่ด้านบนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสศาลาแดง ซึ่งประชาชนจำนวนมากกำลังรอรถอยู่ โดยทหารได้เข้าควบคุมสถานการณ์แล้ว และได้ปิดถนนสีลมห้ามรถเข้าออก

สำหรับ กลุ่มคนสีลมต่างยืนมุงดูเหตุการณ์ ส่วนทหารได้นำแผงเหล็กปิดกั้นด้านล่างสถานี พร้อมทั้งกันประชาชนออกนอกบริเวณ ส่วนรถไฟฟ้าได้หยุดให้บริการทันที และทหารได้ใช้เครื่องขยายเสียงบอกให้ประชาชนที่อยู่บริเวณดังกล่าวระวังตัว ด้วย


ที่มา.ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
**************************************************

แดงสวนลุมจุดพลุสวนระเบิดกระหน่ำสีลม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีระเบิด 4-5 ลูก ลูกสุดท้ายไม่แน่ใจว่าเป็นระเบิด หรือปืน แต่ลูกที่ 4 เป็นระเบิดแน่นอน เพราะเสียงหนักแน่น โดยมีประชาชนได้รับบาดเจ็บ ทั้งนี้ ประชาชนบางส่วนได้พยายามออกจากบริเวณสีลม บางส่วนก็แอบตามซอกตึก ที่คิดว่าจะไม่ถูกระเบิดยิงลงมา ทั้งนี้ในช่วงประมาณ 3 ทุ่มมีแท๊กซี่สีเขียวเหลืองวิ่งเข้ามาที่สีลม แต่ถูกเจ้าหน้าที่สกัดไว้เพราะเกรงว่าจะเป็นคาร์บอมบ์ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้แจ้งเตือนผู้ไม่เกี่ยวข้องให้รีบออกจากพื้นที่ เพราะไม่ทราบว่าจะมีระเบิดลงในจุดใดอีกหรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงที่แยกศาลาแดง ได้มีการจุดพลุกว่า 10 นัด หลังจากได้ยินเสียงระเบิดเกิดขึ้นที่บริเวณสีลม ขณะเดียวกันก็มีเฮลิคอปเตอร์บินอยู่เหนือการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง ซึ่งสร้างความแตกตื่นให้กับผู้ชุมนุมในพื้นที่

ขณะที่กลุ่มผู้ที่อยู่บริเวณสีลมนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำกำลังเข้าล้อมรอบพื้นที่เกิดเหตุระเบิดล่าสุดที่หน้าโรงแรมดุสิตธานี โดยได้นำแผงเหล็กเข้าล้อมรอบจุดเกิดเหตุและล้อมเป็นระยะ 5 แถว ขณะเดียวกัน ได้มีรถพยาบาลวิ่งเข้าไปภายในโรงแรมดุสิตธานี ซึ่งอยู่ใกล้บริเวณที่เกิดเหตุ ส่วนตำรวจ ทหาร จากเดิมที่อยู่บริเวณหน้าโรงแรมก็ถอยร่นเข้าไปภายในโรงแรม

นอกจากนี้ ยังมีการนำรถไฟฟ้ามาฉายสปอร์ตไลน์ 6 ดวงไปที่การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง จากเดิมที่มีไฟส่องสว่างไม่เพียงพอ และยังมีการนำรถผู้ต้องขัง 5 คันมาจอดขวางกั้นระหว่างผู้ชุมนุมเสื้อแดงและกลุ่มหลากสีเพื่อลดการเผชิญหน้า รวมทั้งมีการนำรถขยายเสียงมาจอดกลางถนนพระราม 4 เพื่อใช้ประกาศแจ้งผู้ชุมนุม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รถไฟฟ้า BTS และรถไฟใต้ดิน ได้ปิดให้บริการแล้ว โดยปิดป้ายแจ้งขออภัยในความไม่สะดวก เพราะเกิดเหตุฉุกเฉิน ซึ่งสถานีรถไฟฟ้าได้แจ้งไปยังแต่ละสถานีเพื่อแจ้งประชาชนได้ทราบแล้ว


ที่มา.เนชั่น
************************************************

"จิ๋ว" แถลงการณ์แจงกรณีขอเข้าเฝ้าฯ

ปัดไม่ใช่หัวหน้ากลุ่มก่อการร้าย

เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ได้ออกแถลงการณ์ผ่านเจ้าหน้าที่ของพรรคประชาธิปัตย์ เรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์กับการเมือง ใจความว่ากระผมขอย้ำว่ามีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ยิ่งชีวิต และไม่เห็นประชาธิปไตยในระบอบไหนที่จะดีสำหรับเมืองไทยเกินกว่าระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งพระมหากษัตริย์ไม่ได้ทรงอยู่นอกการเมือง แต่ทรงอยู่เพื่อปกเกล้าประชาธิปไตย ทรงมีคุณูปการต่อประชาชนเป็นอย่างยิ่ง ประเทศไทยรักษาเอกราชบ้านเมืองอยู่จนถึงทุกวันนี้ก็เพราะมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และยามใดที่ประเทศไทยมีการปกครองในระบอบเผด็จการ มีฝ่ายใดที่ได้อำนาจ และใช้อำนาจจนก่อความเดือดร้อนเสียหายต่อประเทศชาติและประชาชน ท่านก็ทรงคานการใช้อำนาจเช่นนั้น ดังเช่นในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม และเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ที่พระมหากษัตริย์ทรงทำให้การเมืองถูกต้องมิใช่หรือ

นอกจากนั้นพระมหากษัตริย์ทรงเป็นสถาบันแห่งความยุติธรรมทางการเมือง ทรงยุติความขัดแย้ง นำประเทศออกจากวิกฤตมาได้โดยตลอด ดังที่เคยรับสั่งให้พล.อ.สุจินดา คราประยูร และพล.ต จำลอง ศรีเมือง เข้าเฝ้าฯพร้อมกัน และทรงตรัสให้ทังสองฝ่ายร่วมกันยุติวิกฤตการณ์ ถ้าไม่มีบทบาทของพระมหากษัตริย์เช่นนั้นแล้ว บ้านเมืองคงได้พินาศย่อยยับไปแล้ว เช่นนี้จะไม่ให้สถาบันพระมหากษัตริย์ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองในยามวิกฤตได้อย่างไร ในอดีตพรรคประชาธิปัตย์เคยเรียกร้องรัฐบาลพระราชทาน ตามมาตรา 7 และพระเจ้าอยู่หัวทรงตรัสว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 7 ไม่ได้บัญญัติไว้ให้อำนาจพระมหากษัตริย์ในการพระราชทานรัฐบาล แต่การที่กระผมได้ขอพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณฯพระบารมีปกเกล้าฯให้กับประชาชนทั้งประเทศ โดยที่ยังไม่ได้มีพระราชวินิจฉัยใดๆทั้งสิ้นว่าเป็นเช่นไร แล้วทำไมจึงมีการออกมาวิพากษ์วิจารณ์กระผมก่อน ซึ่งมิถือเป็นการละเมิดพระบรมราชวินิจฉัย และพระราชอำนาจหรือ


พล.อ.ชวลิต ระบุอีกว่า นายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ได้เคยเสนอจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ เมื่อครั้งซาวเสียงผู้ควรดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีพร้อมกับนายสมัคร สุนทรเวช แต่ต่อมาก็ไม่ได้จัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ตามพระราชดำรัส ”รู้รักสามัคคี” และต่อมายังได้ปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงว่าไม่ได้เคยเสนอรัฐบาลแห่งชาติ ทำให้เห็นว่าท่านไม่มีจุดยืน เพื่อประโยชน์ชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริง ถือเป็นสองมาตรฐานหรือไม่ครับ ท่านสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งนี้การทรงรับฎีกาจากราษฎร ถือเป็นธรรมเนียมอันมีมายาวนานของพระมหากษัตริย์ไทย และการถวายฎีกาเป็นเสรีภาพของประชาราษฎรตลอดมา ตั้งแต่สมัยพ่อขุนรามคำแหงจนถึงปัจจุบัน เป็นสัมพันธภาพระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์ และพสกนิกรของพระองค์ที่ดีงามสูงส่งตลอดมาสะท้อนภาพถึงทศพิธราชธรรมของสถาบันพระมหากษัตริย์ และสะท้อนภาพความจงรักภักดีอย่างยิ่งของประชาราษฎร


การขอพระบรมราชานุญาต กราบบังคมทูลขอพระบารมีปกเกล้าฯต่อปวงชนชาวไทย มิให้ถูกเข่นฆ่าโดยทหารบางคนในกองทัพ โดยคำสั่งที่ไม่ถูกต้องชอบธรรมของรัฐบาลนั้น มิได้ตีตนไปก่อนไข้แต่อย่างใดทั้งสิ้น แต่ทหารบางคนโดยคำสั่งของรัฐบาล ได้เกิดการเข่นฆ่าประชาชนแล้วนับสิบๆศพ และด้วยคำสั่งรัฐบาลที่ผิดนี้ จึงเป็นเหตุให้ทหารเสียชีวิตประมาณ 5-6 ศพ และบาดเจ็บทั้งสิ้นกว่า 800 คน ซึ่งขัดต่อพระปฐมบรมราชโองการ “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” ในฐานะพระองค์ทรงเป็นประมุขแห่งรัฐ และองค์รัฏฐาธิปัตย์ และจอมทัพไทย ที่ทั้งรัฐบาลและทหารจะต้องขึ้นต่อพระองค์ และเมื่อมีการบาดเจ็บล้มตายเสียเลือดเนื้อแล้ว รัฐบาลยังไม่หยุด ยังจะมีการเดินหน้าเข่นฆ่าปราบปรามประชาชนต่อไปอีก กระผมจึงไม่มีทางเลือก เพราะเห็นว่าไม่มีสถาบันใดอีกแล้ว ที่จะสามารถหยุดยั้งได้

นอกจากสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นสถาบันที่ทรงความยุติธรรมทางการเมืองเพียงสถาบันเดียวเท่านั้น และจะต้องยุติยับยั้งให้ทันต่อสถานการณ์ก่อนจะสายเกินการณ์ กระผมจึงตัดสินใจของพระบารมีปกเกล้าฯให้แก่ประชาชนดังกล่าว อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง และไม่มีทางเลือกใดทั้งสิ้น ใครคือผู้รับผิดชอบและใครกันแน่ที่ไม่รับผิดชอบ ใครผิดใครถูก ลองคิดดูด้วยจิตใจที่เที่ยงธรรมและมีคุณธรรม อย่ายึดแต่หลักนิติรัฐ แต่ไม่มีหลักนิติธรรม หรือจงถือหลักธรรมเป็นอำนาจ อย่าถืออำนาจเป็นธรรม และขอยืนยันว่ากระผมเป็นหัวหน้าขบวนการประชาธิปไตยแห่งชาติ อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขแห่งรัฐ เพื่อต่อสู้เอาชนะขบวนการการเผด็จการรัฐสภา เผด็จการรัฐประหาร และเผด็จการทุกชนิด มิใช่หัวหน้าผู้ก่อการร้ายตามที่มีผู้ป้ายสีไว้แต่ประการใดทั้งสิ้น

ที่มา.ข่าวสดออนไลน์
************************************************

สปน.รับลูกตั้งอนุกก. 5 ชุดคลี่ปม-เยียวยาชุมนุมเสื้อแดง

ผู้สื่อข่าวรายงาน เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 21 เม.ย. ที่ผ่านมา นายจตุรงค์ ปัญญาดิลก ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการรวบรวมและประมวลเหตุการณ์ความไม่สงบจากการชุมนุมทางการเมือง เมื่อวันที่ 10 เม.ย.2553 และเหตุการณ์ที่เกี่ยวเนื่อง (คปช.) ครั้งที่ 1/2553 ที่ห้องประชุม 211 เอ กรมประชาสัมพันธ์ หลังจากที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการชุดดังกล่าว ซึ่งมีปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นรองประธาน ปลัดกระทรวง/หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและผู้แทนสถานีวิทยุโทรทัศน์ช่องต่างๆ ร่วมเป็นกรรมการ เพื่อทำหน้าที่ดำเนินการรวบรวมข้อเท็จจริง ในเหตุการณ์ความไม่สงบจากการชุมนุมทางการเมือง เมื่อวันที่ 10 เม.ย.2553 ซึ่งได้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตทั้งทหารและพลเรือน โดยได้มีการกำหนดกรอบและแนวทางในการรวบรวมและประมวลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งรับฟังความคิดเห็นจากบุคคลที่อยู่ใกล้ชิดเหตุการณ์ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไป รวมทั้งผลกระทบในด้านต่างๆ ที่เกิดขึ้น ส่วนกรณีที่มีการกระทำความผิดตามกฎหมายจะไม่มีการสรุปหรือพิสูจน์ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดจากกล่มบุคคลใด เพื่อจัดทำสรุปรายงานภาพรวมเสนอนายกรัฐมนตรี และเผยแพร่ประสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่ถูกต้องให้ประชาชนได้รับทราบ

นอกจากนี้ยังได้เสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณาอนุมัติหลักเกณฑ์และวิธีการเยียวยาให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ความไม่สงบ โดยใช้หลักเกณฑ์เดียวกับการช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์วันที่ 7 ต.ค. 2551 และครม.ในการประชุมเมื่อวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้อนุมัติให้ใช้เงินเหลือจ่ายและกันไว้แล้ว จำนวน 19,752,500 บาทโดยให้เบิกจ่ายเป็นครั้งคราวไป

ปลัดสปน. กล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังได้มีมติให้จัดตั้งคณะอนุกรรมการจำนวน 5 คณะ เพื่อทำหน้าที่ในการรวบรวมข้อมูลและประมวลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่หลากหลายอย่างถูกต้อง ครบถ้วน นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้เห็นชอบให้มอบหมายอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เป็นโฆษกประจำคณะกรรมการรวบรวมและประมวลเหตุการณ์ความไม่สงบฯ ทำหน้าที่เป็นผู้แถลงข่าวผลการประชุมของคณะกรรมการ เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบต่อไป ส่วนข้อมูลที่เกี่ยวข้องในด้านนโยบายของรัฐบาลต้องนำเสนอนายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนมีการให้ข่าวต่อไป


ที่มา.เนชั่น
**********************************************

ทนาย พ.ต.ท.ทักษิณ แจ้งจับ "กษิต" หมิ่นประมาท

ทนาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แจ้งกองปราบเอาผิด นายกษิต ภิรมย์ กรณีหมิ่นประมาทว่าอยู่เบื้องหลังเหตุวุ่นวายในไทย
วันนี้ (22 เม.ย.)เมื่อเวลา 10.00 น. นายสุภาพ เพชรศรี รับมอบอำนาจช่วงจาก นายสมบูรณ์ คุปติมนัส ทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.มาโนชญ์ สวนดอกไม้ พงส.( สบ 2) กก.1 บก.ป.ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328 กรณีที่นายกษิต ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนต่างประเทศ ระหว่างเข้าร่วมประชุมสุดยอดความมั่นคงทางนิวเคลียร์ (NSS) ที่ มหาวิทยาลัยจอห์นฮอฟกิ้นส์ กรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 13 เมษายนที่ผ่านมา โดยมีเนื้อหาเข้าข่ายหมิ่นประมาท พ.ต.ท.ทักษิณ พร้อมกับนำสำเนา น.ส.พ.มติชน และ น.ส.พ.ข่าวสด ฉบับวันที่ 14 เมษายน 2553 ที่ตีพิมพ์ข่าว ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับคำสัมภาษณ์ของนายกษิต มามอบให้พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐาน

นายสุภาพ กล่าวว่า การที่นายกษิต ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ก่อการร้ายและอยู่เบื้องหลังเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นในประเทศไทย รวมทั้งกล่าวตำหนิประเทศต่างๆ ที่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางเข้าพำนัก กล่าวโจมตีองค์กรตำรวจสากล หรืออินเตอร์โพล ว่า ไม่ให้ความร่วมมือในการจับกุมตัว พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น ล้วนเป็นการกล่าวหาที่ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับความเสียหาย ตนจึงได้รับมอบอำนาจช่วงจากทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษในครั้งนี้โดยขอให้พนักงานสอบสวนพิจารณารวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับนายกษิต ให้ถึงที่สุด

ขณะที่ พ.ต.ท.มาโนชญ์ กล่าวว่า ได้รับเรื่องและสอบปากคำผู้ร้องทุกข์ไว้ในเบื้องต้นแล้ว โดยจะเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการเนื่องจากคดีนี้เกิดขึ้นในต่างประเทศจึงต้องส่งเรื่องให้กับทางอัยการสูงสุด (อสส.) ดำเนินการต่อไป


ที่มา.VOICE TV
***************************************************