--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันศุกร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2553

‘ต่างความคิด’ สู่ ‘ความเกลียด’


สถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ “ไม่น่าไว้วางใจ” ถ้าคนไทยขาดความสำนึกในชาติ ในความเป็นไทยก็อาจประสบเคราะห์กรรมกัน “ทั้งชาติ” ถ้าคนไทยไม่สามัคคีกัน ประเทศก็คงประสบความหายนะ ถ้าคนไทยไม่ระวัง ประเทศชาติก็ล่มจม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเน้นย้ำเรื่อง “ความสามัคคี” ของคนในชาติเป็นสำคัญ และให้ยึดเอาความมั่นคงปลอดภัยของชาติเป็นที่หมายสูงสุด เวลานี้เราควรสำรวจสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันว่าเป็นอย่างไร เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดสถานการณ์ ณ...จุดนี้...ประชาชนไม่เพียงแต่ “แตกต่างทางความคิด” เท่านั้น แต่ได้เดินไปสู่ “ความแตกแยก” กันแล้ว ความ

สำนึกใน “ความเป็นชาติ” ของคนไทยลดน้อยลงอย่างน่าใจหาย คนไทยรู้ตัวว่าเป็นคนไทย แต่ไม่รู้ว่าชาติคืออะไร ชาติเป็นจุดแบ่งยิ่งใหญ่ที่สุดระหว่างความเป็นคนอื่นกับความเป็นพวกเรา ความเป็นพวกเดียวกัน ชาติไม่ได้หมายถึงเฉพาะแผ่นดินหรือประชากรเท่านั้น แต่เป็นความผูกพันทางจิตใจของคนที่มีประวัติศาสตร์ร่วมกัน มีความผูกพันทางวัฒนธรรม ฯลฯ วันนี้ เราพูดถึงความเป็นชาติแต่ปาก แต่คนไทยกำลังแตกแยกกัน แบ่งเป็น “พวกผม” “พวกคุณ” แทนที่จะคิด

ว่า “พวกเรา” คือคนไทยด้วยกัน นับว่าเป็นอันตรายที่สุดต่อความมั่นคงของชาติ นอกจากพัฒนาจากความแตกต่างจากความคิดไปสู่ความแตกแยกของคนในชาติแล้ว คนไทยกำลังเดินไปสู่ “ความเกลียดชัง” ซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก “ชัง” คือ ไม่อยากเข้าใกล้ ไม่อยากสุงสิงด้วย ไม่อยากคบค้าสมาคม ส่วน “เกลียด” คือ ปรารถนาให้อีกฝ่ายฉิบหาย พินาศ ถูกทำลายไป ฉะนั้นถ้าคนไทยเกลียดชังกัน แสดงว่าคนในชาติเดียวกันกำลังมุ่งทำลายซึ่งกัน

และกัน ทำอย่างไรเราจึงจะป้องกันไม่ให้คนไทยพัฒนาจากความแตกแยกไปสู่ความเกลียดชังกันมากขึ้น สองฝ่ายต้องพยายามลดอคติต่อกันและกัน และเสริมสร้างความเมตตาสามัคคีในกันและกัน ถ้าคนไทยยังแยกพวก แยกเหล่า ไม่มีจิตใจผูกพันปรองดองเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน สิ่งที่เราไม่พึงประสงค์อาจเกิดขึ้นได้ สิ่งที่น่ากังวลขณะนี้ คือ ค่อนข้างยากจริงๆ ในการประสานความเข้าใจไม่ว่าจะฝ่ายไหน? พึงระลึกไว้.. “ความแตกแยก” คือ จุดเริ่มต้นของหายนะ

ที่มา.บางกอกทูเดย์
************************************************

ผมเห็นแนวรบสำคัญของเสื้อแดงมี "สองแนวรบ" มันไม่ต้องสำพันธ์ หรือร่วมมือกันตอนนี้ก็ได้

ก็มีคนที่ไม่ใช่เสิ้อแดงถามผมหลายคนว่า คนเสื้อแดงกำลังทะเลาะกันหรือแตกกันหรือ ผมเลยถามว่าแตกกันตรงไหน เขาก็บอกว่า เห็นสามเกลอด่า เสธ.แดง และกรณีสุรชัย
ผมก็งงๆ เพราะผมไม่ถือว่า เสธ.แดงนั้นเป็นแกนนำเสื้อแดงแต่อย่างใด ส่วนกรณีสุรชัย ผมไม่ได้ให้น้ำหนักในฐานะแกนนำเสื้อแดงมากนัก เขาอาจมีกลุ่มแดงสยาม แต่ผมยังไม่เห็นมวลชนของกลุ่มนี้ อาจมีคนเห็นด้วย แต่คนที่เห็นด้วยก็ยังรวมอยู่กับ นปช. เป็นส่วนใหญ่
การที่แกนนำ นปช. ทะเลาะกับสองคนนี้ ผมไม่ถือว่าเป็นเสื้อแดงแตกกัน
หาก ณัฐวุฒิทะเลาะกับวีระ หรือ จตุพรทะเลาะกับณัฐวุฒิ หรือ อริสมัน แรมโบ้ กลุ่มนี้ทะเลาะกันซิครับ ผมจึงจะถือว่า แกนนำเสื้อแดงทะเลาะกัน
สุรชัย เสธ.แดง สองคนนี้ ไม่ใช่ นปช. (จะเป็นคนเสื้อแดงก็เป็นกลุ่มอื่นๆ ที่มีหลายร้อยกลุ่ม แต่ไม่ใช่ นปช.)
แนวรบที่สำคัญในการต่อต้านอำมาตย์ ผมเห็นว่ามีสองแนวรบในเวลานี้ (คนอื่นจะเห็นอย่างไรก็ได้)
1. แนวรบเปิดเผย คือ คนเสื้อแดงมี นปช. เป็นแกนนำ มีการสร้างมวลชนอย่างเปิดเปิดเผย เป้าหมายหลักคือ โค่นล้มระบบอำมาตย์ โดยโจมตีรัฐบาลอภิสิทธิ์และ พล.อ.เปรม ต้องการปฎิรูปการเมืองระบบประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ไม่มีการแทรกแซงทางการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น
2. แนวรบใต้ดิน ผมไม่ทราบว่ามีกี่กลุ่ม แต่ที่ผมให้น้ำหนักมากที่สุด และทำงานได้ผลคือ "นปช.ยูเอสเอ + อ.ชูพงษ์" เป็นการโจมตีใต้ดินที่รุนแรงและเฉียบขาด แม้ไม่มีการใช้อาวุธใดๆ ทางกายภาพ แต่อาวุธคือ "ซีดีเนื้อหา" ที่ "รุนแรงระดับเดียวกับระเบิดนิวเคลียร์" เป้าหมายคือ ทำลายลัทธิซาบซึ้ง หรือ ระบอบเทวราชา
แนวรบสองแนวนี้ คงไม่ได้มีการประสานกัน หรือทำงานร่วมกัน
แต่แนวทางมันสอดประสานกันโดยอัตโนมัติ และก่อให้เกิดเป็นพลังอย่างรุนแรง
แนวรบ นปช. หยุดอยุ่ที่เปรม เพราะเป็นแนวรบเปิดเผย สามารถทำได้อย่างมากก็แค่นี้ แต่ คุณูปการอันยิ่งใหญ่คือ "การรวมคน จัดตั้ง และมีมวลชนมหาศาล"
ขอจำกักของ แนวรบ นปช. คือ ไม่าสามารถโจมตีไปที่เป้าหมายที่แท้จริงได้ เพราะมีข้อจำกัดทางวัฒนธรรมหลายประการ
แนวรบที่สอง นปช.ยูเอสเอ/ชูพงษ์ เป็นการ "สร้างความตาสว่าง" หรือให้การศึกษาแก่ มวลชนเสื้อแดงของ นปช. ไปอีกระดับหนึ่ง ซึ่งไม่จำเป็นต้องทำอย่างเปิดเผย ขึ้นเวที ปราศรัยอย่างเปิดเผย เมื่อมันเป็นงานใต้ดิน ก็ต้องทำอยู่ใต้ดิน
ผมเชื่อว่าคนเสื้อแดงจำนวนมาก ก็รับ "เนื้อหาของ นปช.ยูเอสเอ/ชูพงษ์ ด้วยวิธีการต่างๆ
ส่วนแดงสยาม หรือ แดงขัติยะ (เสธ.แดง) นี้ ผมยังไม่ให้น้ำหนักมากนัก
แดงสยาม แนวทางยังไม่ชัดเจนอะไร เนื้อหาที่นำเสนอ ก็คงเป็นเนื้อหาเดียวกับ อ.ชูพงษ์ ซึ่ง อ.ชูพงษ์ทำได้ดีกว่า เพราะสามารถพุดได้อย่างตรงไปตรงมา ไม่จำเป็นต้อง อุปมาอุปไมย แต่นี่มันเป็นงานใต้ดิน พูดบนเวทีไม่ได้ ก็ต้องเป็นงานใต้ดิน จะมาขยายบนดินได้อย่างไร
บทบาทแดงสยามในสายตาผม ไม่ควรมาทำงานบนดิน หากคิดจะช่วยเหลือคนเสื้อแดง
สามเกลอเขาก็สร้างมวลชนไป นปช.ยูเอสเอ/ชูพงษ์ก็ผลิตเนื้อหา ป้อนมวลชนเสื้อแดงในช่องทางอื่นๆ ไป
นี่เป็นช่องทางที่สมบูรณ์แล้ว เป็นแนวรบที่สอดประสานกันอย่างสมบูรณ์แล้ว แม้ว่า นปช. ในทางเปิดเผยจะไม่ยอมรับ แต่เขาก็ไม่เอ่ยถึงหรือพูดถึงแต่อย่างใด เพราะมันเป็นงานที่ นปช. ไม่จำเป็นต้องไปพูดถึง "มันสอดประสานกันเอง โดยธรรมชาติอยูแล้ว
ปล. เรื่องของสุรชัย และแดงสยาม ผมขี้เกียจติดตาม ผมเบื่อและรำคาญนิดๆ งานที่ สุรชัยคิด ผมใ้ห้นำหนัก นปช. ยูเอสเอ/ชูพงษ์มากกว่า

by ลูกชาวนาไทย
************************************************

กรณี น.พ.สลักธรรม โตจิราการ นิสิตแพทย์ปี 6 คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย /ความชั่วร้าย

ทักษิณ เคยเล่าให้ฟังว่า “วันก่อนอิ๊งเขาไปเรียนที่จุฬาฯ อาจารย์ที่สอนเขาก็ถามออกมาว่า อ้าว! แพรทองธารเธอยังอยู่หรือ ...

และล่าสุด กรณี น.พ.สลักธรรม โตจิราการ นิสิตแพทย์ปี 6 คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โดนกลุ่มแพทย์สายอำมาตย์และเตรียมชงเรื่องให้แพทยสภา สอบจริยธรรมแพทย์
ถูกหรือผิดหมอเจาะเลือดม็อบเสื้อแดง และอาจขอให้งดมอบปริญญาบัตร

ยังไง ล่ะ จุฬา

เพื่อนผมทีเป็นแพทย์จบจาก จุฬา เล่าให้ฟังว่า
ที่จุฬา (ร.พ.) แพทย์-พยาบาล ส่วนมาก เกลียดทักษิณตั้งแต่ก่อน ถูกยึดอำนาจ

สาเหตุมาจาก อาจารย์แพทย์ อาวุโส ต่างๆ จะพูดเรื่องทักษิณ มาคุย มาด่า
ทุกๆ ครั้ง ที่จะมีโอกาส
conection ของแพทย์อาวุโส เหล่านั้น ก็ มาจาก สังคมอาจารย์หรือคนมีชื่อเสียงของ จุฬา ขึ้นไปอีกต่อหนึ่ง
แล้วถ่ายทอด ย้อนลงมา สู่ระดับ board ต่างๆ สู่แพทย์ประจำบ้าน หรือแพทย์ที่มาเรียนเฉพาะทาง ลงสู่ นศ. แพทย์

ในที่ทำงาน ward ต่างๆ มีการพูดคุย สู่พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ อื่นๆ อย่างตอกย้ำ ทุกวันๆ
และไปสู่ ร.พ. เอกชน วิธีการเดียวกัน

การประกาศไม่ยอมตรวจ คนเสื้อแดง ของ แพทย์คนหนึ่งที่จุฬา
คือตัวอย่างชัดเจน ของ การถูกครอบงำ-ตอกย้ำ จนทำให้คนที่เรียนจบแพทย์ ขาดสติ

แพทย์และพยาบาล เกือบ ทั้งหมด ไม่รู้การเมือง
ติดตามข่าวสาร มากที่สุดก็คือ ดูทีวี วันละเล็ก น้อย
แต่ที่รับ มากๆ ก็คือ การนินทาว่าร้าย การรับข่าวลือ จากคนที่ทำงานด้วยกัน
คนเรียนมากพวกนี้ มีความรู้ทางการเมือง น้อยกว่า ชาวบ้านรากหญ้า

แพทย์หรือพยาบาล ที่ไม่สนใจการเมืองหรือ มีแนวคิด เป็นอย่างอื่น ทำได้ดีที่สุดก็เพียง เฉย
เพราะใครที่แสดงตัว ต่อต้านหรือคิดตรงข้าม
จะเจอแบบที่ ลูกชายหมอเหวง กำลังเจอ ซึ่งนั่นก็แค่ นศ.แพทย์
แต่บุคลากรอื่น จะโดน ต่อว่า ด่าทอ ประชดประชัน และ ถูกสังคม แห่งนั้นจัดการ

นั้นแหละครับ คือ คณะแพทย์จุฬา รพ.จุฬา สภากาชาดไทย
ที่ๆ ใช้เงินภาษี ประชาชน และเงินบริจาค ในหลายๆ มูลนิธิ

by easyboy
**********************************************

รอยเตอร์ตบหน้าสื่อหลักฝรั่งบ่ยั่นแห่เที่ยวไทยคึก

ตบหน้าสื่อกระแสหลัก-นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินขนสัมภาระสิ่งของที่ได้จากการช็อปปิ้งริมถนนใจกลางกรุงเทพฯเมื่อ18มีนาคม แม้ว่าจะเกิดเหตุชุมนุมต่อต้านรัฐบาลด้วยการเทเลือดหน้าบ้านพักนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ไม่อาจหยุดชาวต่างประเทศนำเงินเข้ามาใช้จ่ายในประเทศไทย รวมทั้งการซื้อหุ้นและพันธบัตร ค่าเงินบาททะยานสูงขึ้นในรอบ 22 เดือน ส่วนหุ้นไทยขึ้นสูงสุดในรอบ 20 เดือนเมื่อวันพฤหัสบดี(ภาพและคำบรรยาย:สำนักข่าวรอยเตอร์)

นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทยสุทธิ3,234ล้านบาท และหากนับรวมจากต้นเดือนมีนาคมถึงวันนี้ซื้อสุทธิรวม27,810ล้านบาท (ดูรายละเอียด)

-Foreign tourists walk with their belongings through a shopping street in central Bangkok March 18, 2010. Protesters poring blood on the steps of Prime Minister Abhisit Vejjajiva's home have not stopped foreign investors from pouring money into Thailand, including both stocks and bonds. Thai baht has surged to a 22-month peak and Thai stocks hit a 20-month high on Thursday.
REUTERS/Sukree Sukplang (THAILAND - Tags: POLITICS)

สื่อกระแสหลักของไทย รวมทั้งรายการเล่าข่าวยอดนิยมอย่าง"เรื่องเล่าเช้านี้"ในช่วงเช้าวันนี้ อ้างว่าการชุมนุมของคนเสื้อแดงส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของไทย ทำให้นักท่องเที่ยวไม่กล้าเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ทำให้การท่องเที่ยวไทยซบเซาลง อย่างไรก็ตามสำนักข่าวต่างประเทศชั้นนำของโลกคือรอยเตอร์ได้รายงานข่าวและภาพคำบรรยายไปในทิศทางตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง

ช็อปจนหมดแรง-นักท่องเที่ยวต่างชาติกับสิ่งของที่ช็อปปิ้งริมถนนในใจกลางกรุงเทพฯเมื่อวันที่ 18 มีนาคม แม้ว่าจะเกิดเหตุชุมนุมต่อต้านรัฐบาลด้วยการเทเลือดหน้าบ้านพักนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ไม่อาจหยุดชาวต่างประเทศนำเงินเข้ามาใช้จ่ายในประเทศไทย รวมทั้งการซื้อหุ้นและพันธบัตร ค่าเงินบาททะยานสูงขึ้นในรอบ 22 เดือน ส่วนหุ้นไทยขึ้นสูงสุดในรอบ 20 เดือนเมื่อวันพฤหัสบดี(ภาพและคำบรรยาย:สำนักข่าวรอยเตอร์)

-Foreign tourists take a break from shopping in central Bangkok March 18, 2010. Protesters poring blood on the steps of Prime Minister Abhisit Vejjajiva's home have not stopped foreign investors from pouring money into Thailand, including both stocks and bonds. Thai baht has surged to a 22-month peak and Thai stocks hit a 20-month high on Thursday.
REUTERS/Sukree Sukplang (THAILAND - Tags: POLITICS BUSINESS TRAVEL)

ฝรั่งบ่ยั่นม็อบ-นักท่องเที่ยวต่างชาติแลกเปลี่ยนเงินในใจกลางกรุงเทพฯเมื่อ18มีนาคม แม้กลุ่มเสื้อแดงจัดชุมนุมใหญ่ในเมืองหลวง แต่ก็ไม่อาจหยุดนักลงทุนต่างประเทศให้นำเงินเข้ามาลงทุนในประเทศไทยได้ รวมทั้งการลงทุนในหุ้นและพันธบัตร ค่าเงินบาททะยานแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 22 เดือน ส่วนหุ้นไทยขึ้นสูงสุดในรอบ20เดือน(ภาพและคำบรรยาย:สำนักข่าวรอยเตอร์)

-Tourists change money in central Bangkok March 18, 2010. Protesters poring blood on the steps of Prime Minister Abhisit Vejjajiva's home have not stopped foreign investors from pouring money into Thailand, including both stocks and bonds. Thai baht has surged to a 22-month peak and Thai stocks hit a 20-month high on Thursday.
REUTERS/Sukree Sukplang (THAILAND - Tags: POLITICS BUSINESS TRAVEL)
Photo Tools

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
ที่มา สำนักข่าวรอยเตอร์
**********************************************

วันพฤหัสบดีที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2553

แกนนำแดงคุย20มี.ค.เป็น"ดาวฤกษ์" แนวร่วมอื้อ ปูดรัฐจัดชุดจิตวิทยาปั่นหัว"สุรชัย"โผล่ทวงเงิน"วีระ"

แกนนำเสื้อแดงคุย 20 มี.ค.เป็นยุทธวิธีดาวฤกษ์ แนวร่วมอื้อ มีมตินำเลือดที่เหลือไปศิลปินสร้างผลงาน ปูดรัฐจัดชุดจิตวิทยา ปั่นหัวม็อบ การ์ดแดงจับ อพ.ปร.บุรีรัมย์น่าสงสัย "สุรชัย"ทวงหนี้"วีระ"ผ่านสื่อ จำนวน 3 ล้านบาท

เมื่อช่วงเย็นวันที่ 18 มีนาคม นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)-แดงทั้งแผ่นดิน หรือกลุ่มคนเสื้อแดง แถลงว่า การเคลื่อนขบวนครั้งใหญ่ในวันที่ 20 มีนาคม เป็นยุทธวิธีดาวฤกษ์ ไม่ใช่ดาวกระจาย เป็นการเคลื่อนอย่างยิ่งใหญ่ที่มีพี่น้องประชาชนเข้าร่วมจำนวนมาก จะชักชวนประชาชนเข้าร่วมการต่อสู้พร้อมแจกใบปลิวเพื่ออธิบายเนื้อหาสาระของการต่อสู้ รวมทั้งสติ๊กเกอร์รูปหัวใจแจกจ่ายให้ชาวกรุงเทพฯ พร้อมเชิญชวนคนกรุงเทพฯไม่ว่าจะใส่เสื้อสีอะไรก็ตาม ให้มาต่อสู้บนจุดยืนของสันติวิธีร่วมกัน

"ในวันเสาร์นี้ ขบวนจะยาวมาก ขณะนี้กลุ่มแกนนำกำลังหารือถึงเส้นทางการขับเคลื่อนและระยะเวลาในการเคลื่อนขบวน เพื่อให้ตอบสนองวัตถุประสงค์และพบปะคนกรุงเทพฯได้มากที่สุด หลังจากการเคลื่อนขบวนเสร็จแล้ว จะมารวมกันที่ผ่านฟ้าฯต่อไป" นายณัฐวุฒิ กล่าวและว่า ปริมาณเลือดของกลุ่มผู้ชุมนุมยังเหลือประมาณ 15 แกลอน ที่ประชุมแกนนำจึงมีมติให้นำเลือดดังกล่าวให้กับจิตรกรและกวีคนเสื้อแดงไปสร้างสรรค์ผลงาน ตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคมและนำมาแสดงบนเวที เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์ ช่วยเตือนใจในการต่อสู้ที่ผ่านมา

ปรับยุทธวิธีชุมนุมยืดเยื้อ

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ส่วนการจัดการบนเวที ในช่วงปรับยุทธวิธีต่อสู้แบบยืดเยื้อ จะแบ่งเป็น ช่วงเช้ามีการสรุปวิเคราะห์ข่าวโดยแกนนำ ส่วนช่วงบ่ายจะเปิดพื้นที่ให้กับนักศึกษา เช่น สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย(สนนท.) พร้อมทั้งแกนนำในแต่ละภูมิภาค ตลอดจนวิทยากรจากบ้านเลขที่ 111 และอีก 31 พรรคพลังประชาชน แสดงความเห็นและจุดยืนในการต่อสู้ร่วมกัน และช่วงเย็นจะเป็นการขึ้นปราศรัยของส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่เสนอเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชั่นของรัฐบาล ขณะที่ช่วงค่ำ จะเป็นการขึ้นปราศรัยของแกนนำและการวิดีโอลิงก์ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือวิทยากรพิเศษอย่างนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะเป็นรูปแบบเช่นนี้ทุกวันหลังจากนี้

"ตู่"ปูดมีชุดจิตวิทยาปั่นหัวม็อบ

นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช.กล่าวว่า การเคลื่อนขบวนครั้งใหญ่เพื่อแสดงพลังขับไล่รัฐบาล พร้อมประกาศให้ประชาชนติดตามกำหนดการความเคลื่อนไหวของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อใช้สิทธิขับไล่และทวงถามข้อเรียกร้องด้วยสันติวิธีไปทุกที่

นายจตุพร กล่าวว่า ในการประชุมศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย(ศอ.รส.) เมื่อวันที่ 17 มีนาคม มีการชี้แจงในที่ประชุมว่า เตรียมจัดชุดปฏิบัติการด้านจิตวิทยาหลายชุดๆ ละ 50 คน ซึ่งตั้งแต่เที่ยงของวันที่ 18 มีนาคม พบว่าชุดปฏิบัติการดังกล่าวเข้ามาแทรกซึมอยู่ในที่ชุมนุม เพื่อชักจูง โน้มน้าวกลุ่มคนเสื้อแดงให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัย เชื่อว่ากระบวนการนี้จะดำเนินการต่อเนื่องในวันเคลื่อนขบวนครั้งใหญ่วันที่ 20 มีนาคม หากพบกลุ่มดังกล่าวจะเข้าจับกุมทันที

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการแถลงข่าว นายพงศ์ศักดิ์ เสมสันต์ ปลัดกรุงเทพมหานคร เดินทางมาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อประสานงานกับแกนนำนปช.ในการจัดงานกาชาด ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 30 มีนาคมถึง 7 เมษายนนี้ โดยนายพงศ์ศักดิ์ กล่าวว่า ยังคงใช้พื้นที่ตั้งแต่ถนนมิศกวันถึงถนนอู่ทองใน เช่นเดิม ทางแกนนำนปช.รับปากจะให้ความร่วมมือ โดยกทม.จะประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเดินทางมาร่วมงาน และเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยมากขึ้นด้วย

"เหวง"บอกคนหนุนน้อยพร้อมถอย

ขณะที่ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำคนเสื้อแดง กล่าวว่า การชุมนุมในวันที่ 20 มีนาคม จะดาวกระจายไปทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่เช้าจนถึงเวลา 18.00 น.และจะกลับมารวมตัวกันที่สะพานผ่านฟ้าฯอีกครั้ง คาดว่าจะใช้พื้นที่ดาวกระจายประมาณ 80 กิโลเมตร อาจทำให้การจราจรในกรุงเทพฯติดขัดบ้าง ขอให้ประชาชนที่ต้องใช้เส้นทางหลีกเลี่ยงไปเส้นทางอื่น ส่วนการชุมนุมจะยืดเยื้อแค่ไหน ขึ้นกับแรงสนับสนุน หากประชาชนมีแรงสนับสนุน นปช.ก็พร้อมเดินหน้าต่อ แต่ถ้าแรงสนับสนุนน้อยลง ก็พร้อมจะถอย

"การบริจาคเลือดเมื่อสองวันก่อนปริมาณ 3 แสนซี.ซี ตอนนี้ยังไม่หมด ยังไม่รู้ว่าจะไปใช้ที่ไหน อาจเอาไปปาบ้านพล.อ.เปรม (พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี) หรือบ้านพล.อ.อนุพงษ์ (พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.) ก็ได้ แต่ยังยืนยันที่จะใช้แนวทางสันติวิธีตามรอยมหาตมะ คานธี" นพ.เหวง กล่าว

"สุภรณ์"เปรยหลัง20มี.ค.สลาย

ที่มูลนิธิ111ไทยรักไทย แกนนำสมัชชาคนเสื้อแดงภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ กทม.และปริมณฑล ประชุมเพื่อประเมินการเคลื่อนไหวที่ผ่านมาและในอนาคต โดยมีนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ และนายนิสิต สินธุไพร แกนนำคนเสื้อแดงร่วมหารือ โดยนายสุภรณ์ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมว่า เป็นการสรุปปัญหาการชุมนุมช่วงที่ผ่านมา

"ยืนยันว่าการเดินขบวนในวันที่ 20 มีนาคมจะไม่มีการปิดถนน ให้ชาวกทม.เดือดร้อน แต่จะเดินไปตามถนนสายต่างๆ เพื่อคารวะและขอโทษชาวกทม.ที่อาจได้รับความเดือดร้อนบ้าง และจะเชิญชวนให้มาร่วมชุมนุมใหญ่อีกครั้ง หลังวันที่ 20 มีนาคมไปแล้ว 1 สัปดาห์ จะเป็นการรวมพลังของคนกทม. ปริมณฑลและภาคอื่นๆ ครั้งที่มากที่สุด ส่วนที่ผู้ชุมนุมลดลงไปมาก เพราะแต่ละคนต่างกลับไปตั้งหลัก ก่อนมาร่วมชุมนุมใหญ่อีกครั้งหลังวันที่ 20 มีนาคม" นายสุภรณ์กล่าว

นายสุภรณ์กล่าวว่า ส่วนกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณส่งท่อน้ำเลี้ยงก๊อก 2 มาให้กลุ่มเสื้อแดงผ่านนักธุรกิจการเมือง 3 คนชื่อย่อ " ส.-ป.-พ. " นั้น ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง ทุกวันนี้ ส.ส.ยังต้องช่วยควักกระเป๋าเป็นค่ารถให้คนเสื้อแดงมาร่วมชุมนุมกันด้วยซ้ำ หากมีการจ่ายท่อน้ำเลี้ยงให้ส.ส.คนละ 15 ล้านบาทจริง รับรองว่าจะระดมคนได้มากกว่านี้

การ์ดจับอพ.ปร.บุรีรัมย์น่าสงสัย

ที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ เวลาประมาณ 11.30 น.นายอารีย์ ไกรนรา หัวหน้าการ์ดเสื้อแดง แถลงว่า การ์ดได้จับกุมชายต้องสงสัยคือนายศุภกร พรหมนาม อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อพ.ปร.) บุรีรัมย์ เนื่องจากมีพฤติกรรมน่าสงสัย ไม่ยอมให้ตรวจค้นบริเวณจุดตรวจที่สี่แยกคอกวัว ระหว่างจับกุมมีชายอีกสองคนที่มาพร้อมนายศุภกร วิ่งหนีไป ซึ่งนายศุภกรอ้างว่า แวะเข้ามาบริเวณที่ชุมนุมเพื่อซื้อผ้าพันคอเป็นที่ระลึก แต่ผ้าดังกล่าวเป็นลายที่กลุ่ม นปช.เลิกใช้ไปนานแล้ว ทั้งนี้ได้ติดต่อต้นสังกัดของนายศุภกรให้มารับตัวกลับแล้ว

นายสนิท ขาวสะอาด ผู้อำนวยการสำนักอาสารักษาดินแดน(ผอ.อส.) กระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่อส. ถูกการ์ดเสื้อแดงจับกุมตัวและกล่าวหาว่าเข้าไปแฝงตัวกับกลุ่มผู้ชุมนุมว่า กระทรวงมหาดไทย ได้ประสานให้ความช่วยเหลืออส.รายดังกล่าวแล้ว จากการสอบถามเจ้าตัวระบุว่าแวะไปหาญาติที่มาร่วมชุมนุม และนั่งฟังการปราศรัยในฐานะประชาชนธรรมดา ไม่ได้ใส่เครื่องแบบหรือพกพาอาวุธ ขอยืนยันว่าไม่ได้ส่งเจ้าหน้าที่อส.ไปสอดแนมการชุมนุม ชี้แจงไปทางแกนนำแล้ว และอส.คนดังกล่าวได้ถูกปล่อยตัวในที่สุด

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษ นปช. แถลงว่า หลังจาก นปช. มีมติตัดสัมพันธ์กับพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง จะไม่มีผลกับการรักษาความปลอดภัยของกลุ่มคนเสื้อแดง เนื่องจากการ์ดนปช.ที่ทำหน้าที่อยู่ขณะนี้เป็นการ์ดของแดงทั้งแผ่นดิน ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งแกร่งอยู่แล้ว และไม่เคยเกี่ยวข้องกับเสธ.แดงแต่อย่างใด ส่วนยุทธวิธีการจัดการบนเวทีในช่วงปรับยุทธวิธีต่อสู้แบบยืดเยื้อ จะแบ่งเป็น ช่วงเช้า จะมีการสรุปวิเคราะห์ข่าวโดยแกนนำ

ร้องแจง"อำมาตย์"ในแนวการเมือง

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า การที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ศุนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย(ศอ.รส.) ทำความเข้าใจกับประชาชนถึงความหมายของคำว่า " อำมาตย์ " นั้น อยากจะเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์อธิบายความหมายของคำว่าอำมาตย์ตามความเป็นจริงทางการเมือง ไม่ใช่ตามความเข้าใจของวิชาภาษาไทย ซึ่งวิธีนี้ไม่ได้ช่วยคลี่คลายสถานการณ์และแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลไม่จริงใจ ถ้าอยากให้ตนไปช่วยอธิบายก็เต็มใจ แต่รัฐบาลคงใจไม่กล้าพอ

นปช.พร้อมสู้คดีปาเลือดบ้านนายกฯ

นายจตุพร พรหมพันธ์ แกนนำคนเสื้อแดงกล่าวถึงกรณีที่สน.ทองหล่อจะดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมที่ขว้างปาถุงเลือดใส่บ้านนายกฯ นายจตุพรกล่าวว่า ทางนปช.พร้อมให้ดำเนินคดี แต่ต้องดำเนินคดีกับคนภายในบ้านนายอภิสิทธิ์ที่ฉีดโซดาไฟออกมาด้วย เพราะเข้าข่ายพยายามฆ่า

นายจตุพร กล่าวถึงงานกาชาดที่จะมีขึ้นในเดือนเมษายนนี้ว่า ทางนปช.ไม่ได้ขัดข้องและขัดขวางการจัดงานดังกล่าว แต่ขอให้มาพูดคุยกันถึงแผนงานและกำหนดการต่างๆ งานกาชาดเป็นงานที่ดีอยู่แล้ว และเชื่อว่าแม้จะมีการชุมนุม งานกาชาดก็จะไม่ได้รับผลกระทบเรื่องของพื้นที่การจัดงาน

"สุรชัย"ทวงหนี้"วีระ"3ล้าน

ที่บ้านพักจังหวัดนครศรีธรรมราช นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ แกนนำแดงสยาม กล่าวถึงกรณี ถูกกลุ่ม 3 เกลอแกนนำแดงทั้งแผ่นดินประกาศบนเวทีขับไล่ ว่า ขอขอบคุณ 3 เกลอที่ช่วยประกาศบนเวทีท่ามกลางผู้คนจำนวนมาก และออกอากาศทางดีสเตชั่นเป็นการโฆษณาให้คนรู้จักตน รู้จักแนวทางของแดงสยามมากขึ้น เท่ากับประกาศชัดเจนว่าหาก 3 เกลอไปไม่รอด แนวทางแดงสยามของนายจักรภพ เพ็ญแข รอรับไม้ต่ออยู่ และที่นายวีระ มุสิกพงศ์ ประธานกลุ่ม นปช. ตัดความเป็นเพื่อนว่า ในความเป็นจริงนายวีระไม่ใช่เพื่อนตน เราต่างมีความคิดตรงกันว่าไม่ใช่เพื่อน ตั้งแต่ตนมีความเห็นไม่ตรงกันเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ นายวีระไม่ค่อยคบใครจริงเท่าไร คบข้างหน้าทิ้งข้างหลังตลอด

"นางมาลี วนสุข ประธานที่ปรึกษาสภา เจ้าของบริษัทแอคควาสตาร์ ที่ขายอาหารกุ้งใน อ.ระโนด จ.สงขลา นายวีระจำได้หรือเปล่า ผมเองเป็นที่ปรึกษาของบริษัทแอควาฯ รับหน้าที่ตามทวงหนี้ได้ โดยจะได้ 30% จากค่าทวงหนี้ นายวีระยืมเงินไป 3 ล้านบาท เกือบ 10 ปีมาแล้ว นางมาลีให้ผมทวงตลอด ผมก็ผลัดมาเรื่อยๆ เพราะเกรงใจนายวีระ แต่ตอนนี้ไม่เกรงใจแล้วถือโอกาสทวงผ่านสื่อเลย ผมจะได้มีเงินใช้ 30%" นายสุรชัยกล่าว

ที่มา.มติชนออนไลน์
*************************************************

รบ.ผวา"คอมมิวนิสต์"คืนชีพ!! สั่งเร่งแจง ปชช.หมดยุค"สงครามชนชั้น" นายกฯ ไม่ตอบกลับทำงานที่ทำเนียบฯ

"มาร์ค"เตรียมรับม็อบเคลื่อน 20 มี.ค. เชื่อสัปดาห์หน้าการทพงานของรัฐบาลเข้าสู่ภาวะปกติ ยังปัดตอบเข้าทำเนียบฯ หรือไม่ เตรียมฟ้องศาลแกนนำเสื้อแดง รบ.ผวาคอมฯ คืนชีพ สั่งชี้แจงประชาชนคำว่า "อำมาตย์" และ "ไพร่"

"อภิสิทธิ์"เตรียมรับม็อบเคลื่อน 20 มี.ค.

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการชุมนุมของคนเสื้อแดง ซึ่งในวันเสาร์ที่ 20 มีนาคม ประกาศจะมีการรณรงค์ทั่วกรุงเทพมหานครว่า ทุกฝ่ายในสังคมโล่งใจว่าหลายวันที่ผ่านมาไม่เกิดเหตุรุนแรง สิ่งที่กรรมการสิทธิมนุษยนชน สื่อสารมายังคนคือให้รักษาจุดนี้เอาไว้ จึงต้องมาคิดว่าจะทำอย่างไรให้เริ่มเกิดมีการพูดคุยกัน ซึ่งรัฐบาลยืนยันว่า ถ้ารักษาลักษณะการชุมนุมให้เป็นไปโดยสงบได้ รัฐบาลก็พร้อมคุย ส่วนความเดือดร้อนของชาวกรุงเทพนั้น รัฐบาลยังเดินหน้าในการประสานงานกับผู้ชุมนุมเพื่ออำนวยความสะดวก ซึ่งต่อไปรัฐบาล จะต้องขอให้คืนพื้นที่ตรงบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า เนื่องจากจะมีการเพราะงานกาชาดในช่วงปลายเดือนมีนาคม ส่วนการเคลื่อนไหวในวันเสาร์ที่ 20 มีนาคมนั้น ก็เป็นเรื่องการแสดงเจตนาของผู้ชุมนุมที่จะเดินทางไปรอบๆกทม. รัฐบาลก็จะประสานเพื่อขอแผนการเดินทางเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่ใช้เส้นทางการจราจร

เมื่อถามว่า มองว่าการชุมนุมจะยืดเยื้อแค่ไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลไม่มีสิทธิบอกประชาชนว่าจะชุมนุมได้กี่วัน ถ้าเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ เพียงแต่ต้องอยู่ภายใต้กติกา เพื่อการดำเนินงานด้านต่างๆ เป็นไปตามปกติได้ ซึ่งในสัปดาห์นี้ ที่ดูว่าไม่ค่อยปกตินั้น เพราะรัฐบาลไม่ต้องการสร้างเงื่อนไขให้เกิดความตึงเครียดในช่วงเริ่มต้นการชุมนุม และมีความร้อนแรง แต่หลังจากนี้ เมื่อมีกติกาและมีคนเชื่อมต่อก็จะสามารถนำทุกอย่างกลับสู่ภาวะปกติได้ การทำงานของรัฐบาลในสัปดาห์หน้านั้น จะเข้าสู่ภาวะปกติกว่าในสัปดาห์นี้

เมื่อถามว่า ในสัปดาห์นายกฯ จะเข้าทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อย่าเพิ่งไปพูดอะไรล่วงหน้าทุกอย่างต้องเป็นไปทีละขั้นตอน เหตุและผลของสถานการณ์ ในเรื่องที่มีความละเอียดอ่อนจะให้ไปตอบล่วงหน้าไม่ได้ จะพิจารณาตามความเหมาะสม เพราะหน้าที่สำคัญของเราคือการรักษาความสงบและชีวิตของคนไทนทุกคน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม และต้องไม่เสียงาน ตนยืนยันว่าขณะนี้ก็สามารถบริหารงานได้ตามปกติ ซึ่งเดิมก่อนที่จะมีการชุมนุมเป็นช่วงที่ตนเดินทางไปต่างประเทศ ในส่วนของสภา ก็พยายามทำทุกอย่างเพื่อลดความขัดแย้งอยู่

"มาร์ค"เตรียมฟ้องเสื้อแดง

นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า กำลังเรียบเรียงคำฟ้องเอาผิดแกนนำคนเสื้อแดง โดยกรณีของคลิปเสียงนี้ศาลอาญาได้ประทับรับฟ้องไปแล้ว ซึ่งอาจขอคำคุ้มครองชั่วคราวไม่ให้มีการนำประเด็นดังกล่าวมาใช้อีก ครั้งนี้ ตนจะฟ้องเพิ่มเติมคือในส่วนของพล.ต.ท.ทักษิณ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดง และดูเพิ่มเติมจากการปราศรัยเมื่อคืนวันที่ 17 มีนาคม เนื่องจากมีถ้อยคำที่เป็นเท็จ หมิ่นประมาทชัดเจน

เมื่อถามว่า จะฟ้องร้องใครบ้างที่นำเลือดไปเทและขว้างปาสิ่งของเข้าไปภายในบ้านพักนายกฯ นายอภิสิทธิ์ หากหลักฐานที่มีอยู่ระบุว่าใครขว้างบ้าง ก็จะขอใช้สิทธิ

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 18 มีนาคม ที่กรมทหารราบที่ 11รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ในฐานะผู้อำนวยการศอ.รส. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รอง ผบ.ทบ. พล.อ.ธีระวัฒน์ บุณยะประดับ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผบ.ทบ. พล.อ.พิรุณ แผ้วพลสง เสธ.ทบ. พล.ท.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รองเสธ.ทบ. พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 และ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมประชุม ทั้งนี้ในที่ประชุม นายกฯหยิบยกประเด็นกลุ่มคนเสื้อแดงปิดล้อมและนำถุงเลือดปาใส่บ้านนายกฯ ในซอยสุขุมวิท 31 มาหารือ

"ประวิตร"ชี้ชุมนุมไม่น่าห่วง ยังไม่ปรับแผน

พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ตอนนี้สถานการณ์การชุมนุมไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง การปฏิบัติหน้าที่ของทหาร และ ตำรวจ และเฝ้าระวังตามสถานที่ราชการต่าง ๆ รวมถึงบ้านพักบุคคลสำคัญที่ผ่านมาอยู่ในเกณฑ์ดีมาก รู้สึกพอใจต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ เท่าที่ ศอ.รส.ประเมินสถานการณ์ ยังไม่จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนแผนปฏิบัติงานในการดูแลความเรียบร้อยต้องขอบคุณกำลังพลทุกนายที่ร่วมมือร่วมใจกันปฏิบัติหน้าที่

ด้านพล.ต.ดิฏฐพร ศศะสมิต โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวว่า ว่า ที่ประชุม ศอ.รส. ไม่ได้หยิบยกกรณีกลุ่มเสื้อแดงจะเคลื่อนขบวนผู้ชุมนุมไปยังสถานที่ต่าง ๆ ในวันที่ 20 มีนาคมนี้ แต่ทาง ศอ.รส.จะติดตามว่าผู้ชุมนุมจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

"มาร์ค"ผวาคอมฯคืนชีพสั่งชี้แจง

ด้านนายสาทิตย์ วงษ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯและแกนนำคนเสื้อแแดงประกาศทำสงครามชนชั้น โดยใช้คำว่า "อำมาตย์" กับ "ไพร่" ว่า โอกาสที่จะนำแนวคิดของระบอบคอมมิวนิสต์เมื่อ 30 ปีที่แล้วมา เป็นเงื่อนไขจึงเป็นไปได้ สิ่งที่รัฐบาลพยายามคือการอธิบายให้ข้อมูลข้อเท็จจริงกับประชาชนว่า ความหมายของทั้งสองคำคืออะไร โดยให้รัฐมนตรีแต่ละกระทรวงไปชี้แจงเกี่ยวกับแนวทางการช่วยเหลือคนยากจน ปัญหาที่ดินทำกิน ปัญหาหนี้สินที่รัฐบาลกำลังแก้ไขอยู่ นายกฯ สั่งการในที่ประชุม ศอ.รส. ให้ชี้แจงเรื่องดังกล่าวอย่างเป็นระบบทั้งผ่านสื่อ และผ่านเครือข่ายในต่างจังหวัด ซึ่งกอ.รมน.รับผิดชอบ และจะให้นักวิชาการทำความใจกับประชาชนเพราะถือเป็นเงื่อนไขนำไปสู่ความขัดแย้งที่จะนำมาประเทศกลับไปสู่สงครามคอมมิวนิสต์ เพราะดูแนวทาง พ.ต.ท.ทักษิณ จะใช้เงื่อนไขนี้ปลุกระดม ความจริงสงครามชนชั้นตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณ อธิบายนั้น ในสังคมไทยไม่มีแล้ว

"นายกฯสั่งการในที่ประชุม ศอ.รส. เพื่อชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลมีแนวทางแก้ปัญหาคนยากจน เช่นกว่า 3 ล้านครอบครัวที่เข้าสู่กระบวนการประกันรายได้ หลายสิบล้านคนเข้าสู่กระบวนการเรียนฟรี 15 ปี และแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน" นายสาทิตย์ กล่าว

นายสาทิตย์ กล่าวด้วยว่า นายกฯกังวลมากคือวันที่ 20 มีนาคมที่กลุ่มคนเสื้อแดงจะเคลื่อนไปทั่วกรุงเทพฯ ให้ตำรวจนครบาลพูดกับผู้ชุมนุมถึงแผนการ จะได้อำนวยความสะดวกให้ประชาชน แกนนำจะนำไปสู่ความรุนแรงหรือไม่นั้น ตนยังไม่ไว้วางใจเรื่องสถานากรณ์ที่อาจมีบางฝ่ายมาก่อความรุนแรง เราก็ดูกันอยู่

จนท.กทม.ติดเชื้อหลังล้างเลือด

พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ กล่าวว่า ส่งเจ้าหน้าที่สำนักอนามัย (สนอ.) กทม.เข้าไปประสานแกนนำผู้ชุมนุมดูแลระบบสุขาภิบาลในพื้นที่ชุมนุม โดยจัดรถเข้าไปเก็บขนถ่ายสิ่งปฎิกูล และให้สำนักสิ่งแวดล้อม (สสล.) ฉีดล้างท่อระบายน้ำ เนื่องจากไม่ต้องการให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นแหล่งแพร่กระจายเชื้อโรค

วันเดียวกัน หน่วยเก็บขยะพิษขยะติดเชื้อ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด รายงานว่าจากการตรวจสอบขยะติดเชื้อที่เก็บขนมาจากพื้นที่ชุมนุมในวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา พบว่ามีกระบอกฉีดยา เข็มเจาะเลือด ผ่านการใช้งานแล้วประมาณ 5,000 อัน นอกจากนี้ สนอ.รายงานการปฏิบัติหน้าที่ของชุดปฏิบัติการในการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อของ กทม. หลังจากที่ล้างทำความสะอาดพื้นที่ที่กลุ่มผู้ชุมนุมนำเลือดไปเทราด ระบุว่า เจ้าหน้าที่มีอาการท้องเสียอย่างรุนแรง โดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งผู้ป่วยยืนยันว่าในวันดังกล่าวไม่ได้กินอาหารแสลง

วันเดียวกัน เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร. ตรวจเยี่ยม ติดตามผลการปฏิบัติหน้าที่ราชการของตำรวจภูธรภาค 4 โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง ที่สำนักงานตำรวจภูธรภาค 4 มี พล.ต.ท.สันติ เพ็ญสูตร ผบช.ภ.4 พร้อมนายตำรวจร่วมและยังประชุมทางไกลผ่านจอภาพไปยังตำรวจภูธรจังหวัดในสังกัด โดยไม่ให้สื่อมวลชนรับฟัง

ต่อมา พล.ต.อ.ปทีป ให้สัมภาษณ์ว่า ในการรักษาความปลอดภัยระหว่างมีการชุมนุมคนเสื้อแดงที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม ตำรวจภูธรภาค 4 ส่งเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษเข้าร่วม 300 นาย การชุมนุมของคนเสื้อแดงในกรุงเทพฯ ผ่านมาหลายวันแล้วเหตุการณ์อยู่ในขั้นปกติ มนต์ดำที่เทเลือดในสถานที่สำคัญ 3 แห่ง ก็ผ่านไปได้ด้วยดี ถือว่าเป็นการต่อสู้ในหมู่ของประชาชนด้วยกัน ขอให้จิตใจคนไทยสงบเย็น พร้อมกับแสวงหาสันติ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะปกป้องสถานที่ราชการ และประชาชนให้ได้รับความปลอดภัยให้มากที่สุด

พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า ในการชุมนุมของคนเสื้อแดงไม่ว่าในส่วนกลางและภูมิภาค สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตื่นตัวรอรับการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงตลอด 24 ชั่วโมง อย่าประมาทการชุมนุมของคนเสื้อแดง ตำรวจต้องพร้อม ตนเป็นห่วงเรื่องการหมุนเวียนกำลังพลที่จะไปช่วยเหลือการชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงที่กรุงเทพฯ เพราะกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมีจำกัด ส่วนการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่เปิดเวทีปราศรัยกล่าวร้ายโจมตีบุคคลอื่น ให้ร้ายผู้อื่น และทำผิดกฎหมาย ขณะนี้ได้ถ่ายภาพเก็บไว้ และอัดเสียงไว้เป็นหลักฐานแล้ว เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า จากการประเมินด้านการข่าวที่กลุ่มคนเสื้อแดงจะระดมพลชุดที่สองเข้าร่วมชุมนุมใหญ่ในวันที่ 20 มีนาคมนี้ เชื่อว่าจำนวนผู้ชุมนุมจะใกล้เคียงกับการระดมพลชุดแรก ยังหวั่นใจว่า มือที่สามจะเข้ามาสร้างสถานการณ์ จึงเพิ่มด่านตรวจค้นอาวุธ และสายตรวจ เพื่อป้องกันให้ได้มากที่สุด ส่วนการแจ้งเตือนแผนก่อวินาศกรรมกลางกรุงของหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ เป็นเรื่องของการข่าวในแง่การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ มีการเตรียมพร้อมรองรับสถานการณ์ไว้แล้ว

ตร.เล็งเอาผิดปาเลือด-คลิปเสียง

พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) เปิดเผยกรณีกลุ่มผู้ชุมนุมนำถุงบรรจุเลือดปาใส่บ้าน นายอภิสิทธิ์ เมื่อวันที่ 17 มีนาคมว่า ผู้ก่อเหตุดังกล่าวให้ พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5(ผบก.น.5) ตรวจสอบ โดยตรวจสอบภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว ภาพวงจรปิดทั้งหมดเป็นหลักฐานแล้ว เช่นเดียวกับที่พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ก็สั่งการให้พนักงานสอบสวน บก.น.2 ดูแล้ว และรอว่าผู้อำนวยการพรรค ปชป.จะแจ้งข้อหาบุกรุกหรือไม่ คดีนี้ไม่ยุ่งยากซับซ้อน

พล.ต.ต.อำนวยกล่าวว่า สำหรับกรณีผู้นำคลิปเสียงตัดต่อของนายกฯ มาเผยแพร่ซ้ำบนเวทีนั้นถือว่ามีความผิดฐานหมิ่นประมาท ทราบว่าทนายนายกฯเตรียมเข้าแจ้งความดำเนินคดีแล้ว โดยมีความผิดมาตรา 326 และ328 จำคุก 2 ปี ปรับ 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จะดูว่าใครพูดซ้ำกี่ครั้ง พูดกี่คนหรือต่างคนต่างทำ

พล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า ในส่วน นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำเสื้อแดงที่ถูกถอนหมายจับข้อหายุงยงปลุกปั่นนั้น แม้อ้างว่าจะเข้ามอบตัววันที่ 1 เมษายน และหมายจับจากกองปราบปรามยังไม่ส่งมา บช.น.แต่หากพบสามารถจับกุมได้ทันที แต่ต้องรอจับกุมภายหลังก็ไม่มีปัญหาเพื่อหลีกเลี่ยงความรุนแรง

พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก บช.น.กล่าวว่า การขว้างสิ่งปฏิกูลใส่บ้านนายกฯนั้น สน.ทองหล่อ อยู่ระว่างรวบรวมหลักฐาน ซึ่งจะดำเนินการเอาผิดต่อไป ตามกฎหมายอาญา มาตรา 369 การขว้างปาสิ่งโสโครก เปรอะเปื้อนบุคคลหรือพื้นที่ มาตรา 397 การทำให้ผู้อื่นอับอาย ต่อหน้าที่สาธารณะ โทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1,000 บาท

ตร.รวบรวมหลักฐานปาเลือดบ้านนายกฯ

เมื่อวันที่ 18 มีนาคม พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5(ผบก.น.5) กล่าวว่า พ.ต.อ.อุดม สุวรรณเวชทิพย์ รองผบก.น.5 อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเป็นภาพเคลื่อนไหวกับภาพนิ่งจากสื่อมวลชนและของตำรวจ เพื่อเสนอขออนุมัติหมายจับกลุ่มผู้ชุมนุม นปช จำนวน 2-3 คน ที่รู้ชื่อและนามสกุล ที่ก่อเหตุเข้าไปเทเลือดหน้าบ้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 มี.ค. ที่ผ่านมา

โฆษก ศปก.ตร.กำชับตร.วางตัวเป็นกลาง

พล.ต.ต.ฌานไชย แกล้วเขตต์การ ผู้บังคับการกองการบินตำรวจ กล่าวถึงกรณีที่ ด.ต.อุบล สุวรรณกาล นายตำรวจสังกัดกองบินตำรวจ แต่งเครื่องแบบตำรวจขึ้นเวทีปราศรัยกลุ่มเสื้อแดง เมื่อวันที่ 16 มีนาคม ที่ผ่านมา ว่าด.ต.อุบล ได้ทำหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงให้ต้นสังกัดรับทราบแล้ว พร้อมส่งเรื่องต่อไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้รับทราบต่อไป สำหรับการพิจารณาความผิดวินัย ด.ต.อุบล ทางต้นสังกัดจะเป็นผู้พิจารณาเอง แต่ยังไม่สามารถตอบได้ว่ามีความผิดในส่วนใดบ้าง

พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ รองผู้บัญชาการสำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในฐานะโฆษกศูนย์ปฏิบัติการสำนักงาตำรวจแห่งชาติ(ศปก.ตร.) กล่าวถึงข้าราชการตำรวจสวมเครื่องแบบขึ้นเวทีปราศรัยของ นปช. ว่า ผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดให้รายงานข้อเท็จจริงและลงโทษทางวินัยไปแล้ว อาจเป็นสถานเบา-กลาง เช่น กักยาม แต่หากทำผิดซ้ำก็จะถูกลงโทษสถานหนัก เบื้องต้นตำรวจนายนี้อ้างว่าลาป่วย ซึ่งไม่เป็นความจริงเพราะไปขึ้นเวทีได้ อ

ศอ.รส.ประเมินเสื้อแดงลดฮวบ

รายงานข่าวจาก ศอ.รส.ประเมินว่า ขณะนี้กลุ่มผู้ชุมนุมลดน้อยลงทุกวัน ส่วนหนึ่งเดินทางกลับภูมิลำเนา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มาตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา และกลับส่วนหนึ่งในช่วงบ่ายวันที่ 15 มีนาคม ผู้ชุมนุมที่อยู่ส่วนหนึ่ง คือ ผู้ชุมุนมจากภาคเหนือ อีสานบางส่วน และส่วนใหญ่ที่มาชุมนุมช่วงกลางคืนคือ คนเสื้อแดงที่อยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นการมาร่วมชุมนุมแบบวันต่อวัน

รายข่าวระบุว่า สำหรับยอดผู้ชุมุนมสูงสุด คือ วันที่ 15 มีนาคม ที่เดินทางไปที่หน้า ร.11 รอ. ประมาณ 43,000 คน และเวลา 21.00 น. ของวันเดียวกันเหลือเพียง 26,000 คน เนื่องจากมีบางส่วนเดินทางกลับต่างจังหวัด สำหรับยอดผู้ชุมุนมวันที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมาใน เวลา 08.00 น. อยู่ที่ 9,000 คน เวลา 15.00 น. อยู่ที่ 11,000 คน โดยกลุ่มที่ไปเทเลือดหน้าบ้านนายกฯมี 8,000 คน อีก 3,000 คน เฝ้าเวทีที่ผ่านฟ้า และช่วงเวลา 21.00 น. เหลือประมาณ 21,000 คน ขณะที่ช่วงเช้าวันที่ 18 มีนาคมนี้มียอดผู้ชุมนุม 10,000 คน ทั้งนี้ ศอ.รส. จับตาการนัดรวมพลอีกครั้งในวันที่ 20 มีนาคมว่า จะมีมากน้อยเพียงใด แต่เชื่อว่าจะมีผู้มาชุมนุมจากต่างจังหวัดเข้ามาเพิ่มเติมไม่มาก

ศปก.มท.รายงานแดงเริ่มกลับบ้าน

ขณะที่ศูนย์ปฏิบัติการกระทรวงมหาดไทย(ศปก.มท.) สรุปความเคลื่อนไหวข้อผู้ชุมนุมเมื่อวัน 17-18 มีนาคมว่า กลุ่มผู้ชุมนุมหลายจังหวัดทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนาแล้ว คือ 1. จ.มหาสารคาม เดินทางกลับ 150 คน คงเหลืชุมนุม 250 คน 2. จ.ตราด 190 คน คงเหลือ 110 คน 3.จ.ฉะเชิงเทรา 200 คน เหลือ 250 คน 4. จ.กาญจนบุรี 520 คน คงเหลือ 80 คน 5.จ.อุดรธานี เดินทางกลับ 200 คน

ทั้งนี้ ศปก.มท. ประเมินว่า ในวันที่ 20 มีนาคม จะมียอดผู้เข้าร่วมชุมนุมประมาณ 27,500 คน และพระสงฆ์ 50 รูป

พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก บช.น.กล่าวว่า กลุ่มผู้ชุมนุมบนถนนราชดำเนินเบาบางลง มีผู้ชุมนุม 7,000-8,000 คน รถยนต์ประมาณ 1,000 คัน โดยกลุ่มผู้ชุมนุมจะมากในช่วงเย็นก่อนเที่ยงคืน จากนั้นจะลดลง อาจสืบเนื่องจากที่ผ่านมาพบวัตถุต้องสงสัยหลายครั้งในบริเวณใกล้เคียงการชุมนุม ซึ่งเป็นพื้นที่ดูแลของกลุ่มการ์ดผู้ชุมนุมเอง

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. จะเรียกประชุม ผบก.จร. หารือเรื่องการจราจร เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมเบาบางลงอาจมีการคืนพื้นที่จราจรให้ประชาชน ขณะนี้เกือบเข้าสู่สถานการณ์ปกติแล้ว นี้รถที่วิ่งมาตั้งแต่ถนนราชดำเนินใน ผ่านสะพานผ่านพิภพมาแยกคอกวัว สามารถเปิดการจราจรถึงอนุสาวรีย์ประชาธิไตยเลี้ยวซ้ายไปถนนราชสีมาแล้ว รวมทั้งพื้นที่อื่นๆ ทั้งแยกสนามไชย แยกหลานหลวง มุ่งสู่ถนนราชดำเนิน แยกจปร.ที่รถขึ้นสะพานพระราม 8 ได้เพิ่มผิวการจราจรมากขึ้น เพื่อเปิดผิวการจราจรเตรียมจัดร้านในงานกาชาดสิ้นเดือนนี้

ที่มา.มติชนออนไลน์
**********************************************

ประวิตร มั่นใจ คุมม็อบแดงอยู่

“ประวิตร”ไม่ห่วงม็อบแดงแรง มั่นใจ จนท.คุมอยู่ สั่งคุมเข้มบ้านคนสำคัญ-สถานที่ราชการ พร้อมขอบใจกำลังพลที่ปฏิบัติอย่างเข้มแข็ง...

ที่กรมทหารราบที่ 11รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ประเป็นประธานการประชุมศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) โดยมี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะ ผอ.ศอ.รส. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผบ.ทบ. พล.อ.ธีระวัฒน์ บุณยะประดับ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผบ.ทบ. พล.อ.พิรุณ แผ้วพลสง เสนาธิการทหารบก พล.ท.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รองเสนาธิการทหารบก พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 และ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพียง

ทั้งนี้ในที่ประชุม นายกรัฐมนตรีได้มีการหยิบยกประเด็นการทบทวนสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่เคลื่อนไหวปิดล้อมบ้านนายกรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ โดยเฉพาะเหตุการณ์นำถุงเลือดปาใส่เข้าที่บ้านพักภายในซอยสุขุมวิท 31

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม กล่าวว่า ตอนนี้สถานการณ์การชุมนุมไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเขาดูแลอยู่ ทั้งนี้การปฏิบัติหน้าที่ของทหาร และ ตำรวจ ที่มีการตั้งจุดตรวจ และเฝ้าระวังตามสถานที่ราชการต่าง ๆ รวมถึงบ้านพักบุคคลสำคัญที่ผ่านมาอยู่ในเกณฑ์ดีมาก ตนรู้สึกพอใจต่อการปฏิบัติหน้าที่ที่ผ่าน เพราะพวกเขาเหล่านี้ทำดีที่สุดปล้ว และต้องป้องกันสถานการณ์ไม่ให้เกิดความวุ่นวาย ซึ่งการทำงานของเจ้าหน้าที่จะมีความชัดเจน

“เท่าที่ ศอ.รส.ประเมินสถานการณ์แล้ว ยังไม่จำเป็นจะต้องมีการปรับเปลี่ยนแผนการปฏิบัติงานในการดูแลความเรียบร้อย เนื่องจากที่ผ่านมา ศอ.รส.ก็ได้มีการปรับเปลี่ยนด้วยการเพิ่มจุดตรวจ สายตรวจ และดูแลบ้านพักคนสำคัญ และสถานที่ราชการสำคัญก็ถือว่าเพียงพอแล้ว อย่างไรก็ตาม ผมขอบคุณกำลังพลทุกนายที่ร่วมมือร่วมใจกันปฏิบัติหน้าที่แม้ว่าบรรยากาศภายนอกจะร้อนอบอ้าว แต่กำลังพลก็ยังปฏิบัติหน้าที่ได้เข้มแข็งในการดูแลรักษาความปลอดภัย” พล.อ.ประวิตร ระบุ

ด้าน พล.ต.ดิฏฐพร ศศะสมิต โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า ที่ประชุม ศอ.รส. ในเช้าวันนี้ ไม่ได้หยิบยกกรณีกลุ่มเสื้อแดงจะเคลื่อนขบวนผู้ชุมนุมไปยังสถานที่ต่าง ๆ ในวันเสาร์ที่ 20 มีนาคมนี้ แต่ทาง ศอ.รส.จะติดตามว่าผู้ชุมนุมจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ส่วนกรณีที่ ศอ.รส.จะประสานแกนนำผู้ชุมนุมเพื่อขอทราบแผนการเคลื่อนย้าย จะได้อำนวยความสะดวกเรื่องการจราจร ไม่ให้ส่งผลกระทบกับประชาชนในวันหยุดนั้น กองบัญชาการตำรวจนครบาลซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่จะเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องดังกล่าว


ไทยรัฐออนไลน์
โดย ทีมข่าวการเมือง
18 มีนาคม 2553, 15:00 น.
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
ไม่มีข่าวที่เกี่ยวข้อง
ไม่มีรูปภาพที่เกี่ยวข้อง
ไม่มีข้อมูลบุคคลที่เกี่ยวข้อง
tags:
ประวิตร วงษ์สุวรรณ ม็อบเสื้อแดง ศอ.รส. บ้านบุคคลสำคัญ สถานที่ราชการ Share |

*************************************************

แดงบุกตลท.ย่ื่นหนังสือตรวจสอบ"กรณ์"

กลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งบุกตลท.ยื่นหนังสือตรวจสอบกรณ์ ว่านำภาษีปชช.มาซื้อหุ้นช่วงนี้หรือไม่ เหตุตลาดหุ้นเขียวยกแผง ด้านจตุพร ลั่น เสื้อแดงยังอยู่ผ่านฟ้า...

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 18 มี.ค. 2553 ได้มีกลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งเดินทางไปยังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพื่อยื่นเอกสารชี้แจงแนวทางการต่อสู้กับผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ โดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ปิดกั้นรั้วเพื่อห้ามผู้ชุมนุมเข้ามาภายใน

แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ระบุว่า สาเหตุที่เดินทางมายัง ตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อเรียกร้องตรวจสอบ นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ว่า ตั้งข้อสังเกตว่าสถานการณ์การเมืองร้อนแรง แต่ตลาดหุ้นกลับปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติ

อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่มีผู้บริหารหรือเจ้าหน้าที่ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ลงมารับเรื่องนอกจากนี้ ผู้ชุมนุมยังระบุว่า หลังจากแจ้งข้อเรียกร้องแล้วก็จะเดินทางกลับไปยังสถานที่ชุมนุมใหญ่ และจะเดินทางมาขอคำตอบอีกครั้งในวันพรุ่งนี้

ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวว่า ขณะนี้ เสื้อแดงยังไม่มีการเคลื่อนขบวนไปที่ไหน สำหรับกรณีระหว่างการชุมนุมของคนเสื้อแดงตลาดหุ้นมีการซื้อขายคึกคักและดัชนีเพิ่มขึ้นหลายจุดนั้นแสดง ให้เห็นว่า นักลงทุนเชื่อมั่นการชุมนุมเป็นไปโดยสงบและสันติ โดยไม่กระทบการลงทุนเลย

************************************************

เพื่อไทย เชียร์ เสธ.หนั่น เป็นนายกฯ กลางสภา

“เสธ.หนั่น”ตอบกระทู้กลางสภาประณาม กตร. ต้นเหตุล่าช้าจน พล.ต.อ.สมเพียรเสียชีวิต ด้าน ส.ส.เพื่อไทย เชียร์ตอบกระทู้ดี สมควรเป็นนายกฯ คนใหม่ กลางสภา ...

การประชุมสภาฯเริ่มเข้าสู่ระเบียบวาระกระทู้ถามสดเรื่องปัญหาการเรียกร้องของประชาชนต่อการปฏิบัติหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี ที่นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ถามว่า รัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยต้องสง่างาม จึงอยากถามว่านายกรัฐมนตรีจะบริหารประเทศในลักษณะหลบไปหลบมาแบบนี้นานแค่ไหน ขณะที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีก็พูดได้อย่างไรว่า ส.ส.เพื่อไทยรับเงินคนละ 15 ล้านบาทเพื่อนำมาระดมผู้ชุมนุม จึงอยากถามว่าคนที่ออกมาเรียกร้องเกือบหนึ่งล้านเสียง นายกรัฐมนตรีจะรับฟังหรือไม่

ด้านพล.อ.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับมอบหมายจากนายกฯชี้แจงแทนว่า นายกฯมีนัดหมายกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเกี่ยวกับการชุมนุมของประชาชนขณะนี้ ตนจึงตอบแทนนายกฯและรองนายกฯได้ไม่ถนัด ยืนยันว่านายกฯได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ตนเชื่อมั่นว่านายกฯพยายามรักษาประชาธิปไตยให้ดีที่สุด ฉะนั้นจะเสียงเดียวหรือล้านเสียงเชื่อว่านายกฯต้องรับฟัง

ด้านนายไพจิต ได้ถามต่อว่า นายกรัฐมนตรีจะรับผิดชอบความไม่เป็นธรรมในการโยกย้ายตำรวจ การซื้อขายตำแหน่ง จนนำมาสู่การเสียชีวิตของพล.ต.อ.สมเพียร เอกสมภาร ที่เดินทางมาร้องขอความเป็นธรรมด้วยน้ำตานองหน้าที่ทำเนียบรัฐบาลอย่างไร

ด้านพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า กรณี พล.ต.อ.สมเพียร นั้น น่าสลดใจและเสียใจอย่างยิ่งที่เขามาร้องเรียนที่ทำเนียบรัฐบาลด้วยน้ำตา ขณะที่การทำงานของกตร.ก็ช้ามาก เพิ่งจะมานัดประชุมในวันที่ 16 มี.ค.ทั้งที่รับเรื่องจากนายกรัฐมนตรีตั้งแต่ต้นเดือนมี.ค. คนทำงานในพื้นที่มานานถึง 40 ปีแล้วต้องการออกจากพื้นที่แสดงว่ามันต้องไม่ไหวแล้วจริงๆ คนๆนี้น่ายกย่อง และพวกเราทุกคนล้วนเห็นใจ

“ผมขอประณามกตร.ชุดนี้ ต้องปรับโครงสร้างตำรวจใหม่ทั้งหมดได้แล้ว ไม่ใช่ปล่อยให้หัวโตอย่างนี้ กรณีการซื้อขายตำแหน่งที่มีข่าวมากกว่ายุคใดๆเป็นเรื่องที่ผมมีความเห็นตรงกับคุณไพจิต ที่จำเป็นต้องมีการแก้ไข”

ส่วนกรณีที่ไม่สามารถทำศพของ พล.ต.อ.สมเพียร ที่ จ.ยะลา ได้เป็นเพราะในพื้นที่มีอันตราย จึงต้องให้มาทำที่ จ.สงขลาเพื่อให้ทุกคนได้มาร่วมงานได้ ส่วนกรณีการใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 179 เพื่อขอให้มีการเปิดประชุมร่วมรัฐสภานั้น ตนเชื่อว่านายกรัฐมนตรีพร้อมเดินทางมารับฟังความเห็นจากสมาชิกแน่นอน เพียงแต่ขอเวลาให้เหตุการณ์สงบก่อน

เมื่อพล.ต.สนั่น ชี้แจงเสร็จสิ้น นายไพจิต ถึงกับเอ่ยปากชมว่า สมควรที่พล.ต.สนั่นจะเป็นนายกฯตัวจริงได้แล้ว เพราะมีวิสัยทัศน์ดีกว่านายกฯขณะนี้หรือไม่ ขณะที่นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ได้ถามกระทู้สดเรื่องการดำเนินการกับกลุ่มผู้ชุมนุมของประชาชนโดยทหาร ซึ่งพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ทำหนังสือขอเลื่อนการชี้แจงกระทู้นี้ออกไปก่อน แต่นายสุนัย ก็พยายามจะขอให้ พล.ต.สนั่นตอบแทน ซึ่งพล.ต.สนั่น ระบุว่าพร้อมตอบเช่นกัน แต่ประธานสภาฯแจ้งว่าอาจผิดข้อบังคับเนื่องจากเจ้าของกระทู้ทำหนังสือขอเลื่อนการชี้แจงในสัปดาห์หน้า

ไทยรัฐออนไลน์
โดย ทีมข่าวการเมือง
18 มีนาคม 2553, 13:00 น.
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
ไม่มีข่าวที่เกี่ยวข้อง
ไม่มีรูปภาพที่เกี่ยวข้อง
ไม่มีข้อมูลบุคคลที่เกี่ยวข้อง
tags:
สนั่น ขจรประศาสน์ ไพจิต ศรีวรขาน ประชุมสภา ตอบกระทู้ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ สมเพียร เอกสมภาร ​ทุจริตซื้อขายตำแหน่ง Share |
**********************************************

‘การเมืองห่วย’ ตายได้ ‘ประเทศ’ ตายไม่ได้

นับถอยหลังไป 6-7 ปีที่แล้ว ไทยเรามีเหตุการณ์เกี่ยวข้องกับ “ประชาธิปไตย” มากมายก่ายกอง...จอมปลอมบ้าง-เท็จจริงบ้างตาม “คำสั่งอีแอบ” ทั้งพธม.-นปช.ผลัดกันเปิดเวที..ใช้สิทธิเสรีภาพตามระบอบประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ ดังนั้น เหตุการณ์ทั้งสองจึงเกี่ยวข้องกับความเชื่อในลัทธิ “ประชาธิปไตย” โดยตรง นักการเมืองพยายามตีความประชาธิปไตยเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตนเอง ทั้งที่ประชาธิปไตยเป็นสิ่งสากลและมีมาตรฐานในตัวเองประชาธิปไตยเป็นสิ่งสากล ประเทศส่วนใหญ่ในโลกยอมรับการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ส่วนการนำหลักการประชาธิปไตยไปปฏิบัติได้ผลมากน้อย

ขนาดไหนเป็นอีกเรื่อง แต่บางคนก็ตีความประชาธิปไตยในทางที่ผิดเพี้ยนไปเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตัวเอง บางประเทศใช้คำว่า “ประชาธิปไตย” นำหน้าชื่อประเทศ แต่การปกครองแท้จริงกลับกลายเป็นเผด็จการ ในเมืองไทยเราประชาชนก็สับสนกับคำว่าประชาธิปไตย เพราะนักการเมืองต่างก็อ้างว่าตนเป็นเองเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง หลักการประชาธิปไตยถูกบิดเบือนหลักการประชาธิปไตยแปลง่ายๆ คือ หัวใจ 3 ดวง คือ หลักการตรวจสอบและถ่วงดุล

เสรีภาพ รวมทั้งการมีส่วนร่วมของประชาชนซึ่งถือว่าเป็นตัววัดว่า ประเทศนั้นมีการปกครองแบบประชาธิปไตยหรือไม่อย่างไร ส่วนการเลือกตั้งนั้นเป็นเพียงวิธีการหนึ่งเพราะไม่ว่าประเทศคอมมิวนิสต์หรือเผด็จการต่างก็มีการเลือกตั้ง แต่การเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยต้องเป็นไปอย่างเสรี ยุติธรรม ไม่มีการซื้อสิทธิขายเสียงจนทำให้เจตนารมณ์ของประชาชนถูกบิดเบือน นักประชาธิปไตยต้องมีความอดทน อดกลั้นต่อความเห็นต่างทางการเมือง และต้อง ไม่ใช้ความรุนแรง

ในการแก้ไขปัญหา ดร.ปรีดี พนมยงค์ อดีตนายกรัฐมนตรีและรัฐบุรุษ อธิบานยความหมาย ของคำว่า”ประชาธิปไตย” ไว้เมื่อวันเปิดประชุมสภาเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2489 ว่า การใช้สิทธิเสรีภาพตามหลักการประชาธิปไตยต้องใช้ให้ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่บิดเบือนเพื่อผลประโยชน์เฉพาะกลุ่มหรือเพื่อตัวบุคคล ไม่ก่อให้เกิดความปั่นป่วน วุ่นวายต่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองเวลานี้ “การเมืองไทย” ถูกผ่าครึ่งออกเป็น 2 ฝั่ง...การเรียกร้องประชาธิปไตยถูกเปิดเวที

โดยกลุ่ม นปช.ผู้นำต้องเสียสละ นี่เป็นการอธิบายหลักการประชาธิปไตยได้ดีที่สุด สั้นที่สุด วันนี้เมื่อความคิดเห็นสวนทางกัน กลุ่มคนที่ต้องการแสดงออกซึ่งความเห็นและใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ควรยึดหลักประชาธิปไตยให้มั่นคงจะทำอะไรต้องคิดถึงประโยชน์ของชาติบ้านเมืองมากกว่าประโยชน์ของตัวบุคคล เพราะชาติบ้านเมืองตายไม่ได้ส่วน “นักการเมืองห่วย” ต้องจัดการให้ “สิ้นซาก”

ที่มา.บางกอกทูเดย์
*************************************************

อมาตย์เอ๋ย..กรรมเริ่ม start แล้วนะจ๊ะ ..ลูกชายคนเดียวของ ปีย์ มาลากุลฯ หกล้มตาย

ยังจำข่าวนี้กันได้ไม๊คะ
ขู่มีแผลให้เปิดอีก แต่ขออุบไว้ก่อน

เมื่อวันที่ 30 มี.ค. พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผอ.รมน. กล่าวว่า การที่ นายปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา ระบุว่า ตนออกมาโวยวายเพราะไม่ได้รับตำแหน่ง ขอยืนยันว่าตนเป็นคนที่รักษาสัจจะเมื่อตกลงกันว่า การทำครั้งนี้ทุกคนต้องไม่หวังตำแหน่งและลาภยศใด ๆตนก็ถือตามนี้ สำหรับเรื่องนี้ผ่านมาเกือบ 3 ปีแล้ว ถ้าตนต้องการตำแหน่งตนก็ออกมาโวยวายในช่วงนั้นแล้วจะปล่อยให้เนินนานมาถึง 3 ปีได้อย่างไร และถ้ามาพูดตอนนี้จะมีประโยชน์อะไร ถ้าใครไม่พูดพาดพิงถึงตน ตนจะหลีกเลี่ยงในการพูดถึงบุคคลอื่น เพราะฉะนั้นจะเห็นว่า ตนจะไม่เคยพูดถึงชื่อนายปีย์ มาลากุลเจ้าของบ้านแม้แต่คำเดียว และวันนี้นายปีย์ มาพูดถึงตนทำให้ตนเสียหายจึงต้องพูดบ้างว่า นายปีย์ คิดอย่างไรกับพ.ต.ท.ทักษิณ และยังมีเรื่องอีกเยอะเกี่ยวกับตัว นายปีย์ ที่ตนจะนำมาเปิดเผย ทุกอย่างที่เขาทำนั้นเป็นลักษณะเจ้ากี้เจ้าการเชิญ คนนั้นคนนี้ไปกินข้าว ซึ่ง พล.อ.สุรยุทธ์ พูดถูกว่าไม่ได้เชิญตนไปกินข้าว แต่นายปีย์ เป็นคนเชิญในฐานะเจ้าของบ้าน แม้แต่ พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ นายปีย์ ก็เป็นคนเชิญมา

พล.อ.พัลลภ กล่าวด้วยว่า ครั้งหนึ่งก่อนการประชุมหารือกันที่บ้านสุขุมวิท ซึ่งมีตนกับพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และนายปีย์ นั่งอยูที่โต๊ะรับแขกภายในบ้าน ปรากฏว่า นายปีย์ ได้ถามตนว่า ทำให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หายไปได้ไหม ตนก็เลยตอบไปว่า เป็นการยากทำไม่ได้ เพราะท่านมี รปภ.จำนวนมากคงจะต้องยิงกันเละจนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก แต่สามารถทำให้ตายได้ ทุกคนก็เงียบไม่พูดอะไร ซึ่งขณะนั้นพล.อ.สุรยุทธ์ นิ่งเงียบไม่พูดอะไร เพียงแต่นั่งเฉยๆไม่ได้ออกความเห็นอะไร ตนคิดว่าเราสามารถโกหกคนได้ทั้งโลก แต่ไม่สามารถโกหกตัวเองได้ นายปีย์ คงรู้ในใจตัวเองดี ตนยังมีเรื่องที่จะพูดอีกมาก ถึงคนชื่อปีย์ มาลากุล ที่ยังไม่อยากนำมาเปิดเผยในขณะนี้

เมื่อถามว่า ขณะนี้ต่างฝ่ายต่างปฏิเสธ แต่มีการหารือในการล้ม พ.ต.ท.ทักษิณ จริงใช่หรือไม่ พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า เป็นเรื่องจริงทั้งสิ้น ตนจะมาพูดเล่นๆได้อย่างไร เพราะมีการกินข้าวหารือกันถึง 7 คน มีการพูดกันว่า จะต้องเล่นพ.ต.ท.ทักษิณ ทางกฎหมายโดยมีนักกฏหมายเข้ามาร่วมประชุมด้วยในเรื่องของ กกต. ซึ่งเมื่อ กกต.ล้มการเลือกตั้งไม่สำเร็จ ก็มีการพูดถึงการรัฐประหาร มิเช่นนั้นพล.อ.สุรยุทธ์ จะมาพูดได้อย่างไรว่า การทำครั้งนี้เราทำเพื่อประเทศชาติและสถาบัน คนที่มีตำแหน่งเป็นองคมนตรีจะไปทำอย่างนั้นได้อย่างไร เพราะตัวเองมีตำแหน่งองคมนตรี โดยเฉพาะไปล็อบบี้ให้ กกต.ลาออก

เมื่อถามว่า พล.อ.สุรยุทธ์ ออกมาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาโฟนอินเปิดเผยข้อเท็จจริง พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติธรรมดา เรื่องแบบนี้ ถ้าเขาออกมารับว่าจริง เขาคงต้องไปโรงพยาบาลประสาท เพราะฉะนั้นเขารับไม่ได้ต้องปฏิเสธ แต่การปฏิเสธของพล.อ.สุรยุทธ์ มันขัดกันโดยตลอดจากการประมวลข่าวอะไรต่างๆทุกคนก็รู้ดีว่าเป็นข้อเท็จจริง ดังนั้นคนที่มีความคิดทุกคนสามารถคิดได้ เรื่องแบบนี้ถ้าเขารับเขาต้องเป็นโรคประสาท ต้องไปโรงพยาบาลประสาท และการที่นายปีย์ บอกว่ามีการประชุมครั้งเดียวก็ไม่จริง ซึ่งจริงๆแล้วประชุมกัน 4 ครั้งและกินข้าวร่วมกันทุกครั้ง ซึ่ง พล.อ.สุรยุทธ์ จะมาถึงก่อนเสมอมานั่งรอ จากนั้นก็มานั่งคุยกันที่โต๊ะกินข้าวในลักษณะกินข้าวไปคุยกันไป ตอนแรกเห็นปฏิเสธว่าไม่ได้ประชุม ก็ใช่เป็นการพูดกันไปกินกับไป เพราะการประชุมต้องมีวาระประชุม

http://tnews.teenee.com/politic/33930.html

ในวันนี้ ..ผลกรรมที่พ่อทำ มันได้มาตกกับลูกชายคนเดียวซะแล้ว

"เสียใจกับครอบครัว ปีย์-ท่านผู้หญิงอารียา มาลากุลฯ ที่สูญเสียบุตรชายคนเดียว ธรรมา ด้วยอุบัติเหตุหกล้มในห้องน้ำ จากภรรยา ทญ.อตินุช และลูกชาย ปราณ ไปด้วยวัยเพียง 40 ปี"

http://www.thairath.co.th/column/life/chaba/71001

ด้วยหัวใจของคนที่มีลูก..บาปกรรมถ้าตกอยู่กับตัวเอง..ยังไม่เสียใจเท่าเกิดกับลูก ..น่าสงสารนายธรรมา ..จนวันนี้ นายกทักษิณ คนที่พ่อคุณอยากทำให้หายไป.งก็ยังอยู่ แต่ในวันนี้ ตัวคุณไม่ได้มีโอกาสอยู่ดูแลลูกและเมียคุณอีกต่อไปแล้ว..ถ้าในวันนี้..ดวงวิญญาณคุณอยากจะโทษอะไร..ให้โทษความซวยที่เกิดมาเป็นลูกคนเลวๆ อย่างพ่อของคุณละกัน

RIP ค่ะ

ที่มา.ไทยฟรีนิวส์
**************************************************

วันพุธที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2553

เต็นท์พยาบาลภาคสนาม RSR

ขอเชิญพี่น้องเสื้อแดง หากไม่สบายหรือ เหน็ดเหนื่อย ร้อนแดด แวะมาได้แล้วครับ
เต็นท์พยาบาลภาคสนามRSR อยู่บนถนนราชดำเนิน บริเวณด้านหน้าพลับพลารับแขกเมือง(ศาลาเฉลิมไทย)