--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันเสาร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2553

ม.ล.ปลื้ม. สื่ออำมาตย์หล่อหลอมมวลชนให้เกลียดนักการเมือง-เบื่อการเลือกตั้ง


ที่มา.ประชาไท
ม.ล. ณัฏฐกรณ์ เทวกุล
ผู้ดำเนินรายการ “DailyDose” ทาง www.voicetv.co.th


สื่ออำมาตย์ต้องการหล่อหลอมให้เยาวชนดูถูกเหยียดหยามผู้เเทนประชาชน... “ระบอบรัฐธรรมนูญ 2550 และรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ เป็นกรณีตัวอย่างรวบยอดที่แสดงถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงในการใช้ประโยชน์จากระบอบรัฐสภาโดยเผด็จการอำมาตยาธิปไตย สิ่งที่พวกเขาต้องการคือ รัฐสภาที่ประกอบด้วยพรรคการเมืองขนาดเล็กที่อ่อนแอ ให้มีรัฐบาลหุ่นเชิดไร้อำนาจที่แท้จริงในการบริหารแผ่นดิน แต่ต้องอยู่ภายใต้อำนาจแฝงเร้นของเผด็จการอำมาตยาธิปไตย เป็นรัฐบาลที่ไร้ความสามารถและไม่อาจแก้ปัญหาของประชาชนได้ เต็มไปด้วยการทุจริตคอรัปชั่น ทั้งหมดนี้ก็เพื่อแสดงให้ประชาชนเห็นว่า ระบอบประชาธิปไตยและการเลือกตั้งนั้นเป็นสิ่งชั่วร้าย นักการเมืองคือต้นเหตุแห่งปัญหาและความเลวร้ายทั้งปวง ประชาชนไม่อาจหวังพึ่งตนเองด้วยการใช้สิทธิทางประชาธิปไตยไปเลือกนักการเมืองที่มีความสามารถเข้ามาแก้ปัญหาของพวกเขา”

นั่นเป็นเพียงบางส่วนของบทความ "การปฏิวัติของประชาชนในประเทศไทย" ของรศ.ดร.พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ ที่ผมประทับใจเหลือเกิน เเต่หากจะวิเคราะห์ต่อมาถึงบทบาทของสื่อเเล้ว เวลาที่มีความพยายามในการผลักดันบางสิ่งบางอย่าง ที่สะท้อนถึงวิวัฒนาการทางการเมืองที่ก้าวหน้าอย่างเช่นการเเก้รัฐธรรมนูญ ไม่รู้ว่า บก. ของหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์, เเนวหน้า, หรือ Manager เป็นอะไรนักหนา พยายามพาดหัวข่าวเพื่อ Discredit ความตั้งใจนั้นๆ จะเเก้รัฐธรรมนูญก็ดันไปเรียกว่าจะ 'ชำเรา' กฏหมายหลักของประเทศที่ตอนคมช. ยึดอำนาจไม่เห็น ไทยโพสต์ , เเนวหน้า, หรือ Manager ประณามพล.อ. สนธิ บุญยรัตกลินว่าข่มขื่นหรือกระทำชำเรารัฐธรรมนูญฉบับประชาชนตรงไหนเลย เคยร่างกันมาเเทบตาย เเถมออกมาเชียร์ด้วยซ้ำเวลาที่มีคณะปฏิวัติไปฉีกมันซะ มันน่าเสียดายที่หนังสือพิมพ์ที่กองบก. ของหน้าการเมืองที่ยังไม่สยบต่ออำนาจหรือเข้าไปอยู่ในเครือข่ายอำมาตยาธิปไตยนั้นกลับเป็นฉบับที่ถูกเเย่งซีนโดยฉบับที่สร้างความเเตกเเยกในสังคม เยาวชนควรจะอ่านหนังสือพิมพ์ Post Today ไทยรัฐหรือมติชนเพื่อข่าวสารทางการเมืองมากกว่าฉบับอื่นๆ ที่ผมตำหนิไปในข้างต้นเพราะอย่างน้อยก็ยังถือว่าเขายังเสนอข่าวอย่างเป็นกลาง มิใช่ปลุกปั่นให้สังคมดูหมิ่นเหยียดหยามนักการเมืองอย่างสุดโต่ง ถึงเเม้ว่าสื่อมวลชนหลายสำนักก็ยังจะมีอคติต่อนักการเมืองส่วนใหญ่ก็ตาม

ถ้าดูในกรณีของ Manager ตั้งใจเล่นบทบาทอย่างชัดเจน ในการหล่อหลอมให้ผู้อ่านไม่ไว้วางใจในผู้เเทนที่เขาเลือกเข้าไปทำงาน ไม่ว่าหลังจากนี้การเมืองจะพัฒนาหรือไม่พัฒนาไปในทิศทางไหนมันเป็นบทบาทของ ทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ On-Print หรือ On-Line ในการกำหนดว่า เราทุกคนจะเทิดทูนองค์กรที่ไม่มีใครกล้าเเตะอย่าง ปปช., กกต., คตง., ศาลฎีกาเเผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมือง, ศาลปกครอง, ศาลรัฐธรรมนูญ หรือเทิดทูนองค์กรเเละสถาบันที่เป็นตัวเเทนของประชาชนเเละยึดติดกับความต้องการของทุกคน

ทั้งที่จริงๆ แล้วและสำคัญมากว่าองค์กรเหล่านี้ ประชาชนสามารถตรวจสอบได้ด้วยมือของประชาชนเอง บทบาทนี้เป็นบทบาทสำคัญเเละยิ่งใหญ่มาก กองบก.เเละผู้ที่เป็นเจ้าของสื่อส่วนใหญ่บางท่านอาจได้ตัดสินใจเลือกข้างไปเเล้วว่าจะสนับสนุนฝ่ายไหน การเลือกข้างนั้นสะท้อนถึงอุดมการณ์ของเเต่ละท่านเองเเละบุคลากรในสื่อนั้นๆ เอง ส่วนใครผิดใครถูกนั้น เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเล่มไหน เว็บไซต์ไหนหรือใครคนไหน เลือกเดินในเส้นทางที่ตอบสนองความต้องการของผู้อ่านจริงๆ เเละเล่มไหนหรือเว็บไซต์ไหนเลือกโจมตีนักการเมืองเเละพรรคการเมืองด้วยอคติส่วนตัวที่ได้รับการหล่อหลอมมา

**************************************************************

วันศุกร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2553

อย่ายุ่ง นรกจะกิน ‘กบาล’

รู้สึกตกใจกับการเปิดเผยว่า...รัฐบาลได้มีการส่งกำลังไป “ติดตามพระสงฆ์” ซึ่งเมื่อได้ยินรายชื่อบัญชีของพระสงฆ์แล้วถึงกับตะลึง...
เพราะพระสงฆ์แต่ละรูปนั้นไม่ใช่พระธรรมดา อย่างเช่น...พระสงฆ์ที่เป็นถึงอธิการบดีของมหาจุฬาลงกรณ์ฯ และ อีกหลายต่อหลายรูป
ล้วนแล้วแต่เป็น “พระผู้ใหญ่” เป็นที่เรียกว่า “เป็นเจ้าคุณ” หรือจะเรียกชื่อเป็นทางการว่า “พระราชาคณะ”

ความจริงพระสงฆ์ท่านไม่ยุ่งการเมืองอยู่แล้ว...แต่ดูเหมือนว่าการเมืองในฝ่ายผู้มีอำนาจมักจะดึงเอาพระสงฆ์เข้าไปเกี่ยวข้อง

มีข่าวกระเด็นออกมาว่า...บางวัดมีรถทหารไปจอดเฝ้าดูพฤติกรรมอยู่หลังวัดหน้าวัด พระบางรูปโดนติดตามเฝ้าพฤติกรรม
ความจริงพระสงฆ์ท่านไม่มีอาวุธอะไรอยู่แล้ว...ใครจะนิมนต์ท่านไปไหนท่านก็ไปหมด จึงไม่เข้าใจว่า...ทำไมผู้มีอำนาจจึงเฝ้าระแวง
สงสัยพระสงฆ์

อีกประการหนึ่งหากสงสัยการใด...การจะจับพระสงฆ์นั้นต้องไปแจ้งต่อ “เจ้าคณะปกครอง” ก่อน จากนั้นจึงนิมนต์ท่านไปสอบต่อหน้า
เจ้าคณะปกครอง เว้นเสียความผิดซึ่งหน้า “อาญาแผ่นดิน” นั้นเป็นอีกประเด็นหนึ่ง

การไปแสดง อำนาจบาตรใหญ่ ใส่พระ...ทั้งๆ ที่พระท่านมีบาตรใบเล็กกว่า...เป็นการไม่สมควรทั้งสิ้น การที่รัฐบาลเอาการเมืองไปยุ่ง
กับพระบอกได้เลยว่า “คิดผิด” และเตรียมตัวนับถอยหลังคืนวันแห่งการพ้นสภาพจากการเป็นรัฐบาลได้เลย

ด้วยเพราะพระสงฆ์ระดับผู้ใหญ่แต่ละรูป...บวชเรียนมายาวนานกว่า 20 ปีขึ้นไป...มีลูกศิษย์ลูกหาไม่ใช่น้อยๆ คิดเล่นๆว่า...
พระรูปหนึ่งมีลูกศิษย์หมื่นคน

แล้วพระสงฆ์ใหญ่ๆ ทั่วประเทศที่โดนบัญชีรายชื่อนั้น รวมๆ กันแล้วมีลูกศิษย์กว่า “สามแสนคน” หากคิดแบบหลวมๆ เท่ากับว่า...
รัฐบาลก่อเหตุให้หมางใจกับคนกว่าสามแสนคน โดยมิใช่เรื่อง

แม้แต่ชื่อของพระที่เป็น เลขาฯ ของเจ้าคณะพระบางกอกฯ ซึ่งเป็นอดีตข้าราชการตำรวจก็โดนไปด้วย หรือแม้แต่ เลขาฯ ของวัดภูเขาทอง
ก็โดนด้วย

นี่เกิดอะไรขึ้น...ผู้มีอำนาจคิดอะไรอยู่? ยิ่งขนเอากำลังพลไปแสดงอำนาจละม้ายคล้ายการข่มขู่อยู่บริเวณวัด...ยิ่งไม่ควรเป็นการใหญ่
ท่านจะเล่นการเมืองกับใครก็เล่นไป...แต่ไม่ควรไปยุ่งกับพระสงฆ์ท่าน เพราะการที่เข้าไปยุ่งกับพระมากเท่าไหร่...นรกที่รอมนุษย์บาปหนา
จะรอท่านอยู่รำไร

แม้ว่าท่านรองนายกฯ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” บอกว่า สามารถแยกแยะออกระหว่าง “บุญ” กับ “บาป” ท่านอาจแยกแยะสิ่งเหล่านี้ออก...
แต่ผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านแยกแยะออกหรือไม่ ก็ต้องไปถามกันดู

คิดไม่ถึงว่าวันนี้ “พระสงฆ์” จะโดนหางเลขไปด้วยกับเรื่องของการเมือง อย่าลืมว่า...ประเทศไทยไม่ใช่เหมือนประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่
ทางตอนเหนือ...ซึ่งมีการออกมาเดินขบวนแล้วจะไล่ทุบไล่ฆ่ากัน สิ่งที่ผู้มีอำนาจกำลังทำ...เท่ากับท่านกำลัง “ผลักใสไล่ส่ง”
สัญลักษณ์แห่งคุณงามความดีการแสดงออกมาเช่นนี้เป็นการ “เร่งปฏิกิริยา” ให้รัฐบาลรีบกลับไปเป็นฝ่ายค้านเร็วขึ้น

และเชื่อว่า...หากเปรียบเทียบกับความ “ผิดบาป” ที่คิดจ้องทำลายล้างผู้มีธรรมอย่างพระผู้ใหญ่ซึ่งปฏิบัติดีปฏิบัติงามมาร่วม 20 ปี
หากรัฐบาลผู้สร้างเรื่องสร้างราวในเวลานี้กลับเป็นฝ่ายค้าน...อย่างน้อย 20 ปีจึงจะได้กลับมาเป็นรัฐบาลใหม่อีกครั้ง...เรียกว่า...
เป็นการตอบสนองตามบุญและตามกรรม

หรือรัฐบาลลืมไปว่า...พระสงฆ์แต่ละรูปที่ท่านไปแตะไปเฝ้านั้น แต่ละรูปเป็นเพียงแค่พระธรรมดา บอกได้เลยว่า “คิดผิด”
เพราะพระสงฆ์แต่ละรูปนั้นล้วนมีสมณะศักดิ์ทั้งสิ้น ภาษาราชการเรียกว่า “พระราชาคณะ” หากไม่เข้าใจคำว่า “พระราชาคณะ”
สามารถไปเปิดดูพจนานุกรม...แล้วจะได้หูตาสว่างกันเสียที!

ที่มา.konthaiuk
*****************************************************************************

** หลงอำนาจ **

แค่คำหรูๆ..เมื่อ รัฐบาล ที่ ประชาธิปัตย์ เป็นแกนนำ พร้อม “พรรคร่วม” โดยที่มี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี
คำแรกที่ประกาศคือ ขอสร้าง “ความสมานฉันท์” ขึ้นในประเทศ..ในขณะที่ ประชาชนระส่ำระสาย “แตกแยก”ไปทั่วทุกมุมเมืองใ
ห้ความมั่นใจว่า “รัฐบาล” นี้จะนำความ “ปรองดอง” กลับมาสู่แผ่นดินอีกครั้ง

ทีแรก..นึกว่ารัฐบาลจะส่งความ “ปรองดอง” มาให้..ที่ไหนได้กลับกลายเป็นไห “ยาดอง” ไปฉิบ!!

ยิ่งยกซด ยิ่งเมากันหัวทิ่มหัวตำ!! โดยเฉพาะ พลพรรคประชาธิปัตย์ ที่ใช้มุมปากซ้ายเรียกร้องสมานฉันท์ แต่มุมปากขวา “ด่าไฟแลบ”
เป็นจรวด ตามสไตล์ถนัด??

หมดสิ้นกันทีในเรื่อง “ความรัก ความสามัคคี” แห่งชาติ!! เพราะ “ยาดอง” ที่ รัฐบาลขนมาให้ประชาชน “ซดดื่ม” กันทั่วประเทศนั้น
ขณะนี้ออกฤทธิ์ซ่านไปทั่วแล้ว..

ยิ่งมองลึกลงไปก็ยิ่งเห็นการบริหารงานของ รัฐบาล นี้ว่า “เหลื่อมล้ำ” ให้ประชาชนแตกออกเป็นหลายมาตรฐานโดยที่ยึดตัวเองลูกเมีย
และ พวกพ้องเพื่อความอยู่รอดเป็นหลัก!!

ดูได้ที่ สุเทพ เทือกสุบรรณ ประกาศก้องอย่างไม่อายฟ้าดินว่า รัฐมนตรี คนไหนที่ต้องการ รถป้องกันกระสุนขอให้มาเบิกได้
เพื่อเอาไปไว้ใช้ป้องกัน “ตนเอง” และ “ศักราช”..เพราะมีเงิน 40,000ล้านบาท เป็นงบที่ทำเอาไว้ซื้อรถกันกระสุน เพื่อ “รัฐมนตรี”
คณะนี้โดยเฉพาะ!!

อพิโธ่-โถอพิถัง มันเงินภาษีของประชาชนชัดๆมองอนาคตการบริหารงานของ “รัฐบาลอภิสิทธิ์” ดูแล้วประเทศรอดยากโว้ย

ภาษิตฝรั่งว่าไว้ Power corrupts...แปลว่า “อำนาจ ทำให้คนหลงผิด”

ที่ “เทือก” แถกเหงือกพูดออกมากลาง ครม.นี้ ไม่ได้หลงผิด..แต่ “หลงอำนาจ”!!


ที่มา.Konthaiuk
โดย.หนุ่ม ชิงชัย
*******************************************************************************

รู้ไปหมด แม้แต่ ‘มดจะนอน’ !!!


แต่ “เลวไม่มีที่ติ”....เมื่อไม่รู้ “หัวอก” แห่งความเดือดร้อน ของราษฎร?? ทั้ง เปิดปม! และ เปิดโปง! กันอย่างตาเห็น “เงิน” ของ
“อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร” ไหลพลั่กๆ มาหนุน “ม็อบแดง” การผนึกรวมตัว ของ “ชาวนา” ผู้เป็น “กระดูกสันหลังของชาติ”
ที่ราคาข้าว “ตกต่ำ”...มันก็พูด “รานน้ำใจ” ว่าเป็นการเสแสร้งที่ “เกษตรกรแห่งแผ่นดิน” ออกมาเย้ว ๆ ..เพราะต้องการ “เตะตัดขา”
ล้มรัฐบาล “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”...ที่ว่า ราคาข้าวตกวูบ เป็นข้ออ้างที่ขาดเหตุผล!!!!!
“ชาวไร่ชาวนา” เดือดร้อนแท้ ๆ .....มันยังไม่แยแส?.....เอาสีข้างเข้าแถ ช่างเลวพิกล??

********************************************************

เหมือน ‘หมาล่าเนื้อ’!

พอหมด “เขี้ยวเล็บ” มันก็เขี่ยทิ้งไม่เหลือ???ไม่ต้องดูอื่นไกล ทั้ง “มังกรพันปี” บรรหาร ศิลปอาชา และ “ห้อยสยาม” เนวิน ชิดชอบ
ดูไปแล้ว กลายเป็น “จิ้งจอก” ที่หมดสภาพ “มาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เล่นเกมง่องแง่ง ..ไม่ให้ความสำคัญ ไปแล้วล่ะครับ
ฉะนั้น, จึงไม่อยากเห็น “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ต้องเป็นดุจดัง “พยัคฆ์ล่าเนื้อ” ...พอหมดความจำเป็น “อำมาตยาธิปไตย” และ “พลเรือนคราบฮิตเล่อร์” มันก็จ้องเล่นงานให้ม้วย!!!!!ดู “บรรหารกับเนวิน” เป็นตัวอย่าง......เดี๋ยวนี้เขาเริ่มสลัดทิ้งขว้าง?.
....แถมยังตั้งข้อหา “ยัดตะราง” ให้อีกด้วย?

**********************************************

เป็นเหมือน ‘พวกตาบอดคลำช้าง’!

ไม่น่าเชื่อ “สาทิตย์ วงศ์หนองเตย” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะ “ขาดมาตรฐาน” ไปเสียทุกอย่าง??
ท่านอ้าง “ทีวีเสื้อแดง” พีเพิลชาแนล ปลุกปั่น ยั่วยุ ให้คน “แข็งข้อ-แข่งอำนาจ” กับ “รัฐบาลอภิสิทธิ์”ที่สร้างความแตกแยก ระส่ำระสาย
ของ “ช่องทีวีหัวตะขาบ” ยังไม่มีคำสั่งเล่นงาน จาก “รัฐมนตรีสาทิตย์” จ้องปิด ตัดไฟ การแพร่ฉาย ของ “คนเสื้อแดง”...เหมือนจงใจ
“ราดน้ำมันใส่กองไฟ” ให้ “กองทัพนักรบไร้ดาว ชาวเสื้อแดง” เขาลุกฮือ ต้านกับความไม่ชอบธรรมในทุกสิ่ง!!“ท่านสาทิตย์” มีมาตรฐาน
แค่ไหน ไม่ทราบ...แต่การทำเช่นนี้ไม่จ๊าบ?....คนเขารับไม่ได้จริง ๆ ?

******************************************************

หมดยุค หมดสภาพ แล้วโดนคุมกำเนิด!

ในที่สุด “กลุ่มดุสิต ๙๙” ของ “ซูเปอร์เค” เกษม จาติกวณิช ผู้สนิทสนมกับ “ซูเปอร์ป๋า” ก็กลับมาแจ้งเกิด???
เมื่อได้หลานคนโปรด คนดี อย่าง “กรณ์ จาติกวณิช” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก้าวขึ้นมาเป็นทายาท คุมอำนาจการเมืองเสร็จสรรพ
เป็นการ “ต่อยอด” รับใช้ “ซูเปอร์ป๋า” อย่างไม่ขาดตอน ซะด้วยสิครับทั้ง “ซูเปอร์เค” และ “หลานกร” ต่างเป็น “หมากชั้นดี” ที่ “ซูเปอร์ป๋า”
วางเกม ให้มีบทบาททางการเมือง เพื่อเข่นคู่แข่งให้ดับรัศมี!!!!เอาเป็นว่า ทั้ง “ซูเปอร์แค” และ “หลานกร”.....รับบทตามขั้นตอน?...
ที่เขาป้อนบทให้เป็น “นอมินี”?

***********************************************

‘ปรัชญา ๖ ประการ’ ตกหล่น หดหาย!

“ปู่จิ้น” นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล ในฐานะเจ้าของรหัส “มท. ๑”ท่านได้ให้ ข้อคิดประจำใจ ๖ ประการ แก่ สส.พรรคภูมิใจไทย
ที่ “ปู่จิ้น” เป็นหัวหน้าพรรคเอาไว้อย่างชัดถ้อยชัดคำ ๑. มีสติปัญญา ๒. มีความอดกลั้น ๓. มีความอดทน ๔. รู้จักผ่อนสั้นผ่อนยาว
๕. ให้อภัยและอโหสิ ๖. เป็นผู้มีคุณธรรม
แต่หลักการดีๆ ที่ไม่ให้ “โกงกิน” ไม่ให้ “ทุจริต” กับไม่เป็น “มอตโต้” เอาไว้เตือนใจให้ “ส.ส.พรรคภูมิใจไทย” ได้นำไปปฏิบัติ!
ทั้งเรื่องการ “ทุจริตและโกงกิน”....ล้วนเป็นหัวใจหลักทั้งสิ้น?...แต่กลับไม่ยึดโยงเอามาเป็นข้อบัญญัติ? ตกหล่น หดหายไป
แบบนี้เดี๋ยวลูกพรรค “เข้าใจไม่ถี่ถ้วน” นำมาปฏิบัติผิดๆ เกิดความเสียหายในภายหน้าน่ะขอรับท่าน!


ที่มา.konthaiuk
โดย.การบูร
****************************************************************************

ใบแดงพิเศษ!

“แห่นั่งรถกันกระสุน ครม.ผวา แดงล่าจับลูกเมีย”!

ขณะที่ “เทพเทือก” ก็ถือโอกาสสร้างภาพให้ระวัง “เด็กไม่มีเส้น” ซึ่ง “หอยม่วง” จะเป็นแม่ข่ายให้เครือข่ายและลูกกระแป๋งออกมาขย่มซ้ำ หลังจากไล่บี้ “โดเรแม้ว” จนหลังชนตึกดูไบไปแล้ว

ศูนย์รับแจ้งเบาะแสกับคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ทางการเมือง (คตม.) จะเป็นศูนย์กลางข่าวและทำ “สงครามข่าว”

“สีกากี” ตั้งแต่หัวจดหางจึงต้องรับภาระหนักที่สุด ส่วน “สีเขียว” เหนื่อยน้อยกว่าเพราะเป็นแค่หน่วยสนับสนุน แม้จะเตรียมพร้อม 100% เหมือนกันก็ตาม

“สีกากี” จึงต้องรับหน้าเสื่อ “สงครามข่าว” ของ “หล่อหลักลอย” ต่อไปจนกว่าจะผ่านพ้น “เด็กไม่มีเส้น” ชุมนุมใหญ่ “แดงทั่วแผ่นดิน”

มีคำถามว่า “ใคร” จะไปก่อนกัน ระหว่าง “เด็กไม่มีเส้น” กับ “หล่อหลักลอย”?

ถ้านับวันชุมนุมใหญ่อย่างเป็นทางการ 14 มีนาคม ซึ่ง “สามเกลอ” ประกาศ “รบแตกหัก” ภายใน 7 วัน

เท่ากับอายุของ “หล่อหลักลอย” จะอยู่ได้ไม่เกินวันที่ 21 มีนาคม!

แต่เสียงหัวเราะกลับดังลั่นที่บ้านใหญ่สีขาวริมถนนสุขุมวิทของ “กะหล่ำปลี” ที่ยังคงเป็นศูนย์กลางของ “อีแอบ” ในการประเมินสถานการณ์ และวางแผนไล่ล่า ไล่ฆ่า “โดเรแม้ว” เพราะวันนี้ทุกอย่างเป็นไปตามแผนอย่างน่าพอใจ

ยิ่ง “โดเรแม้ว” ออกอาการทุรนทุรายมากเท่าไร ก็ยิ่งเข้าแผน “ล่อ ดัก เก็บ” ที่จะทำให้ “สงครามครั้งสุดท้าย” ยุติเร็วขึ้น

สงครามครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่แรงแล้วแผ่วปลาย แต่จะแรงและแรงสุดๆ!

จึงต้องใช้เสาทุกเสาค้ำยัน “หล่อหลักลอย” ในฐานะ “หุ่นเชิด” ที่แสนดีไม่ให้ล้มพังลงมา ไม่ว่าวันที่ 14 มีนาคม “สีแดง” จะนับแสนหรือนับล้านจนล้นถนนราชดำเนิน

สงครามตอแหล สร้างข่าว และสร้างสถานการณ์ เพื่อสร้าง “ความชอบธรรม” จึงเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของการไล่ล่า ไล่เก็บ “โดเรแม้ว” และแกนนำ “เด็กไม่มีเส้น”

“หล่อหลักลอย” จึงกล้าประกาศไม่มีการ “ยุบสภา” และไม่มี “วงจรอุบาทว์”

แม้จะมีการกวาดล้างครั้งใหญ่ก็ตาม!

เพราะไม่ใช่แค่การขุมหลุมพรางรอรับ “เด็กไม่มีเส้น” หลากหลายรูปแบบเท่านั้น แต่ยังมี “ใบแดง” พิเศษที่จะเป็น “บิ๊กเซอร์ไพรส์” ที่ “อีแอบ” เตรียมใช้หากอยู่ในภาวะฉุกเฉินสุดๆ!


คอลัมน์ .ฉุก(ละหุก)คิด
จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
โดย นายหัวดี

**********************************************************************

นักการเมืองหัวใจทรราช?


คงไม่ปฏิเสธว่าบ้านเมืองจะอยู่อย่างสงบสุขไม่ได้ ส่วนหนึ่งก็เพราะพฤติกรรมของนักการเมือง โดยเฉพาะเรื่องของประชาธิปไตยที่วันนี้ก็ยังมีคนสงสัยมากมายว่า ประชาธิปไตยแบบไทยๆ จะไปได้อีกนาแค่ไหน เพราะไม่ใช่แค่เรื่อง 2 มาตรฐานที่รู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองและทั่วโลกแล้ว

มีอำนาจนอกระบบ อำนาจของกลุ่มอำมาตย์และอำนาจของกองทัพ ซึ่งอยู่เหนืออำนาจประชาธิปไตย ปรกติทึ่คนส่วนใหญ่พยายามเชื่อว่า เป็นประชาธิปไตยของประชาชนและเพื่อประชาชน แต่ไม่ใช่ประชาธิปไตยในวันนี้แน่นอน เพราะรัฐธรรมนูญที่เป็นกฎหมายสูงสุดก็เต็มไปด้วยร่างเงาของเผด็จการที่ก่อนการร่างรัฐธรรมนูญฉบับอัปยศนี้ ประกาศไว้ชัดเจนว่า ไม่ต้องการให้พรรคการเมืองเหมือน รัฐธรรมนูญปี 2540 ซึ่งเท่ากับไม่ต้องการให้ประชาชนมีอำนาจที่จะกำหนดอนาคตของตนเองและบ้านเมืองนั่นเอง

การโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งและประชาชนเลือกเข้ามา จึงมีการรวมหัวกันอย่างเป็น กระบวนการ และทุกอย่างก็มาที่บทสรุปที่การทำรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 จากวันนั้นถึงวันนี้ เรื่องรัฐประหารหรือวงจรอุบาทว์ก็ยังพูดกันตลอดเวลา เพราะทุกคนไม่เชื่อว่าจะไม่มี
ไม่ว่าผู้นำกองทัพหน้าไหนจะออกมายืนยัน ก็ไม่มีใครเชื่อ เพราะแม้แต่นักการเมืองที่มาจากประชาชนก็ยังฝักใฝ่และสนับสนุน หรือให้มีการใช้กำลังแก้ปัญหาบ้านเมือง

แม้แต่ในสภาผู้แทนราษฎรที่พยายามตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อหามาตรการป้องกันการรัฐ ประหาร ก็ยังล่มไม่สามารถเดินหน้าไปได้แล้วถึง 4 ครั้ง เพราะองค์ประชุมไม่ครบ คือ มีส.ส.ประชุมไม่ถึงครึ่งหนึ่ง ประชาชนจะหน้าใส หน้าดำ รากหญ้า หรือรากเหง้าจากไหน จึงไม่เชื่อว่าประเทศไทยจะไม่มี รัฐประหารอีก

ยิ่งพฤติกรรมล่าสุดที่นำมาแฉให้เห็นถึงนักการเมืองที่ฝักใฝ่การปฏิวัติรัฐประหาร คือกรณีนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แสดงความคิดเห็นในเฟซบุ๊คของตัวเองเกี่ยวกับการยึดทรัพย์พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ว่า เป็นผลดีส่วนหนึ่งของการปฏิวัติรัฐประหาร
แม้จะเป็นความเห็นส่วนตัว แต่นายกรณ์ก็เป็นนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตย เป็นหนึ่งในผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ที่เก่าแก่ที่สุด ทั้งยังเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลที่พยายามยืนยันว่า เป็นรัฐบาลที่มาด้วยความถูกต้องชอบธรรม

ไม่ใช่รัฐบาลอำมาตย์อุ้มสม หรือกองทัพอุ้มสม ! แม้จะไปจัดตั้งกันในค่ายทหารก็ตาม ! จะเป็นเพราะนายกรณ์มีความเครียดแค้นพ.ต.ท.ทักษิณเพียงใดก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่พฤติกรรมเห็นดีเห็นงาม กับการทำรัฐประหาร ซึ่งทำให้พรรคประชาธิปัตย์พลอยมัวหมองไปด้วย เพราะผู้คนอาจเห็นว่าพรรค ประชาธิปัตย์ก็เห็นดีเห็นชอบกับพวกเผด็จการเช่นกัน

ขณะที่รัฐธรรมนูญมาตรา 68 ก็ระบุไว้ชัดเจนว่า ห้ามไม่ให้บุคคลล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย

เรื่องนี้คงไม่ต้องขุดบรรพบุรุษใครออกมาประณาม เพราะกว่า 77 ปีที่ประชาธิปไตยไทยต้องล้มคว่ำล้ม หงายก็เพราะการทำรัฐประหารที่มากที่สุดในโลกถึง 11 ครั้ง ยังไม่รวมการทำไม่สำเร็จที่ถือว่าเป็นกบฎอีกนับสิบครั้งเช่นกัน

อย่างนี้น่ามอบรางวัล “นักการเมืองหัวใจทรราช” หรือ “หัวใจเผด็จการ” ให้จริงๆ !


คอลัมน์.เป็นประชารัฐ
จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
ปีที่ 2010 ฉบับที่ 2751 ประจำวัน ศุกร์ ที่ 5 มีนาคม 2010
โดย ผู้เขียน ลอย ลมบน
*********************************************************

"ทักษิณ"ซัดกลับ"กรณ์"พ่อขายหุ้นไม่เสียภาษี


"ทักษิณ"ซัดกลับ"กรณ์"พ่อขายหุ้นไม่เสียภาษีท้าถาม"เนวิน" จวก"อำมาตย์" ร่วมมือตุลาการวางแผนโค่น

"ทักษิณ"บ่นถูกอำมาตย์ประชุมร่วมกับตุลาการระดับสูงโค่นอำนาจ ระบุ ปชป.-พธม.กอด รธน.ไว้คุ้มครองคณะปฏิวัติให้ต่อเนื่องเก็บไว้จัดการเสื้อแดง โต้"กรณ์"พ่อก็ขายหุ้นไม่เสียภาษีเหมือนกัน ย้ำอีกเตรียมฟ้องเวทีโลก

เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 4 มีนาคม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าววิดีโอลิงก์ ถ่ายทอดสดผ่านสถานี "พีเพิลชาแนล" ของคนเสื้อแดง ว่า ในสัปดาห์หน้าจะพูดเฉพาะวันอังคารเหมือนเช่นที่ผ่านมาก่อนจะกล่าวถึงสถานการณ์บ้านเมืองว่า การปฏิวัติยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง แค่เปลี่ยนตัวนักแสดงแต่คนชักใยยังเป็นคนเดิม เพราะอำนาจคำสั่งคุ้มครองคณะปฏิวัติยังอยู่ในรัฐธรรมนูญปี 2550 มาตรา 39 อ้างถึงรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2549 เป็นการคุ้มครองอำนาจเผด็จการ เพราะได้รับคำสั่งจากอำมาตย์ ที่ปกป้องอีกฝ่ายไว้ชัดเจนเพียงแค่การปฏิวัติเปลี่ยนแปลงรูปแบบเท่านั้นเอง

พ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้ยกกรณีที่พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี รองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.) ออกมาระบุว่ามีการประชุมเพื่อทำการปฏิวัติ เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2549 ที่บ้าน นายปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา โดยมี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ พบกับตุลาการระดับสูงเพื่อวางแผนโค่นล้มรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ก่อนการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 พร้อมกับนายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ ประธานศาลฎีกา นายจรัญ ภักดีธนากุล เลขาธิการประธานศาลฎีกา และนายปราโมทย์ นาครทรรพ

"พล.อ.สุรยุทธ์ บอกว่าได้ร่วมกับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ไปกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่าจะทำงานถวายพระองค์ด้วยการกำจัดผม กระบวนการศาลถูกจัดตั้งตั้งแต่วันนั้น ทั้งปฏิวัติ ลอบ สังหารและคำพิพากษา พล.อ.สุรยุทธ์เป็นนักวางแผน วางแผนเก่ง จนเป็นที่มาที่มีทั้งระเบิดและพยายามบอกว่าเป็นคาร์บ๊อง " พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว

พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวอีกว่า การที่พรรคประชาธิปัตย์และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไม่ยอมให้แก้รัฐธรรมนูญ ม. 309 เพราะต้องการที่จะมีอำนาจจัดการต่อ ดำเนินการจนกว่าไม่มีเสื้อแดง ฉะนั้นอย้างหวังจะได้เห็นความสงบเกิดขึ้นกับประเทศเลย เพราะคำๆเดียวคือความไม่ยุติธรรมโกหกไปเรื่อย แต่วันนี้เปลี่ยนไปแล้วบ้านเมืองจะจัดการได้ง่ายๆอย่างในอดีตคงไม่ได้แล้ว เพราะประชาชนรับรู้มากขึ้นทุกวันไม่ยอมให้ใช้วิธีการแบบเดิมรังแกต่อไปอีกแล้ว

ผมคิดว่าวันนี้ผมคงจะเป็นโจทก์ที่ประชาชนถูกปล้นอำนาจ โดยมีตนตัวแทนไป แต่โจทก์กลับเป็นจำเลย ขณะที่โจรทำผิดกฎหมาย และเอาตัวเองเป็นกฎหมาย ผู้เสียหายกลับเป็นจำเลย

"วันนี้ผมเจอเพื่อนฝรั่ง เขาถามว่าทำไมเขามีหลักเกณฑ์ความคิดอย่างไร ที่เอาเงินส่วนต่างราคาหุ้นจากวันที่ผมเข้าเป็นนายกฯ ถามว่าหุ้นตัวอื่นไม่ขึ้นหรือ หุ้นซีพีก็ขึ้น หุ้นเอเอสทีวีก็ขึ้น หุ้นทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ อย่างธนาคารไทยพาณิชย์ก็ขึ้น หุ้นกลุ่มนายทุนก็ขึ้น ถามว่าหุ้นขึ้นตามดัชนีไหม บางตัวขึ้นสูงกว่าดัชนีด้วยซ้ำ ทำไมไม่ยึดหมด คนบางคนไม่ได้เป็นนายกฯ แต่มีอำนาจสั่งการเหนือนายกฯ สั่งการเหมือนหนังตะลุง ทำไมไม่ยึด"

อดีตนายกฯ กล่าวว่า ตนก็ไม่รู้เหมือนกัน คิดว่าศาลตั้งโดยคณะปฏิวัติ วันนี้จึงเป็นไปตามคณะปฏิวัติ เขาบอกว่าอย่างนี้สามารถนำคดีเข้าสู่การพิจารณาระดับสากลได้ แต่ตนบอกตนเป็นคนไทย บอกไม่รู้ว่าความเป็นธรรม ยังเหลือไหม ถ้าไม่เหลือแล้วตนจะเอาความเป็นธรรมสู่สากล

ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นทำให้ทุกอย่างในประเทศไทยล้าหลัง ทุกคนลงในประเทศก็เจ็บปวด อยากเปลี่ยนกฎก็เปลี่ยน สิ่งที่ผมจะโดนมีปัญหาตามมาอีกเยอะ ถูกทำโดยคนมีอารมณ์อยากจัดการอะไรบางอย่าง

นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวถึงกรณีนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊คระบุถ้าเป็นตนจะตัดสินยึดทรัพย์ทั้งหมด ว่า "วันนี้นายกรณ์บอกถ้าเป็นผม จะยึดให้หมด แต่ตอนพ่อนายกรณ์ขายหุ้นเจเอฟธนาคม (บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เจเอฟธนาคม กว่า 6 ล้านหุ้น เมื่อปี 2543) พ่อนายกรณ์ก็ไม่ได้เสียภาษี มีการรายงานมา ไม่เชื่อลองถามเนวิน (ชิดชอบ แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน) แต่วันนี้เป็นพวกเดียวกันแล้ว"

ที่มา.มติชนออนไลน์
***************************************************

วันพฤหัสบดีที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2553

องค์กรพุทธฮึ่ม! ทำลายพระ !!


กรณีคำตัดสินให้ยึดทรัพย์สินกว่า 4.6 หมื่นล้านบาท จากทั้งหมด 7.6 หมื่นล้านบาท ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
แน่นอนว่าย่อมหนีไม่พ้นเสียงสะท้อนในแง่มุมต่างๆ เกิดขึ้นมาตลอดโดยเฉพาะเป้าใหญ่ คือ การทำงานของ อดีตคณะกรรมการตรวจสอบ
การกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.)

ซึ่งแสดงท่าทีชัดเจนในการต้องการให้มีการยึดทรัพย์ทั้งหมดให้ได้มาโดยตลอด แม้แต่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย
ซึ่งเคยได้รับฉายา “จิ๋วหวานเจี๊ยบ” ยังอดรนทนไม่ได้ ต้องพูดออกมาชัดๆ ว่า แบบนี้เท่ากับเป็นการยอมรับในอำนาจของกระบวนการ
รัฐประหาร ที่มีมาตั้งแต่ 19 กันยายน 2549

และที่สำคัญก็คือ “มีคนบางคนหรือใครบางคนที่อยู่เบื้องหลัง และชักใยทำให้สถานการณ์ในบ้าน ในเมืองของเรา เลวร้าย
เหมือนอย่างทุกวันนี้ซึ่งไม่มีใครตอบได้ว่าคือใคร และกำลังทำอะไรอยู่”

จริงหรือไม่จริง ใช่หรือไม่ใช่ เป็นสิ่งที่กลุ่มอำมาตยาธิปไตย และกลุ่มนายทหาร คมช. รวมไปถึงรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นายกรัฐมนตรี จะต้องตอบกับสังคม

เพราะแม้แต่นายอนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ยังยอมรับว่าสิ่งหนึ่งที่ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์
ก็คือ กรณีสะท้อนให้เห็นถึงกระบวนการยุติธรรมที่ยอมรับการรัฐประหาร

เนื่องจากหลายประเด็นที่อ้าง คณะปฏิรูปการปกครองอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) มีอำนาจแต่งตั้ง คตส. และ ป.ป.ช.
ซึ่งทั้งหมดล้วนแล้วแต่เกิดจากผลพวงของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)

“ฉะนั้นคดีนี้ถ้าจะให้สง่างาม และเป็นการส่งเสริมการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย จะต้องเริ่มเรื่องจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
และศาลจะต้องพิจารณาตั้งแต่เริ่มแรก” นายอนุสรณ์ กล่าว

ที่สำคัญสิ่งที่ นายอนุสรณ์ ห่วงอย่างมากก็คือ ความยุติธรรมที่มาจากรัฐประหาร จะเป็นการสร้างบรรทัดฐาน และเป็นการบั่นทอน
ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย คือไม่มีใครกลัวที่จะเดินหน้าทำการปฏิวัติรัฐประหารถือเป็นสิ่งที่รัฐบาลและนายอภิสิทธิ์
ควรอย่างยิ่งที่จะต้องรับฟังและนำไปคิด

รวมทั้ง รศ.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ยังยอมรับเช่นกันว่า
การต่อสู้ของกลุ่มคนเสื้อแดงนั้น จะไม่จบสิ้นลงเพราะยังมีประเด็นหลายประเด็นให้ต่อสู้ เช่น อำมาตยาธิปไตย สองมาตรฐาน การทุจริต
ของรัฐบาล

รศ.ไชยันต์ มีความเห็นเช่นดียวกันว่า การที่คำตัดสินอ้างถึงประกาศ คปค.หลายต่อหลายครั้ง ทำให้ตกเป็นเป้าวิจารณ์ว่าเป็นการยอมรับ
อำนาจที่มาจากรัฐประหาร

“หลายครั้งที่อ้างถึงกฎหมายประกาศ คปค.ซึ่งเรื่องนี้จะทำให้หลายคนคิดว่า เป็นการยอมรับการกระทำของรัฐประหารหรือไม่
เพราะองค์กรที่ร้องนั้น เป็นองค์กรที่มาจากการแต่งตั้งของ คปค.” รศ.ไชยันต์ กล่าว

แย่ตรงที่ แม้จะมีการห่วงใยว่าเป็นการยอมรับอำนาจรัฐประหาร แต่หน่วยงานที่มาจากการแต่งตั้งของอำนาจรัฐประหาร กลับไม่รู้สึกรู้สม
และยังคงเดินหน้าทำตามสิ่งที่ต้องการต่อไป

เพราะนายภักดี โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช. บอกชัดว่า ได้รับมอบหมายจากที่ประชุม ป.ป.ช. ให้เป็นประธานคณะอนุกรรมการไต่สวน 4 เรื่อง
คือ

1. กรณีการแจ้งบัญชีทรัพย์สิน และหนี้สินอันเป็นเท็จ
2. การแก้ไขสัญญาอัตราจัดเก็บภาษีบัตรเติมเงินมือถือแก่บริษัท เอไอเอส โดยมิชอบ
3. การแก้ไขสัญญาเชื่อมต่อสัญญาณหรือโรมมิ่งแก่เอไอเอส และ
4. การอนุมัติโครงการดาวเทียมไอพีสตาร์โดยมิชอบ

เล่นต่อไม่เลิกอย่างชัดเจนเช่นเดียวกับ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ที่ก็บอกว่าคณะรัฐมนตรีมีคำสั่งให้ทุกหน่วยงานตรวจสอบ
ขยายผลคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงได้มีการออกคำสั่งที่ 102/ 2553 แต่งตั้งคณะทำงานศึกษาและวิเคราะห์คำพิพากษา
ในส่วนที่เกี่ยวข้องตามอำนาจหน้าที่ของดีเอสไอ ตามคำพิพากษาใน 5 ประเด็น และให้สอบสวนแล้วเสร็จภายใน เดือน มี.ค.

เร่งกันเหมือนติดจรวดพร้อมตั้งคณะทำงานศึกษาสำนวนคดีปกปิดโครงการผู้ถือหุ้น SC ที่อัยการเคยสั่งไม่ฟ้อง ว่า
สามารถเข้าสอบสวนรื้อฟื้นดำเนินคดีใหม่ได้อีกครั้งหรือไม่ ตามคำสั่งนายกฯ ภายใน 15 วัน

การกระเด้งรับอย่างรวดเร็วทันใจเช่นนี้ ไม่น่าแปลกใจ หากสังคมจะวุ่นวายไม่จบ ยิ่งมามีเรื่องของ “ปากคนประชาธิปัตย์” ที่ยังเคยชินกับ
มุกถนัดเดิมๆ ไม่สนผลกระทบ ขอให้ได้พูดเอามันไว้ก่อน สร้างความฮือฮาระทึกใจให้สังคมได้เท่านั้นเป็นพอใจ

แล้วกรณีแบล็คลิสต์จึงลามปามไปจนเลยเถิด นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง รับว่า มีการติดตามจับตามอง
ประมาณ 10 คน แถมยังสนุกปากต่อไปว่า จะมีการจ้องเล่นงานลูกเมียรัฐมนตรี หรือผู้บัญชาการเหล่าทัพ เว่อร์เสียยิ่งกว่าตลกชวนชื่น
หรือตลกเชิญยิ้มเสียอีก

แต่บรรดาคนที่ถูกกล่าวหา แน่นอนว่าไม่สามารถรับได้ ว่าเอาสมองส่วนไหนคิดว่าจะมีการคุกคามลูกเมียรัฐมนตรี หรือผู้นำเหล่าทัพ
สิ่งเหล่านี้ไม่มีในสังคมไทยอยู่แล้วนี่คือการป้ายสีหรือไม่??? นี่คือการสร้างความแตกแยกแบ่งขั้วให้รุนแรงมากยิ่งขึ้นไปอีกหรือไม่???

เช่นกันกับองค์กรชาวพุทธแห่งประเทศไทยก็ไม่พอใจ ซึ่ง พระครูปลัดสุวัฒนจริยคุณ เลขาธิการองค์กรชาวพุทธฯ ยังพูดชัดว่า
ขณะนี้ได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในพระพุทธศาสนา คือมีรายชื่อของพระชั้นผู้ใหญ่ถูกรัฐบาลขึ้นบัญชีดำ หรือ แบล็กลิสต์
ในการที่จะต้องจับตามองเป็นพิเศษ

เพราะอาจจะมีการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ควรเฝ้าระวัง ทั้งๆ ที่รายชื่ออย่างเช่น
พระธรรมกิตติเมธี โฆษกมหาเถรสมาคม
พระธรรมโกศาจารย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
พระเทพปริยัติวิมล อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยนั้น ทั้ง 2 รูปไม่เคยออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองเลย และ
พระธรรมกิตติเมธี ก็เป็นถึงโฆษก และกรรมการมหาเถรฯ แต่ก็ยังถูกนำมาขึ้นบัญชี

จึงอยากให้ทางรัฐบาลโดยเฉพาะนายสุเทพ ออกมาชี้แจงให้ชัดเจนภายในสัปดาห์นี้ เพราะขณะนี้มีพระสงฆ์กลุ่มหนึ่งไม่พอใจการกระทำ
ดังกล่าวของรัฐบาล และเตรียมตัวที่จะออกมาเคลื่อนไหวใหญ่แล้วสำหรับรายชื่อพระสงฆ์ที่ถูกระบุในแบล็คลิสต์ที่ควรเฝ้าระวัง ประกอบด้วย

1.พระธรรมกิตติเมธี โฆษกมหาเถรฯ
2.พระธรรมสุธี เจ้าคณะกทม.
3.พระธรรมโกศาจารย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ
4.พระธรรมสิทธินายก ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ
5.พระธรรมคุณาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดสามพระยา
6.พระเทพวิสุทธิกวี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชาธิวาส
7.พระเทพปริยัติวิมล อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหามกุฏฯ
8. พระราชญาณวิสิฏฐ์ เจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม
9.พระสิทธินิติธาดา เลขานุการเจ้าคณะกทม.
10. พระครูปลัดสุวัฒนจริยคุณ เลขาธิการองค์กรชาวพุทธฯ และ
11. พระมหาโชว์ ทัสนีโย รองเลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย

วุ่นวายกันขนาดนี้ คงต้องขึ้นอยู่กับนายอภิสิทธิ์แล้วว่า เมื่อไรจะปรามบรรดา “ปากประชาธิปัตย์” เสียที บ้านเมืองจะได้วุ่นวายน้อยลง


ที่มา.บางกอกทูเดย์
******************************************************************************

** เหมือนจะประกาศสงครามกับประชาชน **

นับถอยหลัง เหลือ 7 วัน เมืองไทยจะมีคำตอบ! ประเทศไทยจะได้ “ประชาธิปไตย” กลับคืนมา หรือ “อำมาตยาธิปไตย” ยังครองเมือง??

- “มาร์ค-เทือก” จะยั่วยุด้วยการสั่งการ สนธิกำลังทหารกับตำรวจนับจำนวนหมื่นๆ เหมือนจะประกาศสงครามกับประชาชน
แต่ ”คนเสื้อแดง” ถอยไม่ได้อีกแล้ว 12-14 มีนาคมนี้ สงครามระหว่ง “ระบอบ” มันจะเกิด!!.....

- ถ้ากองทัพเสื้อแดงนับจำนวนล้าน ต้องแพ้พ่าย กองทัพรัฐบาล แน่นอน! ระบอบอำมาตยาธิปไตย ก็ดำรงต่อไป อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
จะเป็นนายกรัฐมนตรีม้าใช้ของอำมาตย์ใหญที่ “เป็นโชคดีของประเทศ” อย่างที่ ใครบางคนเอ่ยชมซึ่งหน้า!!.....

- ผ่านศึกเสือเหนือใต้ ช่ำชองการรบจนได้รับฉายา “ขงเบ้งกองทัพบก” เมื่อ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ให้ความเห็น บึ้มธนาคารกรุงเทพฯ
ที่ผ่านมา มีคน ”เขียนบท” ก็ฟังแล้วน่าเชื่อ!! ให้ แต่จะเป็นใคร?? “บิ๊กจิ๋ว” ไม่ได้บอก....

- การเข้าชื่อ “ถอดถอน 9 ตุลาการ” ที่กำลังเดินหน้ากันอยู่! ในระบอบประชาธิปไตยไม่ใช่เรื่องแปลก!! “กุหลาบพิษ” ไม่ต้องยืนยันกันลืม
ก็รู้กันทั้งประเทศว่า พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ คือนายทหารใหญ่ที่เดินตามกรอบ ”ประชาธิปไตย” จนได้เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่เคยคิด
“ลักหลับปฏิวัติ” หรือปล้นเขามา??...

- ใครจะอยู่เบื้องหลังไม่สำคัญ แต่หลักฐานเอกสารมันฟ้อง มีการ “หมกเม็ด” ชัด ในการรุกเขาสอยดาว กรมอุทยาน สวมหัวใจสิงห์
ส่งมอบ ภาพถ่ายทางอากาศ ให้ ปทส.ฟ้องตั้งแต่ปี 2550 แต่...ถูกมือดีดึงออกมาจากแฟ้มเสียก่อน จึงรอดตัวมาถึงวันนี้.....

- กรณีเขาสอยดาว คือความอัปยศของ”คนรวยที่ไม่รู้จักพอ” จับมือกับ “คนมีอำนาจ” ที่ใช้อำนาจฟุ่มเฟือย ถ้าวันนี้ เมืองไทยไม่มี
”คนเสื้อแดง” คอยแยงคอยแฉ? ไม่กี่ปีข้างหน้า ทั้งป่าและอุทธยานจะเป็นของ ”อำมาตย์ขี้โกง” และโครเง่ามัน!!.....

- เห็นใจ พล.ต.ต.มิสกวัน บัวรา ผู้การกองปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ผบก.ปทส.)
เป็นแค่ “พลตำรวจตรี” จะไปกล้าหืออือทำอะไรมาก? เพราะรู้อยู่?? เรื่องนี้ “ใครหนุนหลัง??”....

- เริ่มวันนี้ที่โคราช ฐานทัพใหญ่ ของ “มหาประชาชน” ที่แดงทั้งแผ่นดิน เป็นงานหนักของ “แรมโบ้อีสาน” สุภรณ์ อัตถาวงศ์ กับ
ขุนศึกจากขอนแก่น ขวัญชัย ไพรพนา ยุทธการ “ป่าล้อมเมือง” เริ่มแล้ววันนี้ ถึง 12 มีนาคม หมุนเวียนวอร์มอั๊พกล้ามเนื้อกันทุกภาค!!....

- ข่าวที่เป็นอัปมงคงอย่างยิ่งของประเทศไทยซึ่งมี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี คือ “คำประกาศ” เหมือนสนุกปากของ
สุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งบอก “รัฐมนตรีที่กลัวตายทั้งหลาย” ใครอยากได้ “รถยนต์กันกระสุน” ให้ขอกันมาได้....

- “เทพเทือก” พูดเหมือนงบประมาณแผ่นดินทุกบาทของประเทศนี้เป็นของรัฐบาลผสมเทียมจากค่ายทหาร ? ประกาศเต็มปากเต็มคำ
เพิ่งได้งบมา 40,000 ล้าน ไว้ซื้อ รถยนต์กันกระสุนให้กับ คณะรัฐมนตรีที่มีคนเกลียดชังมากที่สุดในประวัติความเป็นชาติ!!
มาร์ค-เทือก-กรณ์ ประเทศนี้โชคไม่ดีที่มีคุณ!!...


ที่มา.konthaiuk
โดย.กุหลาบพิษ
***************************************************************************

สู้-ไม่สู้ก็ตาย !!

หนึ่งต่อเจ็ด..หนังของ ส.อาสนะจินดา ที่ว่าโหดเหี้ยม กระเทียมดองแล้ว..เพราะ “หนึ่งคน” ถูก “เจ็ดคน” รุมกระทืบอย่างซาดิสม์!!
ก็..ยังไม่เท่า “ทักษิณ ชินวัตร” ที่โดนฟัดอยู่ในขณะนี้

“เหมาะ เชิงมวย” แค่ชิล-ชิล..ไม่ได้ครึ่งของ “แม้ว เชิงตะกอน” หรอกจะบอกให้..ถูกไล่บี้ -ไล่เบียดจนบู้บี้บุบบิบในที่สุดก็กลายเป็น
“ขนมบ้าบิ่น” แบบอัตโนมัติ!!

“ทรัพย์สิน” โดน ยึดไปจนแทบหมดเก๊ะแล้ว..ยังจะ “งาบ” ต่อไปเอาให้ถึงชีวิต ใครจะไปทนได้..

นี่ “ทักษิณ ชินวัตร” นะครับ ..ไม่ใช่ “ทักษิณ แจ่มผล” ที่โลดโผนอยู่บนแผ่นฟิลม์ เมื่อเล่นหนังจบก็จบกันไป..

แต่..นี่คือ ของจริง “หนังชีวิต” ล้วนๆ สุภาษิตไทยบอกไว้ว่า “ไฟพิสูจน์ทอง ความอดทนพิสูจน์คน”แม้ว พเนจร ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความอดทนอดกลั้นมามากแล้ว..ว่าตัวเขาเอง “เจ็บปวด รวดร้าว” ขนาดไหน??

รวมหัวกันทำการปฏิวัติ เพื่อไล่เขาออกไปจากการเป็น “รัฐบาล” ในขณะที่ประชาชนอยู่ดีกินดีทั้งที่เข้ามาตามตรอก ออกตามประตู ..
ชนะการ “เลือกตั้ง” ด้วยเสียงของประชาชนเนื้อๆ จนกระทั่งสามารถตั้ง “รัฐบาล” จากพรรคเดียวได้อย่างสง่าผ่าเผย ซึ่งไม่เคยมีให้เห็น
มาก่อนในประเทศนี้!!

ทุกวันนี้ตาม “จองล้าง จองผลาญ” ข้ามชาติ..ไม่ยอมให้มีที่นั่งที่ยืนบนผืนโลก “หมาจนตรอก” มีปฏิกิริยาอย่างไร? ..
“ทักษิณ” ก็เป็นเยี่ยงนั้น!!

จึงไม่น่าจะแปลกใจว่า ..ทำไม “คนเสื้อแดง” จึง มากขึ้น-มากขึ้น แบบทวีคูณอย่างไม่หยุด..เพราะคนไทยเห็นความ “อยุติธรรม”
แล้วทนไม่ได้

พวกเขาไม่ได้คิดว่า ทักษิณ เป็น “พระเจ้า”..แต่เขาเชื่อว่า “ทักษิณ” จะเป็น “ผู้เดียว” ที่นำพาประเทศชาติให้ไปรอดและกลับคืน
ความอยู่ดีกินดีมาให้แก่พวกเขาได้

เพราะ ทุกวันนี้ ประชาชนก็เหมือนอยู่ในหลุมแห่ง “ความตาย” กลบอยู่แล้ว เมื่อสู้ก็ “ตาย” ไม่สู้ก็ “ตาย”..ขอสู้ซะก่อนแล้วค่อยยอมตาย..
ตายซะก่อนแล้วค่อยยอมแพ้.. “คนเสื้อแดง” เขาคิดอย่างนั้น เอาเถอะรอดูไม่เกินสิบวันรู้ผล!!


ที่มา.konthaiuk
โดย.หนุ่ม ชิงชัย
***************************************************************************

หยั่งกะ ‘ห่าลง’

“ชั่ว” หรือก็ปรากฏ... “เลว” ผุดขึ้นมาหมด เพื่อไล่บี้ไล่บด เอากับ “อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร” ผู้ซื่อตรง??
ยังไม่หนำใจ และพอใจ กับการ “ชักใย” เล่นงาน “อดีตนายกฯ ทักษิณ” เสียจนคางเหลือง
“กลุ่มอีแร้ง” หัวล้าน หัวเถิก หัวเหม็น ยังลงปฏักช่วยกันลงแขก เพื่อยึดทรัพย์ อีก “๓๐,๐๐๐ ล้านบาท” ให้เกลี้ยงไม่เหลือสักเก๊...
ตาม “ใบสั่งใบออเดอร์” ของ “อำมาตยาธิปไตย” และ “กลุ่มการเมือง” เมื่อผู้ถูกกระทำ โดนย่ำยี เชิดหน้ายืดอก ต่อสู้ทวงถาม
ความชอบธรรมอันดี ตามระบบสากลโลกอันดีงาม..ก็ถูก. “ขบวนการปากหมา” ที่รับใช้ “ขันทีเฒ่า” และ “เผด็จการพลเรือน” ให้หุบปาก...
โดยกลุ่มตัวเองนั้น ใช้ความ “เจ้าเล่ห์-เพทุบาย” ที่จะ “ริบทรัพย์” ไม่ให้เขาเหลือเป็นทุน!! ใช้อำนาจอย่างน่าเกลียด....ตั้งโจทย์ขึ้นมา
ยัดเยียด?....กระเดียด “ทำตามใบสั่ง” ดีจังนะพวกคุณคุณ ?
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

‘คุณธรรม’ โดดเด่น!!!!

แต่พฤติการณ์ ไม่ยักจ๊วบ ไม่ยักเช้งกะเด๊ะ อย่างที่เห็น?? ปักใจเชื่อ เมืองไทย ไม่ใช่บ้านป่าเมืองเถื่อน การเข่นฆ่า ใช้ความรุนแรง
ไม่ได้เกิดขึ้น...เป็นเสียงเบิ้ลระรัวน้ำลาย มาจาก “มาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีผู้อวดความยิ่งใหญ่ “วัฒนธรรมไทย”
โดยเฉพาะ “นักรบไร้ดาว ชาวเสื้อแดง” เขาไม่ทำเรื่องนอกกรอบ...ยึดหลักอสิงหา ตามสูตรแห่งความเป็นประชาธิปไตย และ
“วัฒนธรรมไทย” ก็ไม่มี “นักการเมือง” คนไหน?..ที่ขาดสติ หงี่จนตัวสั่น อยากได้อำนาจการเมือง อย่างไม่รู้ผิดรู้ถูก....
พา “ลิ่วล้อสอสอสอจอมสอพลอ” ไปให้กำลังใจ “โจรก่อการร้าย” ถึงทำเนียบรัฐบาล.....โดย “ฝ่ายการเมือง” ไม่น่าเข้าไปเชิดชู
“พวกถ่อย” ฉะนั้น, “พวกหนุนโจรก่อการร้าย”.....ก็แสนเลวบรรลัย?....ดูไปเข้าข่ายชั่วไม่น้อย??

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


‘ไทเกอร์ วู้ด’ ชิดช้าย!!!

เรื่อง “ผิดผัว-ผิดลูก-ผิดเมีย” แล้วล่ะก้อ... “นักการเมือง” ของเรา ไม่เคยแพ้ใคร??? ที่ “เทพเทือก” สุเทพ เทือกสุบรรณ
รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง แหกปากจนหูแทบฉีก ให้ “รัฐมนตรี” ช่วยกันระวัง “ครอบครัว” โดยเฉพาะ “ลูกและเมีย” จะถูกรวบตัว
ซิวตัวไป โดนเล่นงานหนักดู “เทพเทือก” จะห่วงบ้านหลวง ประตูใหญ่....ส่วน “กิ๊กเมียน้อย” หรือ “กิ๊กเมียเก็บ” ท่านไม่นำพา จริงๆ
ให้ตายชักอย่าลืมว่า เรื่องเลี้ยงดูปูเสื่อ “ประตูหลัง” ประเภท “เมียน้อย” และ “เมียเก็บ” ที่มีลูกด้วยกันนั้น “นักการเมืองไทย” มีให้ยุ่บยั่บ!!!!!
นักการเมืองเรานั้น มิใช่ย่อย....หลงเสน่ห์ “ผืนนาแปลงน้อย”?.....เลี้ยงต้อยเป็นบ้าเป็นหลัง อยู่ตั้งหลายคนละครับ???

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


เอาดีต่อหน้า!!

ช่วยเหลือ “ชิลี” ที่ “สึนามิ” เข้าถล่ม และ คร่ากลืนชีวิตเพื่อนมนุษย์ เขาใครก็ไม่ว่า? แต่คนไทย ลูกไทย หลานไทย
ซึ่งเป็นกระดูกสันหลังพันธุ์แท้ อย่างกับ “ชาวนาไทย” ทำไม “รัฐบาลมาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ถึงได้งอมือง้อเท้า เสียสนิท
“ข้าวเปลือก” ตกต่ำ “ชาวนา” น้ำตาตกในชีวิต “อภิสิทธิ์” ช่วยเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ก็ทำไป...แต่นี่ลืมชะตากรรม ชีวิตชาวนาไทย
ปล่อยให้เขาทนวิบากกรรม กับการ “บริหารงานไม่เป็นของท่าน” จนเขาพากันเจ็บช้ำระกำ!!!
ช่วยเพื่อนมนุษย์เป็นสิ่งดี....แต่ไม่ควรละทิ้งชาวนาเช่นนี้?.....เป็นเรื่องไม่ดีที่ “อภิสิทธิ์” ไม่ควรทำ???

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด!!

แต่เพื่อความขาวสะอาด เป็น “โอโม่” จึงต้องทำเรื่องนี้ ให้ขาวหมดจด??? ดังนั้น “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” อดีต รมว.กระทรวงศึกษา
ที่แหย่ขาโยกย้ายไปเป็น “รมว.สาธารณสุข” อย่าได้กินแหนงแคลงใจ ในตัว ของ “ชินวรณ์ บุณยเกียรติ” เจ้ากระทรวงเสมาธรรมจักรคนใหม่
ไปเลยที่เขาสั่ง “เช็คบิล” ตรวจสอบทุกโครงการ เพื่อความ สง่าผ่าเผยเพราะก่อนหน้านี้ “กระทรวงศึกษาธิการ” โดนเล่นงานอย่างจั๋งหนับ
ในโครงการไทยเข้มแข็ง ที่มีการ “งาบ” จนเรื่องแดง และอื้อฉาว??? ที่ต้องชิงสอบให้กระจ่าง.... “รัฐมนตรีชินวรณ์” ไม่อยากพัง?...
เพราะไม่เคย รับสะตุ้งสะตังค์ จากใครเขา??


ที่มา.konthaiuk
โดย.การบูร
*****************************************************************************

‘บิ๊กจิ๋ว’ติงมีบัญชีดำพระเถระผู้ใหญ่


นายหลิว เจียยิ (Liu Jieyi ) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวิเทศสัมพันธ์ พรรคคอมมิวนิสต์ สาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมคณะ ได้เดินทางเข้าพบพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย เพื่อหารือถึงการบริหารประเทศในฐานะพรรคฝ่ายค้าน โดยใช้เวลาหารือกันประมาณ 20 นาที ต่อมา

พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กล่าวถึงข่าวหน่วยงานมั่นคงขึ้นบัญชีดำ 212 คนที่สนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งมีรายชื่อของพล.อ.ชวลิต รวมอยู่ด้วยว่า ไม่มีปัญหา แต่สิ่งที่ไม่น่าเกิดขึ้นคือการไปใส่รายชื่อพระเถระชั้นผู้ใหญ่อยู่ในบัญชีด้วย จริงเท็จเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่ไม่ควรเอาชื่อไปใส่ มันไม่เหมาะ ไม่ว่าจะขัดแย้งอะไรก็ไม่ควรทำ น่าสงสารท่าน "พอมีรายชื่อออกมา พวกเราก็ไปว่ารัฐบาลจะมาขจัดพวกเรา คิดว่าคงไม่ถึงขนาดนั้น แต่อาจแยกบุคคลพวกนี้เพื่อเฝ้าดูพฤติกรรม ไม่ใช่เจอแล้วฆ่าทิ้ง คงไม่ใช่อย่างนั้น"

เมื่อถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตว่าการขึ้นบัญชีดำ อาจเชื่อมโยงการเคลื่อนไหวชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 12 และ 14 มี.ค.นี้ พล.อ. ชวลิต กล่าวว่า คงไม่เกี่ยวกับการชุมนุม เชื่อว่าจะไม่เกิดเหตุรุนแรงหรือมีอะไรให้หนักใจแก่บ้านเมือง เพราะแกนนำนปช.ประกาศจะยึดแนวทางอย่างสันติ

เมื่อถามถึงเหตุปาระเบิดทั้งในกทม.และจังหวัดชายแดนภาคใต้จะเชื่อมโยงประเด็นการเมืองหรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า พูดกันไปเยอะ บางคนบอกว่าเขียนบทไว้แล้ว ต้องมีคนแสดงตามบท เป็นเรื่องธรรมดา

เมื่อถามว่าสัปดาห์นี้ควรเฝ้าระวังอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า คงไม่มีอะไร อย่าตื่นตระหนก เพราะคนเสื้อแดงประกาศไว้ชัดว่าประชาชนมีสิทธิ์มีอำนาจชุมนุมเพื่อขจัดความแตกต่างตลอดจนเรื่อง 2 มาตรฐาน ตรงนี้เป็นประเด็นสำคัญ และดำเนินอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

เมื่อถามว่าจำเป็นต้องพูดคุยกับแกนนำคนเสื้อแดงหรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่าได้คุยกับแกนนำเสื้อแดงอยู่ตลอด เชื่อว่าไม่มีปัญหา หากช่วยกันคนละไม้ละมือ

เมื่อถามถึงแกนนำคนเสื้อแดงเตรียมล่ารายชื่อประชาชนเพื่อยื่นถอดถอน 9 องค์คณะผู้พิพากษาคดียึดทรัพย์ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องแปลก เนื่องจากเป็นกลไกตามระบอบประชาธิปไตย



ที่มา..พรรคเพื่อไทย
*******************************************************