--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2553

** หลายชาติยินดี รับรอง'รัฐบาลพลัดถิ่น' 'จักรภพ'โผล่แนะเสื้อแดง! **


"ทักษิณ" บอก มีหลายประเทศพร้อมรองรับ “รัฐบาลพลัดถิ่น” แต่เป็นประเทศที่ไม่เจริญทั้งสิ้น
ทั้ง “เขมร-นิการากัว-สวาซีแลนด์-บาฮามาส-มอนเตเนโกร” ลั่นถ้ามีปฏิวัติอีก ประเทศลุกเป็นไฟแน่
ขณะที่ “จักรภพ” โผล่แนะ “เสื้อแดง” ไปชุมนุมที่เขมร เพื่อ “นายใหญ่” จะได้มานำทัพด้วยตัวเอง

วันที่ 25 ม.ค. 2553 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านล็อกอิน thaksinvoice
ผ่านโปรแกรมทวิตเตอร์ ว่า "พี่น้องไม่ต้องกังวลเรื่องรัฐบาลพลัดถิ่นของผม เพราะมีหลายประเทศพร้อมให้การรับรอง เช่น
กัมพูชา นิการากัว สวาซีแลนด์ บาฮามาส มอนเตเนโกร ฯลฯ"

พร้อมกันนี้ยังได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับกระแสข่าวการปฏิวัติรัฐประหารว่า "ผมขอประณามการรัฐประหาร มันเป็นการทำลาย
ประชาธิปไตยที่ชั่วช้าที่สุด หากมีใครคิดปฏิวัติอีกครั้ง ประเทศลุกเป็นไฟแน่เพราะประชาชนจะไม่ยอมอีกต่อไป"

ขณะที่นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็โพสต์ข้อความผ่าน jakrapobpengay ระบุว่า
“เราอาจจะขออนุญาตฮุนเซน ให้คนเสื้อแดงเข้าไปชุมนุมในเขมร ซึ่งท่านนายกทักษิณของเราจะได้มานำทัพคนเสื้อแดงสู้อำมาตย์
ด้วยตัวเอง”

สำหรับประเทศต่างๆ เหล่านี้ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศว่า พร้อมที่จะรับรองรัฐบาลพลัดถิ่นนั้น จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นจาก
"วิกิพีเดีย" พบว่า

กัมพูชา หรือชื่อทางการคือ "ราชอาณาจักรกัมพูชา" เป็นประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีพรมแดนทางทิศใต้จรดกับอ่าวไทย
ทางทิศตะวันตกติดกับประเทศไทย ทางทิศเหนือติดกับประเทศไทยและลาว ทางทิศตะวันออกติดกับเวียดนาม กัมพูชาเป็นอดีตประเทศ
อาณานิคมของฝรั่งเศส ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพียงแค่ประเทศเดียวเท่านั้น ที่มีการปกครองด้วยระบอบราชาธิปไตยภายใต้
รัฐธรรมนูญ

นิการากัว (Nicaragua) หรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐนิการากัว (Republic of Niguaragua) (สเปน: República de Nicaragua)
เป็นประเทศที่มีพื้นที่มากที่สุดในอเมริกากลาง แต่มีความหนาแน่นของประชากรน้อยที่สุด มีอาณาเขตทางเหนือจรดประเทศฮอนดูรัส
ทางใต้จรดประเทศคอสตาริกา ชายฝั่งตะวันตกจรดมหาสมุทรแปซิฟิก ส่วนชายฝั่งตะวันออกจรดทะเลแคริบเบียน ชื่อของประเทศมาจาก
การสนธิระหว่างคำว่า นีการาโอ (Nicarao) เป็นชื่อชนเผ่าพื้นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดขณะที่ชาวสเปนมาถึง

สวาซีแลนด์ เป็นประเทศหนึ่งในภูมิภาคแอฟริกาใต้ซึ่งเป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล มีอาณาเขตติดกับประเทศเพื่อนบ้านขนาดใหญ่
คือ แอฟริกาใต้ และ โมซัมบิก โดยในปี 2520 สมเด็จพระราชาธิบดีโซบูซาที่ 2 (Sobhuza II) ทรงเปลี่ยนการปกครองเป็น
ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ตราบถึงทุกวันนี้ (Queen Mother มีหน้าที่ในการสำเร็จราชการแทนองค์กษัตริย์)

บาฮามาส (The Bahamas) หรือ เครือรัฐบาฮามาส (Commonwealth of The Bahamas) เป็นประเทศตั้งอยู่ใน
มหาสมุทรแอตแลนติก ทางตะวันออกของรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา อยู่ทางตอนเหนือของประเทศคิวบาและทะเลแคริบเบียน
ชื่อของประเทศมาจากภาษาสเปน คำว่า baja mar มีความหมายว่า "ทะเลน้ำตื้น" เศรษฐกิจของประเทศมากกว่าร้อยละ 60 ของจีดีพี
มาจากธุรกิจการท่องเที่ยว ส่วนที่เหลือมาจากอุตสาหกรรมการเกษตร

มอนเตเนโกร (อังกฤษ: Montenegro) (เซอร์เบีย: Црна Гора; Crna Gora) หรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐมอนเตเนโกร
(Republic of Montenegro) เป็นประเทศเอกราชประเทศใหม่ล่าสุดของโลก ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปยุโรป
มีอาณาเขตจรดทะเลเอเดรียติกและโครเอเชียทางทิศตะวันตก จรดบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาทางทิศเหนือ จรดเซอร์เบีย
ทางทิศตะวันออก และจรดแอลเบเนียทางทิศใต้
ในอดีต มอนเตเนโกร มีสถานะเป็นสาธารณรัฐในสหพันธ์สาธารณรัฐสังคมนิยมยูโกสลาเวีย และต่อมาได้เป็นส่วนหนึ่งในสหภาพ
การเมืองของเซอร์เบีย-มอนเตเนโกร หลังจากมีการลงประชามติเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 มอนเตเนโกรก็ได้ประกาศเอกราช
ในวันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2549 ตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน มอนเตเนโกรได้รับการกำหนดให้เป็น
"รัฐประชาธิปไตย สวัสดิการ และสิ่งแวดล้อม"

ที่มา:konthaiuk.com
*************************************************************

วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2553

พท.เตรียมยื่น ป.ป.ช.ชี้มูลคดีใกล้หมดอายุความ


นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการวินิจฉัยคดีของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) 5 เรื่อง ประกอบด้วย คดีองค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.)

ที่มี นายธารินทร์ นิมมานเหมินทร์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหา, คดีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ เรื่องทุจริตยางพารา, คดีที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์,
คดีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ส่ง SMS มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท และคดีคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ( คตส.) ว่า ป.ป.ช.ออกมาแถลงว่าคดีทุจริตยางพาราของนายจุรินทร์มีข้อมูลพร้อมแล้ว จะชี้มูลได้ภายในเดือนมกราคมนี้ ซึ่งเวลานี้ใกล้ครบกำหนดหาก ป.ป.ช.ไม่เร่งดำเนินการคดีแล้วเกิดความเสียหายแก่ประเทศชาติอย่างมาก เพราะหลายคดีใกล้จะขาดอายุความ

ดังนั้นในวันพุธที่ 27 มกราคมนี้ เวลา 10.00 น. ตนเองจะยื่นหนังสือทวงถามความคืบหน้า ป.ป.ช. ทั้ง 5 กรณีดังกล่าวว่าจะพิจารณาชี้มูลเสร็จสิ้นทันเดือนมกราคมหรือไม่ ซึ่งการวินิจฉัยสำนวนคดีของ ป.ป.ช.ต้องดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา อย่าสร้างมาตรฐานใหม่ ตัวอย่างการวินิจฉัยสำนวนคดีการสลายชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ด้วยว่า ที่คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ( ก.ตร.) มีมติว่า ข้าราชการตำรวจ 3 นาย ประกอบด้วย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น. และพล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์ ไม่มีความผิดวินัยร้ายแรงฐานทุจริตต่อหน้าที่ตามที่ ป.ป.ช.ชี้มูลนั้น

แสดงให้เห็นว่ากระบวนการและเหตุผลการวินิจฉัยของ ป.ป.ช.อาจมีข้อบกพร่อง ขอเรียกร้องให้ ป.ป.ช.ยึดหลักกฎหมาย และความเที่ยงธรรมในการพิจารณาคดี อย่าสร้างมาตรฐานใหม่ที่ไม่เคยมีในระบอบกฎหมายของไทยมาใช้ในการไต่สวนและชี้มูลความผิด และอย่ายื้อเวลาพิจารณาสำนวนสำคัญที่จะเอื้อประโยชน์ให้ใคร

เหลิม ฉะ กกต. ท้าอภิชาติ ยกคำร้องยุบปชป.


เฉลิมปูด ปชป.เอาเงิน กกต. ไปหาเสียงเลือกตั้ง ผู้ว่ากทม. เผยเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจอภิสิทธิ์-กษิต ท้ามาร์คยุบสภา ถ้าสนธิ ลิ้มทองกุลได้เสียงข้างมากก็เป็นนายกฯ ไป

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย เดินทางมายังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ถนนแจ้งวัฒนะ เพื่อมาให้ถ้อยคำต่อคณะอนุกรรมการในกรณีถูกร้องเรียนว่าปราศรัยหาเสียงระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย

โดย ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า สมัยที่ตนไปหาเสียงให้พรรคเพื่อไทย ที่ จ.สกลนคร ตนได้ปราศรัยแบบประชดประชันเพราะพรรคเพื่อไทยถูกดูหมิ่น ดูแคลนจากฝ่ายการเมืองหลายพรรคว่าเป็นพรรคหัวขาด เป็นพรรคไม่มีหัวหน้าพรรค เป็นพรรคที่เดินหน้าต่อไปไม่ได้ ตนจึงได้พูดประชดไปว่าไม่ต้องมาถามหาหัวหน้าพรรคหรอกเพราะหัวหน้าพรรคอยู่ที่นครดูไบ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะข้อแรก พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกศาลสั่งจำคุก 2 ปี ข้อที่สองท่านพำนักอยู่ต่างประเทศ และสามท่านถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง 5 ปี

“สิ่งที่ผมได้ปราศรัย มันเป็นข้อเท็จจริงที่เป็นไปไม่ได้ เหมือนกรณีที่ศาลฎีกาเคยมีคำพิพากษาว่า จำเลยกล่าวหาโจทก์ว่าโง่เหมือนควาย ศาลก็บอกว่าไม่ผิดฐานหมิ่นประมาท เพราะคนจะเป็นควายไม่ได้ ซึ่งนี่ก็เช่นเดียวกัน จะไปพูดยังไงก็ไม่มีใครเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยตัวจริง เพราะโดยทางนิตินัย ท่านยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ ท่านเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยอยู่ และที่สำคัญ ผมก็เห็นหลายคนที่ถูกเว้นวรรคทางการเมือง ก็ไปกอดกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตั้งรัฐบาลชุดนี้”

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ ก็ได้เข้าไปพบผู้ถูกเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งไม่ว่าจะเป็นนาย บรรหาร ศิลปอาชา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ และได้กอดกลมดิกกับนายเนวิน ชิดชอบ ก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร แต่พอตนปราศรัยเกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมีคนมาร้องเรียน ซึ่ง กกต. ก็ต้องทำตามหน้าที่จึงได้เรียกมาสอบสวน เช่นเดียวกับ กรณีพ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอิน วีดีโอลิงค์เข้ามาที่พรรคเพื่อไทย โอ้โหจะเป็นจะตายจะยุบพรรคเพื่อไทย แล้วทีผู้ถูกตัดสิทธิ์ฯ ที่อยู่ในพรรคร่วมประชุมกันเรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ กลับไม่มีคนมาร้องเรียนทั้งที่ชัดเจนมากกว่ากรณีพรรคเพื่อไทย

ก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โทรมาปรับทุกข์ผูกมิตรให้กำลังใจสมาชิกพรรคและ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า พรรคพลังประชาชนเคยโหวตโนแสดงความไม่เห็นด้วยกับ รธน. 50 ไปแล้วเท่านี้กลับมีคนจะเป็นจะตายจะยุบพรรคเพื่อไทย ก็แบบนี้สังคมจะอยู่ไม่ได้เพราะ อีกฝ่ายทำอะไรได้หมด ไปประชุมกันที่บ้านพิษณุโลก โดยอภิสิทธิ์เป็นประธาน เปิดโรงแรมสามรอบสิบรอบ กินข้าวกันกลับทำได้ไม่เป็นอะไร ทีพรรคเพื่อไทยทำไม่ได ก็จะได้รู้กันว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ว่าไป

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า กรณีเงิน 258 ล้าน ที่พรรคประชาธิปัตย์ รับจากบริษัท ทีพีไอ จำกัดมหาชน ผ่านนอมินี บริษัทเมซไซอะ และเงิน 29 ล้านจาก กกต. แท้ๆ ซึ่งนายประจวบ สังข์ขาว ก็บอกแล้วว่า เงินที่จ่ายมาไม่ได้ทำป้ายหาเสียง แต่พรรคประชาธิปัตย์ขอร้องให้นายประจวบ ออกบิลให้ กกต. กลับไม่ดำเนินการโดยเร็ว

“ผมขอฝากไปยังนายอภิชาต ประธาน กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ขอให้อ่านสำนวนที่ดีเอสไอส่งมาโดยละเอียด เพราะผมไม่ใช่คนร้องเรียนเรื่องยุบพรรคประชาธิปัตย์ แต่ดีเอสไอได้สอบสวนพบ ว่ามีการกระทำผิดพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ จึงได้ดำเนินคดีไปส่วนหนึ่ง และเมื่อพบว่าพรรคประชาธิปัตย์รับเงินบริจาคแล้วไม่แจ้งและพบว่าพรรคประชาธิปัตย์เอาเงิน กกต.ไปใช้ผิดประเภท จึงได้แจ้งมายัง กกต. ถ้าอย่างนี้ประธาน กกต.ยังอ่านกฎหมายไม่รู้ดูกฎหมายไม่เป็น บ้านเมืองมีปัญหาแน่ ผมบอกเลยว่าผมไม่เคยเล่นการเมืองนอกสภา แต่ถ้า กกต. ละเลยเรื่องอย่างนี้ แล้วมาเข้มงวดกวดขันกับพวกผม อะไรเกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย อะไรเกี่ยวกับพ.ต.ท.ทักษิณ ละไม่ได้ ไอ้อย่างนี้มันไม่ยุติธรรม ผมขอถามว่าทำไมนายอภิชาต ไม่เรียก ดีเอสไอ มาสอบว่าเพราะอะไรจึงมากล่าวโทษให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ ทำไมไม่เรียกกรมสรรพากร มาตรวจสอบว่านายประจวบได้ออกบิลเท็จออกใบกำกับภาษีปลอมจริงไหม เพราะนายประจวบได้รับสารภาพแล้ว”

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวด้วยว่า ประธานกกต. อ่านกฎหมายไม่รู้เรื่องหรือ ทั้งที่เงิน 29 ล้าน เป็นเงิน กกต.แท้ๆและนายประจวบก็บอกว่าไม่ได้มีการเอาเงินไปทำป้ายหาเสียงอะไร

“ที่สำคัญที่สุด ดีเอสไอเขาสอบชัดว่าเงินจากทีพีไอ เอามาทำป้ายหาเสียงเลือกตั้ง สก.สข. เอามาทำป้ายรณรงค์เลือกตั้งผู้ว่ากทม. นี่มันเป็นการประเมินทรัพย์สินอันสามารถประเมินได้ ว่าประชาธิปัตย์ได้ประโยชน์ ทีอย่างนี้โอ้เอ้วิหารลาย สักวันหนึ่งเขาจะมาด่าหน้า กกต.อีก ขอให้ตัดสินใจไปเลย เพราะนานแบบนี้คนเขาก็ติฉินนินทา เกิดความเสื่อม” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว

ร.ต.อ. เฉลิม กล่าวต่อไปว่า ที่สำคัญที่สุด ตนคิดว่านายอภิชาต ก็ความจำเสื่อม เพราะในอดีตเคยมีผู้พิพากษาผู้ใหญ่คนหนึ่งซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว เคยมาบอกตนว่านายอภิชาต เป็นคนดี และเสนอให้เป็นอธิบดีศาลอุทธรณ์ภาค 5 ที่ จ.เชียงใหม่ ตนในฐานะรมว.ยุติธรรมในขณะนั้น ก็นำเสนอให้เข้าคณะกรรมการตุลา การ หรือ กต. เมื่อ กต.อนุมัติเห็นชอบ ตนก็เห็นชอบตาม ไม่ได้วีโต้ แต่นายอภิชาต กลับบอกว่า รมว.ยุติธรรม สมัยตนมีหน้าที่แค่นำรายชื่อกราบบังคมทูลเท่านั้น ทั้งที่สมัยนายอนันต์ มีเรื่องทะเลาะเกือบจะมีฆ่ากันตายเพราะรมว.ยุติธรรมไม่เห็นด้วยกับ กต.

“นายอภิชาต แหมม ให้สัมภาษณ์ลอยหน้าลอยตาบอกว่า บอกว่า โอ้ย ไม่เคยมาวิ่งเต้น คุณไม่เคยมาวิ่งเต้นกับผมหรอก แต่มีคนมาบอกผมว่าคุณเป็นคนดี และผมไม่ได้มีหน้าที่แค่นำความกราบบังคมทูล ไอ้ตรงนี้ไงความจำเสื่อม เลยทำให้ยุ่งไง ” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวและว่า ตนฝากบอกนายอภิชาตว่าอย่าพูดแต่เรื่องเงิน 258 ล้าน แต่ขอให้ตรวจสอบเงิน 29 ล้านบาทที่ประชาธิปัตย์เอามาจาก กกต. โดยขณะนั้นนายอภิสิทธิ์ ก็เป็น กรรมการบริหารพรรคตอนขอเงินด้วย ซึ่งตนจะนำเรื่องนี้มาอภิปรายไม่ไว้วางใจอีกรอบ

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวด้วยว่า ตนขออวยพรให้นายอภิชาต หายจากโรคความดันและอย่ามีโรคใหม่คือโรคดันทุรัง ตนเคยชื่นชมชื่นชอบนายอภิชาต และไม่คาดคิดคนเป็นอดีตผู้พิพากษาจะบอกว่ารมว.ยุติธรรมสมัยนั้น ไม่มีหน้าที่อื่นนอกจากนำความกราบบังคมทูล พูดออกมาได้ยังไง ถ้าอยู่ใกล้ๆ จะเอาไม้เรียวเฆี่ยนก้นสัก 3 ที พูดมาได้ยังไงสะเปะสะปะ

เมื่อถามว่า กรณีประธานกกต.ระบุว่ายังไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะยุบพรรคประชาธิปัตย์ จึงอยากให้พรรคเพื่อไทยนำข้อมูลมาให้เพิ่มเติม ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า อย่ามาเอาข้อมูลจากตนเพราะตนให้ไปหมดแล้ว และคนที่ร้องเรื่องนี้คือดีเอสไอ ตนถือว่าที่นายอภิชาตพูดแบบนี้แสดงว่าไม่มีความรับผิดชอบ แสดงว่าอ่านสำนวนไม่สะเด็ดน้ำ เพราะคนกล่าวโทษเรื่องนี้คือดีเอสไอ กกต.ทำไมไม่เรียกคนที่เกี่ยวข้องมาสอบ ไม่ต้องรอสามวันเจ็ดเพราะแค่ชั่วโมงเดียวก็ก็จบแล้ว ไม่ต้องรอเรียกตน

ผู้สื่อข่าวถามว่าถ้าหากประธาน กกต.ไม่ได้ข้อมูลเพิ่มเติมและยืนตามมติเดิมคือให้ยกคำร้อง ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ก็เป็นเรื่องของท่านไม่ใช่เรื่องของตน

“ถ้าท่านทำผิด ท่านก็เตรียมเข้าคุก ถ้าทำถูกก็ปลอดภัย ซึ่งปกติเมื่อท่านเป็นนายทะเบียน ท่านสวมหมวก 2 ใบนะ ถ้านายทะเบียนรับคำร้องแล้วเห็นว่า ไม่มีมูล ก็ยกคำร้องไปเลย จะเอาไปเข้าที่ประชุมกกต.ทำไม เพราะเมื่อเอาเข้าที่ประชุม กกต.รับรู้แล้วก็ตั้งอนุฯ ซึ่งอนุฯ บอกไม่ผิด ที่ประชุมกกต.ก็ต้องตัดสิน ไม่ใช่ให้เอากลับมาที่ท่านใหม่อีกรอบ ทำงานยังไงกันเขาถึงด่ากันทั้งบ้านทั้งเมือง”

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวด้วยว่า กรณีการร้องเรียนให้ยุบพรรคการเมือง ไม่มีครั้งไหนที่พยานแวดล้อมชัดเจนเท่าครั้งนี้ที่ร้องให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะพยานเอกสาร พยานบุคคล

“เอาเถอะน่า ถ้ากกต.แน่จริง ก็ยกคำร้องสิ กล้าๆหน่อย อย่ามาเก็บเอาไว้เฉยๆ สุด ท้ายก็เสื่อม ไม่มีคนเชื่อถือ วันนี้ไปไหนเนี่ยต้องหลบๆ ซ่อนๆ แล้ว เพราะอะไรก็รู้อยู่เต็มอก ผมถามว่าคุณเชื่อดีเอสไอไหม ถ้าเชื่อก็เรียกเขามาถามว่าบ้าหรือเปล่าทำไมร้องประชาธิปัตย์ เรียกสรรพกรมาถามว่านายประจวบทำบิลปลอมจริงไหม ก็จบแล้วเขาเป็นหน่วยราชการ แน่จริงยกสิ แล้วผมจะทำอะไรให้เห็นบ้าง งานนี้ไม่มียอม ไม่ใช่ข่มขู่นะแต่ มีเอกสารหลักฐานทั้งหมด ถ้ายกคำร้องยุบพรรคประชาธิปัตย์ ก็ขอให้ยุบดีเอสไอไปด้วย”

เมื่อถามว่ามีการวิ่งขอไม่ให้ยุบประชาธิปัตย์หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่าตนไม่ทราบว่าวิ่งร้อยเมตรหรือพันเมตร

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ทางพรรคเพื่อไทยเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายอภิสิทธิ์ และนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ส่วนกระทรวงที่ทุจริตมากที่สุด ถ้าจะตรวจสอบว่าใครทุจริตมากกว่ากันต้องวัดเป็นความดันโลหิต ระหว่างกระทรวงพานิชย์และกระทรวงคมนาคม สูสีจริงๆ ส่วนจะเอาใครเดี๋ยวจะบอกส่วนจะอภิปรายใครเพิ่มหรือไม่ ยื่นตอนไหนทางพรรคจะมีการหารืออีกครั้ง

เมื่อถามว่าหากมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีเกิดขึ้น ได้เตรียมชื่อนายกรัฐมนตรีคนใหม่หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตรงนี้ยังไม่พิจารณากัน คราวที่แล้วใส่ชื่อตนก็ไม่เห็นแผ่น ดินจะทรุด ส่วนพรรคจะใส่ชื่อใครก็แล้วแต่ แต่ต้องไม่ใช่คนนอกพรรค ซึ่งถ้าเห็นว่า น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ หรือ การุณ โหสกุล เหมาะก็ใส่ชื่อไปใครก็ได้แต่ต้องเป็นพรรคเพื่อไทย

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนขอเสนอแนวทางที่จะทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบสุข ว่านายอภิสิทธิ์ ต้องเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องทุกพรรคการเมือง กลุ่มเสื้อเหลือง กลุ่มเสื้อแดง พรรคการเมืองใหม่ พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ มาหารือจากนั้นให้ยุบสภาและจัดการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งถ้าผลการเลือกตั้งออกมาใครได้เสียงข้างมาก ก็ให้เป็นรัฐบาลและทุกฝ่ายต้องยุติไม่ต้องมาประท้วงกัน ถ้านายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้เสียงข้างมากก็ให้เป็นนายกฯไป ถ้าพรรคเพื่อไทยได้เสียงข้างมากก็ไม่ต้องเป็นห่วงเพราะผมหานายกฯได้

วันเสาร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2553

‘ป๋า’ กับ ‘ที่ปรึกษา’ บริษัทเอกชน!


เรื่องนี้เมื่อพิจารณาโดยผิวเผินดูเหมือนว่า...จะเป็นการก้าวล่วงไปในเรื่องส่วนตัวของ “พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์” อย่างไม่สมควรแต่หากคำนึงถึงความเป็นจริงที่ว่า พล.อ.เปรม เป็นอดีตผู้บัญชาการทหารบก อดีตรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมอดีตนายกรัฐมนตรีที่อยู่ยาวนานถึงแปดปีเป็นผู้ที่ยังมีอิทธิพลในทั้งสามเหล่าทัพ และที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดอีกอย่างก็คือ “พล.อ.เปรมติณสูลานนท์” เป็นประธานองคมนตรีดังนั้นการที่ พล.อ.เปรม ไปเป็นที่ปรึกษาของ “บริษัทเอกชน”

หลายแห่ง...จึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสาธารณชนอย่างมีนัยสำคัญยิ่งเพราะด้วยสถานภาพที่มีความใหญ่โตอย่างมากทั้งทางการเมืองและสังคมเช่นนี้...การไปเป็นที่ปรึกษาของบริษัทเอกชนย่อมส่งผลให้หน่วยงานราชการต่างๆที่บริษัทเอกชนต้องเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหรือต้องถูกตรวจสอบด้วยหน่วยงานราชการต่างๆ เหล่านั้น ต้อง“ครั่นคร้ามกลัวเกรง” อยู่มิใช่น้อยและยิ่งสังคมไทย ระบบอุปถัมภ์...ระบบเส้นสาย ยังหนาแน่นหนักหน่วงแข็งทื่อเช่นนี้แล้ว ย่อมไม่อาจจะหนีพ้น

ภาวะที่ “ไม่กล้าที่จะไปแตะต้อง”หรือทำอะไรที่ทำให้เกิดความไม่พอใจแม้เพียงเล็กน้อยให้เกิดขึ้นกับบริษัทเอกชนที่มี พล.อ.เปรมเป็นที่ปรึกษาอย่างช่วยไม่ได้ปัญหานี้จึงค้างคาใจผู้คนจำนวนไม่น้อย...แต่อาจจะไม่มีใครกล้าที่จะหยิบยกนำขึ้นมาเป็นประเด็นอภิปรายถึงความเหมาะสมหรือไม่อย่างไรมาเป็นเวลายาวนานเพราะที่เห็นทำกันอยู่ทั่วไปและนับวันจะขยายตัวมากยิ่งขึ้นก็คือการแอบสนทนากันอยู่ในมุมมืดผมเองเห็นว่า...ในขณะนี้ถึงเวลาแล้วที่ควรจะนำเอาปัญหานี้มา

สนทนาเป็นประเด็นสาธารณะให้เป็นที่แพร่หลายอย่างกว้างขวางถึงความเหมาะควรหรือไม่ประการใด?ยิ่งเมื่อนำ มาผูกโยงกับปัญหารูปธรรมในขณะนี้...ที่มีเอกชนพวกหนึ่งไปดำ เนินการออกเอกสารสิทธิ์ในพื้นที่ “เขาสอยดาว” อย่างผิดกฎหมายเพราะเป็นทั้งป่าสงวนแห่งชาติ (ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนเขาสอยดาวปี 2508) เป็นป่าสงวนและอนุรักษ์พันธ์สัตว์ป่า(ตามประกาศคณะปฏิวัติที่ 200 เมื่อ 21 สิงหาคม 2515) และเป็นป่าถาวร (ตาม พ.ร.บ. 2484)โดยยึดครองพื้นที่

ถึงกว่า 4,000 ไร่ และที่พิสูจน์ได้ชัดเจนว่าได้ออกเอกสารสิทธิ์อย่างผิดกฎหมายจำนวนไม่น้อยกว่า 482 ไร่ด้วยแล้วยิ่งแสดงให้เห็นถึงความไม่เหมาะสมที่ “พล.อ.เปรมติณสูลานนท์” จะไปดำรงตำแหน่งเป็นประธานที่ปรึกษาธนาคารแห่งหนึ่ง ไม่ว่าจะพิจารณาจากแง่มุมไหนก็ตามเพราะเอกชนกลุ่มดังกล่าวได้เข้าไปยึดถือเอาพื้นที่เขาสอยดาวที่เป็นป่าอุดมสมบูรณ์ยิ่งของประเทศไทยที่เหลือน้อยแห่งมากแล้วในขณะนี้มาเป็นของส่วนตัวและได้สร้างความเดือดร้อนให้

แก่ชาวบ้านแถบนั้น...เพราะไปสร้างเขื่อนขวางทางนํ้าที่จะไหลไปหล่อเลี้ยงชีวิตชาวบ้านอันเป็นต้นเหตุให้ชาวบ้านนำเรื่องไปร้องเรียนต่อวุฒิสภา(ปี พ.ศ.2544) แล้ววุฒิสภาก็ได้ทำการส่งเรื่องให้ กรมป่าไม้ตรวจสอบ (ปี พ.ศ.2546)ซึ่งก็พบว่า...เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ทั้งสามฉบับดังกล่าว (พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติปี 2507 ประกาศคณะปฏิวัติฉบับ 200 เมื่อ 21 สิงหาคม 2515 และ พ.ร.บ.ป่าถาวรปี พ.ศ.2484)จากนั้นกรมป่าไม้ได้ส่งเรื่องให้ ปปช.ดำเนินการ

ตามกฎหมายต่อมา ปปช.ได้ชี้มูลว่า “มีความผิด” แล้วส่งเรื่องต่อไปยังอัยการจันทบุรีตั้งแต่ปี 2548 แต่จนถึงป่านนี้ไม่มีอะไรคืบหน้าแม้แต่น้อยทั้งนี้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อาจจะปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกับตนก็เป็นได้แต่เรื่องเช่นนี้คนในสังคมไทยทุกคนก็รู้ดีว่า...ความเป็นจริงเป็นอย่างไร และอาจยิ่งตอกยํ้าอย่างหนักแน่นว่า...เพราะมีการแทรกแซงของ “ผู้มีอำนาจ” ซึ่งมากล้นด้วยอิทธิพลและบารมีไปทุกปริมณฑลของชีวิตสาธารณะของสังคมผมเชื่อมั่นว่า...หาก

ยังมีการแทรกแซงชีวิตสาธารณะของสังคมเฉกเช่นนี้แล้ว ประเทศไทยอาจจะล้าหลังประเทศเมียนม่าร์ (พม่า) ในเวลาไม่ช้าไม่นานนี้แน่นอนทั้งที่ก่อนหน้านี้...ไทยเคยอยู่ในสถานะที่จะไปแข่งกับญี่ปุ่น แต่ตอนนี้ก็ถูกทิ้งไม่เห็นหลัง และที่น่าอัปยศก็คือ...ในขณะนี้ไทยกำลังถูกเวียดนามทิ้งอย่างน่าใจหายแต่สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นก่อน ก็คือ ประชาชนไทยที่ตื่นตัวขึ้นมาแล้วคงไม่ยอมให้ใครเข้ามาแทรกแซงชีวิตสาธารณะทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมทรัพยากร

ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดังที่เป็นอยู่เพราะประชาชนจะลุกขึ้นมาโค่นล้ม ระบอบอมาตยาธิปไตยลงไป...เพื่อเปิดทางให้ ประชาธิปไตยเต็มใบ ได้ปรากฏเป็นจริงเสียที...ภายหลังจากที่เป็น “ประชาธิปไตยจอมปลอม” มาเป็นเวลาเกือบแปดสิบปี เพียงแต่ว่าจะเป็นไปอย่างสันติวิธีหรือจะเป็นไปอย่างรุนแรงเท่านั้นพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ครับ...ท่านไปเป็นที่ปรึกษาของบริษัทเอกชนทำไม? 
ที่มา:บางกอกทูเดย์

สุคะโตถูกตัดสินจำคุกเพราะไปทำป่าเสื่อมโทรมให้สมบูรณ์


แม่ชีบงกช อาจารย์ผู้นำและสอนธรรมะ ซึ่งโด่งดังในหมู่ผู้ปฏิบัติธรรม เห็นว่า ป่าที่ไทรโยค กาญจนบรี ได้เสื่อมโทรมมาก จึงตั้งสำนักปฏิบัติธรรม

นำลูกศิษย์ลูกหาปลูกป่า จนกลายเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ ถูกจำคุกสอง ปี เพราะแม้พื้นที่นั้นจะเป็นป่าเสื่อมโทรม แต่ยังไม่ได้แทงบัญชีออกจากป่าสงวนแห่งชาติ

พระประจักษ์ สุคะโต แห่งวัดป่าใหญ่ อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ ทนเห็นนายทหารใหญ่และนายทุนตัดไม้ทำลายป่าในป่าใหญ่อย่างรุนแรงไม่ได้ จึงนำประชาชน

ไปทำพิธีบวชต้นไม้ เอาผ้าเหลืองไปผูกต้นไม้ใหญ่ๆทุกต้น ซึ่งเคยเป็นข่าวดังหน้าหนึ่ง แต่หลังจากนั้น เนื่องจากไปขัดขวางการหากินของเหลือบเขมือบป่า

จึงถูกตัดสินจำคุกห้าปี เพราะอ้างว่าไปบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติทั้งสองท่านหายไปจากหน้าข่าว คนส่วนใหญ่ไม่ทราบชะตากรรมของท่าน เพิ่งจะได้รับรู้วันนี้เอง



สรุปได้ว่า ประเทศนี้ เหล่า” อภิสิทธิ์ชน” จะ อยู่เหนือกฎหมาย ทำอะไรก็ไม่ผิด กฎหมายเอาไว้ใช้ “จัดการ” กับประชาชนที่ไปขัดผลประโยชน์ของชนชั้นอำมาตย์

หรือ ผู้มีเส้น ได้รับความคุ้มครองจากอำมาตย์เท่านั้น

วันศุกร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2553

เป็นอันว่าสุรยุทธ์ จุลลานนท์ โดนยึดสมบัติก่อนทักษิณ กรรมมักตามทันในชาตินี้

เฮ้อ คิดจะปล้นสมบัติเขากลางแดด ตัวเองเลยโดนประชาชนยึดสมบัติพร้อม "เกียรติยศและศักดิ์ศรี" ไปก่อนจนได้ ตอนนี้เป็นห้วงเวลาแห่วกรรมทุกผู้เลยทีเดียว

ตั้งแต่เปรมหรือ อื่นๆ (ไม่กล้าพูด) ต่างก็โดนกรรมตามสนองอย่างสาสมทั้งสิ้น บารมีเสื่อมสิ้นไปหมด เปรมแต่ก่อนไม่มีใครกล้าด่า วันนี้ด่ากันได้สนุกปาก ใครไม่ด่าก็เชย

สุรยุทธ์ นอกจากสิ้นศักดิ์ศรี ต้องคืนบ้านแล้ว เชื่อว่าในอนาคตคงโดนคุก

อำนาจที่ว่ามั่นคง ก็ "คลอนแคลนกันทุกๆ สถาบัน" จะโปรประกันดาให้มั่นคงเหมือนเดิมคงยาก อย่าคิดว่าจะอยู่เป็นศตวรรษเลย แค่ 5 ปีนี้ก็ผ่านได้แบบหืดขึ้นคอ

กรรมมันเร็วกว่าจรวดมาก

555 นรกทั้งเป็น วันทำรัฐประหารไล่ทักษิณ ต่างสมบูรณ์พร้อมกันด้วยเกียรติยศ ชื่อเสียง บารมี

วันนี้สามปีผ่านไป ทักษิณก็เสียแค่ "หุ้น" กับต้องไป "ทำปริญญาเอกด้านการเมืองการปกครอง" ต่างประเทศอีกครั้ง หลังไปเรียนสมัยหนุ่ม แต่ครั้งนี้สบายกว่าสมัยหนุ่มตรงที่มีเครื่องบินส่วนตัวบินเที่ยวได้ทั่วโลก ผู้นำชาติต่างๆ เปิดบ้านเลี้ยงต้อนรับ

ส่วน "ศัตรูอยู่ในไทยแบบหดหัวออกไปพบประชาชนก็ไม่ได้ มีแผ่นดินก็เหมือนไม่มี"

555

บ้านพร้อมที่ดินทำเลสวย หาไม่ได้อีกแล้วในชาตินี้ คงไม่มีใครกล้าตอแย หากไม่มีรัฐประหารปี 2549

เมื่อเริ่มเดินเข้าไปในเส้นทาง "มืด" มันจะมีอะไรโผล่"ตามมาอีกเยอะ

อย่าคาดหวังว่าจะอยู่อย่างมีเกียรติในสังคมได้ สุดท้ายก็จะถูกทิ้ง ไปไหนก็จะมีแต่คนก่นดา แม้ไม่ติดคุก ก็ไม่อาจสู้หน้าคนได้อย่างมีศักดิ์ศรี

เกียรติยศ หากล่มสลายแล้วไม่มีทางกู้คืนได้

ที่มา thaifreenews
โดย...ลูกชาวนาไทย

ผอ.ฮิวแมนไรท์วอชท์เอเชียอัดรบ.มาร์ค2มาตรฐาน

นายแบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการแผนกเอเชียขององค์การฮิวแมนไรท์วอทช์ กล่าวเมื่อว่า "ถึงแม้บางครั้ง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะกล่าวถึงสิ่งที่ถูกต้องเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน แต่การกระทำของ นายอภิสิทธิ์ กลับกลายเป็นเรื่องตรงกันข้าม รัฐบาลชุดนี้ได้บั่นทอนการเคารพสิทธิมนุษยชน และนิติธรรมในประเทศไทย อย่างต่อเนื่อง"

ซึ่งองค์การ ฮิวแมนไรท์วอทช์ ระบุต่อว่า การท้าทายจากกลุ่มคนเสื้อแดงในเครือข่ายของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ทำให้ นายอภิสิทธิ์ ต้องพึ่งพาการสนับสนุนจากกองทัพมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อที่จะรักษาความอยู่รอดทางการเมืองของตน โดยการตอบโต้ต่อการชุมนุมประท้วง ที่มีการใช้ความรุนแรงของกลุ่ม นปช. ที่พัทยา และกรุงเทพฯ นั้น รัฐบาลได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ในเขตพื้นที่ดังกล่าว เมื่อวันที่ 11 และ 12 เมษายน ตามลำดับ มีการระดมกำลังทหาร มาสลายการชุมนุมประท้วง โดยใช้แก๊สน้ำตา และกระสุนจริงยิงเข้าใส่กลุ่มผู้ประท้วง

ขณะที่รัฐบาลก็มี "สองมาตรฐาน" ในการบังคับใช้กฎหมายทำให้ความตึงเครียด และการแบ่งขั้วทางการเมืองทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยขณะที่แกนนำ ของกลุ่ม นปช. ถูกจับกุม, คุมขัง และดำเนินคดีภายหลังจากที่มีการสลายการชุมนุมประท้วงนั้น รัฐบาลกลับเพิกเฉยต่อเสียงเรียกร้องในสังคมที่ต้องการให้มีการสอบสวนอย่างเป็นกลางเกี่ยวกับความรุนแรงทางการเมือง และการละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งเกิดจากการกระทำของพันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย ในระหว่างการชุมนุมประท้วงเมื่อปี 2551 ที่รวมถึงการยึดทำเนียบรัฐบาล และสนามบินสุวรรณภูมิด้วย

สรุปข่าวความเคลื่อนไหวในสัปดาห์

### "เสธแดง" จวกค้นบ้านทำไม ? ปัดเอี่ยวบึ้ม ! โวหากทำจริง(พล.อ.อนุพงษ์ )คงตายไปแล้ว..!!
เสธ.แดง กล่าว..
การค้นบ้าน แบบนี้เหมือนเป็นการทำแบบผู้หญิง ค้นบ้านทหารด้วยกันไม่อายบ้างหรือ จับอะไรก็ไม่ได้หาก จะมาจับผมก็ทำได้แค่ออกหมายเรียกเท่านั้น แต่จะมาออกหมายจับไม่ได้ เพราะผมไม่ได้ทำอะไรผิด

พล.อ.อนุพงษ์ ไม่มีหลักฐานอะไร จะมาจับผม แล้วการทำแบบนี้ถือว่าไม่มีศักดิ์ศรีมาค้นบ้านทหารด้วยกัน เรื่องที่เกิดขึ้นไม่จำเป็นต้องเป็น เสธ.แดง อาจจะเป็นคนอื่นทำ ถ้า เสธ.แดง ทำจริงเอาชีวิตเลยไม่ดีกว่าหรือ !!!


### แกนนำเสื้อแดงประกาศยกเลิกชุมนุมที่สุวรรณภูมิแล้ว เฉลยเป็นมุขเกาทันฑ์

เหตุต้องการสะท้อนมาตรฐานกฏหมายและรัฐบาล

การยกเลิกการชุมนุมสนามบินสุวรรณภูมิครั้งนี้ณัฐวุฒิระบุว่าเป็น มุขเกาทันฑ์(จาก3ก๊ก)หลอกให้ฝ่ายตรงข้ามออกมาติเตียนเพื่อย้อนดูตัวเองว่าทำอะไรลงไปแล้วทำไมไม่ติพันธมิตรที่ยึดสนามบิน เทพเทือกออกมาบอกให้อย่าทำร้ายจิตใจคนทั้งประเทศ นี่มันน่าจะบอกตัวเขาเองนะครับใช่มั๊ยครับพี่น้องที่รักทั้งหลาย

### ป่าไม้ลงมติแล้ว ยึดคืนเขายายเที่ยง

ชี้‘สุรยุทธ์’ไม่มีสิทธิ ต้องออกใน 30วัน รวมทั้งต้องรื้อถอนทรัพย์สินออกให้หมด อย่างไรก็ตามสามารถอุทธรณ์ได้ภายใน 15 วัน"สุวิทย์" เชื่อต้องทำตามคำพูด....ข่าวเพิ่มเติม กี้และแรมโบ้ พอใจในระดับหนึ่งตอนนี้จะไม่ถวายรายงานแล้ว!

ไม่มีเจตนากระทำผิดกฎหมาย แต่ในส่วนของการถือครองที่ผิดหลักเกณฑ์ ใครเชื่อก็โง่แล้วครับ ไม่เจตนาแจ้งขอหาเพิ่มได้เลยนะครับ การทุจริตให้การเป็นเท็จกรณีทรัพย์สินที่แจ้งต่อ ปปช.คลิปเสียงที่นายนพดล พิทักษ์วานิช ผู้ที่ซื้อที่ดินบริเวณเขายายเที่ยงต่อจากนายเบ้า สินนอก หรือพระเบ้า ก่อนจะตกเป็นของพล.อ.สุรยุทธ์ ตุลานนท์ มันฟ้องครับ ! น้องมหาอำมาตย์ขันที


### พตท.ดร.ทักษิณ"ยื่นแถลงปิดคดียึดทรัพย์7.6หมื่นล้าน

ท้ายคำแถลงปิดคดี พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุด้วยว่า..

ช่วง เวลาที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไม่เคยทุจริต ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ให้ประเทศชาติได้รับความเสียหาย และไม่เคยแม้แต่จะคิดทำการใดเพื่อเห็นแก่ประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง ยิ่งไปกว่าประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน

การที่ถูกปฏิวัติรัฐประหารและตั้งข้อกล่าวหาในคดีนี้ เป็นเรื่องทางการเมืองทั้งสิ้น เมื่อข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ปรากฏต่อศาลว่า ผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้กระทำผิด จึงขอให้ศาลโปรดมีคำพิพากษายกคำร้องของอัยการสูงสุด และมีคำสั่งเพิกถอนการอายัดเงินและทรัพย์สินทั้งหมดที่ คตส. ได้มีคำสั่งอายัดไว้ในคดีนี้ให้ผู้ถูกกล่าวหา และผู้คัดค้านอื่นที่เป็นเจ้าของที่แท้จริงด้วย

#### แดงบุกราชเลขาฯ ถามคืบหน้า ฎีกาอภัยโทษทักษิณ

แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง เดินทางไปยื่นหนังสือทวงถามความคืบหน้าการยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้กับ อดีตนายกฯ ทักษิณ ที่สำนักราชเลขาธิการ หลังผ่านไปกว่า 5 เดือนแล้วยังไม่มีคำตอบ...
ส่วนมาร์ค ยกเลิกกำหนดการบันทักเทป รายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ จ.ปทุมธานีท่ามกลางกระแสความไม่ปลอดภัยโดยคิดว่าชาวปทุมจะสนับสนุน อย่าหวัง อย่าหวังเถอะกองทัพแดงลุกล้อมกรุงแล้วครับและอีกคนผบ.ทบ. เดินทางเข้าปฏิบัติงานที่ กองบัญชากองทัพบกแล้ว ท่ามกลางการวางมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้ม

ทั้งมาร์ค ทั้งป๊อกกลัวอะไรกัน ทีเวลาออกคำสั่งทำร้ายคนอื่นอย่างเลือดเย็นไม่เห็นจะคิดก่อน อย่าลืมคลิปพิสูจน์ออกมาว่าตัดต่อประโยคไม่ได้ตัดต่อคำพูด ความชั่วยังมีหลักฐานปรากฏ

### ปิดท้ายข่าวด้วยคอลัมน์ เหล็กใน

ประเด็น 2 มาตรฐาน!!

คนเสื้อแดงรู้สึกและเชื่อว่ารัฐบาลชุดนี้เมินเฉยต่อความผิดของม็อบเหลืองในอดีต ดูได้จากคดีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับพันธมิตร ทั้งยึดทำเนียบรัฐบาล ยึดสนามบิน 2 แห่ง

ล่วงเลยมานานเกือบ 2 ปีแล้วแทบไม่มีความคืบหน้าอะไร
พอทวงถามก็อ้ำๆ อึ้งๆ ตอบไม่ชัดเจน อ้างแค่ว่ามีพยานหลายปากยังสอบสวนไม่เสร็จสิ้น

กลับกันคดีม็อบเสื้อแดงก่อหวอดช่วงสงกรานต์ปีที่แล้ว รัฐบาลสั่งการตำรวจจับกุมดำเนินคดีฉับไว ได้ผลทันตา

มาตรฐานที่เหลื่อมล้ำกันแบบนี้ เป็นชนวนสร้างพลังให้ม็อบแดงแข็งกร้าวขึ้น
ยิ่งตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แสดงจุดยืนชัดเจนแล้วว่าเลือกข้างเลือกฝ่าย เลือกที่จะฟังขาใหญ่ม็อบเหลืองจนออกนอกหน้านอกตาเท่ากับราดน้ำมันเข้ากองเพลิงเหมือนไม่อยากเห็นบ้านเมืองสงบสุขโดยไวเลย!!

"ชทพ.-พผ."ย้ำจุดยืนแก้รธน.2ม. "ชาญชัย"หนุนยื่นเร็วที่สุดเอาใจสื่อ ภท.กร้าวปชป.ปล่อยฟรีโหวตอยู่ลำบาก

"ชทพ.- พผ." ผนึกแก้รธน.ลุยแก้ 2 มาตราอเพื่อนาคตชาติ ชูผลโพลหนุนแก้ ถกภายในก่อนหาฤกษ์ยื่นญัตติรอคุยกับพรรคกิจสังคมก่อน "ชาญชัย"ยันร้องเพลงคีย์เดียวกับปชป. ย้ำรัก"ปชป."เสมอ ส.ส.ภท.กร้าวออกโรงดักคอปชป.ปล่อยฟรีโหวตแก้รัฐธรรมนูญ อยู่กันลำบาก เพราะเป็นมารยาททางการเมือง

"ชทพ.- พผ." ผนึกแก้รธน.ลุยแก้ 2 มาตราอนาคตชาติ ชูผลโพลหนุนแก้

เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 21 มกราคม ที่ห้องลอนดอน 2 นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชทพ. พร้อมด้วยแกนนำพรรคชทพ. และนายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง หัวหน้าพรรคพผ. พร้อมแกนนำร่วมกันแถลงถึงผลการหารือของทั้ง 2 พรรคการเมืองที่มีจุดยืนตรงกันในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2 มาตรา คือ มาตรา 94 และมาตรา 190

นายชุมพล กล่าวว่า ทั้ง 2 พรรคได้แสดงจุดยืนตรงกันที่จะแก้ไข 2 มาตรา เพื่อแก้วิกฤตประเทศโดยเฉพาะการแก้มาตรา 93 และ 94 ไม่ได้แก้เพื่อตัวเองหรือเพื่อพรรคการเมืองเขตใหญ่ 3 คนก็ทำให้ไม่ใกล้ชิดต่อประชาชนทำให้ไม่เกิดการรับผิดชอบต่อประชาชนหลังได้รับการเลือกตั้งแล้ว ทั้งพรรคชทพ.และพผ.ยืนยันต่อสาธารณะที่จะแก้มาตราเกี่ยวกับการเลือกตั้งให้เป็นเขตเดียวคนเดียว หากยังเป็นแบบเดิมจะทำให้ประเทศชาติไปได้ไม่ไกล เขตเดียวคนเดียวคืออนาคตไทย

นายชุมพล กล่าวว่า ส่วนมาตรา 190 ยืนยันว่าเราแก้เพื่อประโยชน์ของฝ่ายบริหารโดยตรงไม่เกี่ยวกับส.ส. เพราะช่วงเวลานี้หากไม่แก้การทำงานของฝ่ายบริหารติดขัดหมด อีกทั้งขณะนี้บทบัญญัติมาตรานี้ในขณะนี้ยังทำให้ไทยเสียผลประโยชน์ด้วย รวมทั้งมาตรานี้ยังบัญญัติเพื่อฉวยโอกาสให้ทำร้ายซึ่งกันและกันด้วยการสร้างปัญหาให้ไปร้องศาลโดยไม่จำเป็นทำให้ฝ่ายบริหารต้องชะงัก

"สวนดุสิตโพลออกมาล่าสุดปรากฎว่า 2 มาตราที่เรากำลังจะแก้ไขนี้ พบว่าร้อยละ 54 เห็นด้วยให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่วนร้อยละ 23 เห็นว่าไม่ควรแก้ไข นี่คือผลโพลที่พิสูจน์ว่าสิ่งที่เราทำนั้นเป็นที่ยอมรับจากประชาชน" นายชุมพล กล่าว

ถกภายในก่อนหาฤกษ์ยื่นญัตติ

เมื่อถามว่าจะยื่นญัตติเมื่อใด นายชุมพล กล่าวว่า วันนี้เอาจริงขั้นที่ 2 แล้ว ส่วนวันที่ 25 มกราคมนี้จะหารือกับพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา และพรรคกิจสังคม ซึ่งเป็นขั้นที่สาม โดยขณะนี้ได้ลงชื่อเกินจำนวนก่วา 1 ใน 5 ของส.ส.แล้ว จากนั้นก็จะมีการหารืออีก 2 ครั้งเป็นการภายใน เพื่อหาฤกษ์ดีๆในการยื่นญัตติ

เมื่อถามว่า นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคปชป.ไม่สนับสนุนให้แก่เขตเลือกตั้ง นายชุมพล กล่าวว่า การแก้รัฐธรรมนูญขณะนี้ไม่มีพรรคร่วมรัฐบาล ไม่มีส.ว.ดังนั้นทุกฝ่ายในสภาจะต้องรับผิดชอบร่วมกัน

"ชาญชัย"ยันร้องเพลงคีย์เดียวกับปชป. ย้ำรัก"ปชป."เสมอ

ด้านนายชาญชัย กล่าวว่า เป้าหมายของพผ.มีเป้าหมายหลักอยู่ที่ประชาชน การแก้ไขมาตรา 190 ซึ่งทำให้เราเสียโอกาสทางด้านการแข่งขันทางเศรษฐกิจ หากเราแก้ไขมาตรานี้ได้ตนคิดว่าจะเพิ่มโอกาสให้กับประเทศ ส่วนมาตราเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ตนคิดว่าประชาธิปไตยที่แท้จริงต้องมาจากประชาชน ฉะนั้นการเลือกตั้งควรเป็นแบบเขตเดียวเบอร์เดียว ยืนยันจะยื่นญัตติโดยเร็วเอาให้ถูกใจสื่อ

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากนี้จะคุยกับพรรคเพื่อไทยให้มาเข้าร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายชาญชัย กล่าวว่า คุยทุกคนที่เป็นสมาชิกรัฐสภา คิดตรงกันก็สามารถร่วมกันได้ เมื่อถามว่า การยื่นญัตติไม่ต้องรอเสียงของพรรคปชป.แต่เมื่อถึงขั้นตอนของการโหวตถึงค่อยไปเจรจาอีกทีใช่หรือไม่ นายชาญชัย กล่าวว่า ตอนยื่นญัตติเราร้องเพลงคีย์เดียวกัน แต่ตอนอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นการร้องคนละคีย์กันกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อถามว่า เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญปชป.จะร้องเพลงคีย์เดียวกันใช่หรือไม่ นายชาญชัย กล่าวว่า รักเธอเสมออยู่แล้ว

ภท.ลั่นปชป.ฟรีโหวต"อยู่ด้วยยาก"

ด้านนายปัญญา ศรีปัญญา ส.ส.ขอนแก่น พรรคภูมิใจไทย(ภท.) แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน กล่าวถึงกระแสข่าวพรรคปชป. จะปล่อยให้ ส.ส.ฟรีโหวต ในการพิจารณาญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2 ประเด็นว่า ขณะนี้พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคตั้งแต่ ชทพ. ภท. และเพื่อแผ่นดิน (พผ.) เหนียวแน่นแล้วว่าจะร่วมกันแก้ไขรัฐธรรมนูญ เหลือแต่พรรค ปชป.ที่ขอเวลาสุดสัปดาห์นี้ไปสัมมนาพรรคเพื่อหาข้อสรุป หากพรรค ปชป.จะร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย เราพร้อมยื่นญัตติเสนอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ยื่นต่อประธานสภาในสัปดาห์หน้า แต่หากพรรค ปชป.ไม่ร่วมด้วย เราพร้อมที่จะดำเนินการกันเอง

"ได้แจ้งกับประธานวิปรัฐบาล (นายวิทยา แก้วภราดัย) ไปแล้วว่าพรรคประชาธิปัตย์ควรจะรีบให้ได้ข้อสรุป เพราะขณะนี้พรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ตกผลึกกันหมดแล้ว อย่าลืมว่าหลังจากนี้ศึกหนักยังรอเราอยู่ นั่นคือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หากพรรคประชาธิปัตย์ยังมีความไม่ชัดเจนหรือจะปล่อยให้ ส.ส.ฟรีโหวตเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ คงไม่ได้ เพราะถ้าทำอย่างนั้นจะอยู่ด้วยกันต่อไปได้อย่างไร เพราะเป็นมารยาททางการเมือง" นายปัญญากล่าว

ชทพ.เชื่อปชป.บางส่วนหนุน

นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง และคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) จากพรรค ชทพ. กล่าวว่า หากผลสรุปของพรรค ปชป. ออกมาว่าให้ส.ส.ฟรีโหวต ตนเชื่อว่ามีส.ส.บางส่วนเห็นด้วยกับการเลือกตั้งแบบเขตเดียวเบอร์เดียว และมีส.ว.ส่วนหนึ่งที่เห็นด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากพรรค ปชป.ให้ส.ส.ฟรีโหวอาจทำให้พรรคร่วมรัฐบาลไม่โหวตสนับสนุนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายภราดร กล่าวว่า ไม่เกี่ยว เพราะแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลพูดกันชัดเจนว่าเรื่องของแก้ไขรัฐธรรมนูญกับเรื่องการร่วมจัดตั้งรัฐบาลต้องแยกออกจากกัน นายกฯก็พูดชัดว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของสภา สถานะการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลยังเหมือนเดิม เมื่อถามว่า แสดงว่ายืนยันจะสนับสนุนรัฐบาลใช่หรือไม่หากมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายภราดร กล่าวว่า ก็ต้องดูประเด็นและชั่งน้ำหนักการอภิปรายของฝ่ายค้าน รวมทั้งการชี้แจงของรัฐบาลว่ามีน้ำหนักแค่ไหน

นายภราดร กล่าวถึงความเป็นไปได้ที่จะพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของ คปพร. ไปพร้อมกับร่างของพรรคร่วมว่า ร่างคปพร.เป็นนำรัฐธรรมนูญปี 2540 มาใช้ ซึ่งพวกเราไม่เห็นด้วย เพราะจะทำให้เกิดความแตกแยก ต้องแก้ไข 2 มาตราก่อน เพราะตกผลึกทางความคิดของสังคมแล้ว และไม่นำไปสู่ปัญหาอีก นอกจากนี้ยังไม่เห็นด้วยกับการพ่วงมาตรา 265 - 266 กรณีห้ามมิให้ส.ส.และส.ว.ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพราะจะเป็นการสร้างความแตกแยกเพิ่มขึ้นไปอีก เนื่องจากสังคมกำลังครหาว่านักการเมืองกำลังแก้ไขเพื่อประโยชน์ของตัวเอง

ที่มา: มติชนออนไลน์

วันพฤหัสบดีที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2553

ไฮโซหลุดโลก "ดารณี กฤตบุญญาลัย" เฮ! พ้น"ล้มละลาย"แล้ว หลังถูกศาลพิพากษาไปเมื่อ 3 ปีก่อน


ในที่สุดไฮโซสาวใหญ่ "เจ๊ดา"ดารุณี กฤตบุญญาลัย ได้ถูกปลดจากลูกหนี้ล้มละละลาย ตามประกาศเจ้าพนักงานพิทักษ์ซึ่งลงในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2553 (คดีหมายเลขแดงที่ 3582/2548) หลังจากที่ศาลล้มละลาย24 ๒๔ ตุลาคม 2549 และพ้นกำหนดระยะเวลา 3 ปี นบแต่วันที่ศาลพิพากษาให้ เป็นบุคคลล้มละลายแล้ว จึงให้ปลด ลูกหนี้ทั้งสามจากการเป็นบุคคลล้มละลาย นับแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2552


คดีดังกล่าว บริษัท เงินทุนบุคคลัภย์ จำกัด (มหาชน) เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ ได้ยื่นฟ้องต่อศาลล้มละลายกลางขอให้ลูกหนี้ล้มละลายและศาลได้มีคำสั่งลงวันที่ 14 กันยายน 2548 ให้พิทักษ์ทรัพย์ของ ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล พี.แอนด์.พี.เอ็นจิเนียริ่ง ที่ 1 นายประกิจ กฤตบุญญาลัย ที่ 2 นางดารุณี กฤตบุญญาลัยที่ 3 บริษัท สยาม เอ.อาร์.ไอ. จำกัด ที่ 4 นางสาววิรุฬกานต์ กฤตบุญญาลัย ที่ 5 นางสาวธารนที กฤตบุญญาลัย ที่ 6 ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พุทธศักราช 2483


ต่อมาศาลล้มละลายกลาง จึงพิพากษาเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2549 ให้ลูกหนี้ทั้งสามเป็นบุคคลล้มละลาย


สำหรับประวัติ ดารุณี กฤตบุญญาลัย นับว่าสะแด่วสมฉายา "เจ๊ดา รสแซ่บ" หรือ "ไฮโซหลุดโลก" เห็นเฉิดฉายไฮโซขนาดนี้อย่านึกว่าเธอเป็นคนกรุงเทพฯ แต่กำเนิด ความจริงแล้วเธอเป็นคนหนองคาย แต่มีเชื้อสายของเวียดนามและจีน จบการศึกษา ม.7 จาก ร.ร. เขมะสิริอนุสสรณ์ และระดับปริญญาตรี ที่คณะพาณิชย์-บัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


สมรสแล้วกับ "นายประกิจ กฤตบุญญาลัย" มีลูกด้วยกัน 3 หน่อ ได้แก่ "วิรุฬกานต์" (น้ำฝน), "ธารนที" (น้ำพุ) และ "ไอยคุปย์" (น้ำนิ่ง) โดยที่ 2 ในสามนั้นโด่งดัง (เกือบ) เท่าคุณแม่ในวงสังคมพอควร โดย "รท.หญิง วิรุฬกานต์ กฤตบุญญาลัย" หรือ "น้ำฝน" ลูกสาวคนโต นั้นเริ่มเป็นที่รู้จักในแวดวงไฮโซ เนื่องจากควงคู่เป็นเพื่อนซี้ปาท่องโก๋กับพิธีกรสาวชื่อดัง "เอิร์ก พรหมพร ยุวะเวศ" แต่แม้จะพยายามผลิตผลงานอื่นๆ ออกมาทั้งเขียนหนังสือ 2 เล่ม (ได้แก่ "หมื่นพันวันลูก" และ "รักแท้ แม่ไม่ว่าหรอก") หรือแม้แต่ออกอัลบั้มเพลง "พายุฝน" แต่ข่าวควงคู่พิธีกรสาวกลับดังกว่าเป็นไหนๆ


ในขณะที่ลูกชายคนเล็ก "ไอยคุปย์" หรือ "น้ำนิ่ง" เป็นที่ทราบดีว่าอยู่ในก๊วนแก๊งเดียวกับ "โอ๊ค-พานทองแท้ ชินวัตร" ลูกชายอดีตนายกฯ แถมยังร่วมหุ้นทำธุรกิจกัน ฮาวคัมฯ (บริษัท ฮาวคัม มีเดีย) ด้วยกัน


สำหรับแง่มุมทางธุรกิจนั้น เธอเป็นเจ้าของธุรกิจขายเครื่องปรับอากาศYork โดยการเป็นตัวแทนซื้อมาขายไปจนประสบความสำเร็จอย่างดี ปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นรองประธานกรรมการบริหาร บริษัท สยาม เอ.อาร์.ไอ จำกัด เป็นบริษัทผลิตเครื่อง ปรับอากาศ ภายใต้ชื่อ SENATOR นอกจากนี้ยังถือหุ้นในธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดัง "โออิชิ" โดยนั่งในตำแหน่งที่ปรึกษาประธานบริษัท โออิชิ กรุ๊ป อีกด้วย


อย่างไรก็ตาม ในแง่ของธุรกิจการทำงานอาจจะไม่เป็นที่มักคุ้นแก่ชาวบ้านร้านตลาดทั่วไป แต่กลับมีชื่อเสียงจากการโชว์ตัวร่วมงานสังคม ด้วยการแต่งกายที่โดดเด่นทั้งเครื่องเพชรเครื่องประดับแต่งเต็มยศเต็มสตีม และไม่ว่าธีมของงานจะแปลกพิสดารแค่ไหน "เจ๊ดา" ก็บ่ยั่น เธอสามารถหาชุด หาพร็อบ มาแต่งเข้ากับคอนเซ็ปต์ของงานได้อย่างโดดเด่น จนผู้จัดงานทั้งหลายต่างจ้องเรียกมาใช้บริการแทบจะทุกงาน เพราะช่วยสร้างสีสันและเรียกสื่อให้งานคึกคักได้อย่างบัดดล


หลังจากมีชื่อเสียงเกรียงไกรโดดเด่นในหมู่ไฮโซ เหล่าผู้จัดละครและรายการทีวีต่างๆ ก็ไม่พลาดที่จะดึงเธอมาร่วมงาน ไม่ว่าช่องไหนรายการไหนก็อยากที่จะให้เธอไปร่วมด้วย บ้างก็ไปเป็นแขกรับเชิญ บ้างก็เชิญไปเป็นพิธีกร อย่างรายการ "เป๋าตุง" ถือว่าเธอได้เป็นพิธีกรอย่างเต็มตัว โดยร่วมกับ "เสนาหอย-เกียรติศักดิ์ อุดมนาค" และ "หนูแหม่ม-สุริวิภา กุลตังวัฒนา"


และที่จะไม่เอ่ยไม่ได้คือรายการ "ไฮโซบ้านนอก" ที่เธอร่วมกับเพื่อนสังคมเดียวกันแต่ไปใช้ชีวิตอยู่ต่างจังหวัด ได้แก่ "มดดํา-คชาภา ตันเจริญ" และ "สมศักดิ์ ชลาชล" งานนี้ทำให้ผู้คนได้เห็นตัวตนที่แท้จริงส่วนหนึ่งของเธอมากขึ้น


สำหรับผลงานละครนั้นมีมากมายทั้งที่เห็นแว่บๆ และมีบ้างที่เป็นตัวหลัก อาทิ "วุ่นวาย สบายดี","พระจันทร์ซ่อนดาว" และ "คนทะเล" เป็นต้น ส่วนผลงานทางภาพยนตร์ อาทิ ข้าวเหนียวหมูปิ้ง, "ลูกตลก ตกไม่ไกลต้น", "หัวใจทระนง" (The iron pussy) และ "มนุษย์เหล็กไหล" ฯลฯ ส่วนรายการเกมส์โชว์แน่นอนว่าเธอไม่พลาดที่เข้าไปแข่งขัน แต่โดดเด่นสุดได้แก่การชนะเลิศในรายการแฟนพันธ์แท้ ตอน "เพชร" จนได้รับฉายา "เจ้าแม่เพชร (พันธุ์แท้)"


ล่าสุด โดดเข้าเอี่ยวการเมืองขึ้นเวทีของคนเสื้อแดง เป็นแม่งานตัวหลัก สวมวิกแดงร้อนแรงทั้งร้องเพลง โก่งคอปราศรัย ประกาศทวงถามประชาธิปไตยเย้วๆ งานนี้ "เจ๊ดา" ไม่ขอเด่นเกินใคร แต่อยากได้ใจคนไทยไปใส่แดง

ที่มา:มติชนออนไลน์

ยิ่งเห็นยิ่งท้อ จะคลั่งใจตาย เสื้อแดงเยอะขึ้นทุกวันยิ่งปราบยิ่งเยอะ


ฮ้อ ยิ่งเห็นยิ่งท้อ จะคลั่งใจตาย เสื้อแดงเยอะขึ้นทุกวันยิ่งปราบยิ่งเยอะ "ยอดศักดินามหาอำมาตย์" คงแทบคลั่ง

หากผมเดาใจของ "มหายอดศักดินาอำมาตยาธิปไตย" (จะเป็นใครก็ช่างมันเถอะ ตั้งชือเล่นโก้ๆ คงรู้ๆ กันอยู่) ตอนนี้คงแทบคลั่ง ยิ่งวางแผนเสื้อแดงยิ่งเยอะ ปราบ กำราบ ไม่หวาดไม่ไหว เยอะยิ่งกว่าเมื่อสามปีที่แล้วอีก

ปี 2549 ทำรัฐประหาร คิดว่า "จะเผด็จศึก" ดันกลายเป็น "เริ่มก่อสงครามเสียนี่" วันที่ 20 กันยายน 49 คิดว่าทักษิณไม่สู้แล้วคงจบแล้ว ฉันก็จะยิ่งใหญ่ต่อไปเหมือนเดิม

ที่ไหนได้ ดันเป็นจุดเริ่มต้นไปสู่จุดจบเสียยังงั้น จากเสื้อแดงมี 0 คน และพูดถึงเปรม ก็โดนด่าว่า จ๊าบจ้วงเบื้องสูง ต้องพูดเบาๆ วันนี้มันด่าพ่อล่อแม่ออกทีวีด้วยซ้ำ กระแส "จาบจ้วงเบื้องสูง" เงียบหายจ้อยไปเลย จากที่มีคนเกรงใจวันนี้ไม่มี

อำมาตย์คนอื่นๆ (...) ก็หนักพอกัน

วันนี้ยังไม่เห็น "แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์" ว่าจะสงบศึกนี้ได้อย่างไร จะพิชิตทักษิณได้อย่างไร จะหา "เวทมนตร์วิเศษ" อันใดมาเป่าแล้วพวก ไพร่กลับมาซาบซึ้งเหมือนเดิม

วันนี้ยิ่งคิดยิ่งเจ็บ ยิ่งบุกยิ่งเสียดินแดน ยิ่งรบยิ่งขาดทุนศรัทธาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

อาวุธสุดท้ายคือ "ยึดทรัพย์" ก็ไม่มีทีท่าว่าจะสยบเสื้อแดงและทักษิณไปได้
จะทำรัฐประหาร ตอนนี้ก็มีอำนาจล้นเหลือออยู่แล้ว ยังสยบไม่ได้ รัฐประหารจะมีอำนาจอะไรเพิ่มขึ้นจนสยบเสื้อแดงได้ "จะฆ่าล้างแผ่นดิน" อย่างนั้นหรือ แล้วจะอยู่ในโลกนี้ต่อไปได้อย่างไร หากทำอย่างนั้น

ถอยก็ไม่ได้ บุกก็ไม่เห็นทางชนะ อยู่เฉยๆ ก็โดนรุกมาเรื่อยๆ

กลุ่มใจตายแล้ว

ทหารจะแปรพักตร์หรือเปล่าไม่ทราบ เพราะย้ายพวกที่ไม่ไว้ใจออกไป มันก็ยิ่งกลายเป็นศัตรู เกษียณเมื่อไหร่ มันวิ่งไปอยู่ฝ่ายตรงข้ามทันที จะแน่ใจได้อย่างไรว่าพวกที่ยังอยู่ ใจมันไม่ไปแล้ว

ที่มา thaifreenews
โดย...ลูกชาวนาไทย



วอนหาเรื่องแท้ๆ ไม่น่าเลยกรู

วันพุธที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2553

"แม้ว"จวก คตส.กระหายส่วนแบ่งยึดทรัพย์ 25%ไร้มารยาท วอน"มาร์ค"ฟังเสียงประชาชนล้มรบ.สร้างทางเลือกใหม่


"แม้ว"วอน"มาร์ค"ฟังเสียงปชช.ล้มรบ.สร้างทางเลือกใหม่ "ทักษิณ"ย้ำจะทวงความเป็นธรรมถึงที่สุด อัดคตส.ไร้มารยาทปล้นทรัพย์ดิ้นรนเพื่อให้ได้ส่วนแบ่ง 25 %

"แม้ว"วอน"มาร์ค"ฟังเสียงปชช.ล้มรบ.สร้างทางเลือกใหม่

เมื่อเวลา 20.30 น.วันที่ 19 มกราคม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "ทอล์ค อราวด์ เดอะ เวิร์ล" ซึ่งออกอากาศทางเว็บไซด์ทักษิณไลฟ์ (www.thaksinlive.com) ว่า วันนี้ที่พูดเพราะอยากจะเห็นบ้านเมืองปรองดอง จึงขอนำคำพูดของนักกฎหมายด้านสิทธิมนุษยชนหญิง ชาวอิหร่าน ที่ลี้ภัยไปอยู่อังกฤษ และได้รับรางวัลโนเบลไพรส์ เมื่อปี 2003 ที่บอกว่า "ต้องฟังความต้องการของประชาชนหรือเจตนารมณ์ของประชาชน ถ้าไม่ฟังเจตนารมณ์ของประชาชนก็ต้องเลือกทางเลือกที่สอง คือ รัฐบาลล้ม เป็นสัจธรรมของทุกประเทศทั่วโลกที่จะฝืนความต้องการของประชาชนไม่ได้" ซึ่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ก็เคยพูดก่อนเป็นนายกฯว่า ไม่ว่าคนจะมาประท้วงหมื่นคนหรือแสนคนก็ต้องฟัง แต่วันนี้นายอภิสิทธิ์ พอเป็นนายกฯกลับลืมคำนี้ไปแล้ว จึงอยากจะบอกว่าวันนี้เราไม่หันหน้าเข้าหากั้นไม่ได้หรอก ประเทศมันจะไม่เคลื่อนไหว


พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ที่ผ่านมาประเทศเราใช้กฎหมายอย่าง 2 มาตรฐาน ซึ่งการเสียชีวิตของนายสมพร พัฒนภูมิ อายุ 53 ปี ที่เป็นนักต่อสู้เพื่อแก้ปัญหาที่ดินในภาคใต้ ซึ่งล้มลงกอดแผ่นดินภายหลังจากถูกคนร้ายยิง นั้นเป็นสัญลักษณ์ของการเรียกร้องแก้ปัญหาที่ดิน แต่รัฐบาลกลับไม่แก้ปัญหาอะไรให้ แต่อีกรายไปยึดที่ป่าสงวนแล้วรัฐให้การคุ้มครองด้วยซ้ำ มันเห็นได้ชัดเลยว่าถ้าเรายังปล่อยให้สองมาตรการอย่างนี้ต่อไปมันจะลุกเป็นไฟ

"ทักษิณ"ย้ำจะทวงความเป็นธรรมถึงที่สุด อัดคตส.ไร้มารยาทปล้นทรัพย์

"ผมได้ยินว่านายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนเสื้อแดงบอกว่าจะเชิญชวนคนที่ถูกดำเนินคดีไปปราศรัยหน้าสนามบิน เพื่อบอกคนใช้สนามบินว่ารัฐบาลนี้ไม่ดำเนินการอะไรกับคนที่เคยยึดสนามบิน แต่คนธรรมดากลับโดนบี้อย่างหนัก เหมือนกับที่ผมโดน เสียเงินซื้อที่ดินอย่างถูกต้อง เซ็นชื่อให้เมียไปซื้อกลับโดนจำคุก แต่อีกคนไม่เสียอะไรเลย ไปเอาที่ดินป่าสงวนมากลับได้รับการคุ้มครองจากรัฐ แต่ไม่เป็นไร ผมจะแสวงหาความเป็นธรรมอย่างถึงที่สุด อีกอย่างวันนี้มันใกล้ถึงวันตัดสินคดียึดทรัพย์ ผมและครอบครัวก็ปรากฎว่ามี คตส. (คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ) ไร้มารยาท ออกมาพูดอย่างนั้นอย่างนี้ เหมือน 25 เปอร์เซ็นต์จะเป็นแรงจูงใจให้ออกมาพูด จึงอยากจะบอกว่าต้องขอให้ศาลตัดสินออกมาก่อนแล้วค่อยพูด ไม่ต้องดิ้นรนเพื่อให้ได้ 25 เปอร์เซ็นต์นี้หรอก เพราะมันเป็นการปล้นทรัพย์ ไปทำมาหากินอย่างอื่นดีกว่า ผมบอกเลยว่าผมจะเรียกร้องความเป็นธรรมให้ถึงที่สุด" พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว


ที่มา: มติชนออนไลน์