--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันเสาร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

นายกฯสั่ง ศอฉ.เข้ม หลังแดงขอนแก่นมาสมทบ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ช่วงเย็น โดยมี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะ ผอ.ศอฉ. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมสรุปสถานการณ์ประจำวัน โดยเฉพาะกรณีคนร้ายได้ใช้ปืนเอ็ม16 และเอ็ม79 ยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณย่านสีลม เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา โดย พล.ต.อ.ปทีป รายงานว่าอยู่ระหว่างการตรวจสอบของวิถีโค้งอาวุธสงครามเอ็ม 79 ว่ายิงมาจากบริเวณใด คาดว่าจะรู้ผลภายใน 1-2 วันนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นายอภิสิทธิ์ ได้สั่งการให้ ศอฉ.บังคับใช้กฎหมายดำเนินคดีกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่กระทำผิดกฎหมาย โดยเฉพาะ 9 แกนนำที่ถูกออกหมายจับก่อนหน้านี้เกี่ยวกับคดีก่อการร้าย ตาม พรก.ฉุกเฉิน รวมถึงให้ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษเร่งดำเนินคดีทั้งคดีภัยความมั่นคงและคดียั่วยุปลุกปั่นล้มล้างสถาบัน ให้ปรากฎต่อสาธารณะชนโดยเร็วที่สุด ส่วนแนวทางการปรองดองแห่งชาติยังคงดำเนินการต่อไป เนื่องจากเป็นทางออกที่ดีที่สุด ซึ่งแนวทางทั้ง 2 อย่างจะต้องทำควบคุมกันไป คือการบังคับใช้กฎหมายให้เข้มแข็ง และ การปรองดองแห่งชาติ

แหล่งข่าวในที่ประชุม ศอฉ.บอกด้วยว่า ที่ประชุมได้วิเคราะห์ถึงการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงขอนแก่น ที่เข้ามาสมทบที่ราชประสงค์ โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ พล.อ.อนุพงษ์ ในฐานะผู้รับผิดชอบในการใช้กำลัง พลเรือน ตำรวจ และ ทหาร ให้จัดเตรียมกำลังในการดูแลความสงบเรียบร้อย หลังคนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อคืนที่ผ่านมา ขณะเดียวกันก็ให้จัดกำลังดูแลการเข้าออกของอาวุธสงคราม ไม่ให้ขนถ่ายได้อย่างสะดวก โดยเฉพาะเส้นทางน้ำย่านคลองแสนแสบให้กวดขันอย่างเข้มงวดเช่นกัน

นปช.แถลง ก่อน15พ.ค."รัฐ-แดง"สรุปแนวปรองดอง

นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แถลงท่าทีการเคลื่อนไหว ว่า ที่ประชุม นปช.ได้หารือถึงข้อเสนอการปรองดองของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดย 1-2 วันนี้ นปช.จะออกแถลงการณ์ ซึ่งบางประเด็นก็เห็นพ้องกับแนวทางของนายอภิสิทธิ์ สามารถเริ่มปฏิบัติได้ทันที แต่ประเด็นที่แตกต่างจะเสนอให้สังคมร่วมพิจารณาว่าจะนำไปสู่การปฏิบัติได้หรือไม่ แต่ไม่ถึงขั้นทำประชามติหรือประชาพิจารณ์ ทั้งนี้ข้อเสนอจะมีลักษณะยืดหยุ่น ไม่ตายตัวบีบบังคับให้รัฐบาลต้องเอาตาม

หรือถ้ารัฐบาลไม่ทำจะล้มเลิกการเจรจา เพราะ เข้าใจดีว่าการหาทางออกต้องยืดหยุ่นเพื่อความปรองดอง เราทราบว่าทั้งประเทศอยากเห็นบรรยากาศการปรองดองเกิดขึ้นโดยเร็ว เราจะไม่รอช้า อย่างเร็วที่สุดก็จบในวันพรุ่งนี้ อย่างช้าคือมะรืน ที่นายกฯเสนอมาว่าภายใน 15 พฤษภาคม เราเข้าใจ ต้องขอพื้นที่เวลาทำงานให้เรียบร้อยรัดกุม โดย นปช.จะลดเงื่อนไขการเผชิญหน้า ไม่เคลื่อนออกนอกที่ตั้งจนกว่าการปรองดองจะเสร็จเรียบร้อย นายณัฐวุฒิ กล่าวถึงกรณี นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ ว่า คนทั้งประเทศรอการปรองดอง แต่กลุ่มพันธมิตรฯกลับออกมาขัดขวางการปรองดองอย่างชัดเจน เหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นเหมือนกับเป็นสิ่งที่นายสุริยะใสรอคอย ว่าจะเป็นกงดาบทำให้พันธมิตรฯขัดขวางการปรองดองลงได้ ทั้งที่ นปช.พยายามประคับประคอง แต่กลุ่มพันธมิตรฯแทนที่จะออกมายับยั้งความรุนแรง กลับหาประโยชน์จากเสียงปืนและเสียงระเบิด ขอเรียกร้องให้รัฐบาลจับกุมผู้ก่อเหตุมาลงโทษตามกฎหมาย ไม่ใช่มาเรียกร้องให้เรายุติการชุมนุม

ที่มา.เนชั่น
****************************************************

"เสื้อแดง"ชุมนุมต่อรับไม่ได้รัฐบาล-ศอฉ.เย้ยไม่มีทางลง

นายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงและประธานชมรมคนรักอุดรฯให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้แกนนำจะได้ประชุมหารือกันถึงข้อเสนอโรดแม็ป 5 ข้อ สู่ความปรองดองและเสนอให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ย. ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งแนวโน้มการหารือวันนี้ผลอาจออกมาว่าจะชุมนุมกดดันตามข้อเรียกร้องของเราต่อไป เพราะคำพูดต่าง ๆ ที่คนในศอฉ.หรือรัฐบาลออกมาพูด ทั้งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายฯ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศอฉ. นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แม้กระทั่งนายกฯ แต่ละคนออกมาพูดในทำนองข่มขู่คุกคาม เยาะเย้ยว่าเราไม่มีทางลงแล้ว บอกว่ารัฐบาลได้เสนอทางลงให้แล้ว ให้เรารับข้อเสนอ ไม่มีสิทธิต่อรอง การมาพูดอย่างนี้จะสมานฉันท์ปรองดองได้อย่างไร สิ่งที่นายอภิสิทธิ์ได้พูดออกมานั้น ก็เพื่อให้ตัวเองดูดี เพื่อเอาคะแนน ให้ได้รับการตอบรับจากสังคมเท่านั้นแต่ไม่ทำจริง ทั้งที่เราพยายามหาทางออกด้วยการเสนอจะยุติการชุมนุมในวันที่ 10 พ.ค. แต่ก็ถูกพูดตอกกลับมาอย่างนี้

เมื่อเป็นอย่างนี้เราควรที่จะอยู่ชุมนุมให้รัฐบาลยุบสภาทันทีต่อไป คนเสื้อแดงทุกคนพร้อมอยู่แล้ว เมื่อคืนก็เอาเข้ามาอีก 9 พันคน ทั้งจากจ.ขอนแก่น และจ.อุดรธานี และตอนนี้เราจะรักษาจำนวนคนในพื้นที่ชุมนุมให้ไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นคน โดยมีเป้าหมายให้มีคนจากต่างจั'หวัดมาอยู่ในพื้นที่ประมาณ 5 หมื่นคน และการชุมนุมต่อครั้งนี้จะกดดันรัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์มากขึ้น เนื่องจากมีคดียุบพรรคที่จะต้องพิจารณาในไม่ช้า อยากบอกว่าที่ศอฉ.ประเมินกันคนเสื้อแดงมีคนน้อยลงทุกวันเหลือ 3 พันคน 4 พันคน ก็ขอให้เข้ามาดู จะเอาปืน เอารถเกราะมา ก็ขอให้เอามา เพราะวันนี้คนเสื้อแดงไปไกลมาก พร้อมที่จะวิ่งเข้าหาลูกปืน เพราะเขารับไม่ได้จริงๆ และก็เป็นข้อพิสูจน์ว่าคนเหล่านี้ไม่ได้รับจ้าง
ที่มา.เนชั่น
********************************************************

คิดเพื่อตัวเองไว้ก่อน ( มาร์คจอมหน้าด้าน )

ไม่สนปรองดอง ด้วย

ในอารมณ์ของ "คนที่รักมากจะโกรธมากที่สุด" ก็พอเข้าใจอาการที่ขาใหญ่ม็อบพันธมิตรฯ เฮี้ยวใส่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เล่นบทคัดค้านหัวชนฝา ไม่เอาด้วยกับโรดแม็ปสมานฉันท์กับคนเสื้อแดง

ถึงขั้นที่ "อภิสิทธิ์" เจอสบถด่าแรงๆ "ไอ้เฮงซวย"

ตามจังหวะตีปี๊บโหม กระแส "คนเคยรักมากก็เกลียดมาก" หันปลายกระบอกปืนเข้าใส่นายกฯอภิสิทธิ์ โทษฐานขัดอกขัดใจไปสมานฉันท์กับศัตรูร่วมทางการเมือง

ดูกันตามเกมก็เข้าทางแผนเบี้ยวเนียนๆ ของฝ่ายคุมเกมอำนาจ อ้างเป็นเหตุล้มกระดานโรดแม็ป "อภิสิทธิ์" ในจังหวะสุดท้าย

แต่ที่ลึกไปกว่านั้น โดยนัยแฝงที่หวังได้ คิวนี้แกนนำม็อบพันธมิตรฯในอีกคราบพรรคการเมืองใหม่ ก็ได้จังหวะ "ขย่มแต้ม" ฉวยกระแส "ตีกิน" พระเอกอย่างนายกฯอภิสิทธิ์

แย่งฐานเสียงที่ทับสัมปทานอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์

กระตุก คะแนนนิยม หลังปรากฏการณ์ "ม็อบไปเช้าเย็นกลับ" โดยการขยับทัพเสื้อเหลืองออกมาคำรามขู่ให้รัฐบาลและกองทัพจัดการขั้นเด็ดขาด กับม็อบเสื้อแดง พร้อมๆกับแตกเครือข่ายเป็นม็อบคนเสื้อหลากสีกระจายส่วนแบ่งการตลาด เพิ่มฐานระดมมวลชน

แต่ ไม่เป็นผล เสียงไม่พอกระตุ้นคิวลุยหักดิบม็อบแดง

ในอารมณ์ที่สังคม ยังคาใจภาพม็อบเสื้อเหลืองยึดสนามบินติดลบ ไม่มีใครดีกว่ากัน

ขณะ ที่พระเอกคนสำคัญอย่างนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำใหญ่ ในฐานะหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ ก็หายไปจากจอในห้วงหัวเลี้ยวหัวต่อ

เรตติ้งฝ่อลงไปถนัดตา

เอาเป็นว่า โดยกระแสและความพร้อมที่จับอาการได้ ขืนเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 14 พฤศจิกายน ตามโรดแม็ปของนายกฯอภิสิทธิ์

ยี่ห้อ "พรรคการเมืองใหม่" มีหวัง "จั่วลม"

งานนี้เลยต้องโหม "กระแสหมั่นไส้อภิสิทธิ์" ชิงปั่นเรตติ้งกันอีกรอบ

แต่คิวนี้ ก็ไม่ง่ายเหมือนลุยกับผู้ร้ายหน้าเหลี่ยมยี่ห้อ "ทักษิณ" เพราะขาใหญ่ม็อบพันธมิตรฯ ต้องชนกับพระเอกรูปหล่อ พ่อยกแม่ยกเยอะยี่ห้อ "อภิสิทธิ์" ที่ลงทุนถึงขั้นต่อโทรศัพท์ สายตรงเคลียร์กับแฟนคลับแบบตัวต่อตัว

อ้อนกันแบบถึงลูกถึงคน

เจอมุกนี้เข้าไป พ่อยกแม่ยกไม่ใจอ่อนระทวยให้รู้ไป

แต่ทั้งหมดทั้งปวง มาถึงวันนี้ ในสภาพของ "อภิสิทธิ์" ที่มอมแมมกับคราบเลือด สะบักสะบอมจากบท "หนังหน้าไฟ" ของพวกโหนกระแสฝ่ายถืออำนาจ

หมดสภาพของ "คุณชายสะอาด"

คงต้องคิดเพื่อตัวเองและคนรอบข้าง มากกว่าคนอื่นแล้ว

เหนืออื่นใด ตามคิวที่นายพนิช วิกฤตเศรษฐ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศ สั่งเกาะติดกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ว่าจ้างบริษัทกฎหมายระดับโลกของประเทศเนเธอร์แลนด์ ในการช่วยกลุ่ม นปช.สู้คดีในระดับสากล

โยงกับคิวที่ "เดอะอ๋อย" นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย แถลงจองกฐิน ตั้งแท่นฟ้องนายกฯอภิสิทธิ์ต่อศาลคดีอาญาระหว่างประเทศ ที่กรุงเฮก เนเธอร์แลนด์ ต่อกรณีการปะทะระหว่างทหารกับม็อบ นปช.

ฐานเป็นผู้นำ พลเรือนที่สั่งทหารใช้อาวุธปราบปรามประชาชน จนมีผู้เสียชีวิต บาดเจ็บเป็นจำนวนมาก เป็นการละเมิดสิทธิความเป็นมนุษย์และขัดต่อหลักปฏิบัติสากล

"อภิสิทธิ์" ยังมีชนักปักคาอยู่

ไม่ ว่าจะโยนให้เป็นฝีมือไอ้โม่งชุดดำ โยงขบวนการก่อการร้ายแฝงในม็อบเสื้อแดง ยังต้องพิสูจน์กัน แต่กับฉากที่เห็นตรงหน้าปรากฏสู่สายตาทั่วโลก ทหารถืออาวุธปืนเอ็ม 16 พร้อมกระสุนจริง เปิดปฏิบัติการลุยสลายม็อบตอนกลางคืน

ไม่สนเสียงทัก คุมความเสียหายไม่ได้

ในฐานะของผู้นำเบอร์หนึ่งที่มีอำนาจสั่งการ สูงสุด "อภิสิทธิ์" ไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบต่อความสูญเสียได้ ยิ่งขืนปล่อยให้ลากเกม "แลกเลือด" กันต่อไป ในจังหวะที่เห็นกันอยู่ว่า อาจมีคนบาดเจ็บล้มตายอีกนับไม่ถ้วน

ถึงขั้นนั้น วันที่ต้องขึ้นศาลอาญาระหว่างประเทศ

ต่อให้คนรักมากยังไง ก็คงไม่มีใครยอมรับโทษกับ "อภิสิทธิ์" ด้วย.

ทีมข่าวการเมือง รายงาน
ไทยรัฐออนไลน์
*************************************************

ปรองดองหรือศพดอง

ไปๆ มาๆ ฝ่ายนปช.เริ่มมีข้อสงสัยแล้วว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์จะรอดพ้นคดียุบพรรค จะมีอายุยืนยาวไปจนถึงกลางเดือนก.ย.อันเป็นช่วงกำหนดวันยุบสภาหรือไม่

ถ้าหากไม่รอด มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล โดยยังจับขั้วเดิมกันอยู่แล้วเปลี่ยนนายกฯใหม่

แผนปรองดองฉบับอภิสิทธิ์จะยังคงอยู่หรือเปล่า!?

ที่ตกลงกันเอาไว้ในวันนี้ ว่าจะมีเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ย.นั้น นายกฯคนใหม่จะเอาด้วยหรือไม่

นี่จึงเป็นเหตุให้ ฝ่ายม็อบต้องเน้นย้ำ รอคำพูดว่ายุบสภาวันไหนจากปากนายกฯ

จึงจะเป็นสัญญาต่อสาธารณชนที่เชื่อมั่นได้ แล้วจึงจะสลายตัว

เพราะการพูดแต่วันเลือกตั้ง เป็นการข้ามขั้นตอนอำนาจตามกฎหมายของนายกฯ

ยาวนานไปอีก 6 เดือน อะไรจะเกิดขึ้นก็ไม่รู้

ชาวบ้านทั่วไป ที่เผลอดีอกดีใจ ตั้งแต่คืนที่นายกฯประกาศโรดแม็ปและเห็นนปช.ขานรับ อันบ่งบอกว่า ทั้งสองฝ่ายคงตกลงกันได้เรียบร้อยแล้ว เป็นอันยุติความขัดแย้งกันได้เสียที

พอรู้ว่ามาติดขัดกันที่คำพูดแค่ไม่กี่คำ แล้วทำให้ม็อบไม่ยอมเลิก เริ่มรู้สึกเหมือนทุกข์กลับมาทับอีก

โอกาสที่บ้านเมืองจะสงบ ไม่มีการปราบปรามเลือดนองแผ่นดินอยู่แค่เอื้อม

กลับจะห่างไกลออกไปอีกแล้วหรือ!?!

ยิ่งเห็นกองเชียร์รัฐบาล ที่มาในมาดขบวนการขวาจัดคืนชีพ เรียกร้องให้รัฐบาลอย่าไปยอมตามข้อเรียกร้องของประชาชนสีหนึ่ง ขอให้ปราบปรามเด็ดขาด

ออกมากดดันรัฐบาลกันยกใหญ่ ด้วยความไม่พอใจในแผนปรองดอง

คงชอบศพดองมากกว่า

ถ้าไม่เห็นม็อบเสื้อแดงถูกปราบ คงไม่มีความสุขสบายใจอะไรทำนองนั้น

ยิ่งน่าเป็นห่วงความเป็นไปในบ้านเมือง

แล้วยิ่งบรรดามือไม้รัฐบาล ในนามศอฉ. โดยเฉพาะเสธ.ไก่อูและอธิบดีดีเอสไอ ยังละเมอจะปราบปราม จะกวาดล้างจับกุมกันอยู่ทุกวัน

ยิ่งทำให้เกิดข้อสงสัยต่อแผนปรองดองของนายกฯ

จริงอยู่บรรดาข้าราชการ ต้องทำหน้าที่รักษากฎหมายต่อไปอย่างเคร่งครัด แต่ต้องจริงจังบนพื้นฐานพยานหลักฐานที่เป็นจริง ไม่ใช่เอาคดีมาใส่สีเพื่อเอาใจการเมือง

เดินไปตามข้อเท็จจริง อย่าถลำล้ำเส้น

เดี๋ยวการเมืองเปลี่ยนแปลง จะกลับตัวไม่ทัน!

ข่าวสดรายวัน
คอลัมน์ ชกไม่มีมุม(วงค์ ตาวัน)
*********************************************************

มะรุมมะตุ้ม

ทันทีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ประกาศแผนโรดแม็ปพร้อมวันเลือกตั้งใหม่ 14 พ.ย.

สังคมโดยองค์รวมก็ถอนหายใจกันเฮือกใหญ่ เพราะคาดว่าปัญหาต่างๆ น่าจะคลี่คลายไปได้ด้วยดี

แต่การณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น

ฝ่ายเสื้อแดงยังไม่ยอมก้าวลงจากเวทีแม้จะมีบันไดพาดรอไว้แล้ว

ทางหนึ่งเพราะรู้สึกว่านายอภิสิทธิ์ ไม่ยอมประกาศให้ชัดเจนเรื่องการยุบสภา และยังเกรงปัญหาเรื่องการตี ความคำพูดอันเป็นจุดแข็งของพรรคประชาธิปัตย์

ที่สามารถพลิกพลิ้วไปได้เรื่อยๆ หากพูดให้มันคลุม เครือเข้าไว้

จึงเป็นข้ออ้างให้เสื้อแดงปักหลักชุมนุมต่อไป ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะเป็นบวกหรือลบ เพราะท่าทีของรัฐบาลยามนี้ถือว่าถอยให้มากพอสมควรแล้ว

ขณะเดียวกันอีก 2 ม็อบที่ออกมาเคลื่อนไหวทันทีคือเสื้อเหลือง และเสื้อหลากสี

แสดงความไม่พอใจที่เห็นนายอภิสิทธิ์ ยอมอ่อนข้อให้เสื้อแดง

โดยเฉพาะพันธมิตรฯ แกนนำแต่ละคนแสดงออกอย่างกระหายเลือด เหมือนต้องการให้ทหารสาดกระสุนเข้าใส่ผู้ชุมนุมให้ตายหงส์ ตายห่าน เสียให้หมด

ไม่ได้นึกเลยว่าตัวเองก็เคยออกมาเคลื่อนไหวสร้างความเดือดร้อนให้บ้านเมืองทั้งยึดทำเนียบฯ และยึดสนามบิน

มีคดีความมากมายจ่อหลังอยู่ แต่ทำเป็นหน้ามึนจี้ให้ตำรวจเร่งจัดการตามกฎหมายกับเสื้อแดง

ส่วนเสื้อหลากสีไม่ต้องพูดถึง จะว่าไปแล้วก็เหลือง อ่อนๆ นั่นแหละ

จุดมุ่งหมายก็ชัดเจนว่าไม่ต้องการให้ยุบสภา

จึงมีคำถามตามมาในพลันว่า ทำไมเสื้อเหลืองและเสื้อหลากสี ถึงกลัวการเลือกตั้งใหม่ ทั้งๆ ที่นี่คือหนึ่งในองค์ประกอบของระบอบประชาธิปไตย

พันธมิตรฯ เองก็มีพรรคการเมือง ที่จริงน่าจะอยากให้มีการเลือกตั้งใหม่เร็วๆ จะได้เข้าไปชูคอในฐานะ ส.ส. หรือจับพลัดจับผลูได้เป็นรัฐมนตรีกับเขาอย่างถูกต้องตามขั้นตอน

การแสดงออกแบบนี้ อาจจะถูกกล่าวหาได้ว่า อยากมีอำนาจ อยากได้ผลประโยชน์ แต่ไม่อยากมาตามขั้นตอน

เหมือนอยากให้ลูกหลานเข้าเรียนมหาวิทยาลัย แต่ไม่อยากสอบแข่งกับเด็กคนอื่น ใช้วิธีทวงบุญคุณ หรือข่มขู่เพื่อให้เข้าเรียนได้โดยไม่ต้องสอบ

อยู่ในระบอบประชาธิปไตยแต่กลัวการเลือกตั้ง เป็นเรื่องตลกแต่ขำไม่ออกจริงๆ

ตอนนี้เหมือนทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด ฝ่ายเสื้อแดงที่ถูกกล่าวหาว่าต้องการเปลี่ยนระบอบการปกครองของไทย แต่กลับเรียกร้องให้เลือกตั้งใหม่

ขณะที่พันธมิตรฯ หรือเสื้อหลากสี ที่อ้างตัวว่ารักประชาธิปไตย และต้องการรักษาระบอบนี้ไว้ กลับกลัวการเลือกตั้งขึ้นมาเสียอย่างนั้น

ตกลงว่าใครมีแนวคิดอยากเปลี่ยนระบอบการปก ครองของไทยกันแน่!?

ข่าวสดรายวัน
คอลัมน์ เหล็กใน
******************************************************

เสื้อแดงประกาศร่วมปรองดอง-ยุติชุมนุม 10 พ.ค.ยังแค่แนวคิด

เมื่อ 18.10 น. วันที่ 7 พ.ค. ที่บริเวณด้านหลังเวทีราชประสงค์ แกนนำนปช. แถลงท่าทีต่อข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ใจความสรุปว่า นปช.พร้อมจะร่วมแนวทางปรองดองกับรัฐบาล หรือหน่วยงานอื่น ที่จะใช้สันติวิธี ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะใช้เวลานานเท่าไร ไม่ว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างใด และมีแนวทางว่าหากร่วมปรองดองกับรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจนไปสู้สันติวิธีไม่มีผู้บาดเจ็บล้มตาย นปช. ไม่ถือว่าเป็นชัยชนะของใคร ไม่ใช่ของเสื้อแดง รัฐบาล แต่เป็นชัยชนะร่วมกันของคนไทยทั้งประเทศ นปช.ไม่ประสงค์ประกาศชัยชนะบนกองซากศพของประชาชน และตำรวจทหาร

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. กล่าวว่า มีการพิจารณาในข้อเสนอที่นายอภิสิทธิ์ เสนอมาพอสมควร ถือว่าการนับหนึ่งของอภิสิทธิ์เริ่มแล้ว เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์และพรรคร่วมเห็นด้วยแล้ว การที่พันธมิตรฯและเสื้อหลากสีออกมาคัดค้าน เป็นเรื่องของพรรคประชาธิปัตย์และรัฐบาลต้องไปจัดการเอง ไม่เกี่ยวกับคนเสื้อแดง

การประชุมวันนี้มีความเห็นคล้ายนายอภิสิทธิ์เสนอมา ทุกฝ่ายต้องยุติการนำสถาบันมากล่างอ้างทางการเมืองทุกกรณี และยืนยันไม่ขอนิรโทษกรรมข้อกล่าวหาที่รัฐบาลอ้างมา จะเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ตามหลักฐานที่มี ขณะเดียวกัน ขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับวันที่ 10 เม.ย. และ 28 เม.ย. ต้องเข้าสู่ขบวนการยุติธรรมเช่นเดียวกัน นอกจากนั้นทุกกลุ่มฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการทำงานเลือกตั้ง ทั้งพรรคการเมืองและประชาชนกลุ่มเคลื่อนไหวต้องยอมรับผลการเลือกตั้งที่จะมีมา ไม่จำเป็นต้องทำสัตยาบัน ประเพียงแค่ประกาศจุดยืน จะนำไปหารือกับรัฐบาลต่อไป เบื้องต้นมีมติเท่านี้ ส่วนเรื่องอื่นคงต้องรอการประชุมในนปช.วันที่ 8 พ.ค.

นายณัฐวุฒิ กล่าวถึงกรณีหยุดการชุมนุมในวันที่ 10 พ.ค.ว่า เป็นเพียงแนวคิดของนายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำคนหนึ่งเท่านั้น แต่ที่ประชุมยังไม่มีมติว่าจะเลิกชุมนุมเมื่อใด

ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ กล่าวว่า จะไม่ยุติการชุมนุมต่อเมื่อประชาชนปลอดภัย ไม่มีการคุกคามจากทหาร ไม่มีการส่งเอสเอ็มเอส รบกวน ทหารต้องกลับกรมกอง ไม่ใช่นั้นต้องสู้กันต่อไป หากรัฐบาลอ้างว่าปรองดองแล้วต้องเหนือกว่า ไม่เท่าเทียมกัน เสมอภาค ไม่ต้องปรองดองกัน และไม่ขอนิรโทษกรรมข้อหาผู้ก่อการร้าย ขณะเดียวกัน รัฐบาลต้องเข้าสู่ขบวนการยุติธรรมในกรณีฆ่าประชาชนด้วยเช่นกัน ส่วนเรื่องสัตยาบัน พรรคการเมืองทั้งหมด และกลุ่มการเมืองต้องประกาศต่อสาธารณะว่า ต้องยอมรับมติของประชาชนหลังจากเลือกตั้ง

สำหรับข้อเสนอของนายขวัญชัย ที่จะยุติการชุมนุมวันที่ 10 พ.ค. นั้น เนื่องจากเห็นด้วยวันดังกล่าวเป็นวันครบรอบ 1 เดือน เหตุการณ์ 10 เม.ย. ที่จะมีการทำบุญให้ผู้เสียชีวิตจากเหตุรุนแรงที่ผ่านมา นอกจากนั้นยังเสนอให้ยกเลิก พ.ร.ก.ระเบียบการบริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ที่มา.ข่าวสดออนไลน์
.........................................................

การเมืองไม่เสถียร ความเจริญเท่ากับศูนย์

ไทยแลนด์ไม่ได้ก้าวถอยหลัง...แต่ก็ไม่มีแรงก้าวไปข้างหน้าเวลานี้เศรษฐกิจโลกอยู่ในช่วงต้องกอบโกย...แต่ไทยแลนด์ไม่มีเวลาไขว่คว้า...เพราะประเทศกำลังเจอปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองที่ไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไร? มาเลเซีย เป็นประเทศ “ตัวอย่าง” ที่เราหยิบยกขึ้นมาเพื่อกระตุ้นอะไรบางอย่างมาเลเซียกำลังก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและแซงหน้าไทยไปเกือบจะทุกภาคส่วน นายกรัฐมนตรีนาจิ๊บ ราซัค ประกาศโมเดลเศรษฐกิจใหม่ภายใต้วิสัยทัศน์ 2020 ที่จะนำ

มาเลเซียไปสู่สถานะของประเทศที่พัฒนาแล้วในปี 2563 หรืออีก 10 ปีข้างหน้า หากจะเทียบก็คงเทียบได้กับเกาหลีใต้ นาจิ๊บ ราซัคเปิดเผยแผนการเศรษฐกิจใหม่ที่จะเพิ่มรายได้ต่อหัวของประชากรในประเทศอีกเท่าตัว จาก 7,000 เหรียญสหรัฐต่อคน เป็น 15,000 เหรียญสหรัฐ และทำให้มาเลเซียเป็นประเทศที่ดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่น่าสนใจ คือ รัฐบาลนาจิ๊บ มีมาตรการลดอภิสิทธิ์แก่คนมาเลเซีย หลังจากที่เพิกเฉยละเลยปัญหาจนนำไปสู่ความ

รุนแรงเช่นปี 2512 ได้การลดอภิสิทธิ์แก่คนมาเลย์นั้น นอกจากเพื่อลดความขัดแย้งระหว่างเชื้อชาติในประเทศแล้ว ยังสามารถดึงนักลงทุนเข้าลงทุนจากต่างประเทศได้เป็นอย่างดี เพราะก่อนหน้านี้ รัฐบาลกำหนดว่า นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในมาเลเซียต้องจัดสรรหุ้นร้อยละ 30 ให้กับคนมาเลย์ ซึ่งต่อไปนี้รัฐบาลจะยกเลิกมาตรการนี้ เพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนในมาเลเซีย และเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจที่ก่อให้เกิดการจ้างงานมากที่สุด นอก

จากนั้นยังมีแผนจะลดการอุดหนุน โดยเฉพาะการอุดหนุนราคาน้ำมันในประเทศ และเก็บภาษีสินค้าและบริการเพิ่ม เพื่อลดการขาดดุลงบประมาณที่สูงที่สุดในรอบ 20 ปี หรือคิดเป็นร้อยละ 7.4 ของ จีดีพี และอ้างว่าจะเอาเงินส่วนนี้ไปช่วยเหลือคนยากจนที่สุดของประเทศที่มีอยู่ร้อยละ 40ถ้ามาเลเซียทำได้ตามที่พูด!...เศรษฐกิจของมาเลเซียอาจจะขยายตัวถึงร้อยละ 6.5 จากที่ผ่านมาระหว่างปี 2541-2551 เศรษฐกิจมาเลเซียโตเฉลี่ยปีละ 5.5 แต่เศรษฐกิจของ

มาเลเซียก็พึ่งพาการค้าสูงเป็นอันดับ 3 ของเอเชีย ดังนั้น การเติบโตทางเศรษฐกิจของมาเลเซียจึงผูกพันกับเศรษฐกิจโลกอย่างช่วยไม่ได้ ถ้าเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวและพัฒนาไปด้วยดี เศรษฐกิจของมาเลเซียก็มีโอกาสจะขยายตัวตาม หากสามารถบริหารจัดการปัญหาภายในประเทศได้ การที่มาเลเซียพัฒนาเศรษฐกิจก้าวหน้าจนแซงไทยไปในหลายด้าน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมาเลเซียมีเสถียรภาพทางการเมือง มีการต่อเนื่องในการดำเนินนโยบาย มีการทุจริต

คอร์รัปชั่นน้อย มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ทำให้นักลงทุนต่างประเทศสนใจที่จะเข้าไปลงทุน จุดอ่อนของมาเลเซียมีเพียงประการเดียว คือ ปัญหาเชื้อชาติภายในประเทศ หากรัฐบาลสามารถควบคุมปัญหานี้ได้ โมเดลเศรษฐกิจใหม่ของนาจิ๊บมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จแค่เอื้อมเพื่อนบ้านก้าวไกลแต่ไทยแลนด์ได้แค่ก้าวตามหากเสถียรภาพการเมืองยังไม่เสถียรสักที
ที่มา.บางกอกทูเดย์
......................................................

ป่วนแผนปรองดองยิงถล่มม็อบสีลม ตร.ดับ 1เจ็บระนาว

เมื่อเวลา 23.00 น.ที่ผ่านมา ร.ต.ท.แทน ไชยแสง พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายไม่ทราบฝ่าย ยิงอาวุธปืนใส่กลุ่มเจ้าหน้าที่และชาวบ้าน ที่บริเวณแยกศาลาแดง ถนนสีลม ฝั่งโรงแรมดุสิตธานี แขวงสีลม เขตบางรัก จึงไปตรวจสอบพร้อมด้วย พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง ผบก.น.5 และพ.ต.อ.สมบัติ มิลินทจินดา ผกก.สส.น.5 พร้อมนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน

ที่เกิดเหตุเป็นด้านหน้าธนาคารกรุงไทย สาขาย่อย อาคารซิลลิค เฮ้าส์ พบผู้บาดเจ็บ 4 คน เป็นตำรวจ 2 นาย และเป็นชาวบ้านกลุ่มชาวสีลมอีก 2 คน ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวส่ง รพ.จุฬาฯ คือ ด.ต.วิสูตร บุญยางมา ตำรวจ สน.บางนา ถูกยิงเข้าที่แขนซ้าย และ ส.ต.ท.จานุวัตร เลิศจันทร์เพ็ญ ตำรวจ สน.ทุ่งมหาเมฆ ถูกยิงเข้าที่ช่องท้อง ล่าสุดเสียชีวิตแล้ว โดยทั้งคู่เป็นชุดปราบจลาจลของ บก.น.5 ส่วนชาวบ้านที่บาดเจ็บถูกนำตัวส่ง รพ.กรุงเทพคริสเตียน ทราบชื่อ นายสวัสดิ์ ชานุบรรณกร อายุประมาณ 60 ปีเถ้าแก่โรงน้ำแข็ง ถูกยิงเข้าต้นขาขวา 2 นัด และยังมีชาวบ้านอีก 2-3 ราย ถูกเศษกระจก ขณะวิ่งหลบหนีกระสุน

จากการสอบถามพยานที่เกิดเหตุทราบว่า ก่อนเกิดเหตุมีชาวสีลมรวมตัวกันประมาณ 30-40 คน ซึ่งจะเข้ามาอยู่ประจำบริเวณโรงแรมดุสิตธานี และส่งเสียงต่อต้านการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง โดยมีตำรวจชุดปราบจลาจลยืนเป็นแถวคอยรักษาการณ์ ดูแลความปลอดภัย กระทั่งเวลาประมาณ 22.45 น. มีเสียงพลุดังขึ้นจากฝั่งผู้ชุมนุมเสื้อแดง 3 ครั้ง ทำให้ตำรวจเกิดความสับสนว่าเสียงดังกล่าวเกิดจากอะไร จากนั้นมีเสียงปืนดังขึ้น กระสุนนัดแรกพุ่งเข้าประตูกระจกธนาคารกรุงไทยเสียงดัง ทำให้ตำรวจและชาวบ้านบริเวณดังกล่าาวต่างพากันหมอบและวิ่งหลบหนีกันจ้าละหวั่น โดยชาวบ้านที่สังเกตการณ์ได้ยินเสียงปืนยิงใส่ประมาณ 6 นัด ทำให้มีผู้บาดเจ็บดังกล่าว

พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังไม่ทราบว่ากลุ่มไหนเป็นคนลงมือก่อเหตุ น่าจะเป็นฝีมือกลุ่มคนไม่หวังดีพยายามสร้างสถานการณ์ให้วุ่นวายและรุนแรง แต่จากวิถีกระสุนที่พบในที่เกิดเหตุ น่าจะพุ่งตรงมาจากแยกศาลาแดง และน่าจะเป็นวิถีที่ยิงจากมุมสูง เนื่องจากเป็นแนวดิ่ง อย่างไรก็ตาม จะให้เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบย่างละเอียดอีกครั้ง และตรวจสอบจากภาพวงจรปิดที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ ซึ่งค่อนข้างจะสอดคล้องกับคำให้การของพยานที่อยู่ในที่เกิดเหตุว่า น่าจะมีการทำงานเป็นทีม มีคนชี้เป้าอย่างแน่นอน

ที่มา.เนชั่น
...........................................................

วันศุกร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ตีขนดหาง อย่าได้หยุด!!!

ตีขนดหาง อย่าได้หยุด!!!
“๓ เกลอ” วีระ มุสิกพงศ์-จตุพร พรหมพันธุ์-ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ต้องเหยียบคันเร่งเต็มสปีด ดึง “กองกำลังรักษาสันติภาพ” เข้ามาคุมสถานการณ์ ในเมืองไทย ทุกจุด???เหมือนการผุด“โรดแม็ป” ๕ ข้อ ๕ ประการ ที่ “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นายกรัฐมนตรี ได้ความชอบธรรมจาก สิงคโปร์ มาเลเซีย นิตยสารไทม์ ยกให้เป็น “รัฐบุรุษ”..ทั้งที่เรื่องนี้ ยังเป็นแค่ “อากาศธาตุ” ลมฝีปาก “นายมาร์ค” เท่านั้นเอง...ไม่กำหนด “วันยุบสภาฯ”....ต้องบอกว่า นี่เป็น “โรดแมปเส็งเคร็ง”ฉะนั้น, เพื่อหายันต์เอาไว้กัน “แผนลับลวงพราง”...ปากอย่างใจอย่างของ “นายอภิสิทธิ์” ทาง “วีระ-จตุพร-ณัฐวุฒิ” ต้องสร้างความชอบธรรมให้โลกเช่นประจักษ์ ดึง “กองกำลังสันติภาพ” เข้ามาด่วนจี๋!!!มี “กองกำลังสันติภาพ” คุ้มครอง..... “มาร์ค” ไม่กล้าหยิ่งผยอง?....นึกลำพอง สลายม็อบหรอกพี่???
sssssssssssssssssssssssssssssssssssssssssssssss
‘ความชอบธรรม’ มีเป็นกระตั่ก!!
พฤติการณ์ปากโป้ง ปากสว่าง ขู่ไม่ดูวันโกนวันพระ ของ “ไก่อู” พันเอกสรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. ควรทำเรื่อง “ฟ้องทั่วโลก” ให้เป็นที่ประจักษ์???
ทำหนังสือเลสเตอร์ฉบับน้อยทุกๆ วัน แปลเป็นภาษาอังกฤษ ไปยัง “บัน คี มุน” เลขาธิการสหประชาชาติ, “ประธานาธิบดีบารัก โอบามา” แห่งสหรัฐอเมริกา ฟ้องความประพฤติข่มขู่เข้าสลายม็อบคนเสื้อแดง ใช้ทั้ง รถยานเกราะ อาวุธสงครามครบมือ เพื่อกวาดล้างแดงให้ตายเป็นเบือ ที่ราชประสงค์“ไก่อู” ก้าวร้าวเท่าไหร่!... “เสื้อแดง” ยิ่งได้รับความชอบธรรม โดยตรงฉะนั้น, ปล่อยให้ “โฆษก ศอฉ.” อย่าง “พันเอกสรรเสริญ แก้วกำเนิด” ฮึกเหิม ห้าวหาญ ระราน ในการ “ปราบม็อบเสื้อแดง” ต่อไปเหอะ!!!ยิ่ง “ไก่อู” พูดตอกย้ำ.... “เสื้อแดง” ยิ่งได้ความชอบธรรม?.....จากการกระทำ ของ “ศอฉ.”ที่เลอะเทอะ???
ssssssssssssssssssssssssssssssssssssss
ทิ้งประโยคให้คนได้ยิน!!!
“ป๊ะป๋า” พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และ รัฐบุรุษ “ก่อนตายขอตอบแทนบุญแผ่นดิน”???อยากเห็น “จิ๋ว หวานเจี๊ยบ” พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย อดีตนายกรัฐมนตรี...เลิกเกรงใจใคร ทั้งที่ถูกเขาตามเหยียบย่ำ หยามเกียรติ จะจับตัวที่ โรงแรมจังหวัดปัตตานี และวันที่ไปยัง กรมทหารราบที่ ๑๑เขารุมกินโต๊ะ เอาถึงตาย....แต่ลูกผู้ชาย “บิ๊กจิ๋ว” นิ่งเฉย ไม่ปล่อยหมัดเด็ดฉะนั้น, “บิ๊กจิ๋ว” ต้องชูธงรบอย่างแข็งขัน และ คึกคะนอง ...อย่าได้พินอบพิเทา ลดราวาศอกให้แก่ใคร?...การใช้ “โซ่ข้อกลาง” เพื่อให้ชาติกลับมาสมานไมตรีเป็นเรื่องที่ดี...แต่บางคนไม่ซื่อ จ้องจะรวบตัว “บิ๊กจิ๋ว” จ้องที่จะจับ!!!“บิ๊กจิ๋ว” เล่นอยู่ในเกม......แต่บางคนใช้อำนาจหลุดเฟรม?.....เล่นนอกกติกาเต็มๆ ทนไปให้เสียเหลี่ยม ทำไมเล่าครับ???
sssssssssssssssssssssssssssssssssssssss
ไดโนเสาร์เต่าล้านปี!!!
ชักใบให้เรือล่มกลางครัน...ก็การออกมา โก่งคอขัน ไม่เอา ไม่เล่นด้วย กับ “โรดแมป” ปรองดองเพื่อชาติ ของ รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ “สามสี ภูเขาทอง” นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี???แผ่นดินไทยอ่วม เลือดท่วมแผ่นดินไปหลายล้านซีซี แล้วนะ “ท่านรองนายกฯ ไตรรงค์” เจ้าคะ เจ้าขา....ค้านแผนสันติภาพ “นายกฯ อภิสิทธิ์”........คิดสะระตะอย่างไร ไอเดียท่านก็ไม่เข้าท่าท่านสำเร็จหลักสูตรเศรษฐศาสตร์ มานานหลายปีมะโว้ เมื่อ ๓๐-๔๐ ปีก่อน .. ย่อมตามโลกไซเบอร์ ความรวดเร็วของข้อมูลข่าว เพียงลัดนิ้วมือเดียวไม่ทัน.. ชนิดจะพลิกกระดิกตัวค้านอะไรอย่าให้ก่งก๊งนักเลย!....อีกอย่างนับแต่ท่านนั่งเต๊ะจุ้ย เป็น “รองนายกรัฐมนตรี คุมฝ่ายเศรษฐกิจ” ไม่เห็นมีผลงานโชว์แต่การเป็น “ตลกบริโภค”...โดยทำงานอืดอาด เหมือน “คนโบราณหลงยุค” ที่หยำแหยะ!!!เป็น “รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ”.....ไม่ปั่นไม่โม่ ผลงานสักนิด?.... “นายกฯ อภิสิทธิ์” ควรปลด ได้แล้วแหละ???
ssssssssssssssssssssssssssssssssssssssss
เป็นเรื่อง “มหัศจรรย์ธรรมชาติ”!!!
แต่หลายคนว่าเรื่องนี้ ธรรมด้า..ธรรมดา...มิใช่เรื่องประหลาด???การที่เก้าอี้สมัยเด็กๆ ของ “นายหัวชวน หลีกภัย” ที่ยกออกจากบ้านจังหวัดตรัง มาไว้ชานเรือน...แล้วเก้าอี้ตัวนั้น กับลอยขึ้น สูงขึ้น หลายคนวิพากษ์วิจารณ์ ว่า “อดีตนายกฯ ชวน” จะรีเทิร์น เป็น “นายกรัฐมนตรี” รอบใหม่หากพิศดูให้ถ่องแท้....ที่แน่ ๆ “จอมปลอม” กินขาเก้าอี้ จึงทำให้ลอยขึ้นมาได้ไม่ได้เป็นเรื่องมหัศจรรย์พันลึก ..เป็นการ “ส่งสัญญาณพิเศษ” ถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี!“จอมปลอม” กินจนเก้าอี้ลอย...มิได้แปลกสักหน่อย?...อุ้ย, ฝอยกันอยู่ได้ ก็แปลกดี???

คอลัมน์.ตอดนิดตอดหน่อยการบูร
ที่มา.บางกอกทูเดย์
...................................................

ผี “ทักษิณ”

หวั่นไหววาบหวาม..แค่ นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขอ “ผ่าทางตัน”ให้กับบ้านเมือง ด้วยการให้มีเลือกตั้งครั้งต่อไป วันที่ 14 พฤจิกายนประดาแฟนๆทั้งหลายทำท่าจะ “ชักดิ้นชักงอ” ตายไปพร้อมกับการยุบสภาหลายคน..ร้องระงมเซ็งแซ่กระจองอแงกันเป็นพรวนและหากถ้ามี “การเลือกตั้ง” ตามกำหนดเวลานี้จริง

พรรค“เพื่อไทย” ที่ชูธง ทักษิณ ชินวัตร จะพาเหรดเข้าสภากันมาอย่างล้นหลามไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ วิจารณ์ จาก คอการเมือง คอลัมนิสต์ นักวิชาการ แม้ กระทั่ง สื่อต่างชาติ ต่างก็ชี้ไปทางเดียวกันว่า..พรรคของ “ทักษิณ”จะผงาด!!เอาเป็นว่า“ปี่กลอง” ยังไม่ทันโหมโรง “นักมวย”ยังไม่ได้พันมือเตรียมชก ราคา “ต่อรอง” ก็ไหลไปชนิดหาคนเล่นไม่ได้แล้วถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่ “อภิสิทธิ์”ลั่นวาจาไว้ แบบที่ไม่มีอะไร ลับ ลวง พราง ถือเป็น “ไฟต์บังคับ” ที่ต้อง

ทำให้เกมออกมาในรูปนั้นเชื่อว่า พรรคของ “ทักษิณ” บวก “คนเสื้อแดง” บวก ชาวรากหญ้า บวกข้าราชการ อีกครึ่งประเทศได้ “เฮ”กันลั่นทุ่ง!!แต่..หาก “ฟ้าเปลี่ยนสี ผีเปลี่ยนหลุม” มีเหตุที่ต้องทำให้ ประชาธิปัตย์ โดน “ยุบพรรค” ไปก่อน..และมีการเปลี่ยน“จ๊อกกี้”คนขี่ม้าใหม่แต่สีเสื้อเดิม..นั่นก็ว่ากันไปอีกเรื่องเอาเป็นว่าในช่วงนี้แค่ได้ยินชื่อ “ทักษิณ” ก็สะดุ้งกันโหยงเพียง“เห็นแค่เงา เอาแค่เสียง” หลายพรรคก็ทำท่าจะม้วนเสื่อกลับบ้านอ้วกกันเป็นแถวจึงไม่แปลกใจที่

จะได้ยินเรื่องขบวนการ “ล่าทักษิณ” สุดขอบฟ้า อยู่เนืองๆอะไรก็ได้ที่ทำให้ “ทักษิณตาย” อย่างเดียว..เมื่อไม่ “ตายจริง” ขอแช่งให้ตายก็ยังดี ..โอ!..นี่มันแค้น หรือ มันกลัววะเนี่ย!! ไม่ตายยัง “เฮี้ยน”ขนาดนี้..ถ้าเป็น “ผี” จริงๆ จะดุขนาดไหน ลองคิดดู เสียงสัปเหร่อลอยมาแบบ ออฟซีน ในอดีต..“มันจบแล้วครับนาย”“เฮ้ย..กูยังไม่ตายนะว้อยย เน”!!
คอลัมน์.ก็โลกมันเบี้ยวหนุ่ม ชิงชัย
ที่มา.บางกอกทูเดย์
........................................................

ปรองดอง-จองเวร

แผนปรองดองตามโรดแมป 5 ข้อ ของนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถือเป็นเรื่องดี คือดีกว่าไม่ทำอะไรสักอย่าง แต่ก็มี “บางอย่าง” ที่แผนปรองดองแห่งมาร์คครั้งนี้ ไม่ค่อยแฟร์มันเหมือนเชิญให้มาเจรจาตกลงกัน แต่ให้อีกฝ่ายสวมกุญแจมือไขว้หลัง และอีกฝ่าย(คือรัฐบาล)มีทั้งมีดทั้งปืนอยู่ในมือฝ่ายที่สวมกุญแจมือจะเอาอะไรมาสู้กับฝ่ายที่อาวุธครบมือ แล้วมันจะปรองดองกันได้อย่างไร??ผมจึงเห็นด้วยกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ออกมา

แสดงความเห็นที่เห็นภาพชัดเจนว่าสิ่งที่รัฐบาลควรดำเนินการคือการยกเลิกการประกาศใช้พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อแสดงถึงความจริงใจในการสร้างความปรองดองยกเลิกการแทรกแซงและปิดกั้นสื่อโดยเฉพาะสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม พีเพิลชาร์แนล และควรยกเลิกแนวคิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะควรเป็นเรื่องของรัฐบาลใหม่ที่รับเสียงข้างมากในการมาบริหารประเทศโดยเฉพาะไม่ควรแก้ไขมาตรา 237 เพื่อหนี

ความผิดกรณียุบพรรคผมเชื่อว่า...ข้อเรียกร้องของ “สารวัตรเหลิม” คงไม่ได้รับการสนองตอบจาก นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพราะทุกประเด็นในแผนการปรองดองนั้น ได้ถูกกำหนดเอาไว้อย่างที่เรียกว่าเป็นข้อเสนอสำเร็จรูป!!แก้ไขอะไรไม่ได้!!และที่สำคัญ “อำนาจ” ของนายกรัฐมนตรีก็มีจำกัด!! มองเห็นได้ชัดจากการที่มีการแสนอแผนการปรองดอง แต่ฝ่าย ศอฉ. ก็ยังเดินหน้าใช้อำนาจตาม พ.ร.ก. ออกข่าวที่สวนทางกับการปรองดองอยู่ทุกวันถ้าจำไม่ผิด ฝ่าย

รัฐบาลหรือฝ่ายมาร์คนั่นแหละ ได้เคยประกาศตอนให้มีแผนปรองดองใหม่ๆ ว่า จะใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉินต่อไปอีก 25 สัปดาห์ หรือ 14 วันคำถามมีว่า.....รัฐบาลจะอาศัยอำนาจนี้ไปทำอะไร?? จะทำลายใคร?? หรือทำไมไม่ประกาศยกเลิกในทันที เพื่อให้คล้องจองกับคำว่า... “ปรองดอง”??คนทั่วไปที่มีใจเป็นธรรมเขาต่างเห็นพ้องกับ “เฉลิม อยู่บำรุง” วันนี้ต้องเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน-เปิดพีทีวีเพื่อความปรองดอง!!
คอลัมน์.ปัญหาโลกแตกสองคม
ที่มา.บางกอกทูเดย์
.......................................................