แล้ว กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ก็ยุบเวที ผ่านฟ้าฯ เพื่อมารวมกันแห่งเดียว บริเวณแยกราชประสงค์ใจกลางเมืองหลวงของประเทศไทย ทั้งๆ ที่ 12 วันที่ผ่านมา ศูนย์การค้าและโรงแรม ก็เสียหายยับเยิน หากเมื่อม็อบใหญ่เคลื่อนพลมารวมตัวหลายหมื่นคน บนแยกราชประสงค์ อะไรจะเกิดขึ้น!!!
ใคร ๆ ก็รู้ว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ตั้งของศูนย์กลางการค้าและการท่องเที่ยวนับร้อยแห่ง โดยเฉพาะห้างสรรพสินค้า อาทิ เซ็นทรัล เวิลด์, เอราวัณ แบงค็อก, เกษรพลาซ่า, อัมรินทร์พลาซ่า ไม่นับห้างใกล้เคียงอย่างห้างสยามเซ็นเตอร์, สยามดิสคัฟเวอรี่, สยามพารากอน, และห้างย่านประตูน้ำ เช่น แพลทตินัม มอลล์ ฯลฯ
ไม่นับรวม อาคารสำนักงานและโรงแรม เช่น โรงแรม แกรนด์ไอแอท เอราวัณ, โรงแรมอินเตอร์คอน ติเนนตัล, โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์, เลอเนซอง, โรงแรมโฟร์ ซีซั่น และโรงแรมโซฟิเทล เซ็นทารา แกรนด์ แม้เปิดให้บริการแต่บรรยากาศค่อนข้างเหงียบเหงา เนื่องจากลูกค้าเกรงความไม่ปลอดภัย ต้องคืนห้องพักจำนวนมาก
ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ได้แก่ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสมาคมธนาคารไทยออกมาเรียกร้องให้กลุ่ม นปช. คืนพื้นที่ และยังไปไกลถึงขนาดให้รัฐบาลเร่งแก้ไขความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
นายดุสิต นนทนาคร ประธานสภาหอการค้าไทย ประเมินความเสียหายวันละ 300 ล้านบาท หากปิดล้อมยาวนาน 1 เดือนจะสร้างความเสียหายถึง 2 หมื่นล้านบาทเลยทีเดียว
ขณะที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. ได้ออกมาโจมตี กกร. โดยกล่าวหาว่าเป็นองค์กรที่ไม่มีความเป็นกลาง โดยยกเหตุการณ์เมื่อครั้งที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยชุมนุมเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลชุดก่อน กกร. ได้ลงโฆษณาเรียกร้องให้ล้มรัฐบาลเพื่อจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปัตย์ ดังนั้น การเรียกร้องให้กลุ่มเสื้อแดงยุติการชุมนุมโดยอ้างความเสียหายต่อธุรกิจจึงไม่อาจยอมรับได้
"สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ควรหุบปากแล้วนั่งเฉยๆ เพราะไม่มีความเป็นกลางทางการเมือง วันนี้คนเสื้อแดงอยากเหลือเกินที่จะเห็นคนกลาง ขนาดองคมนตรียังกลับกลายเป็นหัวขบวนของอีกฝั่งไปแล้ว" แกนนำ นปช. กล่าว
ท่ามกลางความขัดแย้ง หากตรวจสอบจะพบข้อเท็จจริงดังนี้
โครงสร้างกลุ่มทุนของประชาธิปัตย์ตามรายนามผู้บริจาคเงิน นอกจากนักการเมืองอาชีพยังมีภาคธุรกิจเป็นองค์ประกอบจำนวนมาก
บริษัท แสงโสม จำกัด บริษัท ทีซีซีแลนด์ จำกัด ของกลุ่ม นายเจริญ สิริวัฒนภักดี บริษัท เจริญโภคภัณฑ์ โฮลดิ้ง จำกัด ของ นายธนินท์ เจียรวนนท์ ธนาคารกรุงเทพของ นายชาตรี โสภณพนิช ทุนรับเหมา ช.การช่าง อิตาเลียนไทยของตระกูลกรรณสูต ทุนประกันภัยของกลุ่มล่ำซำ และกลุ่มทุนห้างสรรพสินค้าและอสังหาริมทรัพย์รวมอยู่ด้วย
กลุ่มหลังนี้มีบริษัท เตียง จิราธิวัฒน์ จำกัด กลุ่มเดอะมอลล์ในนามบริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป บริษัท สยามพารากอน ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด บริษัท สยามพารากอน รีเทล จำกัด กลุ่มศรีวิกรม์ และกลุ่มดุสิตธานี อยู่หัวขบวน
บิ๊กเนมเหล่านี้ล้วนได้รับผลกระทบทั้งทางตรงทางอ้อมกับการปิดล้อม "ราชประสงค์" ทั้งสิ้น
ไม่ว่าเป็นห้างเซ็นทรัล เวิลด์ พลาซ่า ของกลุ่มจิราธิวัฒน์ ศูนย์การค้าเพนนินซูล่าของ นางสุนงค์ สาลีรัฐวิภาค ภรรยา นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม แม้กระทั่งห้างเกษรพลาซ่าของตระกูลศรีวิกรม์
ทั้งนี้ กลุ่มจิราธิวัฒน์เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทโพสต์พับลิชชิ่ง เพิ่งแหย่ขาเข้าไปรับทำข่าวให้สถานีโทรทัศน์เอ็นบีที (ช่อง11) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
นายพีระพันธุ์และนางสุนงค์ เป็นเจ้าของ บริษัท นิวแอตแลนติค จำกัด เจ้าของศูนย์การค้าเพนนินซูล่า, บริษัท วงศ์พระยา พรอปเปอตีส์ จำกัด ให้เช่าพื้นที่สำนักงานและพลาซ่า อยู่ในอาคารเพนนินชูล่าพลาซ่า ชั้น 4 ถนนราชดำริ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน
นางสุนงค์เป็นลูกของ ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย เจ้าของโรงแรมดุสิตธานี หนึ่งในคณะ 11 ซึ่งถูก นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แฉว่าสนิทกับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ คู่ปรับของคนเสื้อแดง
ขณะที่ตระกูลศรีวิกรณ์เป็นเจ้าของห้างเกษร พลาซ่า ในกลุ่ม ศรีวิกรม์ กรุ๊ป โฮลดิ้ง มี นายเฉลิมพันธ์ คุณหญิงศศิมา ศรีวิกรม์ เป็นเจ้าของ
นายเฉลิมพันธ์ คุณหญิงศศิมา เป็นพ่อและแม่ นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ ภรรยา นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ส.ส.กรุงเทพฯ ผู้อำนวยการพรรคประชาธิปัตย์
ทั้งนายเฉลิมพันธ์และนายณัฏฐพล ต่างเทเงินบริจาคให้ประชาธิปัตย์ ในช่วงปี 2551 หลายล้านบาท
ดังนั้น การยึด "ราชประสงค์" จึงไม่ต่างจากจับกลุ่มทุนประชาธิปัตย์เป็นตัวประกัน
ยึดพื้นที่ "เชิงสัญลักษณ์" และ ทุบทุนฝ่ายตรงข้ามไปในตัว
หลังจากก่อนหน้านี้แบงก์กรุงเทพซึ่งถูกกล่าวหาว่าใกล้ชิด พล.อ.เปรม ถูกถล่มเละกรณีสนามกอล์ฟเขาสอยดาว จ.จันทบุรี หรือกรณีลอบปาระเบิดหน้าธนาคารกรุงเทพสำนักงานใหญ่ และสำนักงานสาขาใน จ.พะเยา คู่ขนานกับการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง
กลุ่มซีพีของตระกูลเจียรวนนท์ ถูกถล่มยับบนเวทีม็อบแดงที่สะพานผ่านฟ้าแทบทุกคืน ล่าสุดวันที่ 6 เมษายนที่ผ่านมาอาคารสำนักงานใหญ่ย่านสีลมยังถูกปิดล้อมอีกด้วย
วันนี้ถ้าหากเซ็นทรัล เวิลด์ ยังเป็นสมบัติของ นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย อดีต รมช.พาณิชย์ คนใกล้ชิด พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ หรือเป็นนายทุนให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย
อาจไม่เห็นการบุกยึด "ราชประสงค์"
แต่กระนั้น เอราวัณ กรุ๊ป ที่ เมียของนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ถือหุ้น ก็เดือดร้อนเสียหาย ไม่ใช่น้อย
ก่อนหน้านี้ นายประกิต ประทีปะเสน ประธานกรรมการ บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (ERAWAN) แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชา ธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่แยกราชประสงค์ ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 3 เม.ย.53 ได้ส่งผลกระทบต่อโรงแรมของบริษัท 2 แห่ง คือ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ และโรงแรมคอร์ทยาร์ด โดยแมริออท กรุงเทพฯ
บริษัทประเมินว่า หากสถานการณ์ดังกล่าวยืดเยื้อเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 1 เดือน จะมีผลกระทบต่อรายได้ของทั้ง 2 โรงแรม รวมกันประมาณ 90 ล้านบาท/เดือน ซึ่งคิดเป็น 3% ของรายได้จากการประกอบกิจการโรงแรมทั้งหมดของบริษัทในปี"52 ที่ผ่านมา
นายประกิต ประทีปะเสน ยืนยันว่า นับตั้งแต่มีการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลของกลุ่ม นปช.ที่บริเวณแยกราชประสงค์ ตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย.53 จนถึงปัจจุบัน โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ ไม่เคยให้การสนับสนุน และ/หรือให้ที่พักพิงไม่ว่าจะเป็นการชั่วคราวหรือรายวัน แก่แกนนำ นปช. และ/หรือกลุ่มผู้ชุมนุมที่ย่านราชประสงค์
สำหรับ ERAWAN มีโครงสร้างผู้ถือหุ้นคือ ครอบครัวว่องกุศลกิจถือหุ้นรวม 39% ครอบครัววัธนเวคินถือหุ้นรวม 31% และส่วนที่เหลืออีก 30% ถือโดยกองทุนไทยและต่างประเทศ และผู้ถือหุ้นรายย่อย
ผู้ถือหุ้นของบริษัทแต่งตั้งคณะกรรมการบริษัทจำนวน 12 คน ประกอบด้วยกรรมการอิสระ 6 คน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร 1 คน และกรรมการจากครอบครัวผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 5 คน ประกอบด้วย ครอบครัวว่องกุศลกิจ 3 คน และครอบครัววัธนเวคิน 2 คน (กรรมการจากครอบครัววัธนเวคินคิดเป็น 17% ของจำนวนกรรมการทั้งหมด)
ส่วนนางพนิดา เทพกาญจนา (นามสกุลเดิมวัธนเวคิน) ภรรยานายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตผู้บริหารพรรคไทยรักไทย เป็นกรรมการของบริษัท เป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัววัธนเวคิน และคู่สมรสถือหุ้นในบริษัท รวมกันจำนวน 3,693,416 หุ้น คิดเป็น 0.16% ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ไม่เคยดำรงตำแหน่งกรรมการ หรือผู้บริหารของบริษัท และไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องในการบริหารงาน ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม
สถานการณ์ เช่นนี้ ถ้ารัฐบาลประชาธิปัตย์บริหารจัดการไม่เด็ดขาด กลุ่มทุนแถวหน้าที่ ตอนแรกยืนยัน เสียงแข็งว่า ไม่เห็นด้วยกับการยุบสภา
หลังจากผ่านไป เกือบ 2 สัปดาห์ สุ้มเสียง ทุนใหญ่ เริ่ม บ่นกันแล้วว่า ถ้าแก้ปัญหา ไม่ได้ ก็ยุบสภา ไปเหอะ !!!! พ่อมาร์ค
ที่มา.ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
***********************************************
วันพุธที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2553
ทรราช?
โดย หนังสือพิมพ์โลกวันนี้รายวัน
ในวันแรกที่มีการสั่งสลายการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แดงทั้งแผ่นดิน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไม่ได้แสดงให้เห็นความรับผิดชอบในการเสียชีวิต บาดเจ็บของประชาชนและทหารจำนวนมาก แถมยังใช้วาจาบิดพลิ้วหรือหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบเหมือนเช่นทุกครั้ง
แม้แต่สำนักข่าวเอเอฟพียังรายงานภาพทหารที่เล็งอาวุธไปยังผู้ชุมนุมเสื้อแดงว่านายอภิสิทธิ์ไม่ได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยังยืนยันจะอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยพยายามโยนไปความผิดให้มือที่สามที่ยิงเอ็ม 79 ทั้งที่หลักฐานภาพถ่ายจำนวนมากของสำนักข่าวต่างประเทศชี้ให้เห็นชัดเจนว่าทหารเล็งปืนและลั่นกระสุนเข้าใส่ผู้ชุมนุม
ดังนั้น ไม่ว่ารัฐบาลจะอ้างความชอบธรรมตามกฎหมายหรือยืนยันว่าได้ปฏิบัติตามขั้นตอนการสลายการชุมนุมตามหลักสากล แต่เมื่อเกิดการเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งรัฐบาลและกองทัพที่เกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุมก็อาจมีความผิดในฐานะอาชญากรสงคราม ที่จะต้องรับโทษตามกฎหมายซึ่งมีอายุความ 20 ปี
ไม่ว่านายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะผู้รับผิดชอบการปฏิบัติหน้าที่การยึดคืนพื้นที่ของ ศอฉ. ทั้งหมดต้องรับผิดชอบการสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดง
สถานการณ์บ้านเมืองวันนี้ ยิ่งนายอภิสิทธิ์ดื้อแพ่งจะอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม ก็ยากที่จะทำให้สถานการณ์กลับมาเหมือนเดิม เพราะขณะนี้ความขัดแย้งได้ถลำลึกเป็นวิกฤตที่พร้อมจะลุกลามไปยังจุดอื่นๆของประเทศได้
นายอภิสิทธิ์จึงต้องออกมาแสดงความจริงใจด้วยการเสียสละและแสดงความรับผิดชอบที่ทำให้คนไทยต้องฆ่ากันเอง ด้วยการประกาศชัดเจนว่าจะลาออกหรือยุบสภา พร้อมยกเลิก พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และ พ.ร.ก.ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ต้องยกเลิกการปิดกั้นสื่อทุกชนิด ขณะเดียวกันสื่อของรัฐก็ต้องยุติการเสนอข่าวในลักษณะบิดเบือนและปลุกระดม เพื่อทำลายความชอบธรรมของคนเสื้อแดงโดยเด็ดขาด
ส่วนการเจรจาก็ไม่ได้ปิดตาย หากนายกรัฐมนตรีจะเป็นฝ่ายเดินหน้าขอเจรจากับแกนนำคนเสื้อแดง โดยมีข้อเสนอที่ชัดเจน ไม่ใช่ยังเล่นลิ้นใช้สำนวนโวหารหลีกเลี่ยงปัญหาให้ผ่านไปวันๆ ซึ่งวันนี้ไม่มีเวลาเหลือสำหรับนายกรัฐมนตรีแล้ว ขณะเดียวกันยังหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการนองเลือดและการฉวยโอกาสเพื่อทำรัฐประหาร
ดีกว่าให้คนไทยและคนทั่วโลกประณามว่าเป็น “ทรราช”
**********************************************************************
ในวันแรกที่มีการสั่งสลายการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แดงทั้งแผ่นดิน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไม่ได้แสดงให้เห็นความรับผิดชอบในการเสียชีวิต บาดเจ็บของประชาชนและทหารจำนวนมาก แถมยังใช้วาจาบิดพลิ้วหรือหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบเหมือนเช่นทุกครั้ง
แม้แต่สำนักข่าวเอเอฟพียังรายงานภาพทหารที่เล็งอาวุธไปยังผู้ชุมนุมเสื้อแดงว่านายอภิสิทธิ์ไม่ได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยังยืนยันจะอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยพยายามโยนไปความผิดให้มือที่สามที่ยิงเอ็ม 79 ทั้งที่หลักฐานภาพถ่ายจำนวนมากของสำนักข่าวต่างประเทศชี้ให้เห็นชัดเจนว่าทหารเล็งปืนและลั่นกระสุนเข้าใส่ผู้ชุมนุม
ดังนั้น ไม่ว่ารัฐบาลจะอ้างความชอบธรรมตามกฎหมายหรือยืนยันว่าได้ปฏิบัติตามขั้นตอนการสลายการชุมนุมตามหลักสากล แต่เมื่อเกิดการเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งรัฐบาลและกองทัพที่เกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุมก็อาจมีความผิดในฐานะอาชญากรสงคราม ที่จะต้องรับโทษตามกฎหมายซึ่งมีอายุความ 20 ปี
ไม่ว่านายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะผู้รับผิดชอบการปฏิบัติหน้าที่การยึดคืนพื้นที่ของ ศอฉ. ทั้งหมดต้องรับผิดชอบการสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดง
สถานการณ์บ้านเมืองวันนี้ ยิ่งนายอภิสิทธิ์ดื้อแพ่งจะอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม ก็ยากที่จะทำให้สถานการณ์กลับมาเหมือนเดิม เพราะขณะนี้ความขัดแย้งได้ถลำลึกเป็นวิกฤตที่พร้อมจะลุกลามไปยังจุดอื่นๆของประเทศได้
นายอภิสิทธิ์จึงต้องออกมาแสดงความจริงใจด้วยการเสียสละและแสดงความรับผิดชอบที่ทำให้คนไทยต้องฆ่ากันเอง ด้วยการประกาศชัดเจนว่าจะลาออกหรือยุบสภา พร้อมยกเลิก พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และ พ.ร.ก.ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ต้องยกเลิกการปิดกั้นสื่อทุกชนิด ขณะเดียวกันสื่อของรัฐก็ต้องยุติการเสนอข่าวในลักษณะบิดเบือนและปลุกระดม เพื่อทำลายความชอบธรรมของคนเสื้อแดงโดยเด็ดขาด
ส่วนการเจรจาก็ไม่ได้ปิดตาย หากนายกรัฐมนตรีจะเป็นฝ่ายเดินหน้าขอเจรจากับแกนนำคนเสื้อแดง โดยมีข้อเสนอที่ชัดเจน ไม่ใช่ยังเล่นลิ้นใช้สำนวนโวหารหลีกเลี่ยงปัญหาให้ผ่านไปวันๆ ซึ่งวันนี้ไม่มีเวลาเหลือสำหรับนายกรัฐมนตรีแล้ว ขณะเดียวกันยังหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการนองเลือดและการฉวยโอกาสเพื่อทำรัฐประหาร
ดีกว่าให้คนไทยและคนทั่วโลกประณามว่าเป็น “ทรราช”
**********************************************************************
เงื่อนไขใหม่′ยุบพรรค′ปชป. ผลัก′มาร์ค′ติดบ่วงศาลรธน.ซ้ำรอยทักษิณ-สมัคร-สมชาย !!
เงื่อนไขใหม่′ยุบพรรค′ปชป. ผลัก′มาร์ค′ติดบ่วงศาลรธน.ซ้ำรอยทักษิณ-สมัคร-สมชาย !!
หวยออกพรรคประชาธิปัตย์ กกต.แถลงผลประชุมวาระพิเศษมีมติเป็นเอกฉันท์สั่งยุบพรรคปชป.คดีเงินบริจาค 258ล้าน และเงินสนับสนุนพรรคการเมือง 29 ล้าน เตรียมส่งอัยการสูงสุดเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป จับตา"อภิสิทธิ์"จะเดินซ้ำรอย 3 อดีตนายกฯ ทักษิณ-สมัคร-สมชาย หรือไม่?
ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก
ขณะที่ "เสื้อแดง" ยึดท้องถนนทั่วกรุงเทพฯ เพื่อกดดันให้รัฐบาลยุบสภา
จู่ๆ 5 คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็เรียกประชุมนัดพิเศษ และมีมติ "ยุบพรรค" ประชาธิปัตย์ ในวันที่ 12 เมษายน 2553
นายธนิศร์ ศรีประเทศ รองเลขาธิการกกต. ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ แถลงผลการประชุมกกต.วาระพิเศษ ว่า ภายหลังจากที่นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ได้รับความเห็นกรณีคดีเงินบริจาค จำนวน 258 ล้านบาท และเงินกองทุนสนุบสนุนพรรคการเมืองจำนวน 29 ล้านบาทที่พรรคประชาธิปัตย์ถูกกล่าวหาอาจกระทำการเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.พรรคการเมืองจากคณะทำงานของนายทะเบียนพรรคการเมืองในวันเดียวกันนี้ ที่ประชุมกกต.จึงได้พิจารณาทันที
ทั้งนี้ ที่ประชุมกกต.พิจารณาใน 2 ข้อกล่าวหาโดยข้อกล่าวหาแรก กรณีพรรคประชาธิปัตย์ได้รับเงินบริจาคจากบริษัททีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ผ่านทางบริษัท เมซไซอะ บิสิเนส แอนด์ ครีเอชั่น จำกัด เป็นจำนวนเงิน 258 ล้านบาท โดยทำสัญญาสื่อว่าจ้างทำสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ต่างๆ "เป็นนิติกรรมอำพราง" เพื่อหลักเลี่ยงการรายงานการรับบริจาคเงินตามที่กฎหมายกำหนด อาจเข้าข่ายกระทำผิดตามมาตรา 66 (2) (3) แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2541 และมาตรา 94 (3) (4) (5) แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2550 โดยที่ประชุมมีมติคะแนน "เสียงข้างมาก" ให้นายทะเบียนพรรคการเมืองแจ้งต่ออัยการสูงสุดพร้อมด้วยหลักฐาน เพื่อให้อัยการสูงสุดยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป ตามาตรา 95 ของกฎหมายพรรคการเมือง
ส่วนข้อกล่าวหาที่สอง กรณีมีผู้แจ้งข้อกล้าวหาว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ใช้จ่ายเงินที่ได้รับจากเงินกองทุนสนับสนุนพรรคการเมืองจากสำนักงานกกต.ให้เป็นไปตามบทบัญญัติตามกฎหมายและการจัดทำการใช้จ่ายและการจัดทำการรายงานใช้จ่ายเงินสนับสนุนพรรคการเมืองไม่ถูกต้องตามความเป็นจริงที่ยื่นต่อกกต.อันเป็นการเข้าข่ายตามมาตาม มาตรา62 และ65 ของพ.ร.บ.พรรคการเมือง 2541 และมาตรา82และ 93 ของพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง2550 โดยที่ประชุมกกต.มี "มติเอกฉันท์"ให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ โดยใช้มติเสียงข้างมากแจ้งต่ออัยการสูงสุดเพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคประชาธิปัตย์ ตามมาตรา 95 ของพ.ร.บ.ประกอบรับธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2550
สำหรับขั้นตอนจากนี้ทาง กกต.ได้มอบหมายให้นายทะเบียนพรรคการเมืองดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดตามความเห็นแจ้งต่ออัยการสูงสุด เมื่ออัยการสูงสุดได้รับเรื่องแล้วจะจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน แต่หากเห็นว่าหลักฐานยังไม่เพียงพอก็ต้องแจ้งกลับมายังนายทะเบียนเพื่อตั้งคณะทำงานร่วมกัน แต่หากเห็นว่ายังไม่ได้ข้อยุติ นายทะเบียนพรรคการเมืองก็สามารถส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญได้โดยตรง
ทั้งนี้ การพิจารณาของนายทะเบียนครั้งนี้ใน 2 ประเด็นก็เห็นว่า คดีดังกล่าวอาจมีการกระทำความผิดจึงเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญจึงส่งให้ที่ประชุมกกต.พิจารณา เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาทั้ง 2 ประเด็นจากนี้ไป "อภิสิทธิ์" จึงต้องเผชิญหน้าทั้งปัญหาการเมือง การทหาร และตุลาการ
กระดานหกการเมือง ผลักให้นายกรัฐมนตรี คนที่ 27 ต้องติดบ่วงศาลรัฐธรรมนูญอย่างน่าจับตาว่าจะเดิน ซ้ำรอย ทักษิณ ชินวัตร-สมัคร สุนทรเวชและสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 คนที่ 25 และคนที่ 26 หรือไม่
เช่นเดียวกับบรรดาแกนนำพรรคที่ร่วมเป็นกรรมการบริหารอยู่ในช่วงเวลาดังกล่าวก็ต้องลุ้นระทึกกับเกมใหม่ที่พลิกผันครั้งนี้ด้วยเช่นเดียวกัน
ที่มา.ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
*************************************************
หวยออกพรรคประชาธิปัตย์ กกต.แถลงผลประชุมวาระพิเศษมีมติเป็นเอกฉันท์สั่งยุบพรรคปชป.คดีเงินบริจาค 258ล้าน และเงินสนับสนุนพรรคการเมือง 29 ล้าน เตรียมส่งอัยการสูงสุดเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป จับตา"อภิสิทธิ์"จะเดินซ้ำรอย 3 อดีตนายกฯ ทักษิณ-สมัคร-สมชาย หรือไม่?
ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก
ขณะที่ "เสื้อแดง" ยึดท้องถนนทั่วกรุงเทพฯ เพื่อกดดันให้รัฐบาลยุบสภา
จู่ๆ 5 คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็เรียกประชุมนัดพิเศษ และมีมติ "ยุบพรรค" ประชาธิปัตย์ ในวันที่ 12 เมษายน 2553
นายธนิศร์ ศรีประเทศ รองเลขาธิการกกต. ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ แถลงผลการประชุมกกต.วาระพิเศษ ว่า ภายหลังจากที่นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ได้รับความเห็นกรณีคดีเงินบริจาค จำนวน 258 ล้านบาท และเงินกองทุนสนุบสนุนพรรคการเมืองจำนวน 29 ล้านบาทที่พรรคประชาธิปัตย์ถูกกล่าวหาอาจกระทำการเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.พรรคการเมืองจากคณะทำงานของนายทะเบียนพรรคการเมืองในวันเดียวกันนี้ ที่ประชุมกกต.จึงได้พิจารณาทันที
ทั้งนี้ ที่ประชุมกกต.พิจารณาใน 2 ข้อกล่าวหาโดยข้อกล่าวหาแรก กรณีพรรคประชาธิปัตย์ได้รับเงินบริจาคจากบริษัททีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ผ่านทางบริษัท เมซไซอะ บิสิเนส แอนด์ ครีเอชั่น จำกัด เป็นจำนวนเงิน 258 ล้านบาท โดยทำสัญญาสื่อว่าจ้างทำสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ต่างๆ "เป็นนิติกรรมอำพราง" เพื่อหลักเลี่ยงการรายงานการรับบริจาคเงินตามที่กฎหมายกำหนด อาจเข้าข่ายกระทำผิดตามมาตรา 66 (2) (3) แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2541 และมาตรา 94 (3) (4) (5) แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2550 โดยที่ประชุมมีมติคะแนน "เสียงข้างมาก" ให้นายทะเบียนพรรคการเมืองแจ้งต่ออัยการสูงสุดพร้อมด้วยหลักฐาน เพื่อให้อัยการสูงสุดยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป ตามาตรา 95 ของกฎหมายพรรคการเมือง
ส่วนข้อกล่าวหาที่สอง กรณีมีผู้แจ้งข้อกล้าวหาว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ใช้จ่ายเงินที่ได้รับจากเงินกองทุนสนับสนุนพรรคการเมืองจากสำนักงานกกต.ให้เป็นไปตามบทบัญญัติตามกฎหมายและการจัดทำการใช้จ่ายและการจัดทำการรายงานใช้จ่ายเงินสนับสนุนพรรคการเมืองไม่ถูกต้องตามความเป็นจริงที่ยื่นต่อกกต.อันเป็นการเข้าข่ายตามมาตาม มาตรา62 และ65 ของพ.ร.บ.พรรคการเมือง 2541 และมาตรา82และ 93 ของพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง2550 โดยที่ประชุมกกต.มี "มติเอกฉันท์"ให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ โดยใช้มติเสียงข้างมากแจ้งต่ออัยการสูงสุดเพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคประชาธิปัตย์ ตามมาตรา 95 ของพ.ร.บ.ประกอบรับธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2550
สำหรับขั้นตอนจากนี้ทาง กกต.ได้มอบหมายให้นายทะเบียนพรรคการเมืองดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดตามความเห็นแจ้งต่ออัยการสูงสุด เมื่ออัยการสูงสุดได้รับเรื่องแล้วจะจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน แต่หากเห็นว่าหลักฐานยังไม่เพียงพอก็ต้องแจ้งกลับมายังนายทะเบียนเพื่อตั้งคณะทำงานร่วมกัน แต่หากเห็นว่ายังไม่ได้ข้อยุติ นายทะเบียนพรรคการเมืองก็สามารถส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญได้โดยตรง
ทั้งนี้ การพิจารณาของนายทะเบียนครั้งนี้ใน 2 ประเด็นก็เห็นว่า คดีดังกล่าวอาจมีการกระทำความผิดจึงเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญจึงส่งให้ที่ประชุมกกต.พิจารณา เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาทั้ง 2 ประเด็นจากนี้ไป "อภิสิทธิ์" จึงต้องเผชิญหน้าทั้งปัญหาการเมือง การทหาร และตุลาการ
กระดานหกการเมือง ผลักให้นายกรัฐมนตรี คนที่ 27 ต้องติดบ่วงศาลรัฐธรรมนูญอย่างน่าจับตาว่าจะเดิน ซ้ำรอย ทักษิณ ชินวัตร-สมัคร สุนทรเวชและสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 คนที่ 25 และคนที่ 26 หรือไม่
เช่นเดียวกับบรรดาแกนนำพรรคที่ร่วมเป็นกรรมการบริหารอยู่ในช่วงเวลาดังกล่าวก็ต้องลุ้นระทึกกับเกมใหม่ที่พลิกผันครั้งนี้ด้วยเช่นเดียวกัน
ที่มา.ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
*************************************************
‘ทักษิณ’ควักกระเป๋าช่วยผู้เสียชีวิตศพละแสน
“ทักษิณ” ควักกระเป๋าช่วยผู้เสียชีวิตศพ 1 แสน ขณะที่ “ณัฐวุฒิ” อุบไต๋ไม่บอกแผนเคลื่อนไหวพรุ่งนี้เมื่อ เวลา 18.00 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. ขึ้นร้องเพลงบนเวทีสะพานผ่านฟ้า หลังจากนั้นกล่าวว่า การต่อสู้ของคนเสื้อแดงยังไม่หยุด จะต้องสู้ต่อไป ไม่ให้การสูญเสียของคนเสื้อแดงต้องสูญเปล่า และในวันที่ 14 เม.ย. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะมอบเงินช่วยเหลือแก่ผู้เสียชีวิตผ่าน นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ ศพละ 1 แสนบาท
นอกจากนั้น ท่านผู้หญิงวิริยา ชวกุล ประธานกรรมการเลขาธิการมูลนิธิบำรุงขวัญทหาร ตำรวจ อาสาสมัคร ชายแดนใต้ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ที่ประกาศชัดเจนว่าอยู่เคียงข้างคนเสื้อแดงบริจาคเงินร่วมสมทบกองทุนเพื่อ ผู้เสียชีวิตรวม 5 แสน และยังมีนายเผด็จ ภูริปฎิภาน คอลัมนิสต์ชื่อดังเจ้าของนามปากกา พญาไม้ สมทบกองทุนเพื่อผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเบื้องต้น 1 แสนบาท นอกจากนั้นยังรับปากว่าจะชักชวนเพื่อฝูงร่วมกันบริจาคเพิ่มเติมอีก พร้อมทั้งขอบคุณประชาชนไทยทั่วโลกที่บริจาคเงินสมทบเข้ากองทุน
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ศอ.รส. ประเมินว่าวันที่ 13 เม.ย. วันมหาสงกรานต์คนจะน้อย เพราะทุกคนต้องกลับบ้านไปหาญาติพี่น้อง และกำลังหาช่องทางรุกคนเสื้อแดงอีกภายในวันหรือสองวัน แต่ประเมินแล้วว่า คนเสื้อแดงยังเหนียวแน่น แสดงว่านายอภิสิทธิ์ถูกหลอกอีกแล้ว เพราะหน่วยงานต้องรายงานแบบถูกใจนาย เพราะไม่มีใครเชื่อว่าจะมีคนออกมาต่อสู้ในวันที่ 13 เม.ย. ทั้ง 2 เวทีไม่น้อยกว่ากัน แสดงว่าคนเสื้อแดงก้าวข้ามงานเทศกาลต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และคนเสื้อแดงจะสนุกสนานเพียงวันนี้เท่านั้น จะเริ่มรุกรบอีกครั้งในวันที่ 14 เม.ย.
นายณัฐวุฒิ ให้สัมภาษณ์ว่า ยังไม่ขอเปิดเผยถึงยุทธวิธีและสถานที่ในการเคลื่อนไหวในวันที่ 14 เม.ย. ส่วนที่ออกข่าวว่าจะไปที่ราบ 11 นั้น ยังไม่มีแนวคิดที่จะไปยังสถานที่ดังกล่าว แต่กำหนดพื้นที่เป้าหมายและยุทธวิธีไว้เรียบร้อยแล้วรอเพียงการประกาศ เคลื่อนไหวอย่างเป็นทางการเท่านั้น
นายณัฐวุฒิยังกล่าวกรณีสำนักพระราชวังออกแถลงการณ์ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ทรงโปรดฯ รับผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุปะทะ เมื่อวันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมา อยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยระบุว่า รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณทั้งสองพระองค์อย่างหาที่เปรียบมิได้
ที่มา กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
***********************************************
นอกจากนั้น ท่านผู้หญิงวิริยา ชวกุล ประธานกรรมการเลขาธิการมูลนิธิบำรุงขวัญทหาร ตำรวจ อาสาสมัคร ชายแดนใต้ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ที่ประกาศชัดเจนว่าอยู่เคียงข้างคนเสื้อแดงบริจาคเงินร่วมสมทบกองทุนเพื่อ ผู้เสียชีวิตรวม 5 แสน และยังมีนายเผด็จ ภูริปฎิภาน คอลัมนิสต์ชื่อดังเจ้าของนามปากกา พญาไม้ สมทบกองทุนเพื่อผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเบื้องต้น 1 แสนบาท นอกจากนั้นยังรับปากว่าจะชักชวนเพื่อฝูงร่วมกันบริจาคเพิ่มเติมอีก พร้อมทั้งขอบคุณประชาชนไทยทั่วโลกที่บริจาคเงินสมทบเข้ากองทุน
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ศอ.รส. ประเมินว่าวันที่ 13 เม.ย. วันมหาสงกรานต์คนจะน้อย เพราะทุกคนต้องกลับบ้านไปหาญาติพี่น้อง และกำลังหาช่องทางรุกคนเสื้อแดงอีกภายในวันหรือสองวัน แต่ประเมินแล้วว่า คนเสื้อแดงยังเหนียวแน่น แสดงว่านายอภิสิทธิ์ถูกหลอกอีกแล้ว เพราะหน่วยงานต้องรายงานแบบถูกใจนาย เพราะไม่มีใครเชื่อว่าจะมีคนออกมาต่อสู้ในวันที่ 13 เม.ย. ทั้ง 2 เวทีไม่น้อยกว่ากัน แสดงว่าคนเสื้อแดงก้าวข้ามงานเทศกาลต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และคนเสื้อแดงจะสนุกสนานเพียงวันนี้เท่านั้น จะเริ่มรุกรบอีกครั้งในวันที่ 14 เม.ย.
นายณัฐวุฒิ ให้สัมภาษณ์ว่า ยังไม่ขอเปิดเผยถึงยุทธวิธีและสถานที่ในการเคลื่อนไหวในวันที่ 14 เม.ย. ส่วนที่ออกข่าวว่าจะไปที่ราบ 11 นั้น ยังไม่มีแนวคิดที่จะไปยังสถานที่ดังกล่าว แต่กำหนดพื้นที่เป้าหมายและยุทธวิธีไว้เรียบร้อยแล้วรอเพียงการประกาศ เคลื่อนไหวอย่างเป็นทางการเท่านั้น
นายณัฐวุฒิยังกล่าวกรณีสำนักพระราชวังออกแถลงการณ์ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ทรงโปรดฯ รับผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุปะทะ เมื่อวันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมา อยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยระบุว่า รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณทั้งสองพระองค์อย่างหาที่เปรียบมิได้
ที่มา กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
***********************************************
วันอังคารที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2553
พล.ต.ท.ชัชจ์ กุลดิลก"แจ้งความจับนายกรัฐมนตรี
พล.ต.ท.ชัชจ์ กุลดิลก อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หนึ่งในแกนนำของ นปช. ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือกับ พล.ต.ท.พงศพัศ พงเจริญ ผู้ช่วยผบตร.โฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่องขอให้จับพนักงานสอบสวน เพื่อรับคำร้องทุกข์ และดำเนินคดี นายอภิสิทธิ์ เวชชาวีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในข้อหาว่าห่า จ้างวานใช้ให้ผู้อื่นฆ่าประชาชน
พล.ต.ท.ชัชจ์ กล่าวว่า เนื่องจาก นปช.ได้พิจรณาแล้วเห็นว่า นายกรัฐมนตรี และรองนายกฝ่ายความมั่น ได้ก่ออาชญากรรมร้ายแรง ด้วยการจ้างวานใช้ให้ผู้อื่นฆ่าประชาชน ขณะนี้มีผู้เสียชีวิตถึง 21 ราย และไม่ถึงแก่ชีวิต เพียงบาดเจ็บมากกว่า 800 ราย จึงขอให้ทางพล.ต.อ.ประทีป ตันประเสริฐ รักษาการ ผบตร. จัดพนักงานสอบสวนเพื่อรับเรื่องร้องทุกข์ไม่ตำกว่าร้อยนานภายในวันนี้ ซึ่งทาง นปช. จะได้จัดส่งผุ้เสียหายให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยายานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีต่อไป ด้าน พล.ต.ท.พงศพัศ พงศเจริญ กล่าว่า เบื้องต้นได้รับเรื่องไว้แล้ว ซึ่งเรื่งนี้จะนำเรียนไปทาง รักษาการผบตร. ในการดำเนินการต่อไป
ที่มา.เนชั่นทันข่าว
****************************************
พล.ต.ท.ชัชจ์ กล่าวว่า เนื่องจาก นปช.ได้พิจรณาแล้วเห็นว่า นายกรัฐมนตรี และรองนายกฝ่ายความมั่น ได้ก่ออาชญากรรมร้ายแรง ด้วยการจ้างวานใช้ให้ผู้อื่นฆ่าประชาชน ขณะนี้มีผู้เสียชีวิตถึง 21 ราย และไม่ถึงแก่ชีวิต เพียงบาดเจ็บมากกว่า 800 ราย จึงขอให้ทางพล.ต.อ.ประทีป ตันประเสริฐ รักษาการ ผบตร. จัดพนักงานสอบสวนเพื่อรับเรื่องร้องทุกข์ไม่ตำกว่าร้อยนานภายในวันนี้ ซึ่งทาง นปช. จะได้จัดส่งผุ้เสียหายให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยายานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีต่อไป ด้าน พล.ต.ท.พงศพัศ พงศเจริญ กล่าว่า เบื้องต้นได้รับเรื่องไว้แล้ว ซึ่งเรื่งนี้จะนำเรียนไปทาง รักษาการผบตร. ในการดำเนินการต่อไป
ที่มา.เนชั่นทันข่าว
****************************************
จาตุรนต์" จวกรบ.โยน "ก่อการร้าย"เบี่ยงประเด็น
นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวเมื่อวันที่ 13 เม.ย. ถึงกรณีที่รัฐบาลสั่งสลายการชุมนุมในช่วงเวลากลางคืน โดยใช้ทหารที่ไม่มีประสบการณ์ ใช้อาวุธร้ายแรง รถหุ้มเกราะ จนทำให้ผู้คนบาดเจ็บ ล้มตายจำนวนมากนั้นว่า เมื่อถูกกระแสสังคมบีบรัฐบาลกลับหาทางออกด้วยการเปิดประเด็นเรื่องการก่อการร้าย สะท้อนให้เห็นถึงความไม่มีประสบการณ์ เหมือนสมัยที่จอมพลถนอม กิตติขจร อดีตนายกฯ อ้างเหตุผลนี้มาใช้ปราบประชน แต่สุดท้ายก็ต้องออกนอกประเทศไป รัฐบาลนี้กำลังทำผิดซ้ำซาก โดยใช้สื่อเป็นเครื่องมือทำให้ประชาชนที่ไม่ทราบข้อเท็จจริงเข้าใจผิด เกลียดชังผู้ชุมนุม ขณะเดียวกันก็ปิดกั้นสื่อที่มีความเห็นไม่ตรงกับรัฐบาล เช่นพีทีวี เว็บไซต์ต่างๆ ด้วยเหตุผลทางการเมือง ซึ่งจุดนี้จะยิ่งสร้างความเกลียดชังนำมาซึ่งความสูญเสียใหญ่หลวง รัฐบาลควรเลิกปิดกั้นสื่อ รวมทั้งเลิกใช้พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพราะทหารระบุชัดแล้วว่า จะไม่นำกำลังออกมาช่วยแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องคงพ.ร.ก.ดังกล่าวเอาไว้ ทั้งนี้เพื่อลดบรรยากาศความตึงเครียดทางการเมือง รวมทั้งเศรษฐกิจ
นายจาตุรนต์ ฉายแสง ยังได้กล่าวถึงกรณีที่ กกต.มีมติเอกฉันท์ให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ ว่า คดีของพรรคประชาธิปัตย์มีข้อมูลหลักฐานที่ชัดเจนแน่นหนากว่าพรรคการเมืองอื่นๆ ที่ถูกยุบไปก่อนหน้านี้ ดังนั้นกกต.จึงไม่มีทางเลือกต้องตัดสินยุบพรรคประชาธิปัตย์ มิฉะนั้นจะถูกมองว่า 2 มาตรฐาน ช่วยเหลือพรรคประชาธิปัตย์ และเชื่อว่าอัยการจะส่งเรื่องต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญอย่างแน่นอน ภาระจึงตกอยู่กับศาลรัฐธรรมนูญว่าจะใช้เวลาพิจารณานานแค่ไหน แต่ศาลรัฐธรรมนูญเคยยุบพรรคการเมืองอื่นๆอย่างง่ายดายไปแล้วหลายพรรค จึงหลีกเลี่ยงที่จะยุบพรรคประชาธิปัตย์ได้ยาก พรรคประชาธิปัตย์มีแนวโน้มที่จะถูกยุบพรรคสูง ทำให้เรื่องนี้เชื่อมโยงกับสถานการณ์ปัจจุบันเกี่ยวกับข้อถกเถียงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อนการยุบสภา เพราะเมื่อพรรคประชาธิปัตย์กำลังจะถูกยุบพรรค จึงทำให้แก้รัฐธรรมนูญในมาตรา 237 เกี่ยวกับการยุบพรรคไม่ได้ เนื่องจากจะเป็นการแก้เพื่อช่วยเหลือตัวเอง ดังนั้นเมื่อไม่ต้องแก้รัฐธรรมนูญแล้วก็จะทำให้เวลายุบสภาลดลงมาอย่างมาก
"พรรคร่วมรัฐบาลควรหารือกันเพื่อทบทวนเรื่องเวลายุบสภาใหม่ ซึ่งน่าจะใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน โดยอาจจะหารือกับฝ่ายค้านด้วย เพื่อทำข้อตกลงร่วมกัน เช่นว่า เมื่อเลือกตั้งเสร็จแล้ว ค่อยมาแก้รัฐธรรมนูญ 6 ประเด็นตามที่คณะกรรมการสมานฉันท์ฯเสนอ จากนั้นก็แก้ทั้งฉบับ เป็นต้น ถ้ายังขืนชักช้าอยู่กระแสสังคมอาจบีบให้นายกฯต้องลาออกก่อนที่จะยุบสภาก็ได้" นายจาตุรนต์กล่าว
ที่มา.เนชั่นทันข่าว
*********************************************
นายจาตุรนต์ ฉายแสง ยังได้กล่าวถึงกรณีที่ กกต.มีมติเอกฉันท์ให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ ว่า คดีของพรรคประชาธิปัตย์มีข้อมูลหลักฐานที่ชัดเจนแน่นหนากว่าพรรคการเมืองอื่นๆ ที่ถูกยุบไปก่อนหน้านี้ ดังนั้นกกต.จึงไม่มีทางเลือกต้องตัดสินยุบพรรคประชาธิปัตย์ มิฉะนั้นจะถูกมองว่า 2 มาตรฐาน ช่วยเหลือพรรคประชาธิปัตย์ และเชื่อว่าอัยการจะส่งเรื่องต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญอย่างแน่นอน ภาระจึงตกอยู่กับศาลรัฐธรรมนูญว่าจะใช้เวลาพิจารณานานแค่ไหน แต่ศาลรัฐธรรมนูญเคยยุบพรรคการเมืองอื่นๆอย่างง่ายดายไปแล้วหลายพรรค จึงหลีกเลี่ยงที่จะยุบพรรคประชาธิปัตย์ได้ยาก พรรคประชาธิปัตย์มีแนวโน้มที่จะถูกยุบพรรคสูง ทำให้เรื่องนี้เชื่อมโยงกับสถานการณ์ปัจจุบันเกี่ยวกับข้อถกเถียงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อนการยุบสภา เพราะเมื่อพรรคประชาธิปัตย์กำลังจะถูกยุบพรรค จึงทำให้แก้รัฐธรรมนูญในมาตรา 237 เกี่ยวกับการยุบพรรคไม่ได้ เนื่องจากจะเป็นการแก้เพื่อช่วยเหลือตัวเอง ดังนั้นเมื่อไม่ต้องแก้รัฐธรรมนูญแล้วก็จะทำให้เวลายุบสภาลดลงมาอย่างมาก
"พรรคร่วมรัฐบาลควรหารือกันเพื่อทบทวนเรื่องเวลายุบสภาใหม่ ซึ่งน่าจะใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน โดยอาจจะหารือกับฝ่ายค้านด้วย เพื่อทำข้อตกลงร่วมกัน เช่นว่า เมื่อเลือกตั้งเสร็จแล้ว ค่อยมาแก้รัฐธรรมนูญ 6 ประเด็นตามที่คณะกรรมการสมานฉันท์ฯเสนอ จากนั้นก็แก้ทั้งฉบับ เป็นต้น ถ้ายังขืนชักช้าอยู่กระแสสังคมอาจบีบให้นายกฯต้องลาออกก่อนที่จะยุบสภาก็ได้" นายจาตุรนต์กล่าว
ที่มา.เนชั่นทันข่าว
*********************************************
ล็อคเป้า
เคยได้ยินแต่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้
ท่านสมเพียร โดนล็อคเป้า แล้วก็ตาย หลังจากขอย้ายออกจากพื้นที่ไม่ได้
ไม่น่าเชื่อว่า ในช่วงการสลายการชุมนุม มีคนใช้คำว่า ล็อคเป้า กับกลุ่มนายทหาร โดยเฉพาะสายบัญชาการ หน่วยหนึ่ง
การยืดเยื้อของการสลาย มีข่าวหลายกระแส ในการล้อมปราบฆ่าให้เกลี้ยง จนปฏิบัติภารกิจจากบ่ายจนถึงยามค่ำสองสามทุ่ม
กระแสข่าว การระเบิดเสาไฟฟ้าแรงสูงแถบชานเมือง ดับไฟทั้งเมือง แล้วล้อมปราบ พลาด เสาล้มไม่หมด
ทำให้เข้าเวลามืดค่ำ การล็อคเป้าจึงเกิดขึ้น และก็มีการดำเนินการจนมีผลให้นายทหารบัญชาการหน่วยนั้น ตายและบาดเจ็บมากมาย
ข่าวก็ว่ากันไป เกิดจากทหารเดียวกันบ้าง เกิดจากบุคคลนิรนามบ้าง ก็ว่ากันไป
แต่ในการปฏิบัติการครั้งนี้ มีการเกณฑ์ทหารมาหลายกองพล แต่ละจุดก็มีนายทหารบังคับบัญชาเช่นกัน
สงสัยว่า ทำไม จึงเป็นการล็อคเป้าเฉพาะทหารหน่วยนี้ และเจาะจงนายทหารที่บัญชาการ
เอาหละ ก็เป็นเรื่องของ ข่าวสารและการสืบสวนต่อไป
แต่ว่า วันที่ 10 เมย. จบไปด้วยความโชคดี โชคช่วยสองชั้น ของคนเสื้อแดง และการต่อสู้สุดตัว แม้ตาย 17 หาย 100 อัพ บาดเจ็บราวพัน
ด้วยสาเหตุไฟไม่ดับทั้งเมือง หรือ ด้วย การล็อคเป้า ก็ตาม
แต่จำนวนคนตาย คนบาดเจ็บ ยังไม่ได้รับการสะสาง แถมยังเจอรัฐบาล โบ้ยให้เป็น ผู้ก่อการร้าย ซะอีก
เชื่อว่า ทหารหลายกองพล ที่เกณฑ์มา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า มาทำอะไร อยู่จุดไหน มาถึงก็จัดลงตามจุด สังเกตเวลาแตกทัพ กลับจุดตัวเองไม่ถูก เพราะไม่ชำนาญพื้นที่
อย่างไรก็ตาม ภาพที่โหดร้าย ภาพถือปืน ภาพยิง ภาพระเบิด ที่ทำกับประชาชน แม้ทหารบางหน่วย ไม่ได้ยิง ไม่ได้ปะทะ ยกเว้นจุดปะทะสำคัญ 2-3 จุดใหญ่ๆ ที่มีการใช้อาวุธ มีคนตาย มีคนบาดเจ็บ
ประชาชนไม่รู้หรอกว่า ทหารหน่วยไหนเป็นหน่วยไหน แต่เหมารวมคือ เครียดแค้นกับทหารที่ทำร้ายประชาชน เจตนาล้อมฆ่าอย่างทารุณ
ทุกหน่วย
คำว่า "ผู้ก่อการร้าย" ในสายตารัฐบาล ที่พยายามผลักให้ประชาชนเสื้อแดง
ทำให้นายทหารทั่วประเทศ ไม่ว่าสังกัดกองพล กองพันไหน อันตรายทันที
การล็อคเป้า ต่อไปคงจะมากขึ้น โดยเฉพาะความเครียดแค้น ชิงชัง ภาพในวันที่ 10 เมย. และหลังจากเหตุการณ์ก็ยังไม่ได้รับความเป็นธรรมจากสื่อ จากรัฐบาลอีก
ประชาชน ยังคงเฝ้าระวังการล้อมฆ่าประชาชนทุกเวลา ไม่ไว้ใจทหาร ตำรวจ แม้แต่น้อย
ยังคงเชื่อว่า ทหาร ตำรวจ พร้อมย้อนกลับมาล้อมฆ่าได้ทุกเวลา
กระแสข่าวการใช้คนมาลอบฆ่าแกนนำ อันนี้ยิ่งเป็นชนวนใหญ่เลย
จะให้ประชาชนคิดอย่างไร คนที่รับงานมาจากทหารหรือตำรวจ หากเกิดอะไรขึ้นจริงๆ
นายทหาร นายตำรวจ คุณต้องรับ การสงสัยจากประชาชนคนเสื้อแดงแน่ๆ
หยุดเถิดทหารกล้า หยุดเถิดตำรวจ การล็อคเป้าที่เกิดจากทหาร นักรบนิรนาม มันก็น่ากลัวพอแล้ว
อย่าให้ถึงขึ้น 3 จังหวัดชายแดนใต้เลย อย่าให้ประชาชน ตามหมู่บ้าน ตามตำบล ตามอำเภอ ตามจังหวัด ล็อคเป้าทหาร ตำรวจ เลย
จงผ่อนคลายสถานการณ์หยุดเรื่อง ใส่ไฟก่อการร้ายเสีย หยุดเรื่องการล้อมฆ่าประชาชนเสีย หยุดเรื่องการลอบยิงแกนนำ เสีย
สถานการณ์ที่ว่ามา ท่านจะต้องรับบทหนักในชีวิตจริง ความเป็นอยู่จริง ต่อไป
ทหาร และตำรวจ จะมีนายสายบังคับบัญชาเสมอ
เพื่อรักษาชีวิต นายทหาร นายตำรวจ ที่ปฏิบัติงานตาม ตจว.และใน กทม.
สถานการณ์แม้จะสลายล้อมฆ่าประชาชนอีกครั้งสำเร็จ
ยังไง ก็โดนล็อคเป้าจาก พวกเดียวกัน นักรบนิรนาม ที่สำคัญประชาชนจะลุกขึ้นมาล็อคเป้าเสียเอง จะลำบาก
เหมือนชายแดนใต้ ทุกขณะ
สวัสดี
ขอให้ สติมา ปัญญาเกิด
by jomvoyvay
************************************************
ท่านสมเพียร โดนล็อคเป้า แล้วก็ตาย หลังจากขอย้ายออกจากพื้นที่ไม่ได้
ไม่น่าเชื่อว่า ในช่วงการสลายการชุมนุม มีคนใช้คำว่า ล็อคเป้า กับกลุ่มนายทหาร โดยเฉพาะสายบัญชาการ หน่วยหนึ่ง
การยืดเยื้อของการสลาย มีข่าวหลายกระแส ในการล้อมปราบฆ่าให้เกลี้ยง จนปฏิบัติภารกิจจากบ่ายจนถึงยามค่ำสองสามทุ่ม
กระแสข่าว การระเบิดเสาไฟฟ้าแรงสูงแถบชานเมือง ดับไฟทั้งเมือง แล้วล้อมปราบ พลาด เสาล้มไม่หมด
ทำให้เข้าเวลามืดค่ำ การล็อคเป้าจึงเกิดขึ้น และก็มีการดำเนินการจนมีผลให้นายทหารบัญชาการหน่วยนั้น ตายและบาดเจ็บมากมาย
ข่าวก็ว่ากันไป เกิดจากทหารเดียวกันบ้าง เกิดจากบุคคลนิรนามบ้าง ก็ว่ากันไป
แต่ในการปฏิบัติการครั้งนี้ มีการเกณฑ์ทหารมาหลายกองพล แต่ละจุดก็มีนายทหารบังคับบัญชาเช่นกัน
สงสัยว่า ทำไม จึงเป็นการล็อคเป้าเฉพาะทหารหน่วยนี้ และเจาะจงนายทหารที่บัญชาการ
เอาหละ ก็เป็นเรื่องของ ข่าวสารและการสืบสวนต่อไป
แต่ว่า วันที่ 10 เมย. จบไปด้วยความโชคดี โชคช่วยสองชั้น ของคนเสื้อแดง และการต่อสู้สุดตัว แม้ตาย 17 หาย 100 อัพ บาดเจ็บราวพัน
ด้วยสาเหตุไฟไม่ดับทั้งเมือง หรือ ด้วย การล็อคเป้า ก็ตาม
แต่จำนวนคนตาย คนบาดเจ็บ ยังไม่ได้รับการสะสาง แถมยังเจอรัฐบาล โบ้ยให้เป็น ผู้ก่อการร้าย ซะอีก
เชื่อว่า ทหารหลายกองพล ที่เกณฑ์มา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า มาทำอะไร อยู่จุดไหน มาถึงก็จัดลงตามจุด สังเกตเวลาแตกทัพ กลับจุดตัวเองไม่ถูก เพราะไม่ชำนาญพื้นที่
อย่างไรก็ตาม ภาพที่โหดร้าย ภาพถือปืน ภาพยิง ภาพระเบิด ที่ทำกับประชาชน แม้ทหารบางหน่วย ไม่ได้ยิง ไม่ได้ปะทะ ยกเว้นจุดปะทะสำคัญ 2-3 จุดใหญ่ๆ ที่มีการใช้อาวุธ มีคนตาย มีคนบาดเจ็บ
ประชาชนไม่รู้หรอกว่า ทหารหน่วยไหนเป็นหน่วยไหน แต่เหมารวมคือ เครียดแค้นกับทหารที่ทำร้ายประชาชน เจตนาล้อมฆ่าอย่างทารุณ
ทุกหน่วย
คำว่า "ผู้ก่อการร้าย" ในสายตารัฐบาล ที่พยายามผลักให้ประชาชนเสื้อแดง
ทำให้นายทหารทั่วประเทศ ไม่ว่าสังกัดกองพล กองพันไหน อันตรายทันที
การล็อคเป้า ต่อไปคงจะมากขึ้น โดยเฉพาะความเครียดแค้น ชิงชัง ภาพในวันที่ 10 เมย. และหลังจากเหตุการณ์ก็ยังไม่ได้รับความเป็นธรรมจากสื่อ จากรัฐบาลอีก
ประชาชน ยังคงเฝ้าระวังการล้อมฆ่าประชาชนทุกเวลา ไม่ไว้ใจทหาร ตำรวจ แม้แต่น้อย
ยังคงเชื่อว่า ทหาร ตำรวจ พร้อมย้อนกลับมาล้อมฆ่าได้ทุกเวลา
กระแสข่าวการใช้คนมาลอบฆ่าแกนนำ อันนี้ยิ่งเป็นชนวนใหญ่เลย
จะให้ประชาชนคิดอย่างไร คนที่รับงานมาจากทหารหรือตำรวจ หากเกิดอะไรขึ้นจริงๆ
นายทหาร นายตำรวจ คุณต้องรับ การสงสัยจากประชาชนคนเสื้อแดงแน่ๆ
หยุดเถิดทหารกล้า หยุดเถิดตำรวจ การล็อคเป้าที่เกิดจากทหาร นักรบนิรนาม มันก็น่ากลัวพอแล้ว
อย่าให้ถึงขึ้น 3 จังหวัดชายแดนใต้เลย อย่าให้ประชาชน ตามหมู่บ้าน ตามตำบล ตามอำเภอ ตามจังหวัด ล็อคเป้าทหาร ตำรวจ เลย
จงผ่อนคลายสถานการณ์หยุดเรื่อง ใส่ไฟก่อการร้ายเสีย หยุดเรื่องการล้อมฆ่าประชาชนเสีย หยุดเรื่องการลอบยิงแกนนำ เสีย
สถานการณ์ที่ว่ามา ท่านจะต้องรับบทหนักในชีวิตจริง ความเป็นอยู่จริง ต่อไป
ทหาร และตำรวจ จะมีนายสายบังคับบัญชาเสมอ
เพื่อรักษาชีวิต นายทหาร นายตำรวจ ที่ปฏิบัติงานตาม ตจว.และใน กทม.
สถานการณ์แม้จะสลายล้อมฆ่าประชาชนอีกครั้งสำเร็จ
ยังไง ก็โดนล็อคเป้าจาก พวกเดียวกัน นักรบนิรนาม ที่สำคัญประชาชนจะลุกขึ้นมาล็อคเป้าเสียเอง จะลำบาก
เหมือนชายแดนใต้ ทุกขณะ
สวัสดี
ขอให้ สติมา ปัญญาเกิด
by jomvoyvay
************************************************
10 เมษาเลือด / มือยิง M-79 “วีรบุรุษนิรนาม” ไม่มีเขา คนตายเป็นร้อย
ภาพ ความจริง คลิปเหตุการณ์ต่างๆ ก็เริ่มทยอยกันออกมา เพื่อบอกข้อเท็จจริงของ “วันสังหารประชาชน” เมื่อคืนวันที่ 10 เมษายน 2553 ที่แยกคอกวัว และซอยโรงเรียนสตริวิทยา จนมีอนุสาวรีย์แห่งความอัปยศ โดยทหารทิ้งรถสายพานลำเลียงพล Type-85 จำนวน 6 คน รถจี๊บฮัมวี่ 3 คัน และรถบรรทุกเครื่องกระจายเสียงอีกหนึ่งคัน ไว้ที่ซอยโรงเรียนสตรีวิทย์ ข้างอนุสาวรีประชาธิปไตย ยานยนต์เหล่านี้เป็นของ กองพันทหารม้าที่ 3 ร.อ. มีชื่อสังกัดติดไว้อย่างชัดเจน เป็นอนุสาวรีย์ เศษเหล็กที่มีฉากหลังเป็นอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
ประชาชน มือเปล่า คนเสื้อแดง ได้หยุดทหารพร้อมรถถังไว้ที่นี่ ห่างอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเพียง 20 เมตร ด้วยเลือดและชีวิตของประชาชนจำนวนมาก
วัน นั้น หากไม่มีคนยิงระเบิด M 79 เข้า ใส่กลางกลุ่มทหาร ลงกลางแถวทหารที่กำลังยิงประชาชน ตรงๆ ดูจากภาพคลิปที่คนเอามาลง จะเห็นว่าทหารกำลังดาหน้าเข้ารุกไล่ยิงประชาชอย่างเมามัน อย่างฮึกเหิม เสียงปืนดังระงมไปหมด อยู่ๆ ก็มี ระเบิด M-79 เข้ามาช่วยประชาชนได้ทันเวลาพอดี
http://www.youtube.com/watch?v=NnLf0GgYTu4&feature=player_embedded
ทหารก็วิ่งหันหลังกลับกันหางจุกตูด มีเสียงร้องโอดโอย และมีเสียงตระโกนให้ช่วยผู้พันด้วย (คาดว่าเป็น พ.ท.เกรียงศักดิ์ โพธินันทเดช หัวหน้าฆาตรกรเมื่อสงกรานต์เลือด)
หากไม่มีระเบิดลูกนั้น แถวทหารที่ดาหน้ายิงใส่ประชาชนจำนวนมาก คงถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แต่คนคงล้มตายระเนระนาด เพราะทหารยิงไม่เลี้ยง
คนยิงเอ็ม 79 ลูกนั้น "คือวีระบุรุษที่แท้จริง" แม้พวกเขาจะปิดทองหลังพระ ไม่มีใครรู้จัก เป็น" วีบุรุษนิรนาม" ผมก็ต้องขอขอบคุณ และ “กราบแทบเท้ามา ณ ที่นี้ด้วย”
หาก ไม่มีระเบิดลูกนั้น ผมอาจตายไปด้วย เพราะผมกลับเพื่อนร่วมงานไทยฟรีนิวส์ คือ แม่ปังคุง ก็เดินอยู่ข้างๆ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในเวลานั้น ต้องวิ่งหลบลูกปืนกันอย่างอกสั่นขวัญแขวน หากไม่มีระเบิดลูกนั้น ก็ยังคิดไม่ออกเลยว่า คนจะตายแค่ไหน เพราะมีคนจำนวนมากที่บริเวณนั้น พวกเขาก็คงสู้ และโดนยิงตายไปเรื่อยๆ เป็นจุดที่โชกเลือดมากที่สุด หากไม่มีการ “หยุด” ทหารกลุ่มนี้ก่อน
ระเบิดลูกนั้นคือ จุดเปลี่ยนของสงคราม "สังหารหมู่ประชาชน" โดยแท้ ไม่มีระเบิดลูกนั้น ชีวิตคนจำนวนมากคงสังเวยความบ้าคลั่ง ของทหารเสือราชีนี กองพลทหารราบยานเกราะที่ 2 รอ. จากปราจีนบุรี ที่มี พล.ต. วลิต โรจนภักดี นำขบวนสังหารด้วยตนเอง ระเบิดลูกนี้ ลงกลางกลุ่มของพวกเขาพอดี เลยต้องชดใช้กรรม ตาย ขาขาด และสมองพิการ
จากภาพคลิป ทำให้เห็นได้ชัดเจนว่า หลังระเบิดลูกนั้น "บรรดาฆาตรกรเสื้อเขียว" ก็แตกทัพ วิ่งกลับกันหางจุกตูด
มี คนที่อยู่ในเหตุการณ์เขาเขียนเล่าเหตุการณ์ในมุมมองของเขาได้อย่างละเอียด และเห็นภาพ ผมของเอามาลงไว้ เป็นบันทึกให้พวกเราได้อ่านกันนะครับ
-----------------
ลำดับเหตุการณ์ทั้ง หมดที่แยกคอกวัว ถ้าโกหกขอให้ชาติหน้าเกิดเป็นแมวน้ำ
ผม อยู่ตั้งแต่ต้นจนจบ รวมทั้งเพื่อนๆในนี้อีกหลายคนที่ไปแล้วเอารูปมาโพส แต่พยายามอธิบายอย่างเต็มความสามารถแล้ว เรื่องราวก็เหมือนจะบิดเบือนไปกันใหญ่ สื่อทีวีกระแสหลักยิ่งหนัก ทหารบนอาคารของกองสลากและโรงเรียนสตรีวิทย์ที่ยิงคนเสื้อแดงตายไปหลายคนแล้ว ถูกคนเสื้อแดงจับได้ จนนำตัวไปควบคุมที่หลังเวทีพร้อมอาวุทธ ข่าวช่อง 11 บอกว่า ทหารกลุ่มนี้ขึ้นไปสังเกตการณ์เฉยๆแถหน้าด้านๆช่อง 11 นี้ควายจริงๆ
ผมขออธิบาย เหตุการณ์คร่าวๆ พร้อมเวลาที่ประมาณเอานะครับ เพราะจังหวะที่ชุลมุนวุ่นวายผมไม่มีเวลาละสายตามามองดูเวลามากนัก
เวลา ใกล้ 17.30-18.00 ทหาร ได้เคลื่อนพลมาที่แยกคอกวัว บนเส้นทางถนนตะนาว เจอกับกลุ่มคนเสื้อแดงและมีฮ.บินวนอยู่หลายรอบมากๆบินหาอะไรกูตกใจนะ ขณะนั้นเป็นเวลาใกล้มืดยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งก็ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดเหตุรุนแรง ไม่มีใครตั้งตัวทหารได้ยิงแก๊สน้ำตาลงมาจากฮ.เป็นจำนวนมากใครไม่ไปไม่รู้ หรอกแก๊สน้ำตาโยนมาจากที่สูงมากคนเยอะขนาดนั้นถ้าโดนหัวเละครับเพราะหนักมาก เหมือนกันคนวิ่งฮือหนีแก๊สทุกทิศทุกทาง
18.00 – 19.00
ชั่วโมง แรกทหารได้รุก และ ยิงแก๊สน้ำตาและโยนมาจากฮ.ออกมาอย่างต่อเนื่อง คนเสื้อแดงก็รักษาที่มั่นอย่างสุดกำลัง ใครโดนแก๊สน้ำตาก็ออกมาก่อน คนชุดใหม่ก็เข้าไปไม่มีใครกลัวคนเสื้อแดงตอบโต้ด้วยขวดน้ำ ไม้ และ ก้อนหิน บางครั้งทหารก็โยนตอบโต้มาเหมือนกันทหาร เกือบจะหลุดเข้ามาในบริเวณแยกคอกวัวได้หลายครั้ง แต่เนื่องจากกระแสลมที่พัดกลับไปในทางทหาร ทำให้แก๊สน้ำตาฟุ้งกลับไปทางทหารตลอดสงสัยกรรมตามทัน ทำให้ทหารไม่สามารถยึดพื้นที่บริเวณแยกคอกวัวได้เต็มที่
19.45
คนเสื้อ แดงได้เปรียบเรื่องทางลม ทำให้ทหารใช้แก๊สน้ำตาไม่เป็นผลเท่าไหร่นัก จึงทำให้คนเสื้อแดงสามารถรุกคืบจนสามารถสร้างด่านกีดขวางหน้าถนนข้าวสารได้ ทหารเริ่มยิงแก๊สน้ำตาจากฮ.ลงมาบริเวณหน้าเวทีคนที่ไปชุมนุมวันนั่นคงจำได้ ว่าชลมุนแค่ไหนตอนคุณจาตุรงค์ ฉายแฉงพูดบนเวที
20.00
เริ่ม พบคนถูกยิงที่แยกคอกวัว มีคนถูกหามออกมาเรื่อยๆ บางคนเสียชีวิตทันที บางคนไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาย เจ็บหนักก็เยอะ ตอนนั้นไม่มีใครรู้ว่ากระสุนมาจากไหนจริงๆ คนเสื้อแดงเริ่มโกรธไม่พอใจมากๆจับอะไรก็ได้ตอนนั่นกรูเข้าใส่ทหารแต่พวกเรา มีแค่มือเปล่า ก้อนอิฐ ไม้ ถังดับเพลิงเอาไปฉีดให้เป็นควันสกัดการมองเห็นของพวกทหาร
20.30
มีคนพบทหารแอบยิงคน เสื้อแดงอยู่บนตึกของกองสลากบนหัวของคนเสื้อแดงนั่นเอง แปลว่าทหารเขาเตรียมการไว้แล้ว ว่าจะล่อคนเสื้อแดงมาที่แยกนี้และให้ทหารข้างบนคอยเก็บแกนนำ คนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งจึงได้แบ่งกำลังไปล้อมตึกเพื่อจับคนที่ฆ่าประชาชนให้ ได้ตอนนี้ชุลมุนจริงเสียงปืนมีทุกทิศทุกทางมีเสียงคล้ายระเบิดดังหลายครั้ง คนเสื้อแดงล้มทั้งยืนหลายคน ตามแนวอากาศมีเสียงปืนดังฟิววววไม่รู้จะอธิบายยังงัยตอนนั่นผมเริ่มหมอบและ วิ่งมาแนวหลังตรงอนุสวรีย์เพราะประทะกันรุนแรงจริงๆ
20.45
ตอนนี้สถานการณ์ เริ่มไม่ดีแล้ว มีเสียงปืนที่ไม่ใช่ลูกแบล์ง ผมมั่นใจว่าเป็นลูกจริง ( ตอนผมเป็นทหารเกณฑ์ ผมได้ไปประจำอยู่ที่สนามฝึกยิงปืน ผมได้ยินเสียงปืนแทบทุกวัน ผมแยกออกว่าเสียงไหนลูกจริง เสียงไหนลูกแบล์ง ) มีระเบิดไม่ทราบว่าจากฝ่ายไหนลงมาเป็นระยะบึ้มๆๆ แต่คนเสื้อแดงก็สู้ไม่ถอย ปาขวด และ ก้อนหินกลับไปเป็นระยะ แบบไม่กลัวตายยอมรับน้ำใจจริงๆบางคนสู้ด้วยน้ำตา ผู้หญิงคนแก่เด็กวิ่งใส่ลูกปืนแบบไม่กลัว แต่ก็ไม่เป็นผลเท่าไหร่
21.00
ช่วง นี้สถานการณ์เลวร้ายมาก ทหารเหมือนเหมือนตั้งเป้าว่าจะต้องยึดพื้นที่คืนให้ได้ เสียงปืน ระเบิด ดังอย่างกึกก้อง มีคนโดนยิงออกมาเรื่อยๆ ตอนนั้นคิดว่าเราคงต้องเสียพื้นที่ตรงนี้เป็นแน่ จนมีชายคนนึงที่เราคิดว่าเขาคือ “ทหารแตงโม” คอยยิงสกัดทหารบนตึกไม่ให้ทำร้ายคนเสื้อแดงได้ขอบคุณจริงๆ แสดงว่ามีคนมาช่วย เราแล้วและมีเพื่อนๆจากราชประสงมาอีกหลายคันรถขบวนมอร์ไซด์มาเพียบกำลังใจ เริ่มดีขึ้นเราเริ่มรุกต่อ
21.05
ขณะที่คนเสื้อแดง กำลังหลบกระสุน และ วัตถุระเบิดอยู่บริเวณหน้าตึกกองสลาก มีชายนิรนาม 2 คนแต่งชุด ดำถือปืน AK47 เข้ามาต่อกรกับทหารเราไม่รู้ว่าชาย 2 คนนี้เป็นใครเราถามกันเองว่าเขาเป็นใครแต่ก็ไม่มีใครรู้ มีแต่คนบอกว่าเขาคือ “ทหารแตงโม”
สิ่งที่ผมเห็นคือเขาดูไม่มีความกลัว ทั้งๆที่มากันแค่ 2 คน ดูมีความ “นิ่ง” มากกว่าทหารทั่วไป ยุทวิธีเหมือนหน่วยรบพิเศษตอนนั้นสิ่งที่ผมคิดคือไม่อยากให้มีความรุนแรง แต่ใครใช้ความรุนแรงก่อนละ..!? ก็ทหารไม่ใช่หรือผม ไม่รู้ว่าชาย 2 คนนั้นเป็นใคร เพราะเขาปิดหน้าสิ่งที่เขาทำว่ากันตามกฎหมายมันผิดแน่ๆ แต่ที่ยอมรับก็คือ “เขาช่วยคนเสื้อแดงไว้”ขอบคุณครับ จากใจจริงผมร้องให้เห็นคนคนหนึ่งสมองไหล โดนหามออกมา
21.30
ทุกอย่างจบลง ทหารทั้งหมดได้ถอยกลับไปหมดแล้ว ชายนิรนามชุดดำทั้งหมดได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยเรา ได้สำรวจพื้นที่ ช่วยกันเก็บหลักฐาน เฉพาะที่แยกคอกวัวที่เดียว เราเก็บปลอกกระสุนกันได้เป็นลังใหญ่ เฉพาะกระสุนจริง M16 ก็เก็บ ได้เป็นถ้วยใหญ่ๆแล้วเรากันพื้นที่ตรงบริเวณที่คนเสื้อแดงถูกยิงจนบาด เจ็บ และ เสียชีวิต มีการไว้อาลัยให้กับผู้ล่วงลับคน เสื้อแดงได้เข้าไปบันทึกหลักฐานด้วยกล้องถ่ายรูป พบรอยกระสุนจริงเป็นจำนวนมากที่ทะลุตัวถังรถ เสาไฟ กำแพง ป้าย ประตู ซึ่งรอยกระสุนเหล่านั้นล้านมีวิถีพุ่งมาจากฝั่งทหาร พวกเราพยายามเก็บภาพถ่ายไว้ได้ให้มากที่สุดนักข่าวต่างประเทศได้เข้าไปทำ ข่าวอย่างต่อเนื่อง
22.00
มีการปล่อยโคมลอย เพื่อระลึกถึงคนเสื้อแดงที่จากไปบน เวทีได้โชว์หลักฐานอาวุธสงครามจำนวนมาก ที่คนเสื้อแดงยึดมาจากทหารได้ (แต่มีสำนัก ข่าวบางแห่ง บอกว่านี่คืออาวุธที่คนเสื้อแดงเตรียมตัวเอาไว้ทำร้ายทหาร)ระหว่าง ที่พิธีกรได้แถลงการณ์ประนามรัฐบาลบนเวที ได้มีข่าวจากผู้หญิงเสื้อแดงคนหนึ่งที่แฟนของเธอถูกยิงเข้าที่ชายโครงต้องนำ ส่งโรงพยาบาลโดยด่วน โดยหน่วยแพทย์ได้นำตัวผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลวชิระ แต่ปรากฎว่าไม่ทันการณ์ชายคนนั้นได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาล แล้วในขณะที่กำลังแต่งศพได้มีกลุ่มทหารเข้ามาแย่งศพแฟนของเธอไปต่อหน้า แกนนำจึงประกาศให้กลุ่มมอเตอร์ไซค์ออกตามหาศพคนเสื้อแดงทันทีผมเหนื่อยมาก จึงนั่งพักอยู่บริเวณแยกคอกวัวที่เกิดเหตุนั้นเอง นั่งดูความเลวร้ายที่เกิดขึ้นจากระบอบเผด็จการ
22.30
มี เสียงฮืฮาดังขึ้น เพราะกลุ่มการ์ด นปช ได้สามารถนำตัวทหารทั้งหมด 4 นายที่ได้ ดักยิงคนเสื้อแดงอยู่บนตึกกองสลากลงมาได้แล้ว กลุ่มคนเสื้อแดงฮือจะเข้าไปทำำร้ายด้วยความโกรธแค้น จนการ์ด นปช ต้องรีบกัน และ นำตัวไปที่เวทีผ่านฟ้าให้เร็วที่สุด
ยังมีการเจอหลักฐานใหม่อยู่เรื่อยๆ ทั้งกระสุนจริง อาวุธสงครามอื่นๆ จับตัวทหารที่ซุ่มยิงคนเสื้อแดงได้เพิ่ม
23.00
ผมรีบเดินทางกลับ เพราะต้องการกลับมาโพสรูปพร้อมเรื่องราวอย่างตรงความจริงที่สุดระหว่าง ทางผมได้แวะกินข้าว และ ซื้อของ มีคนเห็นผมผูกผ้าพันคอสีแดง และ เข้ามาถามถึงเหตุการณ์ พอผมเล่าถึงการปฏิบัติการของทหาร เขาก็สอบถามกันใหญ่ เพราะเขาบอกว่ามันไม่เหมือนกับที่ข่าวช่องหลักออกเท่าไหร่ (ผมก็ทำใจ ไว้แล้วล่ะ)นี่เป็นความจริงจากความทรงจำของผม ณ สี่แยกคอกวัวเมื่อคืนวันที่
10 เมษายน พ.ศ. 2553 ถ้าผม โกหกขอให้มีอันเป็นไปใน 3 วัน 7 วัน
ผม ไม่มีเจตนาอะไรในการตั้งกระทู้นี้มากไปกว่า ต้องการบอกความจริงที่ผมเห็น จากตาของคนคนหนึ่ง ที่เสียงมันอาจไม่ดังเท่าสื่อกระแสหลักทั้งหลาย แต่อย่างน้อยในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ผมได้ทำดีที่สุดแล้ว
” เมื่อฟ้า ทองผ่องอำไพ ประชาชนจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ”
บท ความโดย...ลูกชาวนาไทย
************************************************
ประชาชน มือเปล่า คนเสื้อแดง ได้หยุดทหารพร้อมรถถังไว้ที่นี่ ห่างอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเพียง 20 เมตร ด้วยเลือดและชีวิตของประชาชนจำนวนมาก
วัน นั้น หากไม่มีคนยิงระเบิด M 79 เข้า ใส่กลางกลุ่มทหาร ลงกลางแถวทหารที่กำลังยิงประชาชน ตรงๆ ดูจากภาพคลิปที่คนเอามาลง จะเห็นว่าทหารกำลังดาหน้าเข้ารุกไล่ยิงประชาชอย่างเมามัน อย่างฮึกเหิม เสียงปืนดังระงมไปหมด อยู่ๆ ก็มี ระเบิด M-79 เข้ามาช่วยประชาชนได้ทันเวลาพอดี
http://www.youtube.com/watch?v=NnLf0GgYTu4&feature=player_embedded
ทหารก็วิ่งหันหลังกลับกันหางจุกตูด มีเสียงร้องโอดโอย และมีเสียงตระโกนให้ช่วยผู้พันด้วย (คาดว่าเป็น พ.ท.เกรียงศักดิ์ โพธินันทเดช หัวหน้าฆาตรกรเมื่อสงกรานต์เลือด)
หากไม่มีระเบิดลูกนั้น แถวทหารที่ดาหน้ายิงใส่ประชาชนจำนวนมาก คงถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แต่คนคงล้มตายระเนระนาด เพราะทหารยิงไม่เลี้ยง
คนยิงเอ็ม 79 ลูกนั้น "คือวีระบุรุษที่แท้จริง" แม้พวกเขาจะปิดทองหลังพระ ไม่มีใครรู้จัก เป็น" วีบุรุษนิรนาม" ผมก็ต้องขอขอบคุณ และ “กราบแทบเท้ามา ณ ที่นี้ด้วย”
หาก ไม่มีระเบิดลูกนั้น ผมอาจตายไปด้วย เพราะผมกลับเพื่อนร่วมงานไทยฟรีนิวส์ คือ แม่ปังคุง ก็เดินอยู่ข้างๆ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในเวลานั้น ต้องวิ่งหลบลูกปืนกันอย่างอกสั่นขวัญแขวน หากไม่มีระเบิดลูกนั้น ก็ยังคิดไม่ออกเลยว่า คนจะตายแค่ไหน เพราะมีคนจำนวนมากที่บริเวณนั้น พวกเขาก็คงสู้ และโดนยิงตายไปเรื่อยๆ เป็นจุดที่โชกเลือดมากที่สุด หากไม่มีการ “หยุด” ทหารกลุ่มนี้ก่อน
ระเบิดลูกนั้นคือ จุดเปลี่ยนของสงคราม "สังหารหมู่ประชาชน" โดยแท้ ไม่มีระเบิดลูกนั้น ชีวิตคนจำนวนมากคงสังเวยความบ้าคลั่ง ของทหารเสือราชีนี กองพลทหารราบยานเกราะที่ 2 รอ. จากปราจีนบุรี ที่มี พล.ต. วลิต โรจนภักดี นำขบวนสังหารด้วยตนเอง ระเบิดลูกนี้ ลงกลางกลุ่มของพวกเขาพอดี เลยต้องชดใช้กรรม ตาย ขาขาด และสมองพิการ
จากภาพคลิป ทำให้เห็นได้ชัดเจนว่า หลังระเบิดลูกนั้น "บรรดาฆาตรกรเสื้อเขียว" ก็แตกทัพ วิ่งกลับกันหางจุกตูด
มี คนที่อยู่ในเหตุการณ์เขาเขียนเล่าเหตุการณ์ในมุมมองของเขาได้อย่างละเอียด และเห็นภาพ ผมของเอามาลงไว้ เป็นบันทึกให้พวกเราได้อ่านกันนะครับ
-----------------
ลำดับเหตุการณ์ทั้ง หมดที่แยกคอกวัว ถ้าโกหกขอให้ชาติหน้าเกิดเป็นแมวน้ำ
ผม อยู่ตั้งแต่ต้นจนจบ รวมทั้งเพื่อนๆในนี้อีกหลายคนที่ไปแล้วเอารูปมาโพส แต่พยายามอธิบายอย่างเต็มความสามารถแล้ว เรื่องราวก็เหมือนจะบิดเบือนไปกันใหญ่ สื่อทีวีกระแสหลักยิ่งหนัก ทหารบนอาคารของกองสลากและโรงเรียนสตรีวิทย์ที่ยิงคนเสื้อแดงตายไปหลายคนแล้ว ถูกคนเสื้อแดงจับได้ จนนำตัวไปควบคุมที่หลังเวทีพร้อมอาวุทธ ข่าวช่อง 11 บอกว่า ทหารกลุ่มนี้ขึ้นไปสังเกตการณ์เฉยๆแถหน้าด้านๆช่อง 11 นี้ควายจริงๆ
ผมขออธิบาย เหตุการณ์คร่าวๆ พร้อมเวลาที่ประมาณเอานะครับ เพราะจังหวะที่ชุลมุนวุ่นวายผมไม่มีเวลาละสายตามามองดูเวลามากนัก
เวลา ใกล้ 17.30-18.00 ทหาร ได้เคลื่อนพลมาที่แยกคอกวัว บนเส้นทางถนนตะนาว เจอกับกลุ่มคนเสื้อแดงและมีฮ.บินวนอยู่หลายรอบมากๆบินหาอะไรกูตกใจนะ ขณะนั้นเป็นเวลาใกล้มืดยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งก็ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดเหตุรุนแรง ไม่มีใครตั้งตัวทหารได้ยิงแก๊สน้ำตาลงมาจากฮ.เป็นจำนวนมากใครไม่ไปไม่รู้ หรอกแก๊สน้ำตาโยนมาจากที่สูงมากคนเยอะขนาดนั้นถ้าโดนหัวเละครับเพราะหนักมาก เหมือนกันคนวิ่งฮือหนีแก๊สทุกทิศทุกทาง
18.00 – 19.00
ชั่วโมง แรกทหารได้รุก และ ยิงแก๊สน้ำตาและโยนมาจากฮ.ออกมาอย่างต่อเนื่อง คนเสื้อแดงก็รักษาที่มั่นอย่างสุดกำลัง ใครโดนแก๊สน้ำตาก็ออกมาก่อน คนชุดใหม่ก็เข้าไปไม่มีใครกลัวคนเสื้อแดงตอบโต้ด้วยขวดน้ำ ไม้ และ ก้อนหิน บางครั้งทหารก็โยนตอบโต้มาเหมือนกันทหาร เกือบจะหลุดเข้ามาในบริเวณแยกคอกวัวได้หลายครั้ง แต่เนื่องจากกระแสลมที่พัดกลับไปในทางทหาร ทำให้แก๊สน้ำตาฟุ้งกลับไปทางทหารตลอดสงสัยกรรมตามทัน ทำให้ทหารไม่สามารถยึดพื้นที่บริเวณแยกคอกวัวได้เต็มที่
19.45
คนเสื้อ แดงได้เปรียบเรื่องทางลม ทำให้ทหารใช้แก๊สน้ำตาไม่เป็นผลเท่าไหร่นัก จึงทำให้คนเสื้อแดงสามารถรุกคืบจนสามารถสร้างด่านกีดขวางหน้าถนนข้าวสารได้ ทหารเริ่มยิงแก๊สน้ำตาจากฮ.ลงมาบริเวณหน้าเวทีคนที่ไปชุมนุมวันนั่นคงจำได้ ว่าชลมุนแค่ไหนตอนคุณจาตุรงค์ ฉายแฉงพูดบนเวที
20.00
เริ่ม พบคนถูกยิงที่แยกคอกวัว มีคนถูกหามออกมาเรื่อยๆ บางคนเสียชีวิตทันที บางคนไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาย เจ็บหนักก็เยอะ ตอนนั้นไม่มีใครรู้ว่ากระสุนมาจากไหนจริงๆ คนเสื้อแดงเริ่มโกรธไม่พอใจมากๆจับอะไรก็ได้ตอนนั่นกรูเข้าใส่ทหารแต่พวกเรา มีแค่มือเปล่า ก้อนอิฐ ไม้ ถังดับเพลิงเอาไปฉีดให้เป็นควันสกัดการมองเห็นของพวกทหาร
20.30
มีคนพบทหารแอบยิงคน เสื้อแดงอยู่บนตึกของกองสลากบนหัวของคนเสื้อแดงนั่นเอง แปลว่าทหารเขาเตรียมการไว้แล้ว ว่าจะล่อคนเสื้อแดงมาที่แยกนี้และให้ทหารข้างบนคอยเก็บแกนนำ คนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งจึงได้แบ่งกำลังไปล้อมตึกเพื่อจับคนที่ฆ่าประชาชนให้ ได้ตอนนี้ชุลมุนจริงเสียงปืนมีทุกทิศทุกทางมีเสียงคล้ายระเบิดดังหลายครั้ง คนเสื้อแดงล้มทั้งยืนหลายคน ตามแนวอากาศมีเสียงปืนดังฟิววววไม่รู้จะอธิบายยังงัยตอนนั่นผมเริ่มหมอบและ วิ่งมาแนวหลังตรงอนุสวรีย์เพราะประทะกันรุนแรงจริงๆ
20.45
ตอนนี้สถานการณ์ เริ่มไม่ดีแล้ว มีเสียงปืนที่ไม่ใช่ลูกแบล์ง ผมมั่นใจว่าเป็นลูกจริง ( ตอนผมเป็นทหารเกณฑ์ ผมได้ไปประจำอยู่ที่สนามฝึกยิงปืน ผมได้ยินเสียงปืนแทบทุกวัน ผมแยกออกว่าเสียงไหนลูกจริง เสียงไหนลูกแบล์ง ) มีระเบิดไม่ทราบว่าจากฝ่ายไหนลงมาเป็นระยะบึ้มๆๆ แต่คนเสื้อแดงก็สู้ไม่ถอย ปาขวด และ ก้อนหินกลับไปเป็นระยะ แบบไม่กลัวตายยอมรับน้ำใจจริงๆบางคนสู้ด้วยน้ำตา ผู้หญิงคนแก่เด็กวิ่งใส่ลูกปืนแบบไม่กลัว แต่ก็ไม่เป็นผลเท่าไหร่
21.00
ช่วง นี้สถานการณ์เลวร้ายมาก ทหารเหมือนเหมือนตั้งเป้าว่าจะต้องยึดพื้นที่คืนให้ได้ เสียงปืน ระเบิด ดังอย่างกึกก้อง มีคนโดนยิงออกมาเรื่อยๆ ตอนนั้นคิดว่าเราคงต้องเสียพื้นที่ตรงนี้เป็นแน่ จนมีชายคนนึงที่เราคิดว่าเขาคือ “ทหารแตงโม” คอยยิงสกัดทหารบนตึกไม่ให้ทำร้ายคนเสื้อแดงได้ขอบคุณจริงๆ แสดงว่ามีคนมาช่วย เราแล้วและมีเพื่อนๆจากราชประสงมาอีกหลายคันรถขบวนมอร์ไซด์มาเพียบกำลังใจ เริ่มดีขึ้นเราเริ่มรุกต่อ
21.05
ขณะที่คนเสื้อแดง กำลังหลบกระสุน และ วัตถุระเบิดอยู่บริเวณหน้าตึกกองสลาก มีชายนิรนาม 2 คนแต่งชุด ดำถือปืน AK47 เข้ามาต่อกรกับทหารเราไม่รู้ว่าชาย 2 คนนี้เป็นใครเราถามกันเองว่าเขาเป็นใครแต่ก็ไม่มีใครรู้ มีแต่คนบอกว่าเขาคือ “ทหารแตงโม”
สิ่งที่ผมเห็นคือเขาดูไม่มีความกลัว ทั้งๆที่มากันแค่ 2 คน ดูมีความ “นิ่ง” มากกว่าทหารทั่วไป ยุทวิธีเหมือนหน่วยรบพิเศษตอนนั้นสิ่งที่ผมคิดคือไม่อยากให้มีความรุนแรง แต่ใครใช้ความรุนแรงก่อนละ..!? ก็ทหารไม่ใช่หรือผม ไม่รู้ว่าชาย 2 คนนั้นเป็นใคร เพราะเขาปิดหน้าสิ่งที่เขาทำว่ากันตามกฎหมายมันผิดแน่ๆ แต่ที่ยอมรับก็คือ “เขาช่วยคนเสื้อแดงไว้”ขอบคุณครับ จากใจจริงผมร้องให้เห็นคนคนหนึ่งสมองไหล โดนหามออกมา
21.30
ทุกอย่างจบลง ทหารทั้งหมดได้ถอยกลับไปหมดแล้ว ชายนิรนามชุดดำทั้งหมดได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยเรา ได้สำรวจพื้นที่ ช่วยกันเก็บหลักฐาน เฉพาะที่แยกคอกวัวที่เดียว เราเก็บปลอกกระสุนกันได้เป็นลังใหญ่ เฉพาะกระสุนจริง M16 ก็เก็บ ได้เป็นถ้วยใหญ่ๆแล้วเรากันพื้นที่ตรงบริเวณที่คนเสื้อแดงถูกยิงจนบาด เจ็บ และ เสียชีวิต มีการไว้อาลัยให้กับผู้ล่วงลับคน เสื้อแดงได้เข้าไปบันทึกหลักฐานด้วยกล้องถ่ายรูป พบรอยกระสุนจริงเป็นจำนวนมากที่ทะลุตัวถังรถ เสาไฟ กำแพง ป้าย ประตู ซึ่งรอยกระสุนเหล่านั้นล้านมีวิถีพุ่งมาจากฝั่งทหาร พวกเราพยายามเก็บภาพถ่ายไว้ได้ให้มากที่สุดนักข่าวต่างประเทศได้เข้าไปทำ ข่าวอย่างต่อเนื่อง
22.00
มีการปล่อยโคมลอย เพื่อระลึกถึงคนเสื้อแดงที่จากไปบน เวทีได้โชว์หลักฐานอาวุธสงครามจำนวนมาก ที่คนเสื้อแดงยึดมาจากทหารได้ (แต่มีสำนัก ข่าวบางแห่ง บอกว่านี่คืออาวุธที่คนเสื้อแดงเตรียมตัวเอาไว้ทำร้ายทหาร)ระหว่าง ที่พิธีกรได้แถลงการณ์ประนามรัฐบาลบนเวที ได้มีข่าวจากผู้หญิงเสื้อแดงคนหนึ่งที่แฟนของเธอถูกยิงเข้าที่ชายโครงต้องนำ ส่งโรงพยาบาลโดยด่วน โดยหน่วยแพทย์ได้นำตัวผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลวชิระ แต่ปรากฎว่าไม่ทันการณ์ชายคนนั้นได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาล แล้วในขณะที่กำลังแต่งศพได้มีกลุ่มทหารเข้ามาแย่งศพแฟนของเธอไปต่อหน้า แกนนำจึงประกาศให้กลุ่มมอเตอร์ไซค์ออกตามหาศพคนเสื้อแดงทันทีผมเหนื่อยมาก จึงนั่งพักอยู่บริเวณแยกคอกวัวที่เกิดเหตุนั้นเอง นั่งดูความเลวร้ายที่เกิดขึ้นจากระบอบเผด็จการ
22.30
มี เสียงฮืฮาดังขึ้น เพราะกลุ่มการ์ด นปช ได้สามารถนำตัวทหารทั้งหมด 4 นายที่ได้ ดักยิงคนเสื้อแดงอยู่บนตึกกองสลากลงมาได้แล้ว กลุ่มคนเสื้อแดงฮือจะเข้าไปทำำร้ายด้วยความโกรธแค้น จนการ์ด นปช ต้องรีบกัน และ นำตัวไปที่เวทีผ่านฟ้าให้เร็วที่สุด
ยังมีการเจอหลักฐานใหม่อยู่เรื่อยๆ ทั้งกระสุนจริง อาวุธสงครามอื่นๆ จับตัวทหารที่ซุ่มยิงคนเสื้อแดงได้เพิ่ม
23.00
ผมรีบเดินทางกลับ เพราะต้องการกลับมาโพสรูปพร้อมเรื่องราวอย่างตรงความจริงที่สุดระหว่าง ทางผมได้แวะกินข้าว และ ซื้อของ มีคนเห็นผมผูกผ้าพันคอสีแดง และ เข้ามาถามถึงเหตุการณ์ พอผมเล่าถึงการปฏิบัติการของทหาร เขาก็สอบถามกันใหญ่ เพราะเขาบอกว่ามันไม่เหมือนกับที่ข่าวช่องหลักออกเท่าไหร่ (ผมก็ทำใจ ไว้แล้วล่ะ)นี่เป็นความจริงจากความทรงจำของผม ณ สี่แยกคอกวัวเมื่อคืนวันที่
10 เมษายน พ.ศ. 2553 ถ้าผม โกหกขอให้มีอันเป็นไปใน 3 วัน 7 วัน
ผม ไม่มีเจตนาอะไรในการตั้งกระทู้นี้มากไปกว่า ต้องการบอกความจริงที่ผมเห็น จากตาของคนคนหนึ่ง ที่เสียงมันอาจไม่ดังเท่าสื่อกระแสหลักทั้งหลาย แต่อย่างน้อยในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ผมได้ทำดีที่สุดแล้ว
” เมื่อฟ้า ทองผ่องอำไพ ประชาชนจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ”
บท ความโดย...ลูกชาวนาไทย
************************************************
เสียงระเบงเซงแซ่อยู่รอบตัวผม กับคำถามว่า เสื้อแดงจะจบอย่างไร? เมื่อไหร่อภิสิทธิ์จะยุบสภา
เป็นเสียงของชาวบ้านที่ทุกคนล้วนแต่เป็นลุง ป้า น้า อา ของผม ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งในอำเภออาจสามารถ ที่ครั้งหนึ่งผมเคยบอกว่าพวกเขา "ไม่ใช่เสื้อแดง"
แต่มาครั้งนี้ ผมไม่กล้ายืนยันอย่างนั้นได้อีกแล้ว
กลับบ้านครั้งหลังสุดนี้ห่างจากครั้งก่อนเพียง 4 เดือน ผมสังเกตว่าเกือบ 40 เปอร์เซ็นต์ ติดจานดาวเทียม
น้องชายบอกว่า ก่อนหน้าที่รัฐ จะปิดพีเพิลแชนแนล เสียงลำโพงจากจอโทรทัศน์ของแต่ละบ้าน จะกระหึ่ม "พี่น้องที่รักทั้งหลาย..." หรือไม่ก็ "ยุบสภา" มันฮิตกลายเป็นคำพูดติดปาก พอๆ กับคำว่า "อยู่พูดแบบเหวงๆ" ของชาวโลกออนไลน์
สำหรับชาวบ้าน "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" กลายเป็น "ผู้พ่าย"
สำหรับกองทัพ และสำหรับคนเมือง ก็คงไม่แตกต่างกันมากนัก
18.00 น. วันที่ 10 เมษายน ในที่ประชุมศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) "ฝ่ายความมั่นคง" เสนอให้ถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ราชดำเนิน ก่อนเวลา 18.00 น. แต่ "ฝ่ายการเมือง" เห็นว่า ทหารรุกไปไกลถึงร้านแมคโดนัลด์ หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา ซึ่งอยู่ห่างจากเวทีใหญ่เพียง 100 เมตร จึงมีคำสั่งจากฝ่ายการเมืองให้ "ลุยต่อ" กระทั่งมีการโยนแก๊สน้ำตาลงมาจากเฮลิคอปเตอร์
การที่ ฝ่ายการเมือง สั่งเช่นนั้นแสดงให้เห็นว่าไม่รู้หลัก "จิตวิทยามวลชน"
ทำให้ทหารที่รุกไล่คนเสื้อแดงในเวลากลางวัน และโดนคนเสื้อแดงตีโต้ ประชาชนเห็นด้วยกับรัฐบาล แต่การสั่ง "ลุยต่อ" กลายเป็นความพ่ายแพ้ของฝ่ายการเมืองในอีก 2 ชั่วโมงต่อมา
ทั้งนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งได้รับรายงานจากข่าวกรองว่า หากทหารบุกเข้าไปหลัง 18.00 น. กลุ่มติดอาวุธในเสื้อแดงจะลงมือปฏิบัติการให้มีคนเสื้อแดงเสียชีวิตจำนวนมาก
เพราะการข่าวสันติบาล และหน่วยข่าวทหาร รายงานตรงกันว่า ในกลุ่มคนเสื้อแดง มีคนเสื้อแดงที่มีอาวุธ ที่มีภารกิจเดียวคือไม่ให้การชุมนุมยุติ และพร้อมทำร้ายเจ้าหน้าที่และคนเสื้อแดง หากสถานการณ์จวนตัว จะสร้างความปั่นป่วนให้ลุกลาม
คนเสื้อแดงที่มีอาวุธ มีหน้าที่กำจัดอุปสรรคทุกอุปสรรคที่จะมาทำให้การชุมนุมยุติลง
เมื่อ "ฝ่ายการเมือง" ซึ่งขาดประสบการณ์ และได้ตัดสินใจผิดพลาดครั้งใหญ่ จึงต้องชดใช้ด้วยความสูญเสีย โดยเฉพาะการสูญเสียแม่ทัพระดับ "คุมกองกำลัง" พล.ต.วลิต โรจนภักดี ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ผบ.พล. ร.2 รอ.) ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิดเอ็ม 79 ส่งผลให้ขาหัก 3 ท่อน
พ.อ.เกรียงศักดิ์ นันทโพธิเดช ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์ (ร.12 พัน 2) ถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่สมองซีกขวา จนทำให้ต้องมีการผ่าตัดเปิดสมอง
พ.ท.นพสิทธิ์ สิทธิพงศ์โสภณ ผู้บังคับกองพันทหารม้าที่ 3 รักษาพระองค์ (ม.พัน 3 รอ.) โดนสะเก็ดระเบิดส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บที่ขาทั้งสองข้าง ซึ่งทั้งสามคนยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
และโดยเฉพาะการสูญเสีย พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม รอง เสธ.พล.ร.2 รอ. ค่ายจักรพงษ์ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี จากกองกำลังบูรพา นับเป็นบทเรียนสำคัญ
การสูญเสียอันใหญ่หลวงครั้งนี้ เพราะความดื้อรั้นของฝ่ายการเมือง เราจึงได้เห็น พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ออกมาพูดเป็นครั้งแรก ว่า "ยุบสภาเป็นทางออก" ของปัญหาบ้านเมืองวันนี้
การยุบสภา ที่หน่วยข่าวทหารประเมินแล้วว่าเพื่อไทยไม่มีวันกลับมาอย่างถล่มทลายเพราะยังมีข้อหาเสื้อแดงพาคนมาตาย และเสื้อแดงทำร้ายทหารนั่นเอง
ที่มา.กรุงเทพธุรกิจ
************************************************
แต่มาครั้งนี้ ผมไม่กล้ายืนยันอย่างนั้นได้อีกแล้ว
กลับบ้านครั้งหลังสุดนี้ห่างจากครั้งก่อนเพียง 4 เดือน ผมสังเกตว่าเกือบ 40 เปอร์เซ็นต์ ติดจานดาวเทียม
น้องชายบอกว่า ก่อนหน้าที่รัฐ จะปิดพีเพิลแชนแนล เสียงลำโพงจากจอโทรทัศน์ของแต่ละบ้าน จะกระหึ่ม "พี่น้องที่รักทั้งหลาย..." หรือไม่ก็ "ยุบสภา" มันฮิตกลายเป็นคำพูดติดปาก พอๆ กับคำว่า "อยู่พูดแบบเหวงๆ" ของชาวโลกออนไลน์
สำหรับชาวบ้าน "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" กลายเป็น "ผู้พ่าย"
สำหรับกองทัพ และสำหรับคนเมือง ก็คงไม่แตกต่างกันมากนัก
18.00 น. วันที่ 10 เมษายน ในที่ประชุมศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) "ฝ่ายความมั่นคง" เสนอให้ถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ราชดำเนิน ก่อนเวลา 18.00 น. แต่ "ฝ่ายการเมือง" เห็นว่า ทหารรุกไปไกลถึงร้านแมคโดนัลด์ หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา ซึ่งอยู่ห่างจากเวทีใหญ่เพียง 100 เมตร จึงมีคำสั่งจากฝ่ายการเมืองให้ "ลุยต่อ" กระทั่งมีการโยนแก๊สน้ำตาลงมาจากเฮลิคอปเตอร์
การที่ ฝ่ายการเมือง สั่งเช่นนั้นแสดงให้เห็นว่าไม่รู้หลัก "จิตวิทยามวลชน"
ทำให้ทหารที่รุกไล่คนเสื้อแดงในเวลากลางวัน และโดนคนเสื้อแดงตีโต้ ประชาชนเห็นด้วยกับรัฐบาล แต่การสั่ง "ลุยต่อ" กลายเป็นความพ่ายแพ้ของฝ่ายการเมืองในอีก 2 ชั่วโมงต่อมา
ทั้งนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งได้รับรายงานจากข่าวกรองว่า หากทหารบุกเข้าไปหลัง 18.00 น. กลุ่มติดอาวุธในเสื้อแดงจะลงมือปฏิบัติการให้มีคนเสื้อแดงเสียชีวิตจำนวนมาก
เพราะการข่าวสันติบาล และหน่วยข่าวทหาร รายงานตรงกันว่า ในกลุ่มคนเสื้อแดง มีคนเสื้อแดงที่มีอาวุธ ที่มีภารกิจเดียวคือไม่ให้การชุมนุมยุติ และพร้อมทำร้ายเจ้าหน้าที่และคนเสื้อแดง หากสถานการณ์จวนตัว จะสร้างความปั่นป่วนให้ลุกลาม
คนเสื้อแดงที่มีอาวุธ มีหน้าที่กำจัดอุปสรรคทุกอุปสรรคที่จะมาทำให้การชุมนุมยุติลง
เมื่อ "ฝ่ายการเมือง" ซึ่งขาดประสบการณ์ และได้ตัดสินใจผิดพลาดครั้งใหญ่ จึงต้องชดใช้ด้วยความสูญเสีย โดยเฉพาะการสูญเสียแม่ทัพระดับ "คุมกองกำลัง" พล.ต.วลิต โรจนภักดี ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ผบ.พล. ร.2 รอ.) ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิดเอ็ม 79 ส่งผลให้ขาหัก 3 ท่อน
พ.อ.เกรียงศักดิ์ นันทโพธิเดช ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์ (ร.12 พัน 2) ถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่สมองซีกขวา จนทำให้ต้องมีการผ่าตัดเปิดสมอง
พ.ท.นพสิทธิ์ สิทธิพงศ์โสภณ ผู้บังคับกองพันทหารม้าที่ 3 รักษาพระองค์ (ม.พัน 3 รอ.) โดนสะเก็ดระเบิดส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บที่ขาทั้งสองข้าง ซึ่งทั้งสามคนยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
และโดยเฉพาะการสูญเสีย พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม รอง เสธ.พล.ร.2 รอ. ค่ายจักรพงษ์ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี จากกองกำลังบูรพา นับเป็นบทเรียนสำคัญ
การสูญเสียอันใหญ่หลวงครั้งนี้ เพราะความดื้อรั้นของฝ่ายการเมือง เราจึงได้เห็น พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ออกมาพูดเป็นครั้งแรก ว่า "ยุบสภาเป็นทางออก" ของปัญหาบ้านเมืองวันนี้
การยุบสภา ที่หน่วยข่าวทหารประเมินแล้วว่าเพื่อไทยไม่มีวันกลับมาอย่างถล่มทลายเพราะยังมีข้อหาเสื้อแดงพาคนมาตาย และเสื้อแดงทำร้ายทหารนั่นเอง
ที่มา.กรุงเทพธุรกิจ
************************************************
ย้อนรอยเอ็ม 79 ถล่มแยกคอกวัว ทหารหักทหาร..บูรพาพยัคฆ์อัสดง
การสูญเสียนายทหารฝีมือดีอย่าง พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม รองเสนาธิการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (รองเสธ.พล.ร.2 รอ.) ณ สมรภูมิสี่แยกคอกวัว สร้างความสลดใจไปทั่วใน
แต่ พ.อ.ร่มเกล้า ไม่ใช่นายทหารระดับสูงเพียงคนเดียวที่ตกเป็นเป้าสังหาร เพราะยังมีนายทหารระดับนายพลอย่าง พล.ต.วลิต โรจนภักดี ผบ.พล ร. 2 รอ. ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิดเอ็ม 79 ถึงขั้นขาหัก 3 ท่อน และระดับผู้พันอย่าง พ.ท.เกรียงศักดิ์ นันทโพธิเดช ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์ (ร.12 พัน 2 รอ.) ถูกสะเก็ดระเบิดจนต้องผ่าตัดสมองด้วย
ที่น่าสนใจ ก็คือ ทั้งหมดเป็นนายทหารสาย "บูรพาพยัคฆ์" จากกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ขณะที่พลทหารอีกจำนวนหนึ่งที่เสียชีวิต ก็สังกัดหน่วยทหารหน่วยนี้เช่นกัน
ปากคำทหารที่อยู่ในเหตุการณ์บอกกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ขณะเกิดมิคสัญญีที่สี่แยกคอกวัว พล.ต.วลิต ซึ่งออกมาบัญชาการภาคสนามด้วยตัวเอง นั่งประชุมวางแผนอยู่บนฟุตบาทริมถนนตะนาวห่างจากสี่แยกคอกวัวไปทางตลาดบางลำพู โดยมี พ.อ.ร่มเกล้า กับ พ.ท.เกรียงศักดิ์ ปฏิบัติหน้าที่อยู่ไม่ห่าง
จู่ๆ โดยที่ไม่มีใครคาดคิด ก็มีลูกระเบิดเอ็ม 79 ถูกยิงมาจากที่สูงตกลงกลางวงนายทหารระดับสูงที่กำลังนั่งหารือสถานการณ์ และไม่ใช่แค่ลูกเดียว แต่เป็นการยิงถล่มถึง 2 ลูกซ้อน เป็นเหตุให้ พล.ต.วลิต กับ พ.ท.เกรียงศักดิ์ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วน พ.อ.ร่มเกล้า ไม่มีข้อมูลยืนยันว่าได้รับบาดเจ็บจากจังหวะนี้หรือไม่
แต่นาทีชีวิตยังไม่ผ่านพ้นไป เพราะมีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายใช้อาวุธปืนยิงถล่มซ้ำเข้าไปอีก จน พ.อ.ร่มเกล้า ได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ที่น่ากังขา ก็คือ ในสถานการณ์ชุลมุนวุ่นวาย เหตุใดกองกำลังไม่ทราบฝ่าย จึงเลือกเป้าได้อย่างแม่นยำยิ่ง!
นายทหารที่มีประสบการณ์ในสนาม ตั้งข้อสังเกตว่า เป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้ชุมนุมทั่วไป หรือคนที่ไม่ได้อยู่ในวงการทหารจะสามารถแยกแยะออกว่าใครเป็นใคร เพราะทหารที่ออกปฏิบัติการล้วนใส่ "ชุดฝึก" ซึ่งหากมองผ่านๆ ก็จะเหมือนๆ กันไปหมด ยิ่งในช่วงเวลาแห่งความสับสน ยิ่งยากที่จะรู้ว่าใครเป็นใคร ใครเป็นนาย ใครเป็นลูกน้อง
ทหารที่อยู่ในจุดเกิดเหตุ ให้ข้อมูลว่าเห็นแสงเลเซอร์เป็นลำสีแดงพุ่งตรงมายังจุดที่นายทหารระดับสูงนั่งกันอยู่ก่อนถูกถล่ม!
เสียงวิจารณ์ว่างานนี้คงไม่ใช่แค่การปะทะกันระหว่างทหารชุดรักษาความสงบกับผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงจึงดังกระหึ่มในแวดวง "คนมีสี" หลายเสียงเชื่อว่า นี่คือ การ "ล็อกเป้ายิง" โดยมีเงื่อนงำลึกลับซับซ้อนยิ่งกว่าการเผชิญหน้ากันระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายต่อต้านรัฐบาล
ประการแรก พล.ร.2 รอ. คือ หน่วยที่ปฏิบัติการสลายการชุมนุมบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง ในเหตุการณ์เมษาฯ เลือด เมื่อปี 2552 เป็นปฏิบัติการที่ประสบความสำเร็จอย่างแทบจะไร้ที่ติ เพราะไม่มีผู้ใดเสียชีวิต ในขณะที่บางกลุ่มบางฝ่ายอยากให้มีการสูญเสียใจแทบขาด
และ พ.อ.ร่มเกล้า กับ พ.ท.เกรียงศักดิ์ ก็คือ สองขุนพลที่ปฏิบัติการภาคสนามในวันนั้น โดยมี พล.ต.วลิต เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด
ความพยายามตรวจสอบเพื่อค้นหาความจริงในเวลาต่อมา พ.อ.ร่มเกล้า คือ กำลังสำคัญของหน่วยที่เดินสายชี้แจง พร้อมเปิดหลักฐานทุกชนิดเพื่อยืนยันว่าปฏิบัติการที่สามเหลี่ยมดินแดง ดำเนินไปตามขั้นตอนและกฎการปะทะทุกอย่าง ไม่มีการละเมิดสิทธิประชาชนผู้ชุมนุมเลยแม้แต่น้อย
บทบาทของ พ.อ.ร่มเกล้า ย่อมทำให้กลุ่มการเมืองบางฝ่ายไม่พอใจ...
ประการที่สอง การที่นายทหารทั้งสามล้วนเป็นสายเลือด "บูรพาพยัคฆ์" จาก พล.ร.2 รอ. อาจทำให้พวกเขาตกเป็นเป้า เพราะ "บูรพาพยัคฆ์" คือ กลุ่มนายทหารที่ยึดกุมอำนาจแทบจะเบ็ดเสร็จในกองทัพบก ตั้งแต่หัวแถวอย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผบ.ทบ. ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าจ่อเก้าอี้ ผบ.ทบ.คนต่อไป
นอกจากนั้นยังมี พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ต่อแถวอยู่อีกคน และ พล.ต.วลิต ก็คือนายทหารมือดีในกลุ่มที่กำลังก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสำคัญต่อไป...ทั้งหมดล้วนเติบโตมาจากเส้นทางสายเดียวกันทั้งสิ้น
การเติบใหญ่ของกลุ่ม "บูรพาพยัคฆ์" ย่อมทำให้นายทหารจากหน่วยอื่นๆ ไม่พอใจ...
ปฏิบัติการรุนแรงที่สี่แยกคอกวัว กับลูกระเบิดและกระสุนปืนที่พุ่งตรงสู่เป้าหมาย คือ นายทหารหน่วยนี้อย่างแม่นยำ เป็นคำตอบที่คนในวงการฟันธงว่า น่าจะเป็นฝีมือของ "คนมีสี" ด้วยกัน และน่าจะ "สีเดียวกัน"
นี่ยังไม่นับแผนปฏิบัติ "ขอคืนพื้นที่" บริเวณโดยรอบเวทีชุมนุมเชิงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ที่ถูกตั้งคำถามจากผู้มีประสบการณ์ ว่า ทำกันอย่างนี้ได้อย่างไร โดยเฉพาะการเปิดปฏิบัติการในช่วงบ่ายถึงค่ำซึ่งยืดเยื้อโดยใช่เหตุ ซ้ำยังสุ่มเสี่ยงต่อการถูกโจมตีจากมือที่สามเป็นอย่างยิ่ง
"บิ๊กมีสี" บางคนถึงกับฟันธงว่างานนี้น่าจะมี "วางยา" และมี "ไส้ศึก" เสียด้วยซ้ำ...
ฤๅกลุ่ม "บูรพาพยัคฆ์" กำลังถึงคราวอัสดง!
ที่มา.กรุงเทพธุรกิจ
**************************************************
แต่ พ.อ.ร่มเกล้า ไม่ใช่นายทหารระดับสูงเพียงคนเดียวที่ตกเป็นเป้าสังหาร เพราะยังมีนายทหารระดับนายพลอย่าง พล.ต.วลิต โรจนภักดี ผบ.พล ร. 2 รอ. ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิดเอ็ม 79 ถึงขั้นขาหัก 3 ท่อน และระดับผู้พันอย่าง พ.ท.เกรียงศักดิ์ นันทโพธิเดช ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์ (ร.12 พัน 2 รอ.) ถูกสะเก็ดระเบิดจนต้องผ่าตัดสมองด้วย
ที่น่าสนใจ ก็คือ ทั้งหมดเป็นนายทหารสาย "บูรพาพยัคฆ์" จากกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ขณะที่พลทหารอีกจำนวนหนึ่งที่เสียชีวิต ก็สังกัดหน่วยทหารหน่วยนี้เช่นกัน
ปากคำทหารที่อยู่ในเหตุการณ์บอกกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ขณะเกิดมิคสัญญีที่สี่แยกคอกวัว พล.ต.วลิต ซึ่งออกมาบัญชาการภาคสนามด้วยตัวเอง นั่งประชุมวางแผนอยู่บนฟุตบาทริมถนนตะนาวห่างจากสี่แยกคอกวัวไปทางตลาดบางลำพู โดยมี พ.อ.ร่มเกล้า กับ พ.ท.เกรียงศักดิ์ ปฏิบัติหน้าที่อยู่ไม่ห่าง
จู่ๆ โดยที่ไม่มีใครคาดคิด ก็มีลูกระเบิดเอ็ม 79 ถูกยิงมาจากที่สูงตกลงกลางวงนายทหารระดับสูงที่กำลังนั่งหารือสถานการณ์ และไม่ใช่แค่ลูกเดียว แต่เป็นการยิงถล่มถึง 2 ลูกซ้อน เป็นเหตุให้ พล.ต.วลิต กับ พ.ท.เกรียงศักดิ์ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วน พ.อ.ร่มเกล้า ไม่มีข้อมูลยืนยันว่าได้รับบาดเจ็บจากจังหวะนี้หรือไม่
แต่นาทีชีวิตยังไม่ผ่านพ้นไป เพราะมีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายใช้อาวุธปืนยิงถล่มซ้ำเข้าไปอีก จน พ.อ.ร่มเกล้า ได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ที่น่ากังขา ก็คือ ในสถานการณ์ชุลมุนวุ่นวาย เหตุใดกองกำลังไม่ทราบฝ่าย จึงเลือกเป้าได้อย่างแม่นยำยิ่ง!
นายทหารที่มีประสบการณ์ในสนาม ตั้งข้อสังเกตว่า เป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้ชุมนุมทั่วไป หรือคนที่ไม่ได้อยู่ในวงการทหารจะสามารถแยกแยะออกว่าใครเป็นใคร เพราะทหารที่ออกปฏิบัติการล้วนใส่ "ชุดฝึก" ซึ่งหากมองผ่านๆ ก็จะเหมือนๆ กันไปหมด ยิ่งในช่วงเวลาแห่งความสับสน ยิ่งยากที่จะรู้ว่าใครเป็นใคร ใครเป็นนาย ใครเป็นลูกน้อง
ทหารที่อยู่ในจุดเกิดเหตุ ให้ข้อมูลว่าเห็นแสงเลเซอร์เป็นลำสีแดงพุ่งตรงมายังจุดที่นายทหารระดับสูงนั่งกันอยู่ก่อนถูกถล่ม!
เสียงวิจารณ์ว่างานนี้คงไม่ใช่แค่การปะทะกันระหว่างทหารชุดรักษาความสงบกับผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงจึงดังกระหึ่มในแวดวง "คนมีสี" หลายเสียงเชื่อว่า นี่คือ การ "ล็อกเป้ายิง" โดยมีเงื่อนงำลึกลับซับซ้อนยิ่งกว่าการเผชิญหน้ากันระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายต่อต้านรัฐบาล
ประการแรก พล.ร.2 รอ. คือ หน่วยที่ปฏิบัติการสลายการชุมนุมบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง ในเหตุการณ์เมษาฯ เลือด เมื่อปี 2552 เป็นปฏิบัติการที่ประสบความสำเร็จอย่างแทบจะไร้ที่ติ เพราะไม่มีผู้ใดเสียชีวิต ในขณะที่บางกลุ่มบางฝ่ายอยากให้มีการสูญเสียใจแทบขาด
และ พ.อ.ร่มเกล้า กับ พ.ท.เกรียงศักดิ์ ก็คือ สองขุนพลที่ปฏิบัติการภาคสนามในวันนั้น โดยมี พล.ต.วลิต เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด
ความพยายามตรวจสอบเพื่อค้นหาความจริงในเวลาต่อมา พ.อ.ร่มเกล้า คือ กำลังสำคัญของหน่วยที่เดินสายชี้แจง พร้อมเปิดหลักฐานทุกชนิดเพื่อยืนยันว่าปฏิบัติการที่สามเหลี่ยมดินแดง ดำเนินไปตามขั้นตอนและกฎการปะทะทุกอย่าง ไม่มีการละเมิดสิทธิประชาชนผู้ชุมนุมเลยแม้แต่น้อย
บทบาทของ พ.อ.ร่มเกล้า ย่อมทำให้กลุ่มการเมืองบางฝ่ายไม่พอใจ...
ประการที่สอง การที่นายทหารทั้งสามล้วนเป็นสายเลือด "บูรพาพยัคฆ์" จาก พล.ร.2 รอ. อาจทำให้พวกเขาตกเป็นเป้า เพราะ "บูรพาพยัคฆ์" คือ กลุ่มนายทหารที่ยึดกุมอำนาจแทบจะเบ็ดเสร็จในกองทัพบก ตั้งแต่หัวแถวอย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผบ.ทบ. ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าจ่อเก้าอี้ ผบ.ทบ.คนต่อไป
นอกจากนั้นยังมี พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ต่อแถวอยู่อีกคน และ พล.ต.วลิต ก็คือนายทหารมือดีในกลุ่มที่กำลังก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสำคัญต่อไป...ทั้งหมดล้วนเติบโตมาจากเส้นทางสายเดียวกันทั้งสิ้น
การเติบใหญ่ของกลุ่ม "บูรพาพยัคฆ์" ย่อมทำให้นายทหารจากหน่วยอื่นๆ ไม่พอใจ...
ปฏิบัติการรุนแรงที่สี่แยกคอกวัว กับลูกระเบิดและกระสุนปืนที่พุ่งตรงสู่เป้าหมาย คือ นายทหารหน่วยนี้อย่างแม่นยำ เป็นคำตอบที่คนในวงการฟันธงว่า น่าจะเป็นฝีมือของ "คนมีสี" ด้วยกัน และน่าจะ "สีเดียวกัน"
นี่ยังไม่นับแผนปฏิบัติ "ขอคืนพื้นที่" บริเวณโดยรอบเวทีชุมนุมเชิงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ที่ถูกตั้งคำถามจากผู้มีประสบการณ์ ว่า ทำกันอย่างนี้ได้อย่างไร โดยเฉพาะการเปิดปฏิบัติการในช่วงบ่ายถึงค่ำซึ่งยืดเยื้อโดยใช่เหตุ ซ้ำยังสุ่มเสี่ยงต่อการถูกโจมตีจากมือที่สามเป็นอย่างยิ่ง
"บิ๊กมีสี" บางคนถึงกับฟันธงว่างานนี้น่าจะมี "วางยา" และมี "ไส้ศึก" เสียด้วยซ้ำ...
ฤๅกลุ่ม "บูรพาพยัคฆ์" กำลังถึงคราวอัสดง!
ที่มา.กรุงเทพธุรกิจ
**************************************************
ผบ.ทบ.ลั่น-ทางสงบ ต้องยุบสภา
"มาร์ค"โบ้ยผู้ก่อการร้าย แดงแห่18โลงศพทั่วกรุง ฝรั่งชี้เหมือนรัฐบาลพม่า
ส่งสัญญาณ- พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. แถลงเคียงข้าง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ที่ศอฉ. ในร.11 รอ. เสนอยุบสภาแก้วิกฤตปัญหา
"อนุพงษ์"ฟันธงเปรี้ยงนายกฯต้องยุบสภาบ้านเมืองถึงสงบ ผบ.ทบ.ชี้ชัดการเมืองต้องแก้ด้วยการเมืองปัญหาถึงจะจบ ส่วน"มาร์ค-เทือก"ระบุผู้ก่อการร้ายแฝงตัวในม็อบจนทำให้เกิดเหตุรุนแรงขึ้น ขณะที่แกนนำม็อบแดงแห่โลงศพ 18 วีรชนไปทั่วกรุง มีประชาชนออกมาไว้อาลัยกันตลอดทาง ขวัญชัยนำทีมนปช.บุกไปถึงหน้าบ้านมาร์ค แต่ไม่มีเหตุการณ์รุนแรง ส่วนอริสมันต์ก็พาจยย.แดง 200 คันบุกกสท เพราะเชื่อว่าปล่อยสัญญาณรบกวนพีทีวี ก่อนบิ๊กกสท ออกมายืนยันว่าไม่จริงก็สลายตัวไปในที่สุด สธ.ระบุยอดตายมีแค่ 20 ราย พ่อแม่เหยื่อปืนร่ำไห้รับศพ สลดบัณฑิตวิศวะโดนยิงตายก่อนจะแต่งงานเร็วๆนี้ นายกฯญี่ปุ่นจี้รัฐบาลไทยสอบกรณีนักข่าวรอยเตอร์โดนยิงตาย เปิดดูภาพในกล้องนักข่าวยุ่นก่อนเสียชีวิต "จตุพร"สวนกลับทันควันมาร์คเป็นหัวหน้าผู้ก่อการร้าย
เวทีผ่านฟ้าฯคึกคัก-เตรียมแห่ศพ
เมื่อวันที่ 12 เม.ย. ที่เวทีสะพานผ่านฟ้าฯ ตั้งแต่เวลา 07.00 น.มีผู้ชุมนุมมาร่วมชุมนุมอย่างหนาแน่น เนื่องจากแกนนำนปช.มีมตินำศพผู้เสียชีวิตจากเหตุปะทะกันวันที่ 10 เม.ย. เคลื่อนไปตามเส้นทางต่างๆ ทั่วกทม. โดยผู้ชุมนุมบางส่วนเริ่มตั้งขบวนตั้งแต่หน้าเวทีปราศรัยเป็นแถวยาวเหยียดถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มีนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง นายขวัญชัย ไพรพนา นายพายัพ ปั้นเกตุ นำขบวนเคลื่อนไปตามเส้นทาง ตั้งแต่แยกหลานหลวง แยกยมราช แยกเจริญผล ถนนบรรทัดทอง ถนนพระราม 4 แยกอโศก ถนนสุขุมวิท เอกมัย ถนนเพชรบุรี แยกประตูน้ำ แยกราชเทวี แยกนางเลิ้ง ทำเนียบรัฐบาล แยกมิสกวัน ถนนราชดำเนินกลาง สะพานพระราม 8 บางแค และถนนกาญจนาภิเษก
นายสุภรณ์กล่าวย้ำว่า ให้รถยนต์แต่ละคันขับต่อกันเป็นแถวยาวอย่างเป็นระเบียบด้วยความสงบ ห้ามขับแซงเพราะพวกเราเพื่อแสดงความไว้อาลัย วันนี้พื้นที่ชุมนุมและขบวนรถยนต์จะเปิดเพลงเพื่อไว้อาลัยแก่ผู้ที่เสียชีวิตเท่านั้น
จากนั้นเวลา 10.00 น.ผู้ชุมนุมเริ่มเคลื่อนขบวนแห่ไว้อาลัยศพวีรชนเสื้อแดงจากหน้าเวที ขณะเดียวกันนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการนปช. เดินทางจากแยกราชประสงค์มาให้กำลังใจผู้ชุมนุมที่จะเคลื่อนขบวน ผู้ชุมนุมพากันวิ่งเข้ามาจับมือนายณัฐวุฒิและเก็บภาพบรรยากาศอย่างต่อเนื่อง ขณะที่บนเวทียังปราศรัยโดยแกนนำคนอื่นๆ อาทิ นายชินวัฒน์ หาบุญพาด นางไพจิตร อักษรณรงค์ กล่าวโจมตีขับไล่รัฐบาลและนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พร้อมกับกำชับการ์ดนปช.ตรวจตราคนที่เข้าพื้นที่ชุมนุมอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันมือที่ 3 เข้ามาแอบแฝงและก่อเหตุรุนแรง นอกจากนี้ยังประกาศทำความเข้าใจผู้ชุมนุม อย่าข่มขู่ขับไล่สื่อมวลชนอีก เพราะสื่อทุกคนที่อยู่ในพื้นที่ทำหน้าที่ที่ดีที่สุดแล้ว คนเสื้อแดงยินดีต้อนรับสื่อทุกคนและทุกสำนัก ไม่ว่าสื่อไทยและสื่อต่างประเทศ รวมทั้งขอขอบคุณที่สื่อทุกคนที่ลงข่าวเสื้อแดงกับสิ่งเกิดขึ้นในความเป็นจริง
เหวงจวกเทือกป้ายสีม็อบ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากเวทีของกลุ่มนปช. คนเสื้อแดง บริเวณสี่แยกราชประสงค์ ว่า ช่วงเช้าบรรยากาศเงียบเหงา เนื่องจากผู้ชุมนุมบางส่วนยังพักผ่อนกระจายอยู่โดยรอบ ส่วนทางเข้าออกสถานที่ชุมนุมตามจุดต่างๆ ทั้งสถานีไฟฟ้าบีทีเอส ราชดำริ ถนนราชดำริ แยกเพลินจิต ถนนสุขุมวิท แยกประตูน้ำ และด้านหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถนนพระราม 1 มีการ์ดนปช.ประจำเฝ้าระวังบุคคลผ่านเข้าออกอย่างเข้มงวด ขณะที่การจราจรได้เปิดเส้นทางสุขุมวิทขาออก ช่องทางซ้ายสุด เพื่อให้รถยนต์ผ่านไปยังถนนราชดำริได้
ส่วนบนเวทีปราศรัย มีแกนนำ อาทิ น.พ.เหวง โตจิราการ นายก่อแก้ว พิกุลทอง สลับกันขึ้นเวทีสรุปข่าวให้ผู้ชุมนุมรับฟังเป็นระยะ โดยน.พ.เหวงกล่าวโจมตีการกระทำของรัฐบาลที่สั่งทหารปะทะกับประชาชน จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก พร้อมทั้งตอบโต้กรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ที่ระบุคนเสื้อแดงเป็นผู้ยิงอาวุธปืนเอ็ม 79 ทำร้ายทหารว่าไม่เป็นความจริง สิ่งที่นายสุเทพพูดเป็นการใส่ร้ายประชาชน
โวยมาร์คโยนความผิดให้มือที่3
เวลา 10.50 น.แกนนำเสื้อแดง นำโดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ น.พ.เหวง โตจิราการ นายก่อแก้ว พิกุลทอง และ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ อดีตส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชาชน ร่วมกันแถลงข่าว นายจตุพรกล่าวว่า หลังจากส.ส.เพื่อไทยแจ้งความดำเนินคดีกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ตามความผิดมาตรา 157 มาตรา 285 และมาตรา 286 ที่สั่งทหารปะทะกับประชาชนที่ผ่านฟ้าและสี่แยกคอกวัว ทำให้มีคนตาย 21 ศพแล้ว ถือเป็นการก่ออาชญากรรมบนท้องถนน ล่าสุดยังพยายามเพิ่มงบประมาณให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติกว่า 200 ล้านบาทเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสอบสวนเรื่องนี้ อยากฝากบอกว่า หากมาตรวจสอบประเด็นการชุมนุม แต่ละเลยเรื่องรัฐบาลฆ่าคนตาย บ้านเมืองนี้ก็อยู่ไม่ได้
นายจตุพรกล่าวว่า รัฐบาลพยายามทำให้เหมือนเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ 2519 ด้วยการปิดบัง ซ่อนเร้นคนตาย ซึ่งคนเสื้อแดงคาดว่ายอดคนล้มตายน่าจะไม่หยุดอยู่แค่นี้ นอกจากนี้ยังขัดขวางไม่ให้เอาศพมาทำพิธีกรรม ซึ่งรัฐบาลนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่มีการนำอาวุธสงครามปราบปรามประชาชน ทั้งที่รู้ว่า การปราบปรามประชาชนในช่วงมืด สุ่มเสี่ยงจะเกิดการล้มตาย ส่วนที่รัฐบาลใช้สื่อรัฐเบี่ยงเบนประเด็นว่าเป็นฝีมือของมือที่ 3 ทำให้คนตายนั้น การโกหกของนายอภิสิทธิ์อยู่บนความตายของคนเสื้อแดงกว่า 16 ชีวิตแล้ว เก้าอี้ของนายอภิสิทธิ์ร้อนเหมือนเมรุเผาศพที่ดวงวิญญาณของคนตายมา ทวงความยุติธรรม ขอตั้งข้อสังเกตว่าเมื่อมีการปราบปรามประชาชนจนล้มตายก็บอกว่าจะยุบสภาภายใน 3 เดือน 6 เดือน แสดงว่าข้อเรียกร้องของคนเสื้อแดงที่บอกให้ยุบสภาทันที ต้องแลกชีวิตคนเสื้อแดงอีก 36 ศพใช่หรือไม่
ไม่เจรจา-เมิน"ชวน-หนั่น"นั่งนายกฯ
นายจตุพรกล่าวอีกว่า ส่วนที่มีข่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเอานายชวน หลีกภัย ขึ้นมาเป็นนายกฯแทนนาย อภิสิทธิ์นั้นก็ว่ากันไป และที่พรรคชาติไทยพัฒนารอส้มหล่นโดยจะให้พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ที่ปรึกษาพรรค เป็นนายกฯขัดตาทัพนั้น อยากฝากนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาพรรค ยังจำคำพูดตัวเองได้หรือไม่ว่าหากมีประชาชนล้มตายจะแสดงความรับผิดชอบ หากนายบรรหารจะมาเจรจากับแกนนำนปช. ขอให้นายบรรหารลาออกจากพรรคร่วมรัฐบาลก่อนแล้วค่อยมาเจรจา รัฐบาลเป็นผู้สังหารประชาชน เอาอาวุธสงครามมาฆ่าประชาชน เวลานี้วิบากกรรมตกมาอยู่ที่คนสั่งการ เพราะทหารได้รับกรรมไปแล้ว ซึ่งเป็นคนที่สั่งฆ่าประชาชนช่วงเดือนเม.ย.2552 ที่ผ่านมา 2 คนเสียชีวิต อีก 1 คนต้องตัดขา ที่พูดไม่ได้สะใจ แต่อยากแสดงให้เห็นว่าเวรกรรมมีจริง
นายจตุพรกล่าวต่อว่า ยืนยันว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะไม่เจรจากับรัฐบาลอีกแล้ว จะชุมนุมต่อไปจนกว่าจะไม่มีคนชื่ออภิสิทธิ์เป็นนายกฯ รวมถึงนายชวน และพล.ต.สนั่นด้วย ต้องไม่ใช้เลือดของประชาชนเป็นบันไดได้มาซึ่งตำแหน่งนายกฯ กลุ่มคนเสื้อแดงไม่อาจยอมรับกระบวนการนี้ได้ คำเดียวคือยุบสภาคืนอำนาจประชาชน ส่วนคดีต้องว่ากันตามกฎหมาย
ม็อบแดงบุกกสทจี้เชื่อมพีทีวี
ส่วนที่นายสุเทพและผบ.ทบ.แถลงมีผู้ก่อการร้ายแฝงตัวเข้ามาในกลุ่มผู้ชุมนุมนั้น นายจตุพรกล่าวว่า ผู้ก่อการร้าย ก็คือทหาร และหัวหน้าผู้ก่อการร้ายชื่อสุเทพ ถ้านายอภิสิทธิ์และนายสุเทพยังยืนอยู่บนเก้าอี้นี้ต่อไป คงต้องสู้กันให้ตายไปอีกข้างหนึ่ง เพราะคนเสื้อแดงไม่ยอมให้ประชาชนตายเปล่าต้องมีคนรับผิดชอบและต้องมีคนติดคุก
ต่อมาเวลา 12.10 น.นายจตุพรประกาศบนเวทีราชประสงค์ ว่า สาเหตุที่การออกอากาศของสถานีโทรทัศน์พีเพิลแชนแนล มีปัญหามาจากบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด จึงขอกำลังคนเสื้อแดงส่วนหนึ่งไปทวงถามสาเหตุการปิดสัญญาณสถานีโทรทัศน์พีเพิลแชนแนล ที่ตึกบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด ย่านแจ้งวัฒนะ โดยนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง จะเป็นผู้นำขบวนกลุ่มผู้ชุมนุมไปพร้อมกับนายการุณ โหสกุล ส.ส.พรรคเพื่อไทย
เวลา 13.10 น.คณะกรรมการสมาคมนักข่าวนักหนังสือ พิมพ์แห่งประเทศไทย เดินทางไปยังเวทีชุมนุมของกลุ่มนปช. ที่สี่แยกราชประสงค์เพื่อหารือกับแกนนำนปช.เกี่ยวกับการรับประกันสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนในภาคสนาม โดยมี น.พ.เหวง โตจิราการ และนายจรัล ดิษฐาอภิชัย แกนนำนปช.ต้อนรับ น.พ.เหวงยืนยันว่าเคารพการทำงานของสื่อ มวลชนทุกคน และพร้อมให้ความปลอดภัยทั้งที่เวทีผ่านฟ้าลีลาศและราชประสงค์ แกนนำนปช.เข้าใจการทำงานของสื่อว่าเป็นไปตามหน้าที่ โดยย้ำให้ผู้ชุมนุมเข้าใจการทำงานของสื่อ ส่วนกรณีช่อง 11 คนที่มีปัญหา คือนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประสำนักนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่สื่อมวลชนในภาคสนาม
เทือกซัดมีผู้ก่อการร้ายแฝงม็อบ
เวลา 10.30 น. ที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุก เฉิน(ศอฉ.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ในฐานะผู้อำนวยการ ศอฉ. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ร่วมกันแถลงข่าวเป็นครั้งแรกหลังเกิดเหตุปะทะกันระหว่างทหาร และกลุ่มคนเสื้อแดงที่แยกคอกวัว เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รอง ผบ.ทบ. ร่วมรับฟังอยู่ด้านหลัง โดยการแถลงดังกล่าวได้ใช้เวลา 1 ชั่วโมง
นายสุเทพกล่าวว่า หลังจากการปฏิบัติการขอพื้นที่การจราจรคืนให้ชาวกทม.เมื่อวันที่ 10 เม.ย. และเกิดเหตุมีผู้ก่อการร้ายแฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมและใช้อาวุธสงครามทั้งเอ็ม 79 เอ็ม 16 อาก้า ระเบิดขว้างเต็มรูปแบบ ขว้างเข้าใส่เจ้าหน้าที่เป็นเหตุให้ทหาร พลเรือน ผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บเสียชีวิต ซึ่งเราเสียใจ หลังจากเหตุการณ์นั้นยังมีความพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง ปล่อยข่าวลือ ข่าวหลอก ทำให้ประชาชนสับสนหลายเรื่อง จึงต้องมาทำความจริงให้ปรากฏและแก้ไขความเข้าใจผิดทุกประเด็น เพราะถ้าปล่อยไปจะกลายเป็นความร้าวฉานของผู้บริโภคข่าวที่ผิดๆ
นายสุเทพ กล่าวว่า การที่ปล่อยข่าวว่าการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่เมื่อวันที่ 10 เม.ย. เป็นการประเมินสถานการณ์ที่ผิดพลาดของรัฐบาล หาว่ารัฐบาลกดดันทหารให้ปฏิบัติการโดยบังคับไม่ให้ใช้อาวุธนั้น ตนอยากชี้ให้เห็นว่าทั้งหมดนี้เป็นภาพที่เขาวาดขึ้น ภาพแรกเพื่อโยนความผิดให้รัฐบาล นายกฯ ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ มีคนเสียชีวิต มุ่งใช้คำว่ารัฐบาลต้องการสลายการชุมนุมและเป็นเหตุให้เกิดปะทะ เสียชีวิต เมื่อภาพนี้ปล่อยไปไม่สำเร็จ วันนี้มาปล่อยข่าวเพื่อมุ่งว่ารัฐบาลบีบบังคับทหารและทำให้ทหารเสียชีวิต ซึ่งไม่จริง
ยันไม่ผิด-มีจนท.สูญเสียมาก
นายสุเทพ กล่าวว่า ในการทำงานที่ศอฉ. มีคณะกรรมการหลายสิบคน ทั้งฝ่ายการเมือง ข้าราชการจากทุกกระทรวง มีมากกว่าทหาร และกว่าที่เราจะดำเนินการ มีการหารือในศอฉ. อย่างละเอียด ซึ่งนโยบายที่นายกฯมอบให้ศอฉ. ไปปฏิบัติคราวนี้ มีเพียงให้เราคิดหาวิธีเอาพื้นที่บางส่วนคืนกลับมาให้ประชาชน เพราะการที่ผู้ชุมนุมยึดพื้นที่ไว้นานๆ คนกทม.เดือดร้อนมาก พื้นที่ที่เขายึดไว้ ไม่ได้ใช้ชุมนุมทั้งหมด มีคน 2,000-3,000 คน แต่ยึดพื้นที่ตั้งแต่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยถึงรัฐสภาอย่างนี้มันมากเกินไป ศอฉ.จึงประชุมเพื่อกำหนดวิธีการปฏิบัติ
"ถ้าถามว่าผมทำผิดอะไร ผมสารภาพว่าความผิดพลาดของผมคือผมและเพื่อนร่วมงานที่ศอฉ.ไม่คิดมาก่อนว่าในกลุ่มผู้ชุมนุมจะมีคนที่ใช้อาวุธหนักมายิงใส่ทำร้ายเจ้าหน้าที่โดยไม่คำนึง ว่าจะมีลูกหลงถูกพลเมืองผู้บริสุทธิ์ ผมไม่คาดคิดว่าในกลุ่มผู้ชุมนุมจะมีเอ็ม 79 เอ็ม 16 อาก้า ระเบิดขว้าง เมื่อเราเริ่มปฏิบัติการตั้งแต่ต้น พอถึงสะพานมัฆวานส่วนหนึ่งเราหยุดแล้ว และกำลังส่วนอื่นที่เข้าไปด้านอื่น พอถึงเวลา 6 โมงเย็นไปแล้วก็หยุดอยู่กับที่แล้ว เตรียมจะถอนกลับ ช่วงจังหวะนั้นได้เกิดการระดมยิงเจ้าหน้าที่ อย่างหนักหน่วง เจ้าหน้าที่ถึงสูญเสียมาก" นายสุเทพกล่าว
รองนายกฯ กล่าวว่า วันที่ 11 เม.ย. ตนได้พูดกับนายดาบตำรวจที่วิ่งไปแล้วแย่งปืนจากกลุ่มคนที่เคลื่อนเข้าไปทำร้ายทหาร ได้ยึดปืนเอ็ม 79 เขาให้การชัดเจนว่ามีมาเป็นชุด ชุดที่เขาเผชิญหน้านั้นมี 5 คน ถือเอ็ม 16 จำนวน 3 คน ถืออาก้า 1 คน ถือเอ็ม 79 จำนวน 1 คน เขากระโดดปลุกปล้ำเอาปืนเอ็ม 79 มาได้ ส่วนพวกที่ถือเอ็ม 16 กับอาก้าก็วิ่งเข้าไปในกลุ่มเสื้อแดง และเข้าไปต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ นี่คือสิ่งที่ตนได้พบกับตัวเองและมีตัวตน สิ่งนี้ศอฉ.ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ไม่คิดว่าประเทศไทยในกลุ่มผู้ชุมนุมจะมีกลุ่มที่คิดเข่นฆ่าเจ้าหน้าที่รัฐด้วยความรุนแรงเสมือนอยู่ในสงครามเช่นนี้
ประวิตรด่าแหลกคนนอกคอก
ด้านพล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ในฐานะรองผอ.ศอฉ. และเป็นหนึ่งในคณะกรรมการทำงาน ทุกขั้นตอนดำเนินการตามที่ผอ.ศอฉ.กล่าว ตั้งแต่ฝ่ายข่าวทุกส่วน คือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทหาร ตำรวจ จะเอาข่าวสารต่างๆ มาร่วมกัน ชี้แจงให้ศอฉ.ทราบ จากนั้นผู้บัญชาการทุกคนจะร่วมกันพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรในเรื่องการขอพื้นที่คืนตามที่นายกฯให้นโยบายมา ซึ่งการข่าวของเจ้าหน้าที่ที่รับฟังจากประชาชนและแกนนำกลุ่มเสื้อแดงบอกว่าจะใช้วิธี สันติอหิงสาและไม่ใช้อาวุธสงคราม ไม่ใช้ความรุนแรง เช่นเดียวกันทหารก็ไม่อยากใช้ความรุนแรง พล.อ.อนุพงษ์ ได้ดำเนินการให้ทหารที่ต้องปะทะกับประชาชนมีเพียงโล่ กระบอง เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองเจ็บ แต่อีกส่วนหนึ่ง เราไม่คาดคิดคือมีผู้ใช้อาวุธสงครามกับเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ว่าปืนเอ็ม 79 ระเบิดที่โยนเข้ามากลางวงทหารบาดเจ็บทีเดียว 30 คน
"ทหารที่ไม่ได้ถืออาวุธก็อยู่ข้างหน้าและที่ถืออาวุธเพื่อป้องกัน เราไม่คาดคิดว่าเขาจะใช้อาวุธ ดังนั้นต้องแยกให้ออกว่าพวกนั้นเป็นกลุ่มใดจะเอาไปรวมกับประชาชนไม่ได้ ทหารไม่คิดทำร้ายประชาชน แต่คิดว่าจะทำยังไงให้ประชาชนปลอดภัย แต่สิ่งที่เราโดนคือคนนอกคอก ทำให้ทหารและประชาชนไม่เข้าใจกัน จุดนี้รัฐบาลบอกทหารว่าเขาจำเป็นต้องดำเนินการรุนแรงกับบุคคลที่อยู่นอกกฎหมายนี้อย่างเด็ดขาด เราประเมินสถานการณ์ตลอดเวลา เราไม่ได้ละเลย นายกฯและทหารทุกเหล่าทัพคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชน เจ้าหน้าที่ทำงานมีขั้นตอน แม้จะมีปะทะก็มีกฎการปะทะว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่สิ่งที่แปลกปลอมเข้ามาขณะนี้ คือคนจำพวกหนึ่งที่มีไม่มาก คนพวกนี้ต้องดำเนินการอย่างเฉียบขาด" พล.อ.ประวิตรกล่าว
บน-สะใจ - ม็อบเสื้อแดงหลายหมื่นคนที่ชุมนุมอยู่ตรงสี่แยกราชประสงค์ ชูกำปั้นร้องตะโกนดีใจดังสนั่นหวั่นไหว หลังแกนนำประกาศว่ากกต.มีมติยุบพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 12 เม.ย.
ล่างซ้าย-แห่ศพ- ขบวนรถคนเสื้อแดงเคลื่อนออกจากเวทีผ่านฟ้าฯ ตั้งแต่เช้าวันที่ 12 เม.ย. แห่ 18 ศพเหยื่อสลายการชุมนุมบริเวณถนนราชดำเนินเมื่อวันที่ 10 เม.ย. ไปทั่วกทม.
ล่างขวา-แห่แล้วเฮ - คนเสื้อแดงหลายหมื่นแห่ 18 ศพเหยื่อสลาย 10 เม.ย.ไปทั่วกรุง ขณะที่ผู้ชุมนุมสะพานผ่านฟ้าฯ ไชโยโห่ลั่น หลังแกนนำประกาศว่ากกต.มีมติยุบพรรคประชาธิปัตย์เรียบร้อย เมื่อวันที่ 12 เม.ย.
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เราต้องช่วยกันหาพวกนอกกฎหมายมาให้ได้ ตอนนี้การเจรจาจำเป็นมาก พวกที่ทำให้ประชาชนและเจ้าหน้าที่เสียชีวิตโดยการใช้อาวุธสงครามนั้น ถือว่าไม่ดีมากๆ ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ว่าอาวุธต่างๆ เหล่านั้นมาจากไหน และต้องจับกุมตามกฎหมาย เมื่อถามว่าจะจัดชุดไล่ล่าในทางลับหรือไม่ พล.อ. ประวิตร กล่าวว่า ไม่ทราบ เมื่อถามถึงการขอคืนพื้นที่จะมีขึ้นอีกหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า จะมีอีกหรือไม่เป็นนโยบายของรัฐบาล คณะกรรมการศอฉ.ตอบไม่ได้
ป๊อกเปรี้ยงยุบสภา-บ้านเมืองสงบ
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กองทัพไม่ได้ใช้อาวุธทำร้ายประชาชน แต่มีการใช้อาวุธสงครามในเหตุการณ์ ซึ่งถ้าทหารจะปราบจริงก็ทำได้ แต่ทหารไม่ต้อง การทำร้ายประชาชนที่เป็นคนไทยด้วยกัน และยืนยันทหารไม่ได้แตกแยกกับรัฐบาล และทหารไม่ได้แตกแยกกันเอง แต่ถ้ามันมี 5 คน 10 คนที่ออกไป ทหารที่รีไทร์ไปแล้วใครเลี้ยงไว้ยังไงก็มี อย่างนี้ไม่ใช่ความแตกแยกในหมู่ทหาร
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ตนคงไม่ยอมให้ยึดพื้นที่อยู่อย่างนั้น แต่คิดว่าถ้าทางการเมืองหลายฝ่ายออกมา ซึ่งตอนนี้มันบังคับให้กลับไปสู่การเมือง ซึ่งการเมืองเดิมทำกันอยู่ แต่มันไปหยุดอยู่ที่จุดๆหนึ่ง ตนประเมินว่ามันต้องกลับไปที่การเมืองและต้องจบที่นั่น พอใจไม่พอใจก็ต้องหยุดและสังคมต้องเป็นตัวตัดสิน ถ้าถึงจุดนั้นการเมืองและสังคมจะทำให้ทุกอย่างจบได้ ซึ่งปัญหาการเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง
เมื่อถามว่าควรจบด้วยการเจรจาและนำไปสู่การยุบสภาใช่หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ถ้าการเมืองเขาแก้กันไม่ได้ เข้าใจว่าเรื่องประ เด็นการยุบสภา ตนเข้าใจว่าต้องยุบ คิดว่ามันต้องจบด้วยการยุบ ส่วนจะยุบเมื่อไหร่เขาไปเจรจาเพื่อให้เกิดกรอบเวลา มันมีเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญด้วย แต่เข้าใจว่ามันคงไปจบที่ยุบสภา หรือบางคนมาเสนอใหม่ว่าเป็นรัฐบาลแห่งชาติ ก็ว่ากันเองแล้วกัน ขอให้สงบก็พอ
ส่วนที่มีคนมองว่ากองทัพไม่ยอมทำอะไรเพราะผบ.ทบ.ประคองตัวเนื่องจากใกล้เกษียณอายุราชการนั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า สิ่งที่ตนทำมาตลอดไม่เคยคิดเช่นนั้น ตนจะดูตามสิ่งที่ควรกระทำ ประเทศชาติได้ประโยชน์ กองทัพไม่เสียหายตนก็ทำ ซึ่งไม่กลัวว่าจะโดนปลด จะ 3 เดือน 5 เดือนมันไม่ใช่ประเด็น กองทัพเพียงแต่หวังต้องการให้เกิดความสงบในบ้านเมือง (อ่านรายละเอียดน.3)
มาร์คแถลงแฉผู้ก่อการร้าย
ต่อมาเวลา 14.05 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แถลงการณ์ที่ศาลากิตติสุข โดยฉากหลังมีการตกแต่งด้วยพื้นสีฟ้า มีรูปพานรัฐธรรมนูญขนาดใหญ่อยู่ด้านขวา ด้านซ้ายเป็นรูปพานรัฐธรรมนูญที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยโดยนายกฯ ใช้เวลาเพียง 5 นาทีในการแถลง ซึ่งวันนี้สีหน้านายกฯ สดใสขึ้น
นายอภิสิทธิ์ แถลงว่าการรายงานสถาน การณ์ในแนวทางการดำเนินงานของรัฐบาลต่อปัญหาสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนั้น ขอเรียนประชาชนว่า หลังเกิดเหตุการณ์ 10 เม.ย.ที่ผ่านมาต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ประชาชนจะได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารมากขึ้นโดยลำดับ ทำให้เห็นเหตุการณ์ชัดเจนมากว่าเหตุการณ์ในวันนั้นเกิดขึ้นอย่างไร จากภาพรวมเราเริ่มมองเห็นชัดเจนแล้วว่ามีบุคคลจำนวนหนึ่งซึ่งถือว่าเป็นผู้ก่อการร้าย อาศัยการที่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่มาชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยและปัญหาความไม่ยุติธรรมเป็นเครื่องมือเพื่อก่อความไม่สงบในบ้านเมือง หวังผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ รัฐบาล ทุกหน่วยงานตลอดจนเจ้าหน้าที่ รวมถึงศอฉ. จึงกำหนดมาตรการดำเนินงานต่อไป มุ่งแยกแยะกลุ่มก่อการร้ายดังกล่าวออกจากประชาชนผู้บริสุทธิ์ อยากจะเรียกร้องประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่าได้เข้าร่วมหรือเป็นเครื่องมือกระบวนการนี้ เมื่อเราได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นจะสามารถกำหนดมาตรการให้เหมาะสมต่อไปในส่วนของการแก้ไขปัญหาความไม่สงบที่เกิดขึ้น
โต้พรรคร่วมเตรียมสละเรือ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าในส่วนของปัญหาข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมในเรื่องความไม่ยุติธรรมหรือประชาธิปไตยนั้นเป็นปัญหาที่ต้องแก้โดยฝ่ายการเมือง ตน รัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลหารือกันอย่างต่อเนื่อง นำเอาข้อเสนอที่ตนใช้ในการเจรจากับแกนนำนปช.ก่อนเกิดสถาน การณ์ฉุกเฉินมาเร่งรัดในการปรับเพื่อนำเสนอเป็นคำตอบในทางออกสำหรับการแก้ปัญหาหาทางการเมืองต่อไป การดำเนินการทั้งสองส่วนคือการบริหารและแก้ไขสถานการณ์ที่จำเป็นต้องแยกแยะให้ชัดเจนระหว่างประชาชนผู้บริสุทธิ์ กับบรรดากลุ่มผู้ก่อการร้ายและความไม่สงบ การแก้ไขทางการเมืองจะต้องดำเนินการคู่ขนาน ขณะนี้ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล กองทัพ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ตลอดจนพรรคร่วมรัฐบาลดำเนินการอย่างเป็นเอกภาพ สอดคล้องกันเพื่อมุ่งมั่นนำไปสู่การแก้ไขปัญหาความไม่สงบที่เกิดขึ้นทั้งหมด
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 เม.ย.นั้น ต้องประมวลตรวจสอบข้อเท็จจริง ถ้ามีความชัดเจนต้องแสดงความรับผิดชอบรัฐบาลจะตั้งคณะกรรมการประมวลเหตุการณ์ เช่นเดียวกับที่เคยดำเนินการหลังเหตุการณ์เดือนเม.ย.52 และพร้อมร่วมมือกับกระบวนการตรวจสอบที่ดำเนินการโดยองค์กรที่มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงและเป็นอิสระ เช่น คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ ขณะเดียวกันการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ทั้งผู้สูญเสีย บาดเจ็บ ไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายใดจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องรวมถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นในทางเศรษฐกิจกับบรรดาผู้ประกอบการ
"รัฐบาลจะเดินหน้าสะสางปัญหาต่างๆ ตามแนวทางอย่างรวดเร็วที่สุด และขอความร่วมมือจากประชาชนอีกครั้งในการสนับสนุนรัฐบาลดำเนินการตามแนวทางดังกล่าว" นายอภิสิทธิ์กล่าว
ตู่สวน"มาร์ค"หน.ก่อการร้าย
หลังจากที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวไม่ลาออกจากตำแหน่ง โดยจะให้ตั้งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) หรือตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมาสอบสวนกรณีที่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากเหตุปะทะระหว่างทหารและกลุ่มคนเสื้อแดงเหมือนช่วงสงกรานต์ 52 นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. ขึ้นเวทีปราศรัยกล่าวโจมตีนายอภิสิทธิ์ ว่า เหตุการณ์เมื่อเดือนเม.ย.52 ยังไม่มีข้อเท็จจริงอะไรออกมา ทั้งกรณีการยึดรถแก๊ส รถเมล์ หรือกรณีที่ถนนเพชรบุรี ที่ปะทะกับชาวบ้านมัสยิด รวมถึงย่านนางเลิ้งนั้น ที่มีคณะกรรมการขึ้นมาสอบแต่ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ เพราะคนที่เป็นตัวการคือนายอภิสิทธิ์ ดังนั้นการที่ระบุว่าจะตั้งกรรมการขึ้นมาสอบสวนถือเป็นการซื้อเวลาของฆาตกร ทรราช ซึ่งเราไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมา
นายจตุพรกล่าวว่า ส่วนกรณีที่พล.อ.อนุพงษ์ระบุว่า ปัญหาการเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง โดยนายกฯควรยุบสภานั้น ท่าทีของพล.อ.อนุพงษ์แสดงความชัดเจนออกมาระดับหนึ่ง และเข้าใจได้ว่าเป็นคำขู่ของทหารที่ไม่เห็นด้วยกับการปราบปรามประชาชน สำหรับกรณีที่กล่าวหาว่าคนเสื้อแดงใช้ปืนเอ็ม 79 ยิงทหาร ต้องถามกลับว่าแล้วการที่เอาสไนเปอร์ ปืนติดลำกล้องยิงระยะไกล ไปตั้งอยู่บริเวณโรงเรียนสตรี วิทยา สี่แยกคอกวัว เพื่อยิงหัวคนเสื้อแดง ดังนั้นที่มีการกล่าวหาว่าเสื้อแดงเป็นผู้ก่อการร้ายนั้นเป็นการพยายามบิดเบือนของนายกฯ หัว หน้าคนก่อการร้ายก็คือนายอภิสิทธิ์ ภารกิจเรายังไม่จบเพราะต้องต่อสู้กับฆาตกรต่อไป ต่อจากนี้ขอส่งสัญญาณว่านายอภิสิทธิ์อยู่ที่ไหน คนเสื้อแดงมีหน้าที่ต้องนำนายอภิสิทธิ์ส่งตำรวจฐานฆ่าประชาชน
ม็อบแดงแห่ 18 โลงศพไปทั่วกรุง
ผู้สื่อข่าวรายงานจากเวทีสะพานผ่านฟ้าฯว่า เวลา 10.00 น. กลุ่มคนเสื้อแดงได้ตั้งขบวนรถเพื่อแห่โลงศพวีรชน 10 เม.ย.ที่เสียชีวิตจำนวน 18 ราย โดยจัดขบวนรถมอเตอร์ไซค์นับพันคันนำขบวน ตามด้วยรถ 6 ล้อของแกนนำนปช. ที่มีนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ และนายเจ๋ง ดอกจิก ยืนปราศรัยอยู่บนรถ ตามด้วยรถปิกอัพ 16 คัน ที่มีโลงศพเปล่าคลุมด้วยธงชาติ พร้อมภาพผู้เสียชีวิตและพวงหรีด มีญาติผู้เสียชีวิตนั่งอยู่บนรถด้วย โดยได้เคลื่อนขบวนออกจากเวทีสะพานผ่านฟ้าฯ มุ่งออกไปแยกยมราช มุ่งไปตามถนนเพชรบุรี เลี้ยวขวาเข้าถนนบรรทัดทอง และเลี้ยวซ้ายตรงไปทางถนนพระราม 4 ผ่านสี่แยกคลองเตย เข้าคลองตัน และตรงเข้าถนนราม คำแหง ผ่ายแยกลำสาลี เลี้ยวเข้าถนนลาดพร้าว ตรงเข้าถนนพหลโยธิน ผ่านอนุสาวรีย์ชัยสมร ภูมิ เข้าประตูน้ำ มุ่งเข้าถนนอโศกมนตรี ก่อนจะเลี้ยวขวาเข้าถนนสุขุมวิท เลี้ยวซ้ายเข้าถนน วิทยุ ออกพระราม 4 เลี้ยวเข้าสีลม เจริญกรุง เยาวราช และกลับมาที่เวทีปราศรัยผ่านฟ้าในเวลา 15.00 น. โดยใช้เวลาเคลื่อนขบวนนาน 5 ชั่วโมง มีขบวนยาวเหยียดหลายกิโลเมตร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างขบวนเคลื่อนผ่านตึกยูเอ็มทาวเวอร์ คลองตัน ปรากฏว่ามีผู้ไม่พอใจได้ขว้างขวดกาแฟพลาสติกจากบนตึกลงมาที่ถนน ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมไม่พอใจ แหงนหน้าขึ้นไปบนตึก พยายามหาตัวคนโยนขวดดังกล่าวลงมาแต่ไม่พบ จากนั้นสักครู่ เมื่อขบวนเคลื่อนมาถึงด้านหน้าการไฟฟ้านครหลวง คลองตัน ปรากฏว่ามีกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วย ได้ออกมาตะโกนด่าทอจากบนตึก ทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงปรี่จะบุกเข้าไปเอาเรื่อง แต่ถูกการ์ดนปช.ห้ามไว้
เรียกร้องให้ไว้อาลัยกับวีรชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อขบวนเคลื่อนผ่านที่ทำการทีวี 2 ช่อง คือช่อง 3 ถนนพระราม 4 กลุ่มผู้ชุมนุมได้โห่ไล่ช่างภาพของสถานีที่พยายามลงมาบันทึกภาพ ทำให้ช่างภาพต้องล่า ถอยไป และเมื่อมาถึงถนนพหลโยธิน บริเวณหน้าทีวีช่อง 5 กองทัพบก กองทัพมอเตอร์ไซค์ได้หยุดรถพร้อมส่งเสียงโห่ดังลั่น และขว้างขวดน้ำพลาสติกเข้าไปที่ป้อมด้านในที่มีทหารยืนตรึงกำลังอยู่ และตะโกนด้วยความไม่พอใจว่าสื่อไม่เป็นกลาง บิดเบือนการเสนอข่าวการสลายการชุมนุม รัฐบาลฆ่าประชาชน
เมื่อขบวนรถเคลื่อนมาถึงหน้าโรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก ถนนเจริญกรุง ปรากฏว่ากลุ่มคนเสื้อแดงหลายคนเข้าไปฉีกป้ายผ้าที่มีข้อความว่า "ชาวเจริญกรุงไม่สนับสนุนความรุนแรง" ทิ้งด้วยความไม่พอใจ นอกจากนี้ยังเข้าไปฉีกกระดาษที่เขียนข้อความ "หยุดทำร้ายชาติ" ติดอยู่ที่เสาไฟฟ้าข้างถนนด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
นายสุภรณ์ ปราศรัยบนรถว่า การเคลื่อนขบวนวันนี้เราไม่ได้เอาศพมาประจาน แต่อยากให้พี่น้องมาร่วมแสดงความเสียใจ และไว้อาลัยแก่วีรชนผู้เสียสละชีวิต เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินให้เป็นประชาธิปไตย นี่คือฝีมือของรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ที่สั่งทหารฆ่าประชาชน
คนเสื้อแดงร่ำไห้-แห่บริจาคเงิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดการเคลื่อนขบวนนั้น นายสุภรณ์ได้ตะโกนว่า "นายอภิสิทธิ์ฆ่าประชาชน นายอภิสิทธิ์เป็นฆาตกร" ตลอดการเคลื่อนขบวน นอกจากนี้หลายจุด อาทิ คลองเตย บิ๊กซี ลาดพร้าว มีกลุ่มคนเสื้อแดงในพื้นที่ได้ออกมาปรบมือให้กำลังใจพร้อมนำน้ำดื่มมามอบให้ผู้ร่วมขบวน นอกจากนี้บางเส้นทางที่ขบวนรถเคลื่อนผ่าน มีคนเสื้อแดงบางคนถึงกับร่ำไห้ออกมากับการเสียชีวิตของวีรชนคนเสื้อแดง บางคนยืนไว้อาลัย บางคนตะโกนแสดงความ เสียใจ และยังมอบเงินร่วมทำบุญด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับศพวีรชนที่นำมาแห่ครั้งนี้มีจำนวน 18 ศพ โดยนำโลงศพตั้งบนรถกระบะคันละ 1 ศพ แต่ละศพมีพวงหรีดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ และอดีตส.ส.พรรคไทยรักไทย โดยมีญาติของผู้เสียชีวิตร่วมขบวนไปด้วย ทั้งนี้ขบวนแถวหน้าจะเป็นรถจักรยานยนต์กว่า 500 คัน ตามด้วยรถโมบายบรรทุกเครื่องขยายเสียง 6 ล้อโดยมีนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ เจ๋ง ดอกจิก อยู่บนรถ ตามด้วยขบวนรถกนะบะบรรทุกศพวีรชนจำนวน 18 ศพ ทั้งนี้ศพอยู่เพียง 2 ศพ ส่วนที่เหลือเป็นโลงเปล่าโดยมีรูปภาพตั้งอยู่ด้วยพร้อมพวงหรีด และปิดท้ายด้วยรถบรรทุก 6 ล้อและรถกลุ่มคนเสื้อแดง รถจักรยานยนต์ รวมแล้วกว่า 1 หมื่นคน
ขวัญชัยบุกไปถึงหน้าบ้านมาร์ค
ระหว่างทางนายสุภรณ์ ได้สั่งให้เปิดเพลงธรณีสรรแสงไว้อาลัยให้คนเสียชีวิตตลอดทาง เริ่มจากสะพานผ่านฟ้า เคลื่อนไปถนนหลาน หลวง ยมราช เลี้ยวขวาแยกเพชรพระราม เข้าถนนบรรทัดทอง เลี้ยวขวาถนนพระราม 4 มุ่งหน้าแยกศาลาแดง และเข้าเส้นสุขุมวิท จากนั้นวกกลับเข้ามาเส้นถนนรามคำแหง ลำสาลี ลาด พร้าว อิมพีเรียล จตุจักร สะพานควาย อนุ สาวรีย์ชัยฯ ก่อนจะไปเยาวราช จากนั้นไปถนนเพชรบุรี ตรงมายังสะพานผ่านฟ้า ก่อนจะนำโลงศพทั้งหมดไปตั้งอยู่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิป ไตยเพื่อสวดศพเป็นคืนที่ 2
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงที่ขบวนเคลื่อน ออกไป กลุ่มนายขวัญชัย ไพรพนา ได้แยกออกจากขบวนเพื่อเดินทางไปยังหน้าบ้านของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ที่ซอยสุขุมวิท 31 โดยเมื่อไปถึงได้พบกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลดักอยู่บริเวณปากซอยสุขุมวิท ขณะที่หน้าบ้านพักก็มีกำลังตำรวจคอมมานโด พร้อมนำลวดหนามมากั้นรอบบ้านพร้อมรั้วเหล็กเพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มเสื้อแดงบุกเข้าไป ซึ่งหลังจากที่กลุ่มเสื้อแดงมาถึงได้มีการเจรจากัน โดยนายขวัญชัยได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ขอให้เปิดทางเพื่อเข้าไปปราศรัยที่หน้าบ้านนายกฯ ถึงเหตุการณ์สลายการชุมนุม โดยเจรจากันนาน 10 นาที เจ้าหน้าที่จึงค่อยๆถอนร่นไปอยู่ตรงแยกหน้าบ้าน นายกฯ จากนั้นแกนนำได้ปราศรัยอยู่ประมาณ 20 นาที ก่อนจะเคลื่อนตัวกลับเวทีสะพานผ่านฟ้า โดยไม่มีเหตุรุนแรงใดๆ ก่อนขบวนผู้ชุมนุมเดินทางกลับไปที่เวทีสะพานผ่านฟ้าฯ
คดีนักข่าวญี่ปุ่น -พ.ต.อ.จุน มารุยาม่า ตำรวจสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เข้าพบพล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 เพื่อติดตามคดีนายฮิโรยูกิ มูราโมโต้ ผู้สื่อข่าวญี่ปุ่นเสียชีวิตในเหตุการณ์สลายม็อบเสื้อแดง
อดิศรแฉเติ้งขอเวลาอีก6เดือน
ต่อมาเวลา 15.00 น. นายอดิศร เพียงเกษ แกนนำนปช. ปราศรัยที่เวทีสะพานผ่านฟ้าลีลาศว่า วันนี้นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย โทรศัพท์มาหาตน โดยการประ สานงานของนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรองหัวหน้าพรรคชาติไทย ซึ่งตนบอกนายบรรหารว่าขอให้ถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ แต่นายบรรหารบอกว่าไม่ได้ ขอเวลา 6 เดือนได้หรือไม่ เพราะมีสัจจะ อยู่กับใครจะอยู่กับคนนั้น ตนบอกไปว่า แต่ตอนนี้มีคนตายเป็นจำนวนมากแล้วนายบรรหารจะมีสัจจะไปทำไม เพราะตอนนี้ไม่สามารถพึ่งอดีตนายกฯได้ ดังนั้นขอให้คนสุพรรณฯ จำไว้ให้ดี
ก่อนหน้านี้เวลา 13.30 น. ที่ด้านหลังเวทีสะพานผ่านฟ้าฯ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 ได้มาพบกับแกนนำนปช. โดยเจรจากับนายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย เพื่อขอรถยนต์ของทหารคืนจำนวน 40 คันที่ถูกกลุ่มคนเสื้อแดงยึดไว้ทุกจุดในพื้นที่ชุมนุม ต่อมาพล.ต.ต.วิชัยได้เดินทางไปยังสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า เพื่อแจ้งให้การ์ดนปช. อำนวยความสะดวกให้เจ้าหน้าที่ทหาร เนื่องจากสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าเป็นเส้นทางเสด็จและเส้นทางการจราจรสายสำคัญ จึงควรเร่งเปิดภายในวันนี้เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความตึง เครียดและเดือดร้อน อย่างไรก็ตาม พ.ท.คมกฤช อินทร หน.กยข. ขสทบ. เป็นตัวแทนรับรถยนต์ทหารคืน จากนั้นพ.ท.คมกฤช จะเดินทางไปยังจุดต่างๆ เพื่อนำรถยนต์ของทหารคืน อย่างไรก็ตาม รถทหารจะถูกนำส่งศูนย์ซ่อมสร้าง กรมสรรพาวุธทหารบก จ.ปทุมธานี ส่วนรถยนต์ของเอกชนจะนำไปยังสน.ในพื้นที่เพื่อสอบสวนว่ามาอยู่ในที่เกิดเหตุได้อย่างไร
นายกฯยุ่นจี้ไทยสอบนักข่าวตาย
ที่บก.น.1 พ.ต.อ.จุน มารุยาม่า เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำสถานทูตญี่ปุ่น ประจำประเทศไทย พร้อมล่ามชาวญี่ปุ่น เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 เพื่อสอบ ถามและติดตามความคืบหน้ากรณีการเสียชีวิตของนายฮิโรยูกิ มูราโมโต้ ผู้สื่อข่าวญี่ปุ่นของสำนักข่าวรอยเตอร์ ภายหลังเหตุการณ์ปะทะของกลุ่มคนเสื้อแดงและเจ้าหน้าที่ทหารเป็นเหตุให้เสียชีวิต ที่แยกคอกวัว เมื่อค่ำวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดแต่อย่างใด
สำนักข่าวซินหัวประจำกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น รายงานว่า นายยูกิโอะ ฮาโตยามะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ให้สัมภาษณ์ก่อนออกเดินทางไปร่วมประชุมความมั่นคงด้านนิวเคลียร์ ณ กรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ถึงกรณีนายฮิโร มูราโมโตะ ชาวญี่ปุ่น วัย 43 ปี ผู้สื่อข่าวและช่างภาพโทรทัศน์ สำนักข่าวรอยเตอร์ ซึ่งถูกยิงตายขณะทำข่าวทหารไทยปะทะม็อบเสื้อแดงบริเวณถนนราชดำเนิน ว่า ขอความแสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตของนายมูราโมโตะและขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยสืบสวนหาสาเหตุที่เกิดขึ้น พร้อมกับเพิ่มมาตรการดูแลความปลอดภัยของพลเมืองญี่ปุ่นในไทย และหาทางยุติความวุ่นวายภายในประเทศโดยเร็วที่สุด ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไทย ส่งจดหมายส่วนตัวถึงนายฮาโตยามะเมื่อวันอาทิตย์ มีเนื้อหาให้คำมั่นว่าจะเปิดการสอบสวนหาสาเหตุการตายของนายมูราโมโตะ
พม.ทุ่ม 50 ล้านเยียวยา
ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) บ้านราชวิถี นายอิสสระ สมชัย รมว.การพัฒนาสังคมฯ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการศูนย์เยียวยาช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ว่า ข้อมูลจากศูนย์เอราวัณแจ้งจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุปะทะเมื่อวันที่ 10 เม.ย.มี 863 ราย จำนวนนี้เสียชีวิต 21 ราย ยังรักษาตัวที่โรงพยาบาล 312 ราย และกลับบ้านรักษาตัว 530 ราย ทางศูนย์ฯพร้อมให้การช่วยเหลือเยียวยาทุกราย รวมถึงผู้สื่อข่าวชาวญี่ปุ่นด้วย โดยจะนำเงินจากการเยียวยาช่วยเหลือเหตุการณ์ความไม่สงบเมื่อเดือนต.ค.2551 ที่ยังคงเหลือ 25 ล้านบาทมาดำเนินการ เงินดังกล่าวหากคำนวณจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตแล้วยังขาดอีก 12 ล้านบาท ดังนั้น จะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 20 เม.ย.นี้ เพื่อขอ งบกลาง สำรองเพิ่มอย่างน้อยอีก 25 ล้านบาท รวมของเดิมเป็น 50 ล้าน เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ และคาดว่าจะเบิกจ่ายงวดแรกให้กับผู้เสียหายได้กลางเดือนพ.ค.นี้
นายอิสสระ กล่าวว่า ผู้ได้รับความเสียหายหรือญาติ ยื่นขอรับการช่วยเหลือได้ที่ศูนย์เยียวยาฯ ตั้งอยู่ที่สำนักคุ้มครองสวัสดิภาพชุมชน ภายในบริเวณสถานสงเคราะห์เด็กหญิงบ้านราชวิถี ถ.ราชวิถี เขตราชวิถี กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 12 เม.ย.เป็นต้นไป โดยได้ประสานให้เจ้าหน้าที่คอยรับเรื่องไว้ตลอด 24 ช.ม.ไม่มีวันหยุดราชการ โทร.0-2354-3140-1, 0-2306-8957-8 หรือศูนย์ประชาบดี 1300 หากยื่นเอกสารให้ติดต่อในเวลา 08.00-18.00 น. โดยเมื่อวันที่ 11 เม.ย.มีผู้มาติดต่อขอรับความช่วยเหลือแล้ว 5 ราย แยกเป็นผู้บาดเจ็บ 4 ราย และญาติผู้เสียชีวิต 1 ราย รวมทั้งประสานขอให้ส่งกลับบ้าน 5 ราย
ตั้งทีมชันสูตรศพเหยื่อสลายม็อบ
ทั้งนี้ ผู้ยื่นคำร้องขอความช่วยเหลือต้องยื่นเอกสารดังนี้ สำเนาบัตรประจำตัว สำเนาทะเบียน บ้าน ใบรับรองแพทย์ รวมถึงสำเนาบันทึกประจำวันจากสถานีตำรวจในพื้นที่ใดก็ได้ ซึ่งตนประสานผบช.น.อำนวยความสะดวกทุกท้องที่ เพื่อให้เกิดความรอบคอบเนื่องจากเหตุการณ์เมื่อต.ค.2551 พบผู้สวมรอยขอรับเงินทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ ส่วนหลักเกณฑ์ความช่วยเหลือ กรณีบาดเจ็บเล็กน้อยเข้ารักษาที่ร.พ.แต่ไม่นอนพัก 20,000 บาท นอนรักษาที่ร.พ.ไม่เกิน 20 วัน 60,000 บาท นอนรักษาที่ร.พ.เกิน 20 วัน 100,000 บาท ทุพพลภาพ 200,000 บาท และเสียชีวิต 400,000 บาท รวมทั้งช่วยเหลือต่อเนื่องกรณีทุพพลภาพและทายาทผู้เสียชีวิตทั้งด้านเงินยังชีพและทุนการศึกษา
วันเดียวกัน พล.ต.ท.จงเจตน์ อาวเจนพงษ์ นายแพทย์ใหญ่(สบ 8) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจชันสูตรพลิกศพ กรณีมีผู้เสียชีวิตจากเหตุจลาจลในพื้นที่กทม. และส่งศพผ่าพิสูจน์ที่สถาบันนิติเวชวิทยา สำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อหาสาเหตุการตายที่แท้จริง ซึ่งทางสถาบันนิติเวชวิทยา ร่วมกับสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทย และผู้เข้าสังเกตการณ์ ร่วมเป็นคณะแพทย์เพื่อเข้าร่วมชันสูตรศพ ดังนี้ 1.ศ.คลินิก น.พ.สมชาย ผมเอี่ยมเอก 2.รศ.พ.ญ.นันทนา ศิริทรัพย์ 3.พล.อ.ต. น.พ.วิชาญ เบี้ยวนิ่ม 4.พล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ เสาวคนธ์ 5.รศ.น.พ.วิสูตร ฟองศิริไพบูลย์ 6.พ.ท.น.พ.เอนก ยมจินดา 7.รศ.น.พ.สุพจน์ แจ่มสุวรรณ 8.น.พ.ทศนัย พิพัฒน์โชติธรรม 9.น.พ.นิติกร โปริสวาณิชย์ 10.น.พ.สฤษดิ์ ศรีนุกูล 11.น.พ.เชิดชัย ตัยติศิรินทร์ 12.น.พ.ชลน่าน ศรีแก้ว
อริสมันต์พาจยย.แดงบุก"กสท"
ก่อนหน้านี้ เวลา 12.30 น. นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง นำกลุ่มนปช. ซึ่งใช้รถจักรยาน ยนต์กว่า 200 คัน เดินทางมายัง บริษัท กสท จำกัด ถนนแจ้งวัฒนะ หลังทราบว่า กสทได้ส่งสัญญาณคลื่นรบกวนดาวเทียม ส่งสัญญาณสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมพีเพิลแชนแนล โดยเมื่อเดินทางมาถึงกลุ่มนปช. ได้กระจายกันล้อมอาคาร กสทไม่ให้ผู้ใดเข้าออกบริษัท ก่อนที่นายจิรยุทธ์ รุ่งศรีทอง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทกสท จะเดินทางมาเจรจากับนายอริสมันต์ โดยบอกกับนายอริสมันต์ว่า กสทไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการส่งสัญญาณคลื่นรบกวนสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมพีเพิลแชนแนล แต่นายอริสมันต์บอกว่าเรารู้มาว่าที่กสทส่งคลื่นรบกวน ก่อนจะให้นายจิรยุทธ์นั่งซ้อนท้ายรถจักรยาน ยนต์ของกลุ่มนปช. เดินทางไปยังศูนย์ส่งสัญญาณของกสท ที่จังหวัดนนทบุรี โดยนายจิรยุทธ์ก็ยินยอมที่จะซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ร่วมเดินทางไปกับกลุ่มนปช.ที่มีนายอริสมันต์ เป็นแกนนำร่วมเดินทางไป
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า เมื่อเดินทางมาถึงศูนย์ส่งสัญญาณ กสทจังหวัดนนทบุรี นายจิรยุทธ์ ได้พานายอริมันต์เข้าไปยังศูนย์ส่งสัญญาณ เพื่อตรวจสอบ โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที จากนั้นนายอริสมันต์ พร้อมด้วยนายจิรยุทธ์ จึงร่วมกันแถลงข่าว ภายในห้องส่งสัญญาณ
โดยนายอริสมันต์ เปิดเผยว่า เราได้ตรวจสอบพบว่า กสท เป็นผู้ส่งสัญญาณรบกวนคลื่นการออกอากาศสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมพีเพิลแชนแนล วันนี้จึงต้องเดินทางมาขอคำยืนยันว่า มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ แต่เมื่อตรวจสอบแล้ว และนายจิรยุทธ์ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เราก็ไม่ติดใจ แต่ถ้าพบว่า กสท ยังส่งคลื่นรบกวนอีกเราก็จะเดินทางมาอีก ซึ่งครั้งแรกเราพบว่า ผู้ส่งสัญญาณรบกวน คือ เอ็นบีที ก่อนจะย้ายมาเป็น กสท และล่าสุดย้ายไปส่งสัญญาณรบกวน อยู่ที่ชลบุรี จึงอยากฝากถึงรมว.ไอซีทีด้วยว่า ขณะนี้ประชาชนชนะแล้ว ขอให้ถอนตัวออกมาจากรัฐบาล และให้ดูแลสัญญาณของช่องพีเพิลแชนแนลให้ดี
จากนั้นนายอริสมันต์ จึงออกมาบอกกลับกลุ่มนปช.ที่กระจายกำลังล้อมศูนย์ส่งสัญญาณ ซึ่งต่างโห่ร้อง ก่อนจะพากันเดินทางกลับไปรวมกับกลุ่มนปช.ที่ราชประสงค์
แดงร่ำไห้ระงมรับศพผู้เสียชีวิต
ที่สถาบันนิติเวชวิทยา ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการรับศพของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุนย่านราชดำเนินเมื่อคืนวันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยพื้นที่รับรองญาติเต็มไปด้วยญาติของผู้เสียชีวิต บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า แต่ละครอบครัวนั่งจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล นอกจากนี้มีตัวแทนของนปช.ที่มาอำนวยความสะดวกและจดบันทึกว่าญาติจะนำศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดใดเพื่อเผยแพร่ให้บรรดาเสื้อแดงไปร่วมบำเพ็ญกุศล
นางนาง ตติยรัตน์ อายุ 55 ปี อาชีพค้าขาย มารดาของนายอำพน ตติยรัตน์ อายุ 26 ปีที่เสียชีวิต กล่าวว่า มีลูกชาย 2 คน นายอำพนเป็นลูกชายคนโต ศึกษาอยู่คณะนิติศาสตร์ ม.ศรี ปทุม ปี 4 เขาเริ่มสนใจที่จะมาชุมนุมเมื่อกลุ่มเสื้อแดงมาชุมนุมที่ย่านราชประสงค์ เนื่องจากใกล้บ้านย่านราชปรารภ หลังจากไปฟังวันแรกน้องเขาบอกว่าเสื้อแดงมีอุดมการณ์เหมือนกัน และเขาก็เริ่มไปเกือบทุกวัน เมื่อครั้งที่เคลื่อนขบวนไปสถานีบริการดาวเทียมไทยคมเขาก็ติดรถเพื่อนไปด้วย ยังโทรศัพท์มาบอกแม่ว่าทหารจะสลายการชุมนุมแล้ว เขาฉีดน้ำ ยิงแก๊สน้ำตา น้องโดนน้ำก็อยู่ตรงนั้นไม่บาดเจ็บ ทหารก็มาช่วย ยิงแก๊สน้ำตาแล้วก็ไม่มีอะไรรุนแรง เสร็จแล้วก็จับมือกัน แต่แม่ก็เป็นห่วง ตนก็บอกเขาเสมอว่าให้อยู่ห่างๆ ตลอด
พ่อแม่เผยปล่อยโฮรู้ว่าลูกตาย
นางนางกล่าวต่อว่า คืนวันเกิดเหตุลูกชายลืมโทรศัพท์มือถือไว้ที่กางเกงอีกตัว จึงติดต่อไม่ได้ หลังทราบว่ามีการสลายการชุมนุมจนมีผู้เสียชีวิต เราไม่รู้ว่าลูกชายอยู่ราชประสงค์หรือผ่านฟ้า แต่เห็นรายชื่อเขาบนตัววิ่งของโทรทัศน์ มีคนชื่ออำพนด้วย แต่อายุมากกว่า เราไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ไปที่ร.พ.ที่มีคนเจ็บมากที่สุดคือ ร.พ. กลาง และญาติๆ ก็แยกย้ายกันไปหาตามร.พ. ต่างๆ และที่เวทีชุมนุมด้วย เมื่อไปถึงเราก็ขอดู ศพเมื่อใช่ก็โฮเลย เสียใจที่เกิดขึ้นกับลูกชายเรา
ด้านนายสุรดิษฐ์ ตติยรัตน์ อายุ 56 ปี บิดากล่าวด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยว่า การชุมนุมครั้งนี้เกิดจากความเห็นแก่ตัว ผลประโยชน์ของสองฝ่าย ตนเป็นกลางไม่อยู่ฝ่ายไหน เสื้อแดงเขาก็มีผลประโยชน์ มีอุดมการณ์ของเขา ส่วนรัฐบาลก็ต้องยอมรับว่ามีการใช้กฎหมาย 2 มาตรฐาน อยากจะบอกว่าการเรียกร้องประชาธิปไตยต้องอยู่บนพื้นฐานของความจริงใจ อย่าเห็นแก่ตัว ฝากไปรัฐบาลว่า สิ่งใดที่คนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยก็ควรยกเลิกได้ อย่าเห็นว่าจะยึดแต่กฎหมาย ต้องนำทั้งรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์เข้าด้วยกัน
หนุ่มวิศวะก็ตายก่อนจะแต่งงาน
ด้านนายพิสันต์ โตพาณิช อายุ 35 ปี อาชีพขายพระเครื่อง พี่เขยของนายทศชัย เมฆงามฟ้า อายุ 44 ปี ที่เสียชีวิต ซึ่งมาพร้อมกับด.ช.ทศเทพ เมฆงามฟ้า อายุ 12 ปี เรียนป. 6 ร.ร. เบญจมบพิตร ลูกชายคนเล็กนายทศชัย กล่าวด้วยเสียงเศร้าสร้อยว่า นายทศชัยเลิกกับภรรยาแล้ว มีลูกชายสองคน พวกตนก็ช่วยกันดูแล เป็นห่วงก็ลูกชายคนเล็ก ที่ต้องเรียนหนังสือต่อ ส่วนคนโตอายุ 18 ปี ก็ทำงานได้แล้ว ด้านด.ช.ทศเทพ กล่าวอย่างไร้เดียงสาว่า ไม่รู้พ่อเสียชีวิตเพราะอะไร เมื่อไม่มีพ่อไม่มีแม่ก็อยู่กับป้า ไม่เป็นไร อยู่ได้
ด้านน.ส.ทศพร ทองเจริญพูลพร อายุ 20 ปี น.ศ.ม.ศรีปทุม คณะศิลปศาสตร์ น้องสาวของนายยุทธนา ทองเจริญพูลพร อายุ 23 ปี ที่เสียชีวิต กล่าวว่า ผู้ตายเพิ่งเรียนจบวิศวะไฟฟ้า ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร เตรียมรับปริญญาเดือนพ.ย. เขาเป็นลูกคนเดียว พ่อแม่แยกทางกันและอยู่กับพ่อมาโดยตลอด 6 เดือนที่แล้วพ่อก็เพิ่งเสียชีวิตไป เขาจึงอยู่คนเดียว แต่มีแฟนและเตรียมเรื่องแต่งงานปีหน้า ส่วนการชุมนุมทราบว่า เขาไปร่วมชุมนุมตั้งแต่เหตุการณ์เมษาเลือดปีที่แล้ว ครั้งนั้นเขาไม่เห็นด้วยกับการสลายการชุมนุม ปีนี้ก็เลยไปร่วมชุมนุมทุกครั้งเขาจะมีกล้องถ่ายรูปไปด้วย เขามีอุดมการณ์มาก แดงทั้งตัว
ไม่เข้าใจทำไมต้องยิงหัวยิงคอ
ด้านนายชาญวุฒิ โยธากูล อายุ 25 ปี เพื่อนสนิทของนายยุทธนา ผู้ตาย กล่าวยืนยันว่า พวกตนก็เคยไปร่วมการชุมนุม แต่วันเกิดเหตุตนไม่ได้ไปเพราะทำงาน ดังนั้น รัฐบาลจะบอกว่าแดงมาจากรากหญ้าคงไม่ใช่ หรือไม่เกี่ยวว่าตนจะจบวิศวะ แล้วไม่ยุ่งการเมืองก็ไม่ใช่ ส่วนที่ศอฉ.ออกมาแถลงการยึดพื้นที่คืน โดยใช้คำว่าการยึด มี 7 มาตรการ โดยมาตรการที่ 7 จบด้วยกระสุนยาง แล้วทำไมมีการใช้กระสุนจริง ตนดูศพเพื่อนแล้ว ลักษณะการยิงเหมือนการรบของทหาร คือยิงที่ขาก่อนก็น่าจะพอแล้ว แต่พบว่า มายิงที่คอและที่ศีรษะอีก และเพื่อนก็ไม่มีอาวุธใดๆ เลย นอกจากกล้องถ่ายรูป
ด้านนางจุฬาลัย นพคุณ พนักงานบัญชีย่านหมอชิต ซึ่งมาตามหาศพของสามี กล่าวอย่างสะเทือนใจว่า ชายไทยไม่ทราบชื่อที่สถาบันนิติเวชวิทยาคือ นายสยาม วัฒนนุกุล อายุ 53 ปี สามี อยู่บ้านเลขที่ 79/ 2ม. 1 ต.นครสวรรค์ตก อ.เมือง จ.นครสวรรค์ สามีเป็นคนชื่นชอบนปช.จริงๆ มีลักษณะคนที่ชอบลุย พร้อมกล่าวสั้นๆ ว่า ถ้ารัฐบาลเห็นคุณค่าของคน ก็จะทราบว่า ควรจะทำอย่างไร
อัลจาซีราแฉทหารใช้กระสุนจริง
ทั้งนี้ ญาติผู้เสียชีวิตจะไปบำเพ็ญกุศลที่วัด ดังนี้ นายธวัฒนะชัย วัดไทรน้อย จ.นนทบุรี นายอำพน วัดเทพศิรินทร์ นายมนต์ชัย วัดด่านสำโรง จ.สมุทรปราการ นายจรูญ วัดธาตุทอง กทม. นายวสันต์ วัดตำหรุ จ.สมุทรปราการ นายยุทธนา วัดช่องลม อ.เมือง จ.ราชบุรี นายไพศาล วัดป่าธรรมประชา จ.ขอนแก่น นายทศชัย วัดแคนางเลิ้ง นายสวาท วัดตรีทศเทพ
วันเดียวกัน เว็บไซต์อัลจาซีรา สำนักข่าวโลกอาหรับ เผยแพร่รายงานข่าวเรื่อง "Thai troops fire on protesters." ระบุว่า ช่างภาพของสำนักข่าวรอยเตอร์ที่อยู่ในเหตุปะทะกันระหว่างทหารไทยและม็อบคนเสื้อแดงบริเวณถนนราชดำเนิน เผยว่า ทหารไทยยิงกระสุนจริงและแก๊สน้ำตาใส่กลุ่มผู้ประท้วงโดยตรง
ขณะที่นายเวย์น เฮย์ ผู้สื่อข่าวอัลจาซีรารายงานจากกรุงเทพฯ ว่า ตำรวจชุดปราบจลาจลปะทะกับคนเสื้อแดงและยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ นอกจากนั้น มีการยิงปืนด้วย ผลจากการปะทะพบว่าคนเสื้อแดงเป็นฝ่ายชนะ เพราะสามารถผลักดันฝ่ายทหารออกไป
ม็อบเฮลั่น-กกต.สั่งยุบปชป.
เวลา 18.09 น. ที่เวทีราชประสงค์ หลังจาก กลุ่มนปช. ได้รับทราบข่าวว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติยุบพรรคประชาธิปัตย์และเตรียมส่งเรื่องให้อัยการเพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคประชาธิปัตย์ในคดีเงินบริจาค 258 ล้านบาท นายวีระ มุสิกพงศ์ ได้นำแกนนำ อาทิ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ขึ้นประกาศชัยชนะบนเวที ท่ามกลางเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจ
โดยนายวีระ กล่าวว่า เราหวังว่าศาลรัฐธรรม นูญและอัยการสูงสุดจะใช้เวลาพิจารณาอย่างรวดเร็วเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของบ้านเมืองเพราะไม่มีประโยชน์ ถ้าจะถ่วงเวลาและ ประชาชนจะไม่ยอมให้ทำอย่างนั้นอีกแล้ว ที่ผ่านมาอัยการและศาลรัฐธรรมนูญไม่มีความเห็นเป็นอย่างอื่น เมื่อกกต.ส่งมาอย่างไรจะพิจารณาอย่างนั้น ถ้าพิจารณาตามนั้นคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์ก็สิ้นสุดการอยู่ในอำนาจแล้วเช่นกัน ข้าราชการและทหารให้ระวังตัวถอยห่างจากคำสั่งรัฐบาลเพราะถือเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบธรรม จากนี้ไปมารยาทและความชอบธรรมของรัฐบาลได้สิ้นสุดลงแล้ว ขอให้เสื้อแดงรอวันแห่งชัยชนะใน 1-2 วันนี้ ขอให้ออกมาชุมนุมให้มากขึ้นเพื่อร่วมกันฉลองชัยชนะประวัติ ศาสตร์พร้อมกัน มาให้เต็มกรุงเทพฯ ปีที่แล้วรัฐบาลทำให้เป็นสงกรานต์เลือด แต่ปีนี้เราจะจัดงานสงกรานต์เพื่อร่วมฉลองชัยชนะครั้งประวัติ ศาสตร์พร้อมกัน ปีนี้จะเป็นปีสงกรานต์สีแดง
เผาศพวีรชนที่อนุสาวรีย์ปชต.
ด้านนายณัฐวุฒิ กล่าวว่า จะสุขใจมากกว่านี้ถ้าในอีกไม่กี่วันข้างหน้าเราได้ชัยชนะของประชาชน ความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากการเสียชีวิตเมื่อวันที่ 10 เม.ย. หลังจากมีผลชันสูตรออกมาแล้วว่าถูกยิงด้วยอาวุธสงคราม เราจะดำเนินคดีอย่างไม่ลดละ และจะเดินหน้าลากคอคนผิดมาลงโทษให้ได้
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เราจะสวดพระอภิธรรมศพผู้เสียชีวิต ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยเปิดโอกาสให้คนทุกสีเสื้อไปร่วมงานได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 19.00 น. และจะฌาปนกิจในที่แห่งนั้นเลย ซึ่งแกนนำนปช.ไม่ขัดข้องเพื่อให้สมเกียรติและศักดิ์ศรีของพวกเขา แต่ขึ้นอยู่กับญาติของผู้เสียชีวิตด้วยว่าจะอนุญาตหรือไม่ ถ้าจะนำไปประกอบพิธีที่ภูมิลำเนาเราจะส่งตัวแทนและเงินบริจาคบางส่วนไปให้ หากญาติประสงค์จะให้ฌาปนกิจที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเราพร้อมดำเนินการให้
จตุพรชี้มาร์ค-เทือกอยู่ไม่ได้แล้ว
"ส่วนวันที่ 13 เม.ย. เดิมเราต้องการจัดงานสงกรานต์ แต่เมื่อเกิดเหตุสูญเสียเกิดขึ้นทำให้ต้องมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย ด้วยการทำบุญเลี้ยงพระเพลที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จากนั้นช่วงบ่ายจะรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ของคนเสื้อแดงขอศีลขอพรที่หน้าเวทีสะพานผ่านฟ้าลีลาศ เพื่อความเป็นสิริมงคล เมื่อเสร็จสิ้นแล้วจะปราศรัยและวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองต่อไป" นายณัฐวุฒิกล่าว
นายจตุพร กล่าวว่า การจากไปของคนเสื้อแดงและผู้บาดเจ็บจะไม่สูญเปล่า วันนี้เราได้เรื่องยุบพรรคประชาธิปัตย์ไปแล้วหนึ่งเรื่อง จากนี้ไปนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพไม่สามารถมี หน้าอยู่ต่อไปได้อีกแล้ว ตอนนี้นายอภิสิทธิ์จะจนมุมแล้ว แต่เมื่อเจอภาพเล็กๆ ก็ออกมาแถลงข่าวอย่างดีใจว่าเป็นฝีมือของผู้ก่อการร้าย แต่ทั้งสองคนต้องรับผิดชอบในฐานะสั่งฆ่าประชาชน ต้องพ้นจากตำแหน่งทันที ต้องดำเนินคดีและตัดสินประหารชีวิต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณปราศรัยที่สะพาน ผ่านฟ้าฯ ทางการ์ดนปช.ได้นำยุทโธปกรณ์ซึ่งเป็นอาวุธสงครามที่ทหารนำมาปราบประชาชน มาแสดง อาทิ ฐานที่ติดอยู่บนรถหุ้มเกราะซึ่งใช้ติดตั้งอาวุธปืน 3 ตัว แก๊สน้ำตา กระสุนปืน โล่ทหารกว่า 30 อัน ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ชุมนุมมาถ่ายรูปเก็บไว้
แดงพรึบเต็มถนนราชดำเนิน
บรรยากาศการชุมนุมช่วงเย็นที่สะพานผ่านฟ้าฯ มีคนเสื้อแดงทยอยเข้าร่วมชุมนุมอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่จะรวมตัวกันอยู่ด้านหน้าเวที และบนถนนราชดำเนิน จากสะพานผ่านฟ้าฯ ถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ทำให้พื้นที่แน่น ขนัด ส่วนบริเวณจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จนถึงสะพานผ่านพิภพลีลา มีผู้ชุมนุมบางตา ส่วนใหญ่ใช้เป็นที่จอดรถของผู้ชุมนุม จะไปหนาแน่นที่สนามหลวง ส่วนจากสะพานผ่านฟ้าฯ ไปจนถึงแยกสวนมิสกวัน มีผู้ชุมนุมพอสมควร ส่วนใหญ่จะเข้าคิวเพื่อรอรับอาหารตามเต็นท์ของกลุ่มจังหวัดต่างๆ ที่ปรุงขึ้นมาให้บริการฟรี ส่วนบนเวทีผลัดเปลี่ยนการขึ้นปราศรัยของแนวร่วมและแกนนำจากจังหวัดต่างๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พิธีกรบนเวทียังประกาศให้คนเสื้อแดงระวังในการเดินทางผ่านซ.สุขุม วิท 71 เนื่องจากมีบุคคลไม่ทราบฝ่ายคอยดักทำร้ายอยู่ พร้อมระบุว่าขณะนี้มีการปล่อยข่าวลวงให้คนเสื้อแดงไปยังสุเหร่าบางมะเขือ เขตพระโขนง ขอให้คนเสื้อแดงที่เดินทางไปแล้วหรือจะไปให้กลับไปรวมตัวกันที่สะพานผ่านฟ้าฯ เนื่องจากไม่มีมติจากแกนนำให้ไปยังสถานที่ดังกล่าว หากไม่ยอมกลับมาจะถือว่าเป็นแดงเทียม ที่มีเจตนาก่อความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง
เวลา 18.10 น. มีการถ่ายทอดเสียงการปราศรัยของนายวีระ จากเวทีราชประสงค์ เกี่ยวกับผลการพิจารณาของกกต. ที่ระบุพรรคประชาธิปัตย์มีความผิดตามข้อกล่าวหา และมีความเห็นให้ยุบพรรค ผู้ชุมนุมต่างตะโกนไชโยโห่ร้องเสียงดังกึกก้องทั่วบริเวณ พร้อมกระโดดโลดเต้นและมีใบหน้ายิ้มแย้มด้วยความดีใจ
ญาติสลดร่วมงานศพ3ทหาร
ก่อนหน้านี้ เวลา 17.30 น. นายศิริพงษ์ ห่านตระกูล ผวจ.ปราจีนบุรี เป็นประธานพิธีรดน้ำศพ 3 นายทหารที่เสียชีวิตเหตุทหารปะทะกับกลุ่มเสื้อแดง โดยทหารที่เสียชีวิตทั้งหมดสังกัดกองพลทหาราบที่ 2 รักษาพระองค์ ค่ายพรหมโยธี ต.บ้านพระ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี หรือ "บูรพาพยัคฆ์" หน่วยกำลังรบหลักภาคตะวันออก ประกอบด้วย ส.ท.ภูริวัฒน์ ประพันธ์ ตำแหน่งช่างยานยนต์ สังกัดร้อย สห. พล.ร.2 รอ. และส.ต.อนุพงษ์ เมืองอำพัน ตำแหน่งพลขับรถ สังกัดร้อย บก.ร.12 รอ. และพลทหารสิงหา อ่อนทรง ตำแหน่งพลยิงเอ็ม 203 สังกัด ร.12 พัน.2 รอ.ร้อย 3 ซึ่งบรรยา กาศเต็มไปด้วยความเศร้าสลด มีพล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผบ.ทบ.เดินทางมาเป็นประธานพิธีน้ำหลวงอาบศพ
จ.ส.อ.อมฤทธิ์ เมืองอำพัน ทหารสังกัด ป.พัน.102 รอ.ค่ายพรหมโยธี กล่าวทั้งน้ำตาว่า เป็นบิดาของส.ต.อนุพงษ์ ก่อนวันเกิดเหตุที่ลูกชายจะเสียชีวิตได้โทรศัพท์มาหาแม่ที่บ้านบอกว่าอยากกลับมาอยู่กับแม่ที่บ้าน ลูกชายเพิ่งบรรจุรับราชการเป็นนายสิบได้ปีเศษ มีบุตรชายได้อายุเพียง 1 ปีเศษ ตนไม่อยากเห็นคนไทย ต้องมาฆ่ากันเอง สิ่งดังกล่าวที่เกิดนี้น่าพูดคุยกันได้ ไม่น่าเกิดการสูญเสียขึ้น ขอให้ยุติเหตุการณ์ได้แล้ว
กองทัพปูนบำเหน็จ-เลื่อนยศ
นายทองล้วน ประพันธ์ กล่าวว่า เป็นบิดาของส.ท.ภูริวัฒน์ ความรู้สึกภูมิใจที่ลูกเสียชีวิตในหน้าที่ แต่ในความจริงยังไม่อยากให้ลูกเสียชีวิตไปเพราะยังทำใจรับกับเหตุการณ์ไม่ได้ ที่ผ่านมาลูกเป็นทหารได้ 2 ปีเศษ สิ่งที่เกิดขึ้นทราบข่าวจากทางทีวี ไม่อยากเห็นภาพนี้เกิดกับครอบครัวใดๆ โดยเฉพาะหมู่คนไทยที่ทำร้ายคนไทยด้วยกันเอง
พล.อ.วิชญ์กล่าวว่า กองทัพบกได้ดูแลให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้นได้มอบเงินเป็นค่าจัดการศพให้แก่ญาติผู้เสียชีวิต กองทัพบกมีระเบียบขั้นตอนการช่วยเหลือ ไม่มีการทอดทิ้ง ขณะนี้ได้เสนอเรื่องขอเลื่อนชั้นยศให้เป็นทหารชั้นสัญญาบัตรทั้ง 3 นาย และยื่นเรื่องไปทางกระทรวงกลาโหมแล้ว ส่วนบุตรของผู้เสียชีวิตหากมีความประสงค์จะรับราชการทหาร กองทัพ บกจะบรรจุเป็นข้าราชการสังกัดกองทัพบก ส่วนบุตรหลานที่ยังอยู่ในวัยเรียนก็จะดูแลให้เรียนถึงระดับมหาวิทยาลัย
เปิดดูภาพกล้องของนักข่าวยุ่น
เย็นวันเดียวกัน สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงโตเกียว ว่า แหล่งข่าวสำนักงานตำรวจประเทศญี่ปุ่นเปิดเผยผู้สื่อข่าวเกียวโดว่า ตำรวจญี่ปุ่นจะจัดชุดสืบสวนมาทำงานร่วมกับตำรวจไทย เพื่อทำคดีหาสาเหตุการเสียชีวิตของนาย ฮิโร มูราโมโตะ นักข่าวญี่ปุ่นสังกัดสำนักข่าวรอยเตอร์ และเมื่อศพกลับถึงญี่ปุ่นแล้วจะผ่าชันสูตรซ้ำอีกครั้ง นายฮิโรฟูมิ ฮิราโนะ โฆษกรัฐบาลญี่ปุ่น กล่าวว่า ตำรวจและกระทรวงต่างประเทศกำลังพิจารณาหลักฐานต่างๆ เพื่อดูว่าการเสียชีวิตของนายมูราโมโตะเข้าข่ายความผิดฐานก่ออาชญากรรมต่อพลเมืองญี่ปุ่นในต่างแดนหรือไม่
ด้านรอยเตอร์เผยแแพร่เทปบันทึกภาพความยาว 7 นาทีที่นายมูราโมโตะถ่ายเอาไว้ก่อนเสียชีวิต แสดงให้เห็นถึงเหตุปะทะกันอย่างรุนแรงและน่าสะพรึงกลัวของทหารกับกลุ่มคนเสื้อแดงบริเวณถนนราชดำเนิน ใกล้อนุสาวรีย์ประชาธิป ไตย โดยช่วงแรก นายมูราโมโตะยืนอยู่ในกลุ่มทหาร ซึ่งชูปากกระบอกปืนขึ้นฟ้า จู่ๆ เกิดระเบิดขึ้นห่างจากนายมูราโมโตะแค่ไม่กี่เมตร ภาพต่อมาช่างภาพรอยเตอร์รายนี้ค่อยๆ เดินถอยหลังพร้อมๆ กับถ่ายภาพไปด้วย มองเห็นทหารบาดเจ็บหลายนาย จากนั้นภาพตัดมาขณะนาย มูราโมโตะย้ายมายืนอยู่ในกลุ่มม็อบที่ส่วนใหญ่ถือไม้เป็นอาวุธและเอาโล่ทหารเป็นเกราะกำบัง การปะทะดำเนินไปเรื่อยๆ จนถึงภาพสุดท้ายนายมูราโมโตะล้มลงและกล้องล้มตะแคงอยู่บนพื้นถนน ทั้งนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงเก็บกล้องดังกล่าวเอาไว้และคืนให้รอยเตอร์ในที่สุด
ฝรั่งชี้เหมือนรัฐบาลพม่า
เอพีรายงานว่า ทั้งฝ่ายรัฐบาลและกลุ่มผู้ประท้วงต่างไว้อาลัยต่อการสูญเสียเลือดเนื้อของฝ่ายตนหลังจากการปะทะกันที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 21 ราย แต่ก็ยังไม่มีฝ่ายไหนพร้อมจะเจรจากันเพื่อยุติความรุนแรง ด้านเกาหลีและจีนต่างประกาศเตือนพลเมืองของตนอย่าเดินทางไปกรุงเทพฯ ในช่วงนี้ ส่วนออสเตรเลียเตือนพล เมืองของตนเช่นกันโดยระบุว่าเป็นไปได้อย่างยิ่งที่จะเกิดความรุนแรงขึ้นอีก ขอให้นักท่องเที่ยวอยู่ห่างจากการชุมนุมประท้วง
ดร.โทมัส ลาร์สสัน นักรัฐศาสตร์แห่งมหา วิทยาลัยเคมบริดจ์ แสดงความเป็นห่วงภาพลักษณ์ประเทศไทยในสายตาประชาคมโลกในด้านความอดทนอดกลั้นต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้นว่า การปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยกำลังทหารที่มากกว่าหลายเท่าตัว แบบเดียวกับที่รัฐบาลทหารพม่ากระทำ จะทำลายภาพพจน์ ของไทยในเวทีโลกจนเสียหายอย่างที่กอบกู้คืนกลับมาไม่ได้ ตนกลัวว่าหากความขัดแย้งยังยืดเยื้อไปอีกหลายวันหรือหลายอาทิตย์ผู้นำทั้งหลายคงจะใจเย็นอยู่ไม่ไหว
บีบีซีระบุมาร์คถูกกดดันหนัก
เอเอฟพีรายงานว่า สหรัฐอวยพรปีใหม่ไทยโดยหวังว่าช่วงเวลานี้จะเป็นโอกาสที่ไทยจะได้สร้างความปรองดองและสมานฉันท์ให้กลับคืนมาสู่ประเทศ ภายหลังจากที่เกิดความรุนแรงทาง การเมืองในไทยครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบ 20 ปี
"สงกรานต์เป็นช่วงเวลาแห่งความท้าทายของประเทศไทย สหรัฐหวังว่าปีใหม่นี้จะเป็นช่วงเวลาของการเริ่มต้นใหม่และการประนี ประนอมปรองดองเพราะประเพณีสงกรานต์เป็นโอกาสที่คนไทยได้กลับไปอยู่ร่วมกับครอบครัวและญาติ มิตร ขณะนี้ที่ประเทศไทยดำเนินการแก้ปัญหาความแตกต่างทางการเมืองไปตามครรลองของตัวเอง สหรัฐยังคงเชื่อมั่นในความสัมพันธ์ที่เข้มแข็งระหว่างสหรัฐกับไทยซึ่งเป็นพันธมิตรที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐในภูมิภาคเอเชีย" นางฮิลลารี คลินตัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐกล่าวอวยพรปีใหม่ไทยและว่า ปรารถนาให้ประเทศไทยและคนไทยทั่วโลกได้ฉลองสงกรานต์อย่างสันติสุข
สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีของไทย กำลังถูกกดดันอย่างหนัก ภายหลังเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารและกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อวันที่ 10 เม.ย. โดยบีบีซีระบุว่าวันเดียวกันนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ออกมาเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ประกาศยุบสภา อย่างสอดคล้องกับแนวทางการเรียกร้องของกลุ่มคนเสื้อแดง ต่อมากกต.ยังมีมติยุบพรรคประชาธิปัตย์ในวันเดียวกัน ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ยังพยายามยืนยันตลอดมาว่าพรรคร่วมรัฐบาลและกองทัพยังเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันอยู่
เวลา 22.20 น. วันเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้ส่งข้อความสั้นหรือ เอสเอ็มเอส ระบุว่า ติดตามพีเพิลแชนแนลผ่านจานขาวและจานส้ม(NSS6) ได้แล้วที่ช่องเดิม ส่วนจานดำจานใหญ่ต้องปรับจูนเล็กน้อย
ที่มา.ข่าวสดรายวัน
***********************************
ส่งสัญญาณ- พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. แถลงเคียงข้าง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ที่ศอฉ. ในร.11 รอ. เสนอยุบสภาแก้วิกฤตปัญหา
"อนุพงษ์"ฟันธงเปรี้ยงนายกฯต้องยุบสภาบ้านเมืองถึงสงบ ผบ.ทบ.ชี้ชัดการเมืองต้องแก้ด้วยการเมืองปัญหาถึงจะจบ ส่วน"มาร์ค-เทือก"ระบุผู้ก่อการร้ายแฝงตัวในม็อบจนทำให้เกิดเหตุรุนแรงขึ้น ขณะที่แกนนำม็อบแดงแห่โลงศพ 18 วีรชนไปทั่วกรุง มีประชาชนออกมาไว้อาลัยกันตลอดทาง ขวัญชัยนำทีมนปช.บุกไปถึงหน้าบ้านมาร์ค แต่ไม่มีเหตุการณ์รุนแรง ส่วนอริสมันต์ก็พาจยย.แดง 200 คันบุกกสท เพราะเชื่อว่าปล่อยสัญญาณรบกวนพีทีวี ก่อนบิ๊กกสท ออกมายืนยันว่าไม่จริงก็สลายตัวไปในที่สุด สธ.ระบุยอดตายมีแค่ 20 ราย พ่อแม่เหยื่อปืนร่ำไห้รับศพ สลดบัณฑิตวิศวะโดนยิงตายก่อนจะแต่งงานเร็วๆนี้ นายกฯญี่ปุ่นจี้รัฐบาลไทยสอบกรณีนักข่าวรอยเตอร์โดนยิงตาย เปิดดูภาพในกล้องนักข่าวยุ่นก่อนเสียชีวิต "จตุพร"สวนกลับทันควันมาร์คเป็นหัวหน้าผู้ก่อการร้าย
เวทีผ่านฟ้าฯคึกคัก-เตรียมแห่ศพ
เมื่อวันที่ 12 เม.ย. ที่เวทีสะพานผ่านฟ้าฯ ตั้งแต่เวลา 07.00 น.มีผู้ชุมนุมมาร่วมชุมนุมอย่างหนาแน่น เนื่องจากแกนนำนปช.มีมตินำศพผู้เสียชีวิตจากเหตุปะทะกันวันที่ 10 เม.ย. เคลื่อนไปตามเส้นทางต่างๆ ทั่วกทม. โดยผู้ชุมนุมบางส่วนเริ่มตั้งขบวนตั้งแต่หน้าเวทีปราศรัยเป็นแถวยาวเหยียดถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มีนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง นายขวัญชัย ไพรพนา นายพายัพ ปั้นเกตุ นำขบวนเคลื่อนไปตามเส้นทาง ตั้งแต่แยกหลานหลวง แยกยมราช แยกเจริญผล ถนนบรรทัดทอง ถนนพระราม 4 แยกอโศก ถนนสุขุมวิท เอกมัย ถนนเพชรบุรี แยกประตูน้ำ แยกราชเทวี แยกนางเลิ้ง ทำเนียบรัฐบาล แยกมิสกวัน ถนนราชดำเนินกลาง สะพานพระราม 8 บางแค และถนนกาญจนาภิเษก
นายสุภรณ์กล่าวย้ำว่า ให้รถยนต์แต่ละคันขับต่อกันเป็นแถวยาวอย่างเป็นระเบียบด้วยความสงบ ห้ามขับแซงเพราะพวกเราเพื่อแสดงความไว้อาลัย วันนี้พื้นที่ชุมนุมและขบวนรถยนต์จะเปิดเพลงเพื่อไว้อาลัยแก่ผู้ที่เสียชีวิตเท่านั้น
จากนั้นเวลา 10.00 น.ผู้ชุมนุมเริ่มเคลื่อนขบวนแห่ไว้อาลัยศพวีรชนเสื้อแดงจากหน้าเวที ขณะเดียวกันนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการนปช. เดินทางจากแยกราชประสงค์มาให้กำลังใจผู้ชุมนุมที่จะเคลื่อนขบวน ผู้ชุมนุมพากันวิ่งเข้ามาจับมือนายณัฐวุฒิและเก็บภาพบรรยากาศอย่างต่อเนื่อง ขณะที่บนเวทียังปราศรัยโดยแกนนำคนอื่นๆ อาทิ นายชินวัฒน์ หาบุญพาด นางไพจิตร อักษรณรงค์ กล่าวโจมตีขับไล่รัฐบาลและนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พร้อมกับกำชับการ์ดนปช.ตรวจตราคนที่เข้าพื้นที่ชุมนุมอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันมือที่ 3 เข้ามาแอบแฝงและก่อเหตุรุนแรง นอกจากนี้ยังประกาศทำความเข้าใจผู้ชุมนุม อย่าข่มขู่ขับไล่สื่อมวลชนอีก เพราะสื่อทุกคนที่อยู่ในพื้นที่ทำหน้าที่ที่ดีที่สุดแล้ว คนเสื้อแดงยินดีต้อนรับสื่อทุกคนและทุกสำนัก ไม่ว่าสื่อไทยและสื่อต่างประเทศ รวมทั้งขอขอบคุณที่สื่อทุกคนที่ลงข่าวเสื้อแดงกับสิ่งเกิดขึ้นในความเป็นจริง
เหวงจวกเทือกป้ายสีม็อบ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากเวทีของกลุ่มนปช. คนเสื้อแดง บริเวณสี่แยกราชประสงค์ ว่า ช่วงเช้าบรรยากาศเงียบเหงา เนื่องจากผู้ชุมนุมบางส่วนยังพักผ่อนกระจายอยู่โดยรอบ ส่วนทางเข้าออกสถานที่ชุมนุมตามจุดต่างๆ ทั้งสถานีไฟฟ้าบีทีเอส ราชดำริ ถนนราชดำริ แยกเพลินจิต ถนนสุขุมวิท แยกประตูน้ำ และด้านหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถนนพระราม 1 มีการ์ดนปช.ประจำเฝ้าระวังบุคคลผ่านเข้าออกอย่างเข้มงวด ขณะที่การจราจรได้เปิดเส้นทางสุขุมวิทขาออก ช่องทางซ้ายสุด เพื่อให้รถยนต์ผ่านไปยังถนนราชดำริได้
ส่วนบนเวทีปราศรัย มีแกนนำ อาทิ น.พ.เหวง โตจิราการ นายก่อแก้ว พิกุลทอง สลับกันขึ้นเวทีสรุปข่าวให้ผู้ชุมนุมรับฟังเป็นระยะ โดยน.พ.เหวงกล่าวโจมตีการกระทำของรัฐบาลที่สั่งทหารปะทะกับประชาชน จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก พร้อมทั้งตอบโต้กรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ที่ระบุคนเสื้อแดงเป็นผู้ยิงอาวุธปืนเอ็ม 79 ทำร้ายทหารว่าไม่เป็นความจริง สิ่งที่นายสุเทพพูดเป็นการใส่ร้ายประชาชน
โวยมาร์คโยนความผิดให้มือที่3
เวลา 10.50 น.แกนนำเสื้อแดง นำโดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ น.พ.เหวง โตจิราการ นายก่อแก้ว พิกุลทอง และ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ อดีตส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชาชน ร่วมกันแถลงข่าว นายจตุพรกล่าวว่า หลังจากส.ส.เพื่อไทยแจ้งความดำเนินคดีกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ตามความผิดมาตรา 157 มาตรา 285 และมาตรา 286 ที่สั่งทหารปะทะกับประชาชนที่ผ่านฟ้าและสี่แยกคอกวัว ทำให้มีคนตาย 21 ศพแล้ว ถือเป็นการก่ออาชญากรรมบนท้องถนน ล่าสุดยังพยายามเพิ่มงบประมาณให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติกว่า 200 ล้านบาทเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสอบสวนเรื่องนี้ อยากฝากบอกว่า หากมาตรวจสอบประเด็นการชุมนุม แต่ละเลยเรื่องรัฐบาลฆ่าคนตาย บ้านเมืองนี้ก็อยู่ไม่ได้
นายจตุพรกล่าวว่า รัฐบาลพยายามทำให้เหมือนเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ 2519 ด้วยการปิดบัง ซ่อนเร้นคนตาย ซึ่งคนเสื้อแดงคาดว่ายอดคนล้มตายน่าจะไม่หยุดอยู่แค่นี้ นอกจากนี้ยังขัดขวางไม่ให้เอาศพมาทำพิธีกรรม ซึ่งรัฐบาลนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่มีการนำอาวุธสงครามปราบปรามประชาชน ทั้งที่รู้ว่า การปราบปรามประชาชนในช่วงมืด สุ่มเสี่ยงจะเกิดการล้มตาย ส่วนที่รัฐบาลใช้สื่อรัฐเบี่ยงเบนประเด็นว่าเป็นฝีมือของมือที่ 3 ทำให้คนตายนั้น การโกหกของนายอภิสิทธิ์อยู่บนความตายของคนเสื้อแดงกว่า 16 ชีวิตแล้ว เก้าอี้ของนายอภิสิทธิ์ร้อนเหมือนเมรุเผาศพที่ดวงวิญญาณของคนตายมา ทวงความยุติธรรม ขอตั้งข้อสังเกตว่าเมื่อมีการปราบปรามประชาชนจนล้มตายก็บอกว่าจะยุบสภาภายใน 3 เดือน 6 เดือน แสดงว่าข้อเรียกร้องของคนเสื้อแดงที่บอกให้ยุบสภาทันที ต้องแลกชีวิตคนเสื้อแดงอีก 36 ศพใช่หรือไม่
ไม่เจรจา-เมิน"ชวน-หนั่น"นั่งนายกฯ
นายจตุพรกล่าวอีกว่า ส่วนที่มีข่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเอานายชวน หลีกภัย ขึ้นมาเป็นนายกฯแทนนาย อภิสิทธิ์นั้นก็ว่ากันไป และที่พรรคชาติไทยพัฒนารอส้มหล่นโดยจะให้พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ที่ปรึกษาพรรค เป็นนายกฯขัดตาทัพนั้น อยากฝากนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาพรรค ยังจำคำพูดตัวเองได้หรือไม่ว่าหากมีประชาชนล้มตายจะแสดงความรับผิดชอบ หากนายบรรหารจะมาเจรจากับแกนนำนปช. ขอให้นายบรรหารลาออกจากพรรคร่วมรัฐบาลก่อนแล้วค่อยมาเจรจา รัฐบาลเป็นผู้สังหารประชาชน เอาอาวุธสงครามมาฆ่าประชาชน เวลานี้วิบากกรรมตกมาอยู่ที่คนสั่งการ เพราะทหารได้รับกรรมไปแล้ว ซึ่งเป็นคนที่สั่งฆ่าประชาชนช่วงเดือนเม.ย.2552 ที่ผ่านมา 2 คนเสียชีวิต อีก 1 คนต้องตัดขา ที่พูดไม่ได้สะใจ แต่อยากแสดงให้เห็นว่าเวรกรรมมีจริง
นายจตุพรกล่าวต่อว่า ยืนยันว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะไม่เจรจากับรัฐบาลอีกแล้ว จะชุมนุมต่อไปจนกว่าจะไม่มีคนชื่ออภิสิทธิ์เป็นนายกฯ รวมถึงนายชวน และพล.ต.สนั่นด้วย ต้องไม่ใช้เลือดของประชาชนเป็นบันไดได้มาซึ่งตำแหน่งนายกฯ กลุ่มคนเสื้อแดงไม่อาจยอมรับกระบวนการนี้ได้ คำเดียวคือยุบสภาคืนอำนาจประชาชน ส่วนคดีต้องว่ากันตามกฎหมาย
ม็อบแดงบุกกสทจี้เชื่อมพีทีวี
ส่วนที่นายสุเทพและผบ.ทบ.แถลงมีผู้ก่อการร้ายแฝงตัวเข้ามาในกลุ่มผู้ชุมนุมนั้น นายจตุพรกล่าวว่า ผู้ก่อการร้าย ก็คือทหาร และหัวหน้าผู้ก่อการร้ายชื่อสุเทพ ถ้านายอภิสิทธิ์และนายสุเทพยังยืนอยู่บนเก้าอี้นี้ต่อไป คงต้องสู้กันให้ตายไปอีกข้างหนึ่ง เพราะคนเสื้อแดงไม่ยอมให้ประชาชนตายเปล่าต้องมีคนรับผิดชอบและต้องมีคนติดคุก
ต่อมาเวลา 12.10 น.นายจตุพรประกาศบนเวทีราชประสงค์ ว่า สาเหตุที่การออกอากาศของสถานีโทรทัศน์พีเพิลแชนแนล มีปัญหามาจากบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด จึงขอกำลังคนเสื้อแดงส่วนหนึ่งไปทวงถามสาเหตุการปิดสัญญาณสถานีโทรทัศน์พีเพิลแชนแนล ที่ตึกบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด ย่านแจ้งวัฒนะ โดยนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง จะเป็นผู้นำขบวนกลุ่มผู้ชุมนุมไปพร้อมกับนายการุณ โหสกุล ส.ส.พรรคเพื่อไทย
เวลา 13.10 น.คณะกรรมการสมาคมนักข่าวนักหนังสือ พิมพ์แห่งประเทศไทย เดินทางไปยังเวทีชุมนุมของกลุ่มนปช. ที่สี่แยกราชประสงค์เพื่อหารือกับแกนนำนปช.เกี่ยวกับการรับประกันสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนในภาคสนาม โดยมี น.พ.เหวง โตจิราการ และนายจรัล ดิษฐาอภิชัย แกนนำนปช.ต้อนรับ น.พ.เหวงยืนยันว่าเคารพการทำงานของสื่อ มวลชนทุกคน และพร้อมให้ความปลอดภัยทั้งที่เวทีผ่านฟ้าลีลาศและราชประสงค์ แกนนำนปช.เข้าใจการทำงานของสื่อว่าเป็นไปตามหน้าที่ โดยย้ำให้ผู้ชุมนุมเข้าใจการทำงานของสื่อ ส่วนกรณีช่อง 11 คนที่มีปัญหา คือนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประสำนักนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่สื่อมวลชนในภาคสนาม
เทือกซัดมีผู้ก่อการร้ายแฝงม็อบ
เวลา 10.30 น. ที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุก เฉิน(ศอฉ.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ในฐานะผู้อำนวยการ ศอฉ. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ร่วมกันแถลงข่าวเป็นครั้งแรกหลังเกิดเหตุปะทะกันระหว่างทหาร และกลุ่มคนเสื้อแดงที่แยกคอกวัว เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รอง ผบ.ทบ. ร่วมรับฟังอยู่ด้านหลัง โดยการแถลงดังกล่าวได้ใช้เวลา 1 ชั่วโมง
นายสุเทพกล่าวว่า หลังจากการปฏิบัติการขอพื้นที่การจราจรคืนให้ชาวกทม.เมื่อวันที่ 10 เม.ย. และเกิดเหตุมีผู้ก่อการร้ายแฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมและใช้อาวุธสงครามทั้งเอ็ม 79 เอ็ม 16 อาก้า ระเบิดขว้างเต็มรูปแบบ ขว้างเข้าใส่เจ้าหน้าที่เป็นเหตุให้ทหาร พลเรือน ผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บเสียชีวิต ซึ่งเราเสียใจ หลังจากเหตุการณ์นั้นยังมีความพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง ปล่อยข่าวลือ ข่าวหลอก ทำให้ประชาชนสับสนหลายเรื่อง จึงต้องมาทำความจริงให้ปรากฏและแก้ไขความเข้าใจผิดทุกประเด็น เพราะถ้าปล่อยไปจะกลายเป็นความร้าวฉานของผู้บริโภคข่าวที่ผิดๆ
นายสุเทพ กล่าวว่า การที่ปล่อยข่าวว่าการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่เมื่อวันที่ 10 เม.ย. เป็นการประเมินสถานการณ์ที่ผิดพลาดของรัฐบาล หาว่ารัฐบาลกดดันทหารให้ปฏิบัติการโดยบังคับไม่ให้ใช้อาวุธนั้น ตนอยากชี้ให้เห็นว่าทั้งหมดนี้เป็นภาพที่เขาวาดขึ้น ภาพแรกเพื่อโยนความผิดให้รัฐบาล นายกฯ ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ มีคนเสียชีวิต มุ่งใช้คำว่ารัฐบาลต้องการสลายการชุมนุมและเป็นเหตุให้เกิดปะทะ เสียชีวิต เมื่อภาพนี้ปล่อยไปไม่สำเร็จ วันนี้มาปล่อยข่าวเพื่อมุ่งว่ารัฐบาลบีบบังคับทหารและทำให้ทหารเสียชีวิต ซึ่งไม่จริง
ยันไม่ผิด-มีจนท.สูญเสียมาก
นายสุเทพ กล่าวว่า ในการทำงานที่ศอฉ. มีคณะกรรมการหลายสิบคน ทั้งฝ่ายการเมือง ข้าราชการจากทุกกระทรวง มีมากกว่าทหาร และกว่าที่เราจะดำเนินการ มีการหารือในศอฉ. อย่างละเอียด ซึ่งนโยบายที่นายกฯมอบให้ศอฉ. ไปปฏิบัติคราวนี้ มีเพียงให้เราคิดหาวิธีเอาพื้นที่บางส่วนคืนกลับมาให้ประชาชน เพราะการที่ผู้ชุมนุมยึดพื้นที่ไว้นานๆ คนกทม.เดือดร้อนมาก พื้นที่ที่เขายึดไว้ ไม่ได้ใช้ชุมนุมทั้งหมด มีคน 2,000-3,000 คน แต่ยึดพื้นที่ตั้งแต่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยถึงรัฐสภาอย่างนี้มันมากเกินไป ศอฉ.จึงประชุมเพื่อกำหนดวิธีการปฏิบัติ
"ถ้าถามว่าผมทำผิดอะไร ผมสารภาพว่าความผิดพลาดของผมคือผมและเพื่อนร่วมงานที่ศอฉ.ไม่คิดมาก่อนว่าในกลุ่มผู้ชุมนุมจะมีคนที่ใช้อาวุธหนักมายิงใส่ทำร้ายเจ้าหน้าที่โดยไม่คำนึง ว่าจะมีลูกหลงถูกพลเมืองผู้บริสุทธิ์ ผมไม่คาดคิดว่าในกลุ่มผู้ชุมนุมจะมีเอ็ม 79 เอ็ม 16 อาก้า ระเบิดขว้าง เมื่อเราเริ่มปฏิบัติการตั้งแต่ต้น พอถึงสะพานมัฆวานส่วนหนึ่งเราหยุดแล้ว และกำลังส่วนอื่นที่เข้าไปด้านอื่น พอถึงเวลา 6 โมงเย็นไปแล้วก็หยุดอยู่กับที่แล้ว เตรียมจะถอนกลับ ช่วงจังหวะนั้นได้เกิดการระดมยิงเจ้าหน้าที่ อย่างหนักหน่วง เจ้าหน้าที่ถึงสูญเสียมาก" นายสุเทพกล่าว
รองนายกฯ กล่าวว่า วันที่ 11 เม.ย. ตนได้พูดกับนายดาบตำรวจที่วิ่งไปแล้วแย่งปืนจากกลุ่มคนที่เคลื่อนเข้าไปทำร้ายทหาร ได้ยึดปืนเอ็ม 79 เขาให้การชัดเจนว่ามีมาเป็นชุด ชุดที่เขาเผชิญหน้านั้นมี 5 คน ถือเอ็ม 16 จำนวน 3 คน ถืออาก้า 1 คน ถือเอ็ม 79 จำนวน 1 คน เขากระโดดปลุกปล้ำเอาปืนเอ็ม 79 มาได้ ส่วนพวกที่ถือเอ็ม 16 กับอาก้าก็วิ่งเข้าไปในกลุ่มเสื้อแดง และเข้าไปต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ นี่คือสิ่งที่ตนได้พบกับตัวเองและมีตัวตน สิ่งนี้ศอฉ.ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ไม่คิดว่าประเทศไทยในกลุ่มผู้ชุมนุมจะมีกลุ่มที่คิดเข่นฆ่าเจ้าหน้าที่รัฐด้วยความรุนแรงเสมือนอยู่ในสงครามเช่นนี้
ประวิตรด่าแหลกคนนอกคอก
ด้านพล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ในฐานะรองผอ.ศอฉ. และเป็นหนึ่งในคณะกรรมการทำงาน ทุกขั้นตอนดำเนินการตามที่ผอ.ศอฉ.กล่าว ตั้งแต่ฝ่ายข่าวทุกส่วน คือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทหาร ตำรวจ จะเอาข่าวสารต่างๆ มาร่วมกัน ชี้แจงให้ศอฉ.ทราบ จากนั้นผู้บัญชาการทุกคนจะร่วมกันพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรในเรื่องการขอพื้นที่คืนตามที่นายกฯให้นโยบายมา ซึ่งการข่าวของเจ้าหน้าที่ที่รับฟังจากประชาชนและแกนนำกลุ่มเสื้อแดงบอกว่าจะใช้วิธี สันติอหิงสาและไม่ใช้อาวุธสงคราม ไม่ใช้ความรุนแรง เช่นเดียวกันทหารก็ไม่อยากใช้ความรุนแรง พล.อ.อนุพงษ์ ได้ดำเนินการให้ทหารที่ต้องปะทะกับประชาชนมีเพียงโล่ กระบอง เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองเจ็บ แต่อีกส่วนหนึ่ง เราไม่คาดคิดคือมีผู้ใช้อาวุธสงครามกับเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ว่าปืนเอ็ม 79 ระเบิดที่โยนเข้ามากลางวงทหารบาดเจ็บทีเดียว 30 คน
"ทหารที่ไม่ได้ถืออาวุธก็อยู่ข้างหน้าและที่ถืออาวุธเพื่อป้องกัน เราไม่คาดคิดว่าเขาจะใช้อาวุธ ดังนั้นต้องแยกให้ออกว่าพวกนั้นเป็นกลุ่มใดจะเอาไปรวมกับประชาชนไม่ได้ ทหารไม่คิดทำร้ายประชาชน แต่คิดว่าจะทำยังไงให้ประชาชนปลอดภัย แต่สิ่งที่เราโดนคือคนนอกคอก ทำให้ทหารและประชาชนไม่เข้าใจกัน จุดนี้รัฐบาลบอกทหารว่าเขาจำเป็นต้องดำเนินการรุนแรงกับบุคคลที่อยู่นอกกฎหมายนี้อย่างเด็ดขาด เราประเมินสถานการณ์ตลอดเวลา เราไม่ได้ละเลย นายกฯและทหารทุกเหล่าทัพคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชน เจ้าหน้าที่ทำงานมีขั้นตอน แม้จะมีปะทะก็มีกฎการปะทะว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่สิ่งที่แปลกปลอมเข้ามาขณะนี้ คือคนจำพวกหนึ่งที่มีไม่มาก คนพวกนี้ต้องดำเนินการอย่างเฉียบขาด" พล.อ.ประวิตรกล่าว
บน-สะใจ - ม็อบเสื้อแดงหลายหมื่นคนที่ชุมนุมอยู่ตรงสี่แยกราชประสงค์ ชูกำปั้นร้องตะโกนดีใจดังสนั่นหวั่นไหว หลังแกนนำประกาศว่ากกต.มีมติยุบพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 12 เม.ย.
ล่างซ้าย-แห่ศพ- ขบวนรถคนเสื้อแดงเคลื่อนออกจากเวทีผ่านฟ้าฯ ตั้งแต่เช้าวันที่ 12 เม.ย. แห่ 18 ศพเหยื่อสลายการชุมนุมบริเวณถนนราชดำเนินเมื่อวันที่ 10 เม.ย. ไปทั่วกทม.
ล่างขวา-แห่แล้วเฮ - คนเสื้อแดงหลายหมื่นแห่ 18 ศพเหยื่อสลาย 10 เม.ย.ไปทั่วกรุง ขณะที่ผู้ชุมนุมสะพานผ่านฟ้าฯ ไชโยโห่ลั่น หลังแกนนำประกาศว่ากกต.มีมติยุบพรรคประชาธิปัตย์เรียบร้อย เมื่อวันที่ 12 เม.ย.
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เราต้องช่วยกันหาพวกนอกกฎหมายมาให้ได้ ตอนนี้การเจรจาจำเป็นมาก พวกที่ทำให้ประชาชนและเจ้าหน้าที่เสียชีวิตโดยการใช้อาวุธสงครามนั้น ถือว่าไม่ดีมากๆ ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ว่าอาวุธต่างๆ เหล่านั้นมาจากไหน และต้องจับกุมตามกฎหมาย เมื่อถามว่าจะจัดชุดไล่ล่าในทางลับหรือไม่ พล.อ. ประวิตร กล่าวว่า ไม่ทราบ เมื่อถามถึงการขอคืนพื้นที่จะมีขึ้นอีกหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า จะมีอีกหรือไม่เป็นนโยบายของรัฐบาล คณะกรรมการศอฉ.ตอบไม่ได้
ป๊อกเปรี้ยงยุบสภา-บ้านเมืองสงบ
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กองทัพไม่ได้ใช้อาวุธทำร้ายประชาชน แต่มีการใช้อาวุธสงครามในเหตุการณ์ ซึ่งถ้าทหารจะปราบจริงก็ทำได้ แต่ทหารไม่ต้อง การทำร้ายประชาชนที่เป็นคนไทยด้วยกัน และยืนยันทหารไม่ได้แตกแยกกับรัฐบาล และทหารไม่ได้แตกแยกกันเอง แต่ถ้ามันมี 5 คน 10 คนที่ออกไป ทหารที่รีไทร์ไปแล้วใครเลี้ยงไว้ยังไงก็มี อย่างนี้ไม่ใช่ความแตกแยกในหมู่ทหาร
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ตนคงไม่ยอมให้ยึดพื้นที่อยู่อย่างนั้น แต่คิดว่าถ้าทางการเมืองหลายฝ่ายออกมา ซึ่งตอนนี้มันบังคับให้กลับไปสู่การเมือง ซึ่งการเมืองเดิมทำกันอยู่ แต่มันไปหยุดอยู่ที่จุดๆหนึ่ง ตนประเมินว่ามันต้องกลับไปที่การเมืองและต้องจบที่นั่น พอใจไม่พอใจก็ต้องหยุดและสังคมต้องเป็นตัวตัดสิน ถ้าถึงจุดนั้นการเมืองและสังคมจะทำให้ทุกอย่างจบได้ ซึ่งปัญหาการเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง
เมื่อถามว่าควรจบด้วยการเจรจาและนำไปสู่การยุบสภาใช่หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ถ้าการเมืองเขาแก้กันไม่ได้ เข้าใจว่าเรื่องประ เด็นการยุบสภา ตนเข้าใจว่าต้องยุบ คิดว่ามันต้องจบด้วยการยุบ ส่วนจะยุบเมื่อไหร่เขาไปเจรจาเพื่อให้เกิดกรอบเวลา มันมีเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญด้วย แต่เข้าใจว่ามันคงไปจบที่ยุบสภา หรือบางคนมาเสนอใหม่ว่าเป็นรัฐบาลแห่งชาติ ก็ว่ากันเองแล้วกัน ขอให้สงบก็พอ
ส่วนที่มีคนมองว่ากองทัพไม่ยอมทำอะไรเพราะผบ.ทบ.ประคองตัวเนื่องจากใกล้เกษียณอายุราชการนั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า สิ่งที่ตนทำมาตลอดไม่เคยคิดเช่นนั้น ตนจะดูตามสิ่งที่ควรกระทำ ประเทศชาติได้ประโยชน์ กองทัพไม่เสียหายตนก็ทำ ซึ่งไม่กลัวว่าจะโดนปลด จะ 3 เดือน 5 เดือนมันไม่ใช่ประเด็น กองทัพเพียงแต่หวังต้องการให้เกิดความสงบในบ้านเมือง (อ่านรายละเอียดน.3)
มาร์คแถลงแฉผู้ก่อการร้าย
ต่อมาเวลา 14.05 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แถลงการณ์ที่ศาลากิตติสุข โดยฉากหลังมีการตกแต่งด้วยพื้นสีฟ้า มีรูปพานรัฐธรรมนูญขนาดใหญ่อยู่ด้านขวา ด้านซ้ายเป็นรูปพานรัฐธรรมนูญที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยโดยนายกฯ ใช้เวลาเพียง 5 นาทีในการแถลง ซึ่งวันนี้สีหน้านายกฯ สดใสขึ้น
นายอภิสิทธิ์ แถลงว่าการรายงานสถาน การณ์ในแนวทางการดำเนินงานของรัฐบาลต่อปัญหาสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนั้น ขอเรียนประชาชนว่า หลังเกิดเหตุการณ์ 10 เม.ย.ที่ผ่านมาต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ประชาชนจะได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารมากขึ้นโดยลำดับ ทำให้เห็นเหตุการณ์ชัดเจนมากว่าเหตุการณ์ในวันนั้นเกิดขึ้นอย่างไร จากภาพรวมเราเริ่มมองเห็นชัดเจนแล้วว่ามีบุคคลจำนวนหนึ่งซึ่งถือว่าเป็นผู้ก่อการร้าย อาศัยการที่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่มาชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยและปัญหาความไม่ยุติธรรมเป็นเครื่องมือเพื่อก่อความไม่สงบในบ้านเมือง หวังผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ รัฐบาล ทุกหน่วยงานตลอดจนเจ้าหน้าที่ รวมถึงศอฉ. จึงกำหนดมาตรการดำเนินงานต่อไป มุ่งแยกแยะกลุ่มก่อการร้ายดังกล่าวออกจากประชาชนผู้บริสุทธิ์ อยากจะเรียกร้องประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่าได้เข้าร่วมหรือเป็นเครื่องมือกระบวนการนี้ เมื่อเราได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นจะสามารถกำหนดมาตรการให้เหมาะสมต่อไปในส่วนของการแก้ไขปัญหาความไม่สงบที่เกิดขึ้น
โต้พรรคร่วมเตรียมสละเรือ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าในส่วนของปัญหาข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมในเรื่องความไม่ยุติธรรมหรือประชาธิปไตยนั้นเป็นปัญหาที่ต้องแก้โดยฝ่ายการเมือง ตน รัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลหารือกันอย่างต่อเนื่อง นำเอาข้อเสนอที่ตนใช้ในการเจรจากับแกนนำนปช.ก่อนเกิดสถาน การณ์ฉุกเฉินมาเร่งรัดในการปรับเพื่อนำเสนอเป็นคำตอบในทางออกสำหรับการแก้ปัญหาหาทางการเมืองต่อไป การดำเนินการทั้งสองส่วนคือการบริหารและแก้ไขสถานการณ์ที่จำเป็นต้องแยกแยะให้ชัดเจนระหว่างประชาชนผู้บริสุทธิ์ กับบรรดากลุ่มผู้ก่อการร้ายและความไม่สงบ การแก้ไขทางการเมืองจะต้องดำเนินการคู่ขนาน ขณะนี้ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล กองทัพ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ตลอดจนพรรคร่วมรัฐบาลดำเนินการอย่างเป็นเอกภาพ สอดคล้องกันเพื่อมุ่งมั่นนำไปสู่การแก้ไขปัญหาความไม่สงบที่เกิดขึ้นทั้งหมด
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 เม.ย.นั้น ต้องประมวลตรวจสอบข้อเท็จจริง ถ้ามีความชัดเจนต้องแสดงความรับผิดชอบรัฐบาลจะตั้งคณะกรรมการประมวลเหตุการณ์ เช่นเดียวกับที่เคยดำเนินการหลังเหตุการณ์เดือนเม.ย.52 และพร้อมร่วมมือกับกระบวนการตรวจสอบที่ดำเนินการโดยองค์กรที่มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงและเป็นอิสระ เช่น คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ ขณะเดียวกันการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ทั้งผู้สูญเสีย บาดเจ็บ ไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายใดจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องรวมถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นในทางเศรษฐกิจกับบรรดาผู้ประกอบการ
"รัฐบาลจะเดินหน้าสะสางปัญหาต่างๆ ตามแนวทางอย่างรวดเร็วที่สุด และขอความร่วมมือจากประชาชนอีกครั้งในการสนับสนุนรัฐบาลดำเนินการตามแนวทางดังกล่าว" นายอภิสิทธิ์กล่าว
ตู่สวน"มาร์ค"หน.ก่อการร้าย
หลังจากที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวไม่ลาออกจากตำแหน่ง โดยจะให้ตั้งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) หรือตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมาสอบสวนกรณีที่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากเหตุปะทะระหว่างทหารและกลุ่มคนเสื้อแดงเหมือนช่วงสงกรานต์ 52 นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. ขึ้นเวทีปราศรัยกล่าวโจมตีนายอภิสิทธิ์ ว่า เหตุการณ์เมื่อเดือนเม.ย.52 ยังไม่มีข้อเท็จจริงอะไรออกมา ทั้งกรณีการยึดรถแก๊ส รถเมล์ หรือกรณีที่ถนนเพชรบุรี ที่ปะทะกับชาวบ้านมัสยิด รวมถึงย่านนางเลิ้งนั้น ที่มีคณะกรรมการขึ้นมาสอบแต่ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ เพราะคนที่เป็นตัวการคือนายอภิสิทธิ์ ดังนั้นการที่ระบุว่าจะตั้งกรรมการขึ้นมาสอบสวนถือเป็นการซื้อเวลาของฆาตกร ทรราช ซึ่งเราไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมา
นายจตุพรกล่าวว่า ส่วนกรณีที่พล.อ.อนุพงษ์ระบุว่า ปัญหาการเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง โดยนายกฯควรยุบสภานั้น ท่าทีของพล.อ.อนุพงษ์แสดงความชัดเจนออกมาระดับหนึ่ง และเข้าใจได้ว่าเป็นคำขู่ของทหารที่ไม่เห็นด้วยกับการปราบปรามประชาชน สำหรับกรณีที่กล่าวหาว่าคนเสื้อแดงใช้ปืนเอ็ม 79 ยิงทหาร ต้องถามกลับว่าแล้วการที่เอาสไนเปอร์ ปืนติดลำกล้องยิงระยะไกล ไปตั้งอยู่บริเวณโรงเรียนสตรี วิทยา สี่แยกคอกวัว เพื่อยิงหัวคนเสื้อแดง ดังนั้นที่มีการกล่าวหาว่าเสื้อแดงเป็นผู้ก่อการร้ายนั้นเป็นการพยายามบิดเบือนของนายกฯ หัว หน้าคนก่อการร้ายก็คือนายอภิสิทธิ์ ภารกิจเรายังไม่จบเพราะต้องต่อสู้กับฆาตกรต่อไป ต่อจากนี้ขอส่งสัญญาณว่านายอภิสิทธิ์อยู่ที่ไหน คนเสื้อแดงมีหน้าที่ต้องนำนายอภิสิทธิ์ส่งตำรวจฐานฆ่าประชาชน
ม็อบแดงแห่ 18 โลงศพไปทั่วกรุง
ผู้สื่อข่าวรายงานจากเวทีสะพานผ่านฟ้าฯว่า เวลา 10.00 น. กลุ่มคนเสื้อแดงได้ตั้งขบวนรถเพื่อแห่โลงศพวีรชน 10 เม.ย.ที่เสียชีวิตจำนวน 18 ราย โดยจัดขบวนรถมอเตอร์ไซค์นับพันคันนำขบวน ตามด้วยรถ 6 ล้อของแกนนำนปช. ที่มีนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ และนายเจ๋ง ดอกจิก ยืนปราศรัยอยู่บนรถ ตามด้วยรถปิกอัพ 16 คัน ที่มีโลงศพเปล่าคลุมด้วยธงชาติ พร้อมภาพผู้เสียชีวิตและพวงหรีด มีญาติผู้เสียชีวิตนั่งอยู่บนรถด้วย โดยได้เคลื่อนขบวนออกจากเวทีสะพานผ่านฟ้าฯ มุ่งออกไปแยกยมราช มุ่งไปตามถนนเพชรบุรี เลี้ยวขวาเข้าถนนบรรทัดทอง และเลี้ยวซ้ายตรงไปทางถนนพระราม 4 ผ่านสี่แยกคลองเตย เข้าคลองตัน และตรงเข้าถนนราม คำแหง ผ่ายแยกลำสาลี เลี้ยวเข้าถนนลาดพร้าว ตรงเข้าถนนพหลโยธิน ผ่านอนุสาวรีย์ชัยสมร ภูมิ เข้าประตูน้ำ มุ่งเข้าถนนอโศกมนตรี ก่อนจะเลี้ยวขวาเข้าถนนสุขุมวิท เลี้ยวซ้ายเข้าถนน วิทยุ ออกพระราม 4 เลี้ยวเข้าสีลม เจริญกรุง เยาวราช และกลับมาที่เวทีปราศรัยผ่านฟ้าในเวลา 15.00 น. โดยใช้เวลาเคลื่อนขบวนนาน 5 ชั่วโมง มีขบวนยาวเหยียดหลายกิโลเมตร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างขบวนเคลื่อนผ่านตึกยูเอ็มทาวเวอร์ คลองตัน ปรากฏว่ามีผู้ไม่พอใจได้ขว้างขวดกาแฟพลาสติกจากบนตึกลงมาที่ถนน ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมไม่พอใจ แหงนหน้าขึ้นไปบนตึก พยายามหาตัวคนโยนขวดดังกล่าวลงมาแต่ไม่พบ จากนั้นสักครู่ เมื่อขบวนเคลื่อนมาถึงด้านหน้าการไฟฟ้านครหลวง คลองตัน ปรากฏว่ามีกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วย ได้ออกมาตะโกนด่าทอจากบนตึก ทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงปรี่จะบุกเข้าไปเอาเรื่อง แต่ถูกการ์ดนปช.ห้ามไว้
เรียกร้องให้ไว้อาลัยกับวีรชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อขบวนเคลื่อนผ่านที่ทำการทีวี 2 ช่อง คือช่อง 3 ถนนพระราม 4 กลุ่มผู้ชุมนุมได้โห่ไล่ช่างภาพของสถานีที่พยายามลงมาบันทึกภาพ ทำให้ช่างภาพต้องล่า ถอยไป และเมื่อมาถึงถนนพหลโยธิน บริเวณหน้าทีวีช่อง 5 กองทัพบก กองทัพมอเตอร์ไซค์ได้หยุดรถพร้อมส่งเสียงโห่ดังลั่น และขว้างขวดน้ำพลาสติกเข้าไปที่ป้อมด้านในที่มีทหารยืนตรึงกำลังอยู่ และตะโกนด้วยความไม่พอใจว่าสื่อไม่เป็นกลาง บิดเบือนการเสนอข่าวการสลายการชุมนุม รัฐบาลฆ่าประชาชน
เมื่อขบวนรถเคลื่อนมาถึงหน้าโรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก ถนนเจริญกรุง ปรากฏว่ากลุ่มคนเสื้อแดงหลายคนเข้าไปฉีกป้ายผ้าที่มีข้อความว่า "ชาวเจริญกรุงไม่สนับสนุนความรุนแรง" ทิ้งด้วยความไม่พอใจ นอกจากนี้ยังเข้าไปฉีกกระดาษที่เขียนข้อความ "หยุดทำร้ายชาติ" ติดอยู่ที่เสาไฟฟ้าข้างถนนด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
นายสุภรณ์ ปราศรัยบนรถว่า การเคลื่อนขบวนวันนี้เราไม่ได้เอาศพมาประจาน แต่อยากให้พี่น้องมาร่วมแสดงความเสียใจ และไว้อาลัยแก่วีรชนผู้เสียสละชีวิต เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินให้เป็นประชาธิปไตย นี่คือฝีมือของรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ที่สั่งทหารฆ่าประชาชน
คนเสื้อแดงร่ำไห้-แห่บริจาคเงิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดการเคลื่อนขบวนนั้น นายสุภรณ์ได้ตะโกนว่า "นายอภิสิทธิ์ฆ่าประชาชน นายอภิสิทธิ์เป็นฆาตกร" ตลอดการเคลื่อนขบวน นอกจากนี้หลายจุด อาทิ คลองเตย บิ๊กซี ลาดพร้าว มีกลุ่มคนเสื้อแดงในพื้นที่ได้ออกมาปรบมือให้กำลังใจพร้อมนำน้ำดื่มมามอบให้ผู้ร่วมขบวน นอกจากนี้บางเส้นทางที่ขบวนรถเคลื่อนผ่าน มีคนเสื้อแดงบางคนถึงกับร่ำไห้ออกมากับการเสียชีวิตของวีรชนคนเสื้อแดง บางคนยืนไว้อาลัย บางคนตะโกนแสดงความ เสียใจ และยังมอบเงินร่วมทำบุญด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับศพวีรชนที่นำมาแห่ครั้งนี้มีจำนวน 18 ศพ โดยนำโลงศพตั้งบนรถกระบะคันละ 1 ศพ แต่ละศพมีพวงหรีดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ และอดีตส.ส.พรรคไทยรักไทย โดยมีญาติของผู้เสียชีวิตร่วมขบวนไปด้วย ทั้งนี้ขบวนแถวหน้าจะเป็นรถจักรยานยนต์กว่า 500 คัน ตามด้วยรถโมบายบรรทุกเครื่องขยายเสียง 6 ล้อโดยมีนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ เจ๋ง ดอกจิก อยู่บนรถ ตามด้วยขบวนรถกนะบะบรรทุกศพวีรชนจำนวน 18 ศพ ทั้งนี้ศพอยู่เพียง 2 ศพ ส่วนที่เหลือเป็นโลงเปล่าโดยมีรูปภาพตั้งอยู่ด้วยพร้อมพวงหรีด และปิดท้ายด้วยรถบรรทุก 6 ล้อและรถกลุ่มคนเสื้อแดง รถจักรยานยนต์ รวมแล้วกว่า 1 หมื่นคน
ขวัญชัยบุกไปถึงหน้าบ้านมาร์ค
ระหว่างทางนายสุภรณ์ ได้สั่งให้เปิดเพลงธรณีสรรแสงไว้อาลัยให้คนเสียชีวิตตลอดทาง เริ่มจากสะพานผ่านฟ้า เคลื่อนไปถนนหลาน หลวง ยมราช เลี้ยวขวาแยกเพชรพระราม เข้าถนนบรรทัดทอง เลี้ยวขวาถนนพระราม 4 มุ่งหน้าแยกศาลาแดง และเข้าเส้นสุขุมวิท จากนั้นวกกลับเข้ามาเส้นถนนรามคำแหง ลำสาลี ลาด พร้าว อิมพีเรียล จตุจักร สะพานควาย อนุ สาวรีย์ชัยฯ ก่อนจะไปเยาวราช จากนั้นไปถนนเพชรบุรี ตรงมายังสะพานผ่านฟ้า ก่อนจะนำโลงศพทั้งหมดไปตั้งอยู่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิป ไตยเพื่อสวดศพเป็นคืนที่ 2
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงที่ขบวนเคลื่อน ออกไป กลุ่มนายขวัญชัย ไพรพนา ได้แยกออกจากขบวนเพื่อเดินทางไปยังหน้าบ้านของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ที่ซอยสุขุมวิท 31 โดยเมื่อไปถึงได้พบกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลดักอยู่บริเวณปากซอยสุขุมวิท ขณะที่หน้าบ้านพักก็มีกำลังตำรวจคอมมานโด พร้อมนำลวดหนามมากั้นรอบบ้านพร้อมรั้วเหล็กเพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มเสื้อแดงบุกเข้าไป ซึ่งหลังจากที่กลุ่มเสื้อแดงมาถึงได้มีการเจรจากัน โดยนายขวัญชัยได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ขอให้เปิดทางเพื่อเข้าไปปราศรัยที่หน้าบ้านนายกฯ ถึงเหตุการณ์สลายการชุมนุม โดยเจรจากันนาน 10 นาที เจ้าหน้าที่จึงค่อยๆถอนร่นไปอยู่ตรงแยกหน้าบ้าน นายกฯ จากนั้นแกนนำได้ปราศรัยอยู่ประมาณ 20 นาที ก่อนจะเคลื่อนตัวกลับเวทีสะพานผ่านฟ้า โดยไม่มีเหตุรุนแรงใดๆ ก่อนขบวนผู้ชุมนุมเดินทางกลับไปที่เวทีสะพานผ่านฟ้าฯ
คดีนักข่าวญี่ปุ่น -พ.ต.อ.จุน มารุยาม่า ตำรวจสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เข้าพบพล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 เพื่อติดตามคดีนายฮิโรยูกิ มูราโมโต้ ผู้สื่อข่าวญี่ปุ่นเสียชีวิตในเหตุการณ์สลายม็อบเสื้อแดง
อดิศรแฉเติ้งขอเวลาอีก6เดือน
ต่อมาเวลา 15.00 น. นายอดิศร เพียงเกษ แกนนำนปช. ปราศรัยที่เวทีสะพานผ่านฟ้าลีลาศว่า วันนี้นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย โทรศัพท์มาหาตน โดยการประ สานงานของนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรองหัวหน้าพรรคชาติไทย ซึ่งตนบอกนายบรรหารว่าขอให้ถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ แต่นายบรรหารบอกว่าไม่ได้ ขอเวลา 6 เดือนได้หรือไม่ เพราะมีสัจจะ อยู่กับใครจะอยู่กับคนนั้น ตนบอกไปว่า แต่ตอนนี้มีคนตายเป็นจำนวนมากแล้วนายบรรหารจะมีสัจจะไปทำไม เพราะตอนนี้ไม่สามารถพึ่งอดีตนายกฯได้ ดังนั้นขอให้คนสุพรรณฯ จำไว้ให้ดี
ก่อนหน้านี้เวลา 13.30 น. ที่ด้านหลังเวทีสะพานผ่านฟ้าฯ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 ได้มาพบกับแกนนำนปช. โดยเจรจากับนายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย เพื่อขอรถยนต์ของทหารคืนจำนวน 40 คันที่ถูกกลุ่มคนเสื้อแดงยึดไว้ทุกจุดในพื้นที่ชุมนุม ต่อมาพล.ต.ต.วิชัยได้เดินทางไปยังสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า เพื่อแจ้งให้การ์ดนปช. อำนวยความสะดวกให้เจ้าหน้าที่ทหาร เนื่องจากสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าเป็นเส้นทางเสด็จและเส้นทางการจราจรสายสำคัญ จึงควรเร่งเปิดภายในวันนี้เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความตึง เครียดและเดือดร้อน อย่างไรก็ตาม พ.ท.คมกฤช อินทร หน.กยข. ขสทบ. เป็นตัวแทนรับรถยนต์ทหารคืน จากนั้นพ.ท.คมกฤช จะเดินทางไปยังจุดต่างๆ เพื่อนำรถยนต์ของทหารคืน อย่างไรก็ตาม รถทหารจะถูกนำส่งศูนย์ซ่อมสร้าง กรมสรรพาวุธทหารบก จ.ปทุมธานี ส่วนรถยนต์ของเอกชนจะนำไปยังสน.ในพื้นที่เพื่อสอบสวนว่ามาอยู่ในที่เกิดเหตุได้อย่างไร
นายกฯยุ่นจี้ไทยสอบนักข่าวตาย
ที่บก.น.1 พ.ต.อ.จุน มารุยาม่า เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำสถานทูตญี่ปุ่น ประจำประเทศไทย พร้อมล่ามชาวญี่ปุ่น เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 เพื่อสอบ ถามและติดตามความคืบหน้ากรณีการเสียชีวิตของนายฮิโรยูกิ มูราโมโต้ ผู้สื่อข่าวญี่ปุ่นของสำนักข่าวรอยเตอร์ ภายหลังเหตุการณ์ปะทะของกลุ่มคนเสื้อแดงและเจ้าหน้าที่ทหารเป็นเหตุให้เสียชีวิต ที่แยกคอกวัว เมื่อค่ำวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดแต่อย่างใด
สำนักข่าวซินหัวประจำกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น รายงานว่า นายยูกิโอะ ฮาโตยามะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ให้สัมภาษณ์ก่อนออกเดินทางไปร่วมประชุมความมั่นคงด้านนิวเคลียร์ ณ กรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ถึงกรณีนายฮิโร มูราโมโตะ ชาวญี่ปุ่น วัย 43 ปี ผู้สื่อข่าวและช่างภาพโทรทัศน์ สำนักข่าวรอยเตอร์ ซึ่งถูกยิงตายขณะทำข่าวทหารไทยปะทะม็อบเสื้อแดงบริเวณถนนราชดำเนิน ว่า ขอความแสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตของนายมูราโมโตะและขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยสืบสวนหาสาเหตุที่เกิดขึ้น พร้อมกับเพิ่มมาตรการดูแลความปลอดภัยของพลเมืองญี่ปุ่นในไทย และหาทางยุติความวุ่นวายภายในประเทศโดยเร็วที่สุด ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไทย ส่งจดหมายส่วนตัวถึงนายฮาโตยามะเมื่อวันอาทิตย์ มีเนื้อหาให้คำมั่นว่าจะเปิดการสอบสวนหาสาเหตุการตายของนายมูราโมโตะ
พม.ทุ่ม 50 ล้านเยียวยา
ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) บ้านราชวิถี นายอิสสระ สมชัย รมว.การพัฒนาสังคมฯ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการศูนย์เยียวยาช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ว่า ข้อมูลจากศูนย์เอราวัณแจ้งจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุปะทะเมื่อวันที่ 10 เม.ย.มี 863 ราย จำนวนนี้เสียชีวิต 21 ราย ยังรักษาตัวที่โรงพยาบาล 312 ราย และกลับบ้านรักษาตัว 530 ราย ทางศูนย์ฯพร้อมให้การช่วยเหลือเยียวยาทุกราย รวมถึงผู้สื่อข่าวชาวญี่ปุ่นด้วย โดยจะนำเงินจากการเยียวยาช่วยเหลือเหตุการณ์ความไม่สงบเมื่อเดือนต.ค.2551 ที่ยังคงเหลือ 25 ล้านบาทมาดำเนินการ เงินดังกล่าวหากคำนวณจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตแล้วยังขาดอีก 12 ล้านบาท ดังนั้น จะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 20 เม.ย.นี้ เพื่อขอ งบกลาง สำรองเพิ่มอย่างน้อยอีก 25 ล้านบาท รวมของเดิมเป็น 50 ล้าน เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ และคาดว่าจะเบิกจ่ายงวดแรกให้กับผู้เสียหายได้กลางเดือนพ.ค.นี้
นายอิสสระ กล่าวว่า ผู้ได้รับความเสียหายหรือญาติ ยื่นขอรับการช่วยเหลือได้ที่ศูนย์เยียวยาฯ ตั้งอยู่ที่สำนักคุ้มครองสวัสดิภาพชุมชน ภายในบริเวณสถานสงเคราะห์เด็กหญิงบ้านราชวิถี ถ.ราชวิถี เขตราชวิถี กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 12 เม.ย.เป็นต้นไป โดยได้ประสานให้เจ้าหน้าที่คอยรับเรื่องไว้ตลอด 24 ช.ม.ไม่มีวันหยุดราชการ โทร.0-2354-3140-1, 0-2306-8957-8 หรือศูนย์ประชาบดี 1300 หากยื่นเอกสารให้ติดต่อในเวลา 08.00-18.00 น. โดยเมื่อวันที่ 11 เม.ย.มีผู้มาติดต่อขอรับความช่วยเหลือแล้ว 5 ราย แยกเป็นผู้บาดเจ็บ 4 ราย และญาติผู้เสียชีวิต 1 ราย รวมทั้งประสานขอให้ส่งกลับบ้าน 5 ราย
ตั้งทีมชันสูตรศพเหยื่อสลายม็อบ
ทั้งนี้ ผู้ยื่นคำร้องขอความช่วยเหลือต้องยื่นเอกสารดังนี้ สำเนาบัตรประจำตัว สำเนาทะเบียน บ้าน ใบรับรองแพทย์ รวมถึงสำเนาบันทึกประจำวันจากสถานีตำรวจในพื้นที่ใดก็ได้ ซึ่งตนประสานผบช.น.อำนวยความสะดวกทุกท้องที่ เพื่อให้เกิดความรอบคอบเนื่องจากเหตุการณ์เมื่อต.ค.2551 พบผู้สวมรอยขอรับเงินทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ ส่วนหลักเกณฑ์ความช่วยเหลือ กรณีบาดเจ็บเล็กน้อยเข้ารักษาที่ร.พ.แต่ไม่นอนพัก 20,000 บาท นอนรักษาที่ร.พ.ไม่เกิน 20 วัน 60,000 บาท นอนรักษาที่ร.พ.เกิน 20 วัน 100,000 บาท ทุพพลภาพ 200,000 บาท และเสียชีวิต 400,000 บาท รวมทั้งช่วยเหลือต่อเนื่องกรณีทุพพลภาพและทายาทผู้เสียชีวิตทั้งด้านเงินยังชีพและทุนการศึกษา
วันเดียวกัน พล.ต.ท.จงเจตน์ อาวเจนพงษ์ นายแพทย์ใหญ่(สบ 8) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจชันสูตรพลิกศพ กรณีมีผู้เสียชีวิตจากเหตุจลาจลในพื้นที่กทม. และส่งศพผ่าพิสูจน์ที่สถาบันนิติเวชวิทยา สำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อหาสาเหตุการตายที่แท้จริง ซึ่งทางสถาบันนิติเวชวิทยา ร่วมกับสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทย และผู้เข้าสังเกตการณ์ ร่วมเป็นคณะแพทย์เพื่อเข้าร่วมชันสูตรศพ ดังนี้ 1.ศ.คลินิก น.พ.สมชาย ผมเอี่ยมเอก 2.รศ.พ.ญ.นันทนา ศิริทรัพย์ 3.พล.อ.ต. น.พ.วิชาญ เบี้ยวนิ่ม 4.พล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ เสาวคนธ์ 5.รศ.น.พ.วิสูตร ฟองศิริไพบูลย์ 6.พ.ท.น.พ.เอนก ยมจินดา 7.รศ.น.พ.สุพจน์ แจ่มสุวรรณ 8.น.พ.ทศนัย พิพัฒน์โชติธรรม 9.น.พ.นิติกร โปริสวาณิชย์ 10.น.พ.สฤษดิ์ ศรีนุกูล 11.น.พ.เชิดชัย ตัยติศิรินทร์ 12.น.พ.ชลน่าน ศรีแก้ว
อริสมันต์พาจยย.แดงบุก"กสท"
ก่อนหน้านี้ เวลา 12.30 น. นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง นำกลุ่มนปช. ซึ่งใช้รถจักรยาน ยนต์กว่า 200 คัน เดินทางมายัง บริษัท กสท จำกัด ถนนแจ้งวัฒนะ หลังทราบว่า กสทได้ส่งสัญญาณคลื่นรบกวนดาวเทียม ส่งสัญญาณสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมพีเพิลแชนแนล โดยเมื่อเดินทางมาถึงกลุ่มนปช. ได้กระจายกันล้อมอาคาร กสทไม่ให้ผู้ใดเข้าออกบริษัท ก่อนที่นายจิรยุทธ์ รุ่งศรีทอง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทกสท จะเดินทางมาเจรจากับนายอริสมันต์ โดยบอกกับนายอริสมันต์ว่า กสทไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการส่งสัญญาณคลื่นรบกวนสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมพีเพิลแชนแนล แต่นายอริสมันต์บอกว่าเรารู้มาว่าที่กสทส่งคลื่นรบกวน ก่อนจะให้นายจิรยุทธ์นั่งซ้อนท้ายรถจักรยาน ยนต์ของกลุ่มนปช. เดินทางไปยังศูนย์ส่งสัญญาณของกสท ที่จังหวัดนนทบุรี โดยนายจิรยุทธ์ก็ยินยอมที่จะซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ร่วมเดินทางไปกับกลุ่มนปช.ที่มีนายอริสมันต์ เป็นแกนนำร่วมเดินทางไป
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า เมื่อเดินทางมาถึงศูนย์ส่งสัญญาณ กสทจังหวัดนนทบุรี นายจิรยุทธ์ ได้พานายอริมันต์เข้าไปยังศูนย์ส่งสัญญาณ เพื่อตรวจสอบ โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที จากนั้นนายอริสมันต์ พร้อมด้วยนายจิรยุทธ์ จึงร่วมกันแถลงข่าว ภายในห้องส่งสัญญาณ
โดยนายอริสมันต์ เปิดเผยว่า เราได้ตรวจสอบพบว่า กสท เป็นผู้ส่งสัญญาณรบกวนคลื่นการออกอากาศสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมพีเพิลแชนแนล วันนี้จึงต้องเดินทางมาขอคำยืนยันว่า มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ แต่เมื่อตรวจสอบแล้ว และนายจิรยุทธ์ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เราก็ไม่ติดใจ แต่ถ้าพบว่า กสท ยังส่งคลื่นรบกวนอีกเราก็จะเดินทางมาอีก ซึ่งครั้งแรกเราพบว่า ผู้ส่งสัญญาณรบกวน คือ เอ็นบีที ก่อนจะย้ายมาเป็น กสท และล่าสุดย้ายไปส่งสัญญาณรบกวน อยู่ที่ชลบุรี จึงอยากฝากถึงรมว.ไอซีทีด้วยว่า ขณะนี้ประชาชนชนะแล้ว ขอให้ถอนตัวออกมาจากรัฐบาล และให้ดูแลสัญญาณของช่องพีเพิลแชนแนลให้ดี
จากนั้นนายอริสมันต์ จึงออกมาบอกกลับกลุ่มนปช.ที่กระจายกำลังล้อมศูนย์ส่งสัญญาณ ซึ่งต่างโห่ร้อง ก่อนจะพากันเดินทางกลับไปรวมกับกลุ่มนปช.ที่ราชประสงค์
แดงร่ำไห้ระงมรับศพผู้เสียชีวิต
ที่สถาบันนิติเวชวิทยา ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการรับศพของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุนย่านราชดำเนินเมื่อคืนวันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยพื้นที่รับรองญาติเต็มไปด้วยญาติของผู้เสียชีวิต บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า แต่ละครอบครัวนั่งจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล นอกจากนี้มีตัวแทนของนปช.ที่มาอำนวยความสะดวกและจดบันทึกว่าญาติจะนำศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดใดเพื่อเผยแพร่ให้บรรดาเสื้อแดงไปร่วมบำเพ็ญกุศล
นางนาง ตติยรัตน์ อายุ 55 ปี อาชีพค้าขาย มารดาของนายอำพน ตติยรัตน์ อายุ 26 ปีที่เสียชีวิต กล่าวว่า มีลูกชาย 2 คน นายอำพนเป็นลูกชายคนโต ศึกษาอยู่คณะนิติศาสตร์ ม.ศรี ปทุม ปี 4 เขาเริ่มสนใจที่จะมาชุมนุมเมื่อกลุ่มเสื้อแดงมาชุมนุมที่ย่านราชประสงค์ เนื่องจากใกล้บ้านย่านราชปรารภ หลังจากไปฟังวันแรกน้องเขาบอกว่าเสื้อแดงมีอุดมการณ์เหมือนกัน และเขาก็เริ่มไปเกือบทุกวัน เมื่อครั้งที่เคลื่อนขบวนไปสถานีบริการดาวเทียมไทยคมเขาก็ติดรถเพื่อนไปด้วย ยังโทรศัพท์มาบอกแม่ว่าทหารจะสลายการชุมนุมแล้ว เขาฉีดน้ำ ยิงแก๊สน้ำตา น้องโดนน้ำก็อยู่ตรงนั้นไม่บาดเจ็บ ทหารก็มาช่วย ยิงแก๊สน้ำตาแล้วก็ไม่มีอะไรรุนแรง เสร็จแล้วก็จับมือกัน แต่แม่ก็เป็นห่วง ตนก็บอกเขาเสมอว่าให้อยู่ห่างๆ ตลอด
พ่อแม่เผยปล่อยโฮรู้ว่าลูกตาย
นางนางกล่าวต่อว่า คืนวันเกิดเหตุลูกชายลืมโทรศัพท์มือถือไว้ที่กางเกงอีกตัว จึงติดต่อไม่ได้ หลังทราบว่ามีการสลายการชุมนุมจนมีผู้เสียชีวิต เราไม่รู้ว่าลูกชายอยู่ราชประสงค์หรือผ่านฟ้า แต่เห็นรายชื่อเขาบนตัววิ่งของโทรทัศน์ มีคนชื่ออำพนด้วย แต่อายุมากกว่า เราไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ไปที่ร.พ.ที่มีคนเจ็บมากที่สุดคือ ร.พ. กลาง และญาติๆ ก็แยกย้ายกันไปหาตามร.พ. ต่างๆ และที่เวทีชุมนุมด้วย เมื่อไปถึงเราก็ขอดู ศพเมื่อใช่ก็โฮเลย เสียใจที่เกิดขึ้นกับลูกชายเรา
ด้านนายสุรดิษฐ์ ตติยรัตน์ อายุ 56 ปี บิดากล่าวด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยว่า การชุมนุมครั้งนี้เกิดจากความเห็นแก่ตัว ผลประโยชน์ของสองฝ่าย ตนเป็นกลางไม่อยู่ฝ่ายไหน เสื้อแดงเขาก็มีผลประโยชน์ มีอุดมการณ์ของเขา ส่วนรัฐบาลก็ต้องยอมรับว่ามีการใช้กฎหมาย 2 มาตรฐาน อยากจะบอกว่าการเรียกร้องประชาธิปไตยต้องอยู่บนพื้นฐานของความจริงใจ อย่าเห็นแก่ตัว ฝากไปรัฐบาลว่า สิ่งใดที่คนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยก็ควรยกเลิกได้ อย่าเห็นว่าจะยึดแต่กฎหมาย ต้องนำทั้งรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์เข้าด้วยกัน
หนุ่มวิศวะก็ตายก่อนจะแต่งงาน
ด้านนายพิสันต์ โตพาณิช อายุ 35 ปี อาชีพขายพระเครื่อง พี่เขยของนายทศชัย เมฆงามฟ้า อายุ 44 ปี ที่เสียชีวิต ซึ่งมาพร้อมกับด.ช.ทศเทพ เมฆงามฟ้า อายุ 12 ปี เรียนป. 6 ร.ร. เบญจมบพิตร ลูกชายคนเล็กนายทศชัย กล่าวด้วยเสียงเศร้าสร้อยว่า นายทศชัยเลิกกับภรรยาแล้ว มีลูกชายสองคน พวกตนก็ช่วยกันดูแล เป็นห่วงก็ลูกชายคนเล็ก ที่ต้องเรียนหนังสือต่อ ส่วนคนโตอายุ 18 ปี ก็ทำงานได้แล้ว ด้านด.ช.ทศเทพ กล่าวอย่างไร้เดียงสาว่า ไม่รู้พ่อเสียชีวิตเพราะอะไร เมื่อไม่มีพ่อไม่มีแม่ก็อยู่กับป้า ไม่เป็นไร อยู่ได้
ด้านน.ส.ทศพร ทองเจริญพูลพร อายุ 20 ปี น.ศ.ม.ศรีปทุม คณะศิลปศาสตร์ น้องสาวของนายยุทธนา ทองเจริญพูลพร อายุ 23 ปี ที่เสียชีวิต กล่าวว่า ผู้ตายเพิ่งเรียนจบวิศวะไฟฟ้า ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร เตรียมรับปริญญาเดือนพ.ย. เขาเป็นลูกคนเดียว พ่อแม่แยกทางกันและอยู่กับพ่อมาโดยตลอด 6 เดือนที่แล้วพ่อก็เพิ่งเสียชีวิตไป เขาจึงอยู่คนเดียว แต่มีแฟนและเตรียมเรื่องแต่งงานปีหน้า ส่วนการชุมนุมทราบว่า เขาไปร่วมชุมนุมตั้งแต่เหตุการณ์เมษาเลือดปีที่แล้ว ครั้งนั้นเขาไม่เห็นด้วยกับการสลายการชุมนุม ปีนี้ก็เลยไปร่วมชุมนุมทุกครั้งเขาจะมีกล้องถ่ายรูปไปด้วย เขามีอุดมการณ์มาก แดงทั้งตัว
ไม่เข้าใจทำไมต้องยิงหัวยิงคอ
ด้านนายชาญวุฒิ โยธากูล อายุ 25 ปี เพื่อนสนิทของนายยุทธนา ผู้ตาย กล่าวยืนยันว่า พวกตนก็เคยไปร่วมการชุมนุม แต่วันเกิดเหตุตนไม่ได้ไปเพราะทำงาน ดังนั้น รัฐบาลจะบอกว่าแดงมาจากรากหญ้าคงไม่ใช่ หรือไม่เกี่ยวว่าตนจะจบวิศวะ แล้วไม่ยุ่งการเมืองก็ไม่ใช่ ส่วนที่ศอฉ.ออกมาแถลงการยึดพื้นที่คืน โดยใช้คำว่าการยึด มี 7 มาตรการ โดยมาตรการที่ 7 จบด้วยกระสุนยาง แล้วทำไมมีการใช้กระสุนจริง ตนดูศพเพื่อนแล้ว ลักษณะการยิงเหมือนการรบของทหาร คือยิงที่ขาก่อนก็น่าจะพอแล้ว แต่พบว่า มายิงที่คอและที่ศีรษะอีก และเพื่อนก็ไม่มีอาวุธใดๆ เลย นอกจากกล้องถ่ายรูป
ด้านนางจุฬาลัย นพคุณ พนักงานบัญชีย่านหมอชิต ซึ่งมาตามหาศพของสามี กล่าวอย่างสะเทือนใจว่า ชายไทยไม่ทราบชื่อที่สถาบันนิติเวชวิทยาคือ นายสยาม วัฒนนุกุล อายุ 53 ปี สามี อยู่บ้านเลขที่ 79/ 2ม. 1 ต.นครสวรรค์ตก อ.เมือง จ.นครสวรรค์ สามีเป็นคนชื่นชอบนปช.จริงๆ มีลักษณะคนที่ชอบลุย พร้อมกล่าวสั้นๆ ว่า ถ้ารัฐบาลเห็นคุณค่าของคน ก็จะทราบว่า ควรจะทำอย่างไร
อัลจาซีราแฉทหารใช้กระสุนจริง
ทั้งนี้ ญาติผู้เสียชีวิตจะไปบำเพ็ญกุศลที่วัด ดังนี้ นายธวัฒนะชัย วัดไทรน้อย จ.นนทบุรี นายอำพน วัดเทพศิรินทร์ นายมนต์ชัย วัดด่านสำโรง จ.สมุทรปราการ นายจรูญ วัดธาตุทอง กทม. นายวสันต์ วัดตำหรุ จ.สมุทรปราการ นายยุทธนา วัดช่องลม อ.เมือง จ.ราชบุรี นายไพศาล วัดป่าธรรมประชา จ.ขอนแก่น นายทศชัย วัดแคนางเลิ้ง นายสวาท วัดตรีทศเทพ
วันเดียวกัน เว็บไซต์อัลจาซีรา สำนักข่าวโลกอาหรับ เผยแพร่รายงานข่าวเรื่อง "Thai troops fire on protesters." ระบุว่า ช่างภาพของสำนักข่าวรอยเตอร์ที่อยู่ในเหตุปะทะกันระหว่างทหารไทยและม็อบคนเสื้อแดงบริเวณถนนราชดำเนิน เผยว่า ทหารไทยยิงกระสุนจริงและแก๊สน้ำตาใส่กลุ่มผู้ประท้วงโดยตรง
ขณะที่นายเวย์น เฮย์ ผู้สื่อข่าวอัลจาซีรารายงานจากกรุงเทพฯ ว่า ตำรวจชุดปราบจลาจลปะทะกับคนเสื้อแดงและยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ นอกจากนั้น มีการยิงปืนด้วย ผลจากการปะทะพบว่าคนเสื้อแดงเป็นฝ่ายชนะ เพราะสามารถผลักดันฝ่ายทหารออกไป
ม็อบเฮลั่น-กกต.สั่งยุบปชป.
เวลา 18.09 น. ที่เวทีราชประสงค์ หลังจาก กลุ่มนปช. ได้รับทราบข่าวว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติยุบพรรคประชาธิปัตย์และเตรียมส่งเรื่องให้อัยการเพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคประชาธิปัตย์ในคดีเงินบริจาค 258 ล้านบาท นายวีระ มุสิกพงศ์ ได้นำแกนนำ อาทิ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ขึ้นประกาศชัยชนะบนเวที ท่ามกลางเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจ
โดยนายวีระ กล่าวว่า เราหวังว่าศาลรัฐธรรม นูญและอัยการสูงสุดจะใช้เวลาพิจารณาอย่างรวดเร็วเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของบ้านเมืองเพราะไม่มีประโยชน์ ถ้าจะถ่วงเวลาและ ประชาชนจะไม่ยอมให้ทำอย่างนั้นอีกแล้ว ที่ผ่านมาอัยการและศาลรัฐธรรมนูญไม่มีความเห็นเป็นอย่างอื่น เมื่อกกต.ส่งมาอย่างไรจะพิจารณาอย่างนั้น ถ้าพิจารณาตามนั้นคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์ก็สิ้นสุดการอยู่ในอำนาจแล้วเช่นกัน ข้าราชการและทหารให้ระวังตัวถอยห่างจากคำสั่งรัฐบาลเพราะถือเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบธรรม จากนี้ไปมารยาทและความชอบธรรมของรัฐบาลได้สิ้นสุดลงแล้ว ขอให้เสื้อแดงรอวันแห่งชัยชนะใน 1-2 วันนี้ ขอให้ออกมาชุมนุมให้มากขึ้นเพื่อร่วมกันฉลองชัยชนะประวัติ ศาสตร์พร้อมกัน มาให้เต็มกรุงเทพฯ ปีที่แล้วรัฐบาลทำให้เป็นสงกรานต์เลือด แต่ปีนี้เราจะจัดงานสงกรานต์เพื่อร่วมฉลองชัยชนะครั้งประวัติ ศาสตร์พร้อมกัน ปีนี้จะเป็นปีสงกรานต์สีแดง
เผาศพวีรชนที่อนุสาวรีย์ปชต.
ด้านนายณัฐวุฒิ กล่าวว่า จะสุขใจมากกว่านี้ถ้าในอีกไม่กี่วันข้างหน้าเราได้ชัยชนะของประชาชน ความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากการเสียชีวิตเมื่อวันที่ 10 เม.ย. หลังจากมีผลชันสูตรออกมาแล้วว่าถูกยิงด้วยอาวุธสงคราม เราจะดำเนินคดีอย่างไม่ลดละ และจะเดินหน้าลากคอคนผิดมาลงโทษให้ได้
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เราจะสวดพระอภิธรรมศพผู้เสียชีวิต ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยเปิดโอกาสให้คนทุกสีเสื้อไปร่วมงานได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 19.00 น. และจะฌาปนกิจในที่แห่งนั้นเลย ซึ่งแกนนำนปช.ไม่ขัดข้องเพื่อให้สมเกียรติและศักดิ์ศรีของพวกเขา แต่ขึ้นอยู่กับญาติของผู้เสียชีวิตด้วยว่าจะอนุญาตหรือไม่ ถ้าจะนำไปประกอบพิธีที่ภูมิลำเนาเราจะส่งตัวแทนและเงินบริจาคบางส่วนไปให้ หากญาติประสงค์จะให้ฌาปนกิจที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเราพร้อมดำเนินการให้
จตุพรชี้มาร์ค-เทือกอยู่ไม่ได้แล้ว
"ส่วนวันที่ 13 เม.ย. เดิมเราต้องการจัดงานสงกรานต์ แต่เมื่อเกิดเหตุสูญเสียเกิดขึ้นทำให้ต้องมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย ด้วยการทำบุญเลี้ยงพระเพลที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จากนั้นช่วงบ่ายจะรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ของคนเสื้อแดงขอศีลขอพรที่หน้าเวทีสะพานผ่านฟ้าลีลาศ เพื่อความเป็นสิริมงคล เมื่อเสร็จสิ้นแล้วจะปราศรัยและวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองต่อไป" นายณัฐวุฒิกล่าว
นายจตุพร กล่าวว่า การจากไปของคนเสื้อแดงและผู้บาดเจ็บจะไม่สูญเปล่า วันนี้เราได้เรื่องยุบพรรคประชาธิปัตย์ไปแล้วหนึ่งเรื่อง จากนี้ไปนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพไม่สามารถมี หน้าอยู่ต่อไปได้อีกแล้ว ตอนนี้นายอภิสิทธิ์จะจนมุมแล้ว แต่เมื่อเจอภาพเล็กๆ ก็ออกมาแถลงข่าวอย่างดีใจว่าเป็นฝีมือของผู้ก่อการร้าย แต่ทั้งสองคนต้องรับผิดชอบในฐานะสั่งฆ่าประชาชน ต้องพ้นจากตำแหน่งทันที ต้องดำเนินคดีและตัดสินประหารชีวิต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณปราศรัยที่สะพาน ผ่านฟ้าฯ ทางการ์ดนปช.ได้นำยุทโธปกรณ์ซึ่งเป็นอาวุธสงครามที่ทหารนำมาปราบประชาชน มาแสดง อาทิ ฐานที่ติดอยู่บนรถหุ้มเกราะซึ่งใช้ติดตั้งอาวุธปืน 3 ตัว แก๊สน้ำตา กระสุนปืน โล่ทหารกว่า 30 อัน ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ชุมนุมมาถ่ายรูปเก็บไว้
แดงพรึบเต็มถนนราชดำเนิน
บรรยากาศการชุมนุมช่วงเย็นที่สะพานผ่านฟ้าฯ มีคนเสื้อแดงทยอยเข้าร่วมชุมนุมอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่จะรวมตัวกันอยู่ด้านหน้าเวที และบนถนนราชดำเนิน จากสะพานผ่านฟ้าฯ ถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ทำให้พื้นที่แน่น ขนัด ส่วนบริเวณจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จนถึงสะพานผ่านพิภพลีลา มีผู้ชุมนุมบางตา ส่วนใหญ่ใช้เป็นที่จอดรถของผู้ชุมนุม จะไปหนาแน่นที่สนามหลวง ส่วนจากสะพานผ่านฟ้าฯ ไปจนถึงแยกสวนมิสกวัน มีผู้ชุมนุมพอสมควร ส่วนใหญ่จะเข้าคิวเพื่อรอรับอาหารตามเต็นท์ของกลุ่มจังหวัดต่างๆ ที่ปรุงขึ้นมาให้บริการฟรี ส่วนบนเวทีผลัดเปลี่ยนการขึ้นปราศรัยของแนวร่วมและแกนนำจากจังหวัดต่างๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พิธีกรบนเวทียังประกาศให้คนเสื้อแดงระวังในการเดินทางผ่านซ.สุขุม วิท 71 เนื่องจากมีบุคคลไม่ทราบฝ่ายคอยดักทำร้ายอยู่ พร้อมระบุว่าขณะนี้มีการปล่อยข่าวลวงให้คนเสื้อแดงไปยังสุเหร่าบางมะเขือ เขตพระโขนง ขอให้คนเสื้อแดงที่เดินทางไปแล้วหรือจะไปให้กลับไปรวมตัวกันที่สะพานผ่านฟ้าฯ เนื่องจากไม่มีมติจากแกนนำให้ไปยังสถานที่ดังกล่าว หากไม่ยอมกลับมาจะถือว่าเป็นแดงเทียม ที่มีเจตนาก่อความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง
เวลา 18.10 น. มีการถ่ายทอดเสียงการปราศรัยของนายวีระ จากเวทีราชประสงค์ เกี่ยวกับผลการพิจารณาของกกต. ที่ระบุพรรคประชาธิปัตย์มีความผิดตามข้อกล่าวหา และมีความเห็นให้ยุบพรรค ผู้ชุมนุมต่างตะโกนไชโยโห่ร้องเสียงดังกึกก้องทั่วบริเวณ พร้อมกระโดดโลดเต้นและมีใบหน้ายิ้มแย้มด้วยความดีใจ
ญาติสลดร่วมงานศพ3ทหาร
ก่อนหน้านี้ เวลา 17.30 น. นายศิริพงษ์ ห่านตระกูล ผวจ.ปราจีนบุรี เป็นประธานพิธีรดน้ำศพ 3 นายทหารที่เสียชีวิตเหตุทหารปะทะกับกลุ่มเสื้อแดง โดยทหารที่เสียชีวิตทั้งหมดสังกัดกองพลทหาราบที่ 2 รักษาพระองค์ ค่ายพรหมโยธี ต.บ้านพระ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี หรือ "บูรพาพยัคฆ์" หน่วยกำลังรบหลักภาคตะวันออก ประกอบด้วย ส.ท.ภูริวัฒน์ ประพันธ์ ตำแหน่งช่างยานยนต์ สังกัดร้อย สห. พล.ร.2 รอ. และส.ต.อนุพงษ์ เมืองอำพัน ตำแหน่งพลขับรถ สังกัดร้อย บก.ร.12 รอ. และพลทหารสิงหา อ่อนทรง ตำแหน่งพลยิงเอ็ม 203 สังกัด ร.12 พัน.2 รอ.ร้อย 3 ซึ่งบรรยา กาศเต็มไปด้วยความเศร้าสลด มีพล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผบ.ทบ.เดินทางมาเป็นประธานพิธีน้ำหลวงอาบศพ
จ.ส.อ.อมฤทธิ์ เมืองอำพัน ทหารสังกัด ป.พัน.102 รอ.ค่ายพรหมโยธี กล่าวทั้งน้ำตาว่า เป็นบิดาของส.ต.อนุพงษ์ ก่อนวันเกิดเหตุที่ลูกชายจะเสียชีวิตได้โทรศัพท์มาหาแม่ที่บ้านบอกว่าอยากกลับมาอยู่กับแม่ที่บ้าน ลูกชายเพิ่งบรรจุรับราชการเป็นนายสิบได้ปีเศษ มีบุตรชายได้อายุเพียง 1 ปีเศษ ตนไม่อยากเห็นคนไทย ต้องมาฆ่ากันเอง สิ่งดังกล่าวที่เกิดนี้น่าพูดคุยกันได้ ไม่น่าเกิดการสูญเสียขึ้น ขอให้ยุติเหตุการณ์ได้แล้ว
กองทัพปูนบำเหน็จ-เลื่อนยศ
นายทองล้วน ประพันธ์ กล่าวว่า เป็นบิดาของส.ท.ภูริวัฒน์ ความรู้สึกภูมิใจที่ลูกเสียชีวิตในหน้าที่ แต่ในความจริงยังไม่อยากให้ลูกเสียชีวิตไปเพราะยังทำใจรับกับเหตุการณ์ไม่ได้ ที่ผ่านมาลูกเป็นทหารได้ 2 ปีเศษ สิ่งที่เกิดขึ้นทราบข่าวจากทางทีวี ไม่อยากเห็นภาพนี้เกิดกับครอบครัวใดๆ โดยเฉพาะหมู่คนไทยที่ทำร้ายคนไทยด้วยกันเอง
พล.อ.วิชญ์กล่าวว่า กองทัพบกได้ดูแลให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้นได้มอบเงินเป็นค่าจัดการศพให้แก่ญาติผู้เสียชีวิต กองทัพบกมีระเบียบขั้นตอนการช่วยเหลือ ไม่มีการทอดทิ้ง ขณะนี้ได้เสนอเรื่องขอเลื่อนชั้นยศให้เป็นทหารชั้นสัญญาบัตรทั้ง 3 นาย และยื่นเรื่องไปทางกระทรวงกลาโหมแล้ว ส่วนบุตรของผู้เสียชีวิตหากมีความประสงค์จะรับราชการทหาร กองทัพ บกจะบรรจุเป็นข้าราชการสังกัดกองทัพบก ส่วนบุตรหลานที่ยังอยู่ในวัยเรียนก็จะดูแลให้เรียนถึงระดับมหาวิทยาลัย
เปิดดูภาพกล้องของนักข่าวยุ่น
เย็นวันเดียวกัน สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงโตเกียว ว่า แหล่งข่าวสำนักงานตำรวจประเทศญี่ปุ่นเปิดเผยผู้สื่อข่าวเกียวโดว่า ตำรวจญี่ปุ่นจะจัดชุดสืบสวนมาทำงานร่วมกับตำรวจไทย เพื่อทำคดีหาสาเหตุการเสียชีวิตของนาย ฮิโร มูราโมโตะ นักข่าวญี่ปุ่นสังกัดสำนักข่าวรอยเตอร์ และเมื่อศพกลับถึงญี่ปุ่นแล้วจะผ่าชันสูตรซ้ำอีกครั้ง นายฮิโรฟูมิ ฮิราโนะ โฆษกรัฐบาลญี่ปุ่น กล่าวว่า ตำรวจและกระทรวงต่างประเทศกำลังพิจารณาหลักฐานต่างๆ เพื่อดูว่าการเสียชีวิตของนายมูราโมโตะเข้าข่ายความผิดฐานก่ออาชญากรรมต่อพลเมืองญี่ปุ่นในต่างแดนหรือไม่
ด้านรอยเตอร์เผยแแพร่เทปบันทึกภาพความยาว 7 นาทีที่นายมูราโมโตะถ่ายเอาไว้ก่อนเสียชีวิต แสดงให้เห็นถึงเหตุปะทะกันอย่างรุนแรงและน่าสะพรึงกลัวของทหารกับกลุ่มคนเสื้อแดงบริเวณถนนราชดำเนิน ใกล้อนุสาวรีย์ประชาธิป ไตย โดยช่วงแรก นายมูราโมโตะยืนอยู่ในกลุ่มทหาร ซึ่งชูปากกระบอกปืนขึ้นฟ้า จู่ๆ เกิดระเบิดขึ้นห่างจากนายมูราโมโตะแค่ไม่กี่เมตร ภาพต่อมาช่างภาพรอยเตอร์รายนี้ค่อยๆ เดินถอยหลังพร้อมๆ กับถ่ายภาพไปด้วย มองเห็นทหารบาดเจ็บหลายนาย จากนั้นภาพตัดมาขณะนาย มูราโมโตะย้ายมายืนอยู่ในกลุ่มม็อบที่ส่วนใหญ่ถือไม้เป็นอาวุธและเอาโล่ทหารเป็นเกราะกำบัง การปะทะดำเนินไปเรื่อยๆ จนถึงภาพสุดท้ายนายมูราโมโตะล้มลงและกล้องล้มตะแคงอยู่บนพื้นถนน ทั้งนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงเก็บกล้องดังกล่าวเอาไว้และคืนให้รอยเตอร์ในที่สุด
ฝรั่งชี้เหมือนรัฐบาลพม่า
เอพีรายงานว่า ทั้งฝ่ายรัฐบาลและกลุ่มผู้ประท้วงต่างไว้อาลัยต่อการสูญเสียเลือดเนื้อของฝ่ายตนหลังจากการปะทะกันที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 21 ราย แต่ก็ยังไม่มีฝ่ายไหนพร้อมจะเจรจากันเพื่อยุติความรุนแรง ด้านเกาหลีและจีนต่างประกาศเตือนพลเมืองของตนอย่าเดินทางไปกรุงเทพฯ ในช่วงนี้ ส่วนออสเตรเลียเตือนพล เมืองของตนเช่นกันโดยระบุว่าเป็นไปได้อย่างยิ่งที่จะเกิดความรุนแรงขึ้นอีก ขอให้นักท่องเที่ยวอยู่ห่างจากการชุมนุมประท้วง
ดร.โทมัส ลาร์สสัน นักรัฐศาสตร์แห่งมหา วิทยาลัยเคมบริดจ์ แสดงความเป็นห่วงภาพลักษณ์ประเทศไทยในสายตาประชาคมโลกในด้านความอดทนอดกลั้นต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้นว่า การปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยกำลังทหารที่มากกว่าหลายเท่าตัว แบบเดียวกับที่รัฐบาลทหารพม่ากระทำ จะทำลายภาพพจน์ ของไทยในเวทีโลกจนเสียหายอย่างที่กอบกู้คืนกลับมาไม่ได้ ตนกลัวว่าหากความขัดแย้งยังยืดเยื้อไปอีกหลายวันหรือหลายอาทิตย์ผู้นำทั้งหลายคงจะใจเย็นอยู่ไม่ไหว
บีบีซีระบุมาร์คถูกกดดันหนัก
เอเอฟพีรายงานว่า สหรัฐอวยพรปีใหม่ไทยโดยหวังว่าช่วงเวลานี้จะเป็นโอกาสที่ไทยจะได้สร้างความปรองดองและสมานฉันท์ให้กลับคืนมาสู่ประเทศ ภายหลังจากที่เกิดความรุนแรงทาง การเมืองในไทยครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบ 20 ปี
"สงกรานต์เป็นช่วงเวลาแห่งความท้าทายของประเทศไทย สหรัฐหวังว่าปีใหม่นี้จะเป็นช่วงเวลาของการเริ่มต้นใหม่และการประนี ประนอมปรองดองเพราะประเพณีสงกรานต์เป็นโอกาสที่คนไทยได้กลับไปอยู่ร่วมกับครอบครัวและญาติ มิตร ขณะนี้ที่ประเทศไทยดำเนินการแก้ปัญหาความแตกต่างทางการเมืองไปตามครรลองของตัวเอง สหรัฐยังคงเชื่อมั่นในความสัมพันธ์ที่เข้มแข็งระหว่างสหรัฐกับไทยซึ่งเป็นพันธมิตรที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐในภูมิภาคเอเชีย" นางฮิลลารี คลินตัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐกล่าวอวยพรปีใหม่ไทยและว่า ปรารถนาให้ประเทศไทยและคนไทยทั่วโลกได้ฉลองสงกรานต์อย่างสันติสุข
สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีของไทย กำลังถูกกดดันอย่างหนัก ภายหลังเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารและกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อวันที่ 10 เม.ย. โดยบีบีซีระบุว่าวันเดียวกันนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ออกมาเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ประกาศยุบสภา อย่างสอดคล้องกับแนวทางการเรียกร้องของกลุ่มคนเสื้อแดง ต่อมากกต.ยังมีมติยุบพรรคประชาธิปัตย์ในวันเดียวกัน ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ยังพยายามยืนยันตลอดมาว่าพรรคร่วมรัฐบาลและกองทัพยังเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันอยู่
เวลา 22.20 น. วันเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้ส่งข้อความสั้นหรือ เอสเอ็มเอส ระบุว่า ติดตามพีเพิลแชนแนลผ่านจานขาวและจานส้ม(NSS6) ได้แล้วที่ช่องเดิม ส่วนจานดำจานใหญ่ต้องปรับจูนเล็กน้อย
ที่มา.ข่าวสดรายวัน
***********************************
วันจันทร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2553
แถลงการณ์แดงสยาม ฉบับที่ ๓ โดย จักรภพ เพ็ญแข
แถลงการณ์แดงสยาม ฉบับที่ ๓
เรื่อง จุดยืนของขบวนประชาธิปไตยภายหลังการปราบปรามประชาชน ๑๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๓
พวกเราผู้สนับสนุนแนวทางแดงสยามทุกคนขอร่วมแสดงความเสียใจอย่างลึกซึ้งต่อการเสียชีวิตของมวลชนฝ่ายประชาธิปไตยทุกท่าน เป็นจำนวนไม่ต่ำกว่า ๑๕ คน ด้วยอาวุธสงครามหลายประเภทที่่ศัตรูของฝ่ายประชาธิปไตยนำมาใช้ ตลอดจนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทางกายและทางใจ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ ๑๐ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๓ และขอแสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตและบาดเจ็บของทหารหลายนาย ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับคำสั่งอันไม่ชอบธรรมให้มาปฏิบัติการในครั้งนี้
แดงสยามชูธงปฏิวัติประชาธิปไตยโดยสันติตลอดมา เราจึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายอดทนอดกลั้นไม่ส่งเสริมความรุนแรงในรูปแบบใดๆ อีกต่อไป และเราขอประณามการใช้อาวุธสงครามและอาวุธใดๆ ในคืนนั้นโดยสิ้นเชิง
เราเห็นว่าการแก้ไขวิกฤติการเมืองขณะนี้ต้องกระทำในระดับโครงสร้างและด้วยการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของประเทศ ข้อเรียกร้องใดๆ ที่เล็กไปกว่านี้ ย่อมไม่สอดคล้องต่อขนาดของปัญหา และสภาพการณ์ในปัจจุบัน รังแต่จะสร้างเงื่อนไขแห่งความรุนแรงยิ่งขึ้นในอนาคตเท่านั้น
แถลงไว้ ณ วันจันทร์ที่ ๑๒ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๓
_____________________________
The Announcement of Dang Sayam (Red Siam) No. 3
“Our Standpoint In The Aftermath of Government’s Suppression of April 10, 2010”
All supporters of the path of Dang Sayam (Red Siam) wish to express our utmost grief and sorrow to the perished lives of people who fought for democracy, no less than 15 of them, and who were hit by heavy artilleries and battlefield weapons used by the enemies of Thailand’s democratization on Saturday, April 10, 2010, and also to the injured, both physically and mentally. We also express our regret to the loss of some military personnels, who were forced to execute some illegitimate orders of operation.
All along, Dang Sayam flies the flag firmly at the peaceful democratic revolution. We thus ask all sides to stop encouraging any trend of violence, whatsoever. We condemn vehemently at the use of heavy weaponry and other kinds.
We are certain that the resolve of Thailand’s political crisis must be done at a structural level and through the drastic change of our political regime. Any lesser demands will not fit the size of the problem and current situation. Such inadequate demands will only enhance future violence.
This is announced on Monday, April 12 of 2010.
**************************************************
เรื่อง จุดยืนของขบวนประชาธิปไตยภายหลังการปราบปรามประชาชน ๑๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๓
พวกเราผู้สนับสนุนแนวทางแดงสยามทุกคนขอร่วมแสดงความเสียใจอย่างลึกซึ้งต่อการเสียชีวิตของมวลชนฝ่ายประชาธิปไตยทุกท่าน เป็นจำนวนไม่ต่ำกว่า ๑๕ คน ด้วยอาวุธสงครามหลายประเภทที่่ศัตรูของฝ่ายประชาธิปไตยนำมาใช้ ตลอดจนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทางกายและทางใจ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ ๑๐ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๓ และขอแสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตและบาดเจ็บของทหารหลายนาย ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับคำสั่งอันไม่ชอบธรรมให้มาปฏิบัติการในครั้งนี้
แดงสยามชูธงปฏิวัติประชาธิปไตยโดยสันติตลอดมา เราจึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายอดทนอดกลั้นไม่ส่งเสริมความรุนแรงในรูปแบบใดๆ อีกต่อไป และเราขอประณามการใช้อาวุธสงครามและอาวุธใดๆ ในคืนนั้นโดยสิ้นเชิง
เราเห็นว่าการแก้ไขวิกฤติการเมืองขณะนี้ต้องกระทำในระดับโครงสร้างและด้วยการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของประเทศ ข้อเรียกร้องใดๆ ที่เล็กไปกว่านี้ ย่อมไม่สอดคล้องต่อขนาดของปัญหา และสภาพการณ์ในปัจจุบัน รังแต่จะสร้างเงื่อนไขแห่งความรุนแรงยิ่งขึ้นในอนาคตเท่านั้น
แถลงไว้ ณ วันจันทร์ที่ ๑๒ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๓
_____________________________
The Announcement of Dang Sayam (Red Siam) No. 3
“Our Standpoint In The Aftermath of Government’s Suppression of April 10, 2010”
All supporters of the path of Dang Sayam (Red Siam) wish to express our utmost grief and sorrow to the perished lives of people who fought for democracy, no less than 15 of them, and who were hit by heavy artilleries and battlefield weapons used by the enemies of Thailand’s democratization on Saturday, April 10, 2010, and also to the injured, both physically and mentally. We also express our regret to the loss of some military personnels, who were forced to execute some illegitimate orders of operation.
All along, Dang Sayam flies the flag firmly at the peaceful democratic revolution. We thus ask all sides to stop encouraging any trend of violence, whatsoever. We condemn vehemently at the use of heavy weaponry and other kinds.
We are certain that the resolve of Thailand’s political crisis must be done at a structural level and through the drastic change of our political regime. Any lesser demands will not fit the size of the problem and current situation. Such inadequate demands will only enhance future violence.
This is announced on Monday, April 12 of 2010.
**************************************************
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)