--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันพฤหัสบดีที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

อัจฉริยะนอกประเทศ ของชายที่ชื่อ “ทักษิณ”

“ครัวโลก” แนวคิดนี้ได้แต่คิด แต่ทำเป็นรูปธรรมยังไม่สำเร็จ ทันทีที่ท่านทักษิณเริ่มต้นผลิตสินค้าสำเร็จรูปที่เป็นอาหาร “ฮาลาน” เพื่อส่งไปขายยังประเทศแถบภาคตะวันออก ก็เกิดเหตุการณ์โจรใต้ขึ้นมาทันที เรื่องนี้ อาจมีสาเหตุเกี่ยวโยงไปถึงเพื่อนบ้านที่เป็นผู้ผลิตรายใหญ่ส่งออกอยู่แล้ว แต่เรายังหาคำตอบและข้อสรุปไม่ได้ ว่า จริงหรือไม่ ดังนั้นประเด็นนี้ผมจึงไม่เอามาเกี่ยวโยงด้วย

ทำไมต้องเป็นสามจังหวัดภาคใต้เท่านั้น ที่ต้องเป็นผู้ผลิต ทำไมที่อื่นถึงทำไม่ได้ ในเมื่อเหตุการณ์3จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่สงบ ทั้งนี้เนื่องมาจากเหตุผลที่3จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นที่รู้กันในหมู่ประเทศมุสลิมว่า เดิมทีเป็นรัฐหนึ่งของอิสลาม และมีชาวมุสลิมมากกว่า90 เปอร์เซ็นต์ในพื้นที่แห่งนี้ คนในหมู่มุสลิมที่เคร่งศาสนา จะทานแต่อาหารที่ชาวมุสลิมเป็นผู้ประกอบอาหารให้เท่านั้นเพราะไว้ใจในเรื่องความสะอาด ที่ปราศจากสิ่งต้องห้ามในคำสอน

โรงงานต้นแบบนี้เกิดขึ้นแล้วที่หน่วงงาน พลพัฒนา (ที่โดนปล้นปืนไปกว่า 400 กระบอกในครั้งแรก) โดยเหล่าแม่บ้านทหารที่สามีและตนเองนับถือศาสนาอิสลามเป็นผู้ทำงาน และเริ่มผลิตไปแล้วด้วยกรรมวิธีทันสมัยโดยงบของพลพัฒนาเอง ท่านทักษิณได้เชิญตัวแทนที่อยู่ในกลุ่มประเทศตะวันออกกลางเข้าเยี่ยมชมเป็นระยะๆ หลายครั้ง สิ่งที่เป็นที่เชิดหน้าชูตาในเบื้องต้นก็คือ ข้าวสวยอัดใส่กระป๋อง ที่สามารถอยู่ได้นานถึง 6เดือน และสามารถเปิดกระป๋องนำมารับประทานได้เลยโดยที่ไม่ต้องผ่านกระบวนอะไรอีกทั้งสิ้น ทั้งที่เมื่อก่อนเราเคยแต่ส่งข้าวนึ่งตากแห้งออกไป แต่เมื่อจะนำมารับประทานก็ยังต้องผ่านความร้อนอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้ข้าวบานตัว จึงจะสามารถนำมารับประทานได้ ซึ่งถือว่าเป็นกรรมวิธีที่ล้าหลังมาก และ ยังไม่สะอาดพอ อาจมีฝุ่นผงและสิ่งต้องห้ามบางชนิดติดไปกับข้าวได้ แต่วิธีการสมัยใหม่นี้สามารถเอาข้าวสวยอัดใส่กระป๋องได้เลย ยังไม่เคยมีใครหรือประเทศใดทำมาก่อน

หลายท่านคงคิดว่าเรื่องปกติธรรมดา เป็นเพียงการแข่งขันด้านการตลาดเท่านั้น ส่วนการถนอมอาหารให้ได้อยู่นานก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่แปลกใหม่อะไรไม่น่าเอามาเขียนและเล่าให้ฟังในที่นี้

แต่สิ่งหนึ่งที่ผมอยากนำเอามาเล่า และให้เห็นถึงว่า วันนั้นถ้าโครงงานนี้สานต่อประเทศไทยจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ท่านยังจำ “นโยบายให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของการค้าข้าว”ได้หรือไม่ โดยทีรวมเอาประเทศแถบลุ่มแม่น้ำโขงและเวียดนามเข้ามารวมเป็นองค์กรใหม่ ที่คล้ายกลุ่มโอเป็ด ที่ผลิตน้ำมัน แต่ของกลุ่มพวกเราในย่านนี้ผลิตข้าวแทน ในแนวคิดที่ว่า “เมื่อตะวันออกกลางเป็นเจ้าของพลังงานโลกได้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็เป็นเจ้าของธัญพืชโลกได้เช่นกัน” โดยที่พลังงานมีทางเลือกได้ แต่อาหารไม่มีทางเลือก ยังไงสิ่งมีชีวิตทั้งโลก ก็ยังต้องการอาหาร รายละเอียดที่ ทำไมประเทศอื่นถึงไม่ปลูกเองบ้าง มันมีปัจจัยหลายอย่างที่จะกล่าวถ้ามีโอกาสต่อไป แต่ผมมีปริศนาในตอนนี้ให้คิด ทำไม ประเทศจีนที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล มีเกษตรกรเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์ของพลเมืองทั้งประเทศ ยังต้องมาลงทุนปลูกข้าวและตั้งโรงสีเองในประเทศไทย และข้าวจำนวนนั้นก็ไม่ได้ขายในเมืองไทยแต่ทั้งหมดส่งกลับไปขายที่ประเทศจีนเองเท่านั้น

การที่จะให้ข้าวเป็นสินค้าส่งออกที่มีราคาเช่นน้ำมัน จะทำอย่างไร?

การควบคุมอัตราการผลิตของข้าวในแต่ละปี เช่นเดียวกับการควบคุมการผลิตน้ำมันแต่ละวัน จะต้องทำอย่างไร?

การเพิ่มปริมาณของข้าวทันที เมื่อโลกขาดแคลน จะทำอย่างไร?

คุณภาพของข้าวจะได้คงที่ไม่เปลี่ยนแปลงจะทำอย่างไร?

ทั้งหมดนี้ จะต้องมีขบวนการที่ทำได้ ร่วมมือกันหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน และ อย่างลืมว่า ผลประโยชน์ทั้งหมดต้องกลับไปอยู่กับ เกษตรกรเหมือนเดิม ท่านทักษิณเองมีบุคลากรพร้อม ที่จะให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของเรื่องทั้งหมด ถ้าเรื่องนี้ไม่สะดุดลงเสียก่อน ในครั้งรัฐประหาร และสุดท้ายเรื่องนี้ก็ปิดประตูลงเพราะไม่มีใครสานต่อ

เมื่อครั้ง ที่ท่านสมัครเป็นนายกรัฐมนตรี ท่านทักษิณได้เชิญกลุ่มนักลงทุนมาจากประเทศตะวันออกกลาง ที่มีฐานะการเงินอย่างมั่งคั่งเข้ามาดูการทำนาของประเทศไทย และท่านทักษิณได้พาคณะฯเข้าไปพบคุณประพัทธ์ โพธิสุธน ที่บ้านในจังหวัดสุพรรณบุรี แต่การเข้าพบพูดคุยในครั้งนั้นกลับกลายเป็นผลร้ายกับตัวท่านเองในภายหลัง โดยถูกล่าวหาว่าท่านกำลังเอาประเทศไทยไปขาย และทำให้เรื่องนี้ต้องเก็บเข้าลิ้นชักไป อีกทั้งยังไม่มีใครได้รับรู้ข้อเท็จจริงมันคืออะไรกันแน่

ประมาณกลางเดือนที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสได้นั่งคุยกับนายทหารเขมรคนหนึ่ง ที่มียศไม่มากนักแต่รู้จักทหารไทยดีทุกคน สามารถโทรเบอร์ส่วนตัวไปคุยกับนายทหารใหญ่ในกองทัพไทยได้ เราได้นั่งคุยกันถึงเรื่องการทำนาของชาวเขมร เขากล่าวให้ผมฟังดังนี้ในเรื่องที่เหลือเชื่อมากๆ ข้าวในประเทศเขา จะกลายเป็นสิ่งมีค่าที่สุดในอนาคตอันใกล้นี้ และชาวนาของเขาจะมีรายได้มากกว่าการทำงานอาชีพอื่นใดๆ ทั้งสิ้น

ผมซักถามรายละเอียดกับเขาเรื่องนี้อย่างสงสัย เขาอธิบายความให้ฟังแบบที่เขาเข้าใจได้ ดังนี้

มีข้อตกลงกันระหว่างรัฐบาลกับพ่อค้าในประเทศซาอุฯ ที่จะมีการแลกเปลี่ยนกันระหว่างข้าวกับน้ำมันโดยตรงไม่มีการซื้อขาย เช่นข้าวหนึ่งตันแลกกับน้ำมันดิบหนึ่ง บาเลนส์ โดยที่คนของพ่อค้าจะเข้ามาดูและการปลูกข้าวด้วยตัวเอง เพื่อให้เป็นไปตามที่พวกเขาต้องการ เมื่อเป็นดังนั้น รัฐบาลจึงต้องตั้งหน่วยงานนี้ขึ้นมาโดยเฉพาะหลายเรื่อง เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของเรื่องนี้ เช่น รัฐจะซื้อข้าวทั้งหมดกับชาวนาโดยตรง หรือ แค่ประกันราคาให้เท่านั้น การจัดการกับน้ำมันรัฐบาลจะทำอย่างไร ลงทุนตั้งโรงกลั่นเอง หรือให้เอกชนมาลงทุน เหล่านี้ต้องมาศึกษาทั้งสิ้น
ชึ่งสรุปได้ดังนี้ ชาวนาจะได้รับเงินก่อนการปลูกข้าว แต่ต้องเอาพันธุ์ข้าวที่เขาต้องการให้ปลูกเท่านั้น ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง เครื่องจักรเครื่องมือ นายทุนออกเองทั้งสิ้น

เจ้าของที่นาเพียงแต่ดูแลนาในส่วนของตนเอง ให้ได้ปริมาณและคุณภาพของข้าวตามที่พวกเขาต้องการ เมื่อผลผลิตออกมาพวกเขารับซื้อทั้งหมดในราคาที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่จ่ายเป็นน้ำมันแทน และรัฐบาลจะแปลงเป็นเงินให้

แต่ทั้งหมดนี้รัฐบาลเขมรไม่ต้องคิด มีคนออกแบบให้แล้วโยนมาให้เสร็จ ชาวนาจะได้ข้าวตันละ หนึ่งหมื่นห้าพันบาท ถ้าหนึ่งครอบครัว ทำนา50ไร่ จะได้เงินต่อ 6เดือน ประมาณ750000 บาท ถ้าคิดเป็นปีจะได้ 1.5 ล้านบาท(ยังไม่ได้หักค่าใช้จ่ายหรือภาษี และ กันอีกส่วนหนึ่งไว้กินเองภายในประเทศ) ผมถามเขาว่าแล้วใครเป็นคนคิดให้ คำตอบที่เขาตอบมาฟังแล้วอยากร้องไห้ “สงสัยทักษิณคิดให้”

การดำเนินการในช่วงนี้ ได้ออกแบบโรงสีและโรงงานแปลรูปเรียบร้อยแล้ว คาดว่าเมื่อตกลงกันได้จะมีนายทุนคนเดิมเข้ามาแปลรูปเป็นอาหารฮาลาน แล้วส่งกลับไปประเทศในกลุ่มอาหรับ ถ้ามีคนอาหรับเข้ามาลงทุนในประเทศของเขาก็จะมีการสร้างงาน มีแหล่งท่องเที่ยว มีโรงแรมมีสนามกอล์ฟ และคนในประเทศของเขาก็จะมีงานทำ มีอาชีพอีกมากมาย

สิ่งที่ได้คือน้ำมัน ส่วนกำไรเอาไว้ใช้ในประเทศ ส่วนที่เหลือก็ขายให้พวกคนไทยไง ถ้าประเทศไทยไม่ซื้อก็ขายให้สิงคโปร์แทน เดี๋ยวคนไทยก็ไปซื้อกลับมาเอง จีน เวียดนามขายได้ทั้งนั้น เพียงแต่ว่า ไทยใกล้กว่า ค่าขนส่งถูก คำถามที่ผมถามเขา ก่อนกลับ “คิดว่าประเทศไทยจะเป็นอย่างไรต่อไป” คำตอบ “เดี๋ยวก็ปฏิวัติอีก เอาอะไรกับประเทศคุณ”

ผมย้อนกลับไปคิดถึงเรื่องทั้งหมด ตั้งแต่ ครัวโลก อาหารฮาลาน โจรป่วนใต้ แหล่งพลังงานในเขมร ปตท. เหล่านี่พันธมิตรออกมาโจมตีทั้งสิ้น ว่าท่านทักษิณขายชาติ วิงวอนให้คนไทยไปใช้แนวทางเศรษฐกิจพอเพียง แต่คนขายชาติคนนี้กลับมีคนที่อยู่นอกประเทศคิดจะให้เป็นที่ปรึกษาและมาลงทุนในประเทศเขาแทน มันอะไรกันนักหนากับประเทศไทย ทำไมมองประโยชน์ที่จะเกิดกลายเป็นโทษทั้งหมดไปได้ แล้วก็ขับไล่คนผู้นั้นออกไป ปล่อยให้ประเทศล่มจม ซะอย่างนั้น

งงไหมครับท่านผู้อ่าน ข้าวสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานได้ ขุดในที่นานี่เอง ขุดแล้วไม่มีวันหมดด้วยครับ คนอะไรคิดได้ขนาดนี้

เขาละ “ทักษิณ ชินวัตร” ที่แม้แต่ตนเองยังเข้าประเทศไทยไม่ได้เลย ที่ทำได้ก็ช่วยให้ประเทศอื่นเขารวย เท่านั้น

เขียนโดย :อ่างขาง

ใครเผลอก็ตาย!

แม้จะเป็น “เสือแก่” ไร้เขี้ยวเล็บที่แหลมคมและกำลังวังชาถดถอยตามสังขาร แต่ก็ไม่ได้ไร้กึ๋นไร้สมองเป็นพวก “แก่กะโหลกกะลา”

“ป๋าเหนาะ” ผู้ยิ่งใหญ่แห่งวังน้ำเย็น แม้จะประกาศ “ล้างมือในอ่างทองคำ” ปล่อยให้รุ่นลูกรุ่นหลานรับมรดกน้ำเน่าต่อไป

แต่วันนี้ “เสือแก่” อาจต้องลากสังขารกลับลงบ่อน้ำเน่าอีกครั้งเพื่อปกป้องศักดิ์ศรี หลังจากถูก “เจาะยาง” จาก “สะตอ” ที่กัดไม่ปล่อยกรณีที่ดินอัลไพน์ จนกระทั่ง ป.ป.ช. เชือดว่าเป็นการ “ทุจริต” ต่อไปก็อยู่ที่อัยการจะเป็นเต่าหรือกระต่าย เพื่อดำเนินการส่งศาลการเมืองเชือดต่อ

แต่น้ำเน่าก็คือน้ำเน่า!

การเมืองไทยไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ผิดเป็นถูก ถูกเป็นผิด ดำเป็นขาว ขาวเป็นดำ จึงไม่แปลกถ้าจะทำให้ทุกอย่างเป็น “สีเทา”

คดีการเมืองมากมายที่ถูกหมกเม็ดจนหมดอายุ หรือใช้กระบวนการยุติธรรมเบื้องต้นบิดเบือนประเด็น อย่างกรณีที่ดินเขายายเที่ยงเห็นชัดเจนถึงตาชั่ง 2 มาตรฐาน

แม้แต่รัฐบาลยังถูกประณามเป็นเยี่ยง “โจรปล้นอำนาจ”

กว่า 1 ปีของ “หล่อหลักลอย” จึงยังวนเวียนอยู่แค่การเดินสาย “สร้างภาพ” ตวัดลิ้นและโชว์ตัวให้ผ่านพ้นไปวันๆ

ใน “แก๊งโจรสลัด” จะตั้งโต๊ะกินหัวคิว กินเปอร์เซ็นต์ กินโควตา เล่นพรรคเล่นพวกไม่พอ ยังปิดห้อง “ตุ๋ยเด็ก” อีก

“แต๋วแตก” จึงไม่ใช่มีเฉพาะ “สีเขียว” แต่ “สัตว์การเมือง” ก็ “แต๋ว” และ “ตุ๊ด” กันสนุกสนาน!

“หล่อหลักลอย” ไม่ใช่จะใบ้รับประทานกับ “ก๊วนร่วมแก๊ง” เท่านั้น แม้แต่ใน “ก๊วนสะตอ” ก็ร้อนระอุ เพราะ “ผู้มีบารมี” ในก๊วนรวมหัวกัน “ขีดเส้น” ให้เลือกระหว่าง “ปัจจุบัน” กับ “อนาคต”

เพราะเห็นว่าหาก “หล่อหลักลอย” ยังป้อไปป้อมาและต้อง “ปิดหู ปิดตา ปิดปาก” เป็นเหมือน “ลิง 3 ตัว” ให้ “แก๊งโจรสลัด” โขกสับต่อไป ไม่เพียงนับถอยหลังเร็วแล้ว “อนาคต” ก็พลอยดับวูบลงไปด้วย

ถ้าจะดับเฉพาะอนาคต “หล่อหลักลอย” ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องตีโพยตีพาย แต่จะต้องไม่ทำให้ “สะตอ” ดับทั้งก๊วนด้วย

โดยเฉพาะ “แม่นมอมทุกข์” ที่ไม่เพียงมีถุง “อุนจิ” คดี 258 ล้านบาทที่จ่อจะยุบก๊วนสะตอแล้ว ชื่อเสียงและเกียรติยศของ “สะตอ” ที่สะสมมา 63 ปีก็อาจไม่เหลือแม้แต่ความทรงจำ

สัญญาณที่ส่งผ่านออกมาขณะนี้จึงไม่ใช่แค่เปลี่ยน “แม่บ้าน” แม้แต่ “หล่อหลักลอย” ก็อาจถอดหัวโขนเร็วกว่าที่คิด

เพราะ “งูเห่ากับพังพอน” เป็นคู่กัดกันตลอดกาล ใครดีใครอยู่ ใครเผลอก็ตาย!

จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้

**********************************************************************

ลั่นขน'แดง'บุก!! หากสภาฯล้มร่างคปพร. ปัด'ชุมนุมใหญ่'20ก.พ. ชี้'ข่าวโคมลอย'ทำลาย

"หมอเหวง" ขู่ขนม็อบแดงบุกสภาฯ หากที่ประชุมร่วมล้มร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับ คปพร.
ถามพรรคร่วมไม่เอาด้วย เพราะสมประโยชน์จัดสรรงบประมาณกับประชาธิปัตย์หรือไม่

วันที่ 11 ก.พ.2553 นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า

หากที่ประชุมร่วมรัฐสภาพิจารณาเลื่อนญัตติขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับ คปพร.ออกไป รัฐบาลต้องชี้แจงและเตรียมคำตอบให้
ประชาชน 2 แสนคน ที่มาร่วมลงชื่อยื่นญัตติแก้รัฐธรรมนูญ มิเช่นนั้นจะทำให้คนกลุ่มนี้โกรธแค้น และอาจเคลื่อนไหวอย่างแน่นอน

เพราะร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ คปพร.เป็นประโยชน์กับพรรคร่วมรัฐบาล และมีเนื้อหาตรงกับที่พรรคร่วมรัฐบาลอยากให้แก้
หากพรรคร่วมฯ ไม่เอาด้วย ก็อยากตั้งคำถามว่า ตอนนี้สมประโยชน์เรื่องงบประมาณกับพรรคประชาธิปัตย์ หรือมีการแบ่งเค้กลงตัวแล้ว
ใช่หรือไม่ ถามว่าจะยอมกินน้ำใต้ศอกต่อไปอีกนานเท่าใด ซึ่งกลุ่มเสื้อแดงมียุทธศาสตร์เตรียมตอบโต้ไว้แล้วเช่นกัน

เมื่อถามถึง ข่าวเสื้อแดงกำหนดชุมนุมใหญ่วันที่ 20 กุมภาพันธ์นี้

น.พ.เหวง กล่าวว่า เป็นข่าวโคมลอย ตนเป็นแกนนำยังไม่รู้ข่าวนี้ เชื่อว่าบางคนปล่อยข่าวจงใจให้เห็นว่า
เสื้อแดงกดดันศาลก่อนตัดสินคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาท ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

ที่มา:เว็บบอร์ด คนไทยูเค

***********************************************************************

ในที่สุดรายการ "นายกฯทักษิณพบประชาชน" ของผมก็กลับคืนมาช่วง Prime time ด้วย


ผมเป็นแฟนพันธุ์แท้ของรายการ "นายกฯทักษิณพบประชาชน" ตั้งแต่จัดที่สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยแล้ว ต้องตั้งนาฬิกาปลุกให้ตื่นให้ทันในเช้าวันเสาร์ให้ได้ แม้ไปทำอย่างอื่น ก็ต้องกลับไปดาวน์โหลดอ่านที่เขาถอดเทปในเว็บ "กองงานโฆษกรัฐบาล" อ่านจนได้ ช่วงที่นายกฯทักษิณเป็นนายกฯ เรียกว่าผมไม่เคยไม่ได้ฟังหรืออ่านรายการเลย แม้ไปต่างประเทศแล้วผมก็ดาวน์โหลดมาฟังมาอ่านจนได้

เมื่อรายการนี้หายไป ดูเหมือนว่าชีวิตจะขาดอะไรไปสักอย่าง เพราะการฟังคนที่มีประสบการณ์จริง เป็น CEO เคยผ่านงานใหญ่ ๆ มาแล้วนั้นเป็นสิ่งที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง

ผมไม่อยากฟังนัก โวหารหรือคนที่จำหนังสือมาพูดแบบอภิสิทธิ์ ไม่้มีประสบการณ์ตรง เพราะผมเป็นนักอ่านหนังสือตัวยง อ่านจนสายตาสั้น ดังนั้น การหยิบเอาหนังสือแล้วมาพูดผมถือว่าดูถูกผมมาก เพราะผมก็อ่านพอๆ กันนั้นแหละผมอยากฟังประสบการณ์ตรงมากกว่า เรื่องที่ผมไม่ได้อ่านก็ถือว่าผมไม่สนใจ ก็แค่นั้นเอง ในแง่นี้ผมไม่ได้คิดว่าอภิสิทธิ์มีอะไรดีกว่าผม จนผมต้องฟัง

ตอนนี้ท่านนายกฯทักษิณ มาจัดรายการพูดเรื่องต่างๆ ประสบการณ์ชีวิตใน People Channel ช่วง 20.3-21.00 ทุกวันแล้ว เ็ป็นช่วง Prime Time เสียด้วย ทำให้วันคืนเก่าๆ ของผมกลับคืนมา ผมต้องตั้งนาฬิกาเอาไว้ 20.30 น. จะได้่ไม่พลาด

People Channel เรตติ้งกระฉูดแน่ๆ ครับ โดยเฉพาะนักธุรกิจ หากใครไม่ฟัง ถือว่าเสียโอกาสอย่างมาก ไม่ต้องเสียเงินไปนั่งฟัง CEO ฝรั่ง ทักษิณนี่ถือว่าสุดยอดของโลกแล้วในด้านธุรกิจและยอด CEO ฟังฟรีเสียด้วย แค่ไปซื้อจานดาวเทียม 2000 บาท

ไม่งั้นวิทยุชุมชน ก็เอาไปถ่ายทอดต่อได้ครับ

สรุปคือ การเมืองตอนนี้แพ้ชนะ ได้ตัดสินไปแล้วครับ เป็นเรื่อง Matter of time เท่านั้น

อาวุธที่ทรงอานุภาพที่สุดของทักษิณคือ "รายการนายกฯทักษิณพบประชาชน" นี่แหละครับ


มีทุกวันเริ่มตั้งแต่วันนี้ครับ แต่ก่อนจัดทุกวันอังคาร เวลา 20.30-21.30 น. วันละชั่วโมง แต่มันนานตั้งอาทิตย์กว่าจะได้ฟังอีก ทำให้แฟนคลับโวยวาย ว่ามันไม่ต่อเนื่องมันค้าง ท่านนายกฯทักษิณเลยขอเพิ่มเป็น จัดทุกวัน จันทร์-ศุกร์ แต่วันละครึ่งชั่วโมง ยกเว้นวันอังคาร หนึ่งชั่วโมงเหมือนเดิมครับ

ที่มา: thaifreenews
โดย..ลูกชาวนาไทย

วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ดาบสุดท้าย !!!!


น่ากลัวสุด สุด..สมัยโบราณ การ “ประหารชีวิต” นักโทษ..คือการทำต่อหน้า “ประชาชน” เพื่อให้รับรู้ถึงความผิดของผู้ที่กำลังจะ
โดนประหารด้วย การร่ายรำ ผสม เสียงปี่กลอง ซึ่งจะทำให้ “นักโทษ” เกิดอาการ “สยิวใจ” เป็นยิ่งนัก..ซึ่งมันเย็นเยียบยะเยือกเข้าไป
ถึงก้นบึ้งหัวใจทีเดียว!! จากนั้นก็ “ลงดาบประหาร” เรียกว่า “ดาบสุดท้าย”!!

เฉกเช่นเดียวกัน..กับที่ พรรคประชาธิปัตย์ กำลังกระทำการประหาร พรรคร่วมรัฐบาล ที่ถูกเพ่งเล็งชี้ว่าเป็น “นักโทษ”??

หลังจากที่ “ร่ายรำ” ให้ประชาชนคนทั่วประเทศได้รับรู้ว่า ในการที่ ไม่ร่วมทำการแก้ไข รัฐธรรมนูญ ด้วยแล้ว..ขณะนี้กำลังเตรียมลง
“ดาบสุดท้าย” นั่นคือ ทำการ รื้อโครงการ ต่างๆ ของ พรรคร่วม โดยเฉพาะ พรรคภูมิใจไทย..ที่เคย ภูมิใจนัก-ภูมิใจหนา ว่าเป็นผู้มี
คุณอนันต์ในการร่วมจัดตั้งรัฐบาลนี้ขึ้นมา

หมด-หมดสิ้นไม่เหลือฟอร์มของผู้อุปการะ..วาดหวังไว้ว่า คมนาคม ที่ให้ โสภณ ซารัมย์ นั่งเป็นเจ้ากระทรวงดูแล จะสร้าง “ผลงาน”
และ “ผลเงิน”!!

แต่..ขณะนี้ “ซารัมย์” ยังหา “ซาเล้ง” นั่งกลับบ้านไม่ถูก?? นอกจากกำลังจะถูก “รื้อโครงการ” แบบ “ย้อยเก็บฉากลิเก” แล้ว..
ยังถูกพรรคประชาธิปัตย์นำ มาประจานให้ชาวบ้านรู้ว่า เงินของแผ่นดิน เป็น หมื่นล้าน-แสนล้าน ที่จะนำมาเทลงไปนั้น ไม่ก่อเกิดประโยชน์
ต่อชาวบ้านอันใดเลย

อภิสิทธิ์ /กรณ์ /ไตรรงค์ /กอร์ปศักดิ์.. เดิน “เกมแรง” และ เร่ง “เกมเร็ว”!!

เพราะคิว “เลือกตั้งใหม่” จะ ลงโรงฉาย เป็นโปรแกรมต่อไปค่อนข้างแน่

“ภูมิใจไทย” จึงต้องถูกฆ่าเป็นอันดับแรก..เพราะยังไงชาตินี้ก็มิมีโอกาสที่จะร่วม “สังฆกรรม” กันอีกแน่

ในอนาคต “ไก่กับงู” เห็นกันหมดแล้ว จะมีอะไรมากกว่า “ตีนกับนม”??

ขณะนี้ “ภูมิใจไทย” กำลังนั่งพนมมือฟัง เสียงปี่กลอง ด้วยใจสยิวสุดๆรอ “ดาบสุดท้าย” ที่กำลังเงื้อใส่อย่างสุดแขน..
หัวหลุดกระเด็นไม่พอ ยังมีปากห้อยให้เห็นอีกตะหาก..อนาถโว้ย!!


โดย:หนุ่ม ชิงชัย
*******************************************************************************

แก้ไม่ถูกจุด...!!!!???

วิพากษาวิจารณ์กันมาแทบทุกยุคทุกสมัยเรื่องการวิ่งเต้นซื้อขายเก้าอี้แต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ

พอโผตำรวจประกาศออกมา ก็ต้องร้องเรียนเป็นประจำ

ไม่ใช่การร้องเรียนไม่ดี

เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะตำรวจที่ร้องเรียนส่วนใหญ่เป็นตำรวจที่ไม่ได้รับความยุติธรรม

บางนายมีอาวุโสสูงติดอันดับต้นๆ ผลงานก็อยู่ในเกณฑ์ดี หลักเกณฑ์ข้อกำหนดต่างๆ ก็ครบถ้วน

แต่พอถึงเวลาโยกย้ายจริงๆ กลับไม่ได้รับการพิจารณา

โดนพวกเด็กเส้นเงินหนากระเป๋าหนัก วิ่งเต้นข้ามหัวกันหน้าตาเฉย !?

แต่ก็ยังมีอีกพวกที่จ่ายเงินเซ็งลี้เก้าอี้ไปแล้วแต่กลับไม่ได้รับการแต่งตั้ง

ก็ต้องร้องเรียนกับเค้าด้วย หวังทวงสิทธิ์ที่ไม่ค่อยจะชอบธรรมให้ตัวเอง

เพราะแวดวงสีกากีมีเซ็งลี้เก้าอี้กันทุกยุค แต่จะมากหรือน้อยแค่นั้นเอง

ที่ผ่านมาหลายรัฐบาลก็ไม่เห็นจะแก้ปัญหานี้ได้

พอมาถึงรัฐบาลนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี อยู่ไม่เป็นสุข รีบลงนามในคำสั่งแต่งตั้งตั้งคณะกรรมการสอบซื้อขายตำแหน่ง

กำชับด้วยว่าให้เริ่มดำเนินการสอบสวนเลย

เพราะคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายระดับรองผู้การ-สารวัตรมีผลบังคับใช้ในวันที่ 16 ก.พ.นี้

การตั้งคณะกรรมการชุดนี้ขึ้นมา คงเป็นเพราะนายกฯ มาร์คทนกระแสสังคมไม่ไหวเลยต้องรีบสะสาง และอาจมองข้ามไปถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ฝ่ายค้านฮึ่มๆ จะยื่นอยู่เร็วๆนี้

หากคลายปมปัญหาตรงนี้ไม่ได้ ปล่อยให้ถึงเวลาเปิดสภา มีหวังโดนฝ่ายค้านถล่มอ่วมอรทัย

อาจเสียผู้เสียคนเพราะคนใกล้ชิดก็คราวนี้ !?

ย้อนกลับไปเรื่องตั้งคณะกรรมการสอบเซ็งลี้เก้าอี้ ถ้านายกฯมาร์คอยากให้ได้ภาพใสสะอาด ยุติธรรม

ต้องจัดการกับ "บิ๊กตำรวจ" ที่เป็นโต้โผขายเก้าอี้ให้ได้จริง !!

และต้องไม่ 2 มาตรฐาน เพราะการวิ่งเต้นซื้อขายไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะแวดวงตำรวจอย่างเดียว

ตั๋วเด็กเส้นเด็กฝากส่วนใหญ่มาจากนักการเมือง

ยิ่งหนนี้ก็ชัดเจน คนสนิทคนใกล้ตัวนายกฯส่งตั๋วกันเป็นปึกๆ

ขาใหญ่ม็อบที่นายกฯ ไว้เนื้อเชื่อใจเป็นพิเศษก็จับมือกับตำรวจเก่าบางคนฝากเด็กเป็นโขยง

ถ้าแน่จริงต้องสาวให้ถึงพวกนี้ให้ได้

สังคมจะได้ไม่แคลงใจอีก

แต่เอาเข้าจริงๆ นายกฯ อาจแก้ไม่ถูกจุด หรือมองข้ามต้นตอปัญหาที่แท้จริงไป

ตำรวจทั้งหมดรู้ดีว่าการซื้อขายตำแหน่งครั้งนี้มโหฬารกว่าทุกครั้ง เพราะยังไม่มีผบ.ตร.ตัวจริงเสียที

รักษาการผบ.ตร.อาจดูเหมือนจะมีอำนาจเทียบเท่าทุกอย่าง แต่ก็เป็นแค่ตัวสำรอง

ไม่มีบารมีพอที่จะไปชนกับนักการเมือง หรือไปควบคุมผู้บัญชาการทั้งหมด

ฉะนั้น อย่าประโคมข่าวสอบเซ็งลี้เก้าอี้

เพื่อกลบปัญหาตั้งผบ.ตร.ที่คาราคาซังเท่านั้น

ที่มา:ข่าวสดรายวัน
คอลัมน์ เหล็กใน
**************************************************************

มีทางออกยึดทรัพย์ !! หาช่องเอาคืนหากเป็นรัฐบาล

นายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคเพื่อไทย ในฐานะอดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา

กล่าวถึงเรื่องคดียึดทรัพย์ว่า เรื่องนี้ต้องมองไปข้างหน้าแล้ว ยึดก็ยึดไปเราก็ไปเอากลับคืนมาได้ โดยใช้มติมหาประชาชน

ซึ่งหลังการเลือกตั้งเมื่อพรรคเพื่อไทยได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลจะเอาทรัพย์สินคืนมาทั้งหมด

แต่ไม่ใช่การออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรม เพราะถ้าทำในรูปนี้เท่ากับว่าเป็นการยอมรับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิด

โดยกระบวนการที่จะทำได้มีการคุยกันไว้แล้ว


ด้านนายนิยม วรปัญญา ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ทรัพย์สินทั้งหมดเป็นของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเอาไปได้อย่างไร

ถ้ายึดไปก็เอากลับคืนมาได้ เพราะเคยมีตัวอย่างแล้ว เช่น จอมพลถนอม กิตติขจร และ จอมพลประภาส จารุเสถียร

ที่ต่อมาภายหลังก็เอาทรัพย์สินคืนได้บางส่วน ซึ่งกระบวนการก็ทำได้หลายอย่าง แม้ศาลจะตัดสินไปแล้ว

เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ



*******************************************************************************

ทักษิณเตรียมยื่นศาลโลก ทอล์คผ่านเน็ตจันทร์-ศุกร์

"ทักษิณ" เตรียมเรื่องยื่นสู้ต่อที่ศาลโลก พร้อมเตรียมเปิดทอล์คตั้งแต่วันจันทร์-ศุกร์
หลังทนเสียงเรียกร้องไม่ไหว

(วานนี้ 9ก.พ.) ช่วงค่ำ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวใน รายการทอล์คอะราวด์เดอะเวิล์ด
ผ่านสถานีโทรทัศน์พีเพิลชาแนล กล่าวความตอนหนึ่งว่า

การนำคดีร้องไปยังศาลโลกนั้น วันนี้ได้มีผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายที่เป็นคนไทยและต่างประเทศได้เข้ามาพบตนหลายคน
และ ได้มีการเตรียมการไว้

ซึ่งช่วงท้ายรายการ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้กล่าวถึง ปัญหาความขัดแย้งระหว่าง พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี กับ 3 แกนนำนปช. ว่า
เรื่องนี้เรามีความจำเป็น ที่จะต้องมีคนมาคอยดูแลผู้ชุมนุมที่มารวมตัวกันอยู่จำนวนมาก เรื่องนี้เราจะต้องมีความมั่นใจว่า
เราจะต้องไม่ถูกรังแก เหมือนช่วงเดือนเมษายนปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ในช่วงต้นรายการนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ได้กล่าวว่า เวลานี้มีเสียงเรียกร้องออกมา อยากจะฟังตนให้มากยิ่งขึ้น
เพราะเรื่องจะได้ปะติดปะต่อ เพราะหากทิ้งช่วงสัปดาห์ละครั้งมันจะนานไป ดังนั้น ตนจะมาจัดรายการวันละครึ่งชั่วโมง
ตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ เวลา 20.30 - 21.00 น. โดยจะเริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (10 ก.พ.) เป็นต้นไป
โดยจะนำเรื่องชีวิตการต่อสู้ว่า ตนเองตั้งตัวขึ้นมาได้อย่างไร

ที่มา:คนไทยูเค

****************************************************************************

วันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

วัดกึ๋นมาร์ค !!

ประชาชนทำได้เพียง “นิ่งเงียบ” “ฮุน เซน” กับการออกมาด่ารัฐบาลไทยด้วยถ้อยคำรุนแรง...
และพาดพิงโดยตรงไปถึงนายกรัฐมนตรี “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” มันไม่เพียงเป็นการ “กระทืบหน้า” ใครบางคน...

แต่มันเป็นการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีคนไทย “โดนหางเลข” เพราะความที่เรามีรัฐบาลปวกเปียกอ่อนแอ

การได้มาของตำแหน่ง...รวมถึงการบริหารราชการแผ่นดินที่ผ่านมา...มันแทบจะหาสิ่งถูกต้องในความเกิดขึ้น และ การดำรงอยู่
ของการขึ้นสู่อำนาจ “พรรคประชาธิปัตย์” ไม่ได้เลยทั้งสิ้น

แม้สิ่งที่ “ฮุน เซน” พูดพล่ามออกมาจะแสดงออกถึง “ความเป็นจริง” แต่กับคนไทยที่ได้ยินได้ฟังมันทำให้รู้สึกว่านี่แหละคือ
“ความเจ็บปวด”

ทำไมเราต้องตกอยู่ภายใต้การกระจายอำนาจของรัฐบาลที่สร้าง “ความแตกแยก” ภายในจนกลายเป็น “ขี้ปาก” ของคนภายนอก

จิตสำนึกแห่ง “ความรักชาติ” คือการไม่มองชนชาติอื่นดีไปกว่าชนชาติของเรา...แต่ไม่จำเป็นต้องมองเขาว่า “เลว” กว่า

เราถามว่า...การที่ฮุน เซน ออกมาด่า “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ท่านจะตอบโต้กลับไปด้วยความรู้สึกที่ว่า “หนังหน้าบาง” เพื่อปกป้องตน...
หรือเพื่อปกป้องประชาชน

ไม่มีใครสามารถช่วย “อภิสิทธิ์” ได้...นอกจากความคิดที่มาจากสติปัญญาของเขาเอง ซึ่งเลิกพูดถึงเรื่องที่ว่าบรรดา อมาตย์ และ ทหาร
จะออกมาให้การสนับสนุนช่วยเหลือ...เพราะบุคคลเหล่านั้นทำได้เพียง “เป็นเสืออยู่ในกรง” ถูกเลี้ยงให้เชื่อง...ให้อาหารให้น้ำ
สร้าง “ความภักดี” แต่หากปล่อยเข้าป่าใหญ่ “เสือ” ที่คิดว่าน่าเกรงขาม...คงกลายเป็นแมวเชื่องๆ...ถูกนักล่าไล่ตะปบ
เพราะไม่เคยใช้ชีวิตสู่โลกภายนอก มีแต่ถูกรอกหูทำตัวเป็น “กบอยู่ในกะลา”

ความขัดแย้งครั้งนี้ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” จะแก้ไขด้วยวิธีอัจฉริยะเพียงใด เพื่อให้เป็นที่เชิดหน้าชูตาและเป็นที่น่าชื่นชม

เพราะผู้นำโลกมากมายอย่าง โอบามา เหมาเจ๋อตุง ลีกวนยู รวมถึง ดร.มหาธีร์ โมฮัมหมัด...พวกเขาผ่านเรื่อง “กระจอกงอกง่อย”
อย่างนี้มาแล้วทั้งนั้น

คำของหลวงปู่ชาท่านว่า...ท่านให้แก้ไข “ตัวเราเอง” ไม่ใช้ไปแก้ไข “อย่างอื่น”
ไม่เชื่อลองทำดู...แล้วท่านนายกฯ จะเห็นผลลัพธ์อย่างน่าอัศจรรย์!

ที่มา:คนไท ยูเค
โดย.ภูผาหิน
*****************************************************************************

จุดยืน “ทักษิณ”

ร่อแร่ ร่อแร่.. ขณะนี้ “คนเสื้อแดง” รู้สึกสับสนตัวเองเป็นอย่างยิ่ง..ที่กลุ่มผู้นำหันหน้ามา “กัดกันเอง”??

ว่ากันตามจริง..กว่าจะ “จุดไฟติด” รวมตัวกันได้มาถึงขนาดนี้..เพราะต่างก็มีความเชื่อมั่นในตัว “ทักษิณ ชินวัตร” คนนี้คนเดียว!!
จึงเกิด “คนเสื้อแดง” ขึ้นมาค่อนประเทศ!!

เพราะ “คนเสื้อแดง” เชื่อว่า “ทักษิณ” และ “มันสมอง” ของเขาเท่านั้น ที่จะนำพาประเทศชาติให้รอดปลอดภัย และ “นำความเจริญ”
กลับมาอีกครั้ง

ดังนั้น การต่อสู้เพื่อ “ช่วงชิงอำนาจ” ทางการเมือง จะต้องชูธง “ทักษิณ” อย่างเดียว..ธงอื่นต้องพับเก็บทันที อย่าโผล่มาให้เห็น..

ขณะที่ “พล.อ.พัลลภ” กับ “เสธ.แดง” ประกาศที่จะจัดตั้ง กองทัพประชาชน ด้วยการใช้ “คนเสื้อแดง”..และก็เป็นจตุพร พรหมพันธุ์
ก็ร้องเพลงสวนขึ้นมาทันควันด้วยเพลง ของ “ตั๊กแตนชลลดา”.. คนที่ไม่ใช่แฟน ทำแทนให้กันไม่ได้

จากนั้นต่างฝ่ายต่างออกมาซัด ถล่มกันไป-ถลกกันมาอย่างเมามันส์

จะว่าเป็น “แผนโฆษณา” ละครใหม่ ทางช่อง 3 เรื่อง “รุ้งร้าว” ไม่น่าจะใช่..เพราะแต่ละคนก็รุ่น “กรุร้าว” ทั้งนั้น!!

คนที่สับสนคือ “เสื้อแดง”..ในขณะคนที่ปวดหัวสุดๆ คือ “ทักษิณ” เพราะขณะนี้ต้องกินแอสไพรินวันละกำมือ

ในเมื่อ “เสื้อแดง” เกิดขึ้นมาเพราะเชื่อมั่น “ทักษิณ”..ดังนั้น “แม้ว เลี่ยงเมือง” คนนี้เท่านั้น ที่จะกำหนดทิศทางในการต่อสู้..
จะต่อสู้แบบ “อหิงสา” ก็ต้องปักธงไปเลยว่า “อหิงสา” ปากบอกว่าจะต่อสู้แบบ “อหิงสา” แต่ดันหยิบยา “มหาหิงค์” ทาสะดือ
เด็กเล่นไปวันๆ อย่างนั้นมันก็ไม่ใช่

ต้อง มั่นคง หนักแน่น อย่าโอนเอนกับ “จุดยืน” ที่ตัวเองมีไม่ใช่ใครแวะเวียนเยี่ยมแบบ “รถไฟฟ้ามาหานะเธอ”..
เกรงใจต้องรับปากจะตั้ง “กองทัพ” หรือจะให้ “กางเต้นท์” ก็ต้องชัดเจนแล้ว

เอ้า “โอ๊ค” ฝากไปบอกพ่อด้วย..อย่ามัวแต่เกรงใจ ไม่เอานะเกรงใจ!!

ที่มา:คนไทย ยูเค
โดย:หนุม ชิงชัย
*******************************************************************************

ฯพณฯ ศรีธนญชัย !!!!

ในประเทศไทย..แทบจะไม่มีใครไม่รู้จัก ศรีธนญชัย เรื่องราวของเขา..ความสามารถของเขา..ในการฉกฉวยเล่นลิ้น อาจจะเป็นเรื่องขบขัน..

แต่จะเป็นอย่างไร..หากคนแบบศรีธนญชัยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน..เป็นถึงระดับ นายกรัฐมนตรี

ท่านนายกรัฐมนตรีศรีธนญชัย..คงจะมีความผาสุขในฐานะผู้นำประเทศ..แล้วหาเหตุสร้างความขบขันให้กับตนเองไปเรื่อยๆ
จากการบริหารราชการแผ่นดิน

เพราะท่านนายกรัฐมนตรีศรีธนญชัย เป็นคนที่คนโบราณเรียกว่า..มะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูก..
คือไม่ว่าใครจะกล่าวหาว่าท่านอย่างไร..ท่านก็เถียงเลี่ยงไปแบบข้างๆ คูๆ หรือเอาสีข้างเข้าถู..ซื้อเวลาไปวันๆ หาสาระและความเป็นจริงไม่ได้

ท่านนายกรัฐมนตรีศรีธนญชัย..อาจจะเชี่ยวชาญในเรื่องตำหรับตำราเป็นครูบาอาจารย์..พูดเรื่องการเสียสละการทำคุณงามความดี
พูดถึงหน้าที่ ที่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่จะต้องเสียสละให้กับชาติ.

แต่ในประพฤติปฏิบัติ..ท่านอาจจะใช้เล่ห์เพทุบาย 18 ประการ เพื่อหลีกเลี่ยงจากการทำหน้าที่ ที่พลเมืองทุกคนต้องทำ..
แต่นั่นยังไม่สำคัญเท่ากับท่านนายกรัฐมนตรีศรีธนญชัย..ยังทำไขสือต่อ..ความจริงอันเป็นสัจจะ หน้าด้านหน้าหนาพอที่จะทำไขสือ
ไม่อธิบาย..แล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น..หรือสิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน..

ท่านนายกรัฐมนตรีศรีธนญชัย..อาจจะปฏิเสธอำนาจของคณะกรรมการที่มีอำนาจเต็มตามกฎหมาย..ในการแต่งตั้งโยกย้าย..
ในขณะที่ท่านไปสอนให้ใครต่อใคร..ปฏิบัติตนเป็นคนดีมีหลักการ รับฟังความเห็นของคนส่วนใหญ่.แล้วตะแบงแต่งตั้งตามอำเภอใจ
เป็นตัวไม่ได้ก็ให้รักษาการณ์..อันเป็นการฝืนจารีตประเพณีของสถาบัน

ฯพณฯ ศรีธนญชัย..สร้างบ้านด้วยทอง...แล้วคุยโวโอ้อวด..แล้วท่านก็ปิติยิ้มเยาะคนทั่วไปที่..เข้ามาชมบ้านไม้ทองหลางของท่าน

ฯพณฯ ศรีธนญชัย..สร้างประตูบ้านให้ต่ำเตี้ย..แล้วก็ยืนรับเสด็จพระเจ้าอยู่หัว...ที่ค้อมตัวก้มหัวเอาตัวลอดประตู..แล้วเปรียบเทียบว่า..
นั่นคือการทำความเคารพ ..แก่ ศรีธนญชัย

เรื่องราวของศรีธนญชัย จบลงที่ตรอมใจตาย เพราะเสียรู้ให้กับ..เณรน้อย...

เมื่อศรีธนญชัยสั่งให้เณรน้อย..นั่งพายเรือ..แล้วเณรน้อยก็เอาพายมารองก้น

แต่ประเทศที่มี ศรีธนญชัย เป็นนายกรัฐมนตรี..น่าจะจบลงที่..ฉิบหายวายวอดทั้งแผ่นดิน !!!!!!!!!!!!!!!!!!

โดย. พญาไม้


***************************************************************************

TG200 จะไม่มีการผ่าเครื่องพิสูจน์ คำสั่งใคร...(ข่าว3มิติ.)

ที่มา:thaifreenews
จากคุณ : แม่หนูดำ

นึกอยู่แล้วต้องเป็นอย่างนี้ เพราะถ้าผ่าเครือง สิ่งที่เจอ...
1 .COMMISION
2 .CORUPTION
ประชาชนและสื่อมวลชนต้องไม่ยอมให้พวกโกงชาติทำร้ายประเทศไทยอีกต่อไป
ต้องจัดการกับพวกอำมาตย์

จากคุณ : scad stroms

กลัวอ่ะ