--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันพุธที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ระวัง วิกฤตการเงินไทยรอบ 2 !!?

คอลัมน์ : ทิศทางเศรษฐกิจ
โดย อ.พิเชียร อำนาจวรประเสริฐ

ผ่านพ้นครึ่งปีแรก 2558 ไปอย่างทุลักทุเล เศรษฐกิจการเงินไทยเผชิญปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ มากมายทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะในโลกยุคโลกาภิวัตน์ขณะนี้ สถานการณ์วิกฤตในต่างประเทศ ได้ส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อเศรษฐกิจการเงินไทยอย่างมาก

หลากหลายปัญหาถาโถมเข้ามาดังนี้ 1) วิกฤตราคาน้ำมันดิบร่วงลงแรงจาก 100 เหรียญสหรัฐ เหลือ 42 เหรียญสหรัฐ แล้วค่อย ๆ ไต่ขึ้นมาเป็น 60 เหรียญสหรัฐ กดดันให้ราคาหุ้นกลุ่มพลังงานปิโตรเคมีร่วงลงมาก ลากหุ้นไทยอ่อนตัวลงจาก 1,575 จุด ลงมาเหลือเพียง 1,500-1,520 จุด ขณะนี้ที่สำคัญราคาน้ำมันได้ลากราคาสินค้าโภคภัณฑ์อื่น ๆ ลงตามมามาก เช่น ข้าว, ยางพารา, อ้อย, น้ำตาล, มันสำปะหลัง, ทำให้รายได้ของเกษตรกรและผู้ส่งออกลดลงมาก

2) วิกฤตหนี้สินของกรีซ 350,000 ล้านยูโร กดดันให้ตลาดหุ้นยุโรป ค่าเงินยูโรลดลงอย่างมาก ดัชนี DAX เยอรมนีร่วงลงแรงจาก 12,350 จุด ลงมาเหลือเพียง 11,000-11,400 จุด ค่าเงินยูโรไหลลงมาจาก 1.38 เหรียญสหรัฐ/1 ยูโร เหลือเพียง 1.05 เหรียญสหรัฐ/1 ยูโร แล้วเพิ่งจะขยับขึ้นมาเป็น 1.10-1.14 เหรียญสหรัฐ/1 ยูโร ยิ่งกว่านั้นการเจรจาเพื่อขอเงินกู้ก้อนใหม่อีก 7,200 ล้านยูโรก็ยังไม่สำเร็จ อาจส่งผลให้กรีซผิดนัดชำระหนี้ (Default) และต้องออกจากยูโรโซน ต้องดู 30 มิ.ย.จะตกลงกันได้หรือไม่ ?

ถ้าตกลงกับ EU, IMF, ECB ไม่ได้ อาจก่อให้เกิดวิกฤตการเงินของโลกรอบใหม่กระทบตลาดเงินตลาดทุนทั่วโลกได้

3) วิกฤตเศรษฐกิจ-การเงินไทยรอบ 2 ขณะนี้ในเชิงเทคนิคด้านเศรษฐศาสตร์ถือว่าประเทศไทยสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจการเงินรอบ 2 ขึ้นมาใหม่ได้ เพราะมีปัจจัยเสี่ยง (Risk Factors) เข้ามามากมาย ซึ่งล้วนส่งผลลบรุนแรงต่อเศรษฐกิจไทยทั้งสิ้น ได้แก่

3.1 วิกฤตภัยแล้งหนักจากอากาศแล้งจัดผิดปกติ และการบริหารน้ำที่ผิดพลาดใหญ่หลวงของกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรฯ และ กฟผ. ทำให้เกิดขาดแคลนน้ำครั้งใหญ่สุดในรอบ 30 ปี น้ำน้อยกว่า 20-30% ของเขื่อนที่ไม่สามารถทำนาปีตามปกติได้, กฟผ.อาจต้องลดการผลิตไฟฟ้าลงเพราะน้ำไม่เพียงพอ อาจเกิดปัญหาน้ำประปาไม่เพียงพอด้วย ส่งผลลบใหญ่หลวงต่อ GDP ซึ่งกระทรวงการคลังแจ้งว่าจะกด GDP ให้ลดลงมา 0.5% แต่ผมว่าจะลดลงมากถึง 0.8-1.0% เลยทีเดียว นั่นหมายถึง GDP ไทย ปี′58 จะลดจาก +3.0 ลงมาเหลือแค่ +2.0 ถึง 2.0%

3.2 ยอดการส่งออกยังคงลดลงต่อเนื่อง สืบเนื่องจากการกดดันบีบคั้นและรังแกโดยสหรัฐอเมริกาและกลุ่ม EU ต่อรัฐบาลทหารของไทย โดยกดดันมาหลายเรื่องดังต่อไปนี้

3.2.1 บีบไทยเข้าสู่ Tier 3 แรงงานประมงไทย หาว่าเป็นแรงงานทาส และขู่จะงดซื้อสินค้าประมงไทย ซึ่งจะเสียหายหนักเพราะไทยส่งออกปีละราวเกือบ 3 แสนล้านบาท (10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ) ยังไม่ยอมลดราวาศอกเลย

3.2.2 บีบไทยผ่าน ICAO หาว่ามาตรฐานความปลอดภัย SSM ของไทยต่ำกว่ามาตรฐาน ล่าสุดก็มาปักธงแดงใน Website การบินของไทย บีบไทยด้านสนามบิน, สายการบินต่าง ๆ ของไทย และจะส่งผลกระทบทางลบต่อการท่องเที่ยว, การขนส่งสินค้าทางอากาศ Logistics ของไทย การกระทำของสหรัฐและยุโรปแย่มากที่ต้องการบีบรัฐบาลทหารไทย แต่มาส่งผลเสีย-ผลลบต่อการส่งออก การท่องเที่ยว การขนส่ง และเศรษฐกิจการเงิน การค้าระหว่างประเทศของไทย สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจต่อคนไทย การบริหารของไทยอย่างใหญ่หลวงที่สุด

3.2.3 บีบไทยเรื่องผู้หนีภัยโรฮีนจา แทนที่จะไปบีบรัฐบาลพม่าซึ่งเป็นต้นเหตุที่ไม่ยอมรับชาวโรฮีนจาเป็นพลเมืองพม่า แล้วยังฉวยโอกาสอย่างน่าเกลียด ส่งเครื่องบินรบและเรือรบเข้ามาในไทย โดยอ้างว่าจะมาลาดตระเวนช่วยผู้ลี้ภัยโรฮีนจา ซึ่งเป็นการละเมิดอธิปไตยไทยชัดเจน

3.3 ปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนสูงขึ้น และหนี้เสีย NPL เริ่มสูงขึ้นมาก เราต้องเตือนพี่น้องคนไทยให้บริหารเงิน บริหารการลงทุนให้ดี เพราะครึ่งปีหลังปี′58 จะลำบากยากแค้นมากขึ้น ชาวนา, เกษตรกรสาหัสแน่ เพราะทำนาปลูกพืชผักผลไม้ไม่ได้ น้ำน้อย แล้งจัด รายได้ของเขาก็ต้องลดลงมากแน่ ๆ ธุรกิจ SMEs ก็ต้องระวังให้มาก และต้องเผื่อสภาพคล่องให้ดี ระวังอย่าให้สะดุด ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นลงให้มากที่สุด แสวงหารายได้เพิ่มขึ้นให้มากในหลาย ๆ ทาง อย่าพึ่งรายได้เพียงแหล่งเดียว จะต้องแสวงหารายได้จากหลาย ๆ แหล่ง และต้องพยายามแสวงหาตลาดใหม่ ๆ, ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ พันธบัตรใหม่ ๆ ทั้งด้านการตลาด การเงิน และเครือข่ายใหม่ ๆ

ยอดขายโดยรวมของธุรกิจอาจลดลงเฉลี่ย 10-30%

ดังนั้น ท่านต้องทำงานให้หนักขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพ ขยายสู่ผลิตภัณฑ์บริการใหม่ ๆ และลู่ทางทำการค้าการลงทุนใหม่ ๆ รวมทั้งพันธมิตร จึงจะอยู่รอดและเติบโตต่อไปได้

ผมไม่อยากจะเตือนอะไรแรงกว่านี้ เพียงแต่เห็นว่าครึ่งปีหลังปี′58 จะไม่ค่อยสดใส และถ้ารัฐบาลบริหารงานเศรษฐกิจไม่เข้มแข็งพอ จะยิ่งทำให้เศรษฐกิจการเงินไทยไหลลงสู่หุบเหวอันตราย !

กองทุนฝรั่งเลว ๆ จำนวนมากยังคงจ้องมองทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยที่มีถึง 165,000 ล้านเหรียญสหรัฐตาเป็นมัน ฝรั่งแย่ ๆ เหล่านี้อาจกลับมาโจมตีค่าเงินบาทของไทยได้ทุกเมื่อ รวมทั้งจ้องจะกลับมาซื้อหนี้เสีย NPL ของไทยราคาถูก ๆ แล้วมาตามทวงหนี้แบบมหาโหดเหมือนที่เคยทำเมื่อปี 2540-2542

เราควรแก้ไขกฎหมายของชาติ 11 ฉบับโดยเร็ว เพื่อคืนความเป็นธรรมให้ลูกหนี้คนไทย ควบคุมดอกเบี้ยและการติดตามทวงหนี้มหาโหดของบริษัทบริหารสินทรัพย์ต่างชาติ อย่าให้มาทำร้ายคนไทยอีกต่อไป !

อเมริกาและยุโรปอยู่เบื้องหลังเรื่อง Tier 3, ICAO, โรฮีนจา และอีกหลายเรื่องที่บีบไทยอยู่ในขณะนี้ครับ !

ที่มา.ประชาชาติธุรกิจ
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น