--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันพฤหัสบดีที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2558

คนไทยขวัญเสีย ฝรั่งขำขัน !!?


โดย .วีรพงษ์ รามางกูร

ข่าวเรื่องการไปทำพิธีสะเดาะเคราะห์เสริมดวงกับโหร คมช. ที่เป็นร่างทรงของฤๅษีเกวาลันแห่งเทือกเขาหิมาลัย เป็นข่าวดังไปทั่วโลกว่า ผู้ทรงเจ้าเข้าผีได้ประกาศว่าผู้นำของประเทศไทยจะต้องอยู่ในตำแหน่งต่อไปอีก อย่างน้อย 2-3 ปี

ข่าวนี้เป็นที่ขำขันไปทั่วโลกเหมือนๆ ข่าวของประเทศด้อยพัฒนาในแอฟริกา ที่เราเคยเอามาเล่าเป็นที่ขำขัน แต่เมื่อเกิดขึ้นในประเทศไทยก็ขำไม่ออกบอกไม่ถูก เหลือเชื่อว่าจะเกิดกับประเทศไทย

ขณะนี้ทุกวันศุกร์เวลา 20.00 น.เป็นต้นไป กลายเป็นเวลาประหยัดไฟไปเสียแล้ว เพราะเวลาดังกล่าวทุกบ้านปิดโทรทัศน์หมด เป็นเวลาที่โทรทัศน์ทุกช่องจะถ่ายทอดรายการขอคืนความสุขจากประชาชน ตอนมีรายการนี้ใหม่ๆ ผู้คนต่างก็ตั้งใจฟังอย่างจดจ่อ แต่พยายามตั้งใจฟังอย่างไรก็ฟังไม่เข้าใจ แม้ว่าจะเป็นภาษาชาวบ้านง่ายๆ แต่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ฟังแล้วก็จับใจความหาสาระไม่ได้ หนักๆ เข้าก็เลยปิดทีวีเสียดีกว่า รออ่านจากหนังสือพิมพ์ หนังสือพิมพ์ก็นำมาเขียนไม่มาก อ่านไม่ถึง 1 นาทีก็จบ ทุกวันศุกร์เวลา 2 ทุ่มเป็นต้นไปจึงเป็นเวลาประหยัดไฟฟ้าไปโดยอัตโนมัติ

เนื่องจากเวลา 2 ทุ่มเป็นต้นไป เป็นเวลาพักผ่อนชมรายการละครโทรทัศน์ของครอบครัว ของชาวบ้านทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด เมื่อได้ยินว่ารายการโทรทัศน์ดังกล่าวจะยังคงอยู่ต่อไป 2-3 ปี ก็รู้สึกใจเสียกันโดยทั่วไป

บรรยากาศทางเศรษฐกิจ เรื่องปากท้องที่กำลังเกิดขึ้นกับประชาชนในขณะนี้ ล้วนแต่เป็นเรื่องที่ได้ยินแล้วก็ทำให้ขวัญเสียทั้งนั้น

ราคาข้าว ราคายางพารา ราคาอ้อย ราคามันสำปะหลัง ราคาน้ำมันปาล์ม พากันเข้าแถวลดลงประมาณครึ่งหรือกว่าครึ่ง แต่ราคาหมูเห็ดเป็ดไก่ไม่ลด ค่าครองชีพไม่ลด ชาวไร่ชาวนาอ่านแล้วก็รู้สึกเสียขวัญ เราอยู่ในเมืองก็รู้สึกเสียขวัญ

เนื่องจากยอดขายของโรงงานอุตสาหกรรม ต่างๆ ลดลงครึ่งหนึ่งหรือกว่าครึ่ง การจ้างงานล่วงเวลาหรือการจ้างงานเพิ่มไม่มี ขณะนี้การลดจำนวนคนงานกำลังเริ่มขึ้น ที่เริ่มช้าเพราะนายจ้างพยายามรักษาคนงานไว้ เพราะถ้าจะจ้างกลับมาใหม่ก็เป็นเรื่องยากและเสียค่าใช้จ่ายมาก มองไปข้างหน้าแล้วก็ต้องใจหายขวัญเสีย เพราะยังไม่เห็นอนาคตว่ายอดขายจะฟื้นตัวได้อย่างไร การเลิกจ้างคนงานจึงต้องทำและน่าจะรุนแรงขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี

เมื่อได้ยินโหรรัฐบาล หลวงปู่เกวาลันแห่งขุนเขาหิมาลัย พูดปูทางให้รัฐบาลอยู่ต่อไปอีก 2-3 ปีก็ใจหาย เสียขวัญ เพราะภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาอย่างหนักนี้ เพราะตลาดการส่งออกทั้งสหรัฐอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น จีน ซบเซาไปหมด ส่วนหนึ่งเพราะเป็นตลาดโลก แต่อีกส่วนหนึ่งและเป็นส่วนสำคัญมากคือเรามีรัฐบาลทหาร ซึ่งไม่เป็นที่ยอมรับของประชาคมโลก เป็นการถอยหลังเข้าคลอง ข่าวเรื่องยุโรปตัดสิทธิการได้รับการลดหย่อนภาษีหรือจีเอสพี ซึ่งรัฐบาลทหารไม่สามารถจะเดินทางไปเจรจากับเขาได้ ข่าวรัฐมนตรีต่างประเทศ รัฐมนตรีพาณิชย์ ไม่อาจจะเดินทางไปเจรจาการค้ากับใครได้ ล้วนเป็นข่าวที่ทำให้ใจเสียทั้งนั้น

ปัญหาการส่งออกตกอย่างหนักนี้ คงจะแก้ไขโดยรัฐบาลทหารไม่ได้ เช่นเดียวกับรัฐบาลเผด็จการทหารของพม่า ซึ่งมีหมอดูอีทีเป็นที่ปรึกษา เป็นสรณะที่พึ่ง พม่าก็เป็นที่ขำขันไปทั่วโลกมาก่อน

ที่ขวัญเสียอีกเรื่องก็คือ นักลงทุนญี่ปุ่นซึ่งเป็นนักลงทุนหลักของเรา ปกติแล้วนักลงทุนญี่ปุ่นจะชอบลงทุนในประเทศไทย เพราะเมืองไทยได้เปรียบประเทศอื่นหลายอย่าง เช่น แรงงานไทยมีคุณภาพสูงกว่าที่อื่น ฝึกฝนได้ง่าย เข้ากับญี่ปุ่นได้ดี รักงานที่ทำ แต่มองไปข้างหน้าถ้าผลิตในประเทศไทยแล้วจะมีปัญหาในการส่งออกไปอเมริกา ยุโรป และแม้แต่ญี่ปุ่นเอง เพราะรัฐบาลญี่ปุ่นก็เกรงใจทั้งอเมริกาและยุโรป ก็มีความจำเป็นต้องหาที่ลงทุนใหม่ถ้าประเทศไทยจะหยุดมีรัฐบาลประชาธิปไตยไป อีกนาน อย่างที่เป็นข่าวหรืออย่างที่เล่าลือกันหรือจากสัญญาณที่ได้รับ ตลาดสินค้าอุตสาหกรรมจากประเทศไทยก็น่าจะมีปัญหาในการหาตลาดเพราะเหตุผลทาง การเมือง นอกเหนือไปจากเหตุผลทางเศรษฐกิจ

ที่หนักกว่านั้นก็คือการ ให้เหตุผลว่า แม้รัฐบาลไม่ต้องการอยู่ต่อตามที่ประกาศไว้ แต่จะมีเหตุการณ์ที่ทำให้รัฐบาลลงจากอำนาจไม่ได้ ต้องอยู่ต่อไปอีก 2-3 ปี เหตุการณ์ที่พระฤๅษีเกวาลัน

แห่งเขาหิมาลัยบอกนั้นคืออะไร คงจะไม่ใช่เหตุการณ์ที่เป็นไปในทางดี คงจะเป็นไปในทางร้าย ทุกคนจึงขวัญเสียว่าสถานการณ์เศรษฐกิจที่เป็นอยู่นี้น่าจะเลวร้ายลงไปอีก จะยืดเยื้อเป็นเวลานาน รัฐบาลทหารจึงต้องอยู่เพื่อรอรับสถานการณ์ที่เลวร้ายกว่านี้ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โหรที่ทรงเจ้าเข้าผีอาจจะมีข้อมูลดีๆ เพราะลูกศิษย์บอกไว้ก่อนแล้วก็ได้ "ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่" หรือไม่ก็ช่วยลูกศิษย์โยนหินถามทาง ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ทำให้ใจเสียทั้งนั้น เพราะบ้านเมืองเราให้โหรให้ฤๅษีที่อยู่ไกลถึงเขาหิมาลัยตัดสินใจให้

เมื่อ 40 สิบปีก่อนที่กัมพูชาจะตกอยู่กับเขมรแดงที่โหดร้าย รัฐบาลทหารของนายพล ลอน นอล ที่สหรัฐเป็นผู้สนับสนุน ก็ใช้วิธีเชิญพระเกจิอาจารย์มาทำการเสกน้ำมนต์กับทรายให้ศักดิ์สิทธิ์ แล้วท่านนายพลก็นำเอาทรายกับน้ำมนต์ที่ปลุกเสกนั้นขึ้นเครื่องบินออกไปบิน ซัดและพรมให้ทั่วประเทศ เพื่อหวังขับไล่เขมรแดง โดยเชื่อว่าเขมรแดงเป็นปีศาจร้ายที่ออกจากปราสาทหินจะมายึดกัมพูชา

แต่ในที่สุดนายพลลอน นอล ก็แพ้ เขมรแดงก็เป็นปีศาจร้ายจริงๆ

ภาวการณ์เศรษฐกิจที่เลวร้าย ทั้งในต่างจังหวัด ทั้งภาคเกษตรและภาคอุตสาหกรรม ความมั่นใจในอนาคตจากข้อมูลทางเศรษฐกิจที่ออกมาได้หดหายไปตามลำดับนั้น รัฐบาลควรจะต้องต่อสู้ข่าวร้ายด้วยการเสนอมาตรการและนโยบายที่มีเหตุผลและ ปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม ถูกกาลเทศะ ไม่ใช่แก้ไขโดยการขอร้องไม่ให้พูดในสิ่งที่ไม่ดี ให้เลือกพูดเฉพาะในสิ่งที่ดีๆ

นโยบายและมาตรการที่จะให้กำลังใจ เช่น นโยบายการลงทุนโครงการจัดการและบริหารน้ำ โครงการขยายท่าเรือน้ำลึก ขยายสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง รวมทั้งสนามบินอู่ตะเภา โครงการผลักดันการส่งออก การเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว การเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจท่องเที่ยว การปรับเปลี่ยนการผลิตในพื้นที่ชลประทานไปยังสินค้าอย่างอื่น การปลูกข้าวนาปรังราคาถูกนั้นหมดสมัยแล้ว

การจัดทัพเพื่อบริหาร จัดการสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่อาจจะเลวร้ายกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้ การเร่งเจรจาการค้าเขตการค้าเสรีกับสหภาพยุโรป การเร่งเจรจาเพื่อเปิดตลาดใหม่ เสถียรภาพทางการเงินต่าง ๆ แม้จะยากแต่ก็ควรทำเพื่อขวัญและกำลังใจ

สงกรานต์เถลิงศกใหม่ จุลศักราช 1377 ผ่านไปด้วยดี ไม่มีเหตุร้ายอย่างที่เล่าลือให้ใจเสีย หวังว่าปี 2558 นี้ทั้งปีไม่ต้องไปสะเดาะเคราะห์กับคนทรงเจ้าเข้าผีที่ไหนอีก ขอให้ "ขวัญ" ที่จะรบทัพกับศึกเสือเหนือใต้จงมีชัยชนะ

อย่าขวัญหนีดีฝ่อไปนักเลย

ที่มา : นสพ.มติชน
//////////////////////////////////////////////////

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น