--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันศุกร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2558

เจาะลึกเส้นทางสายไหม R3A (2) กงสุลใหญ่จีน แนะคนไทยลงทุน...ยูนนาน !!?


วันนี้เส้นทาง R3A กำลังมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประเทศไทย เพราะเป็นจุดผ่านที่จีนจะสามารถทะลุเข้าถึงกลุ่มอาเซียนได้ก่อนที่รถไฟทางคู่คุนหมิง-กรุงเทพฯจะกำเนิดขึ้น "เฉา เสี่ยวเหลียง"กงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำจังหวัดเชียงใหม่ เบอร์หนึ่งของจีนในภาคเหนือ ให้สัมภาษณ์ "ประชาชาติธุรกิจ" เกี่ยวกับยุทธศาสตร์ R3A หลังจากที่ได้นั่งรถบัสจากชายแดนฝั่งไทย ที่อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ข้ามแม่น้ำโขงที่สะพานมิตรภาพไทย-ลาว 4 (เชียงของ-ห้วยทราย) เข้าสู่ดินแดนเมืองห้วยทราย สปป.ลาว ลัดเลาะหุบเขาคดโค้งที่มีปลายทางคือ นครคุนหมิง มณฑลยูนนานรวมระยะทางราว 1,047 กิโลเมตร

- มองศักยภาพของเส้นทาง R3A อย่างไรบ้าง

R3A เป็นเขตเศรษฐกิจที่สำคัญตามเส้นทางแม่น้ำโขง และเป็นเส้นทางสำคัญสู่อาเซียน โดยมีจุดศูนย์กลางเชื่อมต่อคือ กรุงเทพมหานคร ซึ่งเราได้เห็นการพัฒนาเศรษฐกิจของจีนชัดเจนมากบนเส้นทางนี้และเติบโตขึ้นมาก โดยเฉพาะด้านโลจิสติกส์ การขนส่งสินค้า และใช้ถนน R3A เป็นเส้นทางลำเลียงสินค้าเข้าสู่ไทย อาเซียน รวมถึงตลาดโลกการเติบโตขึ้นอย่างมากของเศรษฐกิจจีนส่งผลให้นักท่องเที่ยวจีนที่จะเข้ามาลาวและไทยเพิ่มขึ้นตามไปด้วย และในปี 2558 ที่จะเข้าสู่ AEC รวมถึงการค้าเสรีจีน-อาเซียน ความสำคัญของถนน R3A ก็จะยิ่งทวีขึ้น

- มีอุปสรรคอะไรหรือไม่สำหรับเส้นทางนี้

เท่าที่ดูและเห็นชัดเจนมาก คงเป็นเรื่องความสะดวกในการผ่านด่านแต่ละด่านที่ใช้เวลานานเกี่ยวกับพิธีการทางศุลกากร และตรวจคนเข้าเมืองที่ยังไม่ค่อยคล่องตัวเท่าที่ควร เช่น รถบรรทุกสินค้าต้องเปลี่ยนหัวรถหลายครั้งเมื่อจะต้องเข้าสู่อีกประเทศหนึ่ง ทำให้รถจอดรอกันจำนวนมากบริเวณด่าน เช่นเดียวกับขั้นตอนของการตรวจคนเข้าเมือง ที่มีกระบวนการและขั้นตอนต่าง ๆ ค่อนข้างล่าช้า ปัญหาเหล่านี้หน่วยงานรัฐของทั้ง 3 ประเทศควรจะแก้ไขเป็นเรื่องเร่งด่วน เพื่ออำนวยความสะดวกต่อการใช้บริการทุกรูปแบบบนเส้นทางนี้ให้เป็นไปอย่างคล่องตัวมากที่สุด

- การลงทุนของจีนเติบโตขึ้นมาก แล้วนักลงทุนไทยมีโอกาสมากแค่ไหน

ผมมองว่านักลงทุนไทยมีโอกาสในด้านการค้าการลงทุนบนเส้นทาง R3A ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะทุกเมืองของจีนมีนโยบายที่เปิดกว้างรับทุนไทย รัฐบาลท้องถิ่นของแต่ละเมืองให้สิทธิพิเศษค่อนข้างมากกับนักลงทุนต่างชาติ แต่ปริมาณทุนไทยยังมีค่อนข้างน้อย สิ่งสำคัญต้องดูศักยภาพของธุรกิจที่จะเข้าไปลงทุนว่าเหมาะกับตลาดไหนอย่างไร เราจะเข้าไปลงทุนในเมืองนั้น ๆ เพื่อเจาะตลาดคนจีน หรือลงทุนในแง่ของการเป็นฐานการผลิต ก็สามารถทำได้ทั้งสองรูปแบบ และการมีพาร์ตเนอร์ที่เป็นคนท้องถิ่นนั้น ๆ ก็สำคัญมากเช่นกัน

อย่างที่เมืองคุนหมิงจะมีเฉพาะวิสาหกิจขนาดใหญ่หลายกลุ่มที่เข้าไปลงทุน เช่น TCC Group ที่ได้เข้าไปซื้อกิจการโรงแรม 2 แห่งในเมืองคุนหมิง หรือที่เมืองผูเอ่อร์ เราก็พบว่ามีนักท่องเที่ยวเข้าไปท่องเที่ยวจำนวนมาก รวมถึงนักธุรกิจไทยที่เข้ามาดูลู่ทางธุรกิจหลายครั้ง ขณะเดียวกันก็มีนักลงทุนไทยที่เข้ามาลงทุนประมาณ 1-2 รายในอุตสาหกรรมชา มาทำไร่ชาอู่หลง รวมถึงนักลงทุนไต้หวันก็เข้ามาทำไร่ชาอู่หลงที่เมืองผูเอ่อร์

- จีนวางยุทธศาสตร์อย่างไรกับถนนสายนี้

ในการเดินทางครั้งนี้ เราได้เห็นสภาพและความเป็นไปบนถนน R3A ค่อนข้างเชิงลึกมาก ทำให้ผมมองถึงประเด็นสำคัญประเด็นหนึ่งที่สถานกงสุลใหญ่จีน ประจำจังหวัดเชียงใหม่ ต้องวางเป็นยุทธศาสตร์นั่นก็คือ การส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวจีนในทุกเมืองของมณฑลยูนนานเดินทางมายังเส้นทาง R3A เพื่อเข้ามาท่องเที่ยวในภาคเหนือของไทยให้มากขึ้น โดยจะประสานกับรัฐบาลท้องถิ่นทุกเมือง ซึ่งไม่ใช่ประเทศใดประเทศหนึ่งได้ประโยชน์ แต่เป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจของทั้ง 3 ประเทศสำคัญที่สุดคือ การรักษาความสัมพันธ์ทางความร่วมมือ โดยเราจะพยายามรักษาสิทธิ์ของนักท่องเที่ยวจีนให้เขารู้สึกว่าเข้ามาเที่ยวในเส้นทางนี้มีความปลอดภัยโดยเฉพาะปลายทางที่คนจีนอยากมามากที่สุดคือ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ หรือหลาย ๆ จังหวัดในภาคเหนือ จะต้องเพิ่มเติมป้ายภาษาจีนตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ๆ กล่าวได้ว่าเส้นทาง R3A เริ่มเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวจีนมากขึ้น เพราะตลอดทางผมได้เห็นรถบัสของนักท่องเที่ยวจีนสวนทางมามาก

ตอนนี้สถานกงสุลจีน ประจำจังหวัดเชียงใหม่ ออกวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวคนไทยในภาคเหนือ เพื่อไปเที่ยวยังประเทศจีน เดือนละประมาณ 2-3 พันคน ซึ่งจำนวนหนึ่งของนักท่องเที่ยวเดินทางไปท่องเที่ยวในเส้นทาง R3A และเชื่อว่าถ้าเราเร่งส่งเสริมยุทธศาสตร์นี้ก็จะทำให้การท่องเที่ยวข้ามประเทศของทั้ง 3 ประเทศเติบโตขึ้นอย่างแน่นอนในอนาคต

ย้ำชัดประโยคสุดท้ายของการสนทนา จากมุมมองเบอร์หนึ่งของจีนในภาคเหนือ "เฉา เสี่ยวเหลียง" ว่า ทั้ง 3 ประเทศคือ ไทย ลาว และจีน ที่ร่วมมือกันพัฒนามีโอกาสด้วยกันทุกด้าน และมั่นใจว่าในอนาคตความสำคัญของเส้นทางนี้จะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า

ที่มา.ประชาชาติธุรกิจ
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น