การจับมือจัดตั้งรัฐบาล"ยิ่งลักษณ์ 1" มีผลโดยพฤตินัยแล้วตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม 2554
เป็นการจัดตั้งรัฐบาลที่ฝ่าย "ทักษิณ ชินวัตร" และพวก "ชนะ" การเลือกตั้งเป็นครั้งที่ 4 ในรอบ 10 ปี
เป็นรอบปีที่ฝ่ายประชาธิปัตย์แพ้ เลือกตั้งเป็นครั้งที่ 6 ในรอบ 20 ปี
หากนับจาก "รัฐบาลชวน 1" ที่ชนะเลือกตั้งเมื่อ 13 กันยายน 2535 จากนั้นจนถึงเลือกตั้ง 3 กรกฎาคม 2554 ประชาธิปัตย์ตกเป็น "ฝ่ายแพ้" มาโดยตลอด
ครั้งนั้น "นายชวน หลีกภัย" เป็นหัวหน้าพรรค ได้เสียง ส.ส.เข้าสภาอันดับ 1 จำนวน 79 เสียง จัดรัฐบาลผสม 5 พรรค ร่วมกับพรรความหวังใหม่, กิจสังคม, พลังธรรม และพรรคเอกภาพ
ครั้งนั้น พรรคชาติไทยของนายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นฝ่ายค้าน เพราะแพ้พรรคประชาธิปัตย์ไป 2 ที่นั่ง
แต่หลังจาก พ.ศ. 2535 แล้ว อาจนับได้ว่าประชาธิปัตย์แพ้เลือกตั้งอย่างต่อเนื่องถึง 6 ครั้ง
ในการเลือกตั้งสมัย 2 กรกฎาคม 2538 พรรคชาติไทยทำให้ประชาธิปัตย์แพ้เลือกตั้งครั้งที่ 1
นายบรรหาร ศิลปอาชา ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 21 ด้วยเสียง 92 ที่นั่ง ร่วมกับรัฐบาลผสม 7 พรรค 233 เสียง
จัดคณะรัฐมนตรีร่วมกับพรรคความหวังใหม่, กิจสังคม, พลังธรรม, ประชากรไทย, นำไทย และพรรคมวลชน
พรรคประชาธิปัตย์แพ้เป็นครั้งแรกด้วยเสียงในสภาผู้แทนฯจำนวน ส.ส. 86 ที่นั่ง
ต่อมาในสมัยเลือกตั้ง 17 พฤศจิกายน 2539 พรรคประชาธิปัตย์ก็พ่ายแพ้ การเลือกตั้งครั้งที่ 2 ให้กับพรรคความ หวังใหม่
พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ หัวหน้าพรรคความหวังใหม่ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยจำนวน ส.ส. 125 คน ได้ ส.ส.เกิน 100 คน 2 พรรคเป็นครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษ
"รัฐบาลบิ๊กจิ๋ว" จัดคณะรัฐบาลผสมร่วมกัน 6 พรรค คือ กิจสังคม, ประชากรไทย, ชาติพัฒนา, เสรีธรรม และพรรคมวลชน
ปี พ.ศ.นั้นฝ่ายประชาธิปัตย์แพ้ เลือกตั้งด้วยจำนวน ส.ส. 123 เสียง แพ้พรรคสัญลักษณ์คนอีสานจำนวน 2 ที่นั่งเท่านั้น
แต่จากนั้น 1 ปีถัดมา พฤศจิกายน 2540 ก็เกิดอุบัติเหตุ "ลอยตัวเงินบาท"
บิ๊กจิ๋ว-แพ้ภัยเศรษฐกิจทรุดต้องประกาศลาออกคาตึกไทยคู่ฟ้า ต่อหน้าม็อบที่มาให้กำลังใจเต็มสนามหญ้า หน้าทำเนียบรัฐบาล
จึงเกิด "รัฐบาลชวน 2" ท่ามกลางความผันแปรในพรรคร่วมรัฐบาล ที่พยายามพลิกเกมเอาหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา "พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ" ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง
แต่เกิดปรากฏการณ์ "พลิกขั้ว" พรรคกิจสังคมถอนตัว และเกิดประวัติศาสตร์ "งูเห่า" จากประชากรไทย 12 เสียงไปจับมือจัดตั้งรัฐบาลหนุนให้ "ชวน" เป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 2 พร้อมชู "ดรีมทีมเศรษฐกิจ" แก้พิษค่าเงินบาท
จากนั้นจึงบังเกิด "พรรคไทยรักไทย" ขึ้นในการเลือกตั้ง 6 มกราคม 2544
แม้ตั้งพรรคครั้งแรก แต่ "พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร" ก็ยัดเยียดความพ่ายแพ้ให้แก่ประชาธิปัตย์เป็นครั้งที่ 3 ด้วยคะแนนเสียง land slide 248 เสียง
การจัด "รัฐบาลทักษิณ 1" จึงมีองค์ประกอบพรรคร่วมรัฐบาลเพียง 3 พรรค คือ ไทยรักไทย ความหวังใหม่ และ ชาติไทย แล้วจึงปฏิบัติการ "ควบรวม" พรรคเล็กเข้าร่วมชายคาไทยรักไทย
พรรคประชาธิปัตย์แพ้เลือกตั้งด้วยเสียงเพียง 97 เสียง ประจำการในฝ่ายค้านตลอดสมัย 4 ปีเต็มวาระเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี
การเลือกตั้งสมัยต่อมา 6 กุมภาพันธ์ 2548 "ทักษิณ" ก็ทำให้ประชาธิปัตย์แพ้การเลือกตั้งเป็นครั้งที่ 4
ไทยรักไทยชนะเลือกตั้งสมัยที่ 2 ด้วยเสียง land slide 377 เสียง "ทักษิณ" เป็นนายกรัฐมนตรีซ้ำสมัยที่ 2 จัดรัฐบาลพรรคเดียวเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทยสมัยประชาธิปไตย
แม้ชนะเลือกตั้งท่วมท้น 377 ต่อ 96 เสียงของประชาธิปัตย์ แต่ทำให้รัฐบาล "ทักษิณ" อายุสั้นเพียงปีเศษ
กระดานการเมืองถูก "ทหาร" ยึดครอง เว้นวรรคไป 1 ปี ไทยรักไทยและพวกถูกยุบพรรค นักการเมือง 111+109 คนถูกตัดสิทธิเว้นวรรคทางการเมือง
จึงเกิดการเลือกตั้งสมัย 23 ธันวาคม 2550 หลังแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ประชาธิปัตย์ก็แพ้เลือกตั้งเป็นครั้งที่ 5
นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ที่ยังมีราก-ไทยรักไทยเต็มต้น ชนะเลือกตั้งด้วยเสียง 233 เสียง
รัฐบาล "สมัคร" จัดตั้งรัฐบาลผสม 6 พรรค รวม 315 เสียง คือ ชาติไทยพัฒนา, เพื่อแผ่นดิน, มัชฌิมาธิปไตย, รวมใจไทยชาติพัฒนา และพรรค ประชาราช
แต่รัฐบาล "สมัคร" ก็อายุสั้นเพราะพิษผลประโยชน์ทับซ้อน "สมัคร" พ้นจากตำแหน่งเพราะ "คำพิพากษา" ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องการรับจ้างทำของ-จัดรายการชิมไปบ่นไป
สภาผู้แทนฯจึงเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ในร่มเงา "ชินวัตร"
เกิด "รัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์" ในวันที่ 12 กันยายน 2550
เพียง 1 ปีหลังจากนั้น "รัฐบาลสมชาย" ก็มีอันเป็นไปด้วยพิษยุบพรรคพลังประชาชนปลายปี 2551
จึงเกิดการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีที่มาจากพรรคประชาธิปัตย์+เพื่อนเนวิน
"นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ตั้งแต่ 15 ธันวาคม 2551-9 พฤษภาคม 2554 ด้วยจำนวนเสียงโหวตในสภาผู้แทนฯ 235 เสียง จาก 3 พรรคร่วมรัฐบาลเก่า+1 กลุ่มเนวิน
กระทั่งการเลือกตั้งล่าสุด 3 กรกฎาคม 2554 พรรคเพื่อไทยของฝ่าย "ทักษิณ" โดยกระแสของ "น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร"
ทำให้ประชาธิปัตย์แพ้เลือกตั้งเป็นครั้งที่ 6 ในรอบ 20 ปี ด้วยจำนวนเสียงเพื่อไทย 265 ต่อ 159
เป็น 2 ทศวรรษในรอบการเลือกตั้ง 7 ครั้ง ที่ประชาธิปัตย์แพ้ถึง 6 ครั้ง
ที่มา.ประชาชาติธุรกิจ
-----------------------------