--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันอังคารที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2554

สไตล์ไม้บรรทัด





เมื่อวันเสาร์ ที่สมาคมแต้จิ๋วแห่งประเทศไทย

เป็นการเปิดตัว ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ อย่างทางการในการเสนอตัวเป็นทางเลือกใหม่แทรกกลางระหว่างประชาธิปัตย์กับเพื่อไทยในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในอีกราว 2 เดือนข้างหน้า

ภายใต้คอนเซ็ปต์ 'มิสเตอร์ไม้บรรทัด'

ในงานมีการแจกไม้บรรทัด เขียนข้อความ 'รวมพลังให้กำลังใจปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ คนดีไม่มีเสื่อม' ให้สื่อมวลชนและผู้ร่วมงานเป็นที่ระลึก

ชัดเจนว่าเลือกตั้งครั้งนี้ ร.ต.อ.ปุระชัย จะลงสมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ เบอร์ 1

หาเสียงชูนโยบาย 'จัดระเบียบสังคม' ซึ่งเคยสร้างชื่อให้ร.ต.อ.ปุระชัย ตอนเป็นรมว.มหาดไทย สมัย 'รัฐบาลทักษิณ' จนได้ฉายา 'มือปราบ สายเดี่ยว'

ส่วนพรรคที่จะสังกัดอยู่ระหว่างขออนุมัติจาก กกต. ชื่อว่า 'พรรครักษ์สันติ'

ร.ต.อ.ปุระชัย ชี้แจงเหตุผลที่ไม่ร่วมกับพรรคประชาสันติ ตามข่าวก่อนหน้านี้เพราะต้องการเป็นผู้ควบคุมการก่อสร้างบ้านใหม่ด้วยตัวเอง ตั้งแต่การออกแบบ ตอกเสาเข็ม เทคาน ขึ้นโครงสร้าง

เพื่อให้บ้านซึ่งหมายถึงพรรคที่ตั้งขึ้นเป็นไปตามกฎกติกาทุกอย่าง ไม่ให้มีช่องโหว่ที่ฝ่ายตรงข้ามหยิบขึ้นมาเป็นเหตุเล่นงานภายหลังได้

ถ้าไปซื้อบ้านที่มีอยู่แล้วตรงนี้จะเป็นข้อเสี่ยง

มาถึงคำถามสำคัญเกี่ยวกับโพลสำรวจพบเสียงส่วนใหญ่สนับสนุนให้เป็นทางเลือกใหม่ในตำแหน่ง นายกฯ ร.ต.อ.ปุระชัย แบ่งรับแบ่งสู้ บอกเป็นเรื่องอีกไกล ต้องรอให้ได้รับเลือกตั้งก่อน

เพราะถึงเสียงดี แต่ไม่รู้จะมีคะแนนหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจล่าสุดเอแบคโพล หัวข้อคะแนนนิยมต่อพรรคการเมืองในบรรยากาศโหมโรงปลุกกระแสเลือกตั้ง

พบคะแนนนิยมประชาธิปัตย์กับเพื่อไทย สูสีคู่คี่กันในระดับร้อยละ 26.4 กับ 25.5 ซึ่งในทางสถิติไม่ถือว่าแตกต่างกัน ขณะที่พรรคอื่นๆ ได้ร้อยละ 15.4

โดยมีคนกลุ่มใหญ่ที่ยังไม่ตัดสินใจ และกำลังมองหาพรรคที่ดีกว่าสองพรรคใหญ่ถึงร้อยละ 32.7 ซึ่งถือเป็นพื้นที่ว่างสำหรับทุกพรรค

ตรงนี้เองที่ร.ต.อ.ปุระชัย ฝากเอาไว้ว่าถ้าใครคิดจะ 'โนโหวต' ก็ให้เปลี่ยนใจมาโหวตเลือก 'ปุระชัย' ดีกว่า

ออดอ้อนขอคะแนนเสียงกันตรงๆ ตามสไตล์ 'นายไม้บรรทัด' เปรี๊ยะเลย

ที่มา.ข่าวสดรายวัน คอลัมน์.เหล็กใน
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

วันจันทร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2554

งานศพวีรชน คุณเทิดศักดิ์..

ไอวอรี่โคสต์ เสียชีวิตแล้วกว่า 800 ราย: ลี้ภัยไปลิเบอร์เรียนับแสน .

ชาวไอวอรี่โคสต์เสียชีวิตแล้ว 800 ราย

คณะกรรมการสภากาชาดระหว่างประเทศ ระบุว่ามีชาวไอวอรี่โคสต์เสียชีวิตไปแล้ว 800 ราย โดยนาย Guillaume Ngefa รองผู้อำนวยการสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติระบุว่าการกระทำในไอวอรี่โคสต์นั้นถือเป็นการสังหารหมู่
โดยยอดผู้เสียชีวิตเมื่อวันจันทร์ถึงวันพุธที่ผ่านมาสูงถึง 220 ราย จากการปะทะกับหน่วยงานความมั่นคงของรัฐบาลประธานาธิบดี อาลาสเซน แควตตาร่า แห่งไอวอรี่โคสต์
“รัฐบาลยืนกรานที่จะปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว และปฏิเสธว่าไม่ได้มีความเกี่ยวพันใดๆ กับกองทัพของไอวอรี่โคสต์ ข้อครหานี้ถือเป็นการหมิ่นประมาท” ถ้อยแถลงของรัฐบาล
และกล่าวย้ำว่า “รัฐบาลคาดว่านี่คือการสร้างสถานการณ์จากฝ่ายตรงข้าม”
“กองทัพที่ยังคงภักดีต่ออดีตประธานาธิบดี โรลองต์ กาแบกโบ น่าจะมีส่วนร่วมจากปฏิบัติการดังกล่าว ในการเป็นทหารที่ได้รับการจ้างวานและแสดงความป่าเถื่อนต่อประชาชนในทางตะวันตกของไอวอรี่โคสต์”

การปะทะเดือดในไอวอรี่โคสต์เกิดขึ้นภายหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ผลประกาศว่าประธานาธิบดีกาแบกโบชนะแม้จะมีประเด็นครหาว่าเขาโกงการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม นานาชาติและองค์การสหประชาชาติกลับให้การรับรองและประกาศยอมรับว่า แควตตาร่าเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง

การดำเนินการท่ามกลางการสังหารหมู่ชาวไอวอรี่โคสต์

หัวหน้าฝ่ายกิจการเพื่อมนุษยธรรมแห่งองค์การสหประชาชาติกล่าวเตือนว่า การดำเนินการเพื่อรักษาสันติภาพ และความมั่นคงของสาธารณรัฐลิเบอร์เรีย (Republic of Liberia) อาจนำมาซึ่งความเสี่ยงยิ่ง หากประชาคมระหว่างประเทศไม่ได้จัดเตรียมทรัพยากรอย่างเพียงพอในการให้ความช่วยเหลือ ซึ่งลิเบอร์เรียถือเป็นประเทศหลักที่จะรับภาระในการรองรับผู้ลี้ภัยจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างไอวอรี่โคสต์ (Côte d’Ivoire)
Valerie Amos รองเลขาธิการองค์การสหประชาชาติฝ่ายกิจการเพื่อมนุษยธรรมและรับผิดชอบประสานงานฝ่ายบรรเทาทุกข์ในภาวะฉุกเฉินได้กล่าวหลังการเยือนลิเบอร์เรียเป็นครั้งที่ 2
“เราจำเป็นต้องดำเนินต่อไปและต้องแน่ใจว่าประเทศนี้จะสามารถให้ความช่วยเหลือเมื่อมีความจำเป็นที่จะต้อง รองรับผู้ลี้ภัยจากไอวอรี่โคสต์ได้” นาง Amos กล่าว

ชาวไอวอเรียนราว 120,000 ราย ได้ลี้ภัยมาจากไอวอรี่โคสต์ ตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมาหลังเกิดเหตุขัดแย้งการเลือกตั้งประธานาธิบดี และกว่า 110,000 ราย อพยพมายังฝั่งตะวันออกของเมืองลิเบอร์เรีย
“ผู้ลี้ภัยจำนวนมากทิ้งทุกสิ่งอย่างและหลบหนีจากแหล่งพำนักเดิม พวกเขามาถึงลิเบอร์เรียโดยที่ไม่มีอะไรติดตัวมาเลย ขณะเดียวกัน ชาวลิเบอร์เรียนได้แสดงความเอื้อเฟื้อในสิ่งที่พวกเขามี แต่ก็ไม่สามารถรองรับได้มากนัก” นาง Amos กล่าว
เธอยังกล่าวประณามการรายงานข่าวที่ระบุว่ามีการสังหารชาวไอวอรี่โคสต์ไปแล้ว 800 ราย ทางฝั่งตะวันตกของไอวอรี่โคสต์ บริเวณเมือง Duékoué ว่าเป็นความป่าเถื่อนที่ต้องนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
นาง Amos ได้พูดคุยกับชาวไอวอเรียนที่ลี้ภัยมายังลิเบอร์เรีย พวกเขากล่าวว่ามีความยากลำบากยิ่ง ทั้งการอพยพและสภาพชีวิตความเป็นอยู่ในเมืองลิเบอร์เรีย
เธอยังได้พบปะกับองค์การด้านมนุษยธรรมและให้ทบทวนการให้ความช่วยเหลือที่กำลังดำเนินการอยู่ ทั้งยังต้องเผชิญกับความท้าทายในการพยายามจัดหาสิ่งที่จำเป็นแก่ผู้ลี้ภัยและให้ที่พำนักแก่พวกเขา
รัฐบาลลิเบอร์เรียน เจ้าหน้าที่องค์การสหประชาชาติ และ NGOs ระหว่างประเทศ (Non-Govermental Organizations: องค์กรที่ไม่ใช่องค์กรของรัฐ)ได้พยายามให้ความช่วยเหลือด้านอาหาร การศึกษา การดูแลสุขภาพ และสุขอนามัย รวมทั้งให้ความคุ้มครองพลเรือนชาวไอวอรี่โคสต์แล้ว

ขณะที่ ครอบครัวชาวลิเบอร์เรียนบางรายไม่สามารถให้ความช่วยเหลือชาวไอวอรี่โคสต์ได้ในระยะยาวนัก เนื่องจากพวกเขาก็มีทรัพยากรในการดำรงชีพที่จำกัดเช่นกัน
นาง Amos วิงวอนให้มีการบริจาคภายใต้แผนปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินแห่งลิเบอร์เรีย ราว 146.5 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ขณะนี้มียอดบริจาคอยู่ที่ 35 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถือว่ามีสัดส่วนเพียง 23% เท่านั้นจากความต้องการ

ที่มา.Siam Intelligence Unit
////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

วันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2554

คิดแบบ..เฟอร์รารี่ !!??

โดย สรกล อดุลยานนท์

(ที่มา คอลัมน์สถานีคิดเลขที่ 12 หนังสือพิมพ์มติชน)
เห็นการแก้ปัญหาอุทกภัยภาคใต้ของรัฐบาลแล้วผมคิดถึงเรื่องโรงพยาบาลเด็ก กับ "เฟอร์รารี่" ขึ้นมา

โรงพยาบาลเด็กแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา ออกแบบห้องฉุกเฉินสำหรับเด็กด้วยวิธีการใหม่

เขาติดต่อทีมงานของ "เฟอร์รารี่" มาช่วยวางแผน

ทีมงานชุดนี้ คือทีมในสนามแข่งรถสูตร 1 แบบเดียวกับรถแข่งที่ "กระทิงแดง" นำมาโชว์ที่ถนนราชดำเนิน

เพราะในสนามแข่งรถที่เร็วที่สุดในโลก หากเกิดปัญหากับตัวรถขึ้นมา ทีมนี้ต้องจัดการแก้ปัญหาในเวลาที่เร็วที่สุด

ไม่ใช่ชั่วโมง ไม่ใช่นาที

แต่เขาคิดเป็น "วินาที"
ทุกอย่างต้องคิดละเอียดทุกขั้นตอน

เอา "เวลา" เป็นตัวตั้ง
ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลเด็ก มีเป้าหมายเดียวกับทีมเฟอร์รารี่ คือต้องนำเด็กที่ป่วยหนักเข้าห้องฉุกเฉินให้เร็วที่สุด อุปกรณ์ทุกอย่างต้องพร้อมที่สุด และแพทย์ต้องปฏิบัติการให้เร็วที่สุด

หลักคิดแบบนี้ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ควรนำมาใช้กับการแก้ปัญหาน้ำท่วม
เอา "เวลา" มาเป็น "เป้าหมาย"
โดยเฉพาะการแก้ปัญหาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า ซึ่งเป็นปัญหาที่สำคัญที่สุด
1.การสื่อสารติดต่อกับภาครัฐ 2.ที่พัก-ห้องน้ำ 3.อาหาร-น้ำดื่ม 4.ยารักษาโรค 5.เสื้อผ้า

ทุกปัญหาต้องกำหนดเป้าหมายการแก้ปัญหาด้วย "เวลา"
เกิดน้ำท่วมขึ้น ต้องสามารถติดต่อหน่วยงานรัฐได้ภายในเวลาเท่าไร

เมื่อหน่วยงานของรัฐรู้ปัญหา ต้องส่งความช่วยเหลือไปถึงมือผู้เดือดร้อนภายในเวลาเท่าไร

ต้องกำหนดแผนงานและเป้าหมายเวลาเป็น "ชั่วโมง"

ไม่ใช่ 3 วัน 7 วัน ชาวบ้านยังต้องช่วยตัวเองอยู่เลย
อย่าลืมว่าคนที่เดือดร้อน 1 ชั่วโมง ก็เหมือนกับ 1 วัน

"นาฬิกาความรู้สึก" มันวิ่งเร็ว
อุปกรณ์ต่างๆ เช่น เรือท้องแบนต้องเตรียมพร้อม อาหาร-น้ำดื่ม ต้องออกแบบไว้เลย ต้องไม่เสียง่าย เปิดกินง่าย และมีวัสดุห่อหุ้มไม่ให้เปียกน้ำ ฯลฯ

เลิกเสียทีเถอะครับ น้ำท่วมที่นครศรีธรรมราช-กระบี่ แต่ส่งอาหาร-น้ำดื่มจากกรุงเทพฯไปช่วย
ทำไมไม่ซื้อจากจังหวัดใกล้ๆ เพื่อลดเวลาการขนส่ง
ทำไมไม่วางแผนประสานงานกับเทสโก้โลตัส บิ๊กซี หรือบริษัทเครื่องดื่มไว้ก่อน

มีปัญหาเมื่อไรก็ประสานงานให้ส่งจากจังหวัดใกล้เคียงไปก่อนเลย

อย่าลืมว่า "เวลา" มี "ราคา"

"ธนินท์ เจียรวนนท์"
เจ้าสัวซีพี เจ้าของแนวคิด "2 สูง" ที่ "อภิสิทธิ์" นำมาใช้เคยบอกไว้ว่า "คนทำผิดครั้งแรกไม่ผิด แต่ทำผิดในสิ่งเดิม ครั้งที่ 2 นั่นคือ ความผิดที่แท้จริง"
น้ำท่วมครั้งนี้ ผมเห็นทุกหน่วยงานทำงานกันอย่างหนัก

แต่ที่น่าเสียดาย คือแผนในการแก้ปัญหาไม่ดีเลย
ครับ ถ้าน้ำท่วมใหญ่แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในรอบ 10 ปี รัฐบาลยังสามารถอ้างเหตุผลได้ว่าเหนือความคาดหมาย

แต่น้ำท่วมใหญ่เพิ่งเกิดไม่นาน ไม่กี่เดือนเอง

รอยแผลยังสดๆ อยู่เลย

การแก้ปัญหาควรจะดีกว่านี้ไม่ใช่หรือครับ !


//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

งานเข้าไม่หยุด ปิดฉากไม่สวย

ในตอนแรกนั้นดูเหมือนการที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีประกาศล่วงหน้าว่าจะยุบสภาช่วงสัปดาห์แรกของเดือนพ.ค. จะเป็นตัวหล่อเย็นช่วยลดความร้อนแรงทางการเมืองลงไปได้มาก

เห็นจากพรรคร่วมรัฐบาลที่เคยต่างคนต่างอยู่ ก็เริ่มขยับหันมากลมเกลียวกันมากขึ้น บางพรรคถึงขั้นประกาศจับมือเป็นพันธมิตรทางการเมืองในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง

หวังผลข้ามช็อตไปยังสถานการณ์ภายหลังการเลือกตั้งที่จะผนึกกำลังต่อรองกลับเข้าร่วมรัฐบาล ไม่ว่า 2 พรรคใหญ่ ประชาธิปัตย์หรือเพื่อไทยเป็นฝ่ายชนะ

ขณะที่ฝ่ายค้านพรรคเพื่อไทยก็ลดดีกรีการตรวจสอบรัฐบาลลงหลังจบศึกซักฟอก เพราะต้องเอาเวลามาจัดทัพจัดแถวหาคนลงสมัครรับเลือกตั้ง ทั้งยังต้องรีบเร่งหาตัวผู้นำพรรคที่จะมาชูเป็นนายกฯ ให้ได้โดยเร็ว

ทางด้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ได้โฟนอินส่งสัญญาณ ถึงพรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดง ให้เตรียมพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งที่ใกล้จะมาถึง โดยตนเองพร้อมอำนวยความสะดวกทุกอย่างไม่ว่าการวางนโยบายหาเสียงหรือการวางท่อน้ำเลี้ยง

ในจังหวะการเปิดตัวของพรรคใหม่ที่มีชื่อ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ เป็นหัวหน้าพรรค ก็สามารถดึงดูดความสนใจของคนเกลียดมาร์ค-เบื่อแม้วได้ไม่น้อย

รวมถึงการที่บรรดานักการเมืองต่างพรรคพร้อมใจกันผลักดันกฎหมายลูก 3 ฉบับรองรับการเลือกตั้งและการทำงานของกกต. จนผ่านสภาวาระแรกไปอย่างรวดเร็ว

ทั้งยังได้รับการยืนยันจากเหล่าขุนทหารโดย เฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลา โหม ว่ากองทัพพร้อมหนุนการเลือกตั้ง จะไม่มีการทำปฏิวัติแน่นอน

ถ้ามองอย่างผิวเผินจึงดูเหมือนสถาน การณ์ในช่วงวาระสุดท้ายของรัฐบาล การเมืองจะเป็นไปอย่างราบรื่น ทุกฝ่ายพร้อมใจเดินหน้าเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง

อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาเริ่มผ่านไปนานเข้า ขณะที่ห้วงเวลาการยุบสภาตามที่นายกฯ อภิสิทธิ์ ระบุยังเหลืออีก 1 เดือน ทำให้เกิดกระแสข่าวสารพัดต่างๆ นานา จนหลายคนเริ่มไขว้เขว ไม่มั่นใจจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นจริงหรือไม่

เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าในสังคมไทยยังมีคนกลุ่มหนึ่งไม่ต้องการให้มีการเลือกตั้ง แล้วก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ แต่ได้พยายามเคลื่อนไหวโน้มน้าวสังคมให้เห็นคล้อยตามความคิดของตนเอง

ไม่ว่าการเรียกร้องให้มีการยุบสภาแต่ไม่ให้มีการเลือกตั้ง ให้เว้นวรรคนักการเมือง 3 ปี ขอพระราชทานนายกฯ และคณะรัฐมนตรี ตามมาตรา 7

นอกจากนี้ยังมีการพยายามที่จะกดดันให้ กกต.ลาออก เพื่อทำแท้งการเลือกตั้ง ซึ่งบังเอิญสอดรับกับกรณีนางสดศรี สัตยธรรม ประกาศพร้อมไขก๊อกหากได้รับเลือกเป็นคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย

นางสดศรีอ้างว่าไม่สบายใจที่มีความต้องการสกัดกั้นกฎหมายลูกทั้ง 3 ฉบับไม่ให้เสร็จ อีกทั้งการเลือกตั้งครั้งนี้ยังดูแปลกๆ เหมือนกับโยนลูกให้ กกต.รับไปทั้งหมด

ถึงแม้ต่อมา กกต.ทั้ง 4 คนที่เหลือจะยืนยันว่าพร้อมอยู่ต่อเพื่อทำหน้าที่จัดการเลือกตั้งครั้งนี้ให้ลุล่วง

แต่จากนั้นไม่กี่วันก็ยังเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ใครหลายคนซึ่งกำลังใจจดจ่ออยู่กับการเลือกตั้ง ต้องเกิดอาการหวาดระแวง คือเหตุการณ์สภาล่ม 3 วันติดต่อกันเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ไม่ค่อยดีนัก เนื่องจากกฎหมายลูก 3 ฉบับถึงจะผ่านสภาวาระแรก แต่เท่ากับเพิ่งจะคลอดได้แค่ครึ่งตัว เหลืออีกครึ่งตัวคือวาระ 2 และ 3 กำลังจ่อเข้าสภาวันที่ 7 เม.ย.

ทั้งฝ่ายที่อยากให้เลือกตั้งเร็ว และฝ่ายที่ไม่อยากให้เลือกตั้งเลย รวมถึงฝ่ายที่อยากให้เลือกตั้ง แต่อยากให้ยืดเวลาออกไปก่อน ก็เลยต้องไปลุ้นกันอีกยก

การที่สภาล่ม 3 วันติดต่อกันผลเสียหายที่ตามมา นอกจากทำให้การพิจารณาเห็นชอบบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือเจบีซี ต้องเลื่อนออกไป

ยังเกิดการพูดกันมากว่าสาเหตุที่ส.ส.ไม่ยอมมาประชุมจนทำให้สภาล่มนั้น

เป็นเพราะนายกฯ อภิสิทธิ์ประกาศยุบสภาล่วงหน้าชัดเจน ทำให้ส.ส.ต้องแย่งชิงกันลงพื้นที่แข่งกันหาเสียงแต่เนิ่นๆ เพราะถ้าขืนอยู่ประชุมสภาอาจไม่ได้กลับมาเป็นส.ส.

อย่างที่ นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย กล่าวเปรียบเปรย ว่าสภาตอนนี้เหมือนบริษัทปิดแล้ว พนักงานรู้ว่าตนเองต้องตก งานจึงต้องไปหางานใหม่ จะให้มาอยู่ได้อย่างไร

ตามมาติดๆ กับเสียงตัดพ้อจากส.ส.ภาคใต้ พรรคประชาธิปัตย์ ว่านายกฯ อภิสิทธิ์ใจดำ ไม่ยอมให้ ส.ส. พรรคลงพื้นที่ช่วยเหลือ ชาวบ้านที่ประสบอุทกภัยครั้งใหญ่ เพราะมัวแต่ห่วงสภาจะล่ม

ทั้งที่ภาคใต้เป็นฐานเสียงของพรรคแท้ๆ ก็ยังอุตส่าห์มีคำถามขึ้นมาจนได้ว่านายกฯ อภิสิทธิ์ ควร ฉับไวต่อการลงไปดูแลปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนมากกว่านี้หรือไม่

แล้วก็เป็นอะไรที่เหมือนซ้ำเติมรัฐบาลกับโครงการสำรวจอีสานโพล ของมหา วิทยาลัยขอนแก่น ระบุเสียงสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลของชาวอีสานลดต่ำลงทุกด้าน ไม่ว่าด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม

เนื่องจากชาวอีสานมองว่ารัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องราคาสินค้าและค่าครองชีพที่สูงขึ้นได้เป็นรูปธรรม

ไปๆ มาๆ ก็เหมือนวกกลับมาที่ความไร้ฝีมือด้านการ บริหารประเทศ และความเชื่องช้าต่อการแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ซึ่งเป็นบุคลิกเดิมๆ ของประชาธิปัตย์

จากปัญหาที่พันกันจนยุ่งเหยิงจากเรื่องหนึ่งโยงไปอีกเรื่องหนึ่ง ชนิดคาถา "ยุบสภา" ที่นายกฯ ท่องบ่นรายวันก็ช่วยคลี่คลายอะไรไม่ได้

ถึงยังหาความแน่นอนไม่ได้ว่าการเลือกตั้งใหม่จะเกิดขึ้นช้าหรือเร็ว

แต่ที่แน่ๆ คือมีสัญญาณหลายอย่างบ่งชี้รัฐบาลชุดนี้ปิดฉากตัวเองไม่สวย แน่นอน

ที่มา.ข่าวสดรายวัน
////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

วันเสาร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2554

"ปุ"ลุยเอง! ตั้ง...รักษ์สันติ

ที่สมาคมแต้จิ๋ว มีงานแสดงวิสัยทัศน์ของร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครักษ์สันติ โดยนำภาพกิจกรรมสมัยทำงานทางการเมืองมาแสดง พร้อมเขียนสโลแกน “รวมพลังใจให้คนดี(ไม่มีเสื่อม)” และแจกไม้บรรทัดเล็กเป็นที่ระลึก โดยมีพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตรอง ผบ.ตร. มาร่วมให้กำลังใจด้วย และระบุว่ายังไม่ได้เข้าร่วมพรรคหรือตัดสินใจอนาคตทางการเมือง เพียงแต่มาให้กำลังใจเพื่อนเท่านั้น

ร.ต.อ.ปุระชัย แสดงวิสัยทัศน์ตอนหนึ่งว่า ตนไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองมาหลายปี การกลับมาครั้งนี้ไม่ได้มีเจตนามาสร้างความขัดแย้งกับกลุ่มใด ทุกคนคือเพื่อนร่วมชาติ สีสูงสุดของตนคือสีธงไตรรงค์ มาครั้งนี้ไม่ได้หวังจะมาแย่งอำนาจของพรรคไหน แต่เห็นประชาชนได้รับความเดือดร้อน ให้อยู่เฉยๆคงไม่ได้ เหมือนชาวบ้านบางระจันที่ลุกขึ้นสู้เพื่อปกป้องบ้านเมืองโดยมิได้หวังตำแหน่งว่าจะต้องเป็นขุนเป็นพระยา จึงขออาสากลับมาทำงานเพื่อประเทศชาติอีกครั้ง

“จากผลการสำรวจความคิดของประชาชนพบว่ายังมีประชาชนอีกจำนวนหนึ่งที่ยังไม่รู้จะเลือกใครในการเลือกตั้งครั้งหน้า จึงอยากขอประชามติของประชาชนว่าต้องการให้ผมทำงานเพื่อบ้านเมืองหรือไม่ ถ้าต้องการก็ขอให้ไปใช้สิทธิในการเลือกตั้ง หากจะโนโหวตก็ขอให้กาเลือกปุระชัย ไม่ว่าผมจะไปอยู่สังกัดพรรคใดก็ตาม” ร.ต.อ.ปุระชัย กล่าว

จากนั้นร.ต.อ.ปุระชัย ให้สัมภาษณ์ว่า การกลับมาทำงานการเมืองบอกตรงๆว่าไม่อยากทำ กำลังจะไปท่องโลกแล้ว แต่กลับมาอีกครั้งเพราะชาติต้องมาก่อน หากมีสิ่งใดที่ตนและเพื่อนช่วยเหลือให้ชาติผ่านวิกฤตได้ก็พร้อมจะทำ สิ่งที่สำคัญคือทำอย่างไรให้ชาติไปสู่ครรลองที่มีความสุข สามัคคีได้ ขณะนี้โลกมีความเปลี่ยนแปลงมากมาย ไม่ใช่เวลาที่คนในประเทศจะมาขัดแย้งกันเองได้ เช่น ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นกับทั้งไทยและต่างประเทศ จะทำอย่างไรให้เราสามารถช่วยเหลือตัวเองและผู้อื่นได้

ต่อข้อถามว่าขณะนี้่ดำรงตำแหน่งใดและสังกัดพรรคใด ร.ต.อ.ปุระชัยกล่าวว่า ตนอยู่พรรคใหม่ ไม่อยู่พรรคที่มีอยู่แล้ว โดยพรรคใหม่อยู่ระหว่างการจัดตั้งพรรค ยื่นเรื่องการจัดตั้งพรรคเมื่อวันที่ 30 มี.ค. ปกติจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน เชื่อว่าจะสามารถจัดตั้งพรรคได้ทัน แต่ถ้าไม่ทันจะลงเลือกตั้งครั้งต่อไป การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่จุดสำคัญที่สุด ส่วนจะอยู่ตำแหน่งใด พรรคชื่ออะไร โดยมารยาทหากยังจัดตั้งไม่เรียบร้อยก็ไม่ควรพูด

“สาเหตุที่เลือกอยู่พรรคใหม่เพราะเหมือนการสร้างบ้าน เมื่อเราสร้างเองก็รู้ว่าโครงสร้างตรงไหนแข็งแรง ไม่แข็งแรง แต่หากเลือกซื้อบ้านที่สร้างไว้แล้ว เราก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าตรงไหนที่ไม่แข็งแรงบ้าง พรรคการเมืองเป็นยิ่งกว่าบ้าน ฉะนั้นการสร้างพรรคใหม่จึงดีกว่าการไปอยู่พรรคอื่นที่สร้างไว้แล้วที่ต้องปรับตัวและไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร” ร.ต.อ.ปุระชัย กล่าว

ต่อข้อถามถึงกระแสความนิยมที่ประชาชนอยากให้เป็นนายกฯนั้น ร.ต.อ.ปุระชัยกล่าวว่า ขณะนี้เร็วและไกลเกินไปที่จะพูดถึงเรื่องดังกล่าว ต้องรอให้ประชาชนตัดสินใจในการเลือกตั้งก่อน ส่วนการเลือกนายกฯ ต้องเป็นการออกเสียงในสภาอีกครั้ง ยังไม่มีใครคาดการณ์ล่วงหน้าได้ สำหรับนโยบายเกี่ยวกับการจัดระเบียบสังคมยังคงต้องทำ ทั้งเรื่องยาเสพติด การค้ามนุษย์ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การสร้างความสามัคคีปรองดองให้กับประเทศ

เมื่อถามว่าการกลับสู่การเมืองครั้งนี้ต้องปรับเปลี่ยนบุคลิคหรือไม่ ร.ต.อ.ปุระชัยกล่าวว่า ตอนนี้ตนเปลี่ยนไปเยอะ ช้าลง ต้องใส่แว่น พูดช้าลง และระวังในการดำเนินชีวิตมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาประสบการณ์ที่ต้องถูกฟ้องร้องจากคดีกล้ายาง คดีหวยบนดิน ทำให้ตนทำอะไรด้วยความระวังมากขึ้น เคยคิดว่าหากไม่ประพฤติชั่วก็ไม่ต้องถูกดำเนินคดีขึ้นโรงขึ้นศาล แต่ขณะนี้ไม่ใช่เพราะตนไม่ได้ทำอะไร ก็ถูกดำเนินคดีอาญาได้

“ผมและเพื่อนที่ร่วมก่อตั้งพรรค อยากเห็นการเลือกตั้ง ไม่อยากเข้าสู่วังวนของรัฐประหาร อยากให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง เมื่อดูจากการสำรวจความเห็นของประชาชนแล้วมีเสียงโนโหวตอยู่มาก ขอให้เลือกผมเข้าไปทำงาน หากจะให้ประเมินคะแนนของตัวเองคงต้องบอกว่าตอนนี้เสียงดี แต่จะมีคะแนนหรือไม่ยังไม่ทราบ เพราะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ฝากทุกคนว่าชาติเป็นสมบัติของทุกคนต้องรักษาทะนุถนอม อยากให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง ขอให้พรรคผมได้เป็นทางเลือกอย่าโนโหวต” ร.ต.อ.ปุระชัย กล่าว

ที่มา. ข่าวสดออนไลน์
//////////////////////////////////////////////////////////////////

เปิดใจเจ้าของฉายาไม้บรรทัด "ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์" พรรคใหม่-คอนเน็กชั่นดี-เศรษฐีหนุน !

เมื่อพรรคประชาสันติ กำลังจะมีคนสวม "หัว" เป็นนักการเมืองเจ้าของฉายา "ไม้บรรทัด"

การกลับมาของ "คนดี-ไม่มีเสื่อม" ทำให้กระดานการเมืองสั่นไหวราวอาฟเตอร์ช็อก หลังคลื่นมัจจุราชสึนามิ

"ผู้สื่อข่าว" สนทนากับ "ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์" บนตึกสูงที่สั่นสะเทือนเพราะแผ่นดินไหวในพม่า

หลังม่านของ "ร.ต.อ.ปุระชัย" มีทั้งทหารเกษียณ ตำรวจเก่า และ "เสี่ยพันธ์เลิศ ใบหยก" อดีตรองเลขาธิการไทยรักไทย ผู้ครอบครองทรัพย์สินหลักหมื่นล้าน กับธุรกิจในเครือ 21 บริษัท

นี่คือบทสนทนาหน้าม่านกับ "สื่อ" ครั้งแรก ก่อนเปิดม่านพรรคประชาสันติ อย่างเป็นทางการ

- ทำไมคิดกลับเข้าเส้นทางการเมืองเป็นหัวหน้าพรรคประชาสันติ
เราอยู่ในแผ่นดินนี้ ตอนนี้เรารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมเป็นห่วงประเทศ

ผมคิดว่าถ้าเป็นไปได้ประเทศน่าจะ มีทางเลือก ตอนนี้คนไม่รู้จะเลือกใครมีแต่บอกว่าจะไปเลือกตั้ง แต่จะไม่ลงคะแนนให้ใคร เขาลองเลือกมาหมดแล้ว ทั้งฝ่ายรัฐบาล-ค้าน แต่ทางเลือกมันตัน

ถ้าเขาไม่เลือกก็จบเร็ว แต่ถ้าประชาชนเลือกเรา เรื่องก็ยาว (หัวเราะ)

- ยุคตั้งพรรคไทยรักไทยกับยุคตั้ง พรรคนี้ ต่างกันอย่างไรยุคผมเข้าสู่ไทยรักไทยด้วยอุบัติเหตุ ผมไปชวนท่านทักษิณสร้างมหาวิทยาลัย ยุคจะมีพรรคใหม่ เราก็พร้อมเท่าที่พร้อม เมื่อคุณเสรี สุวรรณภานนท์ เขาบอกว่า อยากให้ผมเป็น ผมก็พร้อมจะช่วยหลังฉาก ซึ่งผมชอบมาก ไม่ต้องแจงบัญชีทรัพย์สิน มีเยอะ มีน้อย ก็ต้องแจ้ง มันเป็นภาระ

- ถ้ามีเลือกตั้งชื่อปุระชัยลงสมัครเป็น ส.ส. สัดสˆวนและหัวหน้าพรรค
ต้องผ่านการประชุมใหญ่ในวันที่ 2 เมษายน แล้วโหวตหัวหน‰าใหม่ ถ้าลง รับสมัครเลือกตั้งส.ส.ระบบสัดส่วน การเป็นพรรคการเมืองมันต้องเติบโต ยั่งยืน มีความเป็นสถาบัน ผมเคยฝันให้พรรคไทยรักไทยเป็นสถาบันการเมือง แต่ก็เกิดอุบัติเหตุ ไทยรักไทยถูกยุบ ผมทุ่มเทเวลาไป 8 ปี

- พรรคนี้คือเนวิน-คอนเน็กชั่นหรือไม่ความจริงก็เป็นความจริง (เสียงเครียด) ขอบอกว่า ผมกับเนวินไม่เคยเจอกันเลย ตั้งแต่รัฐประหาร ผมกับท่านทักษิณก็ไม่เคยเจอกันเลย

การเมืองอาจมีอดีต ช่วยกันไปช่วยกันมา สังคมไทยเล็กนิดเดียว เนวินกับผมอยู่ในครม.ด้วยกันในพรรคไทยรักไทย แต่วันนี้ถามว่าเกี่ยวมั้ย เราก็ไม่เกี่ยว คุณเห็นด้วยได้...แต่ยังไม่ ต้องเชื่อ

- คอนเน็กชั่นสาย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ เป็นมาอย่างไร
ผมกับท่านพัชรวาทโยงกันมานาน ตั้งแต่สมัยคุณพ่อท่าน พอรุ่นผมเข้าเรียนเซนต์คาเบรียลอยู่ด้วยกัน 10 ปี

เข้าเรียนเตรียมทหารรุ่นเดียวกัน เป็นนายร้อยรุ่นเดียวกัน ผมออกไป เป็นผู้หมวด ตชด.ที่อรัญประเทศ เมื่อผม ย้ายออก ท่านพัชรวาทก็ไปเป็นแทนผม

ถ้าถามว่า ฮั้วกันมั้ย...ชีวิตมันเจอกันตลอด หลายเรื่องผมรู้จักท่านดี ผมเรียกคุณแม่ท่านพัชรวาทว่าคุณแม่ เห็นความเป็นเพื่อนกันมายาวนานมาก

- คุยกับท่านพัชรวาทอย่างไร ถึงมาตั้งพรรคการเมือง
เขาเป็นคนไม่ค่อยพูด แต่การไม่พูด ก็ดี...รักษาความลับได้ดี ท่านเห็นด้วยกับการตั้งพรรค เขามาช่วย ไม่จำเป็นต้องเกี่ยว จะกลายเป็นเป้า เป้าบวก หรือเป้าลบไม่เกี่ยว ปัญหาเบาไปเยอะ ประสบการณ์ในไทยรักไทยสอนเราเยอะ

- เป็นหัวหน้าพรรคที่เป็นแคนดิเดต นายกรัฐมนตรีเป็นคู่แข่งว่าที่นายกรัฐมนตรีอีกไกลมาก เหมือนเด็กเพิ่งเริ่มเรียนหนังสือ คนก็มาพูดกันว่าจบปริญญาเอกแล้ว เรายังเตรียมการอยู่ ต้องหาผู้สมัคร ส.ส. สัดส่วน 125 เขต 375 คน

- หลายโพล ชื่อ "ปุระชัย" ก็นำเราก็หวัง เราก็พร้อมเท่าที่พร้อม ถ้าบอกไม่พร้อมก็จะถูกถามอีกว่า ถ้าไม่พร้อมแล้วมาตั้งพรรคทำไม เลือกตั้ง ครั้งนี้เราไม่ได้หวัง อยากลงเป็นเวที ซ้อมมือ ก็ยังดีผมหวังว่าจะไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ

- โลโก้พรรคคือ "ปุระชัย" จุดขายของพรรคคืออะไร
คือความสดใหม่ เป็นทางเลือก ผมมาอยู่เบื้องหลัง ก็ไม่ใช่อีแอบ จะช่วยเขียนนโยบาย จะเอาชื่อไปใส่เป?นหัวหน‰าผมก็ยินดี

- มีนักการเมืองจากพรรคฝ่ายค้าน-รัฐบาล ติดต่อมาร่วมพรรคบ้างหรือไม่
ก็มีอยู่เรื่อย ๆ แต่เรามีเงื่อนไขคือ ไม่ซื้อเสียง ถ้าเป็นไปได้ต้องช่วยตัวเอง (หัวเราะ) เราไม่มีเงินถุงเงินถังไปดูแล ไปแจก ส.ส.ของเรา ถ้ามีซื้อเสียงต้อง ขับออก (หันหน้าไปทางนายพันธ์เลิศ ใบหยก) ท่านพันธ์เลิศก็ต้องแยกเรื่องส่วนตัว เรื่องส่วนรวม

- คุณพันธ์เลิศเกี่ยวข้องอย่างไรในพรรค
ท่านเป็นผู้ร่วมก่อตั้งคนหนึ่ง

- ระหว่างชื่อ "พันธ์เลิศ" กับชื่อ "ปุระชัย" ใครเป็น diveo ตัวดึงดูด ส.ส.(ทั้งพันธ์เลิศและปุระชัยหัวเราะเสียงดังพร้อมกัน) การเลือกตั้งครั้งนี้เป็น แบบฝึกหัดของเรา เลือกหลายครั้งก็ เก่งขึ้น ผมบอกผู้ก่อตั้งว่า ถ้าครั้งนี้ ไม่ ทันก็ไม่แปลก แต่ทำงานนี้เราต้องคุม เกม เราไม่ใช่สินค้าสด ไม่ขายวันนี้ก็ไม่เน่า

- ในเวทีการเมือง "ความดีไม่มีเสื่อม" จะดำรงอยู่ได้หรือตัวเราคือตัวเรา บางเรื่องเราก็ต้องทำใจ บางเรื่องถูกต้อง ตรง บางเรื่องก็ไม่ถูก ไม่ตรง

- ที่ผ่านมาพรรคทางเลือก-พรรคที่สาม หรือโซ่ข้อกลาง ก็ไม่เคยสำเร็จทางการเมืองผมก็ไม่แน่ใจว่าจะสำเร็จ ไม่มีใคร การันตีได้ ส่วนหนึ่งที่เราพิจารณาคือ เราต้องแยกระหว่างเรื่องแต่งกับเรื่องจริง ตั้งพรรคเราไม่เพ้อฝัน ต้องหาข้อมูล ทำโพล

ขอให้ทุกพรรคสบายใจได้ เราจะไม่แย่งใคร คนที่จะเลือกเราคือคนที่ถอดใจจากการเมืองหลายแสนเสียง เขาขอร้องว่าอย่าให้เราถอดใจ ยังมีโอกาส มีพรรค ให้เลือกอีก 1 พรรค

- นโยบายอะไรที่จะได้ทำให้คนกลางที่ยังไม่ตัดสินใจเลือกใครออกมาเลือกพรรคประชาสันติข้อแรก เรามีโอกาส มีความหวัง ข้อสอง ให้ดูว่าผู้ร่วมก่อตั้งพรรคเป็นใคร อดีตคนคนนี้เกิด-ทำงานประเภทไหน ผมมั่นใจในตัวผม เราเป็นครอบครัวที่ซื่อสัตย์ ไม่เคยโกง เราเสริมส่วนรวม มากกว่าเอาของส่วนรวมมา

- จะขายอะไรนอกจากเรื่องดี-เก่ง
การบริหารประเทศ สิ่งสำคัญคือคนกุมบังเหียน คนต้องมาก่อนระบบ คนดีระบบดีนั้นดีแน่ คนดีระบบแย่ต้อง แก้ไข คนแย่ระบบดีไม่ช้าก็ไป คนแย่ระบบแย่ก็บรรลัยแน่นอน ฉะนั้นคนบริหารต้องดี

- ที่ผ่านมาระบบรัฐธรรมนูญ 2540 ก็ดีแต่ปัญหาบ้านเราคือคนแย่ไปบริหาร อย่างพรรคไทยรักไทยก็เริ่มที่คนดี ระบบดี แต่อยู่ไป ๆ คนดีเริ่มหาย สุดท้ายก็ไปสู่ความล่มสลาย

- พรรคใหญ่ 2 พรรค ที่จะเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล คิดว่าจะร่วมกับฝ่ายไหน
งานการเมือง ผมดีใจถ้ามีทีมอื่นมาร่วมทีม เหมือนฟุตบอลมีคนมาเตะกับเรา จบแล้วก็เป็นเพื่อนกัน เป็นคู่แข่ง ไม่ได้เป็นศัตรู

- ถ้าได้ร่วมรัฐบาล ท่านต้องมีตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี
เราเลือกตั้งครั้งแรกได้ไม่กี่เสียงก็ไม่เป็นไร เป็นฝ่ายค้านก็ดี มีแผลน้อย ได้ตรวจสอบรัฐบาล เรียนรู้งาน เป็นรัฐบาลก็ต้องใจแข็ง ไม่หลงทิศทาง ไม่ยอมต่อสิ่งยั่วยวนที่ไม่ถูกต้อง

- กับพรรคเพื่อไทย รวมงานกันได้เพื่อไทยก็คือเพื่อไทย เป็นเรื่องเฉพาะ เหมือนผมเป็น ครม.ชุดที่ 54 แต่ ครม. ชุดที่ 55 โดนปฏิวัติ ผมก็เดือดร้อนด้วย

- หากนักการเมืองบ้านเลขที่ 111 ออกมา จะกระเทือนมั้ยผมไม่ได้คิดประเด็นนี้ พวก 111 รู้จักเกือบหมด มีบางคนเก่ง บางคนกล้า

- อย่างคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่มีข่าวอาจจะมาอยู่ร่วมกัน เก่งมั้ยผมไม่เกี่ยวกับกลุ่มใด อย่างคุณ พันธ์เลิศเขาอยากเห็นการเมืองดี เขาก็มาช่วย พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา หรือนายธีรพล นพรัมภา ยืนยันว่าเราไม่เกี่ยวกัน

- มีสัญญาณพิเศษอะไรทำให้พรรคนี้เกิดขึ้นได้ไม่มีสัญญาณพิเศษอะไร

- กลุ่มอำนาจพิเศษเริ่มไม่ใช้บริการพรรคประชาธิปัตย์ อาจใช้พรรคนี้ผมและเพื่อนจบเตรียมทหารก็มีครบทั้ง 4 เหล่าแต่ถึงจะเป็นรุ่นพี่-รุ่นน้อง แต่ ใครจะมาสั่งไม่ได้ กองทัพจะมาสั่งไม่ได้

- อุปสรรคของพรรคนี้คืออะไรเราต้องสู้ ถ้าหยุดเท่ากับชีวิตจบ มาทำงานการเมืองหลายคนมองเป็นความสกปรก แต่นี่มันคือวิธีการสุภาพบุรุษ เราไม่ได้เป็นโจร เราไม่ได้วางแผนไปปล้นเขา นี่คือจังหวะและโอกาสที่ ขาดแคลนผู้นำ ประเทศกำลังไขว่คว้าหา...เหมือน ลี กวน ยู ในสิงคโปร์ เราไม่ได้แข่งกับใครแบบเอาเป็นเอาตาย เป็นคู่แข่งในเกมการเมือง ถ้าเป็นมวย เราเป็นพรรคใหม่ที่ไม่ต่อยใต้เข็มขัดอย่างแน่นอน

ที่มา.ประชาชาติธุรกิจ
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

เย้ยกฎเหล็ก ก.พ.ยุคมาร์ค แฉบิ๊กระดับ10 หัวงูหรา?

รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2553 ได้มีการใช้อำนาจแห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ออกกฎ ก.พ. ว่าด้วยการกระทำอันเป็นการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศ พ.ศ. 2553
เนื้อหาคือ ... ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดกระทำการประการหนึ่งประการใดดังต่อไปนี้ต่อข้าราชการด้วยกัน หรือผู้ร่วมปฏิบัติราชการ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นในหรือนอกสถานที่ราชการ โดยผู้ถูกกระทำมิได้ยินยอมต่อการกระทำนั้น หรือทำให้ผู้ถูกกระทำเดือดร้อนรำคาญ ถือว่าเป็นการกระทำอันเป็นการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศ ตามมาตรา 83(8)

กระทำการด้วยการสัมผัสทางการที่มีลักษณะส่อไปในทางเพศ เช่น การจูบ การโอบกอด การจับอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่ง เป็นต้น
กระทำการด้วยวาจาที่ส่อไปในทางเพศ เช่น วิพากษ์วิจารณ์ร่างกาย พูดหยอกล้อ พูดหยาบคาย เป็นต้น

กระทำการด้วยอากัปกิริยาที่ส่อไปในทางเพศ เช่น การใช้สายตาลวนลาม การทำสัญญาณหรือสัญญลักษณ์ใดๆ เป็นต้น
การแสดงหรือสื่อสารด้วยวิธีการใดๆที่ส่อไปในทางเพศ เช่น แสดงรูปลามกอนาจาร ส่งจดหมาย ข้อความ หรือการสื่อสารรูปแบบอื่นๆ เป็นต้น

การแสดงพฤติกรรมอื่นใดที่ส่อไปในทางเพศ ซึ่งผู้ถูกกระทำ ไม่พึงประสงค์หรือเดือดร้อนรำคาญ
กฎ ก.พ. ฉบับนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อ 28 กันยายน 2553 หมาดๆ เพียงแค่ครึ่งปีเท่านั้นเอง ไม่น่าเชื่อว่ากฎเหล็กที่ลงนามโดยนายอภิศิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะประธาน ก.พ. จะถูกข้าราชการบางคนไม่ใส่ใจ!!!

เพราะล่าสุดได้มีการทำหนังสือร้องเรียนไปยังวุฒิสมาชิก ภารดี จงสุขธนามณี โดยผู้ร้องเรียนจบจากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำงานเป็นถึงเลขานุการประธานกรรมการบริษัท ซึ่งบริษัทนี้ได้รับมอบหมายไปช่วยการสัมมนาโครงการ “การสร้างภาพลักษณ์ไหมไทยสู่ตลาดโลก” ที่จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 14-16 มีนาคม 2554 ซึ่งจัดโดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์

ปรากฏว่าผู้ร้องเรียนได้ถูกหนึ่งในวิทยากร ที่ทางกรมทรัพย์สินทางปัญญาเชิญมาร่วมบรรยาย ซึ่งเป็นข้าราชการระดับสูง ระดับ 10 กระทำการคุกคามทางเพศ ลวนลามทางวาจาและทำกิริยาไม่เหมาะสม

เช่น ถามเรื่องส่วนตัว ละลาบละล้วง ว่ามีสามีหรือมีลูกแล้วหรือยัง บ้านอยู่ที่ไหน และพูดเป็นนัยยะเชิงชู้สาวอยู่ตลอดเวลา อาทิ “ลักยิ้มสวยจัง ขอขโมยไปวันหนึ่งจะได้ไหม” “เดี๋ยวเอารูปเธอขึ้นหน้าจอโทรศัพท์ดีกว่า” มีการพยายามขอพินบีบี เมื่อไม่ได้ก็ขอเบอร์โทรศัพท์แทน

ซ้ำเมื่อผู้ร้องเรียน ในฐานะผู้ประสานงานได้ส่งคีย์การ์ดห้องพักโรงแรมให้ บิ๊กรายนี้ยักท่า ไม่อยากรับแถมพูดว่า “เดี๋ยวคืนนี้ให้เธอไปนอนเลย” เมื่อผู้ร้องเรียนพยายามส่งให้อีกครั้ง ก็ยังพูดทำนองเดิมว่า “นี่เธอถือเอาไว้ คืนนี้จะเอาไปนอนด้วยเหรอ” ต่อหน้าธารกำนัล ทำให้ผู้ร้องเรียน รู้สึกอับอายเป็นอย่างยิ่ง

ซ้ำยังมีการคุกคามทางเพศด้วย คือแกล้งยกมือมาลูบศีรษะที่สนามบินบ้าง ระหว่างเดินทางบนรถตู้บ้าง แต่ที่ร้ายกว่านั้นคือ ระหว่างการรับประทานอาหารเย็น บิ๊กผู้นี้ได้โชว์รูปอวัยวะเพศหญิงที่เขามีอยู่ในโทรศัพท์มือถือ ให้ผู้ร้องเรียนดูกลางโต๊ะอาหาร ต่อหน้าผู้ร่วมโต๊ะอีกหลายคน ซ้ำแกล้งถามว่านี่คือรูปอะไร เมื่อตอบว่าไม่รู้ บิ๊กผู้นี้ก็ยังส่งรูปให้เพื่อนร่วมงานของผู้ร้องเรียนดู ซึ่งก็เป็นภาพลามกเช่นเดียวกัน

พฤติกรรมดังกล่าวทำให้ผู้ติดตามของข้าราชการระดับสูงผู้นี้เข้าใจผิด คิดว่าผู้ร้องเรียนถูกจัดมารับรอง จึงขอให้ผู้ร้องเรียนดูแลให้เป็นพิเศษ ถึงขนาดกระซิบบอกว่า “บัตรรับประทานอาหารเช้าของท่านอยู่บนโต๊ะอาหาร” ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ได้เกี่ยวกับผู้ร้องเรียนเลยแม้แต่นิดเดียว

ยิ่งไปกว่านั้น บิ๊กข้าราชการผู้นี้ได้ส่งแฟลชไดร์ฟของตนให้เพื่อนร่วมงานของผู้ร้องเรียนเพื่อเซฟไฟล์งาน เมื่อเปิดแฟลชไดร์ฟขึ้น จึงพบว่าในนั้นเต็มไปด้วยคลิปวิดิโอลามก แต่บิ๊กผู้นี้กลับทำพูดติดตลกว่าให้เปิดอย่างระวัง เดี๋ยวผู้ร้องเรียนจะเห็นคลิป และยังถามผู้ร้องเรียนด้วยว่าชอบดูหนังอาร์หรือไม่

ผู้ร้องเรียนถือว่าเป็นการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศ ของข้าราชการระดับสูง ซึ่งไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง จึงได้มีการร้องเรียนไปยัง ส.ว.ภารดี จงสุขธนามณี ในฐานะที่เป็นลูกผู้หญิงด้วยกันและวุฒิสมาชิก ให้ช่วยดำเนินการด้วย
ซึ่งจริงๆเรื่องนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ก็น่าจะเข้ามาดูแลด้วยเช่นกัน ในฐานะที่เป็นคนออกกฎเหล็กนี้ขึ้นมา แล้วถูกข้าราชการระดับสูงบางคนมาแหกกฏโดยไม่แยแสเช่นนี้... ควรตรวจสอบและลงโทษสถานหนัก

ที่มา.บางกอกทูเดย์
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

วันศุกร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2554

การเมือง กินเมือง

‘ทฤษฎีสมรู้ร่วมคิด’ ของส.ส.โคราช

การลงมติโหวตไม่ไว้วางใจรัฐบาล เมื่อสัปดาห์ก่อนต้องยอมรับโดยทั่ว กันว่า “สถานการณ์ได้สร้างวีรบุรุษ”.. แต่เป็นการสร้าง “วีรบุรุษจอมปลอม” ให้เกิดขึ้นในสภาอันทรงเกือกแห่งนี้แล้ว.. แต่ดันเป็นสภาที่รอเวลา “ยุบตัวเอง” ลงในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้านี้..

จับอาการกลุ่มก๊วนการเมืองที่แสดงออกอย่างชัดเจนแล้วว่า.. วีรบุรุษ จอมปลอมพวกนั้นแสดงออกผ่านอาการ “อดอยากปากแห้ง”..ฉะนั้น หัวขบวนผู้อยู่เบื้องหลัง “กลุ่มส.ส.นครราชสีมา” จึงต้องรีบแก้เกมบากหน้าขอ “ตีตั๋วจอง” รอนั่งเสนาบดีในรัฐบาลสมัยหน้ากับเค้าด้วย!!! ด้วยการ “โหวตสวน” ความเห็นของซีกพรรคฝ่ายค้านไปซะอย่างนั้น..

ขณะที่สถานะเสียงข้างมากของประ ชาธิปัตย์บวกกับพรรคภูมิใจนั้นค่อนข้างง่อนแง่นเสียเต็มที..แต่ก็ยังพอประคอง “รัฐนาวาอภิสิทธิ์” ให้อยู่รอดปลอดภัยพอ ที่จะผ่านพิธีกรรมอำพราง “ผลาญงบประ มาณแผ่นดิน” ต่อไปได้อีกสักระยะจนกว่า จะรวมตัวรวมหัวกันยุบสภาราวปลายเดือน พฤษภาคมนี้..

อย่างกรณีกลุ่ม ส.ส.โคราช เมืองย่าโม ที่ประชาชนในพื้นที่แทบจะต้องส่าย หน้าหนีนั้น..เพราะแกดันมี “วาระซ่อนเร้น” โหวตไว้วางใจเฉพาะรัฐมนตรีที่มาจาก “ภูมิใจไทย” เป็นการเฉพาะ.. นัยว่าจะสร้าง “มิติใหม่ทางการเมือง” เพื่อขย่มข่มขู่ “น้ามาร์คศิษย์หลวงพี่ชวน” เพราะหากว่า “กลุ่ม 1 ส.+กลุ่ม 3 พี” รวมหัวกันยึดเมืองโคราชได้อย่างเบ็ดเสร็จ.. แล้วหันไปผสมข้ามสายพันธ์กับ “กลุ่มเติ้งกินไม่แบ่ง” จากเมืองสุพรรณบุรีจะได้ ส.ส.รวมกันมิใช่น้อย..

เพราะหาก “แก๊งปลาไหลรุ่นลายคราม” รวมตัวกันติดเมื่อไหร่?!?! แล้วเดิน หน้าไปอยู่ภายใต้ “อุ้งปีกมาร” กับพ่อมดเมืองมนต์เขมรที่รอวันออกจากคุกการ เมืองไทยราวกลางปี 2554 แล้วล่ะก็.. “นายกรัฐมนตรีไทย” คนต่อไปก็ไม่แน่ที่จะมีชื่ออื่นๆ เข้ามาสอดแทรกแทนหนุ่มหล่อนักเรียนนอกสองสัญชาติก็เป็นไปได้..

“ทาส-พสุธา” ประเมินสถานการณ์ หลัง “คุกแตก” แล้วว่าน้ำเน่าจากการเมือง ไทยจะยิ่งเน่ากว่าเก่าหลายกิโลขีด.. ก็เมื่อ “เซียนเขี้ยวโง้ง” คืนฟอร์มลงสู่สนามจริงหลังพ้นโทษแบนไป 5 ปี..“ความแค้นบวกกับความอดอยาก” มันได้ซึมผ่านชั้น ผิวหนังเข้าไปถึงกระดูกพวก 111 แล้วครับ.. ทุกอย่างจะเดินไปตามสัจธรรมที่ว่า “สันดอนนั้นขุดได้..แต่สันดานนักการเมืองไทยมันลึกเกินกว่าที่จะขุด”..

ฉะนั้น “ชาวโคราชบ้านเอ็ง” แต่ก็เป็นประเทศของพวกข้า..จะยอมทำตัวเป็น “คนหมดทางเลือก” แล้วก้มหน้าเดินเข้า คูหากาเบอร์เดิมๆ อีกต่อไปอย่างนั้นหรือ??? หรือว่าคนโคราชยินยอมพร้อม ใจกับพฤติกรรมโหวตสวนซื้อใจ “หล่อ บวกห้อย” เพื่อเป็นใบเบิกทางให้กลุ่ม “1 ส.+3 พ.” ได้ส่งเด็กในคาถาเข้าร่วมผสม โรง “สวาปาล์ม” กับเค้าด้วยในรัฐบาลหน้า..

ตื่นเสียทีเถิดครับพี่น้องชาวโคราช!!! หากพวกท่านหาคนดีมีฝีมือและซื่อสัตย์มา ทำยาไม่ได้..ก็ให้พร้อมใจกันกาไปเลยที่ช่อง “โหวตโน” ให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเสียเลย.. ไม่ต้องเลือกใครหน้าไหนมาเป็น ส.ส.ให้รกเมืองย่าโมหรอกครับพ่อแม่พี่น้อง.. ไอ้ที่จะต้องมาเจอหน้าเห็นหัว ส.ส.มาคอยเอาอกเอาใจพี่น้องประชาชนเฉพาะตอนใกล้จะเลือกตั้งนั้นมันไม่สำคัญเท่าการได้มาซึ่ง “ตัวแทนที่ซื่อสัตย์” และเดินหน้าพัฒนาพื้นที่ด้วยความจริงใจไร้ผลประโยชน์ แอบแฝงหรอกครับ..

“เกมแห่งอำนาจ” ในไทยมันควรจะยุติลงด้วยอำนาจที่แท้จริงจาก พี่น้องประชาชนเอง.. ด้วยการใช้สิทธิ์เลือกผู้แทนราษฎรของพวกท่านให้เข้า ไปปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติ.. มิใช่เลือกกันเข้าไปอยู่กันเต็มสภา แต่หาสาระไม่ได้เลยสักรายเดียว.. ส.ส. หน้าเงินพวกนี้จ้องจะเขมือบงบหลวงเงินแผ่นดิน จนชาติผอมบักโกรกเหลือ แต่กระดูกแล้วครับ..

พี่น้องชาวโคราชเชื่อมั๊ย?!?! เมื่อประเทศบอบช้ำจากการทุจริตคอร์รัปชั่นจนเหลือแต่ซาก..ไม่มีอะไรจะให้ “ส.ส.ทาส” พวกนี้ได้โกงอีกต่อไปแล้ว.. พวก ส.ส.หน้าเดิมๆ ของพวกท่านเหล่า นั้นจะหน้ามืดตามัวถึงขั้น “ขายชาติ เฉือนแผ่นดินไทย” ให้กับคนต่างชาติต่างเมืองอย่างแน่นอนครับ..


ที่มา.สยามธุรกิจ
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

ลูกป๋าเหนาะ ย้ำ ป๋าเหนาะซบ"เพื่อไทย"

นายสุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัครส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ทราบว่ามีการทาบทามนายเสนาะจริง และเป็นไปได้มากที่พรรคประชาราชจะร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย ส่วนรายละเอียดเป็นอย่างไรนั้นอยากให้รอฟังนายเสนาะ เป็นคนพูดเองในวันครบรอบวันเกิด 78 ปีที่บ้านพักอัลไพน์ ส่วนจะถึงขั้นยุบพรรคประชาราชไปรวมกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่นั้นต้องให้ผู้ใหญ่คุยกัน เพราะตรงนี้เป็นรายละเอียดของข้อกฎหมาย

ด้านว่าที่ร.ต.พงศ์พันธ์ เปิดเผยว่า วันนี้คณะส.ส.ของพรรคเพื่อไทยจำนวนหนึ่งได้เดินทางไปอวยพรวันเกิดให้กับนายเสนาะเนื่องจากเป็นผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ ทั้งนี้ในวันที่ 1 เม.ย.ที่สนามกอล์ฟอัลไพน์จะมีการจัดงานวันเกิดของนายเสนาะ ซึ่งจะมีการเปิดตัวนายเสนาะเข้าร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยอย่างเป็นทางการด้วย รวมทั้งพล.ต.อ.ประชาด้วย ดังนั้นเราจะมีการทำพิธีต้อนรับนายเสนาะ เพราะการได้นายเสนาะเข้ามาร่วมงานนั้นเปรียบเหมือนกับการเปิดทางให้ทุกฝ่ายเข้ามาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย โดยเบื้องต้นนั้น นายเสนาะ พล.ต.อ.ประชา พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย และร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตประธานส.ส.พรรคเพื่อไทยนั้น จะลงสมัครส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทยอย่างแน่นอน นอกจากนี้ ตนทราบว่ายังมีความพยายามเชิญกลุ่มของนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรครวมชาติพัฒนา และกลุ่ม 3 พี ของพรรคเพื่อแผ่นดินเข้ามาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยอีกด้วย

นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในวันนี้( 1 เม.ย.)นายเสนาะจะจัดงานคล้ายวันเกิดครบรอบ 78 ปีที่บ้านพักสนามกอล์ฟอัลไพน์ในช่วงเย็น โดยจะมีส.ส.พรรคเพื่อไทยเข้าร่วมอย่างคับคั่ง โดยเฉพาะผู้ใหญ่ของพรรค นำโดยนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.ชวลิต นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ และนางยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวพ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณจะวีดีโอลิงค์มาพูดคุยกับนายเสนาะเพื่อเชิญชวนเข้าพรรคเพื่อไทยอย่างเป็นทางการด้วย

ที่มา.เนชั่น
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2554

จักรพรรดิ-จักรพรรดินีญี่ปุ่นเสด็จเยี่ยมปลอบขวัญผู้ประสบภัย

สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ และสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะ แห่งญี่ปุ่น เสด็จเยี่ยมปลอบขวัญผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวและสึนามิเป็นครั้งแรก หลังจากเกิดภัยพิบัติเมื่อเกือบ 3 สัปดาห์ที่แล้ว โดยสองพระองค์เสด็จดูความเป็นอยู่ของผู้ประสบภัยที่ศูนย์อพยพ ซึ่งตั้งขึ้นในโตเกียว บูโดกัน โรงยิมสอนศิลปะการต่อสู้ในกรุงโตเกียวเมื่อวาน โดยปัจจุบันโรงยิมแห่งนี้ได้กลายเป็นบ้านให้กับผู้อพยพจากจังหวัดฟุกุชิมะประมาณ 300 คน และตลอดการเสด็จเยี่ยมนานเกือบหนึ่งชั่วโมง พระองค์ทรงมีปฏิสันถารกับผู้ประสบภัยอย่างใกล้ชิด

ผู้ประสบภัยคนหนึ่ง บอกว่า ลำบากมากที่ต้องอยู่ที่นี่ โดยมีลูกเล็กๆอายุแค่ 7 เดือนแต่รู้สึกดีขึ้น เมื่อสมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินีตรัสให้กำลังใจ ผู้ประสบภัยอีกคน บอกว่า แม้จะไม่สามารถพูดคุยกับสมเด็จพระจักรพรรดิได้อย่างถูกต้อง เพราะรู้สึกตื่นเต้น แต่ก็รู้ได้ว่าทั้ง 2 พระองค์ทรงห่วงใยราษฎรจริงๆ และรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างมาก

ปัจจุบันประชาชนหลายแสนคนที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวและสึนามิยังคงอาศัยอยู่ตามศูนย์อพยพชั่วคราวทั่งประเทศ ส่วนกรุงโตเกียวรองรับผู้ประสบภัยไว้ทั้งหมด 600 คน กระจายอยู่ตามศูนย์อพยพที่จัดไว้ 3 แห่ง 1 ใน นั้น คือ ศูนย์อพยพในโรงยิมโตเกียว บูโดกัน ผู้ประสบภัยส่วนใหญ่เป็นผู้ที่อพยพมาจากจังหวัดฟุกุชิมะที่มีปัญหาเรื่อง โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ผู้ประสบภัยจะได้ตั๋วอาบน้ำฟรีที่ห้องน้ำสาธารณะ และคูปองอาหาร 2 พันเยนหรือราว 700 บาททุกวัน

ที่มา.เนชั่น
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2554

จากใจ (เรา)ชมรมอาสาสมัครเพื่อความหวัง VOLUNTARY FOR HOPE GROUP (VHG)


ขอระบายความอึดอัดหน่อยนะ แบบว่าอึดอัดมานาน จากใจของกลุ่มคนที่อาสาทำหน้าที่ให้การช่วยเหลือและดูแลพี่น้องมวลชนเสื้อ แดงในที่ชุมนุม ซึ่งไม่เคยได้รับการเหลียวแลจากรัฐบาล( ก็มันคิดว่าคนเสื้อแดงมาไล่มัน มันจะมาดูแลทำไม มันคิดว่าประชาชนเป็นศัตรู? )เรามาทำหน้าที่นี้เพราะเรามีความถนัด และอยากใช้ความสามารถทั้งหมดที่เราพอมี ให้เป็นประโยชน์กับมวลชน คืองานด้านดูแลสุขภาพ และการปฐมพยาบาลเบื้องต้น จะมีแกนนำคนใดรู้บ้างว่า พี่น้องต้องการการดูแลด้านนี้มากเพียงไร มีแต่พวกเราบรรดา กลุ่มอาสาพยาบาล ที่มากันเอง จัดตั้งกันเอง ใช้ทุนส่วนตัว และทุนของเพื่อน ๆ ในกลุ่มตัวเอง รวมถึงพี่น้องมวลชนด้วยกันเอง ที่หยอดกล่องรับบริจาคหน้าเต้นท์ เราไม่เคยได้รับการสนับสนุนเงินทองจากแกนนำแม้แต่บาทเดียว และไม่เคยร้องขอใด ๆ ทั้งสิ้น ทำงานไปตามธรรมชาติ ได้รับเงินบริจาคหน้าเต้นท์ น้อยมาก แต่ได้รับสนับสนุนจากผู้รักความยุติธรรม ที่พอมีกำลังทรัพย์ช่วยให้เราได้ทำงานเพื่อมวล ชนมาได้อย่างต่อเนื่อง "

" เราร่วมสู้มาตลอด ทำหน้าที่นี้มาหลายปีแล้ว มวลชนและการ์ด นปช.ที่ร่วมสู้กันมาตลอด ต่างก็รู้จักเราเป็นอย่างดี เรา( กลุ่มพยาบาลอาสา-มวลชน-และการ์ด ) เราเคยอยู่กันอย่างพี่น้อง ที่หัวอกเดียวกัน คือต้องสู้กับอำมาตย์เผด็จการ กลุ่มอาสาพยาบาลของเรา ร่วมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับพี่น้องเรา และเรา ยืนเคียงข้างมวลชนจนวินาทีสุดท้าย ด้วยมุ่งมั่นในนิยามของคำว่า เรา...จะไม่ทอดทิ้งกัน ทุกครั้งที่ถูกสลายอย่างไร้ความปราณีจากรัฐบาล"

" ครั้งล่าสุด กลุ่มของเราต้องเปลี่ยนชื่อกลุ่มใหม่ เป็น VHG เพราะชื่อเก่ามันถูกกระชับพื้นที่ไป แต่ทีมงานก็ยังคงหน้าเดิม ๆ ทุกคน และทำตามอุดมการณ์คือสู้ต่อ และเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลทุกข์สุขของมวลชน เพราะจากการทำงานอย่างหนักของเรา กินอยู่หลับนอนข้างถนนเช่นเดียวกับมวลชน เราอาศัยข้าวแจกเช่นดียวกับมวลชนที่ทุกข์ยาก เพื่อประหยัดเงินทุกบาทที่ผู้ใจบุญบริจาคให้เรานำไปซื้อยา -เวชภัณท์ มาดูแลพี่น้องของเรา พวกแกนนำท่านรู้บ้างไหมว่า เราต้องใช้เงินซื้อยาในแต่ละวัน จำนวนเงินเท่าไร? สถานภาพความป่วยไข้ของพี่น้องร่วมรบที่น่าสงสาร เป็นอย่างไร ? ท่านคงไม่รู้ หรืออาจจะรู้แต่ไม่ตรงตามความเป็นจริง "

"หลังถูกสลาย บางคนในกลุ่มต้องหนีหัวซุกหัวซุน (ท่านอย่ารู้เลยว่า หนีทำไม ก็เป็นกลุ่มพยาบาลถ้าถามแกนนบางคนเขาอาจจะให้คำตอบได้ ) ตัวอย่างมีให้เห็นคือกลุ่มอาสากู้ชีพ ถูกยิงตายในวัด เราก็อยู่จุดเดียวกันนั่นล่ะ ) "

" แต่ด้วยวิญญาณนักสู้เสื้อแดงมันมีอยู่เต็มตัว และหัวใจ กลุ่ม VHG ก็เดินหน้าสู้ต่อไปพร้อมกับมวลชนอีก ภายใต้การควบคุมด้วย พรก.ที่วัดอ้อมน้อย สมุทรสาคร เราบอกับตัวเองว่า กู..ไม่หนีอีกแล้ว เพราะมวลชนต้องการการดูแล ไม่มีหน่วยพยาบาล มวลชนก็ลำบาก เจ็บป่วยกระทันหันจะทำอย่างไร "

" เราไปได้ด้วยดี เพราะในขณะนั้น ไม่มีแกนนำ ไม่มี " ส่วนกลาง" เข้ามาควบคุมการชุมนุม ทุกคนมีอิสระเสรีภาพไม่ถูกจำกัดสิทธิ มวลชนให้การต้อนรับ เพราะเราทำเพื่อพวกเขา "

" แต่ลางหายนะสำหรับ VHG มันเริ่มที่งาน แรลลี่ อยุธยา เราประสานงานกับผู้จัดเป็นอย่างดี ได้จุดตั้งเต้นท์ที่เหมาะสม คือมวลชนสามารถเข้าถึงได้ง่าย และสะดวก แต่จู่ ๆ ก็มีผู้จัดที่เขาอ้างว่า เป็นเจ้าของงาน และเป็นถึง พี่สาว สส.ในพื้นที่ มาขอให้เราย้ายเต้นท์ไปตั้งที่อื่น เพราะ "พยาบาลส่วนกลาง" ต้องการพื้นที่ตรงนั้น เช่นกัน มันกิดคำถามว่า ทำไมเราถึงต้องถูกไล่ที่ ? และต้องหลีกทางให้กับ "พยาบาลส่วนกลาง" ทั้งที่เราประสานงานมาเป็นที่เรียบร้อย และทุกครั้งเราจะไปเริ่มงานก่อนทีมวลชนจะเดินทางถึงที่ชุมนุมเสมอ คือไปแต่เช้า ส่วน " พยาบาลส่วนกลาง" วันนั้นเขามาถึงประมาณ บ่าย-2 ถ้าจำไม่ผิด แต่ก็บ่ายมากแล้วล่ะ พอเขามาถึง เขาอยากได้อะไร สั่งอะไร ก็ต้องได้ทุกอย่างใช่ใหม่ ? แล้ว "พยาบาลส่วนกลาง" มี ความแตกต่างจาก " กลุ่มงานอาสาพยาบาล VHG " หรือหน่วยพยาบาลอาสา อื่น ๆ ตรงไหน ?

" และตั้งแต่มีการชุมนุมโดย นปช.เริ่มมีประธานรักษาการ มีการ์ด ชุดใหม่ ผู้ดูแลการ์ดคนใหม่ เป็นต้นมา VHG ซึ่งต้องอดหลับอดนอน ผลัดเวรกันไปจับจองพื้นที่ เช่นเดียวกับพ่อค้าแม่ค้าเสื้อแดง เพื่อให้ได้ทำเลตั้งเต้นท์ที่เหมาะสมในการดูแลมวลชน กลับถูก การ์ด นปช.ผู้ยิ่งใหญ่ ไล่เหมือนเราเป็นหมู เป็นหมา แต่คราวนี้ความอดทนมันถึงขีดสุด.. เราโต้ตอบกลับไปบ้าง เพราะไม่รู้จะทนให้พวกใจดำไร้สำนึกพวกนี้ มันไล่เตะเล่นไปทำไม.."

"ล่าสุดนี้ VHG ก็เจอทีเด็ดของผู้ยิ่งใหญ่ "พยาบาลส่วนกลาง " ที่เขาบอกว่าเขา เส้นใหญ่ ก็วิธีเดิม ๆ คือเรามีทีมงานไปประสานจุดตั้งเต้นท์ล่วงหน้า 1 วัน(ก็เรารู้ตัวว่าเรา เส้นไม่ใหญ่ และถูกไล่อยู่ประจำ) ได้ที่ชัดเจนแล้ว เช้า26-03-54 ยาและเวชภัณท์ ก็ออกเดินทางจาก กทม.ตั้งแต่ตี 4 ถึงพื้นที่ก็เตรียมจัดของ ปรากฏว่า "พยาบาลส่วนกลาง" เส้นใหญ่คับเสื้อแดง ก็มายืนอวดก้าม ชูหาง พองขน ใช้วาจาถากถาง เรา ..อดทน ไม่โต้ตอบ เพราะเราคิดว่า เรามีสมบัติผู้ดี ไม่ควร เสวนากับคนถ่อย น้องทีมงานที่จองพื้นที่ก็เข้าไปคุย..ได้ยินเต็ม 2 หู ว่า " ระหว่าง..(ขอไม่เอ่ยนาม ซึ่งเป็นผู้ชี้จุดให้เราตั้งเต้นท์ และดูแลจัดพื้นที่ ) กับ...( เขาเอ่ยชื่อแกนนำรอง ที่ขึ้นเวทีต้องมีเพลงประจำตัวคล้าย ๆ เพลงก๊อด ) ใครจะใหญ่กว่ากัน " จบค่ะ เรารู้แล้วว่า เจอกับอะไรเข้า ก็ต้องขนของหาที่ตั้งใหม่ ตามยถากรรม ประสากลุ่มอาสาพยาบาล ลูกเมียน้อย มาตรฐานการได้รับการต้อนรับ ต้องต่ำกว่า " พยาบาลส่วนกลาง "

" โชคดีที่พ่อค้าแม่ค้าเสื้อแดง ที่เขารู้จักเราดี ว่าเราเป็นผู้ที่ดูแลมวลชน รวมทั้งพวกเขาก็มารับการช่วยเหลือจากเรา พวกเขาเห็นใจ และรู้ว่า หน่วยพยาบาล มีความสำคัญ ต้องมีที่ตั้งเต้นท์ เพื่อดูแลมวลชน เขาแบ่งที่ให้เราได้ทำหน้าที่ดูแลมวลชนได้ในที่สุด "

" ยัง..ยังมีต่อ VHG ไม่ได้รับการต้อนรับตั้งแต่ก้าวแรก ที่เดินทางถึงโบนันซ่า คือการ์ดด่านแรกทีมีแผงเหล็กกั้นทางเข้า ไม่ยอมให้เรานำรถขนอุปกรณ์ ยา เข้าไป เขาอ้างว่า ต้องทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด เราบอกว่าเป็นหน่วยพยาบาล เขาถามว่าหน่วยไหน เราบอกว่า VHG เขาทำหน้าบอกบุญไม่รับ แล้วบอกว่านำรถเข้าไปไม่ได้ ( รถเก๋งคันเล็ก ๆ ) เราบอกว่าจะขนของให้เราไหมล่ะ เขาถามว่าหนักไหม เราบอกว่าไม่หนักจะขอเข้า  แล้ว พณ.ท่านหัวหน้ากลุ่ม ก็เดินมาที่รถ แล้วก็ทำหน้างี่เง่า "สำลัก" คำพูดออกมาว่า " อยากเข้า ก็ปล่อยให้เข้าไป " เจ็บปวดไหมคะ สำหรับกลุ่มคนที่อาสามาดูแลมวลชนอย่างจริงใจ แต่เราก็ยังหน้าด้านทำหน้าที่ ดูแลมวลชนของเราต่อไป จนในวันนั้น ยาแทบหมดเต้นท์ และเราได้ดูแล การป่วยไข้ของพี่น้องเราเกือบตลอดวันและคืน พี่น้องมวลชนเห็นความสำคัญ และเห็นเราเป็นที่พึ่งในยามเจ็บป่วย และวางใจ ให้เราดูแล แต่ ผู้จัดการชุมนุม และแกนนำ ไม่เคยเห็นความสำคัญกับเราเลย "

**ท่านไม่ให้ความสำคัญเรา เราไม่ว่า แต่อย่าให้คนของท่าน มารังแกเรา เพราะแม้แต่อำมาตย์เรายังสู้ ดังนั้นจากนี้ไป ใครมารังแกเรา เราก็จะสู้ เพื่อความถูกต้อง และความยุติธรรมในหมู่เสื้อแดง กำจัด 2 มาตรฐานในเสื้อแดง ***



//////////////////////////////////////////////////////////////////