--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันพุธที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2553

สวน”ไก่อู”แก้ตัวเรื่องทหารแต่งชุดพลเรือนถือเอ็ม16แค่ไปส่งข้าว ระบุไม่มีใครนั่งกินในแนวหน้า


คุณเชื่อหรือไม่ว่านี่คือเด็กส่งอาหาร????
เพื่อไทยเปิดคลิปจับเท็จ จี้ ศอฉ.อ้างทหารแต่งกายพรางตัวเป็นพลเรือนถือเอ็ม 16 วิ่งกลับมาจากการส่งข้าวโดยมีการยิงคุ้มกันชี้คงไม่มีใครไปกินข้าวในแนวหน้า จี้ยอมรับความจริงชายนอกเครื่องแบบอาจจะเป็นบุคคลนิรนาม

น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ สส. กทม. ในฐานะเลขาธิการศูนย์ติดตามช่วยเหลือดูแลความปลอดภัยประชาชน (ศชปป.) แถลงพร้อมเปิดคลิปชี้แจงตอบโต้ ศอฉ.ว่า หลังจากพรรคเพื่อไทยเรียกร้องให้ ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) ดำเนินการตรวจสอบชายแต่งชุดพลเรือนถือปืน M 16 วิ่งเข้ามาในกลุ่มทหารในวันที่ 19 พฤษภาคม ที่บริเวณปากซอยงามดูพลี ถนนพระราม 4 โดยไม่มีการจับกุมนั้น ตกลงแล้วเป็นกลุ่มคนนิรนาม หรือไอ้โม่ง หรือทหาร และทาง ศอฉ.ได้ออกมาแถลงเกี่ยวกับกรณีนี้ว่า บุคคลดังกล่าวเป็นทหารจริง แต่เป็นทหารชุดส่งข้าวกล่องในพื้นทีส่วนปืน M 16 เป็นของทหารที่ถูกยิงและเก็บมาได้ ส่วนคลิปที่ทหารระดมยิงนั้น เป็นการยิงคุ้มครองการถอนกำลังและกล่าวย้ำว่า ทหารมีความจำเป็นต้องใส่ชุดพลเรือน เพราะต้องนำอาหารไปส่งยังจุดต่าง ๆ หน้าแนวทหารที่วางกำลังถือว่าอันตรายจึงต้องทำตัวให้กลมกลืนกับบุคคลทั่วไป”

น.อ.อนุดิษฐ์กล่าวว่า ในวันนี้ทางพรรคเพื่อไทยได้แสดงคลิปวีดีโออีก 1 คลิป ที่แสดงว่าพลเรือนคนนี้ คือทหารส่งข้าวกล่องจริงหรือไม่ โดยเป็นคลิปที่มีการนำออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 ทั้งนี้พรรคเพื่อไทย เชื่อว่า คำกล่าวอ้างของ ศอฉ.ไม่เป็นเรื่องจริง และปืนที่ทหารนอกเครื่องแบบถือนั้นก็พิสูจน์ไม่ได้ว่า เป็นปืนของตัวเองหรือของทหารที่ถูกยิง เพราะประเด็นนี้เป็นเรื่องที่ไม่น่าจะมีสาระในการหาความจริงแต่อย่างใด และก็เป็นเพียงการแก้ตัวเท่านั้น

น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวต่อว่า การที่ ศอฉ.บอกว่าจำเป็นที่จะต้องแต่งกายนอกเครื่องแบบนั้น ตนคิดว่าการแต่งกายพลเรือนไปส่งข้าวนั้น น่าจะอันตรายมากกว่า เพราะอาจจะทำให้ทหารในแนวเขตด้านในเข้าใจผิดได้ และเป็นการพูดแก้ตัวเท่านั้นเพราะยุทธวิธีทางการทหารนั้น คงไม่มีทหารคนไหนไปนั่งกินข้าวในแนวหน้าในเวลาปฏิบัติการตามที่ ศอฉ.กล่าวอ้าง พรรคเพื่อไทย จึงขอเรียกร้องให้ ศอฉ.ยอมรับความจริงในการปฏิบัติการวันที่ 19 พฤษภาคม ที่มีการใช้ชุดนอกเครื่องแบบในการขอคืนพื้นที่ซึ่งอาจเป็นบุคคลนิรนาม ตามที่รัฐบาลพยายามกล่าวอ้าง

ด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวเสริมว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดเผยรายชื่อบุคคลที่ถูกจับกุมตัว เพื่อให้ญาติสามารถติดตามได้ เพราะประเทศไทยมีระบอบการปกครองด้วยประชาธิปไตย ไม่ใช่เผด็จการ อย่างที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ และขอให้หยุดปลุกระดมให้ประชาชนแตกแยกกัน โดยใช้สื่อที่มีอยู่ในมือ ไม่ว่าจะเป็นวิทยุหรือโทรทัศน์
จากมติชนออนไลน์
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เปิดรายชื่อผู้ต้องหาถูกคุมตัว 29 ราย 50 คนถูกขึ้นบัญชีตามไล่ล่า 37รายเจอข้อหาหนักคดี"ก่อการร้าย"

รายชื่อผู้ต้องหาตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินซึ่งถูกจับกุมและมอบตัวแล้ว 29 ราย อยู่ระหว่างติดตามจับกุม 50 ราย รวมถึงรายชื่อผู้ต้องหาในคดีก่อการร้าย และกรมสอบสวนพิเศษออกหมายจับ 37 คน (หลายคนโดน 2 ข้อหา)

คุมตัวที่ บก.ตชด.ภาค 1 คลองห้า จ.ปทุมธานี

1.นางศิริวรรณ นิมิตศิลป์

2.นางวิกานดา ปักกาลัง(ปล่อยตัว)

3.น.ส.รัศมี มาลาม

4.นายธาดา บุญสุขศรี

5.นายชากิรีน บุญมาเลิศ

6.นายวายุภักดิ์ โนรี (ปล่อยตัว)

7.นายภาสกร หรือสมนึก ศิริรักษ์ (ปล่อยตัว)

8.พ.ต.ท.ศุภชัย ผุยแก้วคำ (ปล่อยตัว)

9.น.ส.ดวงมณี บุณรัตน์ (ปล่อยตัว)

10.นายไพโรจน์ แสงศรี

11.นายพิเชษฐ์ สุขจินดาทอง


คุมตัวที่ค่ายนเรศวร อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี


1.นายเมธี อมรวุฒิกุล

2.นายเขน แขนสันเทียะ

3.นายชยุต ใหลเจริญ

4.นายเรืองอำนาจ พุทธิวงศ์

5.นายมีชัย สินนาค (ปล่อยตัว)

6.นายอำนาจ อินทโชติ

7.นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก

8.นพ.เหวง โตจิราการ

9.นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ

10.นายนิสิต สินธุไพร
11.นายวีระ มุสิกพงศ์

12.นายก่อแก้ว พิกุลทอง

13.นายขวัญชัย สาราคำ หรือไพรพนา

14.นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท


คุมตัวที่ค่ายอดิศร ศูนย์การทหารม้า จ.สระบุรี


1.นายจรัญ หรือยักษ์ ลอยพูล

2.นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข

3.นายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ (ปล่อยตัว)

4.พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล (เสียชีวิต)


ติดตามจับกุมตัว


1.นายพายัพ ปั้นเกตุ

2.นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์

3.นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง

4.นายธนกฤต ชะเอมน้อย หรือนายวันชนะ เกิดดี

5.พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์

6.นางดารุณี กฤตบุญญาลัย

7.นายจรัล ดิษฐาอภิชัย

8.นายชินวัฒน์ หาบุญพาด

9.นายอดิศร เพียงเกษ

10.นายวรพล พรหมิกบุตร
11.พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์

12.นายสำเริง ประจำเรือ

13.นายวิสา คัญทัพ

14.นางไพจิตร อักษรณรงค์

15.นายอารี ไกรนรา

16.นายอร่าม แสงอรุณ

17.นายมงคล สารพัน

18.นายธนเดช เอกอภิวัชร์

19.นายราตรี หรือชาตรี ชื่นชม

20.นายพันธุ์ศักดิ์ ชาบุ
21.นายธนกฤต นาคบรรจง

22.นายนิพนธ์ แสงสีนิล

23.น.อ.พิรัตน์ วัฒนพานิช

24.นายชุติพนธ์ ทองคำ

25.นางกัญญาภัค มณีจักร

26.นายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล

27.นายภูมิใจ ไชยยา

28.นายนิยม เหลืองเจริญ

29.นายอภิชาต อินสอน

30.น.ส.มาระตี วงศ์ไทย
31.นายวินัย แสงสีนิล

32.น.ส.กัลยารัตน์ กาวีระ

33.นายประทีป ใจหาญ

34.นายสมเกียรติ สาระเนียม

35.นายธนานันท์ ศรีสุดดี

36.นายกิตติ์ดนัย พริ้งกุลเศรษฐ์

37.นายพีระ พริ้งกลาง

38.นายสมชาย ไพบูลย์

39.นายนาวิน บุญเสรฐ

40.นางประทีป อึ้งทรงธรรม
41.ชายไทยไม่ทราบชื่อ

42.ชายไทยไม่ทราบชื่อ

43.นายอัครพล ขันธกาญจน์

44.ว่าที่ ร.ต.สุรภัศ จันทิมา

45.นายอรรณพ แซ่ตัน

46.นายจักรชลัช คงสุวรรณ์

47.นายสมบัติ มากทอง

48.นายศักดา แก้วผูกนาค

49.นายยงยุทธ ท้วมมี

50.นายเยี่ยมยอด ศรีมันตะ


ผู้ต้องหาคดีก่อการร้าย


1.นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง

2.นายพายัพ ปั้นเกตุ

3.นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์

4.นายศิริวรรณ นิมิตศิลป์

5.นายยศวริศ ชูกล่อม

6.นายวีระ มุสิกพงศ์

7.นพ.เหวง โตจิราการ

8.นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ

9.นายขวัญชัย สาราคำ

10.นายจตุพร พรหมพันธุ์
11.นายนิสิต สินธุไพร

12.นายพิเชษฐ์ สุขจินดาทอง

13.พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์

14.พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล

15.นายอดิศร เพียงเกษ

16.นายชินวัตน์ หาบุญพาด

17.นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท

18.นายก่อแก้ว พิกุลทอง

19.พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

20.นายสุรชัย เทวรัตน์
21.นายรชต วงค์ยอด

22.นายสุขเสก พลตือ

23.นายวิเชียร ขาวขำ

24.นายอารี ไกรนรา

25.นายชยุต ใหลเจริญ

26.นายการุณ โหสกุล

27.นายอำนาจ อินทโชติ

28.นายจรัญ ลอยพูล

29.นายมงคล สาระพัน

30.นายยงยุทธ ท้วมมี
31.นายสมบัติ มากทอง

32.นายอร่าม แสงอรุณ

33.ร.ต.สุรภัศ จันทิมา

34.นายจักชลัช คงสุวรรณ

35.นายอัครพล ขันทกาญจน์

36.นายศักดา แก้วผูกนาค

37.นายอรรณพ แซ่ตัน

ที่มา.มติชนออนไลน์
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

วันอังคารที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ยันกองทัพแก้วิกฤติตามหน้าที่ เตรียมรุกส่งชุดทหาร "กอ.รมน."ลงชุมชนแจงข้อมูลกับชาวบ้าน

"อนุพงษ์" เรียกประชุมกองทัพ แจกเหตุต้องเข้าไปแก้วิกฤติร่วม ศอฉ.ตามหน้าที่ ส่วนการสูญเสียเมื่อวันที่ 10 เม.ย.ประเมินผิด ไม่คิดถูกโจมตีด้วยอาวุธหนัก ผบ.พล.1 รอ.ยันต่อ ผบ.กองพัน ทั่วประเทศ “ 6 ศพวัดปทุมฯ” ทหารไม่ได้ทำ เผยเตรียมส่งชุดทหาร กอ.รมน.ลงพื้นที่แจงข้อมูล

เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ได้ใช้เวลาตลอดทั้งวันในการประชุมและ พูดคุยกับผู้ใต้บังคับบัญชาเกี่ยวกับสถานการณ์ที่กองทัพบกได้เข้าไปมีส่วนร่วมกับศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ. เพื่อแก้ไขสถานการณ์วิกฤติที่เกิดขึ้นจากชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. โดยในช่วงเช้า ได้มีการประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก จากนั้นในช่วงบ่ายได้มีการประชุมนายทหารระดับผู้บังคับกองพัน ผู้บังคับการกรม ผู้บัญชาการกองพล ฝ่ายอำนวยการ จำนวนกว่า 600 นาย ที่หอประชุมกิตติขจร โดยมี 5 เสือทบ.เข้าร่วม ประกอบด้วยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผบ.ทบ. พล.อ.ธีระวัฒน์ บุญยะประดับ ผช.ผบ.ทบ. พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ผช.ผบ.ทบ. พล.อ.พิรุณ แผ้วพลสง เสธ.ทบ. โดยใช้เวลากว่า 2 ชม. นอกจากนั้น ในช่วงเย็น ได้มีการประชุม ศอฉ. ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานด้วย

พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ในการประชุมนายทหารระดับผู้บังคับกองพันขึ้นไป ที่มีขึ้นในช่วงบ่าย ผบ.ทบ.ได้ลำดับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และอธิบายการจัดกำลังทหารในการเข้าไปปฏิบัติหน้าที่แต่ละจุด รวมถึงการปฏิบัติการต่างๆ พร้อมทั้งได้เล่าข้อเท็จจริงที่มีบางฝ่ายนำไปบิดเบือน ให้เข้าใจว่าการทำงานของทหารในความเป็นจริงมีความจำเป็นเช่นใด โดยข้อมูลเหล่านี้ในส่วนของกองทัพบกจะประมวลให้กับเจ้าหน้าที่หรือวิทยากร ที่จะลงไปทำความเข้าใจกับชาวบ้านได้รับทราบ ซึ่งวิทยากรเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของ กอ.รมน.ที่เคยลงไปในพบปะประชาชน โนโครงการกู้วิกฤตเศรษฐกิจตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ใช่กำลังพลในพื้นที่ ดังนั้น ข้อมูลเหล่านี้จะมาจากส่วนกลางจากเจ้าหน้าที่ที่เข้าใจสภาพปัญหา และข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เมื่อไปพบกับชาวบ้านก็ต้องตอบคำถาม และให้ข้อมูลที่ถูกต้องกลับไปว่าความจำเป็นที่เราเข้าไปปฏิบัติหน้าที่แก้ไขปัญหาของประเทศคืออะไร

พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมามีความพยายามบิดเบือนว่าทหารต้องการทำร้ายประชาชน นอกจากนั้น ยังได้อธิบายข้อมูลเกี่ยวกับโครงการจัดหายุทโธปกรณ์ของกองทัพหลังจากที่มีการนำประเด็นดังกล่าวไปอภิปรายในสภาฯ เช่น โครงการจัดหาอุปกรณ์ตรวจการณ์ทางอากาศในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (เรือเหาะ) โครงการจีที 200 และโครงการจัดหารถหุ้มเกราะล้อยางจากยูเครน ซึ่งโครงการเหล่านี้ท่านได้เล่าถึงความจำเป็นในการจัดหา และการดำเนินการต่างๆ ที่กองทัพบกได้ทำมา ซึ่งข้อกล่าวหาเรื่องงบประมาณต่างๆ เรามีหน่วยงานที่ตรวจสอบในการจัดหาอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น การจัดหายุทโธปกรณ์ของกองทัพยังมีความโปร่งใส

มีรายงานว่า ในที่ประชุม พล.อ.อนุพงษ์ ได้เล่าให้ฟังถึงการวางแผนยุทธการ ในการเข้าไปจัดวางกำลัง และการปฏิบัติการทางทหาร โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมาบริเวณสี่แยกคอกวัว และหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา ซึ่งในครั้งนั้นถือว่า มีกำลังพลที่สูญเสีย และได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก วันนั้นเราไม่ได้เตรียมชุดระวังป้องกัน เพราะไม่ได้ประเมินว่าฝ่ายนั้นจะใช้อาวุธหนัก คำสั่งคือเราไม่ให้ใช้อาวุธ ทำให้เราถูกกระทำฝ่ายเดียว นอกจากนั้น ในการปฏิบัติการทางทหารในวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา ก็ถือเป็นหน้าที่ และการดำเนินการต่างๆ ได้ยึดหลักตามกฎหมายทุกประการ

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่วัดปทุมวนาราม ได้มีการสอบถามหน่วยที่ปฏิบัติแล้วทั้ง หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ และกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ซึ่งทั้งสองหน่วยยืนยันว่าไม่ได้มีการยิงเข้าไป โดยเวลาที่มีผู้เสียชีวิตนั้น ไม่มีกำลังพลของเราอยู่บริเวณนั้น ซึ่งขอให้ พล.อ.กัมปนาท รุดดิษฐ์ ผบ.พล.1 รอ.ได้ยืนยันด้วย ทำให้ พล.อ.กัมปนาท ได้ยืนยันกับที่ประชุมว่า “ทหารไมได้เป็นคนทำ”
ที่มา.ประชาไท
...................................................

โฆษกภท.ปัดไม่ใช่ศูนย์รวม"งูเห่า"โวได้ส.ส.เพิ่ม"ไชยยศ"หอบพผ. 4คนเข้าร่วม "ชวรัตน์"ปลื้มพรรคอบอุ่นขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.00 น. นายไชยยศ จิรเมธากร รมช.ศึกษาธิการ ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อแผ่นดิน ได้เดินทางมาที่พรรคภูมิใจไทย เข้าพบนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ทั้งนี้นายชวรัตน์กล่าวว่า ได้ชวนนายไชยยศมาร่วมงานนานแล้ว และการมาครั้งนี้เป็นเรื่องดี เพราะทำให้พรรคภูมิใจไทยอบอุ่น และเข้มแข็งขึ้นเหมือนเวลาจะขึ้นชก เวลาชั่งน้ำหนักมันก็มากขึ้นแน่นอน

ต่อมาเมื่อเวลา 16.00 น. นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย แถลงว่า วันนี้ได้มีส.ส.พรรคเพื่อแผ่นดินคือนายไชยยศ จิรเมธากร รมช.ศึกษาธิการ ส.ส.อุดรธานี นายมานพ ปัทนวงศ์ ส.ส.สัดส่วนภาคใต้ มาร่วมประชุมกับพรรคภูมิใจไทย นอกจากนี้ยังมีอีก 2 คนจะมาร่วมงานกับพรรคด้วย แต่วันนี้ติดงานเลยไม่เดินทางมา คือ นายนิมุคตาร์ วาบา ส.ส.ปัตตานี และนายนรพล ปฏิมนตรี ส.ส.เชียงใหม่ จะมาร่วมกิจกรรมกับพรรคด้วยโดยขณะนี้ที่ยืนยันได้มี 4 คน แต่อาจจะมีมามากกว่านี้ ยังไม่ทราบตัวเลขที่ชัดเจนว่าจะมาอีกเท่าใด เพราะส.ส.ในพรรคเพื่อแผ่นดินมีหลายกลุ่ม และการที่ส.ส.กลุ่มนี้มาร่วมกิจกรรมกับพรรคภูมิใจไทย เป็นการร่วมกิจกรรมในสภา ถือเป็นสัญยาใจ ที่ไม่ต้องมีการเซ็นสัญญา และที่มากกว่านั้นคือการประกาศให้ประชาชนรับทราบในการร่วมงานกัน ต่อจากนี้หากใครเสนอตัวมาร่วมกิจกรรมกับพรรคภูมิใจไทยก็ยินดี

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากรับส.ส.เข้ามาร่วมงานเป็นจำนวนมาก จะเกิดการทับซ้อนพื้นที่กับผู้สมัครของพรรคที่วางตัวไว้แล้วหรือไม่ นายศุภชัยตอบว่า กรรมการบริหารพรรค มีการพิจารณา คำนึงถึงคุณสมบัติของตับุคคล และขณะนี้ยังไม่มีพื้นที่ใดทับซ้อน และไม่ใช่ใครมารับหมด ต้องผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการบริหารพรรคก่อน โดยขณะนี้ตัวเลขส.ส.ของพรรคภูมิใจไทย มีมากกว่า 50 คนแล้ว เมื่อถามว่าสาเหตุใดส.ส.พรรคเพื่อแผ่นดินกลุ่มนี้จึงย้ายมาอยู่พรรคภูมิใจไทย นายศุภชัยตอบว่า พรรคเพื่อแผ่นดินมีหลายกลุ่ม โดยกลุ่มส.ส.เหล่านี้เห็นว่าอนาคตอาจอยู่ร่วมกันไม่ได้ จึงต้องหาว่าจะมีพรรคใดที่มีอุดมการณ์ร่วมกันต่อไปได้ เมื่อถามว่าขณะนี้พรรคภูมิใจไทยจะเป็นศูนย์รวมงูเห่าหรือไม่ นายศุภชัยตอบว่า พรรคนี้ไม่มีงูเห่า ไม่ใช่ที่อยู่ของงูเห่า และทั้ง 2 คนที่มาร่วมกิจกรรมกับพรรคก็ไม่ใช่งูเห่า

เมื่อถามว่า การที่ส.ส.พรรคภูมิใจไทยเพิ่มมากขึ้น ทำให้อัตราต่อรองกับรัฐบาลเพิ่มมากขึ้นหรือไม่ โฆษกพรรคภูมิใจไทยตอบว่า ไม่ใช่อัตราต่อรอง พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคร่วม และสนับสนุนรัฐบาล ทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพ เป็นผู้สนับสนุน ไม่ได้หวังผลในการต่อรอง แต่เป็นการหวังผลในการเตรียมการเลือกตั้งครั้งหน้ามากกว่า เมื่อถามว่า ถือว่ารมช.ศึกษาฯถือว่าเป็นโควต้าพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายศุภชัยตอบว่า คงไม่ใช่ แต่เป็นการร่วมงานกัน เพื่อทำให้การประสานงานมากขึ้น เมื่อถามว่า เมื่อเป็นเช่นนี้อาจพูดได้ว่าพรรคภูมิใจไทยมีรมช.ศึกษาฯ2 คนใช่หรือไม่ นายศุภชัยตอบว่า จะว่าอย่างนั้นก็ได้ เมื่อถามอีกว่า เพราะพรรคภูมิใจไทย สนับสนุนให้เป็นรัฐมนตรี ทำให้นายไชยยศต้องเข้าร่วมกับพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายศุภชัยตอบว่า ผู้ที่ตัดสินใจว่าใครได้ดำรงตำแหน่ง เป็นอำนาจนายกฯ แต่ยอมรับว่า พรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทยได้หารือกันเรื่องนี้ และที่ผ่านมานายไชยยศสามารถทำงานด้วยดีมาตลอด

นายศุภชัย กล่าวด้วยว่า วันนี้มีการประชุมว่าที่ผู้สมัครของพรรค เพื่อให้เตรียมลงพื้นที่หาเสียง เป็นการดำเนินการโดยปกติ อย่างไรก็ตาม แกนนำพรรคได้มีการวิเคราะห์สถานการณ็ทางการเมือง และการชุมนุม การอภิปรายไม่ไว้วางใจ และการปรับครม.ที่ผ่านมา เพื่อให้ว่าที่ผู้สมัคร นำไปใช้หาเสียงในพื้นที่ ซึ่งถือว่าเป็นการติดปัญญาความรู้ให้กับผู้สมัครของพรรค เพื่อชี้แจงกับประชาชนในพื้นที่ โดยขณะนี้พรรคภูมิใจไทยมีการวางตัวผู้สมัครภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประมาณ 200 คนแล้ว ยังไม่รวมภาคกลาง แต่มีการวิเคราะห์ว่า อนาคตการเมืองจะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไม่มีอะไรแน่นอน และยังไม่รู้ว่ารัฐบาลจะอยู่ครบวาระหรือไม่ เพราะต้องดูที่สถานการณืวันข้างหน้า และจากนี้ถึงเดือนเม.ย.2554 ยังไม่รู้ว่ากลุ่มเสื้อแดงจะมาชุมนุมอีกหรือไม่ จึงจะต้องรักษาเสถียรภาพให้มีความเป็นเอกภาพ เพื่อรัฐบาลจะได้ทำงานไปในทิศทางเดียวกัน
ที่มา.มติชนออนไลน์
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

"สุรชัย"เตือนรบ.เตรียมตัวให้ดีมี"กองกำลัง"เกิดขึ้นแน่หลังปราบม็อบแดง

นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ แกนนำแดงสยาม กล่าวเมื่อวันที่ 8 มิ.ย. ถึง กรณีที่รัฐบาลยังคงยืนยันมีความจำเป็นที่ต้องคงการบังคับใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินเอาไว้ก่อน พร้อมทั้งให้ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ติดตามการเคลื่อนไหวการชุมนุมทางการเมืองโดยตลอดว่า ก็ประกาศตลอดไปเสียเลย เท่ากับเป็นการบังคับให้คนเข้าป่าไปเรื่อยๆ คนไม่รู้จะไปไหน ก็ไปรวมตัวกันเพื่อทำกิจกรรมที่กลัวนักกลัวหนาว่าเป็นกองกำลัง ผมว่ามันต้องเกิดอย่างแน่นอน แต่จะเมื่อไรนั้นตอบไม่ได้ การรวมตัวนี้เขาจะไม่รวมตัวในบ้านเราแน่นอน จะที่ไหนก็แล้วแต่จะมีใครสนับสนุนบ้างก็ไม่รู้ เพื่อนบ้านที่ไม่ชอบเราก็มี รอแต่จังหวะ ใครจะกล้าประกาศตัวว่าสนับสนุนกองกำลังนี้ล่ะ

นายสุรชัยกล่าว ได้มีการพูดคุยกันว่าหากมีการประกาศ พรก.ฉุกเฉินยาว พวกเราก็จะทำบุญใหญ่อุทิศส่วนกุศลให้กับผู้เสียชีวิต แล้วก็จะมีการปราศรัยทางการเมืองบ้างนิดหน่อย เพื่อเรียกขวัญกลับคืนมา เพื่อให้พวกเขาอยู่กับที่ ไม่ต้องการให้พวกเขาต้องแตกกระจายหาหลักไม่ได้ คนเราเมื่อหาที่พึ่งไม่ได้ก็เคว้งคว้าง ผมตั้งใจว่าในเร็วๆนี้จะทำบุญใหญ่กันที่นครศรีธรรมราช สุราษฏร์ธานี ราชบุรี หรืออีกหลายๆ ใช้พื้นที่ที่ไม่ต้องมี พรก.ก็เท่านั้น ทำบุญ กินข้าวด้วยกัน เรียกขวัญกลับมา แต่ไม่ใช่รวมตัวเพื่อก่อการร้ายใต้ดินอย่างที่คิด

“ วันนี้ต้องขอขอบคุณรัฐบาลที่พยายามไล่จับคน ปราบปรามคนเสื้อแดง ทำให้กระจัดกระจายตั้งเป็นก๊กเป็นเหล่า ตอนนี้ก็เกิดมาแล้ว รัฐบาลแก้ปัญหาไม่ได้ แนวทางคือ แดงสยามจะต้องเป็นตัวชี้ให้เห็นแนวทางการเปลี่ยนถ่ายอย่างสันติ ไม่ให้สถานการณ์ร้ายจนเกินไป รัฐบาลชุดนี้ปราบปรามแล้วจะเป็นรัฐบาลปรองดองไม่มีในโลก ปราบเอง จับเอง ปรองดองเองไปเอาทฤษฎีมาจากไหน ฟันธงรัฐบาลชุดอภิสิทธิ์อยู่ไม่ทันข้ามปี”

นายสุรชัย กล่าวต่อว่า กลุ่มที่จะทำให้เกิดความสงบได้วันนี้คือแดงสยาม เพราะกลุ่มตนมีประสบการณ์ นุ่มลึกไม่ใช่วัยรุ่นใจร้อน มีเหตุมีผล เราเคยผ่านบทเรียนความรุนแรง เราต้องการใช้ทฤษฎีเปลี่ยนผ่าน คนที่หนีเข้าป่าสุดขั้วอยู่แล้ว ฝ่ายรัฐวันนี้ไม่มีทางไม่ได้รับความเชื่อถือ การที่ผมจะออกมาตั้งเวทีวันนี้ก็ออกมาปราบพวกคุณไม่เข้าใจ การันตีกองกำลังเกิดขึ้นแน่เตรียมตัวให้ดี

ที่มา.มติชนออนไลน์
*********************************************

รัฐมนตรีประชาชนต้องพิจารณา

สำนัก(ข่าว)พระพยอม

การเลือกรัฐมนตรีเป็นเรื่องของนายกฯและผู้จัดการรัฐบาลที่ต้องต่อรองกัน แต่ประชาชนก็จะศึกษาดูว่าคนที่ถูกเลือกเข้ามานั้นทำงานได้หรือไม่ หากเข้ามาแล้วไม่สามารถทำงานได้ หน้าที่ของเราก็พิจารณาเอาตอนเลือกตั้ง

และแล้วความตื่นเต้นเมื่อการปรับคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลอภิสิทธิ์ก็มาถึง ไม่ว่ารัฐมนตรีที่ถูกปรับออกก็ดี ถูกปรับเข้าใหม่ก็ดี อาตมาจะไม่ใช้คำว่าเขี่ย แม้ว่าสื่อมวลชนจะชอบใช้คำว่าเขี่ยหรือรื้อก็ตาม เพราะคำว่าเขี่ยเป็นอาการเหมือนอะไรสักอย่างที่ไม่ใช่คน

สำหรับพวกที่ถูกปรับออกบางคนแค้นก็มี เสียอกเสียใจก็มี น้อยใจบ่นว่าทำงานมาก็เยอะแต่กลับบอกไม่มีผลงาน อันนี้ก็มี คงไม่ต้องเอ่ยว่าใคร เหตุผลของการปรับคณะรัฐมนตรีในครั้งนี้ก็ทราบดีว่าต้องการให้คนที่ยังไม่ได้เป็นมาเป็นบ้าง ถึงแม้ว่าคนที่เคยเป็นมาแล้วจะทำงานเก่ง ทำงานคล่องแค่ไหน ก็ต้องหลีกทางให้คนอื่นเข้ามาบ้าง เพราะมีอีกหลายคนที่รออยู่นานแล้ว ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับผู้จัดการรัฐบาลหรือหัวหน้ารัฐบาลจะดำเนินการ

แต่ที่รู้ๆคนในพรรคเพื่อแผ่นดินที่ออกมาพูดเรื่องโหวตว่า ที่ต้องโหวตสวนเพราะรับสภาพการทำงานไม่ได้ เขาพูดอย่างนั้น แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับทุกคนต้องมีวิจารณญาณว่าใครควรออกเพราะอะไร คนถูกอภิปรายอย่างหนักชี้จุดโกง จุดคอร์รัปชัน มีส่วนทำให้บ้านเมืองเสียหายอย่างชัดเจน งบประมาณต้องเสียไปเปล่าๆ ก็เป็นสาเหตุให้ต้องโหวตสวนไม่ไว้วางใจ แต่สำหรับรัฐมนตรีบางคนถึงแม้จะโดนหนักกว่าคนอื่นแต่ก็ยังได้เป็นรัฐมนตรีต่อไป อันนี้อยากให้รู้ไว้ว่าเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้เป็นหลักแล้ว แต่กลับเป็นรอง เพราะถึงจะถูกถล่มร่อแร่ขนาดไหนก็ยังอยู่ได้

สิ่งเหล่านี้จึงทำให้มองไม่เห็นว่าอีกกี่ปีประเทศชาติเราจะสามารถสนองตอบเรื่องผู้บริหารบ้านเมืองได้ว่าควรเป็นคนดี แต่ถ้าไม่ดีก็ไม่ควรให้ครองบ้านครองเมืองบริหารประเทศต่อไป พวกนักการเมืองค่อนข้างจะชัดเจน ถ้าเสียชัดเจนให้อยู่ได้ บ้านเมืองจะเสียหายอย่างไรก็อยู่ได้ แต่ถ้าให้นักการเมืองตัดสินใจกันเองก็จะเป็นอย่างที่เห็น เพราะแม้ให้ดีอย่างไร ดีแบบเป็นลูกเทวดามาเกิดแล้วมาช่วยบ้านช่วยเมืองก็คงจะอยู่ไม่ได้ เพราะว่ามีพวกที่อยากจะเขี่ย นี่แหละเป็นการเมืองแบบไทยๆ ไม่ต้องไปไหน พายเรือในอ่างวนกันอยู่อย่างนี้ เราก็คงจะเห็นว่ามีแต่นักการเมืองหน้าเดิมๆเข้ามาวนเวียนเก็บผลประโยชน์ของบ้านเมืองผ่านตำแหน่งต่างๆ ซึ่งบางคนเข้ามาสร้างปัญหาก็มี

แต่เป็นเรื่องน่าเสียดายที่การอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมาเวลาหมดไปกับเรื่องใครฆ่าประชาชน เรารู้ว่าอภิปรายไปก็คงไม่มีใครในกองทัพหรือรัฐบาลออกมาบอกว่าข้าพเจ้าขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว แม้จะพูดกันเรื่องนี้มากที่สุดก็ยังหาตัวการไม่ได้ แต่การเกาะกิน การคอร์รัปชันในบ้านเมืองนี้เสียหายมากมายกลับพูดถึงกันน้อย ไม่ได้หมายความว่าคนที่ตายไป 88 ศพไม่มีความหมายหรือไม่มีความสำคัญ แต่เรื่องคอร์รัปชันก็สำคัญ ถ้าปล่อยให้ทำกันเยอะ ต่อไปบ้านเมืองจะเกิดจลาจลเพิ่มมากขึ้นหลายเท่า และจะมีคนตายมากกว่านี้

เชื่อว่าคนที่มีมันสมองคงเห็นว่าไม่มีอะไรเกินไปกว่าภัยของประเทศที่มาจากการคอร์รัปชัน ที่ผ่านมาเราเห็นกันจะจะว่าเป็นอย่างไร แต่ยังพากันเอาตัวรอดได้ การแก้ตัวแบบตะเงาตะแงะก็เหมือนปลาที่ถูกทุบแต่ยังมีแรงดิ้นหนีลงน้ำ

อย่างไรก็ตาม ขอให้คนที่ฉลาดช่วยกันติดตามดูว่าการรัฐมนตรีที่ตั้งใหม่ตั้งเพื่ออะไร เพราะเราอยากให้ตั้งเพื่อประชาชน เลือกคนที่ถนัดในการทำงานที่ชัดเจนเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ไม่ใช่เข้ามาแก้ปัญหาของกลุ่ม ของพรรคของตนเท่านั้น คือแก้ปัญหาแค่ตัวเอง

ฉะนั้นอยากให้คนไทยศึกษาตรงนี้ เรียนรู้เรื่องนี้ และจดจำเรื่องนี้ คราวหน้าเขามาขอให้เราลงคะแนนให้เราควรจะเลือกหรือไม่ เราจะสนับสนุนไหม โดยพิจารณาด้วยว่าการเลือกคนเข้ามาเป็นรัฐมนตรีนั้น เลือกคนที่เหมาะสมกับตำแหน่ง หรือเลือกเพื่อตอบสนองกลุ่มก๊วน หรือตอบสนองความต้องการของประชาชน

ท่านนายกฯเองยอมรับว่า “ผมสามารถจะเลือกรัฐมนตรีได้ตามใจชอบ” ก็จะเอ่ยชื่อคุณนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ เป็นชื่อแรก แต่ท่านบอกว่านายกฯเลือกไม่ได้เพราะก๊วนมันบังคับมุ้ง ผลเลยต้องเป็นแบบนี้

แต่ความพร้อมจะทำงานเพื่อประเทศชาติคงไม่ครบแน่นอน คุณสมบัติ ความสามารถ บางคนยังไม่ถึง หรือคุณสมบัติที่ชาวบ้านต้องการยังไม่ได้ ได้แต่คุณสมบัติตามที่พรรคต้องการมากกว่า

เพราะฉะนั้นเราชาวบ้าน ใครจะแต่งตั้งใครเราไม่เกี่ยวไม่ได้ ต้องตามศึกษา อย่าปล่อยปละละเลย ไม่เอาใจใส่ ไม่ตั้งท่ารับให้ดีจะกลายเป็นส่วนหนึ่งที่ทำลายประเทศชาติอย่างน่าเสียดาย

เจริญพร

**********************************************************************

"เพื่อไทย" มีมติขับ "จุมพฎ-ปรพล" ออกจากพรรค เหตุตัวเป็นเพื่อไทยใจอยู่พรรคอื่น "สมบูรณ์-นิคม" จ่อถูกเชือด

ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงผลการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ครั้งที่ 2 / 2553 มีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเป็นประธานในการประชุม ว่า ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคมติให้ขับ ร.ต.ปรพล อดิเรกสาร ส.ส.สระบุรี และนายจุมพฏ บุญใหญ่ ส.ส.สกลนคร ออกจากพรรค ในข้อหาทำผิดระเบียบข้อบังคับพรรคการเมืองอย่างร้ายแรง ขาดการประชุมพรรคเป็นเวลานาน ไม่เข้าร่วมในกิจกรรมของพรรค ไปร่วมกิจกรรมกับพรรคการเมืองอื่น รวมไปถึงการไปร่วมทำกิจกรรมกับพรรคการเมืองอื่นอย่างเปิดเผย ซึ่งผิดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญรวมถึงกฏหมายพรรคการเมือง ที่ให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต้องสังกัดพรรคการเมืองเดียว แต่การกระทำของร.ต.ปรพล และนายจุมพฏ ชื่ออยู่พรรคเพื่อไทยตามหลักนิตินัย แต่พฤติกรรมและการปฎิบัติตัวกับอยู่อีกพรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ขัดต่อเจตนารมณ์ในการทำหน้าที่ที่เป็นตัวแทนประชาชนอย่างชัดเจน

นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยโดยคณะกรรมการวินัยและจรรยาบรรณของพรรคได้ทำหนังสือขอให้ ร.ต.ปรพล และนายจุมพฏ ได้ชี้แจงข้อเท็จจริง แต่ทั้งสองก็ไม่ได้ชี้แจงใดๆ กับเพิกเฉย คณะกรรมการบริหารพรรคจึงมีมติขับ ส.ส.ทั้งสองออกจากพรรค ในขั้นตอนต่อไปกรณีที่สมาชิกผู้ถูกกล่าวหาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและต้องถูกกำหนดโทษให้พ้นจากการเป็นสมาชิกให้เสนอสำนวนพร้อมความเห็นต่อที่ประชุมร่วมของคณะกรรมการบริหารพรรคและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรค เพื่อให้ที่ประชุมร่วมพิจารณา หากมีมติให้พ้นจากการเป็นสมาชิกต้องมีคะแนนไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของที่ประชุมร่วมของคณะกรรมการบริหารและ ส.ส. โดยการลงมติให้ลงคะแนนลับ ตามข้อบังคับของพรรคข้อ 23

นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค ยังได้มีมติให้นำเรื่อง นายสมบูรณ์ วันชัยธนวงศ์ ส.ส. สัดส่วน และนายนิคม เชาว์กิตติโสภณ ส.ส. สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ที่กระทำขัดต่อข้อบังคับพรรคอย่างร้ายแรง เสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการวินัยและจรรยาบรรณของพรรค ได้สอบข้อเท็จจริงและพิจารณาข้อกล่าวหาของ ส.ส. ทั้งสองต่อไป รวมถึงให้นายสมบูรณ์และนายนิคม มาชี้แจงต่อคณะกรรมการวินัยและจรรยาบรรณของพรรคต่อไป

อนึ่ง ข้อบังคับพรรคเพื่อไทยข้อที่ 23 ระบุไว้ว่าสมาชิกผู้ใดกระทำการอันเป็นการผิดวินัยและละเมิดจรรยาบรรณของพรรค ต้องได้รับโทษตามความร้ายแรงของการกระทำผิดวินัยและละเมิดจรรยาบรรณ ดังนี้

1.ตักเตือน 2. ภาคทัณฑ์ 3.ตัดสิทธิที่พึงมีในฐานะสมาชิกตามข้อบังคับ 4. ให้พ้นจากสมาชิกภาพ ในกรณีสมาชิกที่ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการกระทำนั้นอาจมีผลให้สมาชิกผู้นั้นพ้นจากความเป็นสมาชิก ให้คณะกรรมการวินัยและจรรยาบรรณส่งผลการพิจารณาและข้อเสนอแนะให้ที่ประชุมร่วมของคณะกรรมการบริหารและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่สังกัดพรรคพิจารณา มติของที่ประชุมร่วมของคณะกรรมการบริหารและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่สังกัดพรรคให้สมาชิกผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากความเป็นสมาชิก ต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนคณะกรรมการบริหารและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคทั้งหมด การลงมติให้ลงคะแนนลับ
ที่มา.มติชนออนไลน์
..........................................................

วันจันทร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ฝูงหมาป่า

นาญโญ อญญัง วิโสธเย.. คำพระท่านบอกว่า “ผู้อื่นพึงทำให้ผู้อื่นบริสุทธิ์ไม่ได้” และ..ผู้ที่สามารถลบถ้อยคำบาลี ให้เป็นแค่ตัวหนังสือที่สลักอยู่บนใบข่อยเท่านั้นมีอยู่คนเดียวคือ เนวิน ชิดชอบ ซีอีโอ พรรค ภูมิใจไทย เพราะถึง วันนี้ และ ขณะนี้ ใครก็ไม่สามารถแตะ“สองรัฐมนตรี”ของ “เนวิน” ที่บรรจงปั้นมากับมือรุนส่งนั่งเก้าอี้รัฐมนตรี.. เอาเป็นว่าทั้ง นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือ สุเทพ เทือกสุบรรณ ไม่กล้าสบตาก็แล้วกัน..

และอย่าได้แม้เพียงจะคิด ที่ แตะ ตบ ตะเพิด หรือ เล่น ตุกติก ใดๆทั้งสิ้น!! กับ ชวรัตน์ ชาญวีรกุล และ โสภณ ซารัมย์ สองเด็กหน้าแก่ที่อยู่ในคาถาของ“เนวิน” ซึ่งปกป้องว่าเป็น “ผู้ที่บริสุทธิ์”อย่างมิมีมลทินใดมาแปดเปื้อน?? ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง “รถไฟฟ้าสีม่วง” หรือ เรื่อง ทลุทะลวง “เปิดร้านขายปืน”..

ที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง โก่งคอแทบแตกในสภา เมื่อ พรรคเพื่อแผ่นดิน เห็นแล้วว่า “สองรัฐมนตรี”นี้ไม่รอด จึงไม่ไว้วางใจ.. สิ่งที่เห็น..ไม่ใช่สิ่งที่เป็น และ สิ่งที่เป็น..ไม่ใช่สิ่งที่เห็น นี่คือ การเมืองในยุคของ “นายกฯอภิสิทธิ์” ที่สามารถสร้างความงวยงง เหมือน “นักมายากล”ให้กับผู้คนทั้งประเทศได้ตลอดเวลา

สะเก็ดระเบิดจาก “เฉลิม” ที่อภิปรายในสภา ดันเฉี่ยวไปโดน ไพทูรย์ แก้วทอง รัฐมนตรี ว่าการแรงงาน ฉิบ! ทั้งที่ไม่ได้ถูกอภิปรายกะเขาเลย..เรียกว่า หลับไม่รู้ คู้ไม่เห็นใดๆทั้งสิ้น!! สุภาษิตจีนว่า ตู่ หู่ ปู้ ตี๋ ฉวิน หลัง. แปลเป็นไทยว่า “พยัคฆ์เดี่ยวไม่อาจต้านฝูงหมาป่า” และจนป่านนี้ “ไพทูรย์” ยังงง-งง..หลับๆตื่นๆ

เหมือนคนที่ฝันร้ายเป็น “ความฝัน” ที่จะต้องจดจำไปชั่วชีวิต!! มีลูกพึงสอนลูก..มีหลานก็ต้องสอนหลาน ว่า.. เจอ “ฝูงหมาป่า”ที่ไหนอย่าได้เข้าไกล้เป็นอันขาด มีโอกาสยิงต้องยิง อุตส่าห์เป็น ส.ส.มาถึงเก้าสมัย ออกจาก “ความหวังใหม่” มาอยู่กับ “ประชาธิปัตย์” เท่านั้นแหละ.. “เสียมวย”ตอนแก่ทันที!!
คอลัมน์.ก็โลกมันเบี้ยวหนุ่ม ชิงชัย
ที่มา.บางกอกทูเดย์
..............................................

สิ่งศักดิ์สิทธิ์เห็น!!!

สิ่งศักดิ์สิทธิ์เห็น!!!
พฤติการณ์ ฆ่าคนไทย เมื่อวันที่ ๑๐ เมษาฯ๕๓ และ วันที่๑๙ พฤษภาคม “พระสยามเทวาธิราช” ท่านรู้เป็นฝีมือ “อีที พ่อมดเขมร”??? วันนี้...กรรมยังจิกศรีษะ กระชากหัว มาลงทัณฑ์ ไม่ได้ ไม่มีใคร “อยู่เหนือกรรม”....สิ่งที่ “ปู้ยี่ปู้ย่ำ” ต้องตามทวงคืน ที่ “ฆ่าคนไทย” อายุความนานโข ยาวเหยียด มาราธอนสุดกู่ ๒๐ ปี.. วันนี้, “อีที พ่อมดเขมร” ยังคุมอำนาจประเทศไทย? ซิกแซก เล่นแร่แปรธาตุ ให้ตัวหลุดรอดคดีไปได้..แต่ในที่สุด “กรรม” ต้องตามจี้!!! “พระสยามเทวาธิราช”....ไม่ปล่อยคนอุบาทว์?....ให้ผงาดได้นาน ต่อไปจากนี้???
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

“กฎเหล็ก ๙ ข้อ” เป็นสนิม!!
ใครดูแล้ว “บัญญัติ ๙ ประการ” ที่ “มาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ตั้งเป็นมาตรฐานจัดการ “รัฐมนตรี” ดูนับ จะเป็นกฎปัญญานิ่ม??? เพียงแค่มีข่าวสิว ๆ ชิลล์ “วิฑูรย์ นามบุตร” อดีต รมว.กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ไปข้องแวะ “นมบูด-ปลากระป๋องเน่า” ถูกเขี่ยโล๊ะทิ้ง พ้นรัฐบาล “อดีตรัฐมนตรีวิทยา แก้วภราดัย”...กลิ่นไม่โปร่งใส ก็เฉดหัว ออกไปเหมือนกัน แต่ “รัฐมนตรีที่ฉาวโฉ่”?.. ถูกจับ “งาบคำโต” ยังอยู่คงกะพันชาตรี เป็น “รัฐมนตรี” กันอย่างฮ้อแร่ด..ทั้งที่หลักฐานมัดแน่น ดิ้นไม่หลุด ยิ่งกว่า “วิฑูรย์-วิทยา” เป็นไหน ๆ!!! ดู“กฎเหล็ก”นี้ช่างมีมลทิน...เข้าทำนอง มือถือสาก ปากถือศิล?... “พวกกังฉิน”ถึงได้ยิ่งใหญ่??
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

“รัฐบาลอภิสิทธิ์” เหมือน “รัฐนาวา”!!
“กัปตันมาร์ค” นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รู้ว่ามี “หัวขโมย” อยู่ในลำเรือ..ก็ให้ “คนดี” และ “พรรคน้ำดี” พรรคเพื่อแผ่นดิ ร่วมจับขโมย ให้ได้ อย่างคาหนัง คาตา?? “พรรคเพื่อแผ่นดิน” ของ “ชาญชัย ชัยรุ่งเรือง”, “ว่าที่ รต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี”, “พินิจ จารุสมบัติ”, “ปรีชา เลาหะพงษ์ชนะ” ชี้นิ้วว่าใครเป็นขโมย..แทนที่ “กัปตันมาร์ค” นักแซ็งค์ นักงาบ ลงจากเรือตกทะเลไป ดัน “อุ้มโจร”....ถีบ “คนดี” ตกทะเล นี่มันเรื่องอะไร หรือว่า “หัวขโมยตัวร้าย” กุมไต๋ รู้หัวใจ การบุกสลาย “คนเสื้อแดง” จึงยอมหมอบราบคาบแก้ว ให้กับ “หัวขโมย” แก๊งค์นี้ เสร็จสรรพ!! เลี้ยงคนร้ายไว้ข้างเอว...รับประกันสิ่งเลวเลว?....นำความล้มเหลว มาอีกมาก เลยล่ะครับ??
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

“เส้นใหญ่” แต่ก็รอดยากส์!!
คดีเงิน ๒๙ ล้าน ใช้ผิดประเภท ผิดประสงค์ “พรรคประชาธิปัตย์” ต้องโดนยุบ สิ้นสภาพไปพร้อมกับ “นายกฯมาร์ค”??? เพราะ “มาตรฐาน” ฟูลออฟชั่น ที่ “บริสุทธิ์” ใครมาใช้ “อำนาจนอกเหนือรัฐธรรมนูญ” ไม่ได้แล้ว... “พรรคประชาธิปัตย์” ต้องโดนยุบสิ้นสภาพ ๑๙ พรรคการเมืองไทย...โดนยุบหมดสภาพไป อย่างราบคาบ “พรรคพลังธรรม” จากน้ำมือปลุกปล้ำ “มหาห้าขัน” พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ที่ใช้เงินเขียม ตามจุดมุ่งหมายของ “กกต.” ยังถูกยุบ...เพื่อรักษามาตรฐาน ไว้คงอยู่คู่ประเทศไทย “อภิชาต สุขัคคานนท์” ประธานกตต. และ “ชัช ชลวร” ประธานตุลการศาลรัฐธรรมนูญ ต้องยึดกฎหมายเหนือพรรคประชาธิปัตย์...ที่หลายคนมองกันว่าซี้!!! “ยุบพรรค ปชป.” เร็วเท่าไหร่.....มาตรฐานเมืองไทย...ที่หายไป จะได้กลับมาเสียที??
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

ใช้แผน “ลับลวงพราง”ทุกช็อต
ถ้า “หัวเสธ-สองไบร์ท” วางแผนทำงานเพื่อประชาชน หยั่งงี้ ต้องบอกว่า “สุดยอด”??? ปล่อยข่าวโคมลอย ให้ฟุ้ง! ให้เฟื่อง!ตลอดระยะ..จะปลด “กษิต ภิรมย์” รมว.ต่างประเทศ และ “น้องเดียว” สาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายก ศัตรูตัวฉกรรจ์คนเสื้อแดง เป็นการปล่อยข่าวลวงโลก...เป็นการ “ยกเมฆ” ที่เสแสร้ง ไม่ปรับ ไม่โยก ไม่ย้าย..คงหนีบกะเต้ง เอา “รัฐมนตรีกษิต” และ “รัฐมนตรีสาทิตย์” เอาเหนียวแน่น..โดยเฉพาะใครที่มีผลงานตามราวี “คนเสื้อแดง” ต่างได้อำนาจ และยิ่งมีบทบาท!! ผลงานห่วยไม่ว่า....ขอให้ตามไล่ตามล่า?...ควานหา “เสื้อแดง” ก็ยิ่งใหญ่ ได้โดยอัตโนมัติ
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
คอลมน์.ตอดนิดตอดหน่อยกาบรู
ที่มา.บางกอกทูเดย์

เจ้าของประเทศ

การปรับคณะรัฐมนตรีครั้งล่าสุดเมื่อ 5 มิถุนายน 2553 เป็นแค่ปรากฏการณ์ทางการเมืองหนึ่งเท่านั้น ถ้าจะถามว่า...มันตอบโจทย์ของประเทศไทยหรือไม่? ผมบอกได้เลยว่า “ไม่” แต่เป็นการตอบโจทย์นักการเมืองมากกว่าตอบโจทย์ของประเทศ เรื่องจริงที่ยิ่งกว่าจริง และจริงแท้แน่นอนก็คือ มันเป็นการตอบโจทย์นักการเมืองอย่างชัดเจนอย่างน้อยสองคน คือ สุเทพ เทือกสุบรรณ สองนายกรัฐมนตรี กับ เนวิน ชิดชอบ ผู้ทำให้ปรากฏการณ์ทางการเมืองมีการเปลี่ยนขั้วจากเพื่อไทยมาเป็นประชาธิปัตย์ และยังตอบโจทย์

ทางการเมืองต่อไปอีกนั่นคือการชำระบัญชีแค้นกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถามต่อว่า... ปรับ ครม.หนนี้แก้ปัญหาเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของฝ่ายค้านไหม ตอบได้เลยทันทีว่า “ไม่” ถามต่อว่า แล้วจะทำให้ภาพการทุจริตของคนในรัฐบาลลดลงหรือไม่? ตอบได้เลยว่า “ไม่” ถ้าเช่นนั้นการปรับ คณะรัฐมนตรีหนนี้

ทำเพื่ออะไร? ต้องตอบตามความจริงว่า...เพื่อความมั่นคงของรัฐบาล และความไม่มั่นคงของฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล นี่คือเกมการเมืองที่นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเลือกที่จะเล่น และเล่นเป็นทีมกับพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมกับพรรคช่วยรัฐบาลด้วย ถามว่าจากนี้ไปการเมืองประเทศไทยจะเป็นอย่างไรต่อไป? ตอบว่า...

ไม่มีใครหยั่งรู้ได้ว่า...คนที่เลือกให้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ต่อไป จะมีแผนและเกมอย่างไรในอนาคตข้างหน้านี้ แล้วประชาชนคนไทยควรทำอย่างไร? ตอบได้แค่ว่า...ประชาชนคนไทยคงได้แต่รอให้สถานการณ์ข้างหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และพรรครัฐบาลถามว่า...วันหน้าอนาคต

ประเทศไทยฝากไว้กับอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คนเดียวหรือ? ผมเองคงตอบคำถามนี้ไม่ได้หรอกครับ แต่เจ้าของประเทศตัวจริงอย่างประชาชนคนไทยคงตอบเรื่องนี้ได้ดีกว่าผมจากการแสดงออกของพลังประชาชน ถ้าพวกท่านปรารถนาจะเป็นเจ้าของประเทศ และใช้อำนาจของท่านเองอย่างแท้จริง
คอลัมน์.ปัญหาโลกแตกมด คันไฟ
ที่มา.บางกอกทูเดย์
...............................................

กรุงเทพ-ชนบท

ชัยชนะอย่างท่วมท้นของ พรรคประชาธิปัตย์ในกรุงเทพมหานคร...เป็นชัยชนะที่สะสมมาอย่างเนิ่นนาน...ประชาธิปัตย์...ครอบครองเก้าอี้ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร...ตั้งแต่สมัยเริ่มของ อภิรักษ์ โกษะโยธิน...และชนะอีกครั้งเมื่อครบสมัย...แต่เมื่อพบกับปัญหา...และส่งผู้ว่าคนปัจจุบัน...หม่อมราชวงศ์ สุขุมพันธุ์ บริพัตร...ก็ทำคะแนนเพิ่มได้อีกอย่างถล่มทลาย ในการเลือกตั้งใหญ่...ประชาชนคนกรุงก็เลือกพรรคประชธิปัตย์มากกว่าพรรคอื่น...อธิบายได้ว่า...พรรคประชาธิปัตย์...กับผู้ว่าทั้ง 2 ท่าน ประสพความสำเร็จ

ในการบริหารราชการกรุงเทพมหานคร...และหากว่า... อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประสพความสำเร็จในการบริหารราชการแผ่นดินในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี...ประชาธิปัตย์จะพลิกประวัติศาสตร์...การชุมนุมอย่างยืดเยื้อและจบลงด้วยสงครามกลางเมืองและการลั่นกระสุนสังหารเผาอาคารหรูหรากลางกรุง...ทำให้ประชาชน

แบ่งแยกแตกความคิดเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งปรารถนาความสงบไม่ว่าใครจะมาเป็นผู้ปกครองเป็นรัฐบาลก็เป็นไป อีกฝ่ายหนึ่งฝักใฝ่ในการต่อสู้และเรียกร้อง...ชัยชนะครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่า...คนกรุงเทพส่วนใหญ่ไม่ต้องการเห็นความรุนแรง...แกนนำเสื้อแดง...เมื่อปฏิเสธข้อเสนอปรองดองของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ...ครั้งล่าสุดคือ

กำหนดการเลือกตั้ง 14 พฤศจิกายน...เคยเตือนไว้แล้วว่า...ฝ่ายรุนแรงของแกนนำเสื้อแดง..ขอในสิ่งที่เขาให้ไม่ได้...ถึงแม้ว่ามีทีท่าจะยอมในวันหลัง...มันก็สายเกินไป...ความแตกแยกทางความเห็นของแกนนำ...เปิดทางให้กับการล้อมปราบ...ประกอบกับการชุมนุมอย่างยาวนาน...สร้างความอ่อนล้ากับความอ่อนแอ...

กรุงเทพวันนี้ จึงเป็นของ ประชาธิปัตย์...ยังเหลือแต่ชนบท...ภาคเหนือและภาคอิสาน...รัฐบาล...จะดำเนินนโยบายปรองดองประสพผลสำเร็จหรือไม่...ทำได้...ประเทศก็พ้นภัย ทำไม่ได้ประเทศก็เหมือน...จีนยุค...เหมาเจ๋อตุง รบกับเจียงไคเช็ค...ชนบท กับ เมือง ทำสงครามต่อกัน
โดย.พญาไม้ทูเดย์พญาไม้
ที่มา.บางกอกทูเดย์
..................................................

จะเลือกใคร?

กามิกาเซ่.. คำนี้แปลว่า “ลมแห่งเทวะ” หรือ “ลมสวรรค์”ซึ่งกองทัพญี่ปุ่นนำมาใช้เป็นชื่อ “ฝูงบิน” เพื่อพุ่งใส่เรือรบของพันธมิตร เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองซึ่งสร้างความ “ข่มขวัญ” และ “สยบ” คู่ต่อสู้ได้อย่างชะงัดที่สุด!! ถือเป็นการ “พลีชีพ” ที่สร้าง “ความตื่นตะลึง” ให้กับสายตาของคนทั้งโลก..เพราะใช้เครื่องบินลำจิ๋วบรรทุก ระเบิด และพุ่งเข้าชนเรือรบที่ว่ากันว่าใหญ่ที่สุด ! เรียกว่า “ลงทุนน้อย” แต่ฝ่ายตรงข้าม “เสียหายมาก” นี่คือการ บวก ลบ คูณ หาร ที่ได้ “กำไรมหาศาล” และ เป็นการประกาศให้โลกรู้ ว่า “คนญี่ปุ่น”

คือ “ของจริง”!! พรรค “เพื่อแผ่นดิน” ในวันนี้ภายใต้การนำของ ชาญชัย ชัยรุ่งเรือง โดยเฉพาะ สายของ ไพโรจน์ สุวรรณฉวี/พินิจ จารุสมบัติ/ปรีชา เลาหพงศ์ชนะ ที่แสดงความกล้าหาญให้คนไทยได้ประจักษ์..ด้วยการสวมบท “กามิกาเซ่” พุ่งเข้าใส่ “รัฐมนตรี"ของ รัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อย่างชนิดไม่เหลือซาก

คือ รัฐมนตรีในพรรค “ภูมิใจไทย” สองคน ทั้ง ชวรัตน์ ชาญวีรกูล และ โสภณ ซารัมย์ ซึ่งเป็นตัวหลักของพรรค ง่อยเปลี้ย-เสียขา ในบัดดล!! แม้ว่า “กามิกาเซ่ไทย” อาจจะถูก “ปรับออก” และ “ถูกเฉดหัว” ทิ้ง!! แต่..ในเร็ววันนี้ กลุ่มก้อนของก๊วนนี้..จะได้รับการ “ชูมือ” จากคนไทย ในการเลือกตั้งครั้งต่อไปแน่นอน..

เพราะกล้า “แลกหมัด” แลกหมัดเพื่อจะช่วยกวาดล้าง “เนื้อร้าย” เหล่านี้ ให้หลุดออกไปจากรัฐบาล ในทางกลับกัน รัฐบาลอภิสิทธิ์ ซะอีกที่จะต้อง หา“คำตอบ” มาบอกกับประชาชนว่า ..ปรับ “คนกล้า” เหล่านี้ออกไปได้อย่างไร..ด้วยเหตุผลอันใด?? ระหว่าง “ผู้กล้าหาญ” กับ “ผู้กล้าแซะซากประเทศ”

หาก แกนนำรัฐบาลควรจะเลือกใคร..หาก “เลือกผิด” ผู้คนก็ต้องสงสัยในพฤติกรรมทันที!! ฆ่า “คนกล้า” ทิ้ง..แต่หอบขึ้นหิ้งด้วย “คนมีรอย” แค่นี้ก็คิดผิดแล้ว รัฐบาลจะสง่างาม หรือ ดำปี๋ อยู่ที่การตัดสินใจเลือกว่าจะเอา “ธรรมะ” หรือ “อธรรม” โจทย์ง่ายๆ แค่นี้..คิดเอา!!
คอลัมน์.ก็โลกมันเบี้ยวหนุ่ม ชิงชัย
ที่มา.บางกอกทูเดย์
*********************************************