--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันจันทร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2553

"บิ๊กป๊อก"จวกพวกอำมหิตยิงปชช.ที่สีลม เผยรู้ตัวคนทำแล้ว ชี้บางคนอยู่ในกองทัพแต่ไร้ตำแหน่ง

"บิ๊กป๊อก"จวกพวกอำมหิตยิงปชช.ที่สีลม เผยรู้ตัวคนทำแล้ว ชี้บางคนอยู่ในกองทัพแต่ไร้ตำแหน่ง

"อนุพงษ์"ชี้พวกอำมหิตยิงคนที่สีลม รู้ตัวคนทำแล้ว คาดพวกใช้อาวุธเป็น"อดีตทหาร-ขรก." หมอพรทิพย์มั่นใจ1เดือนรู้ผลอาวุธ เปรยคนส่งข่าวให้ระวังตัว นปช.ท้ารบ.ส่งจนท.พิสูจน์ยิงจากม็อบ พท.พาญาติเหยื่อ10เม.ย.ร้องปปช.

"พรทิพย์"คาด1เดือนรู้ผลอาวุธ

พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ในฐานะกรรมการศูนย์อำนวยการสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) ยังคงเร่งตรวจหาหลักฐานเพิ่มเติมในการติดตามหากลุ่มคนร้ายยิงเอ็ม79ใส่ประชาชนบริเวณแยกศาลาแดง ถนนสีลม กรุงเทพหมานคร เมื่อวันที่ 22 เมษายน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งนี้เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 25 เมษายน พญ.คุณหญิงพรทิพย์ เดินทางมายังรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีศาลาแดงเพื่อนำหลังคาที่มีร่องรอยระเบิดกลับไปตรวจหาวิถีอีกครั้ง

พญ.คุณหญิงพรทิพย์ ให้สัมภาษณ์ว่า ทราบว่ารฟม.(การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย) จะปรับเปลี่ยนอาคารที่ได้รับความเสียหาย จึงมาขอหลังคาจำนวน 3 แผ่น ที่โดนกระสุน 3 จุด เพื่อจะนำไปให้ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธตรวจหาวิถีที่ยิงมา และเพื่อดูร่องรอยว่าเป็นกระสุนปืนชนิดไหน เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับที่เกิดเหตุอีก 2 จุดว่าเป็นกระสุนชนิดเดียวกันหรือไม่ เมื่อทราบว่าเป็นกระสุนชนิดใดจะสามารถบอกถึงอาวุธที่ยิงได้ ไม่เกิน 1 เดือนน่าจะรู้ผล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พญ.คุณหญิงพรทิพย์ ปฏิเสธจะตอบคำถามว่ากระสุนยิงมาจากตึกสูงจริงหรือไม่ จากนั้นกล่าวทีเล่นทีจริงว่า แค่นี้ก็มีคนส่งข่าวให้หมอระวังตัวแล้วเนี่ย

"ป๊อก"ชี้พวกอำมหิตยิงสีลม

ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวตอบคำถามพิธีกรในรายการ"เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์"เช้าวันเดียวกัน ตอนหนึ่งถึงเหตุการณ์ใช้อาวุธยิงประชาชนที่ถนนสีลม ว่า เหตุการณ์เมื่อ 2-3 วัน (สีลม)ที่ผ่านมา ได้รับมอบภารกิจให้ดูแลย่านสีลม ไม่ให้เกิดการบุกรุกเข้าไปมีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ ทหารก็วางกำลัง รวมทั้งการป้องกันตนเองจากบทเรียนในวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา ว่าป้องกันไม่ให้ยิงที่ตั้งของทางทหารได้ และแบ่งหน้าที่อีกส่วนหนึ่งให้ตำรวจดูแลมวลชนสองกลุ่ม อย่างไรก็ตามเข้าใจว่าตำรวจเอง และทหารเองก็ไม่คาดคิดว่าจะมีคนจิตใจอำมหิตที่จะใช้อาวุธยิงเข้าไปในกลุ่มประชาชนได้ และอย่างที่ทราบบางคนนั้นไม่ได้อยู่ในการชุมนุมด้วย เพราะฉะนั้นมาตรการทางทหารก็ต้องมีมาตรการเข้มข้นขึ้น และต้องรัดกุมด้วย

รู้ตัวกลุ่มใช้อาวุธจัดตั้งมา

เมื่อถามว่ามีการยิงเอ็ม 79 กว่า 40 กว่าครั้ง ยืนยันได้หรือไม่ว่าอาวุธไม่ได้หลุดไปจากคลังอาวุธของกองทัพ โดยเฉพาะอาร์พีจีที่ยิงใส่คลังน้ำมันปตท. พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่าก่อนหน้าวันนั้นได้รับข่าว และท่านนายกฯ(นายอภิสิทธิ์) ก็ได้ทราบแล้ว ท่านรองนายกฯ สุเทพ(นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) ก็ทราบแล้วว่าจะมีการเอาอาวุธอาร์พีจีเข้ามาจำนวน และเราก็พยายามให้หน่วยนี้ได้สกัดกั้น ไม่ทราบว่าจะเป็นจำนวนเดียวกันหรือไม่อย่างไรก็ตาม และมีเหตุการณ์เกิดขึ้น

"ถ้าถามว่าอาวุธยุทโธปกรณ์บ้านเมืองนี้ก็ต้องใช้กฎหมาย เราเป็นทหารก็จะช่วยเหลือตำรวจอย่างเต็มความสามารถที่จะช่วยกันกำจัดอาวุธสงครามเหล่านี้ให้หมดจากสังคมไป อันนั้นคือเรื่องตัวอาวุธ ส่วนเรื่องของตัวบุคคลนั้น ก็ทราบๆ กันอยู่ว่ามีการจัดตั้งกันขึ้นมา ซึ่งบางคนก็ยังอยู่ในกองทัพ แต่ว่าไม่มีตำแหน่งหน้าที่เท่าที่ทราบ ส่วนที่เหลือนั้นคาดว่าคงจะไม่ใช้ อาจจะเป็นอดีตหรือเป็นผู้ที่เคยเป็นข้าราชการที่เคยใช้อาวุธมา"ผบ.ทบ.กล่าว

นปช.ท้ารัฐบาลพิสูจน์ม็อบยิง

ก่อนหน้านี้ เวลา 11.20 น. นายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กล่าวถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าการยิงระเบิดเอ็ม79 ไปยังถนนสีลม เป็นการยิงออกมาจากพื้นที่ชุมนุมสวนลุมพินี ว่าขอให้นายอภิสิทธิ์ เลิกหลอกลวงคนไทย เพราะกองพิสูจน์หลักฐาน และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยังไม่ได้ออกมายืนยันว่ายิงมาจากทิศทางใด หากรัฐบาลมีมือยิงเอ็ม79 ที่ดีที่สุดให้ออกมาทดลองยิง โดยใช้พื้นที่ของกลุ่มคนเสื้อแดง แล้วทำให้เกิดเหตุการณ์เหมือนวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมาได้ ตนพร้อมคนเสื้อแเดงจะหยุดชุมนุมและจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีต่อไป แต่หากรัฐบาลทำไม่ได้ ก็ขอให้รัฐบาลหยุดพูด เพราะจะสร้างความเกลียดชังให้กับกลุ่มเสื้อแดงอย่างมาก

พท.พาเหยื่อ10เม.ย.ร้องปปช.

ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย(พท.) กล่าวว่าจะพาญาติของผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุม เมื่อ 10 เมษายนที่ผ่านมาไปยื่นข้อกล่าวหาต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ใน เวลา 10.00 น. วันที่ 26 เมษายนนี้ เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง และผู้บังคับบัญชาทหารที่เกี่ยวข้อง ทีใช้กำลังและสนับสนุนให้ใช้กำลังทหารพร้อมอาวุธสงคราม ล้อมปราบ และสลายการชุมนุมประชาชนโดยมิชอบโดยกฎหมาย ทำให้ประชาชนที่มาชุมนุมเสียชีวิต และบาดเจ็บ ซึ่งมีความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในทางราชการ ฐานปฏิบัติและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157

ปูด"รบพิเศษ"ยิงเอ็ม79สีลม

นายพร้อมพงศ์ กล่าวถึงกรณีที่มีคนร้ายยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่ผู้ชุมนุมถนนสีลม ว่า การยิงเป็นลักษณะเดียวกับที่คนร้ายเคยใช้อาวุธปืนเอ็ม 79 ยิงเข้าใส่ศูนย์รักษาความปลอดภัย กรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ ร.1 รอ. ถนนวิภาวดี เมื่อวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา โดยแหล่งข่าวด้านความมั่นคงให้ข้อมูลว่าอาวุธที่ยิงที่สีลม กับกรมทหารราบที่ 1 น่าจะเป็นชนิดเดียวกัน คือเอ็ม 32 ที่บรรจุกระสุนเอ็ม 79 ได้ครั้งละ 6 นัดแบบเหมือนลูกโม่ ซึ่งมีอยู่ประจำการในหน่วยรบพิเศษเท่านั้น หน่วยทหารปกติทั่วไปจะไม่มีใช้

"ทั้งนี้ขอตั้งข้อสังเกตว่า 1. อาวุธที่ยิงกระสุน เอ็ม 79 ที่ถนนสีลม เป็นอาวุธร้ายแรงที่อยู่ในหน่วยรบพิเศษ การนำมาใช้ต้องเป็นเจ้าหน้าที่ที่ประจำการเท่านั้น 2.ผู้ที่เสียชีวิต และบาดเจ็บทั้งหมดเป็นประชาชนไม่มีทหาร 3. การยิงกระสุน เอ็ม 79 ที่กรมทหารราบที่ 1 ขณะนี้คดียังไม่คืบหน้าหาคนผิดยังไม่ได้ เงียบไปเฉยๆ เหมือนเจอตอ จึงขอเรียกร้องไปยังรัฐบาล และ พล.อ.อนุพงษ์ ให้ตรวจสอบอย่างจริงจัง ว่าอาวุธร้ายแรงหลุดมาก่อเหตุจากหน่วยไหน ใครเป็นคนสั่งให้ไอ้โม่งสร้างสถานการณ์ความรุนแรง เรื่องนี้เกลือเป็นหนอนท่ามกลาง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ถ้ารัฐบาลและพล.อ.อนุพงษ์ มีความจริงใจคงจะหาคนผิดมาลงโทษได้ไม่ยาก"โฆษกพท.ระบุ

หา"กสม."ตั้งอนุฯไม่เป็นกลาง

นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวถึงกรณีนางอมรา พงศาพิชญ์ ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจเพื่อพิจารณาตรวจสอบเหตุการณ์ความรุนแรงจากการขอคืนพื้นที่จากกลุ่มผู้ชุมนุม เมื่อ 10 เมษายน ว่า การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการชุดดังกล่าวน่าจะไม่มีความเป็นกลาง จนอาจทำให้ผลการตรวจสอบการสลายการชุมนุมของอนุกรรมการชุดนี้มีปัญหาไม่เป็นที่ยอมรับไปด้วย เนื่องจากอนุกรรมการหลายคนน่าจะมีส่วนได้เสียเข้ามาร่วมตรวจสอบเหตุการณ์ด้วย เช่น นายนิรันด์ พิทักษ์วัชระ น.ส.สารี อ่องสมหวัง และ พล.ท.ดาวพงษ์ รัตนสุวรรณ รองเสนาธิการทหารบก ผู้ที่มีส่วนในการใช้กำลังทหารในการสลายการชุมนุมเมื่อ 10 เมษายน 2553

"ก่อนหน้านี้คณะกรรมการสิทธิฯ บางคนขอให้พท.และกลุ่มนปช.เสนอบุคคลเข้าเป็นอนุกรรมการ ฝ่ายละ 2 คน แต่ยังไม่ทันเสนอก็ยังรีบลุกลี้ ลุกลน แต่งตั้งกันไปก่อน อย่างผิดสังเกต ทำให้มองได้ว่ากสม.น่าจะถือหางฝ่ายรัฐบาล เรื่องนี้ไม่ต้องสอบก็พอจะรู้ผลว่าจะออกมาเช่นไร "โฆษกพท.กล่าวและว่า ควรให้ศาลยุติธรรมดำเนินการไต่สวน ตามที่ญาติของผู้ที่เสียชีวิตแจ้งความร้องทุกข์กับกองปราบปราม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสน.ชนะสงคราม ซึ่งจะทำให้เป็นที่ยอมรับของญาติผู้เสียหายและทุกฝ่าย

พท.จี้ตำรวจฮึดถูกปืนจี้หัว

นายพร้อมพงศ์ กล่าวถึงกรณี พ.ต.ท.ไกรสีห์ สุวรรณงาม รองผกก.ป.สน.พระโขนง นำกำลังเข้าจับกุมกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ แต่กลับถูกนายทหารเอาปืนจี้ศีรษะ เพื่อไม่ให้จับกุมและยังขู่ให้ถอยกลับออกไปว่า เหตุการณ์ดังกล่าวน่าจะมีนัยยะ 2 ประการ คือ 1. กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อหลากสีวันที่ 22 เมษายนถูกจัดตั้งขึ้นมาบางส่วน โดยการรับรู้ของฝ่ายทหารเพื่อมาสร้างสถานการณ์ และ 2. การกระทำดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยยุคนายอภิสิทธิ์ถูกปกครองโดยมีทหารเป็นใหญ่ และการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และหมิ่นเกียรติยศศักดิ์ศรีของตำรวจที่รักษากฎหมาย

"จึงขอเรียกร้องให้ข้าราชการตำรวจทั้งที่รับราชการอยู่ปัจจุบันและเกษีณรอายุราชการไปแล้วได้ออกมาปกป้องศักดิ์ศรี และเกียรติยศ โดยเฉพาะพล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการผบ.ตร. ควรออกมาปกป้องผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างทันที ไม่ใช่ปล่อยให้ถูกระทำย่ำยีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะเท่ากับเป็นการยอมรับการอยู่ภายใต้ท๊อปบูทของทหาร ถ้าเรื่องเงียบหายไปพล.ต.อ.ปทีปคงอยู่ในตำแหน่งไม่ได้"โฆษกพท.กล่าว

ตร.เผยบิ๊ก2สีกำลังเคลียร์

ด้าน พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5(ผบก.น.5) กล่าวว่ายังอยู่ระหว่างรอ พ.ต.ท.ไกรสีห์ ทำรายงานชี้แจงมาถึงกรณีมีข่าวเหตุการณ์ถูกทหารเอาปืนจี้หัวไม่จับกุมกลุ่มผู้ยั่วยุก่อเหตุ ซึ่งขณะนี้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างพูดคุยเพื่อปรับความเข้าใจกัน เพราะเหตุการณ์วันเกิดเหตุที่ถนนสีลม ระหว่างกลุ่มคนสีลมเผชิญหน้าอยู่กับคนเสื้อแดง มีกลุ่มฮาร์ดคอร์2กลุ่มรวมประมาณ 40 คน ปะปนอยู่กับกลุ่มคนสีลมขว้างปาสิ่งของใส่กลุ่มนปช.เพื่อให้เกิดความยั่วยุกัน ทำให้สิ่งของที่ถูกขว้างปามาจากฝ่ายตรงข้าม ถูกตำรวจชุดกองร้อยควบคุมฝูงชนปราบจลาจล(ปจ.)และพ.ต.อ.วราวุธ ทวีชัยการ รองผบก.น.5 บาดเจ็บ

"ทางตำรวจปจ.ซึ่งตั้งแถวป้องกันอยู่ตรงกลางจึงใช้เครื่องมือปจ.ผลักดันกลุ่มคนสีลมและเชื่อว่ามีกลุ่มฮาร์ดคอร์ปะปนอยู่ด้วยเข้าไปตามตรอกซอกซอยต่างๆบนถนนหลังแนวรั้วกั้นของทหารอยากจะทำความเข้าใจในจุดนี้ หากทั้งสองฝ่ายเกิดความขัดแย้งกันประเทศไทยก็จะไม่มีใครเข้ามาแก้ไขปัญหา เพราะทั้งสองหน่วยมีทั้งรุ่นพี่-รุ่นน้อง"ผบก.น.5ระบุ

กทม.ทำบุญเหยื่อ10เมษาฯ

ก่อนหน้านี้ เวลา 07.00 น. ที่หน้าสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล สี่แยกคอกวัว ถนนราชดำเนินกลาง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. และคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร เป็นเจ้าภาพจัดพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุม เมื่อวันที่ 10 เมษายน บนถนนราชดำเนินและสี่แยกคอกวัว โดยนิมนต์พระราชาคณะ 9 รูป มาสวดเจริญพระพุทธมนต์ และมีการตักบาตรพระสงฆ์ 199 รูป พร้อมกับสวดบังสุกุลอุทิศส่วนกุศลด้วย มีประชาชนเข้าร่วมกว่า 300 คน อาทิ สมาคมผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาล สมาคมผู้ค้าตลาดโบ๊เบ๊ ประชาชนในชุมนุมใกล้เคียง แต่ไม่มีญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์10 เมษายนเข้าร่วมแต่อย่างใด

นายถนอม อ่อนเกตุพล โฆษก กทม. เปิดเผยว่า เหตุที่ไม่มีญาติของผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุ 10 เมษายน อาจเป็นเพราะมีที่พักอยู่ในต่างจังหวัด

ที่มา.มติชนออนไลน์
********************************************

ป่วนเมือง ปาระเบิดบ้าน"บรรหาร"เจ็บ 11

เมื่อเวลา 22.30 น.พ.ต.ท.วิโรจน์ ทองประไพ สารวัตรเวร สน.บางยี่ขันรับ แจ้งเกิดเหตุระเบิดหน้าบ้านนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี ซอยจรัลสนิทวงศ์ 55 รุดไปตรวสอบ ขณะที่นายบรรหารเดินออกมาสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตำรวจ แต่ไม่ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวแตออย่างใด ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณกลางหน้าบ้านนายบรรหารพบหลุมกว้างประมาณ 10 เซ็นติเมตร สะเก็ดระเบิดจำนวนมาก ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 5 เมตรพบกระเดื่องระเบิดยังไม่ทราบชนิดตกอยู่ ส่วนพบผู้บาดเจ็บจำนวน 7 ราย ถูกนำส่งรพ.วชิรพยาบาล รพ.ศิริราชและ รพ.เจ้าพระยา

นอกจากนี้ ที่เกิดเหตุยังพบรถเก๋งฮอนด้าแอคคอร์ดสีเทา ทะเบียน ษฬ 9579 เสียหาย กทม.กระจกด้านคนขับแตกทั้งบาน ยางทั้ง 4 ล้อแตก ส่วนน.ส.ณมน สรวงศ์ เจ้าของรถเก๋งคันดังกล่าวได้รับบาดเจ็บสาหัสเนื่องจากถูกสะเก็ดระเบิดเข้าสีข้างขวาและแขน และรถแท็กซี่โตโยต้าสีชมพู ทะเบียน ทย 4659 กทม.ยางหน้าซ้ายแตก กระจกหน้า ฝากระโปรงเป็นรูทะลุหม้อน้ำ มีนายเกษมศักดิ์ สกุลภักดีบุรี อายุ 48 ปี เป็นคนขับ

สอบสวนด.ต.สามารถ สลุงอยู่ ผบ.ป.สน.บางพลัดซึ่งถูกสะเก็ดระเบิดเข้าขาขวาให้การว่า ตนเข้าเวรตั้งแต่เวลา 16.00 น.ขณะเกิดเหตุเวลาประมาณ 22.20 น.ตนพร้อมเพื่อนตำรวจรวม 4 นายนั่งอยู่ภายในเต็นท์หน้าบ้านนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ยินเสียงคล้ายวัตถุหล่นลงบนฟุตบาทก่อนจะกลิ้งไปบนถนนแล้วก็มีดังระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวจึงรีบหมอบลงกับพื้น หลังจากนั้นก็เห็นกลุ่มควันสีขาวจำนวนมากอยู่กลางถนน ขณะเดียวกันก็เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของประชาชนที่ป้ายรถเมล์ห่างจากเต็นท์ประมาณ 5 เมตร

พยานรายหนึ่งให้การว่า เห็นคนร้ายขี่รถจักรยายนต์ยี่ห้อฮอนด้าโซนิค ไม่ทราบแผ่นป้ายทะเบียนมากัน 2 คน โดยคนั่งซ้อนท้ายใส่เสื้อขาวปาระเบิดใส่เต็นท์หน้านายบรรหาร ศิลปอาชาก่อนจะขับหนีไปอย่างรวดเร็ว


ที่มา.เนชั่น
**********************************************

วันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2553

นักวิเคราะห์ต่างชาติชี้"ทักษิณ"ยังเป็นศูนย์กลางความขัดแย้ง-ความโกรธแค้นเป็นอันตรายต่อเมืองไทยมากว่า

นักวิเคราะห์ชี้ไทยจำเป็นต้องเร่งเจรจาเหล่ากลุ่มขัดแย้ง หลีกเลี่ยงเหตุปะทะเลือดซ้ำรอย ชี้เมืองไทยกำลังเสี่ยงเจอสถานการณ์ปะทะนองเลือดรอบใหม่ เพื่อให้อีกฝ่ายหนึ่งยอมเจรจา

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อวันที่ 25 เม.ย.ว่า นักวิเคราะห์ระบุว่า เมืองไทยจะต้องหาฉันทามิตทางการเมืองที่สามารถยอมรับได้กับทุกกลุ่มขัดแย้ง เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ปะทะนองเลือดซ้ำรอยซึ่งจะเขย่าภาพลักษณ์สยามเมืองยิ้มของเมืองไทย โดยความจำเป็นที่จะหลีกเลี่ยงสถานการณ์ดังกล่าวถือเป็นเรื่องใหญ่ยิ่ง หลังจากเมืองไทยต้องเผชิญเหตุการณ์กลุ่มคนร้ายโจมตีถนนสีลม ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 1 ราย และเหตุการณ์ปะทะเลือดที่ถนนราชดำเนินเมื่อ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา

นายไมเคิล มอนเตซาโน ผู้เชี่ยวชาญแห่งสถาบันศีกษาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แสดงทัศนะว่า การที่บรรยากาศการชุมนุมไทย กลายเป็นเหตุรุนแรง เป็นผลจากความเก็บกดที่ถูกซ่อนในสังคมไทย และทำให้สังคมไทยทั้งมวลได้ประจักษ์เห็นว่า ความรุนแรงนั้นซึ่งซ่อนอยู่ภายใต้สถานการณ์ชุมนุมเครียด

นอกจากนี้ เอเอฟพีรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังเป็นศูนย์กลางของการขัดแย้ง โดยการโกรธแค้นต่อพ.ต.ท.ทักษิณ ถือว่าเป็นอันตรายต่อเมืองไทยมากกว่าตัว พ.ต.ทงทักษิณเอง เพราะรัฐบาลไทยเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ร้ายต่าง ๆ ทำให้ปฎิเสธที่จะเจรจาและประนีประนอม ขณะที่ในอนาคตข้างหน้า สิ่งที่น่าวิตกมากกว่าก็คือ การต่อสู้บนท้องถนนของคนไทย โดยแม้ว่า เมืองไทยจะเป็นสังคมแห่งฉันทามติส่วนใหญ่ แต่เมื่อถึงจุดที่เปราะบางที่สุด มันก็พร้อมจะปะทุเป็นความรุนแรงได้

นอกจากนี้ นายมอนเตซาโน ชี้ด้วยว่า ขณะนี้หลายฝ่ายวิตกว่า กลุ่มต่าง ๆ จะใช้ความรุนแรงก่อนการเจรจา โดยขณะนี้มีความรู้สึกว่า หากเมืองไทยเกิดเหตุการณ์นองเลือดอย่างมากพอ ก็จะทำให้ทุกฝ่ายหันมานั่งลงเจรจากันได้


ที่มา.มติชนออนไลน์
***********************************************

รอง ผบช.ภ.1 เจรจาเสื้อแดงยึดรถตำรวจกว่า 50 คัน

กรณีผู้ชุมนุมเสื้อแดงรวมตัวกันปิดถนนพหลโยธินขาเข้า ช่องทางคู่ขนาน บริเวณฝั่งตรงข้ามบริษัทกู๊ดเยียร์ จำกัด ม.4 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี โดยยึดรถตู้และหกล้อลูกกรงเหล็กของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เดินทางมาจากภาคอีสานและภาคกลางบางส่วนเพื่อเข้าไปในกรุงเทพฯ โดยอ้างว่าตำรวจเหล่านี้ได้รับคำสั่งให้เข้าไปปราบปรามกลุ่มคนเสื้อแดงที่แยกราชประสงค์ ทั้งนี้เหตุการณ์เป็นไปอย่างสงบ โดยกลุ่มคนเสื้อแดงส่วนใหญ่จะไม่สวมเสื้อสีแดงได้ทำการปิดถนนช่างทางคู่ขนาดและเปิดช่องทางด่วนให้ประชาชนเดินทางเข้า กทม.ได้

จากการตรวจสอบพบว่าขบวนรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจจากจังหวัดต่างๆ คือ นครพนม นครสวรรค์ ชัยนาท สิงห์บุรี ลพบุรี จำนวนทั้งหมด 50คัน เป็นรถตู้สีขาว 36 คัน รถตู้หกล้อแบบติดลูกกรงสีดำจำนวน 9 คัน และรถกระบะตราโล่จำนวน 5 คัน มีกำลังเจ้าหน้าที่ทั้งหมดราว 500 นาย

ต่อมา พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พร้อมด้วย พล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี ได้เดินทางมายังที่เกิดเหตุ และเข้าเจรจากับแกนนำคนเสื้อแดงที่นำโดยนายกร ลำลูกกา รอง ผอ.สถานีวิทยุชุมชนคนเสื้อแดงอยู่ย่านคลองสี่ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ทั้งนี้นายกร ระบุว่าจะกางเต้นท์ทำที่พักเพื่อคอยตรวจสอบเส้นทางพหลโยธินเพื่อสกัดกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่บริเวณต่อไป ซึ่งการเปลี่ยนแปลงใดๆจากนี้คงต้องรอการประสานงานจากแกนนำใน กทม.อีกครั้งว่าจะให้ดำเนินการอย่างไรต่อไป



ที่มา.เนชั่น
************************************************

รัฐบาลมาร์ค อยู่นาน-ยิ่งน่วม

เหตุการณ์ยิงระเบิดเอ็ม 79 ถล่มบริเวณสถานีรถไฟฟ้าศาลาแดงและหน้าโรงแรมดุสิตธานี

จุดชุมนุมของฝูงชนเสื้อหลากสีที่ออกมาต่อต้านกลุ่มคนเสื้อแดง

เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเกือบร้อยคน เมื่อค่ำวันที่ 22 เมษายน

รวมถึงเหตุการณ์ความชุลมุนวุ่นวายระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมสองฝ่าย

ที่ยึดเอาพื้นที่ย่านธุรกิจสำคัญใจกลางกรุง แบ่งฟากเปิดศึกขว้างปากันด้วยขวดแก้ว ก้อนอิฐ หนังสติ๊ก และระเบิดเพลิง โดยเจ้าหน้าที่ทหาร-ตำรวจไม่สามารถเข้าคุมสถานการณ์ไว้ได้

ทำให้ภาพออกมาใกล้เคียงกับการเป็น "สงครามประชาชน" เข้าไปทุกที

นับจากเหตุการณ์ทหารปะทะกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อวันที่ 10 เมษายน

รัฐบาลของนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ตกอยู่ในห้วงคับขัน

ต้องพึ่งพาวิชาเทพและวิชามารสารพัดกว่าจะพาตัวเองรอดพ้นจากวิกฤตการณ์มาได้

โดยที่นายกฯ ไม่ต้องลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ หรือยุบสภาตามข้อเรียกร้องของคนเสื้อแดง

ทั้งที่มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ถึง 25 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 800 คน

เสียงเรียกร้องให้รัฐบาลรับผิดชอบต่อชีวิตผู้คนที่บาดเจ็บล้มตาย ถูกกลบทับด้วยกระแส "ผู้ก่อการร้าย" ที่ฝ่ายรัฐบาลปล่อยออกมาเป็นซีรีส์ผ่านสื่อในมือ

ขณะเดียวกันศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ. ได้ปรับโครงสร้างใหม่ให้พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เข้ามารับผิดชอบด้านการสั่งการใช้กำลัง

ได้พยายามป่าวประกาศข่มขู่ต่างๆ นานาให้ผู้ชุมนุมถอนตัวจากพื้นที่แยกราชประสงค์

พร้อมยืนยันไม่ยอมให้คนเสื้อแดงขยายพื้นที่เข้าไปในย่านสีลมอย่างเด็ดขาด โดยส่งกำลังทหารติดอาวุธจำนวนมากตรึงสกัดไว้บริเวณแยกศาลาแดง

ท่ามกลางข่าวหนาหูรัฐบาลเตรียมหาจังหวะใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมอีกระลอก

อย่างไรก็ตามบรรยากาศเผชิญหน้าระหว่างทหารกับคนเสื้อแดงลดความตึงเครียดลงไป

เมื่อศาลแพ่งเปิดไต่สวนฉุกเฉินและมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว

ไม่ให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะผู้อำนวยการ ศอฉ. สั่งการเจ้าหน้าที่ใช้กำลังสลายการชุมนุมคนเสื้อแดง

นอกจากนี้ล่าสุดแกนนำเสื้อแดงยังได้ลดข้อต่อรองของตนเองลงจากเดิมให้นายกฯ ประกาศยุบสภาในทันที

มาเป็นยุบสภาใน 30 วัน

แต่แล้วความเป็นห่วงที่เข้ามาแทนที่คือการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อหลากสีที่ออกมาต่อต้านคนเสื้อแดง และกลุ่มเสื้อเหลืองที่กดดันรัฐบาลให้ใช้วิธีการเด็ดขาดเข้าแก้ไขสถานการณ์

โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของคนเสื้อหลากสีที่เชื่อกันว่าเป็นกลุ่มเดียวกับคนเสื้อเหลือง

หรือแม้แต่กลุ่มคนรักสีลมที่จับกลุ่มชุมนุมในสถานที่ล่อแหลม จนเกิดเรื่องกระทบกระทั่งกับคนเสื้อแดง 2 วันติดกันช่วงปลายสัปดาห์ต่อหน้าต่อตาทหาร-ตำรวจที่ตรึงกำลังเต็มพื้นที่

ผลที่ตามมาคือสังคมเกิดข้อสงสัยถึงมาตรฐานการบังคับใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และทำให้ข้อครหาว่ามีคนในรัฐบาลให้การหนุนหลังการชุมนุมของคนเหล่านี้

กลายเป็นมีน้ำหนักขึ้นมาทันที

ในภาพรวมของเหตุการณ์ยิงเอ็ม 79 ถล่มย่านสีลม มีรายงานข่าวระบุถึงเหตุการณ์กรณีทหารใช้ปืนจ่อตำรวจ ไม่ให้ติดตามผู้ชุมนุมที่ปาระเบิดเพลิงใส่กลุ่มคนเสื้อแดง

รวมถึงการที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผอ.ศอฉ. ออกมาด่วนสรุปกล่าวหา "ผู้ก่อการร้าย" ในฝ่ายคนเสื้อแดงเป็นคนยิงระเบิดเอ็ม 79 และการออกข่าวจำนวนคนตายเกินกว่าความเป็นจริง

เหล่านี้ไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาล

ประเด็นเรื่องผู้ก่อการร้ายชุดดำนั้นถึงจะมี "คลิป" หลักฐานยืนยันจากฝ่ายรัฐบาล และแกนนำเสื้อแดงเองก็ยอมรับว่าเป็นกองกำลังที่มีอยู่จริง

แต่การที่ฝ่ายรัฐบาลด่วนสรุปลากโยงผู้ก่อการร้ายเข้าหากลุ่มคนเสื้อแดง ทั้งที่ยังขาดหลักฐานประกอบชัดเจน

นอกจากทำให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาได้ไม่ตรงจุดเพราะตั้งโจทย์ผิดแต่แรก

ยังทำให้สถานการณ์ในภาพรวมบานปลายออกไปไม่มีที่สิ้นสุด

เหตุการณ์วันที่ 22 เมษายน คือตัวบ่งชี้ว่าสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองเริ่มมีความสลับซับซ้อนมากขึ้น เนื่องจากมีคู่ขัดแย้งบนท้องถนนเพิ่มขึ้น

ในฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐก็มีสายพันธุ์แตงโม-มะเขือเทศแทรกซึมอยู่เต็มไปหมดจนไม่รู้ใครเป็นใคร แม้แต่ในกองทัพและศอฉ.ก็ยังหวาดระแวงกันเอง

ในสถานการณ์ขณะนี้รัฐบาลพยายามผลักภาระไปตกหนักอยู่ที่พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้ารับผิดชอบสั่งการใช้กำลังของ ศอฉ.

ซึ่งกำลังถูกกดดันรอบด้านทั้งรัฐบาล นักธุรกิจ ผู้ประกอบการ กลุ่มคนหลากสี กลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยกับคนเสื้อแดงที่ต้องการเห็นทหารใช้ความเด็ดขาดเข้าสลายการชุมนุม

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลและนายกฯ จะลอยตัวเหนือปัญหาที่เกิดขึ้นได้

ภายหลังเหตุการณ์เมื่อวันที่ 22 เมษายน หลายองค์กรระดับโลกเริ่มหันมาให้ความสนใจสถานการณ์ภายในประเทศไทย

ผู้นำหลายประเทศ รวมถึงสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ออกแถลงการณ์แสดงความเป็นห่วง พร้อมกับเสนอแนะให้คู่ขัดแย้ง 2 ฝ่ายหันหน้าเข้าเจรจากันเพื่อแก้ปัญหาโดยสันติวิธี

ถึงเนื้อหาของแถลงการณ์จะไม่เข้าใครออกใคร

แต่ก็มีผลทำให้การดำรงอยู่ของรัฐบาล และนายกฯ ต้องเจอกับแรงเสียดทานมากกว่าเดิม



ที่มา.ข่าวสดรายวัน
******************************************

ผู้สื่อข่าวBBCรายงานบรรยากาศการชุมนุมเสื้อแดง

ราเชล ฮาร์วี่ย์ ผู้สื่อข่าว BBC รายงานความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ปักหลักประท้วงอยู่ในกรุงเทพฯ นาน 6 สัปดาห์แล้วว่า ได้มีการปะทะรุนแรงกับตำรวจและทหาร ขณะที่รัฐบาลไม่ยอมจำนนต่อข้อเรียกร้องและการที่คนเสื้อแดงยังคงรวมตัวกันอย่างแข็งแกร่งอยู่มากนั้น ก็ดูเหมือนเหตุการณ์นองเลือดยังคงจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องต่อไป

ฮาร์วีย์ ระบุว่า เมื่อมีการประท้วงทางการเมืองที่ยืดเยื้อในย่านใจกลางเมืองหลวง ซึ่งเป็นทั้งที่ทำงานและดำรงชีวิตประจำวัน ก็อาจเสี่ยงอันตรายได้ แน่นอนว่า การชุมนุมของคนเสื้อแดงในกรุงเทพฯ ได้เข้ามามีอิทธิพลต่อการทำงานของเธอด้วยเช่นกัน ทุกเช้า เธอจะต้องเข้าไปรายงานข่าวการเคลื่อนไหวของพวกเขา ในย่านที่เป็นที่ตั้งของโรงแรมและห้างสรรพสินค้าหรู ส่วนตอนเย็น เธอก็ยังต้องขึ้นรถไฟฟ้าขบวนเดียวกับผู้ประท้วงบางคนอีก

ฮาร์วีย์ ได้พูดถึงภายในสถานที่ชุมนุมของคนเสื้อแดงว่า ยังคงมีอาหารฟรี , ห้องสุขาเคลื่อนที่ ,บริการนวดคลายปวดเมื่อย และที่สำคัญคือ เวทีขนาดใหญ่สำหรับบรรดาแกนนำ ในการขึ้นไปปราศรัยด้วยถ้อยทำรุนแรงต่อต้านรัฐบาล สลับกับการบรรเลงเพลงที่ส่งเสียงดังสนั่นอย่างเหลือเชื่อ


ที่มา.เนชั่น
************************************************

แกนนำแดงย้ำลอกคราบเสื้อ-เสธ.แดงแนะฤกษ์ดีปฏิบัติการ30เม.ย.

แกนนำปลุกสู้ยืดเยื้อเน้นลอกคราบเสื้อแดง "เหวง"ลับลวงพรางหวังชนะ "จรัล"โวซ้ำยังไงก็ชนะ "เสธ.แดง"เห็นด้วย แนะปฏิบัติการใน30เม.ย.ทหารเกณฑ์ปลด

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศชุมนุมกลุ่มเสื้อแดง แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ช่วงเช้าตั้งแต่เวลา 06.00 น. ยังคงผลัดเปลี่ยนกันขึ้นเวทีปราศรัย และรายการเล่าข่าวบนเวทีนำเนื้อหาจากหนังสือพิมพ์แต่ละฉบับ พร้อมกับวิพากษ์วิจารณ์เนื้อหาแต่ละฉบับให้คนเสื้อแดงรับรู้ท่าทีการเคลื่อนไหวของรัฐบาล และสังคมต่อการชุมนุมของกลุ่มนปช.

ส่วนการปราศรัยยังคงเน้นประเด็นรัฐบาลปฏิเสธเจรจาไม่รับข้อเสนอยุบสภาภายใน 30 วัน ขณะเดียวกันยังคงมีการปลุกผู้ชุมนุมได้ร่วมต่อสู่กันต่อไปเพื่อให้รัฐบาลยุบสภาตามที่คนเสื้อแดงเรียกร้อง เนื่องจากเกรงจะมีการเข้าสลายการชุมนุม

เมื่อเวลา 07.30 น. คนเสื้อแดงส่วนใหญ่ยังคงทำกิจกรรมส่วนตัว เช่น อาบน้ำ เข้าแถวรับอาหารตามเต็นท์ และนำรถปิกอัพขนเข้ามาแจกจ่ายตามจุดต่างๆ ขณะเดียวกันบนเวทีก็ยังปราศรัยเน้นให้คนเสื้อแดงสามารถเปลี่ยนการใส่เสื้อสีอื่นได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นเสื้อสีแดงอย่างเดียว ซึ่งส่วนใหญ่ยังคงสวมใส่เสื้อสีแดงอยู่

เวลา 08.00 น. นายจรัล ดิษฐาอภิชัย แกนนำ นปช.ขึ้นเวทีปราศรัยว่า การชุมนุมของคนเสื้อแดงรวมเวลาเป็นวันที่ 43 รัฐบาลรายงานข่าวกลางวันเหลือผู้ชุมนุม 6 พัน กลางคืนเหลือหมื่นกว่า ขอบอกว่าไม่จริง

"จะมีการปราบหรือไม่ปราบก็อยากบอกว่าที่สุดแล้วเราจะได้รับชัยชนะ เพราะขบวนการของ นปช.ถือเป็นขบวนการที่ใหญ่ที่สุด ย่อมไม่แพ้ ยังคงต้องมีการต่อสู้ทุกรูปแบบ เชื่อว่ายังจะมีคนทยอยเข้ามาร่วมด้วยกันอีกต่อไปในการต่อสู้ที่มีแนวโน้มจะยืดเยื้อ" นายจรัล กล่าว

"พายัพ" ปลุกระดมมวลชนไม่ชนะไม่กลับบ้าน

เมื่อเวลา 09.50 น.นายพายัพ ปั้นเกตุ แกนนำ นปช.ขึ้นเวทีปราศรัยว่า มีการประเมินรัฐบาลชุดนี้จะไปไม่รอด ตำรวจส่วนใหญ่ที่อยู่ต่างจังหวัดส่วนมากมันก็ไม่อยากมาเข้ามาจัดการกับคนเสื้อแดงที่ราชประสงค์หรอก โทรศัพท์เข้ามาหาหลายรายให้ช่วยสกัดหน่อย เพราะไม่อยากเข้ามา ดั้งนั้นก็ยังมีตำรวจมะเขือเทศ ทหารแตงโมคอยอยู่ข้างเราอยู่ที่ไม่อยากเข้ามาปราบคนเสื้อแดง อย่างไรก็ตามคนเสื้อแดงจะประมาทสถานการณ์ปัจจุบันไม่ได้และถ้าไม่ชนะเราไม่กลับบ้านโดยเด็ดขาด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายขวัญชัย ไพร่พนา ทำหน้าที่ผู้ประกาศบนเวทีได้ปราศรัยตลอดเน้นเรียกร้องให้มีการสกัดทหาร ตำรวจทั่วประเทศที่จะเดินทางเข้า กทม.เพื่อป้องกันไม่ไห้มีการเข้าสลายผู้ชุมนุมที่ราชประสงค์

"เหวง"บอกแดงลอกคราบเป็นนักรบลับลวงพรางหวังชนะ

เมื่อเวลา 10.20 น. หมอเหวง โตจิราการ แกนนำขึ้นปราศรัยว่า รัฐบาลเตรียมใช้กำลังทหารตำรวจจากทั่วประเทศประมาณ 3-4 หมื่นนาย เข้ามาสลายการชุมนุมที่ราชประสงค์ อยากให้พวกเราไม่ต้องสวมใส่เสื้อสีแดงไม่ต้องติดสัญลักษณ์สีแดง เปลี่ยนเป็นชุดนักรบนอกเครื่องแบบป้องกันการล้อมปราบ ตรงนี้เป็นการลับ ลวง พรางแบบหนึ่งหลังจากได้รับชัยชนะค่อยกลับมาใส่เสื้อแดงใหม่ย่อมทำได้

"เราอย่าได้สร้างเงื่อนไขใดที่จะทำให้คนเสื้อแดงไม่สามารถเดินทางเข้ามาร่วมชุมนุมที่ราชประสงค์ เพราะโจทย์ใหญ่คือการจะทำอย่างไรให้มีคนเสื้อแดงเข้ามาร่วมกันเป็นเรือนแสนตรึงคนเอาไว้ป้องกันการล้อมปราบจากรัฐบาลเป็นเหมือนกับการได้ชัยชนะแบบไม่ต้องรบ" หมอเหวง กล่าว

เสธ.แดง"แนะฤกษ์ดีปฏิบัติการภายใน30เม.ย

พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ให้สัมภาษณ์บริเวณหลังเวทีการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงที่แยกราชประสงค์ หลังจากเดินสำรวจการรักษาความปลอดภัยของการ์ดเสื้อแดง ว่า ยุทธวิธีให้ผู้ชุมนุมเปลี่ยนจากเสื้อสีแดง เป็นเสื้อสีอื่นนั้น ดีที่ชาญฉลาด แต่ตนเห็นว่ายังเป็นไปไม่ได้ทหารจะใช้กำลังสลายกลุ่มเสื้อแดงในขณะนี้ เนื่องจากต้องใช้กำลังทหารกว่า 40,000 นาย แต่ขณะนี้กำลังไม่พอ

"การชุมนุมจะยืดเยื้อต่อไปหรือไม่อยู่ที่แนวทางของสามเกลอ ขอแนะนำให้แกนนำหากจะปฏิบัติการใดก็ควรทำภายในวันที่ 30 เมษายนนี้ ซึ่งเป็นวันที่กองกำลังทหารจะปลดประจำการ ขณะที่ทหารใหม่นั้นต้องฝึกอีกกว่า 10 สัปดาห์"

ด้านนายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง เปิดเผยว่า กลุ่มคนรักอุดรจะเดินทางเข้าร่วมชุมนุมที่แยกราชประสงค์อีกกว่า 3,000 คน รวมทั้งผู้ชุมนุมจาก จ.ขอนแก่นอุบลราชธานี จากจังหวัดอื่นๆ ด้วย โดยทั้งหมดจะเดินทางถึงกรุงเทพมหานครก่อนเวลา 18.00 น.ของวันนี้ อย่างไรก็ตามมีผู้นำเสื้อผ้าสีอื่นๆ มาบริจาคที่หน้าเวทีด้วย

ที่มา.กรุงเทพธุรกิจ
********************************************

แดงตื่น ฮ.บินวนพื้นที่ เร่งจุดพลุปล่อยโคม

นพ.เหวง กล่าวว่า การที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระบุมีกลุ่มก่อการร้ายแฝงตัวในการชุมนุมของกลุ่ม นปช.เป็นการแสดงที่ด้อยวุฒิภาวะ ขณะที่ชายชุดดำ 3-4 คน วันนี้ก็ไม่มีหลักฐานอะไรเลยว่าเป็นกลุ่มคนเสื้อแดง ส่วนการยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 เข้า ศปก.ส่วนหน้าที่เข้าเป้าอย่างแม่นยำตรงนี้คนเสื้อแดงคงไม่รู้ว่า ศปก.ส่วนหน้าตั้งอยู่ที่ไหน แต่การยิงอย่างแม่นยำย่อมมองได้ว่าผู้ยิงรู้สถานที่ตั้ง เวลาการประชุม เป้าหมาย ซึ่งน่าจะเป็นทหารด้วยกันหรือทหารใน ศอฉ.ที่เขารู้ดีเกี่ยวกับสถานที่เวลาและที่ตั้ง ที่ยิงก็เพราะไม่พอใจการที่ทหารใช้กำลังเข้าสลายผู้ชุมนุมจึงต้องเข้าไปจัดการ

สำหรับกรณีของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธแดงนั้น นพ.เหวง กล่าวว่า การดำเนินการใดๆของ 2 คน ย่อมไม่เกี่ยวกับคนเสื้อแดง เสธแดง เองทางกลุ่มคนเสื้อแดงได้ปฏิเสธตัดความสัมพันธ์ไปแล้วอย่างสิ้นเชิง ส่วน พล.อ.ชวลิต ท่านเองก็หวังดีอยากให้บ้านเมืองมีทางออกในลักษณะที่พิเศษ อย่างไรก็ดีอย่าเอาความคิดของบิ๊กจิ๋วมาเกี่ยวข้องกับทางคนเสื้อแดงทั้งแผ่นดินอีก เพราะไม่เกี่ยวข้องกันเลย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงการแถลงข่าวได้มีเฮลิคอปเตอร์บินวนรอบพื้นที่การชุมนุมสร้างความแตกตื่นให้กับกลุ่มคนเสื้อแดงมีการโห่ร้องจุดพลุ ปล่อยโคมไฟขึ้นท้องฟ้าเพื่อสกัดกั้นการบิน เพราะเกรงว่าจะมีการเข้ามาสลายการชุมนุม ทำให้นพ.เหวงต้องประกาศผ่านไมค์เรียกร้องให้ประชาชนอยู่ในความสงบอย่าตื่นตกใจหากจะทำก็เพียงการโห่ร้อง ขณะที่นายขวัญชัยได้ขึ้นเวทีปราศรัยประกาศระดมคนเสื้อแดงที่เคลื่อนที่ไปพื้นที่อื่นกลับมายังราชประสงค์ เพราะเกรงจะมีการเข้ามาสลายเช่นกัน



ที่มา.เนชั่น
*********************************************

กทม.ร่วมกับปชช.ย่านคอกวัวทำบุญให้เหยื่อเหตุ10 เม.ย.

ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมประชาชนที่อาศัยบริเวณสี่แยกคอกวัวและพื้นที่ใกล้เคียง ร่วมกันทำบุญอุทิศส่วนกุศลใกล้กับผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ปะทะกันเมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมา โดยมีการทำบุญใส่บาตร ถวายปัจจัย พร้อมสวดเจริญพระพุทธมนต์และให้พรกับประชาชน เพื่อสร้างขวัญกำลังใจจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา

โดยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า การทำบุญดังกล่าวเป็นการเร่งฟื้นฟูสภาพจิตใจประชาชนจากเหตุการณ์ดังกล่าวช่องทางหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ความเสียหายต้องเยียวยาแบ่งเป็น 2 ประเภท โดยด้านกายภาพ สถานที่ต้องซ่อมแซมและปรับปรุงแก้ไขบางจุด ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จก่อนวันที่ 5 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันฉัตรมงคล และจะมีพิธีการในจุดดังกล่าวด้วย ส่วนด้านที่สอง คือสภาพจิตใจประชาชน ในย่านดังกล่าวที่รู้สึกหดหู่ ทางกรุงเทพมหานครจะมีการเข้ามาฟื้นฟูสภาพจิตใจ โดยด่วนแต่ต้องสอดคล้องกับสถานการณ์บ้านเมืองด้วย

อย่างไรก็ตาม ทางสำนักงานเขตพระนครและผู้ประกอบการถนนข้าวสาร ได้ร่วมทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิตและสูญเสียจากเหตุการณ์ดังกล่าวเมื่อวานที่ผ่านมา


ที่มา.เนชั่น
************************************************

พาดหัวสื่อนอก จับตากรณีอภิสิทธิ์ปฏิเสธข้อเสนอผู้ชุมนุม

สื่อนอกจับตาวิกฤตการเมืองไทย พร้อมใจพาดหัวหน้าแรกกรณีนายกไทยปฏิเสธข้อเสนอ นปช. โดยเนื้อหาในทิศทางเดียวกันคือ นายกรัฐมนตรีหรือรัฐบาลปฏิเสธข้อเรียกร้องหรือข้อเสนอออกจากวิกฤตการเมืองจากฝ่าย นปช. รอยเตอร์ระบุ นายกไทยปฏิเสธข้อเสนอสันติของผู้ชุมนุม เทเลกราฟฟันธงใกล้สงครามกลางเมืองเข้าไปทุกที

BBC พาดหัวว่า "นายกฯ ไทยปฏิเสธข้อเสนอของผู้ชุมนุม" (Thailand PM rejects protesters' offer) โดยรายงานว่า นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ปฏิเสธข้อเสนอของกลุ่มเสื้อแดง ที่เสนอขยายเวลาให้รัฐบาลยุบสภาภายใน 30 วัน จากเดิมที่เรียกร้องให้ยุบสภาภายในทันทีนอกจากนี้ยังได้เรียกร้องให้มีการสืบสวนเหตุปะทะเมื่อวันที่ 10 เม.ย.

จากการรายงานของ BBC นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าเขาไม่ยอมรับข้อเสนอดังกล่าวเนื่องจากพวกเขาใช้ความรุนแรงและการคุกคาม ด้านแกนนำการชุมนุมกล่าวว่าพวกเขากลัวว่ารัฐบาลจะสลายการชุมนุม

ราเชล ฮาร์วีย์ ผู้สื่อข่าว BBC ในกรุงเทพฯ กล่าวว่าหนทางที่จะแก้ไขปัญหานี้อย่างสันติถูทำให้อายุสั้นลงไปเสียแล้ว และความตึงเครียดก็เพิ่มสูงขึ้นอีก

ทางด้าน Reuters ว่า "นายกฯ ไทยปฏิเสธข้อเสนอสันติของผู้ชุมนุม" (Thailand PM rejects protesters' peace offer) โดยรายงานว่ามีทหารจำนวนหลายพันนายถือปืน M-16 เฝ้าระวังเสื้อแดงอยู่ตามแยกต่าง ๆ กลุ่มสนับสนุนรัฐบาลมักจะมาชุมนุมอยู่นอกเขตแนวกั้นและจุดฉนวนให้เกิดการปะทะกันโดยการด่าทอและขว้างปาขวดน้ำกันระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย

Telegraph ของอังกฤษมีรายงานพาดหัวว่า "ประเทศไทยใกล้เข้าสู่สงครามกลางเมืองเข้าไปทุกที เมื่อนายกฯ ที่เกิดในอังกฤษปฏิเสธเจรจากับ 'เสื้อแดง' ผู้ขึ้งโกรธ" (Thailand is close to civil war as its British-born PM rejects deal with angry Red Shirts)

โดยในรายงานของ Telegraph ระบุว่า นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นชนชั้นสูงที่จบการศึกษาจากอ็อกฟอร์ด เข้าสู่ตำแหน่งโดยให้ความหวังว่าจะทำให้ความขัดแย้งทางการเมืองและฟื้นฟูประชาธิปไตย แต่ตอนนี้เขาต้องหลบอยู่หลังรั้วลวดหนามในค่ายทหาร

ไมเคิล เนลสัน นักรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ กล่าวถึง ศอฉ. ผ่าน Telegraph ว่า พวกเขาเป็นเพียงคนวงในรัฐบาลกลุ่มเล็ก ๆ พวกเขาถูกโดดเดี่ยวอยู่ภายในค่ายทหาร และก่อหลุมหลบภัยทางใจให้กับตนเอง พวกเขาได้ยินแต่เสียงของตัวพวกเขาเองเท่านั้น

France24 พาดหัวว่า "รัฐบาลปฏิเสธข้อเสนอประนีประนอมของเสื้อแดง" (Government rejects compromise offer from 'red shirt' protesters) โดยโปรยว่านายกรัฐมนตรีไทย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ปฏิเสธข้อเสนอเชิงประนีประนอม ให้ยุบสภาภายใน 30 วัน เพื่อให้ประชาชนเลิกชุมนุม

พาดหัวจากสื่ออื่น ๆ มีดังนี้

Bloomberg - นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ปฏิเสธเจรจากับผู้ประท้วง (Thai Premier Abhisit Rejects Talks With Protesters )
NHK - อภิสิทธิ์ปฏิเสธข้อเรียกร้องแบบประนีประนอมของเสื้อแดง (Abhisit rejects compromise demand by red shirts)
Aljazeera - นายกฯ ไทย ปฏิเสธข้อเสนอเสื้อแดง (Thai PM rejects red shirts' offer)
The Straits Times (สิงคโปร์) - นายกฯ ปฏิเสธการประนีประนอม (PM rejects compromise)
New Straits Times (มาเลเซีย) - นายกฯ ไทยปฏิเสธการประนีประนอมของเสื้อแดง (Thai PM rejects the Reds' Compromise)

ที่มา.ประชาไท
*******************************************

เสื้อเปื้อนเลือดในเมืองนางฟ้า

เหตุการณ์ความสูญเสียจากเหตุการณ์วันที่ 10 เมษายนที่มีผู้เสียชีวิต 23 คนเกิดขึ้นบนท้องถนนในกรุงเทพฯ ซึ่งคนเสื้อแดงก็ยังคงปักหลักยึดพื้นที่ช็อปปิ้งแห่งสำคัญอยู่แม้ว่าทหารจะขู่ว่าจะยิงพวกเขาก็ตาม ในขณะที่นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เขายังคงเปิดโอกาสสำหรับการเจรจา และพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา บอกว่า เขาต้องการการแก้ปัญหาทางการเมืองและจะไม่มีแผนในการเข้าสลายการชุมนุมที่ทำให้เกิดการปะทะอีก

ในดินแดนแห่งรอยยิ้มนี้ คนไทยชอบชี้ให้คนอื่นเห็นถึงธรรมชาติอันสันติของตัวเองอยู่เสมอ แต่คำถามคือ ความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นต่อไป เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้หรือไม่?

ปัจจัย 2 ประการที่ทำให้ความรุนแรงไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ หนึ่ง ความรุนแรงฝังแน่นอยู่ในตัวคนไทย แต่คนไทยก็ไม่ใส่ใจยอมรับมัน สอง เหล่าชนชั้นนำและส่วนที่หนุนหลังนายอภิสิทธิ์เข้าใจผิดคนเสื้อแดง โดยชนชั้นนำเห็นว่า คนเสื้อแดงเป็นชนชั้นล่างที่ยังไม่ได้ชำระล้างความสกปรก ตกอยู่ภายใต้การชักจูงของทักษิณ ชินวัตรแต่ในความเป็นจริง ผู้ประท้วงมีความจริงจังและเอาเป็นเอาตายกับการท้าทายชนชั้นนำที่นำพาประเทศอย่างยิ่ง

ความรุนแรงที่เกิดขึ้นก่อนในครั้งนี้ก็คือ การยิงเมื่อวันที่ 10 เมษายน ซึ่งมีทหาร 5 คนและผู้ประท้วงอีก 18 คนเสียชีวิต มันได้ดึงภาพความน่ากลัวของการเข่นฆ่าคนบริสุทธิ์โดยทหารซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้วในปี 2516 2519 และ 2535

แม้ว่าจะเป็นความจริงที่ในครั้งนี้ทหารได้แสดงให้เห็นถึงความอดทนอยู่บ้าง และมันเป็นครั้งแรกที่ทหารใช้วิธีการควบคุมฝูงชนแบบทันสมัยขึ้นจากในอดีต เช่น การฉีดน้ำ แก๊สน้ำตา กระสุนยาง แต่ฝูงชนปฏิเสธที่จะสลายการชุมนุม แต่ที่เลวร้ายที่สุด เมื่อกองทัพติดอยู่บนถนนที่เต็มไปด้วยพลเรือนหลังช่วงหัวค่ำ ผู้บัญชาการที่ฉลาดย่อมรู้ว่าเขาเป็นส่วนผสมของความหายนะ ทหารยิงเข้าใส่ฝูงชนเพื่อป้องกันตนเอง (พวกเขาพูด) เพื่อสู้กับ “ผู้ก่อการร้าย” ติดอาวุธ จากนั้นทหารต้องหนีเอาชีวิตรอด ละทิ้งการตั้งแถวแห่งเหรียญตราอาชีพทหาร การถูกทำลายศักศรีครั้งนี้เชื่อได้ว่าทหารระดับรองต้องการแก้แค้น

ความรุนแรงไม่ได้ถูกผูกขาดโดยการทหารอย่างเดียว ประเทศไทยสามารถเป็นประเทศแห่งความชั่วร้าย อาชญากรรม และการใช้ความยุติธรรมอย่างไม่รอบคอบซึ่งมีให้เห็นมากมาย มือปืนหาง่าย ทหารนอกแถวที่เป็นผู้มีอิทธิพลมีอยู่ดาษดื่น ภายใต้รัฐบาลทักษิณเกิดการวิสามัญฆาตกรรมที่มีผู้เสียชีวิตนับพันคนของผู้ต้องสงสัยเรื่องยาเสพติดและอาชญากรรมอื่นๆ

ในช่วงเริ่มต้น คนเสื้อแดงอาจมีภาพของความเป็นผู้ร้ายอยู่บ้าง แต่ตอนนี้คนเสื้อแดงส่วนใหญ่มีระเบียบวินัย พวกเขาตระหนักว่าภาพพจน์มีความหมายมาก ในขณะที่ยังมีคนส่วนน้อยถือไม้ยาวๆ มีด และขวดน้ำมัน ทันใดนั้น วันที่ 10 เมษายน “ชายชุดดำ” ลึกลับก้าวเข้ามาในการต่อสู้ โดยเก็บผู้บัญชาการด้วยปืนไรเฟิลแรงสูง
คนไทยบางส่วนโทษว่าเป็นพวก “มือที่สาม” ต้องการกวนความยุ่งยากนี้ให้ขุ่นครั่กมากขึ้น บางส่วนกล่าวอ้างว่าคนพวกนั้นถูกทักษิณจ้างมา หรือบางทีอาจเป็นพวกเลือดร้อนเรียกกำลังเสริมเข้ามาสู้กับกองทัพแล้วก็ทำสำเร็จ ส่วนคำอธิบายของฝ่ายเสื้อแดงนั้น ทหารเป็นผู้ร้ายจากการใช้กระสุนจริงยิงประชาชนที่ไม่มีอาวุธ ในตอนนี้การเคลื่อนไหวมีผู้เสียสละตนเองแล้ว ใบหน้าของผู้เสียชีวิตปรากฎบนโปสเตอร์ และมีบันทึกวีดีโอของผู้เสียชีวิต
ฝ่ายกองทัพและฝ่ายผู้ชุมนุมต่างก็มีการกล่าวโทษกันทั้งคู่ และในตอนนี้ หลังจากหลายเดือนผ่านไปกลุ่มเสื้อเหลือง หรือ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกลับมาแล้ว คนเหล่านี้เป็นฝ่ายสนับสนุนชนชั้นนำที่มีอำนาจอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งมีคนส่วนน้อยเป็นการ์ดและเรียกตัวเองว่าเป็นนักรบ ครั้งหนึ่งพวกเขาใช้ปืนและระเบิดกับตำรวจและสะสมไม้กอล์ฟไว้ใช้เป็นอาวุธ

วันที่ 18 เมษายน แกนนำพันธมิตรเรียกร้องให้ประกาศกฎอัยการศึก และให้เวลารัฐบาลหนึ่งสัปดาห์ให้สลายการชุมนุม ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น พวกเขาจะสั่งเรียกระดมคนของเขาให้กลับมาบนท้องถนนอีกครั้ง สิ่งเหล่านี้เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เชื่อว่าสันติภาพยังมาไม่ถึง

ความหลงละเมออย่างดื้อรั้นของชนชั้นนำทางการเมืองจึงเป็นเหตุผลอีกประการหนึ่งที่ทำให้สันติภาพอยู่ห่างไกล ในปี 2006 ชนชั้นนำร่วมกันขับไล่ทักษิณให้พ้นจากตำแหน่งด้วยการรัฐประหาร ในปี 2008 ขับไล่รัฐบาลที่ภักดีต่อทักษิณ และการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงก็ถือกำเนิดขึ้นมาจากการกระทำต่างๆ เหล่านั้นเอง

นายอภิสิทธิ์ ชนชั้นนำที่เหมือนกับชนชั้นนำคนอื่นๆ ผู้ที่คับข้องใจกับคนเสื้อแดง เขาตั้งคำถามว่าคนเหล่านี้ซึ่งมาจากส่วนล่างของสังคมถึงยอมให้มหาเศรษฐีพันล้าน (ของประชาชนทั้งหมด) มาเคลื่อนไหวผลักดันให้เกิดการแบ่งแยกทางชนชั้น? เขาบอกว่า “ทักษิณ” ไม่ควรพูดไปในทางที่จะสร้างความเกลียดชังระหว่างคนรวยกับคนจน สังคมควรจะอยู่ร่วมกันอย่างปกติ ตราบเท่าที่ประชาชนทุกคนทำงานของตนเอง

การเมืองไทยอาจเป็นประชาธิปไตยที่ปกครองโดยชนชั้นนำผู้กล่าวอ้างถึงการปกป้องสถาบันกษัตริย์ แต่ในขณะเดียวกัน ตนเองก็สะสมความมั่งคั่งและใช้อภิสิทธิ์มาโดยตลอด

การต่อสู้ที่หลักแหลมครั้งนี้ มีการใช้คำที่มีความหมายดูถูกเหยียดหยามตัวเอง คนเสื้อแดงเรียกตัวเองว่า “ไพร่” หรือก็คือ “สามัญชน” คล้ายๆ กับที่คนผิวดำอเมริกันถูกทำให้เป็นคนไม่มีสิทธิมีเสียง กลับมาใช้คำที่ดูถูกตัวเองว่า “นิกเกอร์”

แต่ในประเทศไทยนั้นไม่ได้มีประชาชนจำนวนมากมายที่มีความเหลื่อมล้ำต่ำสูงกันอย่างสุดขั้ว และก็ไม่มีประชาชนจำนวนมากมายนักที่ยังไม่ได้ชำระล้างความสกปรกอย่างที่ชนชั้นนำคิด ชาวบ้านเสื้อแดงธรรมดาๆ บางส่วนจบการศึกษาระดับมัธยม มีรถปิ๊กอัพ และมีความคิดที่มีเหตุผลในการตั้งคำถามต่อเจ้าหน้าที่ส่วนกลาง

แม้ว่านโยบายของทักษิณ เช่น หลักประกันสุขภาพทั่วหน้า เงินกู้ชุมชน และอื่นๆ ได้มีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง แต่ในปัจจุบัน การเคลื่อนไหวของเสื้อแดงเติบโตไปกว่าทักษิณ

สิ่งนี้กลายมาเป็นการเปลี่ยนแปลงความคาดหวังที่พุ่งสูงขึ้น และความคาดหวังหลักก็คือการผลักให้ชนชั้นนำกลับไปอยู่ในบทบาทที่เคยเป็นซึ่งดูเหมือนยังเป็นหนทางที่ยาวไกล และในวันนี้ดูเหมือนว่ายากจะหลีกเลี่ยงการนองเลือดบนท้องถนนของกรุงเทพ


แปลสรุปใจความจากบทความ “Bloody shirts in the city of angels” จาก The Economist
ที่มา.ประชาไท
****************************************************

"ซูจี"กระทบชิ่งไทย หลัง19กันยามีแต่ปัญหา อินโดฯเสนอตั้งรบ.เฉพาะกิจ จัดเลือกตั้งใหม่มีนานาชาติตรวจสอบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักข่าวต่างประเทศยังคงเกาะติดสถานการณ์การเมืองไทยอย่างต่อเนื่อง แม้ส่วนใหญ่จะเห็นว่าสถานการณ์ตึงเครียดผ่อนคลายมากขึ้นหลังจากมีความพยายามจะเปิดการเจรจารอบใหม่กันขึ้น ก็ยังมีสื่อต่างประเทศบางส่วนเห็นว่า ความพยายามที่จะสลายการชุมนุมยังคงมีอยู่

หนังสือพิมพ์ซิดนีย์ มอร์นิ่ง เฮรัลด์ รายงานโดยอ้างการเปิดเผยของแหล่งข่าวใกล้ชิดกับกองทัพไทยผู้หนึ่งระบุว่า การชุมนุมที่แยกราชประสงค์จะถูกแก้ไขแล้วเสร็จภายใน 48 ชั่วโมงนี้ โดยรายงานชิ้นเดียวกันนี้ระบุว่า รัฐบาลกำลังได้รับแรงกดดันจากหลายๆ ด้านให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังเกิดกรณียิงระเบิดเอ็ม 79 เข้าใส่พื้นที่สาธารณะที่ถนนสีลมก่อนหน้านี้

ทางด้านนางเหงียน ฟอง งา โฆษกกระทรวงต่างประเทศเวียดนาม เป็นประเทศล่าสุดที่แสดงความกังวลต่อสถานการณ์ในไทย โดยระบุว่า ทางการเวียดนามในฐานะประธานอาเซียนขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายในไทยใช้ความอดทนอดกลั้น หลีกเลี่ยงจากความรุนแรงและแก้ไขความขัดแย้งด้วยการเจรจาอย่างสันติ เพื่อนำประเทศกลับสู่ความมีเสถียรภาพที่จะยังประโยชน์ให้แก่ชาวไทยทั้งมวล

ทางด้านสำนักข่าวอันตาราของทางการอินโดนีเซียเผยว่านายอับดิลเลาะห์โทฮาอดีตประธานองค์การความร่วมมือระหว่างรัฐสภา (บีเคเอสเอพี) ของอินโดนีเซีย ออกมาเรียกร้องให้สมาชิกของอาเซียน โดยเฉพาะอินโดนีเซีย รีบให้ความช่วยเหลือเพื่อแก้ไขสถานการณ์ในไทยโดยเร็ว

นายโทฮาระบุว่า สมาชิกอาเซียนที่ประกอบด้วย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ ซึ่งไม่ได้มีชายแดนติดกับไทย ควรรวมตัวกันเป็นทีมเฉพาะกิจ กระตุ้นให้เกิดการเจรจากันระหว่างฝ่ายขัดแย้งในไทย เพื่อหาทางออกที่คู่ขัดแย้งทั้ง 2 ฝ่ายยอมรับ ซึ่งอาจจะเป็นการจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไป โดยมีคณะกรรมการนานาชาติทำหน้าที่เป็นผู้ตรวจสอบการเลือกตั้งที่อาจจะจัดขึ้นในช่วงเวลาที่คู่ขัดแย้งเห็นตรงกันระหว่างเวลานี้เรื่อยไปจนถึงเดือนธันวาคมปีนี้โดยระหว่างนั้นควรจัดให้มีรัฐบาลเฉพาะกิจที่มีทั้งพรรครัฐบาลและฝ่ายค้านร่วมกันทำหน้าที่บริหารประเทศชั่วคราว

"ซูจี" ต้านรธน.ทหาร ยกตัวอย่างไทยหลัง 19 กันยา ชี้มีแต่รบ.ไร้เสถียรภาพ

ด้านสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า นางออง ซาน ซูจี ผู้นำพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) ของประเทศพม่า ได้แสดงจุดยืนวิพากษ์วิจารณ์รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นภายในปีนี้ของรัฐบาลทหารพม่า โดยเปรียบเทียบกับสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในประเทศไทย

ที่ผ่านมา พรรคเอ็นแอลดีได้แสดงจุดยืนต่อต้านรัฐธรรมนูญของรัฐบาลทหารและการเลือกตั้งครั้งใหม่ ซึ่งทางพรรคจะสามารถเข้าร่วมได้ก็ต่อเมื่อต้องขับนางซูจีออกจากพรรคเสียก่อน ล่าสุดนายยาน วิน โฆษกพรรคเอ็นแอลดี ได้แถลงว่าจากการประชุมร่วมกับนางซูจีครั้งล่าสุดในวันที่ 24 เมษายน เธอได้อภิปรายถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งประสบกับหายนะหลังจากกองทัพก่อรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 เพื่อขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

"รัฐบาลใหม่ที่ขึ้นมามีอำนาจภายใต้รัฐธรรมนูญซึ่งเขียนโดยกองทัพนั้นจะไม่มีทางมีเสถียรภาพ ไม่ต้องดูอื่นไกล เราดูแค่สถานการณ์ในไทยก็ได้ ทักษิณคือผู้ที่ประชาชนเลือกตั้งเข้ามา แต่กองทัพกลับยึดอำนาจจากคนที่ชนะการเลือกตั้ง แล้วรัฐธรรมนูญก็ถูกเขียนขึ้นมาใหม่โดยทหาร" นายยาน วิน อ้างคำกล่าวของนางซูจี

"หลังจากนั้น อะไรเกิดขึ้นกับรัฐบาลชุดแรกภายใต้รัฐธรรมนูญใหม่ของไทย? รัฐบาลชุดนั้นไร้เสถียรภาพ นี่คือผลที่เกิดขึ้นจากรัฐธรรมนูญที่เขียนขึ้นโดยกองทัพ" นางซูจีกล่าวในที่ประชุม

อย่างไรก็ตาม โฆษกพรรคเอ็นแอลดีระบุว่า นางซูจีไม่ได้แสดงความเห็นว่ากลุ่มการเมืองใดคือฝ่ายถูกและฝ่ายผิดในเหตุการณ์ความขัดแย้งที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทยซึ่งกลุ่มคนเสื้อแดงทีี่สนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณได้ออกมาเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภา

ที่มา.มติชนออนไลน์
*************************************************