หลังจากถูกมอบหมายให้ควบคุมสถานการณ์ตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิก แทน “นายสุเทพ เทือกสุบรรณ” รองนายกรัฐมนตรี และ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิก หรือ ศอฉ.หลายฝ่ายเริ่มโฟกัส การทำงานของ “บิ๊กป็อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ในช่วงใกล้เกษียณอายุราชการว่าจะเป็นเช่น
ใดโดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำกำลังพลทหารกล้าเข้าควบคุมสถานการณ์ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่แต่งตั้ง ผบ.ทบ. เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์แทนนายสุเทพ ที่คว้าน้ำเหลวในการจับกุมแกนนำนปช. ที่โรงแรมเอสซีปาร์ค ย่านทาวน์อินทาวน์ “หมวกใบใหม่” ที่นายกรัฐมนตรีมอบให้ “พร้อมดาบ” ที่ใช้เข้าควบคุมฝูงชนที่ชุมนุมบริเวณแยกราชประสงค์ในครั้งนี้ ทำให้ ผบ.ทบ. หนักใจอยู่ไม่น้อย เพราะเป็นสิ่งที่กองทัพออกตัวตั้งแต่ตอนแรกแล้วว่า...การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง
แถมยังมีพรายกระซิบมาด้วยว่างานนี้ “บิ๊กป็อก”ไม่แฮปปี้เท่าใดนักถึงขั้นเปรยกับคนใกล้ชิดว่าเหมือนถูก “มัดมือชก”แต่เมื่อเดินทางถึงจนนี้แล้ว “บิ๊กป๊อก” ก็ต้องก้มหน้ารับผิดชอบ เข้าควบคุมสถานการณ์ด้วยใจหนึ่งหวังว่า...หากทหารควบคุมสถานการณ์เองทั้งหมด อาจลดความสูญเสียได้มากกว่าเหตุการ์เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา จากภารกิจที่ได้รับมอบหมายทำให้ผบ.ทบ. ต้องเรียกประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก (ผบ.นขต.ทบ.) ระดับนายพลขึ้นไป เข้าร่วม
ประชุม ผบ.นขต.ทบ. วาระพิเศษในวันศุกร์ที่ 23 เม.ย. จากเดิมที่มีกำหนดประชุมในวันจันทร์ที่ 19 เม.ย.ทั้งนี้ เพราะเกรงว่าการประชุมครั้งนี้อาจถูกแกนนำคนเสื้อแดงจับไปเป็นประเด็นว่า พล.อ.อนุพงษ์ อาจจะนำกำลังกองทัพบก เข้าสลายกลุ่มผู้ชุมนุมหรือการประชุมเพื่อรองรับการปฏิวัติ จึงขอเลื่อนการประชุมออกไปก่อน รวมทั้งจะขอดูท่าทีของแกนนำคนเสื้อแดงที่ประกาศจะเคลื่อนขบวนใหญ่ไปตั้งเวทีบริเวณสีลม ซึ่ง พล.อ.อนุพงษ์ เห็นว่าจะทำความเดือดร้อนให้กับผู้
ประกอบธุรกิจ และประชาชนในบริเวณดังกล่าว ซึ่งเป็นพื้นที่ย่านเศรษฐกิจของประเทศจะเสียหาย ที่สำคัญหากประชุมในวันดังกล่าว เกรงคนเสื้อแดงจะเดินทางมาปิดล้อมกองทัพบกด้วย สำหรับประชุมดังกล่าวคาดว่าผบ.ทบ.จะใช้โอกาศนี้ ชี้แจงทำความเข้าใจถึงการปฏิบัติหน้าที่ของกำลังพลกองทัพบกเมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา จนนำไปสู่เหตุการณ์ปะทะที่รุนแรงระหว่างทหารกับกลุ่มคนเสื้อแดง และเกิดการสูญเสียทั้งสองฝ่าย โดยที่มีกลุ่มก่อการร้ายแฝงตัวปะปนเข้า
มาในกลุ่มผู้ชุมนุมขณะเดียวกัน พล.อ.อนุพงษ์ ต้องการชี้แจงกระแสข่าวที่เกิดขึ้นทั้งหมด รวมถึงกระแสข่าวในเรื่องความขัดแย้งกับฝ่ายรัฐบาล โดยเฉพาะใน ศอฉ. ที่มีการเปลี่ยนตัวผู้รับผิดชอบการใช้กำลังจาก “นายสุเทพ เทือกสุบรรณ” รองนายกฯ มาเป็น ผบ.ทบ. ที่สำคัญ...เรื่องที่มีความพยายามสร้างข่าวเพื่อให้กองทัพเกิดการแตกแยกกันเอง รวมถึงกระแสข่าวที่ทหารจะทำการปฏิวัติ แม้ว่าการประชุม ผบ.นขต.ทบ. จะเลื่อนไปเป็นวันที่ 23 เม.ย. ก็ตาม แต่ว่า “บิ๊กป็อก”
ก็ยังไม่ไว้ใจในสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ว่าจะออกมารูปแบบได้ ฉะนั้นจึงเรียกประชุม ผบ.หน่วย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นหน่วยที่เคยร่วมยึดอำนาจเมื่อ 19 ก.ย.2549 มาแล้ว ซึ่งประชุมไปเมื่อวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา การเรียกรวมพลของ “ผบ.ทบ.” ครั้งนี้ เป็นเหมือนการเช็คกำลังและเตรียมพร้อมสำหรับปฏิบัติการขอคืนพื้นที่จากคนเสื้อแดง ที่จะไม่มีทางให้ซ้ำรอยกับเหตุการณ์ 10 เม.ย. อย่างเด็ดขาด
ที่มา.บางกอกทูเดย์
************************************************
วันอังคารที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2553
ใต้เท้าขอรับ : คนเสื้อแดงต้องรุกทางสันติวิธีครั้งใหญ่
ผมนอนไม่หลับมาหลายคืน เพราะเกรงว่า ทหารถือปืนจะมาล้อมปราบแก้แค้นและฆ่าประชาชนเรือนหมื่นที่ชุมนุมอยู่ที่แยกราชประสงค์ด้วยข้ออ้างว่ามีชายชุดดำ 5 คนทำให้ทหารตายเมื่อวันที่ 10 เมษายน
แม้มันเป็นเรื่องตลกสิ้นดี ที่กองทัพมาด้วยอาวุธพร้อมสรรพ และกระสุนจริงที่แสนหนักและเป็นภาระ แต่พยายามบอกและทำให้คนเชื่อเหลือเกินว่า “ไม่ได้ยิง” แม้จะตลกเหลือคณาที่ผู้เสียชีวิตรายแรกเกิดขึ้นก่อนการปรากฏตัวของนักรบชุดดำนานนับชั่วโมง แต่รัฐก็ยังป้ายสีว่า ผู้ชุมนุมมีผู้ก่อการร้ายมาทำทหารตาย ราวกับว่า ถ้าคุณไม่ยอมให้ทหารยิงและต่อสู้ คุณคือก่อการร้าย และทั้งๆ ที่ น่าสงสัยว่า รัฐตั้งใจจะปั้นข้อหาก่อการร้ายนี้ ผ่านเจตนาที่จะลายการชุมนุมในเวลาค่ำคืน หลอกคนชั้นกลางได้ ก็หลอกคนทั้งโลกไม่ได้ แม้กระทั่งตัวเองก็หลอกไม่ได้ ยังไม่ต้องนับขนาดสรรพาวุธระหว่างกองทัพและผู้ชุมนุมที่ราวมดกับช้าง แต่ก็ยังไม่ละอายที่จะประกาศว่า มดรังแกช้าง
ตลกและไร้ยางอายเอามากๆ ที่รัฐบาลป่าวร้องให้ประชาชนอย่าฟังสื่อด้านเดียว แต่รัฐกลับปิดสื่อทุกชนิดอย่างเหี้ยนเตียน ปล่อยคลิปวนเวียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า เอาดารากระทิงแดงนวพลออกมาโลดเต้นผ่านสื่อยานเกราะ 2553 เพ่นพ่าน และสร้างมวลชนที่รับฟังสื่อด้านเดียวที่สนับสนุนรัฐและกองทัพให้ฆ่า ฆ่า และก็ฆ่า
มีฉากที่เราจะจินตนาการถึงมากมาย หากมีการล้อมปราบผู้ชุมนุมที่ราชประสงค์ หรือมีการรัฐประหาร หลังการนองเลือดใหญ่ การวินาศกรรมที่ส่งผลเสียหายต่อสถานที่ราชการและธนาคารใหญ่ๆ ที่สนับสนุนรัฐบาลและพันธมิตรฯ จะกลายเป็นเรื่องพื้นๆ ที่เป็นภารกิจของคนเสื้อแดงทั้งมวลโดยที่รัฐอาจจะไม่มีวันจับตัวผู้กระทำได้
ขณะที่ผู้ลงใต้ดิน หันไปติดอาวุธ จะใช้ทุกวิถีทางเพื่อวินาศกรรมกลุ่มบุคคลที่สนับสนุนอำมาตย์โดยมุ่งหมายต่อชีวิต เราอาจจะจินตนาการได้ถึงการวินาศกรรมสื่อกระบอกเสียงบางสำนัก วางระเบิดห้องทำงานมุ่งหมายชีวิตอธิการบดีมหาวิทยาลัยบางแห่ง ลอบสังหารผู้นำมวลชน สีเหลือง ฆ่าสื่อมวลชนไร้จรรยาบรรณหลายคน รวมถึงผู้นำภาคประชาสังคมที่สนับสนุนให้เกิดโครงสร้างความรุนแรง เราอาจจะเห็นการลอบสังหารผู้นำรัฐบาล ผู้นำกองทัพ อย่างได้ผลเนื่องสายลับเสื้อแดงที่มากมายมหาศาล และแน่นอนเราก็จะเห็นการกวาดล้างชนิดที่ไม่มีขือมีแปเกิดกับฝ่ายเสื้อแดงเป็นการตอบแทน ในที่สุด สถานการณ์สงครามกลางเมืองจะนำซึ่งการประกาศแยกดินแดนของ 3 จังหวัดภาคใต้ และลามไปสู่ภูมิภาคอื่นของประเทศ
พูดจริงๆ นะครับ เราต่างก็รู้ว่า ฉากจินตนาการนี้ใกล้ที่จะเป็นจริงมากกว่า สันติภาพที่เป็นยิ่งกว่าความฝันเสียอีก
แต่ในท่ามกลางความเป็นจริงที่เขยิบมาใกล้ทุกทีๆ เราจำเป็นต้องมีความฝันถึงทางสู่สันติ
ผมไม่มีอะไรจะเสนอกับรัฐบาลและกองทัพมือเปื้อนเลือด เราอาจจะไม่จำเป็นต้องสนทนาวิสาสะกับนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือสุเทพ เทือกสุบรรณ อีกแล้ว ไม่ว่าวันนี้จะยังไม่มีสื่อเรียกเขาว่าทรราชย์ วันหน้าที่ผู้คนชั้นต่ำๆ อย่างคนเสื้อแดงมีค่าทัดเทียมกับผู้คนอื่นๆ อันเป็นสัจจะ มีพลังทางการตลาดมหาศาล วันนั้น ‘ทรราชย์’ ก็จะเป็นคำนำหน้าชื่อให้กับนายกฯ ที่อาจจะมีคนเกลียดมากที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย หากยังไม่ยอมออกมารับผิดชอบในความขลาดเขลาของตนอย่างเลี่ยงไม่พ้น
ผมตั้งใจจะสื่อสารกับคนเสื้อแดงและแกนนำ และเช่นเดียวกับมวลชนคนเสื้อแดงทั้งหลายคิดคือ ‘ไม่ถอย’ หากแต่เราจำเป็นต้องคิดถึงอนาคตยาวไกลในสงครามชิงมวลชนที่จะเกิดขึ้นในยุคสงครามกลางเมือง
มาบัดนี้ พวกท่านมีความจำเป็นต้องรุกครั้งใหญ่และแหลมคมมากกว่าเดิม กระทั่งกล้าหาญมากกว่าเดิม การเสียชีวิตของคนเสื้อแดงและทหารที่ถอดร่างเป็นวีรชน 24 ราย จะเป็นวิญญาณและสปิริตให้คนเสื้อแดงและมวลชนได้ต่อสู้ แต่เราต่างก็รู้ว่า เราไม่ต้องการมีวีรชนเพิ่มเติมอีก กระนั้นเราก็มั่นใจได้ถึงความอำมหิตของรัฐ กองทัพที่ไม่ยอมรามือ และพร้อมจะปิดประเทศปกครองด้วยระบบอภิสิทธิ์
เมื่อจำต้องสู้ อะไรคืออาวุธของคนเสื้อแดงที่ทรงพลังที่สุดที่มีในขณะนี้ มวลชนอันฮึกเหิมที่พร้อมจะสู้ตายหรือ หรือกองกำลังชุดดำ หรือทหารแตงโม ตำรวจมะเขือเทศ
เปล่าเลย อาวุธที่ทรงพลังคือ ความได้เปรียบทางความชอบธรรมที่รัฐไม่อาจจะมีหรือบิดเบือนได้หลังปราบปรามเข่นฆ่าผู้คน หรือหากยังไม่ลงใจว่า คือการปราบปรามเข่นฆ่าผู้คน อย่างน้อยไม่ว่าแดง เหลือง กระทั่งกลุ่มคนหลากสี รู้ดีว่า จะอย่างไรเสีย การเสียชีวิตของผู้คนอย่างน้อย 24 คน รัฐและนายกฯผู้สั่งการต้องมีความรับผิดชอบ
เมื่อมันคืออาวุธที่ทรงพลังก็จงเอามันออกมา และปิดปากผู้คนที่เชียร์ให้เข่นฆ่า เพียงเพราะความมืดบอดถึงหนทางที่เขาจะจัดการกับผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง
ผมเสนอให้คนเสื้อแดง ปลุกการรุกทางสันติวิธีครั้งใหญ่ เดินทัพจากราชประสงค์คืนสู่ผ่านฟ้า ยื่นกำหนดเวลา 7 วัน หากรัฐไม่ลาออกหรือยุบสภา คนเสื้อแดงจะ ‘ขอคืนพื้นที่’ ราชประสงค์
เมื่อรุกกลับไปที่ผ่านฟ้า รัฐบาลจะต้องเผชิญกับคำถามเรื่อง การเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, การปิดกั้นสื่อ, และความรับผิดชอบที่มีต่อการสลายการชุมนุมที่ผ่านฟ้า อันเป็นสถานที่รัฐไม่ได้มองว่ามันเป็นปัญหาในการชุมนุม
ไม่เป็นไร หากรัฐจะยังไม่ตอบรับข้อเสนอ อย่างน้อย ‘ราชประสงค์’ ที่สื่อและคนชั้นกลางไม่เคยคิดว่ามันเป็นของคนเสื้อแดง ก็จะกลายเป็นของผู้ชุมนุมเสื้อแดงอย่างชอบธรรม
อย่างน้อยกองทัพและพันธมิตรก็จะไม่มีเหตุผลในการมีงานทำ และกลับกรมกองสำนึกผิด ไม่ต้องออกมายุ่งกับการเมือง พัฒนาตัวเองให้เป็นมืออาชีพ ให้ประชาชนทุกฝ่ายได้หายใจหายคอ และให้อภิสิทธิ์-สุเทพ-ประชาธิปัตย์ กอดคอหาทางสู้กันเองโดยลำพัง
ย้ำอีกครั้ง นี่คือการรุก ไม่ใช่การถอย และเป็นเรื่องที่แกนนำคนเสื้อแดงและมวลชนมีสิทธิพิจารณาโดยสิทธิขาด
ผมเพียงแต่เห็นว่า การกดดันรัฐไม่จำเป็นต้องรุกสู่พื้นที่อื่น ไปสีลม หรือไปสนามบิน อันเป็นหนทางที่พันธมิตรเคยใช้ แล้วไง...แต่พื้นที่ราชประสงค์เพียงพอแล้ว เพราะรัฐได้ปั่นกระแสมูลค่าเพิ่มให้กับแยกราชประสงค์เอง
เมื่อมันสำคัญดังที่ปั่นขนาดนั้น รัฐต้องยุบสภาและลาออกใน 7 วัน ก่อนที่คนเสื้อแดง จะไปขอพื้นที่คืน
โดย.ชูวัส ฤกษ์ศิริสุข
ที่มา.ประชาไท
********************************************
แม้มันเป็นเรื่องตลกสิ้นดี ที่กองทัพมาด้วยอาวุธพร้อมสรรพ และกระสุนจริงที่แสนหนักและเป็นภาระ แต่พยายามบอกและทำให้คนเชื่อเหลือเกินว่า “ไม่ได้ยิง” แม้จะตลกเหลือคณาที่ผู้เสียชีวิตรายแรกเกิดขึ้นก่อนการปรากฏตัวของนักรบชุดดำนานนับชั่วโมง แต่รัฐก็ยังป้ายสีว่า ผู้ชุมนุมมีผู้ก่อการร้ายมาทำทหารตาย ราวกับว่า ถ้าคุณไม่ยอมให้ทหารยิงและต่อสู้ คุณคือก่อการร้าย และทั้งๆ ที่ น่าสงสัยว่า รัฐตั้งใจจะปั้นข้อหาก่อการร้ายนี้ ผ่านเจตนาที่จะลายการชุมนุมในเวลาค่ำคืน หลอกคนชั้นกลางได้ ก็หลอกคนทั้งโลกไม่ได้ แม้กระทั่งตัวเองก็หลอกไม่ได้ ยังไม่ต้องนับขนาดสรรพาวุธระหว่างกองทัพและผู้ชุมนุมที่ราวมดกับช้าง แต่ก็ยังไม่ละอายที่จะประกาศว่า มดรังแกช้าง
ตลกและไร้ยางอายเอามากๆ ที่รัฐบาลป่าวร้องให้ประชาชนอย่าฟังสื่อด้านเดียว แต่รัฐกลับปิดสื่อทุกชนิดอย่างเหี้ยนเตียน ปล่อยคลิปวนเวียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า เอาดารากระทิงแดงนวพลออกมาโลดเต้นผ่านสื่อยานเกราะ 2553 เพ่นพ่าน และสร้างมวลชนที่รับฟังสื่อด้านเดียวที่สนับสนุนรัฐและกองทัพให้ฆ่า ฆ่า และก็ฆ่า
มีฉากที่เราจะจินตนาการถึงมากมาย หากมีการล้อมปราบผู้ชุมนุมที่ราชประสงค์ หรือมีการรัฐประหาร หลังการนองเลือดใหญ่ การวินาศกรรมที่ส่งผลเสียหายต่อสถานที่ราชการและธนาคารใหญ่ๆ ที่สนับสนุนรัฐบาลและพันธมิตรฯ จะกลายเป็นเรื่องพื้นๆ ที่เป็นภารกิจของคนเสื้อแดงทั้งมวลโดยที่รัฐอาจจะไม่มีวันจับตัวผู้กระทำได้
ขณะที่ผู้ลงใต้ดิน หันไปติดอาวุธ จะใช้ทุกวิถีทางเพื่อวินาศกรรมกลุ่มบุคคลที่สนับสนุนอำมาตย์โดยมุ่งหมายต่อชีวิต เราอาจจะจินตนาการได้ถึงการวินาศกรรมสื่อกระบอกเสียงบางสำนัก วางระเบิดห้องทำงานมุ่งหมายชีวิตอธิการบดีมหาวิทยาลัยบางแห่ง ลอบสังหารผู้นำมวลชน สีเหลือง ฆ่าสื่อมวลชนไร้จรรยาบรรณหลายคน รวมถึงผู้นำภาคประชาสังคมที่สนับสนุนให้เกิดโครงสร้างความรุนแรง เราอาจจะเห็นการลอบสังหารผู้นำรัฐบาล ผู้นำกองทัพ อย่างได้ผลเนื่องสายลับเสื้อแดงที่มากมายมหาศาล และแน่นอนเราก็จะเห็นการกวาดล้างชนิดที่ไม่มีขือมีแปเกิดกับฝ่ายเสื้อแดงเป็นการตอบแทน ในที่สุด สถานการณ์สงครามกลางเมืองจะนำซึ่งการประกาศแยกดินแดนของ 3 จังหวัดภาคใต้ และลามไปสู่ภูมิภาคอื่นของประเทศ
พูดจริงๆ นะครับ เราต่างก็รู้ว่า ฉากจินตนาการนี้ใกล้ที่จะเป็นจริงมากกว่า สันติภาพที่เป็นยิ่งกว่าความฝันเสียอีก
แต่ในท่ามกลางความเป็นจริงที่เขยิบมาใกล้ทุกทีๆ เราจำเป็นต้องมีความฝันถึงทางสู่สันติ
ผมไม่มีอะไรจะเสนอกับรัฐบาลและกองทัพมือเปื้อนเลือด เราอาจจะไม่จำเป็นต้องสนทนาวิสาสะกับนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือสุเทพ เทือกสุบรรณ อีกแล้ว ไม่ว่าวันนี้จะยังไม่มีสื่อเรียกเขาว่าทรราชย์ วันหน้าที่ผู้คนชั้นต่ำๆ อย่างคนเสื้อแดงมีค่าทัดเทียมกับผู้คนอื่นๆ อันเป็นสัจจะ มีพลังทางการตลาดมหาศาล วันนั้น ‘ทรราชย์’ ก็จะเป็นคำนำหน้าชื่อให้กับนายกฯ ที่อาจจะมีคนเกลียดมากที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย หากยังไม่ยอมออกมารับผิดชอบในความขลาดเขลาของตนอย่างเลี่ยงไม่พ้น
ผมตั้งใจจะสื่อสารกับคนเสื้อแดงและแกนนำ และเช่นเดียวกับมวลชนคนเสื้อแดงทั้งหลายคิดคือ ‘ไม่ถอย’ หากแต่เราจำเป็นต้องคิดถึงอนาคตยาวไกลในสงครามชิงมวลชนที่จะเกิดขึ้นในยุคสงครามกลางเมือง
มาบัดนี้ พวกท่านมีความจำเป็นต้องรุกครั้งใหญ่และแหลมคมมากกว่าเดิม กระทั่งกล้าหาญมากกว่าเดิม การเสียชีวิตของคนเสื้อแดงและทหารที่ถอดร่างเป็นวีรชน 24 ราย จะเป็นวิญญาณและสปิริตให้คนเสื้อแดงและมวลชนได้ต่อสู้ แต่เราต่างก็รู้ว่า เราไม่ต้องการมีวีรชนเพิ่มเติมอีก กระนั้นเราก็มั่นใจได้ถึงความอำมหิตของรัฐ กองทัพที่ไม่ยอมรามือ และพร้อมจะปิดประเทศปกครองด้วยระบบอภิสิทธิ์
เมื่อจำต้องสู้ อะไรคืออาวุธของคนเสื้อแดงที่ทรงพลังที่สุดที่มีในขณะนี้ มวลชนอันฮึกเหิมที่พร้อมจะสู้ตายหรือ หรือกองกำลังชุดดำ หรือทหารแตงโม ตำรวจมะเขือเทศ
เปล่าเลย อาวุธที่ทรงพลังคือ ความได้เปรียบทางความชอบธรรมที่รัฐไม่อาจจะมีหรือบิดเบือนได้หลังปราบปรามเข่นฆ่าผู้คน หรือหากยังไม่ลงใจว่า คือการปราบปรามเข่นฆ่าผู้คน อย่างน้อยไม่ว่าแดง เหลือง กระทั่งกลุ่มคนหลากสี รู้ดีว่า จะอย่างไรเสีย การเสียชีวิตของผู้คนอย่างน้อย 24 คน รัฐและนายกฯผู้สั่งการต้องมีความรับผิดชอบ
เมื่อมันคืออาวุธที่ทรงพลังก็จงเอามันออกมา และปิดปากผู้คนที่เชียร์ให้เข่นฆ่า เพียงเพราะความมืดบอดถึงหนทางที่เขาจะจัดการกับผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง
ผมเสนอให้คนเสื้อแดง ปลุกการรุกทางสันติวิธีครั้งใหญ่ เดินทัพจากราชประสงค์คืนสู่ผ่านฟ้า ยื่นกำหนดเวลา 7 วัน หากรัฐไม่ลาออกหรือยุบสภา คนเสื้อแดงจะ ‘ขอคืนพื้นที่’ ราชประสงค์
เมื่อรุกกลับไปที่ผ่านฟ้า รัฐบาลจะต้องเผชิญกับคำถามเรื่อง การเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, การปิดกั้นสื่อ, และความรับผิดชอบที่มีต่อการสลายการชุมนุมที่ผ่านฟ้า อันเป็นสถานที่รัฐไม่ได้มองว่ามันเป็นปัญหาในการชุมนุม
ไม่เป็นไร หากรัฐจะยังไม่ตอบรับข้อเสนอ อย่างน้อย ‘ราชประสงค์’ ที่สื่อและคนชั้นกลางไม่เคยคิดว่ามันเป็นของคนเสื้อแดง ก็จะกลายเป็นของผู้ชุมนุมเสื้อแดงอย่างชอบธรรม
อย่างน้อยกองทัพและพันธมิตรก็จะไม่มีเหตุผลในการมีงานทำ และกลับกรมกองสำนึกผิด ไม่ต้องออกมายุ่งกับการเมือง พัฒนาตัวเองให้เป็นมืออาชีพ ให้ประชาชนทุกฝ่ายได้หายใจหายคอ และให้อภิสิทธิ์-สุเทพ-ประชาธิปัตย์ กอดคอหาทางสู้กันเองโดยลำพัง
ย้ำอีกครั้ง นี่คือการรุก ไม่ใช่การถอย และเป็นเรื่องที่แกนนำคนเสื้อแดงและมวลชนมีสิทธิพิจารณาโดยสิทธิขาด
ผมเพียงแต่เห็นว่า การกดดันรัฐไม่จำเป็นต้องรุกสู่พื้นที่อื่น ไปสีลม หรือไปสนามบิน อันเป็นหนทางที่พันธมิตรเคยใช้ แล้วไง...แต่พื้นที่ราชประสงค์เพียงพอแล้ว เพราะรัฐได้ปั่นกระแสมูลค่าเพิ่มให้กับแยกราชประสงค์เอง
เมื่อมันสำคัญดังที่ปั่นขนาดนั้น รัฐต้องยุบสภาและลาออกใน 7 วัน ก่อนที่คนเสื้อแดง จะไปขอพื้นที่คืน
โดย.ชูวัส ฤกษ์ศิริสุข
ที่มา.ประชาไท
********************************************
ไอ้โม่ง! ไอ้มั่ว!
แม้จะมีความเห็นที่แตกต่างกัน แต่คงไม่มีใครต้องการเห็นความรุนแรงและไม่ต้องการให้ใครมาสร้างสถานการณ์ความรุนแรงจนก่อให้เกิด “ความสูญเสีย”
มาคิดว่ามีการทำผิดเจ้าหน้าที่รัฐต้องดำเนินการตามกฎหมาย การที่มี "ไอ้โม่ง" ลอบยิง M79 ที่โน่นที่นี่ หรือการใช้ความรุนแรงเป็นมาตรการข่มขู่คุกคามอีกฝ่ายหนึ่ง ไม่เป็นสิ่งที่สังคมปรารถนาที่จะเห็น ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนกระทำก็ตาม ย้อนกลับไปก่อนวิกฤติทางการเมืองจนกระทั่งมีการชุมนุมขนาดใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดง...มีการลอบยิง M79 หลายครั้ง ผู้สันทัดกรณีสรุปตรงกันว่า การลอบยิง M79 น่าจะเกี่ยวข้องกับการเมืองโดยตรง และเป็นการ "ข่มขู่" มากกว่ามุ่งเอา
ชีวิต แม้เวลาจะผ่านมานานพอสมควร แต่ตำรวจยังไม่สามารถสรุปคดีและหาผู้กระทำผิดมาลงโทษได้ จึงห้ามไม่ได้ที่คนจะวิจารณ์ไปต่างๆ นานา บางคนวิจารณ์ว่าเป็นการกระทำของกลุ่มทหารในและนอกประจำการที่ไม่พอใจรัฐบาล ต้องการสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้น ขอย้ำว่านี่เป็นการวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชน เนื่องจากรัฐบาลยังไม่สามารถให้ความกระจ่างชัดแก่ประชาชนได้หากรัฐบาลสามารถจับตัว "ไอ้โม่ง" มาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมได้
ประชาชนก็คงหยุดวิพากษ์วิจารณ์ไปเอง ที่สังคมวิจารณ์กันมากที่สุดจนในขณะนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องการปะทะกันระหว่าง กลุ่มนปช. และทหารของรัฐบาล เนื่องจากมีการสูญเสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย อีกทั้งยังมี “กระสุนปริศนา” ที่เหมือนจะมุ่งปลิดชีวิตผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงให้ “สมองกระจาย” รวมทั้งไอ้โม่งชุดดำที่เข้ามามั่วยิงระหว่างการทวงคืนพื้นที่ของรัฐบาล..จนก่อให้เกิดการสูญเสีย "ไอ้โม่ง" ไม่ว่าจะเป็นคนวางแผนหรือคนกระทำ มันแน่มากขณะนี้มีแต่คลิปที่จับต้อง
ได้ แต่จับตัวไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองและหาคนผิดมาลงโทษให้ได้ หากจับคนผิดไม่ได้แม้แต่คนเดียว...สังคมอาจสงสัยว่ารัฐบาลนั่นแหละเป็นผู้กระทำ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาลเลย ฉะนั้นทางออกที่ดีที่สุดคือ รัฐบาลต้องนำคนผิดมาลงโทษให้ได้เพื่อให้สังคมหมดความสงสัย ขออย่างเดียวอย่าไปยุ่งกับแพะกับแกะที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ด้วย
ที่มา.บางกอกทูเดย์
***********************************************
มาคิดว่ามีการทำผิดเจ้าหน้าที่รัฐต้องดำเนินการตามกฎหมาย การที่มี "ไอ้โม่ง" ลอบยิง M79 ที่โน่นที่นี่ หรือการใช้ความรุนแรงเป็นมาตรการข่มขู่คุกคามอีกฝ่ายหนึ่ง ไม่เป็นสิ่งที่สังคมปรารถนาที่จะเห็น ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนกระทำก็ตาม ย้อนกลับไปก่อนวิกฤติทางการเมืองจนกระทั่งมีการชุมนุมขนาดใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดง...มีการลอบยิง M79 หลายครั้ง ผู้สันทัดกรณีสรุปตรงกันว่า การลอบยิง M79 น่าจะเกี่ยวข้องกับการเมืองโดยตรง และเป็นการ "ข่มขู่" มากกว่ามุ่งเอา
ชีวิต แม้เวลาจะผ่านมานานพอสมควร แต่ตำรวจยังไม่สามารถสรุปคดีและหาผู้กระทำผิดมาลงโทษได้ จึงห้ามไม่ได้ที่คนจะวิจารณ์ไปต่างๆ นานา บางคนวิจารณ์ว่าเป็นการกระทำของกลุ่มทหารในและนอกประจำการที่ไม่พอใจรัฐบาล ต้องการสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้น ขอย้ำว่านี่เป็นการวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชน เนื่องจากรัฐบาลยังไม่สามารถให้ความกระจ่างชัดแก่ประชาชนได้หากรัฐบาลสามารถจับตัว "ไอ้โม่ง" มาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมได้
ประชาชนก็คงหยุดวิพากษ์วิจารณ์ไปเอง ที่สังคมวิจารณ์กันมากที่สุดจนในขณะนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องการปะทะกันระหว่าง กลุ่มนปช. และทหารของรัฐบาล เนื่องจากมีการสูญเสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย อีกทั้งยังมี “กระสุนปริศนา” ที่เหมือนจะมุ่งปลิดชีวิตผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงให้ “สมองกระจาย” รวมทั้งไอ้โม่งชุดดำที่เข้ามามั่วยิงระหว่างการทวงคืนพื้นที่ของรัฐบาล..จนก่อให้เกิดการสูญเสีย "ไอ้โม่ง" ไม่ว่าจะเป็นคนวางแผนหรือคนกระทำ มันแน่มากขณะนี้มีแต่คลิปที่จับต้อง
ได้ แต่จับตัวไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองและหาคนผิดมาลงโทษให้ได้ หากจับคนผิดไม่ได้แม้แต่คนเดียว...สังคมอาจสงสัยว่ารัฐบาลนั่นแหละเป็นผู้กระทำ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาลเลย ฉะนั้นทางออกที่ดีที่สุดคือ รัฐบาลต้องนำคนผิดมาลงโทษให้ได้เพื่อให้สังคมหมดความสงสัย ขออย่างเดียวอย่าไปยุ่งกับแพะกับแกะที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ด้วย
ที่มา.บางกอกทูเดย์
***********************************************
เตือนจนปากฉีก แต่มิได้นำพา!
วันนี้ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล จะเป็นนปช.จะต้องลดทิฐิลงทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อเจรจากันจริงๆ โดยต้องไม่ลืมหลักการเจรจาที่แท้จริง นั่นคือ จะต้องยอมรับให้ได้ว่า ไม่มีการเจรจาใดๆ ที่จะได้ 100% แต่หากคิดไว้ล่วงหน้าว่าจะยอมเสียอะไร จะยอมถอยแค่ไหน ทำเหมือนกันทั้ง 2 ฝ่ายๆ สุดท้ายก็จะหาจุดลงตัวในการเจรจาได้แต่หากขึงพืดไม่มียอมเสียหรือยอมถอยในการต่อรองเลย การเจรจาก็จะไม่มีประโยชน์สุดท้ายประเทศชาติก็จะแย่ถึงวันนี้ ยังคงยืนยันว่า การเจรจาเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดและเป็นหนทางเดียวที่เป็นทางออกของประเทศชาติในสถานการณ์ที่ขึงพืดกันอยู่เช่นนี้หากยังปล่อยให้เด็กๆ ละเลงกันเละ โดยที่ผู้ใหญ่นั่งดูเฉย โอกาสที่จะเกิดการสูญเสียเช่นเมื่อวันที่ 10 เมษายนก็จะเกิดขึ้นซ้ำรอยขึ้นมาอีก...แล้วถามว่า
ประเทศชาติจะได้อะไรการปะทะกันระหว่างกำลังเจ้าหน้าที่กับผู้ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย บนแนวคิดที่ว่าอะไรจะเกิดก็ต้องปล่อยให้เกิด ไม่ใช่วิถีทางแห่งการแก้ปัญหา แต่จะกลายเป็นทับถมปัญหาจนสุดท้ายทุกสิ่งจะเหลือเพียงซากปรักหักพังของประเทศชาติจงอย่างได้ลืมสิ่งที่ ดร.ปริญญา เทวานฤมิตร แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พูดชัดเจนหลังเหตุการณ์สูญเสียและเศร้าสลดเกิดขึ้นกับสังคมไทย ว่าไม่มีการสลายการชุมนุมใดที่จะไม่มีการปะทะ และไม่มี
การสูญเสียดังนั้นแม้จะไม่ได้ตั้งใจหรือได้มีเจตนาที่จะให้เกิดความรุนแรงดังที่รัฐบาลยืนยัน แต่รัฐบาลก็ยากที่จะปฏิเสธความรับผิดชอบต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้นได้นั่นคือความรู้สึกและมุมมองที่เป็นกลางของอาจารย์มหาวิทยาลัย ที่พูดตรงๆฉะนั้นเมื่อบทเรียนวันที่ 10 เมษายนมีแล้วที่สี่แยกคอกวัว ไยจะให้เกิดเหตุการณ์ที่แยกราชประสงค์ หรือแม้แต่กระทั่งถนนสีลมขึ้นมาอีก... ประเทศไทยยังสูญเสียไม่พอหรือ???สิ่งที่ พยายามเตือนมาตลอดก็เพราะ
ไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงนั่นเองคอลัมนิสต์อาวุโสของบางกอก ทูเดย์ คือ พญาไม้ พยายามเตือนแล้วเตือนเล่าไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งผ่านข้อเขียนอย่างเปิดเผย และตรงไปตรงมาในจุดยืนของความห่วงใย ไม่อยากจะให้เกิดเหตุการร์รุนแรงและสูญเสียเช่นที่เกิดขึ้นแต่แน่นอนว่า คำเตือนนั้นกลับถูกแปรเจตนาโดยคนรอบข้างกายนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่าเป็นคอลัมน์ที่ยืนอยู่ตรงข้ามรัฐบาลทั้งๆที่หากมองย้อนกลับไปในอดีต ไม่ว่าใครเป็นรัฐบาล ไม่ว่า
ใครเป็นนายกรัฐมนตรี หากเห็นว่ามีจุดบกพร่อง มีจุดอันตรายที่ไม่ควรปล่อยให้เกิดขึ้นมากับสังคม โดยหน้าที่ของสื่อมวลชนที่ดี ก็ต้องเตือน ก็ต้องให้แง่คิดด้วยกันทั้งสิ้นช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี พญาไม้ ก็เขียนตำหนิ ทักท้วงอย่างต่อเนื่อง ยาวนานถึง 6-7 ปีแต่แน่นอนว่าคำเตือนย่อมไม่เสนาะหูเท่ากับคำชม ตอนนั้นคนรอบข้าง พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่ชอบใจ เช่นเดียวกับวันนี้ที่คนรอบข้างนายอภิสิทธิ์ไม่ชอบใจ จนทำให้คำท้วงติงต่างๆ กลายเป็น
สิ่งที่ไม่มีประโยชน์แถมยังมีคนประเภทที่มือไม่พายแต่ชอบที่เอาเท้าราน้ำ ให้ข้อมูลว่า พญาไม้ และบางกอก ทูเดย์ เป็นขั้วตรงข้ามกับรัฐบาล แถมยกเมฆโมเมหน้าตาเฉยว่า สงสัยว่าอาจจะมีการรับเงินสนับสนุนมาจาก พ.ต.ท.ทักษิณไปโน่นเลยซึ่งจริงๆ แล้วเราอยากจะท้าให้รัฐบาลดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับบางกอก ทูเดย์ได้เลย แล้วจะได้พบความจริงว่าเราเป็นสื่อที่ไม่ได้ร่ำรวยในเรื่องเงินทอง แต่ร่ำรวยในเรื่องของจรรยาแห่งวิชาชีพมิตร
สหายที่ดีพึงต้องเตือนมิตรสหายเมื่อเห็นว่าจะก้าวไปสู่เส้นทางหายนะ แม้ว่าคำเตือนนั้นจะระคายหูสักเพียงใดก็ตามเช่นเดียวกับสื่อมวลชนที่ดี เมื่อเห็นลางหายนะจะเกิดขึ้นกับประเทศชาติ หากไม่เตือน ไม่ทักท้วง ก็ไร้ซึ่งวิญญาณแห่งสื่อมวลชนที่ดีแล้วดังนั้นตลอดมา จะเห็นว่าเราทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลางในฐานะนักข่าวที่แท้จริงตลอดมาวันนี้หากนายอภิสิทธิ์ ตั้งสติให้นิ่ง ให้พ้นจากความตื่นตระหนกจากเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงว่า ที่เกิดเป็นลูกระนาดต่อเนื่องเรื่อยมา
จนขนาดว่ามีการสลายการชุมนุม มีการสูญเสียชีวิตกันทั้ง 2 ฝ่ายแล้ว เรื่องก็ยังไม่ยุติแถมวันนี้หน่วยข่าวกรองทางทหาร และการพิสูจน์ภาพของคนชุดดำปริศนา ก็รู้ชัดเจนแล้วว่า เป็นฝีมืออำมหิตของ คนชื่อ น. อีกครั้งหนึ่งแล้ว ที่สั่งการ และบัญชาการให้เกิดความรุนแรงถึงเลือดถึงชีวิตยังจะปล่อยให้ นาย น.คนนี้สร้างผลงานอุบาทว์ต่อไปอีกอย่างนั้นหรือ???วันนี้นายอภิสิทธิ์ จะต้องทบทวนกับข้อผิดพลาดต่างๆ รอบตัว แล้วคิดว่าจะหาทางออกที่ดีให้กับประเทศชาติได้
อย่างไรคำพูดของคนที่นายอภิสิทธิ์ ควรจะฟังคือ บรรดาผู้อาวุโสทางการเมือง ทั้งในพรรคประชาธิปัตย์ และนอกพรรคประชาธิปัตย์แต่ไม่ควรเป็นแก๊งเด็กๆ ที่อยู่รายรอบไม่กี่คน ซึ่งไม่มีประสบการณ์การเมืองใดๆเลย นอกจากคิดเอาเองว่ากูเก่ง กูแน่... โดยที่ไม่รู้ว่ากำลังจะทำให้ชาติบ้านเมืองพังการที่ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรครวมชาติพัฒนา ออกมาเตือนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนับเป็นการสูญเสียที่มีผลต่อความสงบเรียบร้อยและต่อชื่อเสียง
ของประเทศเป็นอย่างมาก ฉะนั้นมาถึงจุดนี้ทุกฝ่ายจะต้องพยายามกันอย่างเต็มที่ ถ้าเลยจุดนี้ไปจะเป็นอันตรายอันใหญ่หลวงต่อประเทศ ฉะนั้นทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องหาทางออกที่แท้จริง ที่ผ่านมามีการพูดคุยกันแล้ว 2 ครั้งโดยมีเป้าหมายการเจรจาก็ไม่ได้กว้างมาก เพราะถูกจำกัดไว้ในเรื่องของการยุบสภาเพียงเรื่องเดียว ฉะนั้นวันนี้น่าที่จะต้องมีการหารือเจรจากันอีกครั้งหนึ่งอย่างเร่งด่วน“และคิดว่าเรื่องนี้เป็นความต้องการของส่วนรวมด้วย ที่อยากจะเห็นการเจรจาที่
นำไปสู่การยุติ ถ้าเราคิดว่าแนวทางการเจรจาที่จะนำไปสู่การยุติ คือ การยุบสภาแล้วจะเป็นทางออกที่ดีต่อสถานการณ์ และอนาคตที่เรียบร้อยของประเทศ ก็ต้องรีบตกลงกันทั้ง 2 ฝ่าย” นายสุวัจน์ กล่าวขนาดนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ยังพูดชัดเจนว่า ได้คุยกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ไปแล้วว่า ทางพรรคประชาธิปัตย์ต้องรีบประชุมว่า จะทำอย่างไร จะยุบสภาเมื่อไร จะแก้รัฐธรรมนูญกัน บอกให้ชัดเจน จะทำเฉยไม่ได้
เพราะเหตุการณ์ร้อนแรงขึ้นทุกวันนายบรรหารย้ำว่า เสียงของนายชวน มีมากในพรรค แต่ถ้าไม่ช่วยนายกฯ อภิสิทธิ์ เพื่อให้บ้านเมืองเดินไปได้ อะไรจะเกิดขึ้นก็ตอบไม่ได้ “อยากบอกว่า เหตุการณ์นี้คล้ายกับเสื้อเหลืองยึดสนามบินสุวรรณภูมิ นึกสังหรณ์ใจตลอดเวลา เหมือนตรงที่ว่าศาลรัฐธรรมนูญกำลังจะตัดสินยุบพรรคพลังประชาชน ยุบพรรคชาติไทย พรรคมัชฌิมาธิปไตย รุ่งขึ้นเสื้อเหลืองออกมายึดสนามบินสุวรรณภูมิแล้ว”นี่คือมุมมองอาวุโสที่นายอภิสิทธิ์ควรเปิดใจ
กว้างรับฟัง เพื่อหาทางออกให้กับประเทศชาติยิ่งวันนี้ แม้แต่นักวิชาการเองก็ยังเกิดความรู้สึก นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ อดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่เห็นว่าสถานการณ์ตึงเครียดมาก และอาจไม่เกิดรอบเดียว อาจจะมีรอบ 2 ซึ่งไม่รู้ว่าจะมีเมื่อไหร่ แต่ขอภาวนาว่า อย่าให้มีและอย่าให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโดยกระบวนการนอกรัฐธรรมนูญ สิ่งสำคัญที่สุดคือ การรักษาชีวิต ส่วนการรักษาพื้นที่หรือการใช้กฎหมายเด็ดขาดไม่ใช่เรื่อง
สำคัญ “ฉะนั้น ในฐานะที่รัฐบาลมีหน้าที่รับผิดชอบความเป็นไปของบ้านเมือง ประกอบกับการที่นายกฯพูดเสมอว่า นักการเมืองต้องมีจิตสำนึกที่สูงกว่าคนทั่วไป นายกฯ ก็ต้องแสดงให้สังคมเห็นว่า ได้รับผิดชอบอะไรไปแล้ว นอกจากนี้ ทุกฝ่ายต้องมีสติให้มั่น อย่ากดดันกันจนนำไปสู่ความรุนแรง” นายเอนกกล่าว นายเอนกแนะนำว่ารัฐบาลต้องยกเลิกประกาศ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และยุติการใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรด้วย เพื่อ
คืนบ้านเมืองสู่สภาวะปกติ และต้องยกเลิกการเซ็นเซอร์ข่าวสาร เพราะตอนนี้เกิดความไม่เป็นธรรมมาก โดยเฉพาะสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที เมื่อไม่ให้อีกฝ่ายพูด ฝ่ายตนเองก็ต้องไม่พูดด้วย ฉะนั้น ขอให้ตระหนักในการเสนอข่าวสาร เพราะตอนนี้กลายเป็นการเสนอข่าวสารสร้างความเกลียดชังกัน นายสมชาย ปรีชาศิลปกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน กล่าวว่า ความขัดแย้งทางการเมืองไม่ควรจบลงด้วยความรุนแรง ทั้งนี้ รัฐบาลมีพันธกิจที่จะต้องรับผิดชอบชีวิตและ
ทรัพย์สินของประชาชน ไม่ว่าเหตุรุนแรงนั้นจะเกิดจากฝ่ายใด หรือใครเริ่มความรุนแรงก่อนก็ตามในฐานะเป็นผู้บริหารบ้านเมือง แต่ขณะนี้ รัฐบาลยังอยู่เฉยโดยไม่แสดงความรับผิดชอบทางการเมือง จึงเป็นปัญหา ฉะนั้น ต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบ การยุบสภาก็คงต้องยุบเพราะความขัดแย้งลงลึกมากขึ้น ส่วนกติกาที่จะให้ทุกฝ่ายยอมรับผลการเลือกตั้ง เมื่อมีความขัดแย้งขนาดนี้คงรอให้แก้ไขก่อนคงไม่ได้ ซึ่งคงต้องให้นักการเมืองพยายามตกลงกัน ยุติการชักนำไม่
ให้มีคนออกมาต่อต้านในการหาเสียง“ถ้าตอนนี้ไม่แสดงความรับผิดชอบอะไรเลย รัฐบาลจะบริหารไม่ได้แม้จะอยู่ต่อ เพราะการชุมนุมก็ค้างคา รัฐบาลก็สลายการชุมนุมอีกไม่ได้ ทหารก็ไม่ยอมใช้กำลังตามคำสั่งของรัฐบาล ยิ่งโดนคณะกรรมการการเลือกตั้ง ตัดสินคดียุบพรรคจากเงินบริจาค ตอนนี้จึงเป็นเป็ดง่อย และเน่าทางการเมืองลงไปทุกทีจนกำลังจะเป็นซากการเมือง หากไม่รีบตัดสินใจ นายกฯ จะไม่เหลืออนาคตทางการเมืองอะไรเลย” นายสมชายกล่าวนี่คือมุมมองที่
เกิดขึ้นในเวลานี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรพิจารณามากกว่าคำพูดของคนรอบข้างไม่กี่คนแม้อาจจะเป็นการย้ำประโยคเดิมที่อาจจะน่าเบื่อในมุมมองของรัฐบาลว่าทุกอย่างเราเตือนคุณมาก่อนทั้งนั้นแล้วไม่ใช่หรือ?และวันนี้เราก็ยังขอเตือนเหมือนเดิมว่า ลดทิฐิหาทางออกเพื่อประเทศชาติเถอะวันนี้ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล จะเป็นนปช. จะต้องลดทิฐิลงทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อเจรจากันจริงๆ โดยต้องไม่ลืมหลักการเจรจาที่แท้จริง นั่นคือ จะต้องยอมรับให้ได้ว่า ไม่มีการเจรจาใดๆ ที่จะได้
100% แต่หากคิดไว้ล่วงหน้าว่าจะยอมเสียอะไร จะยอมถอยแค่ไหน ทำเหมือนกันทั้ง 2 ฝ่ายๆ สุดท้ายก็จะหาจุดลงตัวในการเจรจาได้แต่หากขึงพืดไม่มียอมเสียหรือยอมถอยในการต่อรองเลย การเจรจาก็จะไม่มีประโยชน์สุดท้ายประเทศชาติก็จะแย่ เพราะวันนี้ ก็มีคนสีอื่นๆ ขยับเข้ามาทำให้สถานการณ์ยุ่งเหยิงมากขึ้นแล้วดังนั้นวันนี้ เหลือทางรอดทางเดียวคือการเจรจาโดยสันติ... เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียรอบ 2
ที่มา.บางกอกทูเดย์
*************************************************
ประเทศชาติจะได้อะไรการปะทะกันระหว่างกำลังเจ้าหน้าที่กับผู้ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย บนแนวคิดที่ว่าอะไรจะเกิดก็ต้องปล่อยให้เกิด ไม่ใช่วิถีทางแห่งการแก้ปัญหา แต่จะกลายเป็นทับถมปัญหาจนสุดท้ายทุกสิ่งจะเหลือเพียงซากปรักหักพังของประเทศชาติจงอย่างได้ลืมสิ่งที่ ดร.ปริญญา เทวานฤมิตร แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พูดชัดเจนหลังเหตุการณ์สูญเสียและเศร้าสลดเกิดขึ้นกับสังคมไทย ว่าไม่มีการสลายการชุมนุมใดที่จะไม่มีการปะทะ และไม่มี
การสูญเสียดังนั้นแม้จะไม่ได้ตั้งใจหรือได้มีเจตนาที่จะให้เกิดความรุนแรงดังที่รัฐบาลยืนยัน แต่รัฐบาลก็ยากที่จะปฏิเสธความรับผิดชอบต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้นได้นั่นคือความรู้สึกและมุมมองที่เป็นกลางของอาจารย์มหาวิทยาลัย ที่พูดตรงๆฉะนั้นเมื่อบทเรียนวันที่ 10 เมษายนมีแล้วที่สี่แยกคอกวัว ไยจะให้เกิดเหตุการณ์ที่แยกราชประสงค์ หรือแม้แต่กระทั่งถนนสีลมขึ้นมาอีก... ประเทศไทยยังสูญเสียไม่พอหรือ???สิ่งที่ พยายามเตือนมาตลอดก็เพราะ
ไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงนั่นเองคอลัมนิสต์อาวุโสของบางกอก ทูเดย์ คือ พญาไม้ พยายามเตือนแล้วเตือนเล่าไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งผ่านข้อเขียนอย่างเปิดเผย และตรงไปตรงมาในจุดยืนของความห่วงใย ไม่อยากจะให้เกิดเหตุการร์รุนแรงและสูญเสียเช่นที่เกิดขึ้นแต่แน่นอนว่า คำเตือนนั้นกลับถูกแปรเจตนาโดยคนรอบข้างกายนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่าเป็นคอลัมน์ที่ยืนอยู่ตรงข้ามรัฐบาลทั้งๆที่หากมองย้อนกลับไปในอดีต ไม่ว่าใครเป็นรัฐบาล ไม่ว่า
ใครเป็นนายกรัฐมนตรี หากเห็นว่ามีจุดบกพร่อง มีจุดอันตรายที่ไม่ควรปล่อยให้เกิดขึ้นมากับสังคม โดยหน้าที่ของสื่อมวลชนที่ดี ก็ต้องเตือน ก็ต้องให้แง่คิดด้วยกันทั้งสิ้นช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี พญาไม้ ก็เขียนตำหนิ ทักท้วงอย่างต่อเนื่อง ยาวนานถึง 6-7 ปีแต่แน่นอนว่าคำเตือนย่อมไม่เสนาะหูเท่ากับคำชม ตอนนั้นคนรอบข้าง พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่ชอบใจ เช่นเดียวกับวันนี้ที่คนรอบข้างนายอภิสิทธิ์ไม่ชอบใจ จนทำให้คำท้วงติงต่างๆ กลายเป็น
สิ่งที่ไม่มีประโยชน์แถมยังมีคนประเภทที่มือไม่พายแต่ชอบที่เอาเท้าราน้ำ ให้ข้อมูลว่า พญาไม้ และบางกอก ทูเดย์ เป็นขั้วตรงข้ามกับรัฐบาล แถมยกเมฆโมเมหน้าตาเฉยว่า สงสัยว่าอาจจะมีการรับเงินสนับสนุนมาจาก พ.ต.ท.ทักษิณไปโน่นเลยซึ่งจริงๆ แล้วเราอยากจะท้าให้รัฐบาลดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับบางกอก ทูเดย์ได้เลย แล้วจะได้พบความจริงว่าเราเป็นสื่อที่ไม่ได้ร่ำรวยในเรื่องเงินทอง แต่ร่ำรวยในเรื่องของจรรยาแห่งวิชาชีพมิตร
สหายที่ดีพึงต้องเตือนมิตรสหายเมื่อเห็นว่าจะก้าวไปสู่เส้นทางหายนะ แม้ว่าคำเตือนนั้นจะระคายหูสักเพียงใดก็ตามเช่นเดียวกับสื่อมวลชนที่ดี เมื่อเห็นลางหายนะจะเกิดขึ้นกับประเทศชาติ หากไม่เตือน ไม่ทักท้วง ก็ไร้ซึ่งวิญญาณแห่งสื่อมวลชนที่ดีแล้วดังนั้นตลอดมา จะเห็นว่าเราทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลางในฐานะนักข่าวที่แท้จริงตลอดมาวันนี้หากนายอภิสิทธิ์ ตั้งสติให้นิ่ง ให้พ้นจากความตื่นตระหนกจากเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงว่า ที่เกิดเป็นลูกระนาดต่อเนื่องเรื่อยมา
จนขนาดว่ามีการสลายการชุมนุม มีการสูญเสียชีวิตกันทั้ง 2 ฝ่ายแล้ว เรื่องก็ยังไม่ยุติแถมวันนี้หน่วยข่าวกรองทางทหาร และการพิสูจน์ภาพของคนชุดดำปริศนา ก็รู้ชัดเจนแล้วว่า เป็นฝีมืออำมหิตของ คนชื่อ น. อีกครั้งหนึ่งแล้ว ที่สั่งการ และบัญชาการให้เกิดความรุนแรงถึงเลือดถึงชีวิตยังจะปล่อยให้ นาย น.คนนี้สร้างผลงานอุบาทว์ต่อไปอีกอย่างนั้นหรือ???วันนี้นายอภิสิทธิ์ จะต้องทบทวนกับข้อผิดพลาดต่างๆ รอบตัว แล้วคิดว่าจะหาทางออกที่ดีให้กับประเทศชาติได้
อย่างไรคำพูดของคนที่นายอภิสิทธิ์ ควรจะฟังคือ บรรดาผู้อาวุโสทางการเมือง ทั้งในพรรคประชาธิปัตย์ และนอกพรรคประชาธิปัตย์แต่ไม่ควรเป็นแก๊งเด็กๆ ที่อยู่รายรอบไม่กี่คน ซึ่งไม่มีประสบการณ์การเมืองใดๆเลย นอกจากคิดเอาเองว่ากูเก่ง กูแน่... โดยที่ไม่รู้ว่ากำลังจะทำให้ชาติบ้านเมืองพังการที่ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรครวมชาติพัฒนา ออกมาเตือนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนับเป็นการสูญเสียที่มีผลต่อความสงบเรียบร้อยและต่อชื่อเสียง
ของประเทศเป็นอย่างมาก ฉะนั้นมาถึงจุดนี้ทุกฝ่ายจะต้องพยายามกันอย่างเต็มที่ ถ้าเลยจุดนี้ไปจะเป็นอันตรายอันใหญ่หลวงต่อประเทศ ฉะนั้นทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องหาทางออกที่แท้จริง ที่ผ่านมามีการพูดคุยกันแล้ว 2 ครั้งโดยมีเป้าหมายการเจรจาก็ไม่ได้กว้างมาก เพราะถูกจำกัดไว้ในเรื่องของการยุบสภาเพียงเรื่องเดียว ฉะนั้นวันนี้น่าที่จะต้องมีการหารือเจรจากันอีกครั้งหนึ่งอย่างเร่งด่วน“และคิดว่าเรื่องนี้เป็นความต้องการของส่วนรวมด้วย ที่อยากจะเห็นการเจรจาที่
นำไปสู่การยุติ ถ้าเราคิดว่าแนวทางการเจรจาที่จะนำไปสู่การยุติ คือ การยุบสภาแล้วจะเป็นทางออกที่ดีต่อสถานการณ์ และอนาคตที่เรียบร้อยของประเทศ ก็ต้องรีบตกลงกันทั้ง 2 ฝ่าย” นายสุวัจน์ กล่าวขนาดนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ยังพูดชัดเจนว่า ได้คุยกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ไปแล้วว่า ทางพรรคประชาธิปัตย์ต้องรีบประชุมว่า จะทำอย่างไร จะยุบสภาเมื่อไร จะแก้รัฐธรรมนูญกัน บอกให้ชัดเจน จะทำเฉยไม่ได้
เพราะเหตุการณ์ร้อนแรงขึ้นทุกวันนายบรรหารย้ำว่า เสียงของนายชวน มีมากในพรรค แต่ถ้าไม่ช่วยนายกฯ อภิสิทธิ์ เพื่อให้บ้านเมืองเดินไปได้ อะไรจะเกิดขึ้นก็ตอบไม่ได้ “อยากบอกว่า เหตุการณ์นี้คล้ายกับเสื้อเหลืองยึดสนามบินสุวรรณภูมิ นึกสังหรณ์ใจตลอดเวลา เหมือนตรงที่ว่าศาลรัฐธรรมนูญกำลังจะตัดสินยุบพรรคพลังประชาชน ยุบพรรคชาติไทย พรรคมัชฌิมาธิปไตย รุ่งขึ้นเสื้อเหลืองออกมายึดสนามบินสุวรรณภูมิแล้ว”นี่คือมุมมองอาวุโสที่นายอภิสิทธิ์ควรเปิดใจ
กว้างรับฟัง เพื่อหาทางออกให้กับประเทศชาติยิ่งวันนี้ แม้แต่นักวิชาการเองก็ยังเกิดความรู้สึก นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ อดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่เห็นว่าสถานการณ์ตึงเครียดมาก และอาจไม่เกิดรอบเดียว อาจจะมีรอบ 2 ซึ่งไม่รู้ว่าจะมีเมื่อไหร่ แต่ขอภาวนาว่า อย่าให้มีและอย่าให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโดยกระบวนการนอกรัฐธรรมนูญ สิ่งสำคัญที่สุดคือ การรักษาชีวิต ส่วนการรักษาพื้นที่หรือการใช้กฎหมายเด็ดขาดไม่ใช่เรื่อง
สำคัญ “ฉะนั้น ในฐานะที่รัฐบาลมีหน้าที่รับผิดชอบความเป็นไปของบ้านเมือง ประกอบกับการที่นายกฯพูดเสมอว่า นักการเมืองต้องมีจิตสำนึกที่สูงกว่าคนทั่วไป นายกฯ ก็ต้องแสดงให้สังคมเห็นว่า ได้รับผิดชอบอะไรไปแล้ว นอกจากนี้ ทุกฝ่ายต้องมีสติให้มั่น อย่ากดดันกันจนนำไปสู่ความรุนแรง” นายเอนกกล่าว นายเอนกแนะนำว่ารัฐบาลต้องยกเลิกประกาศ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และยุติการใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรด้วย เพื่อ
คืนบ้านเมืองสู่สภาวะปกติ และต้องยกเลิกการเซ็นเซอร์ข่าวสาร เพราะตอนนี้เกิดความไม่เป็นธรรมมาก โดยเฉพาะสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที เมื่อไม่ให้อีกฝ่ายพูด ฝ่ายตนเองก็ต้องไม่พูดด้วย ฉะนั้น ขอให้ตระหนักในการเสนอข่าวสาร เพราะตอนนี้กลายเป็นการเสนอข่าวสารสร้างความเกลียดชังกัน นายสมชาย ปรีชาศิลปกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน กล่าวว่า ความขัดแย้งทางการเมืองไม่ควรจบลงด้วยความรุนแรง ทั้งนี้ รัฐบาลมีพันธกิจที่จะต้องรับผิดชอบชีวิตและ
ทรัพย์สินของประชาชน ไม่ว่าเหตุรุนแรงนั้นจะเกิดจากฝ่ายใด หรือใครเริ่มความรุนแรงก่อนก็ตามในฐานะเป็นผู้บริหารบ้านเมือง แต่ขณะนี้ รัฐบาลยังอยู่เฉยโดยไม่แสดงความรับผิดชอบทางการเมือง จึงเป็นปัญหา ฉะนั้น ต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบ การยุบสภาก็คงต้องยุบเพราะความขัดแย้งลงลึกมากขึ้น ส่วนกติกาที่จะให้ทุกฝ่ายยอมรับผลการเลือกตั้ง เมื่อมีความขัดแย้งขนาดนี้คงรอให้แก้ไขก่อนคงไม่ได้ ซึ่งคงต้องให้นักการเมืองพยายามตกลงกัน ยุติการชักนำไม่
ให้มีคนออกมาต่อต้านในการหาเสียง“ถ้าตอนนี้ไม่แสดงความรับผิดชอบอะไรเลย รัฐบาลจะบริหารไม่ได้แม้จะอยู่ต่อ เพราะการชุมนุมก็ค้างคา รัฐบาลก็สลายการชุมนุมอีกไม่ได้ ทหารก็ไม่ยอมใช้กำลังตามคำสั่งของรัฐบาล ยิ่งโดนคณะกรรมการการเลือกตั้ง ตัดสินคดียุบพรรคจากเงินบริจาค ตอนนี้จึงเป็นเป็ดง่อย และเน่าทางการเมืองลงไปทุกทีจนกำลังจะเป็นซากการเมือง หากไม่รีบตัดสินใจ นายกฯ จะไม่เหลืออนาคตทางการเมืองอะไรเลย” นายสมชายกล่าวนี่คือมุมมองที่
เกิดขึ้นในเวลานี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรพิจารณามากกว่าคำพูดของคนรอบข้างไม่กี่คนแม้อาจจะเป็นการย้ำประโยคเดิมที่อาจจะน่าเบื่อในมุมมองของรัฐบาลว่าทุกอย่างเราเตือนคุณมาก่อนทั้งนั้นแล้วไม่ใช่หรือ?และวันนี้เราก็ยังขอเตือนเหมือนเดิมว่า ลดทิฐิหาทางออกเพื่อประเทศชาติเถอะวันนี้ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล จะเป็นนปช. จะต้องลดทิฐิลงทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อเจรจากันจริงๆ โดยต้องไม่ลืมหลักการเจรจาที่แท้จริง นั่นคือ จะต้องยอมรับให้ได้ว่า ไม่มีการเจรจาใดๆ ที่จะได้
100% แต่หากคิดไว้ล่วงหน้าว่าจะยอมเสียอะไร จะยอมถอยแค่ไหน ทำเหมือนกันทั้ง 2 ฝ่ายๆ สุดท้ายก็จะหาจุดลงตัวในการเจรจาได้แต่หากขึงพืดไม่มียอมเสียหรือยอมถอยในการต่อรองเลย การเจรจาก็จะไม่มีประโยชน์สุดท้ายประเทศชาติก็จะแย่ เพราะวันนี้ ก็มีคนสีอื่นๆ ขยับเข้ามาทำให้สถานการณ์ยุ่งเหยิงมากขึ้นแล้วดังนั้นวันนี้ เหลือทางรอดทางเดียวคือการเจรจาโดยสันติ... เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียรอบ 2
ที่มา.บางกอกทูเดย์
*************************************************
เหวง ขู่รัฐ ปราบแดง เจอสงครามกลางเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานการชุมนุมที่แยกราชประสงค์ ในช่วงเช้าผู้ชุมนุมยังบางตาบริเวณหน้าเวทีปราศรัย ขณะที่จำนวนมากยังพักผ่อนอยู่ตามเต๊นท์ต่างๆซึ่งมีจำนวนมากขึ้นกว่าช่วงเทศกาลสงกรานต์ คาดว่าจะเป็นการต้อนรับมวลชนที่เดินทางกลับบ้านต่างจังหวัดในช่วงสงกรานต์ ขณะที่ด้านหลังเวทีมีเพียงนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจรัล ดิษฐาอภิชัย และสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หนึ่งในแกนนำที่ถูกหมายจับ ซึ่งระบุว่าใน 2-3 วันที่ผ่านมาไม่สามารถไปพักผ่อน อาบน้ำตามโรงแรมรอบราชประสงค์ได้เลย เพราะรัฐบาลสั่งห้ามให้แกนนำเสื้อแดงไปใช้บริการทุกแห่ง
นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. กล่าวปราศรัย ตอนหนึ่งว่า ขณะนี้รัฐบาลใช้กำลังทหารเต็มรูปแบบราวกับว่าคนเสื้อแดงเป็นข้าศึกของประเทศนี้ ดังนั้นคนที่ยกระดับสงครามครั้งนี้ คือรัฐบาลไม่ใช่คนเสื้อแดง เราจะยืนหยัดในสันติวิธี จนนาทีสุดท้ายของชีวิต แต่ขอเตือนว่าถ้ามีการล้อมปราบคนเสื้อแดง รัฐบาลจะเผชิญกับสงครามกลางเมืองในทุกจังหวัดทั่วประเทศ เปรียบได้กับพี่น้องมุสลิมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ถูกกดขี่สุดท้ายต้องจับอาวุธขึ้นมาสู้กลายเป็นผู้ก่อการร้าย นอกจากนี้ยังโจมตีแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ออกมากดดันให้รัฐบาลสลายการชุมนุม โดยเฉพาะพล.ต.จำลอง ศรีเมือง และสมณะโพธิรักษ์ โดยเรียกร้องให้มวลชนเสื้อแดงเลิกสนับสนุนแนวทางของสันติอโศกทั่วประเทศ
นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. กล่าวปราศรัย ตอนหนึ่งว่า ขณะนี้รัฐบาลใช้กำลังทหารเต็มรูปแบบราวกับว่าคนเสื้อแดงเป็นข้าศึกของประเทศนี้ ดังนั้นคนที่ยกระดับสงครามครั้งนี้ คือรัฐบาลไม่ใช่คนเสื้อแดง เราจะยืนหยัดในสันติวิธี จนนาทีสุดท้ายของชีวิต แต่ขอเตือนว่าถ้ามีการล้อมปราบคนเสื้อแดง รัฐบาลจะเผชิญกับสงครามกลางเมืองในทุกจังหวัดทั่วประเทศ เปรียบได้กับพี่น้องมุสลิมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ถูกกดขี่สุดท้ายต้องจับอาวุธขึ้นมาสู้กลายเป็นผู้ก่อการร้าย นอกจากนี้ยังโจมตีแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ออกมากดดันให้รัฐบาลสลายการชุมนุม โดยเฉพาะพล.ต.จำลอง ศรีเมือง และสมณะโพธิรักษ์ โดยเรียกร้องให้มวลชนเสื้อแดงเลิกสนับสนุนแนวทางของสันติอโศกทั่วประเทศ
วันจันทร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2553
"จตุพร" ปูด "อนุพงษ์" วางแผนสั่งปราบ นปช.
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ กล่าวบนเวทีปราศรัยว่า ในวันที่ 20 เมษษยน คนเสื้อแดงมีการชุมนุมใหญ่แน่นอน ในการปฏิบัติการตามยุทธวิธีเพื่อเอาชนะรัฐบาล แต่เป้าหมายในการขับเคลื่อนจะเป็นอย่างไร จะประกาศในวันที่ 20 เม.ย.เวลา 10.00 น
นายจตุพร ปราศรัยว่า เมื่อเวลา 19.00 น. ของวันที่ 18 เม.ย. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ได้เรียกประชุม ศอฉ แต่มีนายทหารแตงโม ได้นำบันทึกการประชุมมาแจ้งกับตนทั้งหมดว่าพล.อ.อนุพงษ์ มีการวางแผนเตรียมการ 9 ข้อ คือ 1.ให้ทุกอย่างจบภายใน 3 วัน 2.กำลังพลที่ใช้ พล ม. 2 พล 1 รอ. พล ร. 9 และพล.ร 2 เป็นกองหนุน 3.ให้พัฒนาแผนทุกวัน ประชุม 9 โมงเช้าและ 1 ทุ่มทุกวัน 4.ถอนกำลังทหารออกจากทำเนียบรัฐบาลเหลือ 8 กองร้อย จากเดิมมี 24 กองร้อย 5. แจกจ่ายปืนลูกซอง กองพลละ 600 กระบอก 6.กระสุนยาง กองพลละ 18,000 นัด และลูกซองปราย 9 ซึ่งฆ่าคนตายได้ ไม่ทราบจำนวน 7.ขณะนี้ทุกวันให้กำลังพลไปฝึกซ้อมยิงปืนที่กองพันททหารม้าที่ 3 เกียกกาย 8.จัดกำลังพลนายทหาร หรือนายสิบฝีมือดีกองพลละ 20 นาย แต่งกายนอกเครื่องแบบพร้อมปืน เอ็ม 16 เอ 2 หรืออาวุธถนัดแฝงตัวเข้าไปในที่ชุมนุมวันที่ทำการล้อมปราบ และ 9.ภารกิจนี้ห้ามล้มเหลว กระสุนจริงและระเบิดมีพร้อม
นายจตุพร กล่าวว่า สำหรับขั้นตอนปฏิบัติ มี 4 ข้อ 1.ปิดสื่อทั้งหมด รวมทั้งเว็บไซต์ 2.จับแกนนำ หรือทำลายแกนนำ 3.สลายผู้ชุมนุม และ 4.สร้างความชอบธรรม ออกประกาศทางสื่อทุกชนิด สรุปว่าทำถูกต้องทุกอย่าง มีการพูดว่าเสีย 500 ชีวิตก็ต้องยอม ซึ่ง 7 วันนับจากนี้จะเป็นวันอันตรายของคนเสื้อแดง ไม่ใช่จะมีการสลายในวันที่ 7 แต่จะมีการสลายการชุมนุมได้ทุกวัน แม้เราจะยืนอยู่บนพื้นฐานไม่ประมาท แต่เราก็ไม่สามารถระวังได้ทุกวัน แต่เราก็จะไม่ยอมเอาชีวิตแลกกับความไม่ยุติธรรม ซึ่งวันนี้เรามาไกลเกินกว่าจะให้นายอภิสิทธิ์ลอยนวลจากปัญหานี้ เราต้องเดินหน้าต่อไป
ที่มา.เนชั่นทันข่าว
*************************************************
นายจตุพร ปราศรัยว่า เมื่อเวลา 19.00 น. ของวันที่ 18 เม.ย. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ได้เรียกประชุม ศอฉ แต่มีนายทหารแตงโม ได้นำบันทึกการประชุมมาแจ้งกับตนทั้งหมดว่าพล.อ.อนุพงษ์ มีการวางแผนเตรียมการ 9 ข้อ คือ 1.ให้ทุกอย่างจบภายใน 3 วัน 2.กำลังพลที่ใช้ พล ม. 2 พล 1 รอ. พล ร. 9 และพล.ร 2 เป็นกองหนุน 3.ให้พัฒนาแผนทุกวัน ประชุม 9 โมงเช้าและ 1 ทุ่มทุกวัน 4.ถอนกำลังทหารออกจากทำเนียบรัฐบาลเหลือ 8 กองร้อย จากเดิมมี 24 กองร้อย 5. แจกจ่ายปืนลูกซอง กองพลละ 600 กระบอก 6.กระสุนยาง กองพลละ 18,000 นัด และลูกซองปราย 9 ซึ่งฆ่าคนตายได้ ไม่ทราบจำนวน 7.ขณะนี้ทุกวันให้กำลังพลไปฝึกซ้อมยิงปืนที่กองพันททหารม้าที่ 3 เกียกกาย 8.จัดกำลังพลนายทหาร หรือนายสิบฝีมือดีกองพลละ 20 นาย แต่งกายนอกเครื่องแบบพร้อมปืน เอ็ม 16 เอ 2 หรืออาวุธถนัดแฝงตัวเข้าไปในที่ชุมนุมวันที่ทำการล้อมปราบ และ 9.ภารกิจนี้ห้ามล้มเหลว กระสุนจริงและระเบิดมีพร้อม
นายจตุพร กล่าวว่า สำหรับขั้นตอนปฏิบัติ มี 4 ข้อ 1.ปิดสื่อทั้งหมด รวมทั้งเว็บไซต์ 2.จับแกนนำ หรือทำลายแกนนำ 3.สลายผู้ชุมนุม และ 4.สร้างความชอบธรรม ออกประกาศทางสื่อทุกชนิด สรุปว่าทำถูกต้องทุกอย่าง มีการพูดว่าเสีย 500 ชีวิตก็ต้องยอม ซึ่ง 7 วันนับจากนี้จะเป็นวันอันตรายของคนเสื้อแดง ไม่ใช่จะมีการสลายในวันที่ 7 แต่จะมีการสลายการชุมนุมได้ทุกวัน แม้เราจะยืนอยู่บนพื้นฐานไม่ประมาท แต่เราก็ไม่สามารถระวังได้ทุกวัน แต่เราก็จะไม่ยอมเอาชีวิตแลกกับความไม่ยุติธรรม ซึ่งวันนี้เรามาไกลเกินกว่าจะให้นายอภิสิทธิ์ลอยนวลจากปัญหานี้ เราต้องเดินหน้าต่อไป
ที่มา.เนชั่นทันข่าว
*************************************************
นปช.ปัดรับข้อเสนอสันติวิธี ย้ำจุดยืนเดิม ยุบสภา
เวลา 17.30 น. ตัวแทนกลุ่มองค์กรภาคประชาชน 16 องค์กร เดินทางมายังเวทีปราศรัยสี่แยกราชประสงค์ เพื่อยื่นหนังสือถึงนายจตุพร พรหมพันธุ์ รองประธานนปช. และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการนปช. เพื่อขอร้องให้ นปช.และคนเสื้อแดงใช้ สันติวิธี และการเจรจา พาประเทศออกจากวิกฤต
การหารือเกือบ 1 ชม.บรรยากาศเป็นไปอย่างเคร่งเครียด โดยนายปริญญาได้ยื่นข้อเสนอทั้งหมดเรียกร้องให้คืนพื้นที่แยกราชประสงค์ ขณะที่ได้เรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อให้ธุรกิจในย่านดังกล่าวเปิดทำการได้เพราะกระทบต่อประชาชนทุกระดับเพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นการถอยคนละก้าวและนำสู่การเจรจาและเสนอให้โทรทัศน์ทุกช่องเปิดพื้นที่ให้ทั้งสองฝ่ายได้มีการเจรจาร่วมกัน ทั้งนี้ระหว่างการเจรจานายจตุพร ได้นำผลสรุปการประชุมของศอฉ. เมื่อวันที่ 18 เม.ย. เวลา 19.00 น.มาให้เครือข่ายดู ซึ่งมีมติว่าให้มีการสลายการชุมนุมและทุกอย่างต้องจบภายใน 7 วัน ซึ่งผลการประชุมได้มีการบันทึกทุกมติที่ประชุมว่าหากต้องมีคนเสียชีวิต 500 คนก็ต้องยอม
นายจตุพร กล่าวว่า ทางแก้ทุกอย่างอยู่ที่รัฐบาลต้องรับผิดชอบเพราะขณะนี้มีพี่น้องเสื้อแดงล้มตายจำนวนมากและเราก็ถอยไม่ได้ วันนี้แม้แกนนำจะถอยแต่ชาวเสื้อแดงที่มาชุมนุมก็จะไม่ถอย เพราะพี่น้องเขาตายแล้ว คนที่จะถอยก็คือรัฐบาลด้วยการยุบสภา
“วันนี้ มีชาวเสื้อแดงตายในการสลายการชุมนุม แต่เครือข่ายมาให้นปช.ถอย โดยที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังนั่งเป็นนายกฯ โดยไม่รับผิดชอบกับคำสั่งที่ผิดพลาด เราจะตอบกับพี่น้องเสื้อแดงได้อย่างไร คนฆ่าต้องเป็นฝ่ายถอย ไม่ใช่คนที่ถูกฆ่าถอย“ นายจตุพร กล่าว
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า จะให้ถอยตอนนี้ไม่ทันแล้ว เพราะนายอภิสิทธิ์ได้สั่งการฆ่าประชาชนไปแล้วและทราบว่า ในคืนนี้ประมาณตีสองหรือตีสาม จะมีการสลายการชุมนุมสั่งฆ่าประชาชนอีก ทหารที่มาประจำการบริเวณสีสมที่มีการพกอาวุธสงคราม ไม่ได้มาเพื่อป้องกันสีลม แต่เพื่อรอคำสั่งให้ชาร์ตสลายการชุมนุม เพราะฉะนั้นนปช.มีข้อเรียกร้องเดียวคือยุบสภา ซึ่งการที่นายอภิสิทธิ์ยุบสภาก็ไม่ได้หมายความว่า รัฐบาลแพ้คนเสื้อแดง แต่เป็นการยุบสภาเพื่อรับผิดชอบคำสั่งที่ผิดพลาดทำให้มีความคนตายและคนเสื้อแดงก็จะไม่ประกาศชัยชนะ
ที่มา.เนชั่นท่านข่าว
**********************************************
การหารือเกือบ 1 ชม.บรรยากาศเป็นไปอย่างเคร่งเครียด โดยนายปริญญาได้ยื่นข้อเสนอทั้งหมดเรียกร้องให้คืนพื้นที่แยกราชประสงค์ ขณะที่ได้เรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อให้ธุรกิจในย่านดังกล่าวเปิดทำการได้เพราะกระทบต่อประชาชนทุกระดับเพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นการถอยคนละก้าวและนำสู่การเจรจาและเสนอให้โทรทัศน์ทุกช่องเปิดพื้นที่ให้ทั้งสองฝ่ายได้มีการเจรจาร่วมกัน ทั้งนี้ระหว่างการเจรจานายจตุพร ได้นำผลสรุปการประชุมของศอฉ. เมื่อวันที่ 18 เม.ย. เวลา 19.00 น.มาให้เครือข่ายดู ซึ่งมีมติว่าให้มีการสลายการชุมนุมและทุกอย่างต้องจบภายใน 7 วัน ซึ่งผลการประชุมได้มีการบันทึกทุกมติที่ประชุมว่าหากต้องมีคนเสียชีวิต 500 คนก็ต้องยอม
นายจตุพร กล่าวว่า ทางแก้ทุกอย่างอยู่ที่รัฐบาลต้องรับผิดชอบเพราะขณะนี้มีพี่น้องเสื้อแดงล้มตายจำนวนมากและเราก็ถอยไม่ได้ วันนี้แม้แกนนำจะถอยแต่ชาวเสื้อแดงที่มาชุมนุมก็จะไม่ถอย เพราะพี่น้องเขาตายแล้ว คนที่จะถอยก็คือรัฐบาลด้วยการยุบสภา
“วันนี้ มีชาวเสื้อแดงตายในการสลายการชุมนุม แต่เครือข่ายมาให้นปช.ถอย โดยที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังนั่งเป็นนายกฯ โดยไม่รับผิดชอบกับคำสั่งที่ผิดพลาด เราจะตอบกับพี่น้องเสื้อแดงได้อย่างไร คนฆ่าต้องเป็นฝ่ายถอย ไม่ใช่คนที่ถูกฆ่าถอย“ นายจตุพร กล่าว
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า จะให้ถอยตอนนี้ไม่ทันแล้ว เพราะนายอภิสิทธิ์ได้สั่งการฆ่าประชาชนไปแล้วและทราบว่า ในคืนนี้ประมาณตีสองหรือตีสาม จะมีการสลายการชุมนุมสั่งฆ่าประชาชนอีก ทหารที่มาประจำการบริเวณสีสมที่มีการพกอาวุธสงคราม ไม่ได้มาเพื่อป้องกันสีลม แต่เพื่อรอคำสั่งให้ชาร์ตสลายการชุมนุม เพราะฉะนั้นนปช.มีข้อเรียกร้องเดียวคือยุบสภา ซึ่งการที่นายอภิสิทธิ์ยุบสภาก็ไม่ได้หมายความว่า รัฐบาลแพ้คนเสื้อแดง แต่เป็นการยุบสภาเพื่อรับผิดชอบคำสั่งที่ผิดพลาดทำให้มีความคนตายและคนเสื้อแดงก็จะไม่ประกาศชัยชนะ
ที่มา.เนชั่นท่านข่าว
**********************************************
"ทักษิณ"ยันเสื้อแดงวันนี้ไม่ได้ต่อสู้เพื่อตัวเขาอีกแล้ว
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ส ขณะเครื่องบินแวะจอดที่ประเทศบรูไน โดยกล่าวถึงกรณีที่ไม่ได้โฟนอินไปยังผู้ชุมนุมช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เป็นเพราะความเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงตอนนี้ ไปไกลเกินการต่อสู้เพื่อตัวเขาแล้ว ตอนนี้คนเสื้อแดงต่อสู้เพื่อความยุติธรรมและประชาธิปไตย
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวถึงทางออกวิกฤติการเมืองขณะนี้ว่า ต้องแก้ด้วยการเมือง และทางเดียว คือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องยุบสภา และจัดการเลือกตั้งก่อนกำหนด นอกจากนี้ อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุยังไม่มีแผนกลับประเทศ และไม่ได้ป่วยเป็นโรคมะเร็งตามข่าวลือ
ที่มา.หนังสือพิมพ์โลกวันนี้
***********************************************
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวถึงทางออกวิกฤติการเมืองขณะนี้ว่า ต้องแก้ด้วยการเมือง และทางเดียว คือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องยุบสภา และจัดการเลือกตั้งก่อนกำหนด นอกจากนี้ อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุยังไม่มีแผนกลับประเทศ และไม่ได้ป่วยเป็นโรคมะเร็งตามข่าวลือ
ที่มา.หนังสือพิมพ์โลกวันนี้
***********************************************
“ขวัญไชย”ยันพรุ่งนี้8น.เสื้อแดงเคลื่อนไหวแน่-อุบแผน
นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดรฯ กล่าวยืนยันว่า ในวันพรุ่งนี้ ตั้งแต่เวลา 08.00 น. กลุ่มคนเสื้อแดงจะมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่แน่นอน แต่จะเคลื่อนไปยังบริเวณสถานที่ไหนนั้น ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะเกรงว่าทางรัฐจะจับทางได้ถูก
นายชวัญชัย กล่าวด้วยว่า ได้รับข่าวสารที่น่าเชื่อถือได้ว่า จะมีทหารกว่าแสนนายเดินทางเข้ามายังกรุงเทพฯ เพื่อปราบปรามผู้ชุมนุมเสื้อแดง ดังนั้นจึงอยากเรียกร้องให้ประชาชนคนเสื้อแดงทุกจังหวัดเดินทางเข้ามายังกรุงเทพฯ เพื่อสมทบกับคนเสื้อแดงที่ราชประสงค์ เพื่อแสดงพลังให้รัฐบาลได้เห็น
ที่มา.หนังสือพิมพ์ โลกวันนี้ ออนไลน์
*********************************************
นายชวัญชัย กล่าวด้วยว่า ได้รับข่าวสารที่น่าเชื่อถือได้ว่า จะมีทหารกว่าแสนนายเดินทางเข้ามายังกรุงเทพฯ เพื่อปราบปรามผู้ชุมนุมเสื้อแดง ดังนั้นจึงอยากเรียกร้องให้ประชาชนคนเสื้อแดงทุกจังหวัดเดินทางเข้ามายังกรุงเทพฯ เพื่อสมทบกับคนเสื้อแดงที่ราชประสงค์ เพื่อแสดงพลังให้รัฐบาลได้เห็น
ที่มา.หนังสือพิมพ์ โลกวันนี้ ออนไลน์
*********************************************
ศอฉ.ไฟเขียวเจ้าหน้าที่ติดอาวุธ ทหาร-เสื้อหลากสี-เสื้อแดง เผชิญหน้าที่สีลม
ศอฉ.ให้เจ้าหน้าที่ติดอาวุธ-ยอมรับเจ้าหน้าที่ “ซุ่ม” บนตึกสูงเพื่อความปลอดภัย ชี้หลากสีชุมนุมไม่ผิด พ.ร.ก. เพราะไม่กระทบความมั่นคงชาติวอนเสื้อแดงอย่าใช้คนเป็นโล่มนุษย์ ล่าสุดมีการเผชิญหน้าระหว่างทหารติดอาวุธ-เสื้อแดง-เสื้อหลากสี ที่แยกลุมพินี เกิดเหตุชุลมุนเล็กน้อยเมื่อคนเสื้อชมพูตะโกนต่อว่าเสื้อแดงถูกจ้างมา
ศอฉ.ให้เจ้าหน้าที่ติดอาวุธอ้างไว้ป้องกันตัว
19 เม.ย. 53 - พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) แถลงผลการประชุม ศอฉ. ช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า การประชุมมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคงในฐานะผู้อำนวยการ ศอฉ. เป็นประธาน โดยมีการเลือกผู้บังคับบัญชาระดับปฏิบัติการเข้าร่วมประชุมเพื่อชี้แจงรายละเอียด ขั้นตอนการปฏิบัติภารกิจของทหารที่ต้องเดินหน้ากับความกดดันกับผู้ชุมนุม ซึ่งมีการกำชับให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามมาตรการ 7 ขั้นตอนเบาไปหาหนักตามสมควรแก่เหตุ ขณะเดียวกันยืนยันว่าเจ้าหน้าที่มีสิทธิ์ ใช้อาวุธ ป้องกันชีวิตของตนเองได้ และ ขอฝากถึงแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ว่าไม่ควรใช้ คนชรา ผู้หญิง และ เด็ก เป็นโล่กำบัง เนื่องจากเป็นเรื่องที่น่าละอาย
อย่างไรก็ตามกรณีที่เจ้าหน้าที่กระทำการบนตึกสูง โดยรอบพื้นที่การชุมนุมนั้นมีความจำเป็นเพื่อป้องกันผู้ก่อการร้าย และไม่มีความจำเป็นต้องขยายพื้นที่ชุมนุมไปยังถนนสีลม เนื่องจากพื้นที่แยกราชประสงค์ เพียงพอกับผู้ชุมนุมอยู่แล้ว และมองว่าเป็นความคิดเห็นของแกนนำเท่านั้น นอกจากนี้ โฆษก ศอฉ. กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ จะเป็นการกดดันการทำงานของเจ้าหน้าที่หรือไม่นั้นเห็นว่าขณะนี้รัฐบาลก็ทำงานภายใต้ความกดดันอยู่แล้ว
ด้าน พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยกระดับการปฏิบัติหน้าที่ หลังพบกลุ่มมือที่ 3 ใช้กำลัง และอาวุธทำร้ายเจ้าหน้าที่ โดยให้เพิ่มชุดคุ้มกัน พร้อมอาวุธประจำกาย ดูแลชุดตรวจค้น หรือด่านตรวจ ด่านสกัดต่างๆ พร้อมอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจ ทหาร ใช้อาวุธได้ในกรณีที่จำเป็น หลังจากการแจ้งเตือนด้วยวาจาไม่เป็นผล หรือถูกลอบทำร้าย ซึ่งจะเป็นการป้องกันตัวโดยสมควรแก่เหตุ แต่ไม่ประสงค์ต่อชีวิต
นอก จากนี้ ทางศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพิ่มกำลังดูแลพื้นที่ไม่น้อยกว่า 20 กองร้อย ตั้งแต่แยกราชประสงค์ ถึงสีลม หลังกลุ่มคนเสื้อแดงประกาศขยายพื้นที่การชุมนุม จึงมีการเพิ่มความเข้ม 7 จุดสำคัญในบริเวณดังกล่าว อาทิ แยกอังรีดูนังต์ แยกศาลาแดง ศาลาแดงตัดสาทรเหนือ แยกคอนแวนต์ตัดสาทรเหนือ แยกถนนทรัพย์ตัดสุรวงค์ แยกนราธิวาสตัดสาทรเหนือ และศาลาแดงตัดสีลม รวมถึงบริเวณสถานีรถไฟฟ้าด้วย
ขณะที่การตั้งด่านตรวจต่างๆ ให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด รวมทั้งสกัดกั้นไม่ให้มวลชนเข้าไปในพื้นที่ชุมนุมเพิ่มเติม ตลอดจนเพิ่มความเข้มชุดลาดตระเวน ป้องกันกลุ่มมือที่ 3 และจัดกำลังดูแลตึกสูงต่างๆ อย่างใกล้ชิด.
ทหารติดอาวุธ-เสื้อแดง-เสื้อหลากสี เผชิญหน้ากันที่สีลม
ผู้สื่อข่าวประชาไทได้รายงานว่ามี ทหารติดอาวุธ-เสื้อแดง-เสื้อหลากสี เผชิญหน้ากันที่สีลม 13.00 น. แยกศาลาแดง มีกลุ่มคนเสื้อแดงราว 500-600 คนรวมตัวตั้งเต๊นท์อยู่บริเวณสวนลุมพินี ขณะที่บนสะพานลอยมีทหารประจำการราว200 นาย ติดอาวุธบรรจุแม็กกาซีนพร้อม ทั้ง M 16 และปืนลูกซอง ส่วนฝั่งห้างโรบินสัน มีกลุ่มคนเสื้อหลากสีราว 500 คน พร้อมรถลำโพงรวมตัวกันเปิดเพลงหนักแผ่นดิน เพลงชาติ เพลงสรรเสริญพระบารมี สถานการณ์ยังเป็นไปโดยปกติยังไม่มีเหตุการณ์ตึงเครียดก่อนคนเสื้อชมพูจะสลายตัวไป จนกระทั่ง14.00 น.ยังคงมีคนเสื้อชมพูบางส่วนอยู่บริเวณดังกล่าว และมีเหตุชุลมุนเล็กน้อยเมื่อมีบางคนเดินเข้าไปใกล้กลุ่มคนเสื้อแดงแล้วตะโกนว่าคนเสื้อแดงถูกจ้างมา ทำให้เกิดเหตุชุลมุนเล็กน้อยโดยการ์ดและตำรวจได้เข้ามากันคนทั้งสองกลุ่มออกจากกัน
การ์ดเสื้อแดงเผชิญหน้ากับทหารปืดทางเข้าสีลม - ทหารเคลื่อนชิงพื้นที่สีลมต้านแดงบุก
ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 19 เมษายน กลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนกว่า 1,000 คน ได้มารวมตัวกันอยู่ที่ ลานพระบรมรูปรัชกาลที่ 6 หน้าสวนลุมพินี ติดกับแยกศาลาแดง ถ.สีลม ตัดกับ ถ.พระราม 4 เพื่อจะเคลื่อนพลเข้าถนนสีลม แต่ถูกกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 4 กองร้อย ปิดล้อมไว้ที่แยกศาลาแดง ช่วงหน้าโรงแรมดุสิตธานี เพื่อกันไม่ให้กลุ่มคนเสื้อแดงเคลื่อนพลเข้าถนนสีลมได้ ซึ่งทั้งสองฝ่ายอยู่ห่างกันแค่ 100 เมตร และต่างดูท่าที่กันอยู่และยังไม่มีการปะทะหรือการสลายชุมนุมแต่อย่างใด
นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ ทหารสังกัดกองพลทหารม้าที่ 27 รักษาพระองค์ จำนวน 5 กองร้อย พร้อมอาวุธครบมือ เดินทางเข้าประจำการ ด้านหน้าธนาคารกรุงเทพ ถนนสีลม พร้อมทั้งเข้าประจำภายในสวนลุมพินี ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง เตรียมถังแก็ส วางไว้โดยรอบสวนลุมพินี
จากนั้นเวลา 04.10 น. วันที่ 19 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบริเวณสวนลุมพินี ใกล้กับอนุสาวรี ร.6 ได้มีกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง มาปักหลักอยู่จำนวนหนึ่ง โดยแถวหน้ามีการ์ดวางกำลังอย่างหนาแน่น พร้อมทั้งมีแกนนำคอยพูดปราศรัยบนเวทีให้พี่น้องเสื้อแดงระมัดระวังตัวให้มาก ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารจำนวนหนึ่งวางกำลังอยู่บนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีศาลาแดง เพื่อควบคุมสถานการณ์ไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงเคลื่อนขบวนไปยังย่าน ธุรกิจถนนสีลม
ศอฉ. สั่งตร.คุมสีลมเต็มอัตราลั่นการ์ด นปช.ประกบ จนท.ไม่ได้
เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 18 เมษายน ที่ ศฮฉ. นายปณิธาน วัฒนายากร ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมศอฉ.รอบค่ำ ว่า นายสุเทพ เป็นประธานการประชุม มีผบ.เหล่าทัพ รักษาราชการแทนผบ.ตร. เข้าร่วม หารือเรื่องการขยายพื้นที่การชุมนุมที่กลุ่มชุมนุมที่ราชประสงค์จะขยาย พื้นที่ชุมนุม โดยศอฉ.มีแนวทางชัดเจนว่า จะไม่ให้มีการขยายพื้นที่ไปในบริเวณอื่น โดยจะมีการแจ้งเตือนล่วงหน้า และการเตรียมการมอบหมายให้ตำรวจดำเนินการดูแลควบคุมไม่ให้มีการขยายพื้นที่ ไปบริเวณอื่น ต้องขอทำความเข้าใจกับประชาชนว่า รัฐบาลต้องการให้สถานการณ์ไม่ขยายตัวไปพื้นที่อื่นและจะมีการดำเนินการอย่าง จริงจัง โดยเฉพาะบริเวณถนนสีลม แต่ไม่อยากให้มีการเผชิญหน้า ตึงเครียด ขอให้ทุกฝ่ายร่วมมือกับรัฐ ผู้ชุมนุมให้รักษากฎเกณฑ์กติกา ไม่อยากให้มีการดำเนินการมาตรการต่างๆ และการส่งการ์ดประกบเจ้าหน้าที่รัฐบนตึกสูงนั้นปกติประชาชนธรรมดาไม่สามารถ ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้ เพราะผิดกฎหมาย ทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานไม่ถนัด แต่ถ้ากลุ่มชุมนุมมีความกังวลก็ร้องมาได้ จะได้หาทางสร้างความมั่นใจให้ต่อไป
ตั้งด่านเข้มได้ผล ตั้งข้อหาไปเพียบ
นายปณิธานกล่าวว่า นอกจากนี้ศอฉ.รับทราบการดำเนินการของตำรวจในหลายพื้น ที่มีการตั้งจุดตรวจด่านตรวจเพื่อตรวจตราการชุมนุม มีการตรวจยึดรถและดำเนินคดีบุคคลที่จะเข้ามาชุมนุมในหลายด่าน ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ศอฉ. จะดำเนินการเคร่งครัดเข้มข้นตามด่านต่างๆเพื่อไม่ให้บุคคลที่ตั้งใจจะเข้ามา ทำผิดกฎหมายผ่านด่าน วันนี้หลายด่านมีการตั้งข้อกล่าวหาบุคคลที่ทำผิดแล้ว โดยใช้กฎหมายจราจร และการเข้าข่ายผิดพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งหากตรวจวัตถุประสงค์หากเดินทางมาชุมนุมในพื้นที่มีการประกาศจะถือว่า มีความผิด โดยจะแจ้งว่าเป็นพื้นที่ไม่อนุญาตให้เข้า และลงบันทึกชื่อบุคคลไว้ เป็นมาตรการปกติของศอฉ.
สุเทพ สั่งรร.โดยรอบห้ามให้ที่พัดพิงแกนนำฝ่าฝืนจะใช้กฎหมายบังคับ
นายปณิธานกล่าวว่า นอกจากนี้นายสุเทพให้ความสำคัญให้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการทั้งหลาย ทั้งโรงแรมที่พักต่างๆ ช่วยกันสอดส่องให้ร่วมมือเจ้าหน้าที่ว่าบุคคลที่เข้าพักเป็นกลุ่มคนที่มี หมายจับหรือทำผิดกฎหมายหรือไม่ โดยเฉพาะพื้นที่ ราชประสง ประตู้น้ำ ปทุมวัน และใกล้เคียง และหากฝ่าฝืนก็จะมีกฎหมายเข้าไปดูแล”นายปณิธานระบุ
ชี้หลากสีชุมนุมไม่ผิด พ.ร.ก. เพราะไม่กระทบความมั่นคงชาติ
นายปณิธานกล่าถึงการประเมินสถานการณ์ขณะนี้ของศอฉ.ว่า ศอฉ.ยังให้น้ำหนังการชุมนุมในพื้นที่ราชประสงค์และพื้นที่ที่จะออกไปข้างนอก เป็นหลักเพื่อดูแล เพราะการเคลื่อนไหวต่อจากนี้นปช.จะไม่ยอมบอกว่าจะไปที่ไหน ผิดกับก่อนหน้านี้ที่จะมีการประสานมาก่อน ดังนั้นเข้าหน้าที่ต้องคาดเดาให้ออกและจะต้องเคลื่อนที่เข้าดูแลได้อย่างรวด เร็ว ส่วนกรณีพรรคเพื่อไทยจี้รัฐบาลจัดการการชุมนุมของม็อบหลากสีที่เป็นการผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น การประกาศ พ.ร.ก.ใช้สำหรับการชุมนุมที่กระทบความมั่นคงรัฐและชีวิตประชาชน ดังนั้นหากเป็นการชุมนุมที่ไม่กระทบเงื่อนไขก็ดำเนินการได้ ส่วนการชุมนุมของเสื้อแดงนั้นถือว่ากระทบชัดเจน
ขนตำรวจปราบจลาจลภาค 9 จากสงขลา 155 นายเสริมทัพ กทม.
พ.ต.อ.สุนทร เฉลิมเกียรติ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา เป็นประธานในการปล่อยแถวชุดกองร้อยควบคุมฝูงชน กองร้อยที่ 2 กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา จำนวน 155 นาย ที่ออกเดินทางเข้ากรุงเทพมหานคร เพื่อสับเปลี่ยนกำลังในการสนับสนุนการรักษาความสงบเรียบร้อย ในช่วงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงใน กทม. ภายใต้การควบคุมดูแลของ พ.ต.อ.อนิรุทธ์ อิ่มอาบ ผกก.สภ.คอหงส์ โดยได้เน้นย้ำไม่ให้ชุดควบคุมฝูงชนพกพาอาวุธ และให้อยู่ในระเบียบวินัยปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาอย่างเคร่งครัด
สำหรับ ชุดกองร้อยควบคุมฝูงชน ในพื้นที่จังหวัดสงขลามีทั้งหมด 5 กองร้อย รวมทั้ง ของตำรวจภูธรภาค 9 อีก 1 กองร้อย ที่ช่วยเสริมและสนับสนุนกำลังชุดควบคุมฝูงชนของจังหวัด แต่ละจังหวัดในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 9 ขณะนี้ ชุดกองร้อยควบคุมฝูงชนตำรวจภูธรภาค 9 ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่กรุงเทพมหานคร และกองร้อยควบคุมฝูงชน กองร้อยที่ 2 ที่กำลังออกเดินทางในวันนี้ จะไปทำการสับเปลี่ยนกำลัง
ที่มา.ประชาไท
********************************************
ศอฉ.ให้เจ้าหน้าที่ติดอาวุธอ้างไว้ป้องกันตัว
19 เม.ย. 53 - พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) แถลงผลการประชุม ศอฉ. ช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า การประชุมมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคงในฐานะผู้อำนวยการ ศอฉ. เป็นประธาน โดยมีการเลือกผู้บังคับบัญชาระดับปฏิบัติการเข้าร่วมประชุมเพื่อชี้แจงรายละเอียด ขั้นตอนการปฏิบัติภารกิจของทหารที่ต้องเดินหน้ากับความกดดันกับผู้ชุมนุม ซึ่งมีการกำชับให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามมาตรการ 7 ขั้นตอนเบาไปหาหนักตามสมควรแก่เหตุ ขณะเดียวกันยืนยันว่าเจ้าหน้าที่มีสิทธิ์ ใช้อาวุธ ป้องกันชีวิตของตนเองได้ และ ขอฝากถึงแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ว่าไม่ควรใช้ คนชรา ผู้หญิง และ เด็ก เป็นโล่กำบัง เนื่องจากเป็นเรื่องที่น่าละอาย
อย่างไรก็ตามกรณีที่เจ้าหน้าที่กระทำการบนตึกสูง โดยรอบพื้นที่การชุมนุมนั้นมีความจำเป็นเพื่อป้องกันผู้ก่อการร้าย และไม่มีความจำเป็นต้องขยายพื้นที่ชุมนุมไปยังถนนสีลม เนื่องจากพื้นที่แยกราชประสงค์ เพียงพอกับผู้ชุมนุมอยู่แล้ว และมองว่าเป็นความคิดเห็นของแกนนำเท่านั้น นอกจากนี้ โฆษก ศอฉ. กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ จะเป็นการกดดันการทำงานของเจ้าหน้าที่หรือไม่นั้นเห็นว่าขณะนี้รัฐบาลก็ทำงานภายใต้ความกดดันอยู่แล้ว
ด้าน พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยกระดับการปฏิบัติหน้าที่ หลังพบกลุ่มมือที่ 3 ใช้กำลัง และอาวุธทำร้ายเจ้าหน้าที่ โดยให้เพิ่มชุดคุ้มกัน พร้อมอาวุธประจำกาย ดูแลชุดตรวจค้น หรือด่านตรวจ ด่านสกัดต่างๆ พร้อมอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจ ทหาร ใช้อาวุธได้ในกรณีที่จำเป็น หลังจากการแจ้งเตือนด้วยวาจาไม่เป็นผล หรือถูกลอบทำร้าย ซึ่งจะเป็นการป้องกันตัวโดยสมควรแก่เหตุ แต่ไม่ประสงค์ต่อชีวิต
นอก จากนี้ ทางศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพิ่มกำลังดูแลพื้นที่ไม่น้อยกว่า 20 กองร้อย ตั้งแต่แยกราชประสงค์ ถึงสีลม หลังกลุ่มคนเสื้อแดงประกาศขยายพื้นที่การชุมนุม จึงมีการเพิ่มความเข้ม 7 จุดสำคัญในบริเวณดังกล่าว อาทิ แยกอังรีดูนังต์ แยกศาลาแดง ศาลาแดงตัดสาทรเหนือ แยกคอนแวนต์ตัดสาทรเหนือ แยกถนนทรัพย์ตัดสุรวงค์ แยกนราธิวาสตัดสาทรเหนือ และศาลาแดงตัดสีลม รวมถึงบริเวณสถานีรถไฟฟ้าด้วย
ขณะที่การตั้งด่านตรวจต่างๆ ให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด รวมทั้งสกัดกั้นไม่ให้มวลชนเข้าไปในพื้นที่ชุมนุมเพิ่มเติม ตลอดจนเพิ่มความเข้มชุดลาดตระเวน ป้องกันกลุ่มมือที่ 3 และจัดกำลังดูแลตึกสูงต่างๆ อย่างใกล้ชิด.
ทหารติดอาวุธ-เสื้อแดง-เสื้อหลากสี เผชิญหน้ากันที่สีลม
ผู้สื่อข่าวประชาไทได้รายงานว่ามี ทหารติดอาวุธ-เสื้อแดง-เสื้อหลากสี เผชิญหน้ากันที่สีลม 13.00 น. แยกศาลาแดง มีกลุ่มคนเสื้อแดงราว 500-600 คนรวมตัวตั้งเต๊นท์อยู่บริเวณสวนลุมพินี ขณะที่บนสะพานลอยมีทหารประจำการราว200 นาย ติดอาวุธบรรจุแม็กกาซีนพร้อม ทั้ง M 16 และปืนลูกซอง ส่วนฝั่งห้างโรบินสัน มีกลุ่มคนเสื้อหลากสีราว 500 คน พร้อมรถลำโพงรวมตัวกันเปิดเพลงหนักแผ่นดิน เพลงชาติ เพลงสรรเสริญพระบารมี สถานการณ์ยังเป็นไปโดยปกติยังไม่มีเหตุการณ์ตึงเครียดก่อนคนเสื้อชมพูจะสลายตัวไป จนกระทั่ง14.00 น.ยังคงมีคนเสื้อชมพูบางส่วนอยู่บริเวณดังกล่าว และมีเหตุชุลมุนเล็กน้อยเมื่อมีบางคนเดินเข้าไปใกล้กลุ่มคนเสื้อแดงแล้วตะโกนว่าคนเสื้อแดงถูกจ้างมา ทำให้เกิดเหตุชุลมุนเล็กน้อยโดยการ์ดและตำรวจได้เข้ามากันคนทั้งสองกลุ่มออกจากกัน
การ์ดเสื้อแดงเผชิญหน้ากับทหารปืดทางเข้าสีลม - ทหารเคลื่อนชิงพื้นที่สีลมต้านแดงบุก
ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 19 เมษายน กลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนกว่า 1,000 คน ได้มารวมตัวกันอยู่ที่ ลานพระบรมรูปรัชกาลที่ 6 หน้าสวนลุมพินี ติดกับแยกศาลาแดง ถ.สีลม ตัดกับ ถ.พระราม 4 เพื่อจะเคลื่อนพลเข้าถนนสีลม แต่ถูกกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 4 กองร้อย ปิดล้อมไว้ที่แยกศาลาแดง ช่วงหน้าโรงแรมดุสิตธานี เพื่อกันไม่ให้กลุ่มคนเสื้อแดงเคลื่อนพลเข้าถนนสีลมได้ ซึ่งทั้งสองฝ่ายอยู่ห่างกันแค่ 100 เมตร และต่างดูท่าที่กันอยู่และยังไม่มีการปะทะหรือการสลายชุมนุมแต่อย่างใด
นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ ทหารสังกัดกองพลทหารม้าที่ 27 รักษาพระองค์ จำนวน 5 กองร้อย พร้อมอาวุธครบมือ เดินทางเข้าประจำการ ด้านหน้าธนาคารกรุงเทพ ถนนสีลม พร้อมทั้งเข้าประจำภายในสวนลุมพินี ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง เตรียมถังแก็ส วางไว้โดยรอบสวนลุมพินี
จากนั้นเวลา 04.10 น. วันที่ 19 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบริเวณสวนลุมพินี ใกล้กับอนุสาวรี ร.6 ได้มีกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง มาปักหลักอยู่จำนวนหนึ่ง โดยแถวหน้ามีการ์ดวางกำลังอย่างหนาแน่น พร้อมทั้งมีแกนนำคอยพูดปราศรัยบนเวทีให้พี่น้องเสื้อแดงระมัดระวังตัวให้มาก ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารจำนวนหนึ่งวางกำลังอยู่บนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีศาลาแดง เพื่อควบคุมสถานการณ์ไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงเคลื่อนขบวนไปยังย่าน ธุรกิจถนนสีลม
ศอฉ. สั่งตร.คุมสีลมเต็มอัตราลั่นการ์ด นปช.ประกบ จนท.ไม่ได้
เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 18 เมษายน ที่ ศฮฉ. นายปณิธาน วัฒนายากร ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมศอฉ.รอบค่ำ ว่า นายสุเทพ เป็นประธานการประชุม มีผบ.เหล่าทัพ รักษาราชการแทนผบ.ตร. เข้าร่วม หารือเรื่องการขยายพื้นที่การชุมนุมที่กลุ่มชุมนุมที่ราชประสงค์จะขยาย พื้นที่ชุมนุม โดยศอฉ.มีแนวทางชัดเจนว่า จะไม่ให้มีการขยายพื้นที่ไปในบริเวณอื่น โดยจะมีการแจ้งเตือนล่วงหน้า และการเตรียมการมอบหมายให้ตำรวจดำเนินการดูแลควบคุมไม่ให้มีการขยายพื้นที่ ไปบริเวณอื่น ต้องขอทำความเข้าใจกับประชาชนว่า รัฐบาลต้องการให้สถานการณ์ไม่ขยายตัวไปพื้นที่อื่นและจะมีการดำเนินการอย่าง จริงจัง โดยเฉพาะบริเวณถนนสีลม แต่ไม่อยากให้มีการเผชิญหน้า ตึงเครียด ขอให้ทุกฝ่ายร่วมมือกับรัฐ ผู้ชุมนุมให้รักษากฎเกณฑ์กติกา ไม่อยากให้มีการดำเนินการมาตรการต่างๆ และการส่งการ์ดประกบเจ้าหน้าที่รัฐบนตึกสูงนั้นปกติประชาชนธรรมดาไม่สามารถ ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้ เพราะผิดกฎหมาย ทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานไม่ถนัด แต่ถ้ากลุ่มชุมนุมมีความกังวลก็ร้องมาได้ จะได้หาทางสร้างความมั่นใจให้ต่อไป
ตั้งด่านเข้มได้ผล ตั้งข้อหาไปเพียบ
นายปณิธานกล่าวว่า นอกจากนี้ศอฉ.รับทราบการดำเนินการของตำรวจในหลายพื้น ที่มีการตั้งจุดตรวจด่านตรวจเพื่อตรวจตราการชุมนุม มีการตรวจยึดรถและดำเนินคดีบุคคลที่จะเข้ามาชุมนุมในหลายด่าน ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ศอฉ. จะดำเนินการเคร่งครัดเข้มข้นตามด่านต่างๆเพื่อไม่ให้บุคคลที่ตั้งใจจะเข้ามา ทำผิดกฎหมายผ่านด่าน วันนี้หลายด่านมีการตั้งข้อกล่าวหาบุคคลที่ทำผิดแล้ว โดยใช้กฎหมายจราจร และการเข้าข่ายผิดพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งหากตรวจวัตถุประสงค์หากเดินทางมาชุมนุมในพื้นที่มีการประกาศจะถือว่า มีความผิด โดยจะแจ้งว่าเป็นพื้นที่ไม่อนุญาตให้เข้า และลงบันทึกชื่อบุคคลไว้ เป็นมาตรการปกติของศอฉ.
สุเทพ สั่งรร.โดยรอบห้ามให้ที่พัดพิงแกนนำฝ่าฝืนจะใช้กฎหมายบังคับ
นายปณิธานกล่าวว่า นอกจากนี้นายสุเทพให้ความสำคัญให้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการทั้งหลาย ทั้งโรงแรมที่พักต่างๆ ช่วยกันสอดส่องให้ร่วมมือเจ้าหน้าที่ว่าบุคคลที่เข้าพักเป็นกลุ่มคนที่มี หมายจับหรือทำผิดกฎหมายหรือไม่ โดยเฉพาะพื้นที่ ราชประสง ประตู้น้ำ ปทุมวัน และใกล้เคียง และหากฝ่าฝืนก็จะมีกฎหมายเข้าไปดูแล”นายปณิธานระบุ
ชี้หลากสีชุมนุมไม่ผิด พ.ร.ก. เพราะไม่กระทบความมั่นคงชาติ
นายปณิธานกล่าถึงการประเมินสถานการณ์ขณะนี้ของศอฉ.ว่า ศอฉ.ยังให้น้ำหนังการชุมนุมในพื้นที่ราชประสงค์และพื้นที่ที่จะออกไปข้างนอก เป็นหลักเพื่อดูแล เพราะการเคลื่อนไหวต่อจากนี้นปช.จะไม่ยอมบอกว่าจะไปที่ไหน ผิดกับก่อนหน้านี้ที่จะมีการประสานมาก่อน ดังนั้นเข้าหน้าที่ต้องคาดเดาให้ออกและจะต้องเคลื่อนที่เข้าดูแลได้อย่างรวด เร็ว ส่วนกรณีพรรคเพื่อไทยจี้รัฐบาลจัดการการชุมนุมของม็อบหลากสีที่เป็นการผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น การประกาศ พ.ร.ก.ใช้สำหรับการชุมนุมที่กระทบความมั่นคงรัฐและชีวิตประชาชน ดังนั้นหากเป็นการชุมนุมที่ไม่กระทบเงื่อนไขก็ดำเนินการได้ ส่วนการชุมนุมของเสื้อแดงนั้นถือว่ากระทบชัดเจน
ขนตำรวจปราบจลาจลภาค 9 จากสงขลา 155 นายเสริมทัพ กทม.
พ.ต.อ.สุนทร เฉลิมเกียรติ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา เป็นประธานในการปล่อยแถวชุดกองร้อยควบคุมฝูงชน กองร้อยที่ 2 กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา จำนวน 155 นาย ที่ออกเดินทางเข้ากรุงเทพมหานคร เพื่อสับเปลี่ยนกำลังในการสนับสนุนการรักษาความสงบเรียบร้อย ในช่วงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงใน กทม. ภายใต้การควบคุมดูแลของ พ.ต.อ.อนิรุทธ์ อิ่มอาบ ผกก.สภ.คอหงส์ โดยได้เน้นย้ำไม่ให้ชุดควบคุมฝูงชนพกพาอาวุธ และให้อยู่ในระเบียบวินัยปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาอย่างเคร่งครัด
สำหรับ ชุดกองร้อยควบคุมฝูงชน ในพื้นที่จังหวัดสงขลามีทั้งหมด 5 กองร้อย รวมทั้ง ของตำรวจภูธรภาค 9 อีก 1 กองร้อย ที่ช่วยเสริมและสนับสนุนกำลังชุดควบคุมฝูงชนของจังหวัด แต่ละจังหวัดในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 9 ขณะนี้ ชุดกองร้อยควบคุมฝูงชนตำรวจภูธรภาค 9 ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่กรุงเทพมหานคร และกองร้อยควบคุมฝูงชน กองร้อยที่ 2 ที่กำลังออกเดินทางในวันนี้ จะไปทำการสับเปลี่ยนกำลัง
ที่มา.ประชาไท
********************************************
"จิ๋ว-สมชาย" ขอเฝ้าในหลวงหยุดปัญหาขัดแย้ง
พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ ร่วมกันแถลง นายสมชาย แถลงว่า ในฐานะอดีตนายกฯ ขอออกแถลงการณ์ต่อสถานการณ์ที่เกิดความแตกแยกในสังคม เกิดวิกฤติทางการเมืองในขณะนี้ว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลหยุดใช้ความรุนแรง ต่อผู้ชุมนุม รัฐบาลต้องรับประกันว่า จะไม่มีผู้เสียชีวิตอีก และควรยุบสภาในทันที
ขณะที่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า นอกจากข้อเสนอแนะของตนและนายสมชาย ที่มองว่าจะเป็นทางออกของปัญหาในขณะนี้ ตนยังมีความหวังที่เห็นจะเป็นทางออกเดียวของบ้านเมือง คือ การที่จะขอรับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณที่จะเข้ามาหยุดความสูญเสียและปัญหาของบ้านเมือง ทั้งนี้ ตนได้มีความพยายามที่จะประสานไปยัง ท่านราชเลขาธิการ เพื่อขอเข้าเฝ้า
ที่มา.เนชั่นทันข่าว
****************************************************
ขณะที่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า นอกจากข้อเสนอแนะของตนและนายสมชาย ที่มองว่าจะเป็นทางออกของปัญหาในขณะนี้ ตนยังมีความหวังที่เห็นจะเป็นทางออกเดียวของบ้านเมือง คือ การที่จะขอรับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณที่จะเข้ามาหยุดความสูญเสียและปัญหาของบ้านเมือง ทั้งนี้ ตนได้มีความพยายามที่จะประสานไปยัง ท่านราชเลขาธิการ เพื่อขอเข้าเฝ้า
ที่มา.เนชั่นทันข่าว
****************************************************
ชายวัย 40 ชกต่อยเสื้อแดงหน้าสวนลุม
เมื่อเวลา 14.00 น. มีชายฉกรรจ์ อายุประมาณ 40 ปีเศษ สวมเสื้อยือคอกรมสีขาว กางเกงยีนสีน้ำเงิน ได้วิ่งข้ามถนนจากหน้าโรงแรมดุสิต ตรงมาที่บริเวณหน้าสวนลุมพินี ซึ่งมีกลุ่มคนเสื้อแดงปักหลักอยู่ พร้อมทั้งด่าทอด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย ทำให้คนเสื้อแดงรุมเข้าทำร้ายจึงมีการชกต่อยกันอยู่ครู่หนึ่ง แต่เมื่อชายคนดังกล่าวเห็นว่า เสื้อแดงเริ่มมาสมทบกันมากขึ้น จึงรีบวิ่งมาอยู่บริเวณเกาะกลางถนนซึ่งคนเสื้อแดงก็ไม่ได้วิ่งตามมาแต่อย่างใด เพราะกลัวว่า จะถูกล่อให้ออกจากที่ชุมนุม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นไม่นานชายคนดังกล่าวได้ข้ามถนนกลับไปที่หน้าสวมลุมพินีอีกและเดินเข้าไปในบริเวณสวนลุม ทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงวิ่งตามเข้าไป ชายคนดังกล่าวจึงรีบวิ่งเข้าภายในภายอาคารกีฬาภายในศูนย์เยาวชนลุมพินี ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งกองกำลังรักษาการอยู่ เมื่อคนเสื้อแดงเห็นดังนั้นจึงได้ต่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ทำไมถึงยอมให้ชายคนดังกล่าวเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในนั้น จากนั้น การ์ดนปช.ได้วิ่งเข้าไปเรียกให้กลุ่มคนเสื้อแดงกับเข้าสู่ที่ตั้งโดยระบุว่า อาจเป็นแผนลวงของรัฐบาลที่ต้องการจะจับคนเสื้อแดง
ที่มา.เนชั่นทันข่าว
**********************************************
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นไม่นานชายคนดังกล่าวได้ข้ามถนนกลับไปที่หน้าสวมลุมพินีอีกและเดินเข้าไปในบริเวณสวนลุม ทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงวิ่งตามเข้าไป ชายคนดังกล่าวจึงรีบวิ่งเข้าภายในภายอาคารกีฬาภายในศูนย์เยาวชนลุมพินี ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งกองกำลังรักษาการอยู่ เมื่อคนเสื้อแดงเห็นดังนั้นจึงได้ต่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ทำไมถึงยอมให้ชายคนดังกล่าวเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในนั้น จากนั้น การ์ดนปช.ได้วิ่งเข้าไปเรียกให้กลุ่มคนเสื้อแดงกับเข้าสู่ที่ตั้งโดยระบุว่า อาจเป็นแผนลวงของรัฐบาลที่ต้องการจะจับคนเสื้อแดง
ที่มา.เนชั่นทันข่าว
**********************************************
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)