--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันจันทร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2553

เพลง หยุดก่อน

ศิลปิน คาราวาน


หยุดก่อน คุณทหาร คุณตำรวจ
หยุดสวด หยุดบรรเลง เพลงศึก
มาเถิดดื่ม น้ำเย็น จากบ่อลึก
ผนึก หัวใจ ไตร่ตรอง

ลูกกระสุน ของใคร แล่นไปฆ่า
ผู้ที่ตาย วายชีวา มีเจ้าของ
เราฆ่ากัน เพื่อไทย เลือดไหลนอง
แต่ศึกต้อง ยืดเยื้อ นี้เพื่อใคร

หยุดก่อน นักการเมือง ผู้เปรื่องปราด
ความฉลาด ความโกง ช่างโปร่งใส
คุณไม่เคย ลำบาก จนยากไร้
แต่ปากคุณ เอาใจ คนยากจน

หยุดก่อน หยุดก่อน หยุดก่อน
หยุดก่อน หยุดเอาไว้ สักหน
คุณอิ่มหมี พีมัน พัลวน
แต่ใครทน ทุกข์ไถ อยู่ใกล้คุณ

หยุดก่อน นายทุน ผู้โกยกอบ
คุณมีเงิน เป็นกระสอบ ต่างสมุน
ไม่รู้จักพอ เพราะเป็นนายทุน
เลือดคุณ ล้นอยาก ความมากมี

ความเป็นคน ย่อยยับ และยับย่อย
เพราะคุณคอย รีดนา ดั่งทาสี
คุณไม่รู้ คุณไม่รู้ อยู่ดี เพราะคุณมี ความสบาย ดั่งนายคน

หยุดก่อน ประชาชน ผู้ขมขื่น
ดาบหอก กระบอกปืน นั้นคือหน
สุดท้าย ที่ท่าน มั่นใจตน
เราจะฝ่า เราจะทน เราจะไป

หยุดก่อน หยุดก่อน หยุดก่อน
หยุดก่อน หยุดก่อน หยุดเอาไว้
มาเถิดดื่ม น้ำเย็น จากบ่อใส
ผนึก หัวใจ ไตร่ตรอง

ศาลแพ่งรับคดีพท.ร้องนายกฯ-ครม.ตัดสัญญาณพีทีวี

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 19 เม.ย. ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย พร้อมทนายความ เดินทางมาที่ศาลเพื่อเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง คณะรัฐมนตรี (ครม.),นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เป็นจำเลยที่ 1 - 3 เรื่องละเมิด ขอให้เพิกถอนคำสั่งตัดสัญญาณแพร่ภาพสถานีโทรทัศน์พีเพิลชาแนล (พีทีวี)

ตามคำฟ้องระบุว่า โจทก์เป็นผู้บริโภคข่าวสารทางสถานีโทรทัศน์พีเพิลชาแนล ที่แพร่ภาพออกอากาศจากบริษัท ไทยคม จำกัด สถานีดังกล่าวมีสถานะเป็นสื่อมวลชน ต่อมาวันที่ 7 เม.ย. นายอภิสิทธิ์ จำเลยที่ 2 ได้ประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 จากนั้นวันที่ 8 เม.ย. เจ้าหน้าที่ทหารประมาณ 2,000 คน ได้รับคำสั่งจาก ศอฉ. ไปปิดล้อมและเข้าไปภายในอาคารสถานีดาวเทียมไทยคม อำเภอลาดหลุดแก้ว จังหวัดปทุมธานี โดยไม่แสดงหมายค้น และไม่ได้แสดงตน แต่ได้สั่งการลักษณะบังคับขู่เข็ญให้เจ้าหน้าที่สถานีไทยคม ระงับยุติการส่งสัญญาณให้สถานีพีเพิลชาแนล โดยทันที ต่อมาได้มีการตัดสัญญาณแพร่ภาพออกอากาศในทุกระบบ และมีการตัดสัญญาณแพร่ภาพอีกครั้งวันที่ 10 เม.ย.53 หลังจากกลุ่มผู้ชุนนุม นปช.ได้รวมตัวกันเข้าไปในอาคารเพื่อให้มีการเชื่อมต่อสัญญาณ เมื่อวันที่ 9 เม.ย. ซึ่งสถานีพีเพิลชาแนลไม่สามารถแพร่ภาพได้จนปัจจุบัน ทำให้โจทก์และประชาชนที่รับชมข่าวสารจากสถานีโทรทัศน์พีเพิลชาแนล ได้รับความเสียหาย โดยคำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย เป็นการละเมิดต่อเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ตามมาตรา 45 ของรัฐธรรมนูญ ปี 50 และเป็นการละเมิดสิทธิการรับรู้ข้อมูลข่าวสารตามมาตรา 61

โจทก์จึงขอให้ศาลยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงของนายอภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรี จำเลยที่ 2 ที่กระทำโดยความเห็นชอบของครม. จำเลยที่ 1 เมื่อวันที่ 7 เม.ย.53 และคำสั่งต่างๆ ที่ออกโดยประกาศดังกล่าว และขอให้ศาลยกเลิกคำสั่งของนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ที่สั่งยุติการแพร่ภาพออกอากาศสถานีโทรทัศน์พีเพิลชาแนล โดยให้นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ สั่งห้ามหน่วยงานของรัฐ กระทำการที่จะเป็นอุปสรรคต่อการออกอากาศ สถานีโทรทัศน์พีเพิลชาแนล รวมทั้งให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ สั่งระงับ หรือตัดสัญญาณ ออกอากาศสถานีโทรทัศน์พีเพิลชาแนล โดยมีคำสั่งให้จำเลยทั้งสอง และหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องสั่งเชื่อมต่อสัญญาณแพร่ภาพ นับตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ ศาลได้รับคำฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำที่ 1389/2553

ที่มา.ข่าวสดออนไลน์
********************************************

อดีตปธ.สมานฉันท์เตือนนายกฯอย่าใช้กำลังทหารแก้ปัญหา

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 19 เม.ย. ที่รัฐสภา นายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี อดีตประธานคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงทางออกจากสถานการณ์ความขัดแย้งในปัจจุบัน ว่า เวลานี้เป็นปัญหาการเมืองจึงต้องแก้ด้วยการเมืองตามที่ผบ.ทบ.เคยพูด จึงอย่าใช้กำลังทหารแก้ ฉะนั้นรัฐบาลต้องตั้งสติให้ดี และวิเคราะห์สถานการณ์ให้ออก โดยถ้าใช้มาตรการที่ใช้อยู่ในขณะนี้ จะนำไปสู่ความรุนแรงเกิดสงครามระหว่างประชาชน ณ เวลานี้ คนที่มาชุมนุม ไม่ได้ทำเพื่อพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ แต่มาชุมนุมเพราะอุดมการณ์ประชาธิปไตยและความไม่เป็นธรรมที่ได้รับ ตรงนี้รัฐบาลต้องมองให้ออกว่า ผู้มาชุมนุมไม่ได้มีเจตนาก่อการร้าย ส่วนเรื่องกองกำลังไม่ทราบฝ่ายในวันที่ 10 เมษายน ฝ่ายทหารต้องไปวิเคราะห์เอง แต่อย่าไปเหมารวมกับผู้ชุมนุม เพราะถ้าใช้กำลังปราบ ถามว่าจะปราบทั้งประเทศหมดหรือ หากมีเสียงปืนดังขึ้นแม้ทหารอาจจะชนะในตอนนี้ แต่ปัญหาไม่จบ อาจจะเจอการก่อความรุนแรงทุกจังหวัด แล้วผู้คนจะอยู่กันอย่างไร ทำให้ยิ่งเป็นปัญหาระยาว ตนเกรงว่า จะกลายเป็น 3 จังหวัดภาคใต้ไปทั่วประเทศ

นายดิเรก กล่าวว่า ตอนนี้รัฐบาลอย่างใช้ความรุนแรงเป็นอันขาด และขั้นแรกต้องถอนทหารออกจากพื้นที่ และยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน แล้วเปิดเจรจาให้ได้ โดยรัฐบาลต้องลดเงื่อนไขทุกเรื่องให้ยอมกันให้ได้ นอกจากนี้ ปกติประเทศประชาธิปไตย หากถึงทางตันก็ยุบสภา แต่ก่อนจะถึงทางตันต้องเจรจากันเป็นระยะ ถ้าไม่ได้ผลจริงๆก็ต้องยุบ แม้เลือกตั้งใหม่รัฐบาลใหม่อยู่ไม่นานแล้วต้องยุบอีก ภาวะแบบนี้จะเกิดขึ้นในช่วงเปลี่ยนผ่านการเมือง แต่สุดท้ายก็จะลงตัวเอง และรัฐบาลต้องทบทวนเรื่องเสรีนิยมประชาธิปไตย และปัญหาเรื่องสองมาตรฐานในเรื่องใหญ่ๆ และหยุดใช้สื่อของรัฐปลุกระดม


ที่มา.ข่าวสดออนไลน์
***********************************************

ศอฉ.ขอความร่วมมือโรงแรมย่านราชประสงค์ ประตูน้ำ ปทุมวันห้ามให้ที่พักพิงแก่แกนนำเสื้อแดง

นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ขอความร่วมมือกับกลุ่มผู้ประกอบการโรงแรมบริเวณย่านราชประสงค์ ประตูน้ำ ปทุมวัน ห้ามให้ที่พักพิงแก่บุคคลที่ถูกออกหมายจับและหมายเรียก โดยเฉพาะแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งหากพบมาพักก็ขอให้แจ้งข้อมูลกับเจ้าหน้าที่รัฐ มิฉะนั้น ผู้ประกอบการจะมีความผิดฐานให้ที่พักพิงแก่บุคคลที่มีหมายจับ

ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ขณะที่บุคคลที่ถูก ศอฉ. ออกหมายเรียกให้มารายงานตัวและให้ข้อมูลที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ขณะนี้มีมารายงานตัวแล้วจำนวน 21 คนส่วนที่ยังไม่มารายงานตัว ทาง ศอฉ. จะทำการสอบทะเบียนประวัติก่อนที่จะออกหมายเรียกเป็นครั้งที่ 2 และหากยังไม่มารายงานตัวอีกก็จะออกหมายจับต่อไป


ที่มา.ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
**********************************************

แดงระดม2แสน บุก20เมย. ศอฉ.คุมตึกสูง

ย้ำไม่ให้เคลื่อนเด็ดขาด ด่านจับแล้วรถเข้ากรุง "เสี่ยเพ้ง"โผล่รายงานตัว โต้ไม่เกี่ยว"ท่อน้ำเลี้ยง" "เหลือง"ผุดม็อบ-ขีด7วัน

รปภ.เข้ม - การชุมนุมของเสื้อแดงที่ราชประสงค์ ยังคงมีผู้มาร่วมอย่างหนาแน่น โดยการ์ดได้ใช้ไฟส่องไปตามตึกสูงรอบๆ เพื่อรักษาความปลอดภัยให้แกนนำที่ขึ้นปราศรัย


แกนนำนปช.ประกาศแล้ว จะเคลื่อนม็อบครั้งใหญ่ 20 เม.ย. อยู่ระหว่างระดมคนจากตจว.ให้ได้ถึง 2 แสน หางแถวยาวถึงสีลมโดยอัตโนมัติ ทั้งฟุ้งจะปิดเกมด้วยการบุก"ราบ 11"ด้วย เผยไม่ยอมให้จนท.ขึ้นตึกสูงข้างเดียว จะส่งการ์ดม็อบไปประกบด้วย เพื่อความปลอดภัยของผู้ชุมนุม ทางด้านศอฉ.มอบหมายผบก.น.5 กับ 6 คุมทีมดูแลตึกสูงรอบพื้นที่ราชประสงค์ ขณะที่มาตรการตรวจด่านเข้มข้นก็สกัดจับรถเสื้อแดงที่กำลังเข้ากรุงได้ แต่ก็เกิดผลกระทบรถบนถนนสายเอเชียที่กลับจากสงกรานต์พอดีติดวินาศ ม็อบเสื้อเหลืองเริ่มแล้ว ขีดเส้นรัฐบาลต้องปราบผู้ก่อการร้ายในม็อบแดงภายใน 7 วัน มิฉะนั้น ม็อบเสื้อเหลืองจะลุยเอง "จำลอง" ลั่นกร้าวถ้างานนี้เอาประเทศไม่อยู่จะไม่เลิกรา ขณะที่ม็อบหลากสียังชุมนุมต่อเนื่องเป็นวันที่ 6 ที่อนุสาวรีย์ชัยฯ มีคนแห่มาร่วมเพิ่มขึ้น "เสี่ยเพ้ง"โผล่รายงานตัวที่ราบ 11 โต้เปล่าเป็นท่อน้ำเลี้ยงคนเสื้อแดง แต่เห็นใจ

-ญาติคนตายด่ามาร์คใจดำ

เมื่อวันที่ 18 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช) ที่ราชประสงค์ว่า ช่วงเช้ามีจำนวนผู้ชุมนุมบางตา เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด ส่วนใหญ่พักผ่อนอยู่ตามที่พัก บางส่วนหลบแดดอยู่ตามร่มไม้ ขณะที่บนเวทีแกนนำสับเปลี่ยนขึ้นปราศรัยอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้คนเสื้อแดงยังไม่มีการเคลื่อน ไหวใดๆ รอให้พ้นช่วงเทศกาลสงกรานต์ไปก่อน

เวลา 10.00 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. นำครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ 10 เม.ย. คือครอบครัวนายบุญธรรม ทองผุย อายุ 46 ปี ช่างไฟฟ้า คนเสื้อแดงที่เสียชีวิตบริเวณสี่แยกคอกวัว โดยนางศุภารัตน์ ภรรยาผู้ตาย ระบุว่า แม้ครอบครัวลำบากยากจน แต่มีความสุขดี สามีเคยเป็นทหารผ่านศึกมาก่อน มาม็อบทุกวัน พาลูกชายคนเล็กมานอนถึงเช้า วันเกิดเหตุ สามีเขียนข้อความลาให้กับลูกชายก่อนออกไปร่วมชุมนุม จากนั้นตนไม่ได้คุยกับสามีอีกเลย ทราบข่าวอีกครั้งเช้าวันที่ 12 เม.ย. เพื่อนบ้านที่ดูโทรทัศน์บอกว่าสามีเสียชีวิตแล้ว ถูกยิงที่ศีรษะ อยากขอความช่วยเหลือจากทุกฝ่าย เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดจากคนใจดำ ขอให้นายอภิสิทธิ์หยุดเพียงแค่นี้ อย่าให้อีกหลายชีวิตต้องสังเวยเพื่อนายอภิสิทธิ์คนเดียว นายอภิสิทธิ์อายุเท่าไร ต้องมีคนมาคอยสอนคอยตัดสินใจ พูดคำเดียวว่ายุบสภาเป็นหรือไม่

-ณัฐวุฒิประกาศเคลื่อน20เม.ย.

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ผู้มีอำนาจควรยอมรับว่าเอาอาวุธสงครามมาปราบปรามประชาชนในช่วงกลางคืน สุดท้ายเกิด เหตุการณ์ร้ายแรงที่สุดในรอบ 18 ปี ที่ไม่เคยมีรัฐบาลไหนใช้วิธีการแบบนี้มาก่อน ทราบข่าวจากนายทหารแตงโมว่าการแจกจ่ายอาวุธปืนลูกซอง โดยระดมจากจังหวัดต่างๆ ผ่านกระทรวงมหาดไทย กระจายไปที่ พล ร.2 จำนวน 1,000 กระบอก ไปที่ พล 9 กาญจนบุรี 500 กระบอก พล ม.2 จำนวน 500 กระบอก พล ปตอ. 500 กระบอก พล 1 จำนวน 500 กระบอก และกระจายไปยังที่อื่นๆ อีกรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 3,500 กระบอก นอกจากนี้ยังจัดกำลังส่วนหนึ่งไปซ้อมยิงด้วย สิ่งเหล่านี้คือความพยายามของนายอภิสิทธิ์เพื่อจัดการกับประชาชนมือเปล่า นอกจากนี้ยังมีการส่งฉก.90 มาปะปนกับผู้ชุมนุม ใช้เงินสดซื้อรถยนต์มือ 2 จำนวน 6 คัน ทั้งรถเก๋งและรถกระบะเพื่อใช้ชิงตัวแกนนำ

นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า แกนนำนปช. เห็นตรงกันว่าวันที่ 20 เม.ย. จะระดมพลครั้งใหญ่เพื่อขับไล่นายอภิสิทธิ์ คนเสื้อแดงทั่วประเทศทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดจะรวมตัวกันที่แยกราชประสงค์ เป็นยุทธการรวมพลแดงทั่วไทย ไล่ทรราช มือเปื้อนเลือด จะเคลื่อนไปที่ใดหรือไม่ จะประกาศอีกครั้ง ส่วนแกนนำเสนอให้ตั้งเวทีปราศรัยที่หน้าธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ ถนนสีลมนั้น ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน แต่วันที่ 20 เม.ย.เป็นไปได้ที่จะเคลื่อนขบวน เป้าหมายไปที่ใดบ้างต้องประชุมอีกครั้ง สำหรับการทำซีดีแจกจ่ายให้กับประชาชน หากรัฐบาลจัดทำ 5 แสนแผ่น เราทำไม่น้อยกว่า 5 แสนแผ่นเช่นกัน

-โวยลั่นข่าวแม่อยู่สิชลไม่ได้

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า กรณีหนังสือ พิมพ์บางฉบับระบุว่าแม่ตนเองถูกปาหลัง คาบ้านจนอยู่ไม่ได้ ญาติพี่น้องรับไปอยู่ที่อื่นและจะมาอยู่ที่กรุงเทพฯนั้น เป็นเท็จอย่างสิ้นเชิง แม่ของตนยังอยู่ที่ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ขึ้นมากรุงเทพฯ บางเวลา แต่ไม่ได้มาพักกับตน ขณะนี้ยังคงอยู่ดีใช้ชีวิตปกติยังดูแลกิจการของครอบ ครัวที่เขาพรายดำรีสอร์ต ครอบครัวตนไม่ได้ยิ่งใหญ่ แต่ก็ไม่ใช่หมูให้ใครมารังแก ถ้าจะคุกคามก็อย่าลักลอบ นัดวันมาว่าจะไปวันไหน จะได้เห็นว่าอยู่ที่บ้านจริงๆ ส่วนการเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่ม น.พ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ที่รวมตัวกันตามสถานที่ต่างๆ แต่ตำรวจก็ไม่ดำเนินการทั้งที่ตอนนี้ออกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน จึงชัดเจนว่าการดำเนินการของตำรวจไม่เป็นธรรม

จากนั้นเวลา 11.30 น. นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคมรักอุดร ขึ้นเวทีปราศรัยบนเวที ชักชวนให้พี่น้องคนเสื้อแดงที่เป็นลูกค้าธนาคารกรุงเทพ ขอให้ไปปิดบัญชีและเอทีเอ็ม ธนาคารนี้เป็นท่อน้ำเลี้ยงของรัฐบาลอำมาตย์

-ยอดตายเพิ่มเป็น 25 ศพแล้ว

วันเดียวกัน ศูนย์บริการการแพทย์ฉุก เฉินกรุงเทพมหานคร(ศูนย์เอราวัณ) สรุป รายงานจำนวนตัวเลขผู้บาดเจ็บ - เสียชีวิตจากเหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย. ล่าสุดยอดรวมผู้ได้รับบาดเจ็บมีจำนวนทั้งสิ้น 840 ราย ผู้เสียชีวิต 25 ราย เพิ่มขึ้น 1 ราย คือ นายมนต์ชัย แซ่จอง อายุ 54 ปี สำหรับผู้บาดเจ็บยังนอนรักษาตัวใน รพ. 134 ราย จำนวนนี้รักษาตัวในหอผู้ป่วย 128 ราย ผู้บาดเจ็บที่อยู่ห้องไอซียู 6 ราย คือ รพ.พระมงกุฎเกล้า 2 ราย ร.พ.กลาง ร.พ. รามาธิบดี ร.พ.ศิริราช และ ร.พ.พระรามเก้า แห่งละ 1 ราย

-เทพเทือกเรียกประชุมศอฉ.

เวลา 10.00 น. ที่ร.11 รอ. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เป็นประธานการประชุม โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผบ.ทบ. พล.อ.ธีระวัฒน์ บุณยะประดับ ผช.ผบ.ทบ. พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ผช.ผบ.ทบ. พล.อ.พิรุณ แผ้วพลสง เสธ.ทบ. พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. เข้าร่วมประชุม

เวลา 11.30 น. พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. แถลงว่า ที่ประชุมพูดคุยถึงการปฏิบัติภารกิจเมื่อวันที่ 10 เม.ย. มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร พลเรือน และประชาชนที่ชุมนุมทางการเมืองได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ส่วนหนึ่งเกิดจากปะทะกัน โดยเฉพาะการถูกลอบทำร้ายจากกลุ่มก่อการร้าย การใช้อาวุธสงคราม เป็นเครื่องยืนยันว่าการชุมนุมในพื้นที่ไม่ปลอดภัย กลุ่มก่อการร้ายพร้อมทำร้ายทั้งเจ้าหน้า ที่และประชาชนที่มาชุมนุมได้ทุกโอกาส จึงต้องเพิ่มจุดตรวจ ด่านตรวจ และจุดสกัด ถ้าประชาชนที่จะเข้าร่วมชุมนุมฝ่าฝืนเข้ามา เจ้าหน้าที่ต้องสั่งห้ามและออกใบแจ้งเตือน ด้วยการให้ไปรายงานตัวที่สถานีตำรวจ ถ้ายังไม่เชื่อเจ้าหน้าที่จะต้องจับกุม หากฝ่าฝืนเข้ามาในพื้นที่เจ้าหน้าที่ต้องผลักดันด้วยการใช้กำลังทั้ง 7 ประการ จากเบาไปหาหนัก ศอฉ.ไม่ยอมให้มายึดยานพาหนะและอาวุธได้อีก หากมีการดำเนินการในลักษณะนี้และพยายามทำร้ายเจ้าหน้าที่ จำเป็นต้องใช้อาวุธกับผู้ที่ขัดขืนกับการปฏิบัติหน้าที่ ต่อไปนี้จะไม่ให้กลุ่มคนเสื้อแดงไปชุมนุมหรือตั้งเวทีที่ไหนอีก หากมีเหตุต้องปะทะก็ต้องปะทะ จะปล่อยให้อ่อนยวบยาบเหมือนที่ผ่านมา การทำงานจะไม่ได้ผล

-เฝ้าอาคารสูงรอบราชประสงค์

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่จะส่งชุดระวังป้องกันเข้าไปในพื้นที่อาคารสูงโดยรอบ เข้าปฏิบัติงานตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เพื่อระวังป้องกันไม่ให้มีผู้หวังดีสร้างสถานการณ์ ทหารตำรวจชุดนี้จะแต่งเครื่องแบบสามารถตรวจสอบได้ชัดเจน เจ้าของอาคารสถานที่ในพื้นที่การชุมนุม ไม่สามารถปล่อยให้คนอื่นเข้าไปยึดพื้นที่สร้างสถานการณ์ได้ หากให้ใช้สถานที่กับกลุ่มก่อการร้ายหรือเป็นที่พักพิงเพื่อดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด ถือว่าสนับสนุนการก่อการร้าย ธุรกิจของท่านจะมีปัญหา ส่วนประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุมแล้วถูกยึดบัตรประชาชน ให้แจ้งตำรวจทหารว่าประสงค์จะกลับบ้าน จะอำนวยความสะดวกให้ หากประชาชนออกนอกพื้นที่ เจ้าหน้าที่จะปฏิบัติงานง่าย เชื่อมั่นว่าแกนนำคงเชิญชวนประชาชนเข้ามาเป็นโล่กำบัง หน้าที่ ศอฉ.จะดูแลพื้นที่ชุมนุมให้ปลอดภัยมากที่สุด คือป้องกันไม่ให้เข้ามาในชุมนุม ส่วนการประเมินกลุ่มผู้ชุมนุม พบว่าเมื่อคืนวันที่ 17 เม.ย. มี 1.3 หมื่นคน ขณะที่ช่วงเช้ามีเพียง 4 พันคน ศอฉ.ไม่ยอมให้กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนย้ายไปไหนได้อีก เดือดร้อนกันมามากพอแล้ว การที่ให้พล.อ.อนุพงษ์มารับผิดชอบงานดูแลควบคุมพื้นที่ เพื่อต้องการให้สายการบังคับบัญชาสั้นลง แต่ทั้งหมดต้องรายงานนายสุเทพเหมือนเดิม

-ย้ำถ้าต้องใช้อาวุธก็ต้องใช้

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า การประชุมหน่วยขึ้นตรงของกองทัพในวันที่ 19 เม.ย. เป็นการประชุมประจำเดือนตามปกติ คงชี้แจงเรื่องสำคัญของการชุมนุมที่ผิดกฎ หมายให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติรับทราบด้วย เพราะผู้บังคับหน่วยมาทั่วประเทศ ซึ่งต้องปฏิบัติการร่วมกับ กอ.รมน.ภาค เช่น ตั้งจุดตรวจ จุดสกัดตั้งแต่ต้นทาง ยืนยันว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินยังสามารถใช้ในการปฏิบัติงานได้อยู่ ไม่จำเป็นต้องเพิ่มกฎหมายอะไรขึ้นมา แต่เจ้าหน้าที่ต้องกล้าหาญในการบังคับใช้ ทำอย่างตรงไปตรงมา อธิบายให้สังคมเข้าใจ หากจำเป็นต้องใช้อาวุธก็ต้องใช้ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ทั้งนี้ศอฉ.จะเพิ่มจุดตรวจให้เข้มข้นขึ้น ป้องกันกลุ่มผู้ชุมนุมแฝงเข้ามากับประชาชนที่จะเดินทางกลับเข้ากทม. กลุ่มผู้ชุมนุมที่นำมอเตอร์ไซค์หรือรถยนต์เข้ามา จะพูดคุยและเจรจาให้กลับไป ถ้าไม่กลับจะมีการจดทะเบียนรถ และทำประวัติ อาจส่งผลกระทบต่อการต่อใบอนุญาต ใน 1 จุดตรวจจะมีเจ้าหน้าที่อยู่ 2 ชุด ชุดแรกเป็นชุดกั้นไม่ให้เข้ามา ชุดที่ 2 เป็นชุดจดทะเบียน เริ่มทำหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย. รวมถึงจะมีชุดเคลื่อนเร็วในดูแลหากมีมวลชนเข้ามา

-แฉก่อการร้ายยังแฝงม็อบ

แหล่งข่าวด้านความมั่นคงอ้างว่า อาวุธสงครามที่นำมาใช้ปฏิบัติการเมื่อวันที่ 10 เม.ย. ลำเลียงมาจากกัมพูชาตามแนวชายแดน อาวุธสงครามดังกล่าวสามารถซื้อขายกันได้ง่าย ราคาไม่แพง อย่างไรก็ตาม อาวุธสงครามทั้งอาร์พีจี หรือเอ็ม 79 บางส่วนไม่พบตัวเลขของประเทศไทย แต่บางส่วนจากการตรวจสอบเป็นของประ เทศเพื่อนบ้าน ศอฉ.จึงใช้มาตรการเข้มข้นดูแลพื้นที่สี่แยกราชประสงค์มากขึ้น ขณะนี้มีกลุ่มก่อการร้ายที่มีการบ่มเพาะอยู่ในพื้นที่กทม. อยู่หลายคน ทั้งนี้กลุ่มก่อการร้ายที่ว่านี้ คือประชาชนที่มีการจัดตั้งเป็นกองกำลัง มีการฝึกฝนในพื้นที่ต่างจังหวัดมาได้ระยะหนึ่ง ก่อนเข้ามาร่วมแอบแฝงอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อเป็นเกราะกำบังให้ ซึ่งทางศอฉ.จะพยายามทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้กลุ่มก่อการร้ายมีเสรีในการใช้อาวุธสงครามได้ง่ายเหมือนแต่ก่อน

-หูดำรุดเจรจาเบรกไปสีลม

ที่เวทีราชประสงค์ ช่วงบ่ายบรรยากาศเริ่มกลับมาคึกคัก เมื่อผู้ชุมนุมทยอยออกมาฟังการปราศรัย สลับการร้องเพลงของบรรดาแกนนำบนเวทีแม้มีอากาศร้อนจัด บริเวณเต็นท์หน้าห้างสยามพารากอน ถ. พระรามที่ 1 มีกลุ่มประชาธิปไตยก้าวหน้า ประกอบด้วยข้าราชการ นักวิชาการ นักธุรกิจ พระสงฆ์ และนักศึกษา นำโดยนางวิภา ดาวมณี เครือข่ายคนเดือนตุลา เรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ศอฉ.หยุดการใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม และประ ณามการปิดเว็บไซต์และบล็อกของประชาชนที่ให้ข้อมูลโดยอ้างเหตุผลความมั่นคง ขณะที่รัฐกลับใช้สื่อออกข่าวเพียงฝ่ายเดียว ไม่อยากเห็นเหตุ การณ์เหมือน 6 ต.ค.19 ที่อ้างผู้ชุมนุมเป็นผู้ก่อการร้าย นอกจากนี้ยังมีการแสดงละครเสียดสีเหตุการณ์ 10 เม.ย. โดยกลุ่มสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย พร้อมโชว์ป้ายข้อความ STOP VIOLENCE และคนเสื้อแดงไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง

เวลา 13.30 น. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ และพ.ต.อ.ไกรเลิศ ดวง แก้ว รองผบก.น.1 เดินทางมาที่หลังเวทีเพื่อหารือกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายอารี ไกรนรา หัวหน้าการ์ดนปช. พล.ต.ต.วิชัยขอความร่วมมือ 3 เรื่อง คือ 1.ขอพื้นที่คืนบริเวณหน้าสยามสแควร์และสยามพารากอน ให้กลุ่มผู้ชุมนุมร่นพื้นที่การชุมนุม มาที่แยกเฉลิมเผ่าหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากบริเวณดังกล่าวอยู่ใกล้วังสระปทุม 2.ให้หันลำโพงที่หันไปทางร.พ.จุฬาฯ เนื่องจากเป็นสถานที่ประทับรักษาพระองค์ของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และ 3.นำบัญชีอาวุธยุทโธปกรณ์ของทหารที่สูญหายไปจากเหตุการณ์สลายการชุมนุม 10 เม.ย. รวมถึงขอร้องให้กลุ่มผู้ชุมนุมอย่าขยายพื้นที่ไปจนถึงย่านสีลม ใช้เวลาหารือ 15 นาที

-สั่งประกบทหารบนตึกสูง

จากนั้นนายจตุพรให้สัมภาษณ์ว่า กรณีการชุมนุมที่ใกล้วังสระปทุม จะพยายามควบคุมผู้ชุมนุมไม่ให้เกินสะพานหัวช้าง รวมทั้งงดการใช้เครื่องขยายเสียงบริเวณดังกล่าว รวมถึงกรณีโรงพยาบาลจุฬาฯ ก็ได้จัดการเรียบร้อยแล้วหลังจากทราบข่าวเลขา นุการสมเด็จพระสังฆราชขอมา ส่วนเรื่องอาวุธของทหารที่หายไป เราเองก็ไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน อาวุธที่ยึดมาก็กองไว้บนเวที ดูแลอย่างดีก่อนส่งคืน แต่ส่วนที่ยังไม่ได้คืนจะพยายามติดตามหามาให้ ตนยังแจ้งให้พล.ต.ต. วิชัยทราบถึงมาตรการของนปช.ที่มีต่อท่าทีของศอฉ. กรณีระบุว่าจะให้ทหารประจำอยู่บนตึกสูงย่านราชประสงค์เพื่อคอยควบคุมสถานการณ์ว่า เราจะจัดกำลังคนให้ไปอยู่บนตึกสูงประกบกับทหาร เหตุการณ์ 10 เม.ย.ผู้ตายส่วนหนึ่งมาจากการยิงอาวุธระยะไกล หรือสไนเปอร์ หากปล่อยให้ทหารคุมพื้นที่ตึกสูง เราจะไม่มั่นใจความปลอดภัยของผู้ชุมนุม โดยมอบหมายให้นายอารีประสานกับเจ้าของตึกสูงทั้งหมดว่าหากยอมให้ทหารเข้าไปใช้พื้นที่ คนเสื้อแดงก็ขอขึ้นไปใช้พื้นที่ด้วยในจำนวนเท่าๆกัน

แจง"ศอฉ." - นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย เดินทางมารายงานตัวที่ร.11 รอ. ตามหมายเรียกของศอฉ. ปฏิเสธไม่ได้เป็นท่อน้ำเลี้ยงกลุ่มคนเสื้อแดงตามที่ถูกตั้งข้อสงสัย เมื่อวันที่ 18 เม.ย.

เล็งเอาแน่เวทีหน้าแบงก์กท.

นายจตุพร กล่าวว่า ยืนยันว่าแกนนำทั้งหมดยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะไปชุมนุมที่สีลม แต่หากวันที่ 20 เม.ย. ที่เรานัดชุมนุมใหญ่ เมื่อมีคนมาจำนวนมาก จากเวทีแยกราชประสงค์ ส่วนท้ายก็ต้องไปถึงสีลมอยู่แล้ว ไม่ได้หมาย ความว่าเราจะไปตั้งเวทีอีกแห่งที่สีลม หากกลุ่มผู้ชุมนุมไปถึงจริงๆ จะเป็นการชุมนุมอย่างสงบ ธนาคารกรุงเทพที่อยู่สีลมก็ไม่ต้องกังวล เราไม่ได้ไปทำลายธนาคาร สีลมก็เป็นย่านที่เราไปมาหลายครั้ง ได้รับเสียงตอบรับดี ไม่เคยมีปัญหาอะไร

รายงานข่าวจากแกนนำนปช.แจ้งว่า การประชุมวันที่ 17 เม.ย. หารือถึงมาตรการยกระดับการชุมนุมเพื่อกดดันรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ โดยเสนอพื้นที่หลายจุดที่จะเคลื่อนขบวนไป อาทิ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ย่านสุขุมวิท สีลม ได้ข้อสรุปว่าพื้นที่ที่เหมาะสมคือสีลม เนื่องจากไม่ไกลจากเวทีราชประสงค์ หลังจากมวลชนเสื้อแดงเดินทางเข้ากทม.ตั้งแต่วันที่ 19 เม.ย. ช่วงเช้าวันที่ 20 เม.ย. อาจมีการเดินขบวนไปที่ใดสักแห่ง ก่อนให้ผู้ชุมนุมมาชุมนุมใหญ่ที่ย่านสีลม โดยตั้งเวทีแยกที่หน้าธนาคารกรุงเทพ สีลม อีกแห่ง อย่างไรก็ตาม แกนนำยังไม่อยากให้กำหนดพื้นที่ชัดเจน รอการประกาศเป็นทางการในช่วงเช้าวันที่ 20 เม.ย.

-เสี่ยเพ้งรุดชี้แจงราบ 11

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) ว่า วันเดียวกันนี้ บุคคลที่ได้รับคำสั่งเรียกจาก ศอฉ.ให้มารายงานตัวและชี้แจงข้อมูลในฐานะผู้ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือสนับสนุนการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ทยอยเดินทางมารายงานตัวตลอดทั้งวัน

เวลา 14.25 น. นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล อดีต รมว.คมนาคม พร้อมทนายความ เดินทางโดยรถตู้ยี่ห้อโฟล์ก สีน้ำเงิน เข้ามารายงานตัวที่ ศอฉ.ด้วยเช่นกัน โดยให้สัมภาษณ์ก่อนเข้ารายงานตัวด้วยสีหน้าปกติว่า เพิ่งกลับจากต่างประเทศเมื่อคืนวันที่ 17 เม.ย. ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ามีคำสั่งเรียกมาที่บ้าน 2 ครั้งแล้ว จึงยกเลิกกำหนดการเดินทางไปยังสหรัฐในวันที่ 19 เม.ย. เพื่อเดินทางมาชี้แจงต่อ ศอฉ.ว่าไม่ได้มีบทบาทเกี่ยวข้องกับกลุ่มคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยมานานแล้ว การมาชี้แจงครั้งนี้ไม่ได้รู้สึกหนักใจ มั่นใจว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับใคร และไม่ได้ติดต่อประสานกับใครในรัฐบาล เพียงแต่แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าจะมาชี้แจงเท่านั้น หลังชี้แจงเสร็จจะเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศต่อ

-โต้เป็นท่อน้ำเลี้ยง-เห็นใจแดง

เมื่อถามว่าเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยในการมาชี้แจงหรือไม่ นายพงษ์ศักดิ์กล่าวว่า ไม่ห่วง ทหารเป็นรั้วของชาติ คงไม่ทำอะไร ต่อข้อถามถึงข่าวนักการเมืองชื่อย่อ "พ." เกี่ยวข้องเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กลุ่มคนเสื้อแดง นายพงษ์ศักดิ์กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง ทั้งนี้ ต้องเคารพกลุ่มคนดังกล่าว เพราะเขามีเงินของตัวเองมา คนที่จะเป็นท่อน้ำเลี้ยงจ่ายให้กลุ่มคนเสื้อแดงได้ ต้องมีเงินมากกว่าตนเป็นร้อยเป็นพันเท่า ตนไม่มีเงินมากขนาดนั้น ส่วนที่ว่าตนรับเงินจากพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร มาจ่ายให้ผู้ชุมนุมก็ไม่จริง ราชการสามารถตรวจสอบได้อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ตนเป็นคนกตัญญู ทุกครั้งที่ไปเยี่ยม พ.ต.ท.ทักษิณจะนำแค่อาหารไทยไปให้และออกรอบตีกอล์ฟด้วยเท่านั้น พูดกันตามหลักความจริงหลายปีที่ผ่านมาส่วนใหญ่ตนเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการชุมนุม

ต่อข้อถามมองสถานการณ์ในประเทศไทยตอนนี้อย่างไร อดีต รมว.คมนาคมกล่าวว่า สงสารคนไทยและเห็นใจคนเสื้อแดงที่ต่อสู้ด้วยอุดมการณ์ เมื่อถามว่าจะช่วยประสานการเจรจาระหว่างฝ่ายรัฐบาลกับกลุ่มผู้ชุมนุมได้หรือไม่ นายพงษ์ศักดิ์กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่าจะทำได้ ตนไม่ยุ่งเกี่ยวหรือมีบทบาทเกี่ยวกับคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยมานานแล้ว การพูดอะไรต้องมีน้ำหนัก ไม่แน่ใจว่าจะเป็นตัวแทนได้

-เด็จพี่มาแทน 9 นายทุนแดง

เวลา 14.45 น. นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย พร้อมนายพิชา วิจิตรศิลป์ ทนายความผู้ได้รับมอบอำนาจจากบุคคลที่ ผอ.ศอฉ.ออกคำสั่งให้บุคคล 9 คน ได้แก่ 1.พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก 2.นายสุรศักดิ์ เหลือประไพกิจ 3.นายชานุ ไชยะ 4.นายพรชัย ก่อวัฒนมงคล 5.นายพงษ์อัมพร บรรดาศักดิ์ 6.นายพันธุ์ศักดิ์ ซาบุ 7.นายเมธาพันธ์ โพธิธีรโรจน์ 8.นายพีระ พริ้งกลาง และ 9.นายชัยวุฒิ จริยวิโรจน์สกุล ไปชี้แจงต่อ ศอฉ. ได้เดินทางมายื่นหนังสือสอบถามข้อเท็จจริงและรายละเอียดในประเด็นที่จะให้มาชี้แจงจากนายสุเทพ โดยมี พ.ท.วิบูลย์ ศรีเจริญสุขยิ่ง รองผู้บังคับกองพันทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 11 เป็นตัวแทนรับมอบหนังสือ

นายพร้อมพงศ์ให้สัมภาษณ์ว่า ตนและทนายความหารือกันแล้วเห็นว่าการออกคำสั่งดังกล่าวขัดรัฐธรรมนูญ ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือทางการเมืองมาข่มขู่คุกคามสิทธิเสรีภาพของประชาชน ผู้ที่ถูกคำสั่งเรียกมีทั้งสื่อมวลชน นักวิชาการ นักการเมือง และนักธุรกิจ ฝ่ายกฎหมายของพรรคกำลังพิจารณาฟ้องร้องเอาผิดเรื่องการออกคำสั่งโดยมิชอบของ ศอฉ. เมื่อถามว่าบุคคลทั้ง 9 คนจะไม่มาชี้แจงต่อ ศอฉ.ใช่หรือไม่ นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ต้องดูคำสั่งว่าจะให้ชี้แจงอะไร เพราะไม่มีระบุความผิด พวกตนต้องมาเป็นตัวแทนรับทราบว่า ศอฉ.จะให้ชี้แจงอะไร จากนั้นทั้ง 9 คนจะชี้แจงมาเป็นลายลักษณ์อักษร เพราะกลัวว่ามาแล้วไม่ปลอดภัย ทราบว่าผู้ที่ได้รับคำสั่งดังกล่าวถูกตำรวจติดตามตัวไปถึงบ้าน ถือเป็นการคุกคาม ดำเนินการที่มากกว่าการส่งคำสั่งเรียก ทำให้คนเหล่านี้ไม่แน่ใจในความปลอดภัยและไม่มั่นใจกระบวน การของ ศอฉ. บางคนไม่เคยขึ้นเวทีกลุ่มคนเสื้อแดง การออกคำสั่งนี้จึงเหมือนเหวี่ยงแหที่คุก คามประชาชน

-แฉศอฉ.กำลังทำบัญชี 2

นายพร้อมพงศ์กล่าวด้วยว่า มีการทำรายชื่อผู้ถูกออกคำสั่งเรียกบัญชี 2 อาจมีทั้งส.ส. อดีตรัฐมนตรี และแกนนำพรรคเพื่อไทยชุดปัจจุบัน โดยบัญชี 2 เกี่ยวโยงกับรายชื่อในบัญชีดำที่เคยปรากฏเป็นข่าวแล้ว 212 คน และบัญชีของกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) 93 คน รวมแล้วน่าจะมี 300 กว่าคน ตนก็มีชื่อในบัญชี 2 ด้วย แต่ยังไม่มีคำสั่งเรียก และไม่ได้รู้สึกกลัว

ต่อข้อถามในส่วนของนายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ อดีต รมช.พาณิชย์ และนางอรุณี กิจเลิศไพโรจน์ ส.ส.สมุทรปราการ ภริยานายสงครามไม่ได้มอบให้ทนายความมาดำเนินการในเรื่องนี้ด้วยหรือ โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า ไม่ทราบ แต่นางอรุณีมอบหมายให้นายพรชัย ที่เป็นผู้ช่วยส.ส. ดำเนินการแทนแล้ว ขณะที่นายพงษ์ศักดิ์ใช้ทนายความส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับพรรค

-ป๊อกระดมลูกซองกระสุนยาง

นายมานิต วัฒนเสน ปลัดกระทรวงมหาด ไทย กล่าวถึงคำสั่งเรียกเก็บปืนของสำนักอำนวยการอาสารักษาดินแดน (อส.) ที่แกนนำกลุ่มเสื้อแดงระบุว่ามีการเรียกเก็บถึง 3,000 กระบอกว่า มีการเรียกเก็บปืนเข้ามาส่วนกลางจริง แต่ไม่ถึง 3,000 กระบอก จำนวนอยู่ที่หลักพัน ตัวเลขที่แท้จริงไม่สามารถเปิดเผยได้ เป็นความลับทางราชการ การเรียกเก็บอาวุธปืนครั้งนี้เป็นการปฏิบัติตามคำสั่งคณะกรรมการ ศอฉ. ภายใต้อำนาจตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินในการขอการสนับสนุนกำลังคน หรือทรัพย์สินของทางราชการก็สามารถทำได้อยู่แล้ว กระทรวงตั้งศูนย์อำนวยการร่วมศอฉ. เมื่อคณะกรรมการ ศอฉ.มีมติอย่างใดต้องปฏิบัติตาม

รายงานข่าวจากกระทรวงมหาดไทยแจ้งว่า การเรียกเก็บปืนที่ไม่ใช่ของอส. เพราะ อส.ไม่มีปืนลูกซองไว้ในครอบครอง แต่ อส.มีเพียงปืนเอ็ม 16 ที่มีไว้ใช้ปฏิบัติการในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งในจังหวัดอื่นจะไม่มีอาวุธหนักแต่อย่างใด ยกเว้น อส.ชุดรักษาความปลอดภัยผู้บริหารเท่านั้น ซึ่งอาวุธลูกซองดังกล่าวที่มีการเรียกเก็บเป็นอาวุธปืนของหมู่บ้านอาสาพัฒนาป้องกันตนเอง (อพป.) ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่มีการตั้งมวลชนเพื่อปราบคอมมิวนิสต์ ซึ่งมีมานานแล้ว โดย อพป.จะมีอาวุธปืนลูก ซองไว้ป้องกันตนเอง ภายใต้การดูแลของผู้ว่าราชการจังหวัด อย่างไรก็ตาม ปืนลูกซองที่เรียกเก็บกลับมานั้นไม่ได้เก็บไว้ที่วังไชยยา กรมการปกครอง ถนนนางเลิ้ง แต่ปืนลูกซองดังกล่าวถูกนำไปเก็บที่ราบ 11 ทั้งหมด เพื่อที่จะใช้เสริมกำลังให้กับทหาร

รายงานข่าวแจ้งว่า คำสั่งในการเรียกเก็บ ปืนในครั้งนี้เป็นคำสั่งของพล.อ.อนุพงษ์ ในฐานะหัวหน้าศอฉ. ผ่านไปยังปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะศูนย์อำนวยการร่วมศอฉ. เพื่อสั่งการไปยังผู้ว่าฯ ให้รวบรวมเก็บอาวุธปืนลูกซองดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทั้งนี้ ปืนลูกซองสามารถใช้ยิงกระสุนยางได้ เนื่องจากใช้บรรจุกระสุนขนาดเดียวกัน

-การุณแจกซีดีล้านแผ่น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการชุมนุมช่วงเย็น ผู้ชุมนุมยังคงปักหลักตามเต็นท์ที่พัก เนื่องจากอากาศค่อนข้างร้อน ทั้งนี้ ช่วงหนึ่งของการปราศรัย นายวิสา คัญทัพ แกนนำนปช. ประกาศบนเวทีปราศรัยว่า ขณะนี้มีการนำปืนปลอมเข้ามาขายภายในพื้นที่การชุมนุม ขอให้การ์ด นปช.ไปตรวจสอบที่บริเวณหน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ไม่ให้ผู้ชุมนุมไปซื้อและนำมาพก เพราะอาจทำให้เจ้าหน้าที่เข้าใจผิดได้ นอกจากนี้นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ยังนำใบปลิวที่คัดลอกมาจากหนังสือพิมพ์มติชนสุดสัปดาห์ฉบับวันที่ 16-22 เม.ย. หน้าปกเป็นการนำโลงศพสีแดงของคนเสื้อแดงที่วางไว้ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พร้อมกับข้อความคนไทยโชคดีที่ได้อภิสิทธิ์เป็นนายกฯ จำนวน 1 ล้านใบ รวมทั้งซีดีชื่อ "ความจริง 10 เม.ย. ใคร? ฆ่าประชาชน" จำนวน 1 ล้านแผ่น มา แจกให้กับผู้ชุมนุม เนื้อหาของซีดีเป็นการประมวลภาพเหตุการณ์ตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค. จนถึงวันที่ 10 เม.ย. ส่วนใหญ่บอกเล่าเรื่องราวว่าคนเสื้อแดงทำผิดอะไร ทำไมถึงต้องตาย

-ด่านเข้มข้นทำรถติดวินาศ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภาพการจราจรบนถนนสายเอเชีย ช่วงผ่านด่านตรวจความมั่นคงบางปะ หัน ต.หันสังข์ อ.บางปะหัน จ.พระนครศรี อยุธยา เริ่มคล่องตัวมากขึ้น หลังจากที่ทหารจากศูนย์การทหารม้า สระบุรี และตำรวจ ยกเลิกการตั้งด่านตรวจค้นชั่วคราว แล้วใช้วิธีเรียกตรวจค้นรถต้องสงสัย หรือรถที่มีสัญลักษณ์ของกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯโดยผ่านด่านตรวจดังกล่าว แล้วใช้วิธีการจดบันทึกทะเบียน และยี่ห้อรถลงในสมุดเพื่อรายงานผู้บังคับบัญชา เนื่องจากพบว่าตลอดทั้งวันที่มีการตั้งด่านตรวจค้นรถยนต์ตามคำสั่งศอฉ. ทำให้การจราจรบนถนนสายเอเชีย ช่วงด่านตรวจดังกล่าวติดขัดอย่างหนัก และทำให้ผู้สัญจรผ่านไป-มาที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเกิดความไม่พอใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ จนบางครั้งถูกต่อว่าจากผู้ที่ต้องการรีบเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ ซึ่งเจ้าหน้าที่ทำได้แค่เพียงเรียกตรวจ สลับกับการปล่อยให้รถไหลได้เร็วขึ้น ขณะที่ปริมาณรถยนต์ที่เดินทางทาจากภาคเหนือเข้ากรุงเทพฯ โดยใช้ถนนสายเอเชียยังมีปริมาณมาก แต่ก็น้อยกว่าเมื่อวานที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะประชาชนจะเดินทางกลับไปพักผ่อนก่อนเปิดทำงาน 1 วัน

ส่วนด่านตรวจความมั่นคงบนถนนพหล โยธิน หน้าตลาดวังน้อย อ.วังน้อย ทหารจากศูนย์การทหารม้า จ.สระบุรี และตำรวจภูธร จ.พระนครศรีอยุธยา ต้องยกเลิกด่านตรวจชั่ว คราว สลับกับการปล่อยให้รถที่มาจากภาคอีสานเดินทางผ่านด่านสะดวกขึ้น เนื่องจากพบว่าในช่วงที่มีการตั้งด่านตรวจค้นแล้วทำให้เกิดรถติด ประชาชนจำนวนมากโทรศัพท์ไปร้องเรียน และบางรายต่อว่าเจ้าหน้าที่ จนต้องยกเลิกด่านตรวจชั่วคราว และใช้การเรียกตรวจสลับกับการปล่อยรถ รวมถึงให้ทหารสังเกตรถยนต์ที่ผ่านด่านตรวจว่ารถยนต์คันใดต้องสงสัย หรือจะเข้าไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดง แล้วจดลงสมุดบันทึก แทนการเรียกตรวจ

-สัณฐานรวมข้อมูลคดีพิเศษ

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท. สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. มีบันทึกด่วนที่สุด เมื่อ 17 เม.ย. ถึง ผบก.น.1-9 และ อก.ว่า ด้วยคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 3/2553 เมื่อ 16 เม.ย. ให้การกระทำความผิดอาญากรณีก่อการร้าย การข่มขู่บังคับให้รัฐบาลกระทำการใดๆ การทำร้ายประชาชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐ และกระทำต่ออาวุธยุทธภัณฑ์ของทางราชการ อันเกี่ยวกับการชุมนุมที่มิชอบด้วยกฎหมาย ในช่วงปลายปี พ.ศ.2552 เป็นต้นไป ในราชอาณาจักร รวมถึงความผิดที่เกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันกันเป็นคดีพิเศษ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการส่งมอบสำนวนการสอบสวนให้คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินการสอบสวนตามพ.ร.บ.การ สอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 จึงให้ทุก บก. สำรวจคดีอาญาที่เข้าลักษณะความผิดดังกล่าว ตลอดจนความผิดที่เกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันในเขตพื้นที่ จัดทำบัญชีสำนวนพร้อมที่จะส่งมอบสำนวนการสอบสวนได้ทันทีเมื่อได้รับคำสั่ง รายงานให้ บช.น.ผ่าน ฝอ.8 บก.อก.บช.น. ทราบภายในวันที่ 19 เม.ย. ก่อนเวลา 10.00 น. ห้ามผัดเสนอ โดยให้รอง ผบก.รับผิดชอบงานกฎหมาย ควบคุมการปฏิบัติด้วยตนเอง หากคดีใดมีผู้ต้องหาอยู่ระหว่างควบคุมตัว ให้ดำเนินการสอบสวน ผัดฟ้อง-ฝากขังไปตามอำนาจหน้าที่อย่าให้เกิดข้อบกพร่องขึ้นได้

กันไว้ก่อน - เจ้าหน้าที่นำแผงเหล็กมาตั้งวางหน้า ธ.กรุงเทพ สาขาสีลม หลังมีข่าวม็อบแดงเตรียมยกพลบุกยึดพื้นที่ขยายการชุมนุม โดยแกนนำเสื้อแดงมีมติเคลื่อนไหวใหญ่ในวันที่ 20 เม.ย.นี้

-พธม.ชุมนุมใหญ่บ้างแล้ว

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่อาคารนันทนาการ มหาวิทยาลัยรังสิต กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจัดประชุมใหญ่เครือข่ายทั่วประเทศ ในหัวข้อ "ฝ่าวิกฤตการเมืองไทยปฏิรูปใหญ่อย่างรอบด้าน" มีแกนนำพันธมิตรเข้าร่วมอย่างครบถ้วน อาทิ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายภิภพ ธงไชย และนายสุริยะใส กตะศิลา ยกเว้นนายสนธิ ลิ้มทองกุล หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ มีเครือข่ายเข้าร่วมคับคั่ง

นายอาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยา ลัยรังสิต กล่าวเปิดการประชุมว่า วันนี้ประเทศไทยเกิดความแตกแยกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มีกลุ่มบุคคลที่สร้างตัวเองขึ้นมาเพื่อหวังทำลายประเทศ ไม่คิดถึงประโยชน์ส่วนรวม เคลื่อน ไหวเพียงเพื่อประโยชน์ของคนเพียงคนเดียว พยายามสร้างคำว่าอำมาตย์และไพร่ขึ้นมา เป็นเจตนาที่ต้องการให้แตกแยก คนไทยอยู่ด้วยกันได้โดยไม่แตกแยก ต้องมองปัญหาประเทศในส่วนรวมว่าจะก้าวข้ามปัญหานี้ได้อย่างไร ต้องสร้างความสามัคคี และปฏิรูปประเทศไทยให้ได้ ไม่มีเสื้อเหลือง เสื้อแดง จะเป็นเสื้อทุกๆ สี ร่วมกันสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้น

-ขีดเส้นปราบก่อการร้ายใน 7 วัน

พล.ต.จำลองกล่าวว่า การชุมนุมของกลุ่ม นปช.แบ่งแยกเป็น 3 ส่วน คือ 1.ส.ส. 2.ผู้ชุมนุม และ 3.กลุ่มก่อความรุนแรงหรือก่อความไม่สงบ

เวลา 16.00 น. แกนนำกลุ่มพันธมิตรร่วมกันแถลง โดยนายพิภพอ่านแถลงการณ์พันธมิตร ฉบับที่ 8/2553 ว่า แกนนำประชุมและวิเคราะห์ประเมินสถานการณ์ จึงออกแถลงการณ์ 6 ข้อ 1.ขอแสดงความเสียใจและไว้อาลัยแก่ทหารและเหยื่อคนเสื้อแดงที่เสียชีวิต และขอประณามกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่ก่อเหตุถือเป็นการกระทำที่อำมหิต 2.รัฐบาลต้องบังคับใช้กฎหมาย จัดการกับผู้ก่อการร้ายอย่างเร่งด่วนทันที หากไม่ดำเนินการภายใน 7 วันกลุ่มพันธมิตรจะทำหน้าที่พลเมือง ในการพิทักษ์ชาติราชบัลลังก์ทันที

3.ขอเรียกร้องแกนนำคนเสื้อแดงให้เห็นแก่ชีวิตคนเสื้อแดง หยุดนำศพมาเป็นเครื่องสังเวย สร้างความโกรธแค้น หวังเพียงเพื่อเอาชนะทางการเมืองอย่างเดียว ขอให้แกนนำแสดงจิตรับผิดชอบโดยสลายการชุมนุม เพื่อรักษาชีวิตผู้ชุมนุม อย่าให้ตกเป็นเหยื่อสังหารครั้งนี้ 4.ขอให้ประชาชน ผู้สนับสนุน หรือแกนนำที่หลงผิด ถอนตัวออกจากการสนับสนุนกลุ่มคนเสื้อแดงทันที 5.ขอให้กลุ่มคนพันธมิตรทุกจังหวัด ทุกพื้นที่ เข้าร่วมกิจกรรมของกลุ่มต่างๆ ที่รักษาชาติได้อย่างเต็มที่ และ 6.ปัญหาครั้งนี้มาจากโครงสร้างทางด้านเศรษฐกิจ การแก้ไขปัญหาต้องให้รัฐบาลจัดการและเปิดโอกาสให้ประชา ชนเข้ามาปฏิรูป ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม อย่างเป็นรูปธรรมโดยเร่งด่วน

-มหาลั่นเอาไม่อยู่-ไม่เลิก

พล.ต.จำลองกล่าวว่า เป็นมติของแกนนำ เป็นหน้าที่ของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ เมื่อกำหนดไว้ต้องทำตาม 7 วัน เตรียมปักหลักกันอีกครั้ง เอาเมืองไทยไม่อยู่ไม่เลิก เราชนะแน่ เมื่อพ้น 7 วันจะวิเคราะห์สถานการณ์และพร้อมใส่เสื้อเหลืองออกมา ใครพร้อมที่จะสู้ก็ออกมาเลย ใครอยู่บ้านก็ให้รอดูพร้อมฉลองชัยชนะพร้อมๆ กัน

นายสุริยะใสกล่าวว่า หากภายใน 7 วันไม่มีอะไรดีขึ้นแกนนำพันธมิตรทั้งรุ่นแรกและรุ่นสอง จะกำหนดการเคลื่อนไหวทันที และจะปรับเอเอสทีวีให้ทันกับสถานการณ์ต่อไป

-ม็อบหลากสีชุมนุมวันที่ 6

เวลา 16.00 น. ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กลุ่มประชาชนพิทักษ์ชาติ หรือกลุ่มคนเสื้อหลากสี และกลุ่มเฟซบุ๊กต้านการยุบสภา รวมตัวกันที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยฯ เพื่อแสดงจุดยืนว่าต้องการความสงบกลับคืนสู่สังคม และไม่ต้องการให้มีการยุบสภา ซึ่งเป็นการชุมนุมติดต่อกันเป็นวันที่ 6

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศในการชุมนุมมีประชาชนซึ่งสวมใส่เสื้อหลากสี ทั้งชมพู ขาว ฯลฯ เข้าร่วมจำนวนเพิ่มมากกว่าทุกวัน โดยมีประชาชนอยู่เต็มพื้นที่ด้านในอนุ สาวรีย์ จนล้นลงมาบนพื้นถนน ทำให้ต้องปิดการจราจรรอบในอนุสาวรีย์ชัยฯ 3 เลน โดยเหลือพื้นที่ให้รถยนต์วิ่งได้รอบนอก ทำให้การจราจรโดยรอบติดขัด นอกจากนี้ ยังพบว่ามีประชาชนที่ยืนอยู่บนพื้นที่สกายวอล์กของรถไฟฟ้าเต็มพื้นที่ คอยโบกธงชาติให้กำลังใจด้วย นอกจากนี้ พบว่าบรรยากาศบนรถขยายเสียงมีการเชิญชวนให้คนกรุงเทพฯ ที่ต่อต้านการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงเข้าร่วมการชุมนุม และพบว่ามีกลุ่มนักศึกษา และพล.อ.ปฐมพงศ์ เกษร สุข ขึ้นเวทีชั่วคราวด้วย กิจกรรมทั่วไปคือร่วมกันร้องเพลงปลุกใจ ก่อนที่จะแยกย้ายอย่างสงบเมื่อเวลา 18.00 น. โดยไม่มีการเดินไปยังสวนสันติภาพ บริเวณใกล้อนุสาวรีย์ชัยฯ เนื่องจากมีประชาชนมาร่วมการชุมนุมจำนวนมาก แกนนำจึงยกเลิก เนื่องจากกลัวอันตรายและกระทบต่อการจราจร

-ออกแถลงการณ์-จี้แดง 5 ข้อ

น.พ.ตุลย์ สิทธิสมวงษ์ แกนนำกลุ่มประชาชนพิทักษ์ชาติ กล่าวแถลงการณ์ฉบับที่ 1 ถึงกลุ่มคนเสื้อแดงว่า หลังจากที่มีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงมาเป็นเวลา 1 เดือน ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชนคนกทม. และเกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และจิตใจประชาชน โดยเฉพาะเหตุการณ์การปะทะเมื่อวันที่ 10 เม.ย. จนทำให้มีผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิต ทั้งกลุ่มคนเสื้อแดงและเจ้าหน้าที่ทหาร กลุ่มประชาชนพิทักษ์ชาติจึงมีข้อเรียกร้อง 5 ข้อ คือ 1.หยุดการก้าวล่วงสถาบันสูงสุดของชาติ และที่ปรึกษาของพระองค์

น.พ.ตุลย์กล่าวต่อว่า 2.หยุดการชุมนุมที่มีการใช้ความรุนแรงทั้งเรื่องของอาวุธสงคราม การทำร้ายประชาชนบนท้องถนน 3.หยุดการใช้ความเท็จเพื่อหลอกลวงผู้เข้าร่วมการชุมนุมให้เกิดความแตกแยก 4.หยุดการบังคับให้ผู้ชุมนุมจากต่างจังหวัดอยู่ชุมนุมที่ กทม.ต่อ 5.หยุดการชุมนุมกีดขวางการจราจรโดยเฉพาะสถานที่ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะแยกราชประสงค์ สีลม ซึ่งหากมีการหยุดการกระทำทั้งหมดนี้ก็จะสามารถแก้ปัญหาวิกฤตได้ หากกลุ่มคนเสื้อแดงยุติกลุ่มคนเสื้อหลากสีก็พร้อมยุติการเรียกร้องและรัฐบาลจะได้ยกเลิกพ.ร.บ. สถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งเป็นผลดีต่อประเทศ

-วอนอย่าดาวกระจายมาชน

เมื่อถามว่ากลุ่มประชาชนพิทักษ์ชาติจะเข้าร่วมกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชา ธิปไตยหรือไม่ นพ.ตุลย์กล่าวว่า หากเป็นการชุมนุมอย่างสงบ สันติ อหิงสา เพราะเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการเหมือนกัน เพราะการชุมนุมที่ผ่านมาเห็นได้ชัดเจนว่าประชาชนที่มาเข้าร่วมต้องการแสดงออกอย่างสงบ สันติ ซึ่งอยากให้ทุกฝ่ายใช้วิธีดังกล่าวในการเรียกร้อง แม้ว่าทุกคนจะมีจุดยืนต่างกัน แต่หากข้อเรียกร้องเพื่อประโยชน์ของประชาชนสังคมจะเป็นผู้ตัดสินเอง

ต่อข้อถามว่าการชุมนุมดังกล่าวจะทำให้เกิดการเผชิญหน้ากันหรือไม่ นพ.ตุลย์กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ตนเป็นห่วงมากที่สุด แต่ยืนยันว่ากลุ่มคนเสื้อหลากสีรวมตัวกันเรียกร้องความสงบ สันติ มีการประกาศชัดเจนว่าจะไม่มีการโห่ไล่ หรือคุกคามผู้ที่มีความเห็นแตกต่างมาโดยตลอด

"อยากฝากถึงกลุ่มคนเสื้อแดงว่า แม้จะมีความเห็นต่างกัน แต่ทุกคนต้องเคารพสิทธิและความเห็นผู้อื่นที่คิดไม่เหมือนกัน กลุ่มคนเสื้อหลากสีไม่มีเจตนาอยากทำร้ายใคร ฉะนั้นก็ไม่ต้องการให้ใครมาทำร้าย หรือดาวกระจายมาทำ ให้เกิดการเผชิญหน้าเช่นกัน ซึ่งคนเสื้อแดงคงต้องการแบบเดียวกัน ซึ่งในวันนี้เดิมจะมีการเดินขบวนไปยังสวนสันติภาพ แต่ประชาชนมาเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก จึงไม่ต้องการให้เกิดอันตราย หรือกระทบต่อการจราจร จึงยกเลิก โดยในวันที่ 19 เม.ย.ยังจะมีการชุมนุมที่สวน จตุจักร และบางส่วนจะมาชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ชัยฯ เช่นเดิม" น.พ.ตุลย์กล่าว

- อนุพงษ์เลื่อนประชุม 5 เสือ

แหล่งข่าวระดับสูง ทบ.เผยว่า กรณีพล.อ. อนุพงษ์เรียกผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก (ผบ.นขต.ทบ.) ระดับนายพลขึ้นไป เข้าร่วมประชุม ผบ.นขต.ทบ.วาระพิเศษในที่ 19 เม.ย. เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจถึงการปฏิบัติหน้าที่ของกำลังพลกองทัพบกในวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา จนนำไปสู่เหตุการณ์ปะทะที่รุนแรงระหว่าง ทหารกับกลุ่มคนเสื้อแดง จนเกิดการสูญเสียทั้งสองฝ่าย โดยที่มีกลุ่มผู้ก่อการร้ายแฝงตัวปะปนเข้ามาในกลุ่มผู้ชุมนุม ผบ.ทบ.ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบ และผู้กำกับดูแลการใช้กำลังของ ศอฉ.จะใช้โอกาสนี้ทำความเข้าใจกับ ผบ.หน่วยระดับนายพลขึ้นไปถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ณ เวลานี้ ในการทำหน้าที่ของกำลังพลที่ออกไปทำภารกิจตามประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยเฉพาะสาเหตุที่ทำให้กำลังพลเสียชีวิต และบาดเจ็บจำนวนมาก ในเหตุปะทะระหว่างเข้าเคลียร์ เพื่อขอพื้นที่คืนบริเวณผ่านฟ้าฯ ซึ่งพล.อ.อนุพงษ์ต้องการจะชี้แจงกระแสข่าวที่เกิดขึ้นทั้งหมด รวมถึงกระแสข่าวในเรื่องความขัดแย้งกับฝ่ายรัฐบาล โดยเฉพาะในศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ที่มีการเปลี่ยนตัวผู้รับผิดชอบการใช้กำลังจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ มาเป็นผบ.ทบ. ที่สำคัญเรื่องที่มีความพยายามสร้างข่าวเพื่อให้กอง ทัพเกิดการแตกแยกกันเอง รวมถึงกระแสข่าวที่ทหารจะปฏิวัติ

แหล่งข่าวเผยว่า ล่าสุด พล.อ.อนุพงษ์ได้แจ้งยังนายทหารระดับ 5 เสือทบ. ประกอบด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผบ.ทบ. พล.อ. ธีระวัฒน์ บุณยะประดับ ผช.ผบ.ทบ. พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ผช.ผบ.ทบ. พล.อ.พิรุณ แผ้วพลสง เสธ.ทบ. แม่ทัพภาคที่ 1-แม่ทัพภาคที่ 4 ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ (ผบ.นปอ.) ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (ผบ.นสศ.) รวมทั้งมีวิทยุด่วนไปยัง ผบ.หน่วย ระดับนายพลขึ้นไป ให้เปลี่ยน แปลงเวลาการประชุม ผบ.นขต. ทบ. จากวันจันทร์ที่ 19 เม.ย.ไปเป็นวันศุกร์ที่ 23 เม.ย.นี้

- จับตาท่าทีม็อบจะบุกสีลม

"สาเหตุเพราะเกรงว่าการประชุมครั้งนี้อาจถูกแกนนำคนเสื้อแดงจับไปเป็นประเด็นว่า พล.อ.อนุพงษ์อาจจะนำกำลังกองทัพบกเข้าสลายกลุ่มผู้ชุมนุม หรือการประชุมเพื่อรองรับการปฏิวัติ จึงขอเลื่อนการประชุมออกไปก่อน รวมทั้งจะขอดูท่าทีของแกนนำคนเสื้อแดงที่ประกาศจะเคลื่อนขบวนใหญ่ไปตั้งเวทีบริเวณสีลม ซึ่งพล.อ.อนุพงษ์เห็นว่าจะทำความเดือดร้อนให้กับผู้ประกอบธุรกิจ และประชาชนในบริเวณดังกล่าว ซึ่งเป็นพื้นที่ย่านเศรษฐกิจของประเทศจะเสียหาย" แหล่งข่าวกล่าว และว่า ที่สำคัญหากเราประชุมในวันดังกล่าวเกรงคนเสื้อแดงจะเดินทางมาปิดล้อมกองทัพบกด้วย

แหล่งข่าวเผยอีกว่า ในวันเดียวกันนี้ (18 เม.ย.) เมื่อเวลา 16.00 น. ที่ ร.11 รอ. พล.อ.อนุพงษ์ได้เรียก ผบ.หน่วยที่รับผิดชอบปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ตามประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เข้าร่วมประชุมและรับนโยบาย โดยมีพล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดินฯ พล.อ.พิรุณ พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 พล.ท. ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รองเสธ.ทบ. พล.ท. โปฎก บุนนาค ผบ.นสศ. พล.ท.ยุทธศิลป์ โดยชื่นงาม ผบ.นปอ. พล.ต.อุกฤษฎ์ ณรงค์วิทย์ ผบ.มทบ.11 พล.ต.กัมปนาท รุดดิษฐ์ ผบ.พล.1 รอ. พล.ต.สุรศักดิ์ บุญสิริ ผบ.พล.ม.2 รอ. พล.ต.อำพล ชูประทุม ผบ.พล.ปตอ. พล.ต.อุทิศ สุนทร ผบ.พล.ร.9 รอ. พ.อ.เทพพงศ์ ทิพย จันทร์ รอง ผบ.พล.ร.2 รอ. ที่ปฏิบัติหน้าที่แทน พล.ต.วลิต โรจนภักดี ผบ.พล.ร.2 รอ.ที่ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะเมื่อวันที่ 10 เม.ย. เข้าร่วมประชุม

- เผยเครียด-หวั่นเหลืองชนแดง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.อนุพงษ์ได้รับมอบหมายจากนายอภิสิทธิ์ให้ปฏิบัติหน้าที่เป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการกำกับดูแลการใช้กำลังในส่วนศอฉ. แบบที่เจ้าตัวไม่เต็มใจ โดยได้เปรยกับผู้ใกล้ชิดว่า เหมือนเป็นการมัดมือชก คงจะโดนกดดันให้รีบปิดเกมกับกลุ่มคนเสื้อแดงภายในอาทิตย์นี้ เพราะทางฝ่ายกลุ่มเสื้อเหลืองหรือกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชา ธิปไตยก็ต้องเรียกร้องให้รัฐบาลจัดการกับกลุ่มคนเสื้อแดงภายใน 7 วัน ไม่เช่นนั้นจะออกมาทำหน้าที่พลเมืองปกป้องประเทศชาติ ทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงกับกลุ่มคนเสื้อเหลืองอาจเกิดการปะทะกันได้อีก

ดังนั้น กองทัพจะต้องจัดการปัญหาของการชุมนุม โดยเฉพาะจับกุมตัวแกนนำคนเสื้อแดง และยึดพื้นที่คืนบริเวณราชประสงค์ให้ได้ภายในอาทิตย์นี้ โดยท่าทีของพล.อ.อนุพงษ์หลังจากที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้รับผิดชอบดูแลการปฏิบัติ มีความเครียด เพราะพล.อ.อนุพงษ์อยู่ช่วงเตรียมตัวเกษียณราชการในเดือนต.ค.ที่จะถึงนี้

- รวบศิลปินดอดถ่ายรูปทหาร

เมื่อเวลา 17.00 น. ร.ต.ต.เอกพจน์ รุณทอง พงส.(สบ 1) ช่วยราชการงานป้องกันและปราบปราม สน.บางเขน ได้ควบคุมตัวชายต้องสงสัย ทราบชื่อต่อมาคือ นายสิทธิพร บรรจงเพชร อายุ 32 ปี บ้านเลขที่ 48/168 หมู่ 1 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี พร้อมของกลางกล้องถ่ายรูปชนิดคอมแพ็กต์ 1 ตัว แฟลช ไดรฟ์ จำนวน 3 อัน ฟิลเตอร์เลนส์ 2 ตัว ซึ่งทั้งหมดอยู่ในกระเป๋าคาดเอวสีเทา และรถ จยย. ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นมีโอ สีขาว ทะเบียน รพข-270 กทม. หลังแอบถ่ายรูปทหารที่ยืนทำหน้าที่รักษาการณ์อยู่บนสะพานลอย หน้ากรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม. จนถูกทหารควบคุมตัวไว้ ก่อนนำมาส่งที่เต็นท์ของตำรวจที่หน้ากรมทหารราบที่ 11 จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวมาที่ สน.บาง เขน

จากการสอบสวนนายสิทธิพรให้การว่า มีอาชีพเป็นศิลปิน วันนี้ตนเดินทางออกจากบ้าน เพื่อหาแรงบันดาลใจงานศิลปะ กระทั่งมาถึงที่หน้ากรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ก็สังเกตเห็นทหารยืนอยู่บนสะพานลอย ซึ่งตนเห็นว่าสวยดี จึงถ่ายรูปเก็บไว้ เป็นจังหวะเดียวกับเจ้าหน้าที่ทหารเดินมาหาตน พร้อมกับสั่งให้ตนลบภาพ และนำตัวมาส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยืนยันว่าไม่เคยเข้าร่วมกิจกรรมทางการเมือง และที่ถ่ายรูปก็เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพราะเห็นว่าสวยดี ยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาแอบแฝงใดๆ ทั้งสิ้น

ด้านพ.ต.ท.เอนก เข่งคุ้ม สว.สส.สน.บาง เขน กล่าวว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบประวัติ และให้ผู้ที่รู้จักคุ้นเคยกับนายสิทธิพรมายืนยันตัว เนื่องจากนายสิทธิพรไม่ได้พกบัตรประชาชนมา ซึ่งต่อมาได้มี จ.ส.ต.ประวิช โชคทรัพย์ ผบ.หมู่งานอำนวยการตำรวจสันติบาล เดินทางมายืนยัน อ้างว่าเป็นรุ่นน้องที่ซอยในบ้านพัก ทางเจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อหาไม่พกบัตรประชาชน และนำส่ง ร.ต.ท.ครรชิต บุ่งอุทุม พงส.(สบ 1) สน.บางเขน เพื่อปรับเงินก่อนจะปล่อยตัวไป

-ม็อบอาจบุกราบ 11 อีกรอบ

เวลา 16.45 น. ที่เวทีปราศรัยราชประสงค์ พระอธิการเกียรติศักดิ์ กันตะธัมโม เจ้าอาวาสวัดเสม็ดกันตาราม อ.พลับพลาชัย จ.บุรีรัมย์ ขึ้นเวทีปราศรัยเพื่อมอบเหรียญหลวงปู่เกือย และพระสมเด็จหินข้าว ให้กับนายวีระ มุสิกพงศ์ เพื่อคุ้มครองและเสริมบารมีให้กับแกนนำ นปช.ทุกคน จากนั้นสวดพุทธมนต์เสริมบารมี 80 ขั้น ภาษาขอม สร้างขวัญกำลังใจให้กับคนเสื้อแดง

นายวีระ กล่าวบนเวทีว่า ขอให้พี่น้องเสื้อ แดงทุกคนมั่นใจว่าที่การชุมนุมสี่แยกราชประสงค์เป็นพื้นที่ปลอดภัย เว้นแต่รัฐบาลคิดเดินหน้าสลายการชุมนุม วันนี้คนเสื้อแดงพร้อมสละแล้วทุกอย่าง ถ้าจำเป็นต้องสละชีวิตเพื่อรักษาอุดมการณ์ของคนเสื้อแดงก็ต้องทำ

นายขวัญชัย ไพรพนา เผยว่า ที่ประชุมนปช.วางมาตรการเคลื่อนไหวของมวลชนในวันที่ 20 เม.ย.ไว้ชัดเจนแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เกรงว่ารัฐบาลจะสกัดกั้น ทำให้แนวทางการเคลื่อนไหวไม่บรรลุวัตถุประสงค์ ทั้งนี้ คนเสื้อแดงทั้งจากภาคเหนือและภาคอีสานกำลังทยอยเดินทางเข้ากรุงเทพฯ และจะถึงสี่แยกราชประสงค์ในช่วงเช้าวันที่ 19 เม.ย. ซึ่งจะได้มีการประชุมเพื่อกำหนดท่าทีเพื่อเดินทางไปยังกรมทหารราบที่ 11 อีกครั้ง ขณะนี้ที่ประชุมแกนนำรับทราบแล้ว นายจตุพรเห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว ส่วนแกนนำคนอื่นๆ ยังสงวนท่าที จะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนอีกครั้งในวันที่ 19 เม.ย. เมื่อเห็นมวลชนเดินทางเข้ามาสมทบ

-ถ้าระดมถึง 2 แสน-ชนะแน่

"มวลชนคนเสื้อแดงที่จะเดินทางมาในวันพรุ่งนี้ เราได้วางยุทธศาสตร์ให้มารวมตัวกันตั้งแต่สถานีรถไฟฟ้าราชดำริต่อกันไปจนถึงบริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.6 สวนลุมพินี หากผู้ชุมนุมมาตามที่กำหนดไว้ ธรรมชาติของการชุมนุม จะขยายพื้นที่ไปถึงย่านสีลม จำนวนประชาชนที่ประเมินไว้ว่าจะมาร่วมชุมนุมในวันพรุ่งนี้จะมีถึง 2 แสนคน ถ้าเป็นไปตามที่คาดหมายจะสามารถดำเนินการขับเคลื่อนมวลชนไปตามยุทธศาสตร์ที่เราวางไว้ หากเป็นเช่นนั้น ชัยชนะของคนเสื้อแดงก็จะอยู่ไม่ไกล" นายขวัญชัยกล่าว

นายขวัญชัย กล่าวอีกว่า ในวันที่ 19 เม.ย. กล่องรับสัญญาณทีวีผ่านดาวเทียมร้อยช่องของพ.ต.ท.ทักษิณ จำนวน 100 กล่องจะมาถึงมือตน หลังจากนั้นจะจัดส่งเพื่อไปติดตั้งในจังหวัดใหญ่ๆ ทั้งภาคเหนือและอีสาน เครื่องดังกล่าวเป็นเครื่องที่นักไอทีของพ.ต.ท.ทักษิณประดิษฐ์คิดค้นขึ้น รัฐบาลจึงไม่สามารถจะสกัดกั้นการตัดสัญญาณได้ หลังจากนี้มวลชนคนเสื้อแดงจะสามารถติดตามสถานการณ์และรับฟังข้อมูลข้อเท็จจริงจากเวทีราชประสงค์

-ประกาศไม่กลัวม็อบเสื้อเหลือง

นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย แกนนำนปช. ปราศรัยบนเวทีถึงมติของกลุ่มพันธมิตรที่ให้รัฐบาลเร่งดำเนินการจัดการกับคนเสื้อแดงภายใน 7 วัน มิฉะนั้นจะออกมาเคลื่อนไหวด้วยตัวเองว่า หากแกนนำพันธมิตรออกมาเคลื่อน ไหว รัฐบาลจะต้องสกัดกั้นอย่างที่เคยทำกับ กลุ่มคนเสื้อแดง ยืนยันว่าเราไม่กลัวคนเสื้อเหลือง จะปักหลักชุมนุมที่นี่จนกว่าจะได้รับชัย ชนะ

จากนั้นนายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ขึ้นเวทีปราศรัยกล่าวโจมตีนายอภิสิทธิ์ว่า นำเงินภาษีประชาชนไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว ด้วยการนั่งเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์ก จากกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ไปหาภรรยาที่ อ.หัวหิน เป็นเรื่องไม่สมควร ยังเอาเงินภาษีซึ่งเป็นของพวกเราพี่น้องคนเสื้อแดงที่มาเรียกร้องประชาธิปไตย และถูกนายอภิสิทธิ์สั่งทหารยิง มาทำซีดีใครฆ่าแดงตอนที่ 1 บิดเบือนข้อเท็จจริง สร้างความเจ็บช้ำให้พี่น้องประชาชนอีก ขอให้พี่น้องประชาชนคนหลากสีที่ออกมาชุมนุมต่อต้านคนเสื้อแดง ยุติการกระทำดังกล่าว หันมาเห็นอกเห็นใจคนเสื้อแดงที่ถูกกระทำจากรัฐบาลบ้าง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงดึกหน่วยรักษาความปลอดภัยของ นปช. เพิ่มมาตรการการรักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะบริเวณถนนพระราม 1 ตั้งแต่แยกปทุมวันจนถึงแยกเฉลิมเผ่า และถนนราชดำริตั้งแต่แยกศาลาแดงจนถึงบริเวณสถานีรถไฟฟ้าราชดำริ โดยมีการสั่งการจากหัวหน้าการ์ดนปช. ให้เน้นการตรวจค้นรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่ผ่านเข้าออกบริเวณดังกล่าวเป็นพิเศษ เนื่องจากเกรงว่าจะมีเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ แทรกซึมที่จะเข้ามาขึ้นตึกสูงในบริเวณดังกล่าว ซึ่งเป็นการคุกคามความปลอดภัยแกนนำและกลุ่มผู้ชุมนุม

-ชี้พธม.หวังให้เกิดปฏิวัติอีก

เวลา 19.00 น. ที่หลังเวทีปราศรัยสี่แยกราชประสงค์ นายจตุพรให้สัมภาษณ์ถึงการชุมนุมใหญ่วันที่ 20 เม.ย.ว่า จะมีพี่น้องประชาชนมาเป็นจำนวนมากจนเต็มในหลายช่วงถนน ตั้งแต่ถ.สีลม สุขุมวิท แยกประตูน้ำ ถ. ราชปรารภ ส่วน ถ.ราชดำริ จะสิ้นสุดเพียงลานพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.6 ยืนยันว่าไม่ไปก้าวล่วงบริเวณใกล้เคียงกับวังสระปทุม ส่วนจะเคลื่อนไปยังสถานที่ราชการสำคัญที่ใดหรือไม่ หน่วยราชการต่างๆ ไม่ใช่เป้าหมายหลักของเราตอนนี้ ถ้าไปจะไปที่ราบ 11 เพื่อปิดเกม แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไปในวันดังกล่าว ยืนยันต่อจากนี้จะไม่มีการเจรจากับรัฐบาลอีก กรณีพ.อ. สรรเสริญขู่จะสลายการชุมนุมและส่งเจ้าหน้าที่ขึ้นไปตามตึกรอบสถานที่ชุมนุมแยกราชประสงค์นั้น พ.อ.สรรเสริญไม่สามารถขู่คนเสื้อแดงได้ ส่วนกลุ่มเสื้อหลากสีไปยื่นหนังสือสนับสนุนรัฐบาลนั้น ยังงงอยู่ว่ากลุ่มคนเสื้อหลากสีไปรวมกันได้อย่างไร พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็ระบุว่าห้ามชุมนุมเกิน 5 คน ทุกอย่างมันผิดหมด ไม่ควรเลือกปฏิบัติ

นายจตุพรกล่าวถึงกลุ่มพันธมิตรขีดเส้นรัฐบาล 7 วันให้จัดการกับคนเสื้อแดงว่า เป็นสูตรเดิมที่พันธมิตรเคยทำเมื่อครั้งรัฐประหาร 19 ก.ย.49 ต้องการให้มีการปฏิวัติรัฐประหารอีกครั้ง ผู้ปฏิวัติจะเป็นใครไม่ทราบ แต่ไม่เชื่อว่าเป็นพล.อ.อนุพงษ์ เพราะเป็นมนุษย์พันธุ์พิเศษ อะไรไม่ชัวร์ 100 เปอร์เซ็นต์จะไม่ทำ แต่สุดท้ายเชื่อว่าการรัฐประหารจะไม่ง่ายแน่นอน สังคมไม่ยอมรับแต่ก็ยังวางใจไม่ได้ เพราะพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีป่วยหนัก อาจเป็นเงื่อนไขให้เกิดการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่ง

-ศอฉ.พอใจด่านจับรถได้เยอะ

เวลา 20.00 น. ที่ ศอฉ. นายปณิธาน วัฒนายากร โฆษกรัฐบาล แถลงภายหลังการประชุม ศอฉ.ช่วงค่ำ ที่มีนายสุเทพเป็นประธาน โดยมีผู้บัญชาการเหล่าทัพ รรท.ผบ.ตร. และกรรมการเข้าร่วมประชุมว่า มีรายละเอียดสำคัญคือ ศอฉ.มีแนวทางชัดเจนว่าจะไม่ให้ขยายพื้นที่การชุมนุมไปยังบริเวณอื่นๆ และจะแจ้งเตือนล่วงหน้า การเตรียมการและการมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปดูแล ทำความเข้าใจกับประชาชนว่ารัฐบาลไม่ต้องการให้สถานการณ์ขยายตัวไปยังพื้นที่อื่นๆ ก็จะมีการดำเนินการอย่างจริงจัง โดยเฉพาะถนนสีลม แต่ไม่อยากให้เกิดการเผชิญหน้า จึงขอร้องให้ทุกฝ่ายร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ และผู้ชุมนุมรักษากฎกติกา ศอฉ.รับทราบการดำเนินการของตำรวจในการตั้งจุดตรวจสอดส่องดูแลกลุ่มบุคคลที่จะเดินทางเข้ามาชุมนุม หากทำผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการ เช่น การยึดรถ การดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลที่เดินทางเข้ามา ยืนยันว่าทหาร ตำรวจ และ จนท.ศอฉ.จะดำเนินการอย่างเคร่งครัด รัด กุม และเพิ่มระดับของความเข้มข้นมากขึ้น เพื่อสกัดกั้นไม่ให้กลุ่มบุคคลที่ทำผิดกฎหมายเดินทางเข้ามาในพื้นที่ที่มีการชุมนุม ซึ่งวันนี้ผลการปฏิบัติถือว่ามีความชัดเจนว่ามีผู้กระทำความผิด ที่อย่างน้อยๆ ก็ถูกตั้งข้อกล่าวหาในหลายด่านแล้ว

-ทุกโรงแรมอย่าให้แกนนำพัก

นายปณิธานกล่าวต่อว่า ฝ่ายกฎหมายได้รายงานว่า หลังจากการออกคำสั่งบุคคลมารายงานตัวทั้งหมด 52 คน มารายงานตัวแล้ว 21 คน ที่ยังไม่มารายงานตัว 31 คน ซึ่งจะต้องมีการดำเนินการตรวจสอบว่าได้รับคำสั่งเรียกตัวถูกต้องหรือไม่ รวมทั้งตรวจสอบภูมิลำเนา ถ้าพบว่าทุกอย่างครบถ้วนฝ่ายกฎหมายจะออกหมายจับคนที่ไม่ดำเนินการตามหมายเรียก โดยมีการปรับเปลี่ยนแนวทางการเรียกให้มารายงานตัว โดยใช้ที่ ศอฉ.ที่เดียว เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนในการประสานงานในการมารายงานตัว ส่วนที่มีการระบุว่า ศอฉ.เตรียมออกคำสั่งเรียกบุคคลเป็นบัญชี 2 นั้น ตอนนี้ยังไม่มีคำสั่งเพิ่มเติม แต่จากนี้จะมีการประเมินว่าจะมีการเรียกบุคคลมาชี้แจงอีกหรือไม่ แต่วันนี้ถือว่าเราได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ค่อนข้างมาก ซึ่งเป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา และการละเมิด ฝ่าฝืน ไม่ทำตามพ.ร.ก. ฉุกเฉิน

โฆษกรัฐบาลกล่าวว่า นอกจากนี้ ทาง ศอฉ.ยังได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่แจ้งขอความร่วมมือกับผู้ประกอบการกิจการโรงแรมหรือที่พักต่างๆ โดยรอบพื้นที่การชุมนุม โดยเฉพาะในบริเวณย่านราชประสงค์ ปทุมวัน ประตูน้ำ และบริเวณใกล้เคียง ไม่ให้มีการให้ที่พักพิงแก่แกนนำผู้ชุมนุม ถ้าใครฝ่าฝืนจะมีความผิดตามกฎหมาย นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังมีการรายงานความคืบหน้าการทำคดีพิเศษ โดยเร่งรัดให้ทหารและตำรวจเป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษผู้ก่อการร้าย ซึ่งการดำเนินการรวบรวมหลักฐานในเรื่องนี้มีความคืบหน้ามาก

-ผบก.น.5-6 รับผิดชอบตึกสูง

ส่วนการที่กลุ่มคนเสื้อแดงจะส่งคนประกบเจ้าหน้าที่ที่ดูแลความปลอดภัยตามตึกสูงรอบพื้นที่การชุมนุมนั้น นายปณิธานกล่าวว่า โดยกฎหมายคนทั่วไปไม่สามารถเข้าไปร่วมรักษาความปลอดภัยได้เหมือนเจ้าหน้าที่ และทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานไม่สะดวก แต่ถ้ามีความไม่มั่นใจหรือสงสัยก็ให้ประสานกับ ศอฉ.ว่าจะใช้วิธีใดในการจัดระบบความปลอดภัยที่ทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายมั่นใจ สำหรับการที่กลุ่มคนเสื้อแดงเรียกร้องให้ใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินกับการชุมนุมของกลุ่มเสื้อหลากสีด้วย ในคำสั่งของ ศอฉ.ตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉินจะห้ามการชุมนุมที่กระทบต่อความมั่นคง สร้างความไม่สงบ และไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงถือว่ากระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนบริเวณแยกราชประสงค์ แต่การชุมนุมของกลุ่มอื่นทำในเวลาสั้นๆ ไม่กระทบการจราจร และไม่กระทบต่อความมั่นคง ก็สามารถทำได้

ด้านพล.ต.ต.บุญส่ง พานิชอัตรา รอง ผบช.น. กล่าวว่า สำหรับการดูแลพื้นที่ย่านสีลมนั้น ได้มีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมากทั้งในส่วนของนครบาลและจากต่างจังหวัดที่ระดมเข้ามา ในการดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนและผู้ประกอบการในพื้นที่ดังกล่าว รวมทั้งจะมีการส่งกำลังตำรวจขึ้นไปดูแลความปลอดภัยตามตึกสูงด้วย โดยมีผู้บัญชาการเหตุการณ์ในวันที่ 20 เม.ย.นี้ คือ ผบก.น.5 และผบก.น.6 ซึ่งจะใช้กำลังตำรวจปราบจลาจล (ปจ.) ร่วมด้วย โดยยืนยันว่าจะพยายามสกัดกั้นไม่ให้ผู้ชุมนุมมีการตั้งเวทีปราศรัยในพื้นที่นี้ ส่วนการรับมือต่อกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะเคลื่อนตัวไปที่อื่นนั้น ได้มีการเตรียมกำลังสำรองไว้อีกส่วนหนึ่งแล้ว


ที่มา.ข่าวสดรายวัน
*********************************************

"พงษ์ศักดิ์" ปัดส่งท่อน้ำเลี้ยงเสื้อแดง แนะทางออกต้องเจรจา

พงษ์ศักดิ์" รายงานตัวศอฉ. ถูกสอบกว่า 3 ชั่วโมง ปัดส่งท่อน้ำเลี้ยงเสื้อแดง แนะ เปิดเจรจาไม่เป็นทางการ ทางออกปัญหาขัดแย้ง

แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทยเปิดเผยว่า สำหรับการเข้ารายงานตัวของนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ต่อศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) เนื่องจากได้รับหมายเรียกจากศอฉ. โดยระหว่างที่คนสนิทของนายพงษ์ศักดิ์ทราบว่านายพงษ์ศักดิ์ได้รับหมายเรียกให้เข้ารายงานตัวนั้น นายพงษ์ศักดิ์ ยังอยู่ที่ฮ่องกง และมีกำหนดการจะเดินทางไปประเทศสหรัฐอเมริกาในวันที่ 19 เม.ย. แต่เมื่อได้รับทราบเหตุผลจากศอฉ.ที่เรียกเข้ามารายงานเพื่อต้องการเจรจาหาทางออกกับสถานการณ์ โดยศอฉ.ได้ให้เหตุผลว่าที่ต้องเจาะจงเป็นนายพงษ์ศักดิ์นั้นเพราะคิดว่านายพงษ์ศักดิ์ เป็นสายตรงของพ.ต.ท.ทักษิณชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเมื่อทราบอย่างนี้นายพงษ์ศักดิ์ก็คิดว่าไม่น่าจะเสียหายอะไร นอกจากนี้ศอฉ.คงต้องมีการถามถึงเรื่องเงินทุนต่างๆก็ต้องชี้แจงไปตามข้อเท็จจริง

สำหรับการเข้ารายงานตัวครั้งนี้บรรยากาศเป็นไปด้วยดีนายพงศ์ศักดิ์ไม่เคร่งเครียดโดยฝ่ายศอฉ. มีตัวแทนเข้าซักถามอาทิ พล.อ.วิโรจน์บัวจรูญ ประธานที่ปรึกษากองทัพบก พล.ต.จิรเดชสิทธิประณีต เลขานุการกองทัพบก พล.อ.พิรุณแผ้วพลสง เสธ.ทบ. เป็นตัวแทนฝ่ายทหารขณะที่ตัวแทนฝ่ายตำรวจ เช่น พ.ต.อ.ศานิตย์มหถาวร รองผบก.ป. ขณะที่ฝ่ายผู้รายงานตัวมีเพียงนายพงษ์ศักดิ์เท่านั้น

ทั้งนี้ภายหลังการเข้ารายงานตัวกว่า3 ชั่วโมงแหล่งข่าวใกล้ชิดนายพงษ์ศักดิ์ เปิดเผยว่า การเข้ารายงานตัวของนายพงษ์ศักดิ์ ครั้งนี้เหมือนเป็นการเข้ามาพูดคุยเพื่อหาทางออกของปัญหาความขัดแย้งในขณะนี้ ซึ่งนายพงษ์ศักดิ์ ก็ได้เสนอทางออกไปว่าควรจะมีการเจรจา แต่ที่ผ่านมาการเจรจาก็ติดอยู่ที่เงื่อนเวลาในการยุบสภา ดังนั้นคิดว่าควรจะมีการเจรจาอีกครั้ง โดยผ่านคนกลาง ซึ่งตนก็ยังไม่ทราบว่าจะเป็นใคร แต่ครั้งนี้ต้องไม่เหมือนครั้งที่ผ่านมา เพราะที่ผ่านมาเมื่อมีการเจรจาผ่านสื่อทำให้ต่างฝ่ายต่างก็ถูกกดดันจากผู้ที่สนับสนุนตัวเองที่ติดตามดูอยู่ ทำให้ตกลงกันไม่ได้ ดังนั้นครั้งต่อไปควรเป็นการเปิดเจรจาอย่างไม่เป็นทางการ เชื่อว่ามีทางออกแน่นอน

แหล่งข่าวกล่าวว่า นายพงษ์ศักดิ์ชี้แจงถึงเรื่องการส่งน้ำเลี้ยงให้กับคนเสื้อแดงว่า ตนเองไม่ได้สนับสนุนคนเสื้อแดงและไม่มีการให้ท่อน้ำเลี้ยงแต่อย่างใด และยินดีที่จะให้ตรวจสอบทุกอย่าง ส่วนความสัมพันธ์กับพ.ต.ท.ทักษิณนั้นนายพงษ์ศักดิ์ ชี้แจ้งว่าก็รู้จักกัน ไปมาหาสู่กันตามปกติ อย่างไรก็ตามฝ่ายศอฉ.ไม่ได้มีการขอร้องผ่านนายพงษ์ศักดิ์ถึงพ.ต.ท.ทักษิณให้หยุดเคลื่อนไหวแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากที่นายพงษ์ศักดิ์เข้ารายงานตัวเสร็จสิ้นแล้ว ทหารก็ได้กันนายพงษ์ศักดิ์ให้ขึ้นรถกลับออกไปทันที โดยให้ออกด้านประตูคลองบางบัว เนื่องจากเกรงว่าหากใช้เส้นทางเดิมคือ ถนนพหลโยธินจะถูกผู้สื่อข่าวดักสัมภาษณ์เพื่อถามสิ่งที่ชี้แจง


ที่มา.กรุงเทพธุรกิจ
************************************************

ซีดี 10 เมษายน เกลื่อนเมือง.. เหรียญคนละด้าน ? สงครามข่าวสาร ศอฉ.-เสื้อแดง ประตูผี ราโชมอน

หลัง เหตุการณ์ สลายการชุมนุม 10 เมษายน สังคมไทย ได้เกิดข้อเท็จจริง 2 ชุด ชุดแรก รัฐบาลและศอฉ. ใช้สื่อรัฐโหมว่า ทหารถูกทำร้าย เสื้อแดงมีผู้ก่อร้าย ใช้ความรุนแรง คลิปของศอฉ. ตอกย้ำ ปฎิบัติการ"คนเสื้อดำ"ที่ใช้อาวุธสงคราม ความจริงอีกชุดมาจากคนเสื้อแดงที่โหมกระแสว่า ทหารทำร้ายประชาชน นายกฯมือเปื้อนเลือด ชั่วโมงนี้ ไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่า อะไรจริงและอะไรเท็จ เพราะนี่คือ สงครามข้อมูลข่าวสาร

หลัง เหตุการณ์ สลายการชุมนุม คนเสื้อแดง ผ่านไป 10 วัน รัฐบาล และศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ. ) ได้เผยแพร่ แผ่นวีดีทัศน์ "ใครฆ่าแดง" ตอนที่ 1 รวมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 53 มอบให้สื่อมวลชน พร้อมเชิญชวน ให้ดาวน์โหลดคลิปวีดีโอได้ที่ www.factreport.go.th

ศอฉ. ต้องการสื่อว่า ปฎิบัติการขอคืนพื้นที่บริเวณสะพานผ่านฟ้า เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 ได้เกิดสถานการณ์ความรุนแรงจากการปะทะของฝ่ายชุมนุม (เสื้อแดง) ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของรัฐ

ศอฉ. อ้างรายงานข่าวสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศ เพื่อตอกย้ำว่า ได้มีกลุ่มผู้ก่อการร้ายแฝงตัวเข้ามาในกลุ่มผู้ชุมนุมที่เรียกร้องประชาธิปไตยโดยบริสุทธิ์ใจ ซึ่งกลุ่มผู้ก่อการร้ายกลุ่มนี้ได้มีการใช้อาวุธสงครามและระเบิด โดยมุ่งหวังให้เกิดความสูญเสีย ทั้งชีวิต และทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่และประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่างไร้มนุษยธรรม เพื่อเป็นการยืนยันถึงปฏิบัติการอันโหดเหี้ยมของกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่แผงตัวเข้าร่วมในกลุ่มผู้ชุมนุม

สำหรับการแจกซีดี ใครฆ่าแดง นั้น ศอฉ. ได้แจกจ่ายให้ประชาชนทั่วไปจำนวน 500,000 แผ่น
ปฎิกริยาความไม่พอใจของคนเสื้อแดง สะท้อนผ่านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย อย่างชัดแจ้ง

โฆษกพรรคเพื่อไทย ได้ทำหนังสือไปยังสื่อมวลชนทุกแขนง รวมถึงสมาคมสื่อทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้ทราบว่ารัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ทำการปิดกั้นสื่อ และละเมิดสิทธิและเสรีภาพในการรับรู้ข่าวสารของประชาชน ด้วยการปิดสถานีวิทยุ โทรทัศน์ดาวเทียม สำนักข่าวและเว็บไซต์ กว่า 1,000 แห่ง ที่นำเสนอข่าวสารการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง

การกระทำของรัฐบาลเป็นการละเมิดต่อสิทธิมนุษยชน และไม่เป็นประชาธิปไตย ภายใต้ปฎิญญาสากลของสหประชาชาติ การชุมนุมประท้วงของคนเสื้อแดงเป็นการเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคม ด้วยการยุบสภาคืนอาจให้กับประชาชน เพื่อเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ประชาชนมองว่ามาจากอำนาจเผด็จการ และไม่เป็นประชาธิปไตย แต่กลับถูกรัฐบาลมองว่า ผู้ชุมนุม หรือกลุ่มคนเสื้อแดง เป็นเครื่องมือทางการเมืองของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ถูกจ้างให้มาชุมนุมขับไล่รัฐบาล นอกจากนี้ยังพบการบิดเบือนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกับเหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงอีกด้วย"

19 เมษายน นี้พรรคเพื่อไทยจะเริ่มส่งหนังสือเปิดผนึกถึงสื่อภายในประเทศ และสมาคมวิชาชีพสื่อต่างๆ ในประเทศไทย และจำทำการแปลเป็นภาษาอังกฤษ ส่งไปยังสมาคมสื่อต่างประเทศ เพื่อให้มีการนำเสนอข่าวสารที่ถูกต้อง เพื่อให้สื่อทำได้ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเผยแพร่ข่าวสารที่ถูกต้องรอบด้าน และเสนอข่าวสารทั้งสองฝ่ายอย่างเป็นธรรม เพื่อลดความขัดแย้งที่รุนแรง และบานปลายในสังคมไทยขณะนี้ จากการนำเสนอข่าวสารที่ไม่รอบด้าน" นายพร้อมพงศ์ กล่าว

จากการสำรวจของ ผู้สื่อข่าว ในพื้นที่ชุมนุมของคนเสื้อแดง ย่านราชประสงค์ ช่วงระหว่างวันที่ 17-18 เมษายน พบว่า มีการจำหน่าย ซีดี โดยใช้ชื่อ ปกว่า ภาพเหตุการณ์ 10 เมษายน 2553 ทหารฆ่าประชาชน ในแผ่นซีดี มีภาพ 17 คลิป รวมถึง ภาพจากสำนักข่าว ฝรั่งเศส และภาพ ชายถือธง ที่ถูกยิงเข้าที่หัว
อย่างไรก็ตาม หลายคลิป จะมีเสียงสั่งการจากผู้คุมม็อบว่า อย่าทำร้ายทหาร และเสียงห้ามผู้ชุมนุมให้ หยุดการทำร้ายทหาร
แต่จากการสำรวจพบว่า ภาพเหตุการณ์ 10 เมษายน ของคนเสื้อแดง มีหลายเวอร์ชั่น จากหลายมุมกล้อง
แผ่นซีดีของ คนเสื้อแดง ขายใน ราคาแผ่นละ 50 บาท ซึ่งปรากฎว่า ขายได้พอสมควร

อย่างไรก็ตาม หลายคลิปของ ศอฉ. และ คนเสื้อแดง เป็นคลิปเดียวกัน แต่ต่างกันที่คำอธิบาย ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
จากเหตุการณ์ วันที่ 10 เมษายน แต่คนที่เกี่ยวข้อง ต่างอธิบายกันไปคนละทิศทาง
ศอฉ. พยายาม ตอกย้ำว่า มีกลุ่มผู้ก่อการร้ายแฝงตัวอยู่ในเสื้อแดง
ขณะที่ เสื้อแดง อ้างว่า ทหารทำร้ายประชาชน
ส่วนนักข่าวสีเหลืองก็เห็นภาพคนละภาพกับนักข่าวสีแดง
สรุปแล้ว ไม่มีใครพูดจริง เหมือน กับเรื่อง ราโชมอน ที่เล่าเรื่อง เหตุฆาตกรรมที่ประตูผี ราโชมอน
ซามูไร ถูกโจรฆ่า จากนั้น โจรได้ข่มขืนภริยาของซามูไร

แต่เมื่อ ตัวละคร แต่ละคนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่ว่า จะเป็นพระ หรือ ผีซามูไร หรือ ภริยาของซามูไร หรือ โจร เองก็เล่าเรื่องไปคนละทาง
เสมือนจะบอกว่า มนุษย์ไม่มีความคงเส้นทางวา เชื่อถือไม่ได้
เช่นเดียวกับ เหตุการณ์ 10 เมษายน ต่างฝ่ายต่างพูดในสิ่งที่ตัวเอง ดูดีที่สุด !!!!


ที่มา.ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
************************************************

วันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2553

พันธมิตรฯมา แล้ว ขีดเส้น7วัน 'จำลอง'ลั่นชนะแน่

พันธมิตรฯออกแถลงการณ์ 6 ข้อ ขีดเส้น 7 วันให้รัฐบาลจัดการม็อบเสื้อแดงเด็ดขาด พ้นกำหนด 7 วัน ออกเคลื่อนไหวทันที จี้รัฐเป็นเจ้าภาพปฏิรูปประเทศ พร้อมเปิดโอกาสให้ประชาชนร่วม "พล.ต.จำลอง" ลั่น พลังเสื้อเหลืองเตรียมระดมพล และชนะแน่ เอาเมืองไทยไม่อยู่ไม่เลิก...

เมื่อเวลา 16.00 น. 18 เม.ย. ที่อาคารนันทนาการ มหาวิทยาลัยรังสิต พล.ต.จำลอง ศรีเมือง, นายภิภพ ธงชัย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ และนายสุริยะใส กตะศิลา แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาชน โดยนายภิภพ ได้อ่านแถลงการณ์พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ฉบับที่ 8/2553 ว่า แกนนำกลุ่มพันธมิตรได้ประชุมและวิเคราะห์ประเมินสถานการณ์แล้ว จึงขอแถลงการณ์ 6 ข้อดังนี้

1.ขอแสดงความเสียใจและไว้อาลัยเจ้าหน้าที่ทหาร และเหยื่อคนเสื้อแดงที่เสียชีวิตไปเมื่อเหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย. และ ขอประณามกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่ก่อเหตุถือเป็นการกระทำที่อำมหิต

2.รัฐบาลจะต้องบังคับใช้กฎหมายจัดการกับผู้ก่อการร้ายอย่างเร่งด่วน ทันที หากไม่ดำเนินการภายใน 7 วัน กลุ่มพันธมิตรฯก็จะทำหน้าที่พลเมืองในการพิทักษ์ชาติ ราชบังลังท์ทันที

3. ตามที่กลุ่มพันธมิตรฯได้เตือนแล้วว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นการรวมกันของกลุ่มคน 3 กลุ่ม ประกอบด้วยคนเสื้อแดง นักการเมือง และกองกำลังติดอาวุธ จะนำไปสู่ความสูญเสียและรุนแรง วันนี้ประจักษ์ข้อเท็จจริงทุกประการ และมีกลุ่มก่อการร้ายอยู่ในขบวนการระบอบทักษิณชัดเจน ดังนั้นขอเรียกร้องแกนนำคนเสื้อแดงให้เห็นแก่ชีวิตคนเสื้อแดง หยุดนำศพมาเป็นเครื่องสังเวย สร้างความโกรธแค้น หวังเพียงเพื่อเอาชนะทางการเมืองอย่างเดียว ขอให้แกนนำแสดงจิตรับผิดชอบโดยสลายการชุมนุม เพื่อรักษาชีวิตผู้ชุมนุม อย่าให้ตกเป็นเหยื่อสังหารครั้งนี้

4. ขอให้ประชาชน ผู้สนับสนุน หรือแกนนำที่หลงผิด ได้ถอนตัวออกจากการสับสนุนกลุ่มคนเสื้อแดงทันที

5. ขอให้กลุ่มคนพันธมิตรฯทุกจังหวัด ทุกพื้นที่ เข้าร่วมกิจกรรมของกลุ่มต่างๆ ที่รักษาชาติได้อย่างเต็มที่

และ 6. ปัญหาครั้งนี้มาจากโครงสร้างทางด้านเศรษฐกิจ ดังนั้นการแก้ไขปัญหาต้องให้รัฐบาลจัดการ และเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามาปฏิรูป ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม อย่างเป็นรูปธรรมโดยเร่งด่วน

ทางด้าน พล.ต.จำลอง กล่าวว่า บัดนี้เป็นมติของแกนนำ เป็นหน้าที่ของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ เมื่อกำหนดไว้ดังนี้ ต้องทำตาม 7 วัน เตรียมปักหลักกันอีกครั้ง เอาเมืองไทยไม่อยู่ไม่เลิก เราชนะแน่ เมื่อพ้น 7 วัน แกนนำจะมีการวิเคราะห์สถานการณ์และพร้อมที่จะใส่เสื้อเหลืองออกมา ใครพร้อมที่จะสู้ก็ออกมาเลย ใครอยู่บ้านก็ให้รอดูพร้อมฉลองชัยชนะพร้อมๆ กัน

ขณะที่นายสุริยะใส กล่าวว่า การออกมาครั้งนี้ไม่ใช่เป็นการกดดันรัฐบาล หรือกดดันสังคม แต่เป็นการทำไปเพื่อประโยชน์ของชาติ ซึ่งมีมติว่าหากภายใน 7 วันไม่มีอะไรดีขึ้น แกนนำพันธมิตรฯทั้งรุ่นแรกและรุ่นสอง จะกำหนดการเคลื่อนไหวทันที จะมีการนำรูปแบบการชุมนุมที่ผ่านมาที่ประทับใจในอดีต มาพิจารณาทันที พร้อมกันนี้จะปรับเอเอสทีวีให้ทันกับสถานการณ์ต่อไป


ที่มา.ไทยรัฐออนไลน์
***********************************************

แดงคืนพื้นที่ปทุมวันบางส่วน ส่งการ์ดประกบทหารบนตึก

"ผบก.น 1" เข้าหารือ "จุตพร" ขอคืนพื้นที่ปทุมวันบางส่วน คืนปืนให้ศอฉ. "ตู่" รับปากหมด ส่งการ์ดประกบทหารบนตึก ย้ำไม่จำเป็นต้องตั้งเวทีสีลีม...

เมื่อเวลา 13.45 น. 18 เม.ย. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 เดินทางมาหารือกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โดยพล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า ขอให้ผู้ชุมนุมคืนพื้นที่บางส่วนของสี่แยกปทุมวัน และให้ถอยร่นไปอยู่ที่แยกเฉลิมเผ่า เนื่องจากกีดขวางจรจาร และได้ขอให้งดใช้เครื่องขยายเสียงบริเวณโรงพยาบาลจุฬา เนื่องจากสมเด็จพระสังฆราชได้รักษาพระวรกายอยู่ โดยทางแกนนำได้รับปากทั้ง 2 จุด

นายจตุพร กล่าวว่า จะดำเนินการตามที่ร้องขอ แต่สำหรับเรื่องอาวุธปืนนั้น เราก็จะพยายามสืบเสาะมาให้ แต่ขอให้เข้าใจด้วยว่าประชาชนไม่มีอาวุธปืน หลังจากเหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย. กลุ่มคนเสื้อแดงสูญเสียชีวิตโดนยิงจากตึกสูง ดังนั้นตรงนี้เพื่อเป็นการไม่ประมาท เราจึงขอให้คนของเราร่วมสังเกตการณ์ด้วย หากพบว่ามีการส่งทหารเข้ามาจริง ก็จะให้คนตามประกบเลย ส่วนการขยายพื้นที่ชุมนุมนั้น ต้องประเมินว่ามีผู้ชุมนุมมากน้อยเพียงใด หากมามากก็คงเป็นธรรมชาติที่จะขยายไปถึงถนนสีลมได้ แต่ไม่จำเป็นต้องไปตั้งเวทีปราศรัย


ไทยรัฐออนไลน์
************************************************

ชุดกองร้อยควบคุมฝูงชน155นาย เข้ากรุงสับเปลี่ยนกำลัง

พ.ต.อ.สุนทร เฉลิมเกียรติ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา เป็นประธานในการปล่อยแถวชุดกองร้อยควบคุมฝูงชน กองร้อยที่ 2 กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา จำนวน 155 นาย ที่ออกเดินทางเข้ากรุงเพมหานครเพื่อสับเปลี่ยนกำลังในการสนับสนุนการรักษาความสงบเรียบร้อยในช่วงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงใน กทม. ภายใต้การควบคุมดูแลของ พ.ต.อ.อนิรุทธ์ อิ่มอาบ ผกก.สภ.คอหงส์ โดยได้เน้นย้ำไม่ให้ชุดควบคุมฝูงชนพกพาอาวุธ และให้อยู่ในระเบียบวินัยปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาอย่างเคร่งครัด อีกทั้งการปฏิบัติตนในขณะปฏิบัติหน้าที่จะต้องสามารถปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับหน่วยอื่นที่เข้าปฏิบัติการรักษาความสงบเรียบร้อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยยึดหลักว่ามาเพื่อปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจ

ชุดกองร้อยควบคุมฝูงชนในพื้นที่จังหวัดสงขลามีทั้งหมด 5 กองร้อย รวมทั้งของตำรวจภูธรภาค 9 อีก 1 กองร้อย ที่ช่วยเสริมและสนับสนุนกำลังชุดควบคุมฝูงชนของจังหวัดแต่ละจังหวัดในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 9 ขณะนี้ชุดกองร้อยควบคุมฝูงชนตำรวจภูธรภาค 9 ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่กรุงเทพมหานคร และกองร้อยควบคุมฝูงชน กองร้อยที่ 2 ที่กำลังออกเดินทางในเย็นวันนี้(18 เม.ย. ) จะไปทำการสับเปลี่ยนกำลัง


ที่มา.เนชั่นทันข่าว
***********************************************

เสื้อแดงสั่งเก็บปืนปลอม หวั่นถูกรบ. กล่าวหาพกอาวุธ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันนี้ มีการปราศรัยของแกนนำสลับกับการร้องเพลงตามปกติ ส่วนผู้ชุมนุมยังคงปักหลักตามเต๊นท์ที่พัก เนื่องจากอากาศค่อนข้างร้อน ทั้งนี้ช่วงหนึ่งของการปราศรัย นายวิสา คัญทัพ แกนนำนปช. ได้ประกาศบนเวทีปราศรัยว่า ขณะนี้มีการนำปืนปลอมเข้ามาขายภายในพื้นที่การชุมนุม ดังนั้นขอให้การ์ด นปช. ไปตรวจสอบที่บริเวณหน้าห้างเซ็นทรัลเวิรล์ เพื่อไม่ให้ผู้ชุมนุมไปซื้อและนำมาพก เพราะอาจทำให้เจ้าหน้าที่เกิดความเข้าใจผิดได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ยังได้นำใบปลิว ที่คัดลอกมาจากหนังสือพิมพ์มติชนสุดสัปดาห์ฉบับวันที่ 16-22 เม.ย. ซึ่งหน้าปกเป็นการนำโลงศพสีแดงของคนเสื้อแดงที่วางไว้ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย 1 ล้านใบ รวมทั้งซีดีชื่อ "ความจริง 10 เม.ย. ใคร ? ฆ่าประชาชน" จำนวน 1 ล้านแผ่น มาแจกให้กับผู้ชุมนุม โดยเนื้อหาของซีดีเป็นการประมวลภาพเหตุการณ์ตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค. จนถึงวันที่ 10 เม.ย. ซึ่งเนื้อหาส่วนใหญ่จะบอกเล่าเรื่องราวในทำนองที่ว่าคนเสื้อแดงทำผิดอะไร ทำไมถึงต้องตาย



ที่มา.เนชั่นทันข่าว
************************************************

เกมสุดท้ายรัฐบาล-เสื้อแดง จับตา"มาร์ค" ถอดใจ ดัน"เสธ. หนั่น"ขึ้นนายกฯ มือประสาน 10 ทิศ

สมรภูมิระหว่างรัฐบาลกับเสื้อแดง ย้ายจาก ผ่านฟ้าฯ ไปสู่ ราชประสงค์ ยิ่งนานวัน บ้านเมือง ยิ่งวังเวง ไร้ทางออก หากทหารเข้าสลายม็อบอีกครั้ง อาจเกิดความสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุด บางทีกลางเมืองหลวงอาจเหลือแต่ซากตึก ทางออกจากวิกฤตที่ถูกเสนอขึ้นมาจากทุกภาคส่วน ถูกปัดทิ้ง แต่แล้ว จู่ ๆ ชื่อ เสธ.หนั่น ก็โผล่ขึ้นมาเป็นทางเลือก ในชั่วโมงที่ อภิสิทธิ์ ถอดใจ !!!

นับตั้งแต่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือคนเสื้อแดงเริ่มต้นชุมนุมครั้งใหญ่ในวันที่ 12 มีนาคม 2553 เป็นต้นมามีจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่ถูกคาดหมายว่าจะพลิกโฉมหน้าสถานการณ์หลายต่อหลายครั้ง
อย่างไรก็ตามการเปิดโต๊ะเจรจาร่วมกันระหว่างแกนนำ นปช.และนายกรัฐมนตรีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 2 ครั้ง 2 รอบ ไม่อาจก้าวข้ามไปถึงข้อยุติของทั้ง 2 ฝ่าย

กระทั่งสถานการณ์ที่รุนแรงเข้าขั้น "จลาจล" ในคืนวันที่ 10 เมษายน 2553 มีการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ทหารซึ่งได้รับคำสั่งให้ "ทวงพื้นที่คืน" กับกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงที่ต้องการรักษาพื้นที่สะพานผ่านฟ้าเอาไว้ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 24 ราย มีผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวอีกหลายร้อยคน

ทว่าท่าทีของทั้ง 2 ฝ่ายหลังจากนั้นก็ยังมิได้ลดดีกรีความเข้มข้นในการเผชิญหน้ากัน สมรภูมิข่าวและการช่วงชิงด้านข่าวสารปะทุขึ้นมาแทน ด้วยความมั่นใจของแต่ละฝ่ายว่า จะสามารถรักษาความได้เปรียบของตนไปจนกระทั่งได้รับชัยชนะในที่สุด

ดูเหมือนโอกาสที่โต๊ะเจรจาจะเปิดขึ้นสำหรับทั้ง 2 ฝ่ายจะเป็นไปได้ยากมากขึ้นเป็นลำดับ ตราบเท่าที่ นปช.และคนเสื้อแดงยังปักหลักอยู่ที่เงื่อนไข "ยุบสภาทันที" ขณะที่รัฐบาลและศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ก็มั่นใจกับยุทธศาสตร์ที่สามารถพลิกสถานการณ์ สร้างกระแสการยอมรับจากสาธารณะได้ในระดับหนึ่ง จึงเดินหน้ายุทธการที่จะ "เอาชนะ" ให้ได้เช่นเดียวกัน
หากประเมินสถานการณ์จากความเคลื่อนไหวของแกนนำ นปช.นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย. 2553 จะพบว่ากลุ่มแกนนำ นปช.มีความเชื่อมั่นสูงว่าโอกาสที่จะได้รับชัยชนะใกล้เข้ามา เมื่อรัฐบาลตัดสินใจใช้กำลังจนนำไปสู่ความสูญเสียทั้งฝ่ายพลเรือนผู้ชุมนุมและฝ่ายทหาร

ยิ่งไปกว่านั้น การตัดสินใจครั้งสำคัญทางยุทธวิธีที่ย้ายเวทีชุมนุมมาร่วมปักหลักบริเวณสี่แยกราชประสงค์ เสริมแนวป้องกัน เต็นท์รองรับผู้ร่วมชุมนุมขยายออกไปทั้งในแนวถนนราชดำริ ถนนเพลินจิต และถนนพระรามที่ 1 ถือเป็นการเลือกชัยภูมิที่มั่นในลักษณะที่กุมหัวใจหรือศูนย์กลางทางการค้าของกรุงเทพฯเอาไว้แบบเบ็ดเสร็จ ในแง่การจัดการก็คล่องตัวมากขึ้นเนื่องจากไม่ต้องดูแลหลายจุด

แต่ที่สำคัญคือ จุดนี้มีความเปราะบางที่จะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงมากที่สุด หากรัฐบาลหรือกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร-ตำรวจจะตัดสินใจเข้าสลายการชุมนุม นำไปสู่การปะทะหรือสภาวะจลาจลแบบที่เกิดขึ้นมาแล้วเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2553
บวกเข้ากับกำลังสนับสนุนและจำนวนผู้ชุมนุมที่ยังหนาแน่นแล้ว องค์ประกอบเหล่านี้ทำให้แกนนำคนเสื้อแดงยังยึดกุมข้อต่อรองเอาไว้ที่ "ยุบสภา" เพียงสถานเดียวเท่านั้น

หากประเมินความเคลื่อนไหวของฝ่ายรัฐบาล ซึ่งในช่วงหลังเหตุการณ์ 10 เมษา แทบจะเป็นบทบาทของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะผู้รับผิดชอบหลัก และทำงานร่วมกับแกนนำฝ่ายกองทัพอย่างใกล้ชิด
นอกเหนือไปจากกลยุทธ์การดำเนินการอย่างรัดกุม ยึดข้อกฎหมายตามขั้นตอนมาตลอดแล้ว แม้เหมือนจะเกิดข้อผิดพลาดจนทำให้ตกอยู่ในภาวะเพลี่ยงพล้ำจากกรณี "ขอพื้นที่คืน" เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 แต่หลังจากตอบโต้ด้วยการใช้สื่อให้ข้อมูลความจำเป็นของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร เปิดประเด็นเรื่องความรุนแรงของผู้ชุมนุม และการเข้ามามีบทบาทของ "มือที่ 3" และ "ผู้ก่อการร้าย" ดูเหมือนความมั่นใจจะยังคงอยู่และพร้อมที่จะเดินหน้าจัดการกับการชุมนุมด้วยความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น

โดยมีกลุ่มพลังสนับสนุนในนาม "ผู้ชุมนุมหลากสี" ที่เคลื่อนไหวครั้งใหญ่หน้ากรมทหารราบที่ 11 เมื่อวันที่ 16 เม.ย. 2553 มาเป็นจุดเชื่อมรับ

เช่นเดียวกับปฏิบัติการ "บุกจับกุมแกนนำ-ผู้ก่อการร้าย" ที่โรงแรมเอส.ซี. ปาร์ค (โรงแรมที่เชื่อมโยงไปถึงกลุ่มอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร) ของตำรวจคอมมานโดในช่วงเช้าของวันที่ 16 เม.ย. 2553 แม้จะไม่บรรลุเป้าหมายแต่ก็ได้ผลในเชิงการเมือง เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่า แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนไม่น้อยใช้ห้องพักของโรงแรมแห่งนี้เป็นที่พักระหว่างการชุมนุมในช่วงที่ผ่านมาโดยตลอด
เมื่อท่าทีของทั้ง 2 ฝ่ายยังเผชิญหน้ากันอย่างแข็งกร้าวเช่นนี้ ดูเหมือนทางออกหรือโอกาสที่จะเป็นไปได้ก็มีไม่มากนัก

ทางเลือกที่ 1 หากรัฐบาลและกองทัพมั่นใจในการเดินหน้าใช้ไม้แข็งก็มีโอกาสที่จะได้เห็นการเดินหน้าจับกุมแกนนำและสลายการชุมนุมในที่สุด โดยกลไกทาง "กองทัพ" ที่พร้อมจะเข้ามารองรับในรูปแบบของการปฏิบัติการเต็มอัตราศึก
ทางเลือกดังกล่าวต้องไม่ตัดเงื่อนไขที่อาจพัฒนาไปถึงระดับของการปฏิวัติ หรือปฏิวัติเงียบในอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งแม้จะไม่ใช่สิ่งที่ทุกฝ่ายปรารถนา แต่หากสถานการณ์บังคับก็ยังเป็นตัวเลือกที่ยังตัดทิ้งไม่ได้

ทางเลือกที่ 2 หากรัฐบาลไม่สามารถแบกรับแรงกดดันจากหลาย ๆ ฝ่ายอันเนื่องมาจากยุทธการ "จับราชประสงค์เป็นตัวประกัน" ของคนเสื้อแดงใช้ได้ผลในรูปแบบเดียวกับที่เคยมีการปิดสนามบินสุวรรณภูมิ ก็อาจนำไปสู่ทางเลือก 2 ทาง ได้แก่ 2.1 ตัดสินใจยุบสภาแบบมีเงื่อนไข หรือ 2.2 เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีภายในกลุ่มขั้วพรรคการเมืองเดิม

ล่าสุด มีกระแสข่าวเกี่ยวกับการเสนอให้จัดตั้งรัฐบาลสมานฉันท์ หรือรัฐบาลคั่นเวลา โดยมีชื่อของ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ถูกชงขึ้นมา
สูตรนี้ เกิดขึ้นในเงื่อนไขที่ว่า อภิสิทธิ์ ถูกกดดันอย่างสูง ไม่สามารถเป็นนายกฯ ต่อไปได้ เพราะถูกแรงต้านอย่างหนัก
จากเหตุการณ์ 10 เมษายน ที่เป็นเสมือนตราบาปของนายกฯ หนุ่มไปตลอดกาล
และมีแนวโน้มว่า นายอภิสิทธิ์ จะอำลาการเมือง ไปตลอด เพราะเบื่อหน่าย และอยากมีความสุขกับชีวิตส่วนตัว
บางที นายอภิสิทธิ์ อาจกลับไปเป็นอาจารย์สอนหนังสือ

ขณะที่ พล.ต.สนั่น เป็นนักการเมืองที่มากด้วย บารมี ด้วยบทบาทการเล่นการเมืองในลักษณะของการสร้างมิตรมากกว่าสร้างศัตรู ไม่เฉพาะกับนักการเมืองด้วยกันเอง กับข้าราชการ และนักธุรกิจ พล.ต.สนั่น ได้สร้างบุญคุณให้กับใครต่อใครและหลายๆ คนพร้อมจะช่วยเหลือทันทีหากมีการร้องขอ

แหล่งข่าว เผยว่า สูตร พลตรีสนั่น เป็นนายกฯ มีการหารือมาก่อนเหตุการณ์ 10 เมษายน โดยสูตรนี้ พลตรีสนั่น จะเป็นนายกฯ เพียง 6เดือนก่อนยุบสภา

สูตรนี้ จะเป็นการถอนคนละก้าว และจะทำให้ กลุ่มคนเสื้อแดง พอใจและยุติการชุมนุมบริเวณราชประสงค์
บุคคลิกของ พลตรี สนั่น ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันคือ การประนีประนอม กับทุกฝ่าย ซึ่งตรงข้ามกับ นายกฯอภิสิทธิ์ ที่ติดภาพพันธมิตรฯ มากเกินไป และแข็งเกินไป
จนทำให้ เกิดการเผชิญหน้า และนำบ้านเมืองไปสู่วิกฤตทางตัน !!!



ที่มา.ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
*****************************************************