ส.ส.เพื่อไทย บุกเอ็นบีที-ไทยพีบีเอส ขอเวลาออกอากาศชี้แจงเกี่ยวกับการสลายการชุมนุม ปัด "ศอฉ." ไม่ส่งคนเข้าไปชี้แจง แต่ให้ทนายทำหนังสือแทนต้องการให้ชี้แจงเรื่องอะไร
ส.ส.เพื่อไทย บุกเอ็นบีที-ไทยพีบีเอส ขอเวลาออกอากาศชี้แจงเกี่ยวกับการสลายการชุมนุม
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 16 เมษายน ส.ส.พรรคเพื่อไทย นำโดย น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม พร้อมด้วยนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล ส.ส. แพร่ นางฐิติมา ฉายแสง ส.ส.ฉะเชิงเทรา นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรค ได้เดินทางมาที่สถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (เอ็นบีที) เพื่อยื่นหนังสือเพื่อขอเวลาออกอากาศชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 เม.ย. โดยมีนายสืบพงศ์ นุตริยทัศน์ ผู้อำนวยการส่วนเทคโนโลยี มารับหนังสือแทน
น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า ขณะนี้ช่องเอ็นบีที ซึ่งเป็นสื่อของรัฐ ได้ชี้แจงข้อมูลเพียงฝ่ายเดียว ซึ่งมีการบิดเบือนข้อเท็จจริง ทำให้ประชาชนสับสนและเข้าใจผิด ดังนั้นจึงอยากขอเวลาออกอากาศ เพราะความจริงช่องเอ็นบีทีน่าจะเป็นเครื่องมือของประชาชน ไม่ใช่เป็นเครื่องมือของรัฐบาลหรือใครคนใดคนหนึ่ง
ด้านนายสืบพงศ์ กล่าวว่า จะนำเรื่องดังกล่าวเรียนกับผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ เพราะตนไม่มีอำนาจจะอนุญาต ทำให้นายอนุดิษฐ์ กล่าวว่า ในเมื่อช่องเอ็นบีทีไม่พร้อม ตนก็จะพยายามหาช่องทางเพื่อขอเวลาชี้แจงในโอกาสต่อไป และต่อจากนี้จะเดินทางไปยื่นหนังสือที่สถานีโทรทัศน์ทีวีไทยต่อไป
จากนั้นเวลา 12.00 น.ได้เดินทางไปยังสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เพื่อยื่นหนังสือดังกล่าว โดยมีนายยุทธนา วรุณปิติกุล ผ.อ.สำนักข่าว มารับหนังสือ โดยนายยุทธนา กล่าวยืนยันว่า ไทยพีบีเอสเป็นสถานีของประชาชน และฟังเสียงจากประชาชนทุกภาคส่วนจนมีเสียงบอกว่าทำไมทีวีเราแดงจัง แต่เราก็รักษาจุดยืนในการเป็นทีวีสาธารณะมีพื้นที่ให้ทุกฝ่ายแม้จะมีอุดมการณ์ที่แตกต่างกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับการเดินทางยื่นหนังสือขอเวลาออกอากาศจากสถานีต่างๆ นั้น คณะของพรรคเพื่อไทยจะเดินทางไปทุกสถานียกเว้นช่อง 5, 7 และ9 เนื่องจากไดรัรายงานว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำการอยู่เป็นจำนวนมาก
เพื่อไทยบอกปัด "ศอฉ." ไม่ส่งคนเข้าไปชี้แจง แต่ให้ทนายทำหนังสือแทน
ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีที่ศอฉ.โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผอ.ศอฉ. ได้อาศัยอำนาจตาม พ.ร.กการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มาตรา 11(2) ออกคำสั่งเรียกบุคคลที่เป็นนักการเมืองและนักธุรกิจจำนวนประมาณ 60 คน เพื่อมารายงานตัวต่อ ศอฉ. ว่า ผู้ใหญ่ของพรรคและทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทยได้ประชุมหารือกัน โดยเห็นว่ากรณีดังกล่าวเป็นการใช้กฎหมายเป็นเครื่องทางการเมือง เป็นการใช้อำนาจโดยไม่สุจริตและบิดเบือน ผู้ที่ได้รับหนังสือของ ศอฉ. จึงต้องมาพิจารณาดูว่าสมควรหรือไม่ที่จะต้องไปยอมรับอำนาจดังกล่าว เพราะลักษณะการใช้อำนาจเหมือนกับประเทศอยู่ในภาวะของการปฏิวัติรัฐประหาร ซึ่งเป็นการใช้อำนาจอย่างอำเภอใจ ใช้อย่างไรกับใครก็ได้ โดยไม่คำนึงถึงหลักนิติรัฐและหลักนิติธรรม ในส่วนของสมาชิกพรรคเพื่อไทยที่ได้รับหนังสือ ก็จะให้ทนายความดำเนินเพื่อทราบประเด็นว่า ศอฉ.ต้องการให้ชี้แจงเรื่องอะไร หลังจากนั้นก็จะส่งคำชี้แจงเป็นหนังสือให้ทราบ โดยจะไม่ไปชี้แจงด้วยตนเอง เพราะเห็นว่าการออกคำสั่งดังกล่าวเป็นเพียงเกมการเมืองของรัฐบาล เพื่อต้องการสร้างข่าว และทำลายคู่แข่งทางการเมือง โดยหวังผลในการทำลายขวัญกำลังใจของผู้ชุมนุม
“พรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง และ กรรมการ ศอฉ.ทุกคน ยุติการใช้อำนาจตามพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และควรยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินได้แล้ว เพื่อให้สังคมกลับคืนสู่ความสงบสุขต่อไป เพราะถึงประกาศใช้ก็ไม่สามารถบังคับได้ เนื่องจากการใช้กฎหมายดังกล่าวไม่เป็นธรรมกับบางฝ่าย และนับวันจะเพิ่มความขัดแย้งรุนแรงบานปลายออกไป”นายพร้อมพงศ์กล่าว
ที่มา.มติชนออนไลน์
************************************************
วันศุกร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2553
คอมานโดบุกเอสซี ปาร์คบุกจับ แกนนำ นปช.เหลว "อริสมันต์" โรยตัวหนี "รอง ผบช.น." เสียท่าถูกจับเป็นตัวประกัน
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ (ศอฉ.) แถลงข่าวเมื่อวันที่ 16 เม.ย.เวลา 10.00 น.ว่า ขอรายงานการปฏิบัติงานและมาตรการต่างๆ ที่ ศอฉ.จะดำเนินการ โดยขณะนี้ชัดเจนว่า นอกจากจะมีผู้ชุมนุมที่มาเรียกร้องเหตุทางการเมือง ยังมีกลุ่มผู้ก่อการร้ายรวมอยู่ด้วย แล้วได้ปฏิบัติการอย่างชัดเจน เช่น การวางระเบิดเสาไฟฟ้าแรงสูง เพื่อให้ กทม.ไม่มีไฟฟ้าใช้ และการก่อวินาศกรรมที่ร้ายแรงที่สุดคือการโจมตีเจ้าหน้าที่ ในคืนวันที่ 10 เม.ย. โดยใช้อาวุธสงคราม และขอให้ประชาชนที่บริสุทธิ์แยกตัวออกจากกลุ่มผู้ก่อการร้าย ไม่เป็นโล่มนุษย์อีกต่อไป ศอฉ.จะดำเนินการทางกฎหมายโดยเด็ดขาดกับผู้ก่อการร้ายและแกนนำที่ทำผิดกฎหมาย
นายสุเทพ กล่าวอีกว่า ส่วนการดำเนินคดี ศอฉ.มีมติเสนอให้คณะกรรมการคดีพิเศษ ที่จะประชุมในวันนี้ เวลา 10.30 น.ได้รับคดีนี้เป็นคดีพิเศษ แล้วให้ระดม 9 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กองบัญชาการตำรวจสันติบาล สืบสวนเอาตัวการมาลงโทษให้ได้ โดยการประชุมวันนี้ ตนจะเข้าร่วมประชุมด้วย
นายสุเทพกล่าวว่า สำหรับการจับกุมปราบปรามผู้ก่อการร้ายนั้น ได้จัดชุดกระจายกำลังออกไปติดตามจับกุมผู้ก่อกการร้ายและแกนนำ โดยให้ชุดปฏิบัติการพิเศษปิดล้อมโรงแรมเอสซี ปาร์ค เพราะทราบมาว่า ผู้ก่อการร้ายและแกนนำบางส่วนซ่อนตัวอยู่
"นอกจากนี้ จะดำเนินการเรียกผู้ต้องสงสัย ผู้สนับสนุน ให้มารายงานตัวที่กรมทหารราบที่ 11 หากไม่มาจะออกหมายจับ และยังออกหมายบจับเพิ่มเติม ผู้ที่สืบสวนแล้วมีหลักฐานว่าผิดกฎหมายชัดเจน รวมทั้งการค้นหาอาวุธที่ถูกกลุ่มผู้ก่อการร้ายยึดได้ ทางเจ้าหน้าที่จะตรวจค้นสถานที่ต่างๆ ถ้ามีความคืบหน้าเพิ่มเติมจะเรียนให้ทราบ" นายสุเทพ กล่าว
นายสุเทพกล่าวว่า ขอให้บรรดาพี่น้องประชาชนที่ร่วมชุมนุมได้ออกมา เพราะเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องปฏิบัติการโดยเด็ดขาดต่อผู้ก่อการร้าย ไม่ปล่อยให้ดำเนินการที่เสียหายต่อบ้านเมือง และเกรงว่าจะกระทบต่อประชาชน โดยสิ่งที่กังวลใจ คือ ผู้ก่อการร้ายทำร้ายประชาชน โดยโยนความผิดให้เจ้าหน้าที่และสร้างสถานการณ์
นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า ประชาชนได้ออกมาแล้ว จากนี้ให้การเมืองได้แก้ปัญหาตามวิถีทางการเมือง ขอให้ญาติหาทางติดต่อผู้ชุมนุมให้กลับบ้าน ศอฉ.ได้ทำใบปลิวและให้รถขยายเสียงประกาศผู้ชุมนุมให้รับทราบ เพราะผู้ก่อการร้ายแฝงตัวเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อบ้านเมืองและต้องยุติโดยเร็ว ทั้งนี้ ที่แกนนำได้ประกาศบุกสถานที่ราชการ สถานีโทรทัศน์ สถานีวิทยุ รวมทั้งสำนักงานสื่อ เพื่อข่มขู่คุกคามให้ฟังคำสั่งและปฏิบัติตามแกนนำ รัฐบาลยอมรับไม่ได้ และได้สั่งเจ้าหน้าที่ไปคุ้มครองทุกสถานีแล้ว หากแกนนำบุกเข้าไปจะปฏิบัติการโดยเด็กดขาด หากจำเป็นจริงๆ ที่รัฐบาลต้องปฏิบัติการเพื่อหยุดยั้งการข่มขู่คุกคามและการเป็นอันธพาล
นายสุเทพ ยังขอให้ประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตา หากเห็นแกนนำ ผู้ก่อการร้ายซุกตัวที่ไหน ก็ให้แจ้งข่าวเจ้าหน้าที่จะไปจับกุมทันที โดย ศอฉ.แยกออกเป็นสองส่วน 1.การบังคับใช้กฎหมายพิเศษ 2.การติดตามจับกุมปราบปรามเด็ดขาด ส่วนในเรื่องการเมือง บ่ายวันนี้ นายกรัฐมนตรีจะแถลงกับประชาชนว่าจะแก้ไขอย่างไร ขอให้ประชาชนมั่นใจว่า รัฐบาลดำเนินการตามพื้นฐานของกฎหมาย เพื่อให้บ้านเมืองสงบสุข เป็นการปกครองตามกฎหมายอย่างแท้จริง โดยธรรมะและกฎหมายต้องชนะ ไม่ใช่ชนะของฝ่ายการเมืองหรือพรรคการเมือง แต่เป็นพี่น้องทั้งประเทศเพื่อลูกหลานในอนาคต
รายงานข่าวล่าสุดแจ้งว่า ตำรวจหน่วยคอมานโดได้บุกเข้าโรงแรม เอสซี ปาร์ค ถนนพระราม 9 เพื่อจับกุมตัวนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง นายสุภรณณ์ อัตถาวงศ์ นายพายัพ ปั้นเกตุ นายวันชนะ เกิดดี และเจ๋ง ดอกจิก ทำให้กลุ่มเสิ้อแดงที่อยู่รอบๆโรงแรมฮือล้อมบริเวณรอบและบุกเข้าในโรงแรมเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม นายอริสมันต์ได้โรยตัวหนีจากระเบียงชั้นสามของโรงแรมโดยมีกลุ่มเสื้อแดงรอรับอยู่เบื้องล่างและนำตัวไปขึ้นหลังคารถเวทีปราศรัย
นอกจากนั้นยังมีกระแสข่าวว่า ในที่สุดแกนนำ นปช.ทั้งหมดไม่ได้ถูกจับกุม และสามารถกลับไปที่เวทีราชประสงค์ได้ ขณะเดียวกันสามารถจับกุมตัวนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร 4-5นายยศ พ.ต.ท.และนายร้อยตำรวจไปเป็นตัวประกันและนำตัวไปที่สี่แยกราชประสงค์ด้วย
ทั้งนี้ มีรายงานแจ้งว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.45 น. ที่กลุ่มคนเสื้อแดงได้จับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเป็นชุดที่เข้าไปบุกจับตัวแกนนำที่โรงแรมเอสซีปาร์ค หนึ่งในนั้นคือ พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รอง ผบช.น. โดยรายงานข่าวระบุว่า สภาพของ พล.ต.ต.สุเมธ อยู่ในสภา อ่อนล้า พร้อมกับพยายามทำร้าย แต่ก็ถูกแกนนำบางคนห้ามไว้ ด้านตำรวจ ปจ.ก็พยามยามที่จะเข้าช่วยเหลือ แต่ก็ไม่สามารถช่วยเหลือได้ ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมได้นำตัวไป เพื่อใช้ในการต่อรองไม่ให้จับกุมแกนนำ
ที่มา.มติชนออนไลน์
****************************************************
นายสุเทพ กล่าวอีกว่า ส่วนการดำเนินคดี ศอฉ.มีมติเสนอให้คณะกรรมการคดีพิเศษ ที่จะประชุมในวันนี้ เวลา 10.30 น.ได้รับคดีนี้เป็นคดีพิเศษ แล้วให้ระดม 9 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กองบัญชาการตำรวจสันติบาล สืบสวนเอาตัวการมาลงโทษให้ได้ โดยการประชุมวันนี้ ตนจะเข้าร่วมประชุมด้วย
นายสุเทพกล่าวว่า สำหรับการจับกุมปราบปรามผู้ก่อการร้ายนั้น ได้จัดชุดกระจายกำลังออกไปติดตามจับกุมผู้ก่อกการร้ายและแกนนำ โดยให้ชุดปฏิบัติการพิเศษปิดล้อมโรงแรมเอสซี ปาร์ค เพราะทราบมาว่า ผู้ก่อการร้ายและแกนนำบางส่วนซ่อนตัวอยู่
"นอกจากนี้ จะดำเนินการเรียกผู้ต้องสงสัย ผู้สนับสนุน ให้มารายงานตัวที่กรมทหารราบที่ 11 หากไม่มาจะออกหมายจับ และยังออกหมายบจับเพิ่มเติม ผู้ที่สืบสวนแล้วมีหลักฐานว่าผิดกฎหมายชัดเจน รวมทั้งการค้นหาอาวุธที่ถูกกลุ่มผู้ก่อการร้ายยึดได้ ทางเจ้าหน้าที่จะตรวจค้นสถานที่ต่างๆ ถ้ามีความคืบหน้าเพิ่มเติมจะเรียนให้ทราบ" นายสุเทพ กล่าว
นายสุเทพกล่าวว่า ขอให้บรรดาพี่น้องประชาชนที่ร่วมชุมนุมได้ออกมา เพราะเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องปฏิบัติการโดยเด็ดขาดต่อผู้ก่อการร้าย ไม่ปล่อยให้ดำเนินการที่เสียหายต่อบ้านเมือง และเกรงว่าจะกระทบต่อประชาชน โดยสิ่งที่กังวลใจ คือ ผู้ก่อการร้ายทำร้ายประชาชน โดยโยนความผิดให้เจ้าหน้าที่และสร้างสถานการณ์
นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า ประชาชนได้ออกมาแล้ว จากนี้ให้การเมืองได้แก้ปัญหาตามวิถีทางการเมือง ขอให้ญาติหาทางติดต่อผู้ชุมนุมให้กลับบ้าน ศอฉ.ได้ทำใบปลิวและให้รถขยายเสียงประกาศผู้ชุมนุมให้รับทราบ เพราะผู้ก่อการร้ายแฝงตัวเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อบ้านเมืองและต้องยุติโดยเร็ว ทั้งนี้ ที่แกนนำได้ประกาศบุกสถานที่ราชการ สถานีโทรทัศน์ สถานีวิทยุ รวมทั้งสำนักงานสื่อ เพื่อข่มขู่คุกคามให้ฟังคำสั่งและปฏิบัติตามแกนนำ รัฐบาลยอมรับไม่ได้ และได้สั่งเจ้าหน้าที่ไปคุ้มครองทุกสถานีแล้ว หากแกนนำบุกเข้าไปจะปฏิบัติการโดยเด็กดขาด หากจำเป็นจริงๆ ที่รัฐบาลต้องปฏิบัติการเพื่อหยุดยั้งการข่มขู่คุกคามและการเป็นอันธพาล
นายสุเทพ ยังขอให้ประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตา หากเห็นแกนนำ ผู้ก่อการร้ายซุกตัวที่ไหน ก็ให้แจ้งข่าวเจ้าหน้าที่จะไปจับกุมทันที โดย ศอฉ.แยกออกเป็นสองส่วน 1.การบังคับใช้กฎหมายพิเศษ 2.การติดตามจับกุมปราบปรามเด็ดขาด ส่วนในเรื่องการเมือง บ่ายวันนี้ นายกรัฐมนตรีจะแถลงกับประชาชนว่าจะแก้ไขอย่างไร ขอให้ประชาชนมั่นใจว่า รัฐบาลดำเนินการตามพื้นฐานของกฎหมาย เพื่อให้บ้านเมืองสงบสุข เป็นการปกครองตามกฎหมายอย่างแท้จริง โดยธรรมะและกฎหมายต้องชนะ ไม่ใช่ชนะของฝ่ายการเมืองหรือพรรคการเมือง แต่เป็นพี่น้องทั้งประเทศเพื่อลูกหลานในอนาคต
รายงานข่าวล่าสุดแจ้งว่า ตำรวจหน่วยคอมานโดได้บุกเข้าโรงแรม เอสซี ปาร์ค ถนนพระราม 9 เพื่อจับกุมตัวนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง นายสุภรณณ์ อัตถาวงศ์ นายพายัพ ปั้นเกตุ นายวันชนะ เกิดดี และเจ๋ง ดอกจิก ทำให้กลุ่มเสิ้อแดงที่อยู่รอบๆโรงแรมฮือล้อมบริเวณรอบและบุกเข้าในโรงแรมเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม นายอริสมันต์ได้โรยตัวหนีจากระเบียงชั้นสามของโรงแรมโดยมีกลุ่มเสื้อแดงรอรับอยู่เบื้องล่างและนำตัวไปขึ้นหลังคารถเวทีปราศรัย
นอกจากนั้นยังมีกระแสข่าวว่า ในที่สุดแกนนำ นปช.ทั้งหมดไม่ได้ถูกจับกุม และสามารถกลับไปที่เวทีราชประสงค์ได้ ขณะเดียวกันสามารถจับกุมตัวนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร 4-5นายยศ พ.ต.ท.และนายร้อยตำรวจไปเป็นตัวประกันและนำตัวไปที่สี่แยกราชประสงค์ด้วย
ทั้งนี้ มีรายงานแจ้งว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.45 น. ที่กลุ่มคนเสื้อแดงได้จับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเป็นชุดที่เข้าไปบุกจับตัวแกนนำที่โรงแรมเอสซีปาร์ค หนึ่งในนั้นคือ พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รอง ผบช.น. โดยรายงานข่าวระบุว่า สภาพของ พล.ต.ต.สุเมธ อยู่ในสภา อ่อนล้า พร้อมกับพยายามทำร้าย แต่ก็ถูกแกนนำบางคนห้ามไว้ ด้านตำรวจ ปจ.ก็พยามยามที่จะเข้าช่วยเหลือ แต่ก็ไม่สามารถช่วยเหลือได้ ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมได้นำตัวไป เพื่อใช้ในการต่อรองไม่ให้จับกุมแกนนำ
ที่มา.มติชนออนไลน์
****************************************************
เฝ้าประกบจ่อจับ...'แกนนำแดง'
ผ่านพ้นวันมิคสัญญีมาได้ไม่กี่วันก็เข้าสู่เทศกาลสงกรานต์ ภาพความสูญเสีย บาดเจ็บ ล้มตายของผู้ชุมนุมและทหาร สร้างความสะเทือนใจต่อใครหลายคน จนดูเหมือนกับว่าสถานการณ์การชุมนุมอาจจะเดินหน้าไปได้อีกไม่กี่ก้าว กระทั่งเกิดกระแสข่าวเจ้าหน้าที่รัฐจะปฏิบัติการจับกุมแกนนำคนสำคัญของคนเสื้อแดง 24 คน
สาเหตุหนึ่งก็เพื่อยุติการชุมนุมที่ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจอย่างมหาศาลอยู่ในขณะนี้ กระแสข่าวนี้ดูเหมือนจะมีเค้าความจริงเจืออยู่ค่อนข้างมาก ขนาดแกนนำคนเสื้อแดงถึงกับมีมติยุบเวทีผ่านฟ้าลีลาศมารวมอยู่ที่สี่แยกราชประสงค์เพียงแห่งเดียว เพื่อรวมตัวเป็นกลุ่มก้อนยากแก่การบุกเข้ายึดพื้นที่คืนจากกำลังทหารตำรวจ และป้องกันการบุกจับตัวแกนนำ จากนั้นก็คืนพื้นที่ให้แก่กรุงเทพมหานครเปิดการจราจรได้ตามปกติวันที่ 19 เมษายนนี้
ต้องยอมรับว่าการข่าววงในของคนเสื้อแดง ทั้งลึก ละเอียด และมีข้อเท็จจริงที่เชื่อถือได้ ดังนั้น กระแสข่าวปฏิบัติการจ่อจับ 24 แกนนำ จึงไม่ใช่เรื่องที่จะมองข้ามได้
โดยเฉพาะมีข่าวว่าหลังมิคสัญญี 10 เมษายน มีหน่วยงานด้านความมั่นคงเข้ามาร่วมมือกับตำรวจตามเฝ้าประกบแกนนำคนสำคัญที่มีหมายจับตลอดเวลา รอเพียงสัญญาณและสบโอกาสก็จะลงมือปฏิบัติการได้ทันที
"ตอนนี้ชุดสืบสวนของ บช.น.ได้สับเปลี่ยนหมุนเวียนกำลังเฝ้าติดตามประกบแกนนำคนเสื้อแดงที่มีหมายจับไว้หมดแล้ว" นายตำรวจระดับสูงใน บช.น.กล่าวต่อ "คม ชัด ลึก"
นายตำรวจคนเดิมบอกด้วยว่า ก่อนเกิดเหตุรุนแรง 1 วัน ตำรวจได้ประชุมหาแนวทางจับกุมแกนนำ หลังจากศาลอนุมัติหมายจับแกนนำเสื้อแดง ที่มีความผิดตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน 24 คน โดย 7 คนแรกคือกลุ่มที่นำผู้ชุมนุมบุกเข้าไปในรัฐสภา เมื่อวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา ส่วนอีก 17 คนเป็นแกนนำที่ขึ้นเวทีปราศรัยและนำคนมาร่วมชุมนุม แม้จะไม่มีความผิดตามกฎหมายอาญา แต่มีพฤติกรรมก่อความวุ่นวายในสถานการณ์ฉุกเฉิน
อย่างไรก็ดีไม่ได้มีเฉพาะกำลังตำรวจฝ่ายสืบสวนของนครบาลเท่านั้นที่เฝ้าประกบแกนนำทั้ง 24 คน แต่มีหน่วยงานด้านความมั่นคงเข้ามาร่วมเสริมอีกชุดหนึ่ง โดยกำลังทั้งสองส่วนนี้ทำหน้าที่ติดตามประกบแกนนำตลอดเวลาไม่ให้คลาดสายตา ตั้งแต่ยังไม่ได้มารวมตัวอยู่ที่สี่แยกราชประสงค์
"ตอนนี้เรารอคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาระดับสูงก่อนว่า จะสั่งการให้ดำเนินการอย่างไร เพราะตอนนี้เท่าที่ได้รับรายงานมีผู้ชุมนุมอยู่ราวๆ 20,000 กว่าคน และชุมนุมอยู่รวมกันในจุดเดียว ยุทธศาสตร์นี้เจ้าหน้าที่ค่อนข้างเสียเปรียบหลายด้าน ยังคาบลูกคาบดอกอยู่ ระหว่างนี้ก็มีการประชุมหารือกันทุกวัน รอเพียงคำสั่งอย่างเดียว แต่ยังบอกไม่ได้ว่าจะลงมือเมื่อไร อาจจะเร็วๆ นี้" นายตำรวจคนเดิมกล่าว
ทั้งนี้ หากมีการจับกุมแกนนำทั้ง 24 คนจริง ขั้นตอนหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะแยกแกนนำคนที่มีหมายจับคดีอาญาออกมาดำเนินคดีตามที่ปรากฏความผิด ส่วนที่เหลือก็จะนำไปควบคุมยังสถานที่หนึ่งที่ใด ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้กำหนด แต่ไม่ใช่ในเรือนจำเป็นเวลา 7 วัน ดำเนินการสอบปากคำ โดยมีเจตนาไม่ให้ก่อความไม่สงบขึ้นอีก
ด้านตำรวจฝ่ายสืบสวนนอกเครื่องแบบคนหนึ่ง ที่ได้รับมอบหมายภารกิจเฝ้าประกบแกนนำเสื้อแดง บอกว่า เขากับตำรวจอีกหลายชุดตามประกบแกนนำมาตั้งแต่สะพานผ่านฟ้าฯ รู้หมดว่าไปนอนที่โรงแรมไหนบ้าง จนกระทั่งมารวมตัวกันอยู่ที่สี่แยกราชประสงค์ก็ยังตามประกบอยู่
อย่างไรก็ดี สิ่งที่เขาสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน คือ บรรดาแกนนำที่มีหมายจับต่างรวมกลุ่มกันอย่างเหนียวแน่น มีน้อยครั้งมากที่จะปลีกตัวแยกออกไปเป็นกลุ่มเล็กๆ แต่ก็ไม่ถึงกับแยกเดี่ยว เขาตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นเพราะแกนนำรู้ตัวดีว่า ถูกตามประกบและเจ้าหน้าที่พร้อมจับกุมทันทีที่ได้สัญญาณไฟเขียว
"เท่าที่เห็นนอกจากแกนนำแล้ว ยังมีการ์ดเสื้อแดงคอยคุ้มกันอยู่ด้วย ตอนนี้ผมก็รอคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาว่าจะให้ทำอย่างไรเท่านั้น ส่วนแผนปฏิบัติคือตำรวจจะจับกุมแกนนำระดับล่างขึ้นไป เพื่อกดดันแกนนำระดับสูงให้ยุติการชุมนุม" นายตำรวจคนเดิมกล่าว
ส่วนแกนนำที่มีหมายจับทั้ง 24 คน ประกอบด้วย กลุ่มแรก 7 คนที่นำกำลังบุกรัฐสภา ได้แก่ นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก อดีตตลก นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ นางศิริวรรณ นิมิตศิลป์ นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง นายพายัพ ปั้นเกตุ พ.ต.ท.เสงี่ยม สำราญรัตน์ และนายวันชนะ เกิดดี
ส่วนแกนนำอีก 17 คนที่ขึ้นเวทีปราศรัย ได้แก่ นพ.เหวง โตจิราการ นางดารุณี กฤตบุญญาลัย นายจรัล ดิษฐาอภิชัย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายนิสิต สินธุไพร นายวีระ มุสิกพงศ์ นายก่อแก้ว พิกุลทอง นายขวัญชัย สาราคำ หรือไพรพนา นายชินวัฒน์ หาบุญพาด นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย นายอดิศร เพียงเกษ นายวรพล พรหมิกบุตร พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ นายสำเริง ประจำเรือ นายวิสา คัญทัพ นางไพจิตร อักษรณรงค์ และ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง
ที่มา.คมชัดลึก
***********************************************
สาเหตุหนึ่งก็เพื่อยุติการชุมนุมที่ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจอย่างมหาศาลอยู่ในขณะนี้ กระแสข่าวนี้ดูเหมือนจะมีเค้าความจริงเจืออยู่ค่อนข้างมาก ขนาดแกนนำคนเสื้อแดงถึงกับมีมติยุบเวทีผ่านฟ้าลีลาศมารวมอยู่ที่สี่แยกราชประสงค์เพียงแห่งเดียว เพื่อรวมตัวเป็นกลุ่มก้อนยากแก่การบุกเข้ายึดพื้นที่คืนจากกำลังทหารตำรวจ และป้องกันการบุกจับตัวแกนนำ จากนั้นก็คืนพื้นที่ให้แก่กรุงเทพมหานครเปิดการจราจรได้ตามปกติวันที่ 19 เมษายนนี้
ต้องยอมรับว่าการข่าววงในของคนเสื้อแดง ทั้งลึก ละเอียด และมีข้อเท็จจริงที่เชื่อถือได้ ดังนั้น กระแสข่าวปฏิบัติการจ่อจับ 24 แกนนำ จึงไม่ใช่เรื่องที่จะมองข้ามได้
โดยเฉพาะมีข่าวว่าหลังมิคสัญญี 10 เมษายน มีหน่วยงานด้านความมั่นคงเข้ามาร่วมมือกับตำรวจตามเฝ้าประกบแกนนำคนสำคัญที่มีหมายจับตลอดเวลา รอเพียงสัญญาณและสบโอกาสก็จะลงมือปฏิบัติการได้ทันที
"ตอนนี้ชุดสืบสวนของ บช.น.ได้สับเปลี่ยนหมุนเวียนกำลังเฝ้าติดตามประกบแกนนำคนเสื้อแดงที่มีหมายจับไว้หมดแล้ว" นายตำรวจระดับสูงใน บช.น.กล่าวต่อ "คม ชัด ลึก"
นายตำรวจคนเดิมบอกด้วยว่า ก่อนเกิดเหตุรุนแรง 1 วัน ตำรวจได้ประชุมหาแนวทางจับกุมแกนนำ หลังจากศาลอนุมัติหมายจับแกนนำเสื้อแดง ที่มีความผิดตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน 24 คน โดย 7 คนแรกคือกลุ่มที่นำผู้ชุมนุมบุกเข้าไปในรัฐสภา เมื่อวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา ส่วนอีก 17 คนเป็นแกนนำที่ขึ้นเวทีปราศรัยและนำคนมาร่วมชุมนุม แม้จะไม่มีความผิดตามกฎหมายอาญา แต่มีพฤติกรรมก่อความวุ่นวายในสถานการณ์ฉุกเฉิน
อย่างไรก็ดีไม่ได้มีเฉพาะกำลังตำรวจฝ่ายสืบสวนของนครบาลเท่านั้นที่เฝ้าประกบแกนนำทั้ง 24 คน แต่มีหน่วยงานด้านความมั่นคงเข้ามาร่วมเสริมอีกชุดหนึ่ง โดยกำลังทั้งสองส่วนนี้ทำหน้าที่ติดตามประกบแกนนำตลอดเวลาไม่ให้คลาดสายตา ตั้งแต่ยังไม่ได้มารวมตัวอยู่ที่สี่แยกราชประสงค์
"ตอนนี้เรารอคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาระดับสูงก่อนว่า จะสั่งการให้ดำเนินการอย่างไร เพราะตอนนี้เท่าที่ได้รับรายงานมีผู้ชุมนุมอยู่ราวๆ 20,000 กว่าคน และชุมนุมอยู่รวมกันในจุดเดียว ยุทธศาสตร์นี้เจ้าหน้าที่ค่อนข้างเสียเปรียบหลายด้าน ยังคาบลูกคาบดอกอยู่ ระหว่างนี้ก็มีการประชุมหารือกันทุกวัน รอเพียงคำสั่งอย่างเดียว แต่ยังบอกไม่ได้ว่าจะลงมือเมื่อไร อาจจะเร็วๆ นี้" นายตำรวจคนเดิมกล่าว
ทั้งนี้ หากมีการจับกุมแกนนำทั้ง 24 คนจริง ขั้นตอนหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะแยกแกนนำคนที่มีหมายจับคดีอาญาออกมาดำเนินคดีตามที่ปรากฏความผิด ส่วนที่เหลือก็จะนำไปควบคุมยังสถานที่หนึ่งที่ใด ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้กำหนด แต่ไม่ใช่ในเรือนจำเป็นเวลา 7 วัน ดำเนินการสอบปากคำ โดยมีเจตนาไม่ให้ก่อความไม่สงบขึ้นอีก
ด้านตำรวจฝ่ายสืบสวนนอกเครื่องแบบคนหนึ่ง ที่ได้รับมอบหมายภารกิจเฝ้าประกบแกนนำเสื้อแดง บอกว่า เขากับตำรวจอีกหลายชุดตามประกบแกนนำมาตั้งแต่สะพานผ่านฟ้าฯ รู้หมดว่าไปนอนที่โรงแรมไหนบ้าง จนกระทั่งมารวมตัวกันอยู่ที่สี่แยกราชประสงค์ก็ยังตามประกบอยู่
อย่างไรก็ดี สิ่งที่เขาสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน คือ บรรดาแกนนำที่มีหมายจับต่างรวมกลุ่มกันอย่างเหนียวแน่น มีน้อยครั้งมากที่จะปลีกตัวแยกออกไปเป็นกลุ่มเล็กๆ แต่ก็ไม่ถึงกับแยกเดี่ยว เขาตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นเพราะแกนนำรู้ตัวดีว่า ถูกตามประกบและเจ้าหน้าที่พร้อมจับกุมทันทีที่ได้สัญญาณไฟเขียว
"เท่าที่เห็นนอกจากแกนนำแล้ว ยังมีการ์ดเสื้อแดงคอยคุ้มกันอยู่ด้วย ตอนนี้ผมก็รอคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาว่าจะให้ทำอย่างไรเท่านั้น ส่วนแผนปฏิบัติคือตำรวจจะจับกุมแกนนำระดับล่างขึ้นไป เพื่อกดดันแกนนำระดับสูงให้ยุติการชุมนุม" นายตำรวจคนเดิมกล่าว
ส่วนแกนนำที่มีหมายจับทั้ง 24 คน ประกอบด้วย กลุ่มแรก 7 คนที่นำกำลังบุกรัฐสภา ได้แก่ นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก อดีตตลก นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ นางศิริวรรณ นิมิตศิลป์ นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง นายพายัพ ปั้นเกตุ พ.ต.ท.เสงี่ยม สำราญรัตน์ และนายวันชนะ เกิดดี
ส่วนแกนนำอีก 17 คนที่ขึ้นเวทีปราศรัย ได้แก่ นพ.เหวง โตจิราการ นางดารุณี กฤตบุญญาลัย นายจรัล ดิษฐาอภิชัย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายนิสิต สินธุไพร นายวีระ มุสิกพงศ์ นายก่อแก้ว พิกุลทอง นายขวัญชัย สาราคำ หรือไพรพนา นายชินวัฒน์ หาบุญพาด นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย นายอดิศร เพียงเกษ นายวรพล พรหมิกบุตร พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ นายสำเริง ประจำเรือ นายวิสา คัญทัพ นางไพจิตร อักษรณรงค์ และ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง
ที่มา.คมชัดลึก
***********************************************
"วีระ"แฉนายกฯชง10เม.ย.คดีพิเศษ บอกยินดีเป็นหัวหน้าผู้ก่อการร้าย
เมื่อคืนวันที่ 15 เม.ย. นายวีระ มุสิกพงศ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวบนเวทีปราศรัย ว่า ทราบมาว่านายกรัฐมนตรี (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) ได้สั่งให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ชงคดีผู้ก่อการร้ายในเหตุการณ์ วันที่ 10 เม.ย.ขึ้นเป็นคดีพิเศษ เพื่อให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้ามาจัดการ โดยพวกตนยินดีที่ได้เป็นหัวหน้าผู้ก่อการร้ายเสียที ทั้งนี้ ขอท้าให้รัฐบาลตั้งข้อหาเพิ่มเติมว่าเป็นกบฎ หรือข้อหาที่มีโทษประหาร 7 ชั่วโคตรก็ได้ แต่อย่าตั้งข้อหาพรากผู้เยาว์ก็แล้วกัน
นายวีระ กล่าวอีกว่า นปช.จะไม่เข้าไปร่วมเป็นกรรมการสอบข้อเท็จจริง เหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย.เพราะรัฐบาลกินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง และทราบว่าก่อนคืนวันดังกล่าว มีการสั่งให้โรงพยาบาลเตรียมเลือดไว้ ให้หมอพยาบาลพร้อม 24 ชม. และยังสั่งให้สำรวจดาดฟ้ากองสลากกับโรงเรียนสตรีวิทยา ถ้าไม่คิดชั่วจะทำอย่างนั้นทำไม นอกจากนี้ ยังรู้มาว่ารัฐบาลได้คัดมือดีจากตำรวจและทหาร 20-30 คน ไว้คอยอุ้มแกนนำ นปช.เวลาเผลอ จึงยืนยันว่าจะไม่มีการเจรจาอีก รัฐบาลจะต้องยุบสภาให้เร็วที่สุด
ที่มา.มติชนออนไลน์
*************************************************
นายวีระ กล่าวอีกว่า นปช.จะไม่เข้าไปร่วมเป็นกรรมการสอบข้อเท็จจริง เหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย.เพราะรัฐบาลกินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง และทราบว่าก่อนคืนวันดังกล่าว มีการสั่งให้โรงพยาบาลเตรียมเลือดไว้ ให้หมอพยาบาลพร้อม 24 ชม. และยังสั่งให้สำรวจดาดฟ้ากองสลากกับโรงเรียนสตรีวิทยา ถ้าไม่คิดชั่วจะทำอย่างนั้นทำไม นอกจากนี้ ยังรู้มาว่ารัฐบาลได้คัดมือดีจากตำรวจและทหาร 20-30 คน ไว้คอยอุ้มแกนนำ นปช.เวลาเผลอ จึงยืนยันว่าจะไม่มีการเจรจาอีก รัฐบาลจะต้องยุบสภาให้เร็วที่สุด
ที่มา.มติชนออนไลน์
*************************************************
สื่อต่างชาติชี้เสื้อแดงย้ายไปรวมตัวที่ราชประสงค์ ส่งผลทหารจัดการยากขึ้น
ราเชล ฮาร์วีย์ ผู้สื่อข่าวบีบีซีวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่กลุ่มคนเสื้อแดงตัดสินใจเคลื่อนย้ายผู้ชุมนุมทั้งหมดไปรวมตัวกันที่สถานที่ชุมนุมบริเวณแยกราชประสงค์ ซึ่งเป็นแหล่งศูนย์กลางเศรษฐกิจของกรุงเทพฯ เพียงแห่งเดียวว่า เพราะกลุ่มคนเสื้อแดงหวาดกลัวว่าจะถูกปราบปรามครั้งใหม่ ดังนั้น พวกเขาจึงย้ายมารวมตัวกันที่แยกราชประสงค์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่ความมั่นคงไม่อาจบุกเข้าสลายการชุมนุมได้โดยง่าย
ฮาร์วีย์รายงานด้วยว่า ขณะนี้ขอบเขตการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงกินพื้นที่ตั้งแต่บริเวณถนนชิดลมไปจนถึงสนามกีฬาแห่งชาติ นอกจากนี้ ผู้ชุมนุมบางส่วนยังหลบอากาศร้อนตอนกลางวันไปอาศัยอยู่ในสวนลุมพินีด้วย
ขณะที่โทนี เบิร์ตลีย์ ผู้สื่อข่าวของอัลจาซีร่า ก็ได้วิเคราะห์เช่นกันว่า ทหารจะไม่สามารถสลายการชุมนุมที่แยกราชประสงค์ได้โดยง่าย เพราะพื้นที่ดังกล่าวเต็มไปด้วยถนนหลายสายที่สลับซับซ้อน ส่งผลให้มีสถานที่มากมายให้ผู้ชุมนุมได้ใช้หลบซ่อน หรือใช้เป็นด่านกั้นขวางกองกำลังของเจ้าหน้าที่
ที่มา.ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
*************************************************
ฮาร์วีย์รายงานด้วยว่า ขณะนี้ขอบเขตการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงกินพื้นที่ตั้งแต่บริเวณถนนชิดลมไปจนถึงสนามกีฬาแห่งชาติ นอกจากนี้ ผู้ชุมนุมบางส่วนยังหลบอากาศร้อนตอนกลางวันไปอาศัยอยู่ในสวนลุมพินีด้วย
ขณะที่โทนี เบิร์ตลีย์ ผู้สื่อข่าวของอัลจาซีร่า ก็ได้วิเคราะห์เช่นกันว่า ทหารจะไม่สามารถสลายการชุมนุมที่แยกราชประสงค์ได้โดยง่าย เพราะพื้นที่ดังกล่าวเต็มไปด้วยถนนหลายสายที่สลับซับซ้อน ส่งผลให้มีสถานที่มากมายให้ผู้ชุมนุมได้ใช้หลบซ่อน หรือใช้เป็นด่านกั้นขวางกองกำลังของเจ้าหน้าที่
ที่มา.ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
*************************************************
ความรับผิดชอบ
"ความรับผิดชอบทางการเมือง ต้องสูงกว่าความรับผิดชอบทางกฎหมาย"
วรรคทองประจำตัว นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ทำให้รัฐมนตรีหลายคนต้องพ้นจากตำแหน่ง
ไม่ว่าเต็มใจหรือไม่ก็ตาม แต่รัฐมนตรีปลากระป๋องเน่า รัฐมนตรีไทยเข้มแข็ง รัฐมนตรียูวีแฟน ต่างต้องจำลาจากไป
เพราะ
"ความรับผิดชอบทางการเมือง ต้องสูงกว่าความรับผิดชอบทางกฎหมาย"
แต่วันนี้ผ่านมาเกือบ 1 สัปดาห์ เจ้าของวรรคทองยังไม่ได้แสดงความรับผิดชอบใดๆ
ทั้งทางการเมือง และทางกฎหมาย??
ทั้งๆ ที่มีประชาชนบาดเจ็บ ล้มตาย จากการปะทะกับเจ้าหน้าที่ที่มาตามคำสั่งรัฐบาล
ประเด็นมือที่ 3 ผู้ก่อการร้าย กบฏ เปลี่ยน แปลงประเทศไทย ที่ฝ่ายรัฐบาล และกองทัพพยายามเปิดขึ้นมานั้น
เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต้องสืบสวนสอบสวน ต้องติดตามจับกุมดำเนินคดี ตามหน้าที่ไปตามระบบอยู่แล้ว
ไม่ว่านายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี หรือผู้บังคับบัญชา จะเป็นใคร!
เหตุการณ์นองเลือด 10 เมษาฯ ศอฉ.ต้องยอมรับความ "พลาด" แล้ว "ผิด" ของตนเอง
ไม่ว่าด้านยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี ยุทธการ
เพราะมีคนตายถึง 20 กว่าศพ เจ็บอีกกว่า 800
หัวหน้ารัฐบาลต้องรับผิดชอบสูงสุด และทันที!!
ชะตากรรมของผู้นำมือเปื้อนเลือด แล้วกลบเกลื่อน เบี่ยงเบน ดึงดัน ดื้อด้าน เป็นอย่างไร
คนความจำดีอย่างนายอภิสิทธิ์คงรู้?
เช่นเดียวกันในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร
เมื่อกกต.มีมติยุบพรรค ฐานกระทำผิดรัฐธรรม นูญ 2 เรื่อง 2 คดี
แม้กระบวนการยังไม่สิ้นสุด แต่ถือว่าพรรคประชาธิปัตย์ หัวหน้าและกรรมการบริหารพรรค
ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาเรียบร้อย?
"ความรับผิดชอบทางการเมือง ต้องสูงกว่าความรับผิดชอบทางกฎหมาย"
วรรคทองวรรคนี้ งดงาม สละสลวย เมื่อได้อ่าน ได้ยิน ได้ฟัง
ทว่า หาก "นายของคำพูด" ดีแต่พูด ไม่ยอมทำ
ก็ไม่ต่างลมที่ผายออกมา!?
ที่มา.ข่าวสดรายวัน
คอลัมน์ เหล็กใน
**********************************************
วรรคทองประจำตัว นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ทำให้รัฐมนตรีหลายคนต้องพ้นจากตำแหน่ง
ไม่ว่าเต็มใจหรือไม่ก็ตาม แต่รัฐมนตรีปลากระป๋องเน่า รัฐมนตรีไทยเข้มแข็ง รัฐมนตรียูวีแฟน ต่างต้องจำลาจากไป
เพราะ
"ความรับผิดชอบทางการเมือง ต้องสูงกว่าความรับผิดชอบทางกฎหมาย"
แต่วันนี้ผ่านมาเกือบ 1 สัปดาห์ เจ้าของวรรคทองยังไม่ได้แสดงความรับผิดชอบใดๆ
ทั้งทางการเมือง และทางกฎหมาย??
ทั้งๆ ที่มีประชาชนบาดเจ็บ ล้มตาย จากการปะทะกับเจ้าหน้าที่ที่มาตามคำสั่งรัฐบาล
ประเด็นมือที่ 3 ผู้ก่อการร้าย กบฏ เปลี่ยน แปลงประเทศไทย ที่ฝ่ายรัฐบาล และกองทัพพยายามเปิดขึ้นมานั้น
เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต้องสืบสวนสอบสวน ต้องติดตามจับกุมดำเนินคดี ตามหน้าที่ไปตามระบบอยู่แล้ว
ไม่ว่านายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี หรือผู้บังคับบัญชา จะเป็นใคร!
เหตุการณ์นองเลือด 10 เมษาฯ ศอฉ.ต้องยอมรับความ "พลาด" แล้ว "ผิด" ของตนเอง
ไม่ว่าด้านยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี ยุทธการ
เพราะมีคนตายถึง 20 กว่าศพ เจ็บอีกกว่า 800
หัวหน้ารัฐบาลต้องรับผิดชอบสูงสุด และทันที!!
ชะตากรรมของผู้นำมือเปื้อนเลือด แล้วกลบเกลื่อน เบี่ยงเบน ดึงดัน ดื้อด้าน เป็นอย่างไร
คนความจำดีอย่างนายอภิสิทธิ์คงรู้?
เช่นเดียวกันในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร
เมื่อกกต.มีมติยุบพรรค ฐานกระทำผิดรัฐธรรม นูญ 2 เรื่อง 2 คดี
แม้กระบวนการยังไม่สิ้นสุด แต่ถือว่าพรรคประชาธิปัตย์ หัวหน้าและกรรมการบริหารพรรค
ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาเรียบร้อย?
"ความรับผิดชอบทางการเมือง ต้องสูงกว่าความรับผิดชอบทางกฎหมาย"
วรรคทองวรรคนี้ งดงาม สละสลวย เมื่อได้อ่าน ได้ยิน ได้ฟัง
ทว่า หาก "นายของคำพูด" ดีแต่พูด ไม่ยอมทำ
ก็ไม่ต่างลมที่ผายออกมา!?
ที่มา.ข่าวสดรายวัน
คอลัมน์ เหล็กใน
**********************************************
ศอฉ.เรียกตัว60นักการเมือง-การเงินหนุนเสื้อแดง
เตือนพื้นที่ราชประสงค์ ผู้ก่อการร้ายแฝงตัว
เมื่อวันที่ 15 เม.ย. เวลา 20.45 น. ที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมศอฉ.ช่วงค่ำว่า เป็นการประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์การชุมนุมที่เปลี่ยนแปลงไปว่า
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง และผอ.ศอฉ. มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เครื่องขยายเสียงและแจกใบปลิวชี้แจงกับผู้ชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์ให้เข้าใจถึงภัยคุกคามจากการที่มีบุคคลเข้ามาแฝงตัวอยู่ โดยขอให้ประชาชนระมัดระวังและออกจากพื้นที่ และยังออกคำสั่งให้บุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องและสนับสนุนทางการเงินให้กับกลุ่มผู้ชุมนุม ทั้งนักธุรกิจและนักการเมืองที่เป็นอดีตรัฐมนตรีรวม 50-60 คน มารายงานตัวต่อ ศอฉ. ที่ ร.11 รอ. เริ่มส่งหมายเรียกให้มารายงานตัวตั้งแต่วันที่ 16 เม.ย. โดยเป็นคำสั่งภายในพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถ้าผู้รับหมายเรียกดังกล่าวไม่มารายงานตัว จะมีโทษตามพ.ร.ก. ทั้งนี้เป็นการเชิญมาให้ข้อมูลว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุมหรือไม่ ไม่ใช่การมากักตัวหรือควบคุมตัว
เมื่อถามว่าต้องเรียกคนในครอบครัวชินวัตร พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย และพล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี สมาชิกพรรคเพื่อไทย มารายงานตัวด้วยหรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า วันที่ 16 เม.ย. รายชื่อจะมีความชัดเจนอีกครั้ง
รายงานข่าวแจ้งว่า กลุ่มบุคคลที่ ศอฉ.มีคำสั่งให้มารายงานตัวนั้น อาทิ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล อดีต รมว.คมนาคม นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ อดีต รมช.พาณิชย์ และพล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก อดีตผบช.ก. เป็นต้น
ก่อนหน้านี้ช่วงกลางวัน ที่ ร.11 รอ. พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศอฉ. สั่งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายการภาพเตรียมโปรเจกเตอร์ พร้อมคอมพิวเตอร์ เพื่อนำวิดีโอคลิปเหตุการณ์ปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่ทหารกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่บริเวณผ่านฟ้า ถนนดินสอ เมื่อวันที่ 10 เม.ย.2553 พร้อมเปิดแถลงว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมา ที่ทางศอฉ.ได้นำภาพจากสถานีโทรทัศน์ และหลายสื่อมาชี้แจงทำความเข้าใจกับสังคมปรากฏว่า สำนักข่าวญี่ปุ่นได้ลงข่าวคลาดเคลื่อนไปจากเดิมทำนองว่า ทหารได้ยิงเล็งตรงใส่หาประชาชน ซึ่งเป็นข่าวสั้นๆ ไม่มีคำอธิบาย ทางศอฉ.จึงต้องนำภาพมาชี้แจง เพื่อทำความเข้าใจอีกครั้ง
สำหรับปฏิบัติการยึดพื้นที่ราชประสงค์นั้น พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ต้องมีความเข้มข้น เฉียบขาดขึ้น เพราะเจ้าหน้าที่ทหารมีชีวิตมีเลือดเนื้อเหมือนกัน ดังนั้นการดำเนินการต้องปกป้องชีวิตเขาได้ ความพยายามเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจ พลเรือนทุกนายที่สังกัดใน ศอฉ.หากจะปฏิบัติภารกิจต้องคำนึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก ต้องการบังคับใช้กฎหมาย แต่ก็ต้องปกป้องชีวิตของตนเองได้ด้วย ทั้งนี้ ขอให้ดูขั้นตอนการปฏิบัติ มั่นใจทุกคนเข้าใจอธิบายได้ในทุกขั้นตอน
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวด้วยว่า พื้นที่แยกราชประสงค์ขณะนี้ คือพื้นที่ที่ไม่ปลอดภัย เพราะกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่แฝงตัวอยู่ในพื้นที่การชุมนุมพร้อมเอาอาวุธสงครามมาทำร้ายเจ้าหน้าที่ และไม่เลือกเจ้าหน้าที่ แม้กลุ่มคนเสื้อแดงที่ชุมนุมก็อาจตกเป็นเหยื่อของการกระทำทั้งหลาย ดังนั้นท่านที่อยู่ต่างจังหวัด เมื่อกลับไปเยี่ยมบ้านในช่วงสงกรานต์นั้น อย่าได้กลับมาในพื้นที่แยกราชประสงค์อีก เพราะเป็นพื้นที่ที่อันตรายมาก
"พี่น้องประชาชนที่มีญาติหรือคนรู้จักที่เข้ามาชุมนุมในพื้นที่ขอให้ใช้โทรศัพท์ แจ้งข้อมูลข่าวสาร เพื่อให้เขาออกจากพื้นที่ชุมนุมโดยเร็ว เพราะเป็นพื้นที่อันตรายอย่างที่สุด และชีวิตเขาถูกหยิบยกเป็นเงื่อนไขในการสร้างความรุนแรงตลอดเวลา ซึ่งการแยกกลุ่มผู้ชุมนุมกับกลุ่มก่อการร้ายออกจากกันยอมรับว่า เป็นเรื่องที่ยากลำบากมา ทั้งนี้ทางศอฉ.ได้สื่อสารลงไปยังพี่น้องประชาชนโดยตรงเช่นกัน แต่ไม่อาจเรียนได้ว่า ใช้วิธีอย่างไร เพราะอาจจะถูกสกัดกั้น และถูกห้ามปรามจากกลุ่มแกนนำบางส่วน"
ที่มา.ข่าวสดออนไลน์
*********************************************
เมื่อวันที่ 15 เม.ย. เวลา 20.45 น. ที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมศอฉ.ช่วงค่ำว่า เป็นการประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์การชุมนุมที่เปลี่ยนแปลงไปว่า
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง และผอ.ศอฉ. มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เครื่องขยายเสียงและแจกใบปลิวชี้แจงกับผู้ชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์ให้เข้าใจถึงภัยคุกคามจากการที่มีบุคคลเข้ามาแฝงตัวอยู่ โดยขอให้ประชาชนระมัดระวังและออกจากพื้นที่ และยังออกคำสั่งให้บุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องและสนับสนุนทางการเงินให้กับกลุ่มผู้ชุมนุม ทั้งนักธุรกิจและนักการเมืองที่เป็นอดีตรัฐมนตรีรวม 50-60 คน มารายงานตัวต่อ ศอฉ. ที่ ร.11 รอ. เริ่มส่งหมายเรียกให้มารายงานตัวตั้งแต่วันที่ 16 เม.ย. โดยเป็นคำสั่งภายในพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถ้าผู้รับหมายเรียกดังกล่าวไม่มารายงานตัว จะมีโทษตามพ.ร.ก. ทั้งนี้เป็นการเชิญมาให้ข้อมูลว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุมหรือไม่ ไม่ใช่การมากักตัวหรือควบคุมตัว
เมื่อถามว่าต้องเรียกคนในครอบครัวชินวัตร พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย และพล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี สมาชิกพรรคเพื่อไทย มารายงานตัวด้วยหรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า วันที่ 16 เม.ย. รายชื่อจะมีความชัดเจนอีกครั้ง
รายงานข่าวแจ้งว่า กลุ่มบุคคลที่ ศอฉ.มีคำสั่งให้มารายงานตัวนั้น อาทิ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล อดีต รมว.คมนาคม นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ อดีต รมช.พาณิชย์ และพล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก อดีตผบช.ก. เป็นต้น
ก่อนหน้านี้ช่วงกลางวัน ที่ ร.11 รอ. พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศอฉ. สั่งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายการภาพเตรียมโปรเจกเตอร์ พร้อมคอมพิวเตอร์ เพื่อนำวิดีโอคลิปเหตุการณ์ปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่ทหารกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่บริเวณผ่านฟ้า ถนนดินสอ เมื่อวันที่ 10 เม.ย.2553 พร้อมเปิดแถลงว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมา ที่ทางศอฉ.ได้นำภาพจากสถานีโทรทัศน์ และหลายสื่อมาชี้แจงทำความเข้าใจกับสังคมปรากฏว่า สำนักข่าวญี่ปุ่นได้ลงข่าวคลาดเคลื่อนไปจากเดิมทำนองว่า ทหารได้ยิงเล็งตรงใส่หาประชาชน ซึ่งเป็นข่าวสั้นๆ ไม่มีคำอธิบาย ทางศอฉ.จึงต้องนำภาพมาชี้แจง เพื่อทำความเข้าใจอีกครั้ง
สำหรับปฏิบัติการยึดพื้นที่ราชประสงค์นั้น พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ต้องมีความเข้มข้น เฉียบขาดขึ้น เพราะเจ้าหน้าที่ทหารมีชีวิตมีเลือดเนื้อเหมือนกัน ดังนั้นการดำเนินการต้องปกป้องชีวิตเขาได้ ความพยายามเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจ พลเรือนทุกนายที่สังกัดใน ศอฉ.หากจะปฏิบัติภารกิจต้องคำนึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก ต้องการบังคับใช้กฎหมาย แต่ก็ต้องปกป้องชีวิตของตนเองได้ด้วย ทั้งนี้ ขอให้ดูขั้นตอนการปฏิบัติ มั่นใจทุกคนเข้าใจอธิบายได้ในทุกขั้นตอน
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวด้วยว่า พื้นที่แยกราชประสงค์ขณะนี้ คือพื้นที่ที่ไม่ปลอดภัย เพราะกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่แฝงตัวอยู่ในพื้นที่การชุมนุมพร้อมเอาอาวุธสงครามมาทำร้ายเจ้าหน้าที่ และไม่เลือกเจ้าหน้าที่ แม้กลุ่มคนเสื้อแดงที่ชุมนุมก็อาจตกเป็นเหยื่อของการกระทำทั้งหลาย ดังนั้นท่านที่อยู่ต่างจังหวัด เมื่อกลับไปเยี่ยมบ้านในช่วงสงกรานต์นั้น อย่าได้กลับมาในพื้นที่แยกราชประสงค์อีก เพราะเป็นพื้นที่ที่อันตรายมาก
"พี่น้องประชาชนที่มีญาติหรือคนรู้จักที่เข้ามาชุมนุมในพื้นที่ขอให้ใช้โทรศัพท์ แจ้งข้อมูลข่าวสาร เพื่อให้เขาออกจากพื้นที่ชุมนุมโดยเร็ว เพราะเป็นพื้นที่อันตรายอย่างที่สุด และชีวิตเขาถูกหยิบยกเป็นเงื่อนไขในการสร้างความรุนแรงตลอดเวลา ซึ่งการแยกกลุ่มผู้ชุมนุมกับกลุ่มก่อการร้ายออกจากกันยอมรับว่า เป็นเรื่องที่ยากลำบากมา ทั้งนี้ทางศอฉ.ได้สื่อสารลงไปยังพี่น้องประชาชนโดยตรงเช่นกัน แต่ไม่อาจเรียนได้ว่า ใช้วิธีอย่างไร เพราะอาจจะถูกสกัดกั้น และถูกห้ามปรามจากกลุ่มแกนนำบางส่วน"
ที่มา.ข่าวสดออนไลน์
*********************************************
จับการ์ดพันธมิตรระยอง พร้อมอาวุธปืน-กระสุนปืน
03:52 น.
กลางดึกที่ผ่านมา พ.ต.ท.หญิง ชุติมา ศิริเมธาวี พนักงานสืบสวนสอบสวน สน.บางซื่อ ได้รับแจ้งจากจุดตรวจร่วมระหว่างทหารและตำรวจบริเวณหน้ากระทรวงการคลัง ถ.พระราม6 พบรถกระบะเชฟโรเรต สีดำ หมายเลขทะเบียน ผข 240 สงขลา ขับผ่านมาด้วยท่าทางมีพิรุธ จึงทำการเรียกตรวจพร้อมนำตัวไปสอบสวนต่อที่สน.บางซื่อ จากตรวจค้นภายในรถคันดังกล่าว พบอาวุธปืน ออโตเมติก 9 มม. จำนวน1 กระบอก อาวุธปืนรีวอลเวอร์.38 จำนวน 1กระบอก กระสุน.38 จำนวน 31ลูก,กระสุน 9มม. จำนวน43 ลูก, กระสุนเบอร์ 12 จำนวน13 ลูก ,กระสุนเบอร์ 20 จำนวน2 ลูก และน้ำมันเบนซิน 1 แกลลอน อาวุธมีดพับ สปาตาร์ 1 เล่ม นอกจากนี้ยังพบบัตรการ์ดพันธมิตรระยอง 6ใบ
สำหรับชายฉกรรจ์ทั้ง 6 คนที่นั่งมาภายในรถคันดังกล่าว ทราบชื่อ 1.นาย ไพล อู๋อ่อน อายุ 50 ปี บ้านเลขที่ 14 ซอย สุนทรภู่5 ต.ทาง อ.แกลง จ.ระยอง 2. นาย นิมิตร เจริญยิ่ง อายุ 28 ปี เจ้าของรถ อยู่บ้านเลขที่ 5/14 หมู่6 ต. ทุ่งขมิ้น อ.พาหม่อน จ.สงขลา 3. นาย อนุชา ควรชอบ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 79 หมู่ 5 ต.คูตัน อ.กาบเชิง จ. สุรินทร์
4. นาย ธนากฤต มณีวรรณ อายุ 40 ปี พกมีดพับ สปาตาร์ บ้านเลขที่ 205 ซ.จรัญสนิทวงศ์45 ต.กฤชอัมเพหาะ อ.พากกอกซอย จ. กรุงเทพ และ5. นายประเสริฐ ชาวเวียง อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นคนพกพาทั้งอาวุธปืนพร้อมด้วยกระสุน อยู่บ้านเลขที่ 77/15 ซ.อดุลย์ธรรมประภาส ต. เชิงเนิน อ.เมือง จ. ระยอง 6. นาย ธีรพงศ์ องอาจ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 383 หมู่12 ต.ครบุรี อ. คะบรี จ. นครราชสีมา ทั้งหมดถูกนำตัวไปสอบสวนยังห้องสืบสวน บริเวณชั้น 2 ของโรงพัก จากนั้นได้นำตัวลงมาสอบสวนต่อที่บริเวณชั้นล่าง โดยที่ทางตำรวจไม่ได้แจ้งลายละเอียดใดๆกับทางสื่อมวลชนที่รอทำข่าวเป็นจำนวนมาก
เบื้องต้นตำรวจได้แจ้งข้อหาพกอาวุธปืนผิดมือกับนายประเสริฐ พร้อมกับปรับเงินนาย นาย ธนากฤต ในข้อหาพกพาอาวุธมีด โดยที่ตำรวจยังควบคุมตัวทั้งหมดเพื่อทำการสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง
ที่มา.เนชั่นทันข่าว
***********************************************
กลางดึกที่ผ่านมา พ.ต.ท.หญิง ชุติมา ศิริเมธาวี พนักงานสืบสวนสอบสวน สน.บางซื่อ ได้รับแจ้งจากจุดตรวจร่วมระหว่างทหารและตำรวจบริเวณหน้ากระทรวงการคลัง ถ.พระราม6 พบรถกระบะเชฟโรเรต สีดำ หมายเลขทะเบียน ผข 240 สงขลา ขับผ่านมาด้วยท่าทางมีพิรุธ จึงทำการเรียกตรวจพร้อมนำตัวไปสอบสวนต่อที่สน.บางซื่อ จากตรวจค้นภายในรถคันดังกล่าว พบอาวุธปืน ออโตเมติก 9 มม. จำนวน1 กระบอก อาวุธปืนรีวอลเวอร์.38 จำนวน 1กระบอก กระสุน.38 จำนวน 31ลูก,กระสุน 9มม. จำนวน43 ลูก, กระสุนเบอร์ 12 จำนวน13 ลูก ,กระสุนเบอร์ 20 จำนวน2 ลูก และน้ำมันเบนซิน 1 แกลลอน อาวุธมีดพับ สปาตาร์ 1 เล่ม นอกจากนี้ยังพบบัตรการ์ดพันธมิตรระยอง 6ใบ
สำหรับชายฉกรรจ์ทั้ง 6 คนที่นั่งมาภายในรถคันดังกล่าว ทราบชื่อ 1.นาย ไพล อู๋อ่อน อายุ 50 ปี บ้านเลขที่ 14 ซอย สุนทรภู่5 ต.ทาง อ.แกลง จ.ระยอง 2. นาย นิมิตร เจริญยิ่ง อายุ 28 ปี เจ้าของรถ อยู่บ้านเลขที่ 5/14 หมู่6 ต. ทุ่งขมิ้น อ.พาหม่อน จ.สงขลา 3. นาย อนุชา ควรชอบ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 79 หมู่ 5 ต.คูตัน อ.กาบเชิง จ. สุรินทร์
4. นาย ธนากฤต มณีวรรณ อายุ 40 ปี พกมีดพับ สปาตาร์ บ้านเลขที่ 205 ซ.จรัญสนิทวงศ์45 ต.กฤชอัมเพหาะ อ.พากกอกซอย จ. กรุงเทพ และ5. นายประเสริฐ ชาวเวียง อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นคนพกพาทั้งอาวุธปืนพร้อมด้วยกระสุน อยู่บ้านเลขที่ 77/15 ซ.อดุลย์ธรรมประภาส ต. เชิงเนิน อ.เมือง จ. ระยอง 6. นาย ธีรพงศ์ องอาจ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 383 หมู่12 ต.ครบุรี อ. คะบรี จ. นครราชสีมา ทั้งหมดถูกนำตัวไปสอบสวนยังห้องสืบสวน บริเวณชั้น 2 ของโรงพัก จากนั้นได้นำตัวลงมาสอบสวนต่อที่บริเวณชั้นล่าง โดยที่ทางตำรวจไม่ได้แจ้งลายละเอียดใดๆกับทางสื่อมวลชนที่รอทำข่าวเป็นจำนวนมาก
เบื้องต้นตำรวจได้แจ้งข้อหาพกอาวุธปืนผิดมือกับนายประเสริฐ พร้อมกับปรับเงินนาย นาย ธนากฤต ในข้อหาพกพาอาวุธมีด โดยที่ตำรวจยังควบคุมตัวทั้งหมดเพื่อทำการสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง
ที่มา.เนชั่นทันข่าว
***********************************************
วันพฤหัสบดีที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2553
"ขวัญชัย"แฉแกนนำนปช.กลัวตำรวจชิวตามหมายจับ
00:56 น.
ที่เวทีราชประสงค์ เมื่อเวลา 23.25 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการชุมนุมของคนเสื้อแดงตั้งแต่หลังเวลา 21.00 น.เป็นต้นมาการชุมนุมยังคงเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยประเด็นการปราศรัยของแกนนำและองค์เครือข่ายยังคงมุ่งเน้นในการโจมกรณีที่รัฐบาลใช้ความรุนแรงในการสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา รวมทั้งเรียกร้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภาเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้น
ขณะที่นายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำชมรมคนรักอุดรฯ ได้ให้สัมภาษณ์หลังเวทีถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมเข้าจับกุมแกนนำนปช.ว่า เดิมทีแกนนำนปช.จะมีการแยกย้ายเข้าพักตามโรงแรมต่างๆ แต่เมื่อมีกระแสข่าวออกมาว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าจับกุม ทางแกนนำจึงตัดสินใจที่จะไม่เข้าไปพักตามโรงแรม แต่จะพักอยู่ในพื้นที่การชุมนุมเท่านั้น แต่หากแกนนำนปช.ถูกจับกุมการชุมนุมของคนเสื้อแดงก็พร้อมจะมีการยกระดับการชุมนุมให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น
ที่มา.เนชั่นทันข่าว
*********************************************
ที่เวทีราชประสงค์ เมื่อเวลา 23.25 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการชุมนุมของคนเสื้อแดงตั้งแต่หลังเวลา 21.00 น.เป็นต้นมาการชุมนุมยังคงเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยประเด็นการปราศรัยของแกนนำและองค์เครือข่ายยังคงมุ่งเน้นในการโจมกรณีที่รัฐบาลใช้ความรุนแรงในการสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา รวมทั้งเรียกร้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภาเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้น
ขณะที่นายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำชมรมคนรักอุดรฯ ได้ให้สัมภาษณ์หลังเวทีถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมเข้าจับกุมแกนนำนปช.ว่า เดิมทีแกนนำนปช.จะมีการแยกย้ายเข้าพักตามโรงแรมต่างๆ แต่เมื่อมีกระแสข่าวออกมาว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าจับกุม ทางแกนนำจึงตัดสินใจที่จะไม่เข้าไปพักตามโรงแรม แต่จะพักอยู่ในพื้นที่การชุมนุมเท่านั้น แต่หากแกนนำนปช.ถูกจับกุมการชุมนุมของคนเสื้อแดงก็พร้อมจะมีการยกระดับการชุมนุมให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น
ที่มา.เนชั่นทันข่าว
*********************************************
"อริสมันต์"เผยวันพรุ่งนี้เตรียมนำเสื้อแดงลุยทีวีทุกช่อง
นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำ นปช. ขึ้นปราศรัยบนเวทีราชประสงค์ช่วงค่ำที่ผ่านมาว่า พรุ่งนี้ (16) เวลา 11.00 น. คนเสื้อแดงจะเริ่มเคลื่อนขบวนไปที่สถานีทีวีไทยเป็นที่แรก จากนั้นจะดาวกระจายไปทีวีช่องต่างๆ เพื่อให้คนเสื้อแดงไปยื่นหนังสือต่อผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ทุกช่องที่นำเสนอภาพที่เกี่ยวกับกองทัพ ได้จัดสรรเวลาให้คนเสื้อแดงบ้าง ทั้งนี้จะนำเอาคลิปของคนเสื้อแดงที่มีรายละเอียดไปเปิด การดำเนินการครั้งนี้ถือเป็นมติของแกนนำ นปช. โดยการเดินทางไปสถานีโทรทัศน์ครั้งนี้จะขอให้คนที่ออกมารับหนังสือมีคำตอบด้วย
ส่วนที่รัฐบาลกล่าวหามีคนชุดดำอยู่เบื้องหลังการก่อการร้ายนั้น นายอริสมันต์ ระบุว่า เป็นการสะท้อนความอ่อนแอของรัฐบาล หากพิจารณาจริงๆคิดว่ากลุ่มคนเสื้อดำเป็นกลุ่มทหารแตงโม ที่ไม่ชอบวิธีสั่งการของรัฐบาล ส่วนทหารแตงโมจะเป็นใครก็เป็นหน้าที่ของกองทัพที่จะสืบหา เพราะตนเองก็ไม่รู้เช่นกัน แต่เชื่อว่าเป็นการขัดกันของคนในกองทัพ สำหรับการที่คนเสื้อแดงย้ายมาชุมนุมที่ราชประสงค์แห่งเดียว เนื่องจากเป็นชัยภูมิเหมาะสม และพื้นที่ราชประสงค์ก็เป็นพื้นที่เศรษฐกิจ รัฐคงไม่ใช่อำนาจในการสลายผู้ชุมนุม เพราะจะทำให้เกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก
ที่มา.เนชั่นทันข่าว
***********************************************
ส่วนที่รัฐบาลกล่าวหามีคนชุดดำอยู่เบื้องหลังการก่อการร้ายนั้น นายอริสมันต์ ระบุว่า เป็นการสะท้อนความอ่อนแอของรัฐบาล หากพิจารณาจริงๆคิดว่ากลุ่มคนเสื้อดำเป็นกลุ่มทหารแตงโม ที่ไม่ชอบวิธีสั่งการของรัฐบาล ส่วนทหารแตงโมจะเป็นใครก็เป็นหน้าที่ของกองทัพที่จะสืบหา เพราะตนเองก็ไม่รู้เช่นกัน แต่เชื่อว่าเป็นการขัดกันของคนในกองทัพ สำหรับการที่คนเสื้อแดงย้ายมาชุมนุมที่ราชประสงค์แห่งเดียว เนื่องจากเป็นชัยภูมิเหมาะสม และพื้นที่ราชประสงค์ก็เป็นพื้นที่เศรษฐกิจ รัฐคงไม่ใช่อำนาจในการสลายผู้ชุมนุม เพราะจะทำให้เกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก
ที่มา.เนชั่นทันข่าว
***********************************************
"จตุพร"ปัดเลขารมว.เป็นแตงโมเล็งขยับ 17เม.ย. "เสธ.แดง"เย้ยกองทัพแต๋วแตก เสื้อแดงหิ้วบะหมี่เยี่นมนายกฯ
"จตุพร" ปัดเลขาฯรมว.กห.เป็นแตงโม เตรียมขยับ 17 เม.ย. "เสธ.แดง" โผล่เย้ยกองทัพแต๋วแตก สาวเสื้อแดงหิ้วบะหมี่เยี่ยมนายกฯ เล็งแจ้งความนายกฯสั่งฆ่าปชช.
เล็งแจ้งความนายกฯสั่งฆ่าปชช.
นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. กล่าวเมื่อวันที่ 15 เมษายน ถึงการจัดการกับศพของคนเสื้อแดงที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ 10 เมษายน ว่า เดิมได้นำศพของผู้เสียชีวิตส่งกลับภูมิลำเนาไปแล้วส่วนหนึ่ง แต่ตอนนี้ฝ่ายกฎหมายได้ประสานงานกับทุกส่วนเพื่อขอให้ระงับการฌาปนกิจไว้ก่อน รวมทั้งศพที่จะฌาปนกิจที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยด้วย เนื่องจากเห็นว่าแม้ว่าจะพิสูจน์ศพ ยืนยันสาเหตุการเสียชีวิต และบุคคลที่เสียชีวิตแล้ว แต่เมื่อกลายเป็นคดีฆาตกรรม ต้องชันสูตรพลิกศพตามประมวลกฎหมายอาญา ดังนั้นจึงเห็นว่าควรรอให้กระบวนการทางกฎหมายเสร็จสิ้นเสียก่อนจึงจะมีการฌาปนกิจ นอกจากนี้ ทางทีมงานกฎหมายได้ประสานงานกับผู้เสียหาย ทั้งญาติผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ ให้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่สั่งการและผู้ลงมือ ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พยายามฆ่า และทำร้ายร่างกาย ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นคดีอาญา มีอายุความถึง 20 ปี
"ตำรวจต้องดำเนินการตามกฎหมาย ต้องสืบพยานแวดล้อม สอบปากคำพยานทั้งหมด เพราะเป็นเรื่องใหญ่ จะมีคดีความกว่า 900 คดี เนื่องจากทุกเหตุการณ์ต่างกรรมต่างวาระ จึงขอเตือน พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย ต้องเรียกนายอภิสิทธิ์มาสอบปากคำในฐานะผู้สั่งการ อย่ารับใช้นักการเมือง ไม่เช่นนั้น พล.ต.ต.อำนวยจะไม่มีแผ่นดินอยู่เสียเอง" นายจตุพรกล่าว และว่า ตรวจสอบไม่ยาก เพียงเอาบาดแผลของผู้เสียชีวิตมาเทียบกับอาวุธที่ก่อเหตุก็ชัดเจนอยู่แล้ว
ปัดเลขาฯรมว.กห.เป็นแตงโม
ผู้สื่อข่าวถามว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐดังกล่าวอยู่ระหว่างการประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ทำให้ผู้สั่งการและผู้ลงมือไม่ต้องรับผิดทางกฎหมาย นายจตุพรกล่าวว่า ใน พ.ร.ก.บ.ฉุกเฉิน ไม่มีข้อไหนระบุให้ฆ่าคนได้ อีกทั้งการสั่งการให้เข้าปราบปรามในเวลากลางคืนก็สะท้อนเจตนาชัดเจนแล้วว่าต้องการอะไรที่มากไปกว่าการสลายการชุมนุม จึงต้องมีคนรับผิดชอบ เพราะทุกอย่างไปตามแผนที่ฝ่ายทหารวางไว้ แล้วตนเคยเอาข้อมูลมาเปิดเผยถึงการตั้งกำลังในจุดที่โรงเรียนสตรีวิทยา ซึ่งก็เป็นไปตามนั้นทุกอย่าง
เมื่อถามว่า มีการระบุว่า พล.อ.นพดล อินทรปัญญา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นนายทหารแตงโม ที่คอยให้ข้อมูลกับกลุ่ม นปช. นายจตุพรกล่าวว่า ไม่ใช่ แต่ต้องยอมรับว่าขณะนี้ในกองทัพก็มีคนที่ไม่พอใจทหารด้วยกัน และพร้อมที่จะนำข้อมูลออกมาเปิดเผย
เสื้อแดงเตรียมขยับ17เม.ย.
เมื่อเวลา 18.00 น. ที่เวทีราชประสงค์ แกนนำเสื้อแดงแถลงข่าวภายหลังหารือกว่า 1 ชั่วโมง นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำคนเสื้อแดง กล่าวว่า หลังจากที่รัฐบาลปิดช่องทางการสื่อสารของคนเสื้อแดง และใช้สื่อของรัฐทำลายความเชื่อถือ สร้างภาพลักษณ์ไม่ดีต่อคนเสื้อแดง จึงมีความจำเป็นต้องดำเนินคดีกับโทรทัศน์สาธารณะทุกช่องที่เผยแพร่ข่าวที่เป็นภาพและเสียงที่ทำให้คนเสื้อแดงเสียหาย และจะแจ้งความดำเนินคดีกับ พ.อ.สรรเสริฐ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. และนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกฯ เพราะทั้งสองพยายามออกอากาศพูดจาในเรื่องที่ยังไม่มีการพิสูจน์ว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของใคร พยายามกล่าวหาว่าเป็นฝีมือของคนเสื้อแดง
"รัฐบาลนี้กำลังซ้ำรอย 6 ตุลา 19 พยายามสร้างสงครามกลางเมือง โดยที่รัฐบาลที่เลวที่สุดของโลกยังไม่มีใครทำ และมีผู้พยายามเจรจาวิ่งเต้นให้มีการเจรจารอบ 3 เกิดขึ้น แต่รัฐบาลไม่นำพา ขอยืนยันว่าคนเสื้อแดงจะอยู่จนกว่าจะยุบสภา ในวันที่ 17 เมษายน ทางคนเสื้อแดงจะมีกิจกรรมครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง" นายวีระกล่าว
สาวบุกเดี่ยวด่าม็อบหวิดโดนรุม
สำหรับบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ที่บริเวณแยกราชประสงค์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้ามีผู้ชุมนุมค่อนข้างบางตา โดยกลุ่มผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ยังคงปักหลักกันอยู่หน้าเวที ขณะที่บางส่วนพักผ่อนกันอยู่ตามที่พัก และร่มไม้ของอาคารที่ตั้งอยู่บริเวณโดยรอบ ทั้งนี้กลุ่มผู้ชุมนุมที่มาจากสะพานผ่านฟ้าลีลาศต่างกระจายกันสร้างที่พักและหุงหาอาหาร โดยที่พักของคนเสื้อแดงนั้นยาวไปตามถนนพระรามที่ 1 ไปจนถึงสี่แยกปทุมวัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเวลา 09.20 น. มีผู้หญิงอายุราว 30 ปี เดินเข้าไปบริเวณใกล้เวทีปราศรัย พร้อมตะโกนโวยวายต่อว่ากลุ่มผู้ชุมนุมว่า ทำไมจึงมาตั้งเต๊นท์บริเวณราชประสงค์ เพราะทำให้ประชาชนเดือดร้อนวุ่นวาย ผู้ชุมนุมที่ได้ยินพร้อมใจกันโห่ไล่ จากนั้นการ์ด นปช. จึงเดินเข้าไปประกบหญิงคนดังกล่าว เพราะเกรงว่าจะถูกผู้ชุมนุมทำร้ายร่างกาย และพาหญิงคนดังกล่าวออกไปหลบที่โรงแรมเพรสซิเดนท์ ซึ่งในระหว่างนั้นมีคนเสื้อแดงคนหนึ่งถือไม้เดินไล่ตาม พร้อมทั้งตะโกนขู่ว่า อย่าออกมาอีก ทำให้การ์ด นปช.ต้องรีบตัวเข้าไปหลบในโรงแรมทันที
เมื่อเวลา 09.40 น. ชายคนหนึ่งอายุประมาณ 60 ปี เกิดเป็นลมชักขึ้น โดยเจ้าหน้าที่ศูนย์พยาบาลได้เข้าตรวจดูอาการ พบว่าขยับแขนข้างขวาไม่ได้ ซึ่งแพทย์ประจำหน่วยจึงได้สัณนิษฐานว่าอาจป่วยเป็นโรคหัวใจตีบเฉียบพลัน จึงนำตัวเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากย้ายผู้ชุมนุมมาร่วมกันที่เวทีราชประสงค์ ทำให้แกนนำมารวมตัวกันที่เวทีราชประสงค์ทุกคน ทำให้ต้องปรับแผนรักษาความปลอดภัยให้กับแกนนำใหม่ โดยนำรั้วเหล็กมาล้อม 2 ชั้นรอบเวที ขณะที่มีการกันพื้นที่ให้แกนนำนั่งเฉพาะตรงกลางบริเวณด้านหลังเวทีเท่านั้น พร้อมทั้งกั้นรั้วเหล็กอีกชั้น
เพิ่มการ์ดตั้งด่านตรวจ 3 ชั้น
สำหรับบรรยากาศในช่วงบ่าย ซึ่งอากาศเริ่มร้อนจัด แต่ผู้ชุมนุมยังคงปักหลักฟังการปราศรัย โดยมีบางส่วนเล่นสงกรานต์กันโดยใช้ปืนฉีดน้ำ และน้ำจากขวดน้ำดื่มสาดกันอย่างสนุกสนาน อย่างไรก็ตาม น่าสังเกตว่าแกนนำหลักของคนเสื้อแดงไม่ได้พักอยู่บริเวณด้านหลังเวทีแต่อย่างใด ทั้งนี้บรรดากลุ่มผู้ชุมนุมได้เริ่มนำเต๊นท์จากบริเวณสะพายผ่านฟ้าลีลาศ มาตั้งบังแดดเพิ่มเติมบริเวณแยกราชประสงค์จนเต็มพื้นที่ถนนทำให้การจราจรถูกปิดโดยอัตโนมัติ
ด้านนายอารีย์ ไกรนรา หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย นปช.กล่าวว่า ขณะนี้มีการรักษาความปลอดภัยให้แกนนำเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเพิ่มจำนวนการ์ดให้มากอีกเท่าตัว ซึ่งบริเวณสี่แยกเพลินจิต แยกราชดำริ แยกมาบุญครอง และแยกประตูน้ำ มีการตั้งด้านตรวจสกัดจุดละ 3 ชั้น พร้อมทั้งติดสปอร์ตไลต์จากบริเวณหน้าเวที ที่จะส่องไปยังอาคารสูง เพื่อตรวจสอบจุดผิดสังเกต พร้อมทั้งขอความร่วมมือเจ้าของอาคารไม่ให้มีผู้เข้าไปในตัวอาคารอย่างเด็ดขาด รวมทั้งติดไฟส่องบริเวณตรอกซอกซอยต่างๆ ด้วย
สาวเสื้อแดงหิ้วบะหมี่เยี่ยมนายกฯ
เมื่อเวลา 12.00 น. วันเดียวกัน น.ส.ฉันทิสา โรจนภิมุข สมาชิกกลุ่มคนเสื้อแดง พร้อมด้วยเพื่อนชายขี่รถจักรยานยนต์มายัง ร.11 รอ. โดยอ้างว่า ได้รับมอบหมายจากนายณัฐวุฒิให้นำบะหมี่หมูแดง น้ำดื่ม กาแฟกระป๋อง และจดหมายที่มีข้อความว่า"ให้นายกฯ กินกันตายเพื่อรอยุบสภา ชดใช้กรรมในฐานะฆาตกร" มามอบให้แก่นายอภิสิทธิ์ ซึ่งกับดานอยู่ภายใน ร.11 รอ. เป็นวันที่ 5 อย่างไรก็ตาม ไม่มีแกนนำรัฐบาล หรือนายทหารชั้นผู้ใหญ่ให้ความสนใจ หรือออกมาสังเกตการณ์แต่อย่างใด โดยสาวเสื้อแดงมอบสิ่งของทั้งหมดผ่านทางเจ้าหน้าที่ทหารชั้นประทวนที่ยืนประจำการอยู่บริเวณประตูเข้า-ออก ร.11 รอ. ถนนพหลโยธิน โดยใช้เวลาไม่ถึง 3 นาที ทั้งนี้ก่อนเดินทางกลับ ตำรวจ สน.บางเขน ที่มาอารักขาความปลอดภัยด้านหน้า ร.11 รอ. สอบถามชื่อและรายละเอียดต่างๆ เพื่อบันทึกไว้เป็นหลักฐานด้วย
"เสธ.แดง" โผล่เย้ยกองทัพแต๋วแตก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.45 น. พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก เดินทางมาให้กำลังใจกลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน พร้อมให้ถ่ายรูปคู่และแจกลายเซ็นให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ชื่นชอบ พร้อมให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีข่าวว่า ศอฉ.จะสลายการชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์ว่า รัฐบาลคงไม่กล้าดำเนินการ เพราะกองทัพขณะนี้เป็นกองทัพแต๋วแตก เห็นได้จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 เมษายนว่า กองทัพถูกตีแตกพ่ายไปเรียบร้อย ทั้งที่สั่งกำลัง 3 กองพล มาปฏิบัติการที่หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา และเชิงสะพานปิ่นเกล้า แต่กลับถูกกองกำลังไม่ทราบฝ่ายตีแตกไป
พล.ต.ขัตติยะกล่าวว่า ส่วนกองกำลังชุดดำที่ ศอฉ.ระบุว่า ถือปืนอาก้านั้น เชื่อว่าเป็นคนของรัฐบาลแน่นอน ที่แกนนำออกมาบอกว่าเป็นการ์ดของ นปช. เป็นเพราะแกนนำทั้ง 3 คนไม่รู้เรื่อง แต่ไม่อยากพูดมาก เพราะตนมีหน้าที่ดูแลกองทัพประชาชน และดูแลไม่ให้กลุ่ม นปช.ติดอาวุธเท่านั้น ส่วนคนเสื้อดำที่เป็นคนของรัฐบาล ก็ถือปืนถ่ายรูปเพื่อให้เป็นข่าว จากนั้นจึงมีคนก่อการโดยใช้พลซุ่มยิงหรือสไนเปอร์ ยิงชายคนที่ถือธงก่อน จากนั้นกลุ่มทหารจึงยิงเอ็ม 16 เข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุม จนมีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายออกมาช่วยคนเสื้อแดง
ที่มา.มติชนออนไลน์
************************************************
เล็งแจ้งความนายกฯสั่งฆ่าปชช.
นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. กล่าวเมื่อวันที่ 15 เมษายน ถึงการจัดการกับศพของคนเสื้อแดงที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ 10 เมษายน ว่า เดิมได้นำศพของผู้เสียชีวิตส่งกลับภูมิลำเนาไปแล้วส่วนหนึ่ง แต่ตอนนี้ฝ่ายกฎหมายได้ประสานงานกับทุกส่วนเพื่อขอให้ระงับการฌาปนกิจไว้ก่อน รวมทั้งศพที่จะฌาปนกิจที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยด้วย เนื่องจากเห็นว่าแม้ว่าจะพิสูจน์ศพ ยืนยันสาเหตุการเสียชีวิต และบุคคลที่เสียชีวิตแล้ว แต่เมื่อกลายเป็นคดีฆาตกรรม ต้องชันสูตรพลิกศพตามประมวลกฎหมายอาญา ดังนั้นจึงเห็นว่าควรรอให้กระบวนการทางกฎหมายเสร็จสิ้นเสียก่อนจึงจะมีการฌาปนกิจ นอกจากนี้ ทางทีมงานกฎหมายได้ประสานงานกับผู้เสียหาย ทั้งญาติผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ ให้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่สั่งการและผู้ลงมือ ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พยายามฆ่า และทำร้ายร่างกาย ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นคดีอาญา มีอายุความถึง 20 ปี
"ตำรวจต้องดำเนินการตามกฎหมาย ต้องสืบพยานแวดล้อม สอบปากคำพยานทั้งหมด เพราะเป็นเรื่องใหญ่ จะมีคดีความกว่า 900 คดี เนื่องจากทุกเหตุการณ์ต่างกรรมต่างวาระ จึงขอเตือน พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย ต้องเรียกนายอภิสิทธิ์มาสอบปากคำในฐานะผู้สั่งการ อย่ารับใช้นักการเมือง ไม่เช่นนั้น พล.ต.ต.อำนวยจะไม่มีแผ่นดินอยู่เสียเอง" นายจตุพรกล่าว และว่า ตรวจสอบไม่ยาก เพียงเอาบาดแผลของผู้เสียชีวิตมาเทียบกับอาวุธที่ก่อเหตุก็ชัดเจนอยู่แล้ว
ปัดเลขาฯรมว.กห.เป็นแตงโม
ผู้สื่อข่าวถามว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐดังกล่าวอยู่ระหว่างการประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ทำให้ผู้สั่งการและผู้ลงมือไม่ต้องรับผิดทางกฎหมาย นายจตุพรกล่าวว่า ใน พ.ร.ก.บ.ฉุกเฉิน ไม่มีข้อไหนระบุให้ฆ่าคนได้ อีกทั้งการสั่งการให้เข้าปราบปรามในเวลากลางคืนก็สะท้อนเจตนาชัดเจนแล้วว่าต้องการอะไรที่มากไปกว่าการสลายการชุมนุม จึงต้องมีคนรับผิดชอบ เพราะทุกอย่างไปตามแผนที่ฝ่ายทหารวางไว้ แล้วตนเคยเอาข้อมูลมาเปิดเผยถึงการตั้งกำลังในจุดที่โรงเรียนสตรีวิทยา ซึ่งก็เป็นไปตามนั้นทุกอย่าง
เมื่อถามว่า มีการระบุว่า พล.อ.นพดล อินทรปัญญา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นนายทหารแตงโม ที่คอยให้ข้อมูลกับกลุ่ม นปช. นายจตุพรกล่าวว่า ไม่ใช่ แต่ต้องยอมรับว่าขณะนี้ในกองทัพก็มีคนที่ไม่พอใจทหารด้วยกัน และพร้อมที่จะนำข้อมูลออกมาเปิดเผย
เสื้อแดงเตรียมขยับ17เม.ย.
เมื่อเวลา 18.00 น. ที่เวทีราชประสงค์ แกนนำเสื้อแดงแถลงข่าวภายหลังหารือกว่า 1 ชั่วโมง นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำคนเสื้อแดง กล่าวว่า หลังจากที่รัฐบาลปิดช่องทางการสื่อสารของคนเสื้อแดง และใช้สื่อของรัฐทำลายความเชื่อถือ สร้างภาพลักษณ์ไม่ดีต่อคนเสื้อแดง จึงมีความจำเป็นต้องดำเนินคดีกับโทรทัศน์สาธารณะทุกช่องที่เผยแพร่ข่าวที่เป็นภาพและเสียงที่ทำให้คนเสื้อแดงเสียหาย และจะแจ้งความดำเนินคดีกับ พ.อ.สรรเสริฐ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. และนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกฯ เพราะทั้งสองพยายามออกอากาศพูดจาในเรื่องที่ยังไม่มีการพิสูจน์ว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของใคร พยายามกล่าวหาว่าเป็นฝีมือของคนเสื้อแดง
"รัฐบาลนี้กำลังซ้ำรอย 6 ตุลา 19 พยายามสร้างสงครามกลางเมือง โดยที่รัฐบาลที่เลวที่สุดของโลกยังไม่มีใครทำ และมีผู้พยายามเจรจาวิ่งเต้นให้มีการเจรจารอบ 3 เกิดขึ้น แต่รัฐบาลไม่นำพา ขอยืนยันว่าคนเสื้อแดงจะอยู่จนกว่าจะยุบสภา ในวันที่ 17 เมษายน ทางคนเสื้อแดงจะมีกิจกรรมครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง" นายวีระกล่าว
สาวบุกเดี่ยวด่าม็อบหวิดโดนรุม
สำหรับบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ที่บริเวณแยกราชประสงค์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้ามีผู้ชุมนุมค่อนข้างบางตา โดยกลุ่มผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ยังคงปักหลักกันอยู่หน้าเวที ขณะที่บางส่วนพักผ่อนกันอยู่ตามที่พัก และร่มไม้ของอาคารที่ตั้งอยู่บริเวณโดยรอบ ทั้งนี้กลุ่มผู้ชุมนุมที่มาจากสะพานผ่านฟ้าลีลาศต่างกระจายกันสร้างที่พักและหุงหาอาหาร โดยที่พักของคนเสื้อแดงนั้นยาวไปตามถนนพระรามที่ 1 ไปจนถึงสี่แยกปทุมวัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเวลา 09.20 น. มีผู้หญิงอายุราว 30 ปี เดินเข้าไปบริเวณใกล้เวทีปราศรัย พร้อมตะโกนโวยวายต่อว่ากลุ่มผู้ชุมนุมว่า ทำไมจึงมาตั้งเต๊นท์บริเวณราชประสงค์ เพราะทำให้ประชาชนเดือดร้อนวุ่นวาย ผู้ชุมนุมที่ได้ยินพร้อมใจกันโห่ไล่ จากนั้นการ์ด นปช. จึงเดินเข้าไปประกบหญิงคนดังกล่าว เพราะเกรงว่าจะถูกผู้ชุมนุมทำร้ายร่างกาย และพาหญิงคนดังกล่าวออกไปหลบที่โรงแรมเพรสซิเดนท์ ซึ่งในระหว่างนั้นมีคนเสื้อแดงคนหนึ่งถือไม้เดินไล่ตาม พร้อมทั้งตะโกนขู่ว่า อย่าออกมาอีก ทำให้การ์ด นปช.ต้องรีบตัวเข้าไปหลบในโรงแรมทันที
เมื่อเวลา 09.40 น. ชายคนหนึ่งอายุประมาณ 60 ปี เกิดเป็นลมชักขึ้น โดยเจ้าหน้าที่ศูนย์พยาบาลได้เข้าตรวจดูอาการ พบว่าขยับแขนข้างขวาไม่ได้ ซึ่งแพทย์ประจำหน่วยจึงได้สัณนิษฐานว่าอาจป่วยเป็นโรคหัวใจตีบเฉียบพลัน จึงนำตัวเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากย้ายผู้ชุมนุมมาร่วมกันที่เวทีราชประสงค์ ทำให้แกนนำมารวมตัวกันที่เวทีราชประสงค์ทุกคน ทำให้ต้องปรับแผนรักษาความปลอดภัยให้กับแกนนำใหม่ โดยนำรั้วเหล็กมาล้อม 2 ชั้นรอบเวที ขณะที่มีการกันพื้นที่ให้แกนนำนั่งเฉพาะตรงกลางบริเวณด้านหลังเวทีเท่านั้น พร้อมทั้งกั้นรั้วเหล็กอีกชั้น
เพิ่มการ์ดตั้งด่านตรวจ 3 ชั้น
สำหรับบรรยากาศในช่วงบ่าย ซึ่งอากาศเริ่มร้อนจัด แต่ผู้ชุมนุมยังคงปักหลักฟังการปราศรัย โดยมีบางส่วนเล่นสงกรานต์กันโดยใช้ปืนฉีดน้ำ และน้ำจากขวดน้ำดื่มสาดกันอย่างสนุกสนาน อย่างไรก็ตาม น่าสังเกตว่าแกนนำหลักของคนเสื้อแดงไม่ได้พักอยู่บริเวณด้านหลังเวทีแต่อย่างใด ทั้งนี้บรรดากลุ่มผู้ชุมนุมได้เริ่มนำเต๊นท์จากบริเวณสะพายผ่านฟ้าลีลาศ มาตั้งบังแดดเพิ่มเติมบริเวณแยกราชประสงค์จนเต็มพื้นที่ถนนทำให้การจราจรถูกปิดโดยอัตโนมัติ
ด้านนายอารีย์ ไกรนรา หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย นปช.กล่าวว่า ขณะนี้มีการรักษาความปลอดภัยให้แกนนำเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเพิ่มจำนวนการ์ดให้มากอีกเท่าตัว ซึ่งบริเวณสี่แยกเพลินจิต แยกราชดำริ แยกมาบุญครอง และแยกประตูน้ำ มีการตั้งด้านตรวจสกัดจุดละ 3 ชั้น พร้อมทั้งติดสปอร์ตไลต์จากบริเวณหน้าเวที ที่จะส่องไปยังอาคารสูง เพื่อตรวจสอบจุดผิดสังเกต พร้อมทั้งขอความร่วมมือเจ้าของอาคารไม่ให้มีผู้เข้าไปในตัวอาคารอย่างเด็ดขาด รวมทั้งติดไฟส่องบริเวณตรอกซอกซอยต่างๆ ด้วย
สาวเสื้อแดงหิ้วบะหมี่เยี่ยมนายกฯ
เมื่อเวลา 12.00 น. วันเดียวกัน น.ส.ฉันทิสา โรจนภิมุข สมาชิกกลุ่มคนเสื้อแดง พร้อมด้วยเพื่อนชายขี่รถจักรยานยนต์มายัง ร.11 รอ. โดยอ้างว่า ได้รับมอบหมายจากนายณัฐวุฒิให้นำบะหมี่หมูแดง น้ำดื่ม กาแฟกระป๋อง และจดหมายที่มีข้อความว่า"ให้นายกฯ กินกันตายเพื่อรอยุบสภา ชดใช้กรรมในฐานะฆาตกร" มามอบให้แก่นายอภิสิทธิ์ ซึ่งกับดานอยู่ภายใน ร.11 รอ. เป็นวันที่ 5 อย่างไรก็ตาม ไม่มีแกนนำรัฐบาล หรือนายทหารชั้นผู้ใหญ่ให้ความสนใจ หรือออกมาสังเกตการณ์แต่อย่างใด โดยสาวเสื้อแดงมอบสิ่งของทั้งหมดผ่านทางเจ้าหน้าที่ทหารชั้นประทวนที่ยืนประจำการอยู่บริเวณประตูเข้า-ออก ร.11 รอ. ถนนพหลโยธิน โดยใช้เวลาไม่ถึง 3 นาที ทั้งนี้ก่อนเดินทางกลับ ตำรวจ สน.บางเขน ที่มาอารักขาความปลอดภัยด้านหน้า ร.11 รอ. สอบถามชื่อและรายละเอียดต่างๆ เพื่อบันทึกไว้เป็นหลักฐานด้วย
"เสธ.แดง" โผล่เย้ยกองทัพแต๋วแตก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.45 น. พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก เดินทางมาให้กำลังใจกลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน พร้อมให้ถ่ายรูปคู่และแจกลายเซ็นให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ชื่นชอบ พร้อมให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีข่าวว่า ศอฉ.จะสลายการชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์ว่า รัฐบาลคงไม่กล้าดำเนินการ เพราะกองทัพขณะนี้เป็นกองทัพแต๋วแตก เห็นได้จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 เมษายนว่า กองทัพถูกตีแตกพ่ายไปเรียบร้อย ทั้งที่สั่งกำลัง 3 กองพล มาปฏิบัติการที่หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา และเชิงสะพานปิ่นเกล้า แต่กลับถูกกองกำลังไม่ทราบฝ่ายตีแตกไป
พล.ต.ขัตติยะกล่าวว่า ส่วนกองกำลังชุดดำที่ ศอฉ.ระบุว่า ถือปืนอาก้านั้น เชื่อว่าเป็นคนของรัฐบาลแน่นอน ที่แกนนำออกมาบอกว่าเป็นการ์ดของ นปช. เป็นเพราะแกนนำทั้ง 3 คนไม่รู้เรื่อง แต่ไม่อยากพูดมาก เพราะตนมีหน้าที่ดูแลกองทัพประชาชน และดูแลไม่ให้กลุ่ม นปช.ติดอาวุธเท่านั้น ส่วนคนเสื้อดำที่เป็นคนของรัฐบาล ก็ถือปืนถ่ายรูปเพื่อให้เป็นข่าว จากนั้นจึงมีคนก่อการโดยใช้พลซุ่มยิงหรือสไนเปอร์ ยิงชายคนที่ถือธงก่อน จากนั้นกลุ่มทหารจึงยิงเอ็ม 16 เข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุม จนมีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายออกมาช่วยคนเสื้อแดง
ที่มา.มติชนออนไลน์
************************************************
"วีระ”ขู่ฟ้องสื่อแพร่ภาพเมษาเลือด ใส่ร้ายคนเสื้อแดง
"วีระ”ขู่ฟ้องสื่อแพร่ภาพเมษาเลือด ใส่ร้ายคนเสื้อแดง เล็งส่งทนายเชือด "ไก่อู-ปณิธาน"แพร่ภาพหมิ่นแดงปลุกเสื้อแดงชุมนุมเสาร์นี้หวังกดดันรัฐฐาลยุบสภา "จตุพร"ยันเสื้อแดงไม่เคยคิดรีดผู้ค้าสลากฯ และร้านค้าย่านราชประสงค์ ท้ามีข้อมูลให้เปิดออกมา พร้อมเรียกร้องกองทัพเผยข้อมูลสาเหตุการตายของทหาร "DSI"เตรียมประชุมรับคดี 10 เมษาเลือดเป็นคดีพิเศษ16เม.ย. พร้อมตั้งพนง.สอบสวนจาก 10 หน่วยงานร่วมคณะ ระบุคณะทำงานพร้อมเดินเครื่องสอบทันทีกก.รับเป็นคดีพิเศษ
(15เม.ย.) เมื่อเวลา 18.00 น . ที่เวทีราชประสงค์ นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ( นปช .) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวแถลงข่าวบนเวทีปราศรัย ว่า ขณะนี้รัฐบาลได้ปิดสถานีโทรทัศน์และสื่อของกลุ่มคนเสื้อแดงทุกทาง แต่กลับมีการเสนอข่าวสารอย่างทางเดียวโดยสื่อในมือของรัฐ แกนนำคนเสื้อแดงจึงมีความเห็นว่า จะตั้งทีมกฎหมายแจ้งความกับสื่อโทรทัศน์ทุกช่องที่เสนอข่าวของคนเสื้อแดงและเผยแพร่ที่มีข้อความอันเป็นเท็จโดยไม่สนใจว่าสถานีดังกล่าวได้รับคำสั่งมาจากใคร แต่ต้องรับผิดชอบที่นำเอาภาพเหล่านี้มาเผยแพร่ เช่นเดียวกับพ.อ. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ( ศอฉ .) และนายปณิธาน วัฒนายากร โฆษกรัฐบาล ที่ได้ออกประกาศอย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทางกลุ่มคนเสื้อแดงจะดำเนินคดีกับคนพวกนี้ให้เข็ดหลาบ
นายวีระ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ได้พบว่าได้มีการนำวิธีการในเหตุการณ์ 6 ตุลา มาใช้กับคนเสื้อแดง โดยมีการพยายามสร้างฉากละครมาเผยแพร่ตลอด อาทิ การนำคลิปของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีมาเผยแพร่บ่อยครั้ง โดยระบุว่าว่า พ.ต.ท.ทักษิณ หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จากการตรวจสอบคลิป ยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นการตัดต่อ เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง นอกจากนี้ การที่พ.ต.ท.ทักษิณ วีดีโอลิงค์ มาเวทีคนเสื้อแดง แล้วเรียกร้องให้ประชาชนร่วมกันต่อสู้เพื่อจะได้กลับมาเป็นประธานาธิบดีนั้นก็ไม่เป็นความจริงเช่นกัน ทั้งสองกรณีถือเป็นการดำเนินการเพื่อหวังให้พ.ต.ท.ทักษิณ และคนเสื้อแดง เป็นกลุ่มคนที่ไม่จงรักภักดี ดังนั้นจึงอยากเน้นย้ำว่า เราคงต้องอาศัยสื่อต่างๆเพื่อใช้มาดำเนินคดีกลับ เพราะจะสามารถยืนยันการชุมนุมครั้งนื้ว่าทำอย่างถูกต้อง ยึดหลักสันติ อหิงสา ปราศจากอาวุธ และเชื่อว่าคงไม่มีอะไรมาทำลายได้ ทั้งนี้ขอเรียกร้องให้ประชาชน ที่อยู่ทางบ้านได้มาช่วยสมทบชุมนุม ในวันที่ 17 เมษายนนี้ เพื่อแสดงจุดยืนข้อเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภาสำเร็จได้
"จตุพร"ยันเสื้อแดงไม่คิดรีดผู้ค้าสลากฯ และร้านค้าย่านราชประสงค์
นายจตุพร พรหมพันธ์ กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชาชชีวะนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ได้หายตัวไป 2 วัน ว่า ตนเชื่อการหายตัวไปของทั้งสองดังกล่าวเพราะไปรวบรวมข้อมูล เพื่อเตรียมจะดำเนินการฟ้องร้องกับกลุ่มคนเสื้อแดงโดยการนำข้อมูลไปให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ( ดีเอสไอ ) ดังนั้นตนจึงอยากจะเสนอให้อธิบดีดีเอสไอ นำเรื่องที่นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพเป็นอาญชากรสั่งฆ่าประชาชนเอาไปเป็นคดีพิเศษด้วย ส่วนกรณีที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่าผู้ประกอบการสลากกินแบ่งได้จ่ายเงินให้คนเสื้อแดงจำนวน 100 ล้าน เพื่อให้ออกจากพื้นที่ทบริเวณถ.ราชดำเนินนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะเมื่อคนเสื้อแดงได้ชุมนุมที่ผ่านฟ้าน่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ประกอบการสลากกินแบ่งมากกว่า
นายจตุพร กล่าวอีกว่า เช่นเดียวกับนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวนายอภิสิทธิ์ที่กล่าวหาว่าคนเสื้อแดงรีดไถผู้ประกอบการธุรกิจย่านราชประสงค์ ยืนยันว่าเราไม่เป็นความจริง เพราะคนเสื้อแดงมาเรียกร้องประชาธิปไตย ดังนั้นคำกล่าวหาของทั้ง 2 เรื่อง ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ดังนั้นหากผู้ประกอบการมีข้อมูลเรื่องดังกล่าวจริง ขอให้มาแสดงตัว หากไม่มีก็ขอให้กลับไปทบทวนด้วยการตบปากตัวเอง
“พรรคประชาธิปัตย์สั่งฆ่าประชาชนเสร็จ ก็มาเล่นการเมืองกันสนุก แทนที่จะมีความสำนึก ไอ้พวกชั่วช้าหากินกับสลากกินแบ่งก็คือพรรคประชาธิปัตย์ ดูได้จากหวยเถื่อนที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดก็สมัยพรรคประชาธิปัตย์เป็นนายก ” นายจตุพรกล่าว
นายจตุพร ยังกล่าวถึงกรณีพ.อ.สรรเสริญ ที่ออกสื่อโทรทัศน์และมีการนำเสนอเหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมาแต่เพียงฝ่ายเดียว ดังนั้นคนเสื้อแดงขอท้าให้มีการนำคนเสื้อแดงมาออกโทรทัศน์ร่วมกันเพื่อจะได้อธิบายข้อเท็จจริงด้วย การกระทำของพ.อ.สรรเสริญ ไม่ใช่พฤติกรรมของชายชาติทหาร เหมือนกับการชันสูตรศพของทหารที่เสียชีวิต ที่คนเสื้อแดงขอถามว่าเหตุใดถึงไม่มีการเปิดเผย หรือ เป็นเพราะทหารมีอะไรที่ต้องการปกปิดประชาชน
“ เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลเผยแพร่ผลการชันสูตรบาดแผลของทหารผู้เสียชีวิต ว่ามีส่วนเชื่อมโยงกับอาวุธของกองทัพหรือไม่ ทำไมถึงไม่ชี้แจงเรื่องนี้บ้าง ” แกนนำคนเสื้อแดงกล่าวและว่ากรณีเครือข่ายประชาชนพิทักษ์ชาติ ที่ออกมาต่อต้านการชุมนุมของคนเสื้อแดง พร้อมระบุว่ามีจำนวนผู้ลงรายชื่อสนับสนุนในเฟสบุ๊คจำนวนกว่า 200,000 คน ตนมองว่าไม่น่าจะเป็นตามนั้นเพราะในความเป็นจริงคงคนกลุ่มนี้มีผู้สนับสนุนเพียง 300-500 คนเท่านั้น
"DSI"เตรียมประชุมรับคดี 10 เมษาเลือดเป็นคดีพิเศษวันพรุ่งนี้
รายงานข่าวจาก ศอฉ. เปิดเผยว่า รัฐบาลเสนอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษรับคดีที่เกิดขึ้นในวันที่ 10 เม.ย. เป็นคดีพิเศษ โดยเลือกเฉพาะข้อหาหนัก เช่น ก่อการร้าย ลอบวางระเบิดและซุ่มยิง ดังนั้นในวันพรุ่งนี้(16 เม.ย.) เวลา 10.30 น. ที่ราบ 11 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) จะเรียกประชุม คณะกรรมการคดีพิเศษเพื่อมีมติรับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษทั้งนี้เพื่อแบ่งเบางานสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเบื้องต้นจะตั้งพนักงานสอบสวนจาก 10 หน่วยงาน เข้าร่วมสอบสวนคดีดังกล่าวตามกฎหมายสอบสวนคดีพิเศษ ประกอบด้วย DSI , สำนักงานอัยการสูงสุด , ตำรวจนครบาล , สันติบาล , ตำรวจสอบสวนกลาง , ตำรวจภูธรภาค 1 , กองทัพบก , กรมพระธรรมนูญ , สภาความมั่นคงแห่งชาติ , และสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ ทั้งนี้หากมีมติรับเป็นคดีพิเศษชุดพนักงานสอบสวนจะเริ่มทำงานทันที เนื่องได้มีหน่วยข่าวเข้าสืบสวนข้อเท็จจริงวันเกิดเหตุไว้ส่วนหนึ่งแล้ว
ที่มา.คมชัดลึก
**************************************************
(15เม.ย.) เมื่อเวลา 18.00 น . ที่เวทีราชประสงค์ นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ( นปช .) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวแถลงข่าวบนเวทีปราศรัย ว่า ขณะนี้รัฐบาลได้ปิดสถานีโทรทัศน์และสื่อของกลุ่มคนเสื้อแดงทุกทาง แต่กลับมีการเสนอข่าวสารอย่างทางเดียวโดยสื่อในมือของรัฐ แกนนำคนเสื้อแดงจึงมีความเห็นว่า จะตั้งทีมกฎหมายแจ้งความกับสื่อโทรทัศน์ทุกช่องที่เสนอข่าวของคนเสื้อแดงและเผยแพร่ที่มีข้อความอันเป็นเท็จโดยไม่สนใจว่าสถานีดังกล่าวได้รับคำสั่งมาจากใคร แต่ต้องรับผิดชอบที่นำเอาภาพเหล่านี้มาเผยแพร่ เช่นเดียวกับพ.อ. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ( ศอฉ .) และนายปณิธาน วัฒนายากร โฆษกรัฐบาล ที่ได้ออกประกาศอย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทางกลุ่มคนเสื้อแดงจะดำเนินคดีกับคนพวกนี้ให้เข็ดหลาบ
นายวีระ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ได้พบว่าได้มีการนำวิธีการในเหตุการณ์ 6 ตุลา มาใช้กับคนเสื้อแดง โดยมีการพยายามสร้างฉากละครมาเผยแพร่ตลอด อาทิ การนำคลิปของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีมาเผยแพร่บ่อยครั้ง โดยระบุว่าว่า พ.ต.ท.ทักษิณ หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จากการตรวจสอบคลิป ยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นการตัดต่อ เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง นอกจากนี้ การที่พ.ต.ท.ทักษิณ วีดีโอลิงค์ มาเวทีคนเสื้อแดง แล้วเรียกร้องให้ประชาชนร่วมกันต่อสู้เพื่อจะได้กลับมาเป็นประธานาธิบดีนั้นก็ไม่เป็นความจริงเช่นกัน ทั้งสองกรณีถือเป็นการดำเนินการเพื่อหวังให้พ.ต.ท.ทักษิณ และคนเสื้อแดง เป็นกลุ่มคนที่ไม่จงรักภักดี ดังนั้นจึงอยากเน้นย้ำว่า เราคงต้องอาศัยสื่อต่างๆเพื่อใช้มาดำเนินคดีกลับ เพราะจะสามารถยืนยันการชุมนุมครั้งนื้ว่าทำอย่างถูกต้อง ยึดหลักสันติ อหิงสา ปราศจากอาวุธ และเชื่อว่าคงไม่มีอะไรมาทำลายได้ ทั้งนี้ขอเรียกร้องให้ประชาชน ที่อยู่ทางบ้านได้มาช่วยสมทบชุมนุม ในวันที่ 17 เมษายนนี้ เพื่อแสดงจุดยืนข้อเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภาสำเร็จได้
"จตุพร"ยันเสื้อแดงไม่คิดรีดผู้ค้าสลากฯ และร้านค้าย่านราชประสงค์
นายจตุพร พรหมพันธ์ กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชาชชีวะนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ได้หายตัวไป 2 วัน ว่า ตนเชื่อการหายตัวไปของทั้งสองดังกล่าวเพราะไปรวบรวมข้อมูล เพื่อเตรียมจะดำเนินการฟ้องร้องกับกลุ่มคนเสื้อแดงโดยการนำข้อมูลไปให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ( ดีเอสไอ ) ดังนั้นตนจึงอยากจะเสนอให้อธิบดีดีเอสไอ นำเรื่องที่นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพเป็นอาญชากรสั่งฆ่าประชาชนเอาไปเป็นคดีพิเศษด้วย ส่วนกรณีที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่าผู้ประกอบการสลากกินแบ่งได้จ่ายเงินให้คนเสื้อแดงจำนวน 100 ล้าน เพื่อให้ออกจากพื้นที่ทบริเวณถ.ราชดำเนินนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะเมื่อคนเสื้อแดงได้ชุมนุมที่ผ่านฟ้าน่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ประกอบการสลากกินแบ่งมากกว่า
นายจตุพร กล่าวอีกว่า เช่นเดียวกับนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวนายอภิสิทธิ์ที่กล่าวหาว่าคนเสื้อแดงรีดไถผู้ประกอบการธุรกิจย่านราชประสงค์ ยืนยันว่าเราไม่เป็นความจริง เพราะคนเสื้อแดงมาเรียกร้องประชาธิปไตย ดังนั้นคำกล่าวหาของทั้ง 2 เรื่อง ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ดังนั้นหากผู้ประกอบการมีข้อมูลเรื่องดังกล่าวจริง ขอให้มาแสดงตัว หากไม่มีก็ขอให้กลับไปทบทวนด้วยการตบปากตัวเอง
“พรรคประชาธิปัตย์สั่งฆ่าประชาชนเสร็จ ก็มาเล่นการเมืองกันสนุก แทนที่จะมีความสำนึก ไอ้พวกชั่วช้าหากินกับสลากกินแบ่งก็คือพรรคประชาธิปัตย์ ดูได้จากหวยเถื่อนที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดก็สมัยพรรคประชาธิปัตย์เป็นนายก ” นายจตุพรกล่าว
นายจตุพร ยังกล่าวถึงกรณีพ.อ.สรรเสริญ ที่ออกสื่อโทรทัศน์และมีการนำเสนอเหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมาแต่เพียงฝ่ายเดียว ดังนั้นคนเสื้อแดงขอท้าให้มีการนำคนเสื้อแดงมาออกโทรทัศน์ร่วมกันเพื่อจะได้อธิบายข้อเท็จจริงด้วย การกระทำของพ.อ.สรรเสริญ ไม่ใช่พฤติกรรมของชายชาติทหาร เหมือนกับการชันสูตรศพของทหารที่เสียชีวิต ที่คนเสื้อแดงขอถามว่าเหตุใดถึงไม่มีการเปิดเผย หรือ เป็นเพราะทหารมีอะไรที่ต้องการปกปิดประชาชน
“ เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลเผยแพร่ผลการชันสูตรบาดแผลของทหารผู้เสียชีวิต ว่ามีส่วนเชื่อมโยงกับอาวุธของกองทัพหรือไม่ ทำไมถึงไม่ชี้แจงเรื่องนี้บ้าง ” แกนนำคนเสื้อแดงกล่าวและว่ากรณีเครือข่ายประชาชนพิทักษ์ชาติ ที่ออกมาต่อต้านการชุมนุมของคนเสื้อแดง พร้อมระบุว่ามีจำนวนผู้ลงรายชื่อสนับสนุนในเฟสบุ๊คจำนวนกว่า 200,000 คน ตนมองว่าไม่น่าจะเป็นตามนั้นเพราะในความเป็นจริงคงคนกลุ่มนี้มีผู้สนับสนุนเพียง 300-500 คนเท่านั้น
"DSI"เตรียมประชุมรับคดี 10 เมษาเลือดเป็นคดีพิเศษวันพรุ่งนี้
รายงานข่าวจาก ศอฉ. เปิดเผยว่า รัฐบาลเสนอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษรับคดีที่เกิดขึ้นในวันที่ 10 เม.ย. เป็นคดีพิเศษ โดยเลือกเฉพาะข้อหาหนัก เช่น ก่อการร้าย ลอบวางระเบิดและซุ่มยิง ดังนั้นในวันพรุ่งนี้(16 เม.ย.) เวลา 10.30 น. ที่ราบ 11 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) จะเรียกประชุม คณะกรรมการคดีพิเศษเพื่อมีมติรับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษทั้งนี้เพื่อแบ่งเบางานสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเบื้องต้นจะตั้งพนักงานสอบสวนจาก 10 หน่วยงาน เข้าร่วมสอบสวนคดีดังกล่าวตามกฎหมายสอบสวนคดีพิเศษ ประกอบด้วย DSI , สำนักงานอัยการสูงสุด , ตำรวจนครบาล , สันติบาล , ตำรวจสอบสวนกลาง , ตำรวจภูธรภาค 1 , กองทัพบก , กรมพระธรรมนูญ , สภาความมั่นคงแห่งชาติ , และสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ ทั้งนี้หากมีมติรับเป็นคดีพิเศษชุดพนักงานสอบสวนจะเริ่มทำงานทันที เนื่องได้มีหน่วยข่าวเข้าสืบสวนข้อเท็จจริงวันเกิดเหตุไว้ส่วนหนึ่งแล้ว
ที่มา.คมชัดลึก
**************************************************
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)