"จตุพร" ปัดเลขาฯรมว.กห.เป็นแตงโม เตรียมขยับ 17 เม.ย. "เสธ.แดง" โผล่เย้ยกองทัพแต๋วแตก สาวเสื้อแดงหิ้วบะหมี่เยี่ยมนายกฯ เล็งแจ้งความนายกฯสั่งฆ่าปชช.
เล็งแจ้งความนายกฯสั่งฆ่าปชช.
นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. กล่าวเมื่อวันที่ 15 เมษายน ถึงการจัดการกับศพของคนเสื้อแดงที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ 10 เมษายน ว่า เดิมได้นำศพของผู้เสียชีวิตส่งกลับภูมิลำเนาไปแล้วส่วนหนึ่ง แต่ตอนนี้ฝ่ายกฎหมายได้ประสานงานกับทุกส่วนเพื่อขอให้ระงับการฌาปนกิจไว้ก่อน รวมทั้งศพที่จะฌาปนกิจที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยด้วย เนื่องจากเห็นว่าแม้ว่าจะพิสูจน์ศพ ยืนยันสาเหตุการเสียชีวิต และบุคคลที่เสียชีวิตแล้ว แต่เมื่อกลายเป็นคดีฆาตกรรม ต้องชันสูตรพลิกศพตามประมวลกฎหมายอาญา ดังนั้นจึงเห็นว่าควรรอให้กระบวนการทางกฎหมายเสร็จสิ้นเสียก่อนจึงจะมีการฌาปนกิจ นอกจากนี้ ทางทีมงานกฎหมายได้ประสานงานกับผู้เสียหาย ทั้งญาติผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ ให้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่สั่งการและผู้ลงมือ ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พยายามฆ่า และทำร้ายร่างกาย ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นคดีอาญา มีอายุความถึง 20 ปี
"ตำรวจต้องดำเนินการตามกฎหมาย ต้องสืบพยานแวดล้อม สอบปากคำพยานทั้งหมด เพราะเป็นเรื่องใหญ่ จะมีคดีความกว่า 900 คดี เนื่องจากทุกเหตุการณ์ต่างกรรมต่างวาระ จึงขอเตือน พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย ต้องเรียกนายอภิสิทธิ์มาสอบปากคำในฐานะผู้สั่งการ อย่ารับใช้นักการเมือง ไม่เช่นนั้น พล.ต.ต.อำนวยจะไม่มีแผ่นดินอยู่เสียเอง" นายจตุพรกล่าว และว่า ตรวจสอบไม่ยาก เพียงเอาบาดแผลของผู้เสียชีวิตมาเทียบกับอาวุธที่ก่อเหตุก็ชัดเจนอยู่แล้ว
ปัดเลขาฯรมว.กห.เป็นแตงโม
ผู้สื่อข่าวถามว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐดังกล่าวอยู่ระหว่างการประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ทำให้ผู้สั่งการและผู้ลงมือไม่ต้องรับผิดทางกฎหมาย นายจตุพรกล่าวว่า ใน พ.ร.ก.บ.ฉุกเฉิน ไม่มีข้อไหนระบุให้ฆ่าคนได้ อีกทั้งการสั่งการให้เข้าปราบปรามในเวลากลางคืนก็สะท้อนเจตนาชัดเจนแล้วว่าต้องการอะไรที่มากไปกว่าการสลายการชุมนุม จึงต้องมีคนรับผิดชอบ เพราะทุกอย่างไปตามแผนที่ฝ่ายทหารวางไว้ แล้วตนเคยเอาข้อมูลมาเปิดเผยถึงการตั้งกำลังในจุดที่โรงเรียนสตรีวิทยา ซึ่งก็เป็นไปตามนั้นทุกอย่าง
เมื่อถามว่า มีการระบุว่า พล.อ.นพดล อินทรปัญญา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นนายทหารแตงโม ที่คอยให้ข้อมูลกับกลุ่ม นปช. นายจตุพรกล่าวว่า ไม่ใช่ แต่ต้องยอมรับว่าขณะนี้ในกองทัพก็มีคนที่ไม่พอใจทหารด้วยกัน และพร้อมที่จะนำข้อมูลออกมาเปิดเผย
เสื้อแดงเตรียมขยับ17เม.ย.
เมื่อเวลา 18.00 น. ที่เวทีราชประสงค์ แกนนำเสื้อแดงแถลงข่าวภายหลังหารือกว่า 1 ชั่วโมง นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำคนเสื้อแดง กล่าวว่า หลังจากที่รัฐบาลปิดช่องทางการสื่อสารของคนเสื้อแดง และใช้สื่อของรัฐทำลายความเชื่อถือ สร้างภาพลักษณ์ไม่ดีต่อคนเสื้อแดง จึงมีความจำเป็นต้องดำเนินคดีกับโทรทัศน์สาธารณะทุกช่องที่เผยแพร่ข่าวที่เป็นภาพและเสียงที่ทำให้คนเสื้อแดงเสียหาย และจะแจ้งความดำเนินคดีกับ พ.อ.สรรเสริฐ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. และนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกฯ เพราะทั้งสองพยายามออกอากาศพูดจาในเรื่องที่ยังไม่มีการพิสูจน์ว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของใคร พยายามกล่าวหาว่าเป็นฝีมือของคนเสื้อแดง
"รัฐบาลนี้กำลังซ้ำรอย 6 ตุลา 19 พยายามสร้างสงครามกลางเมือง โดยที่รัฐบาลที่เลวที่สุดของโลกยังไม่มีใครทำ และมีผู้พยายามเจรจาวิ่งเต้นให้มีการเจรจารอบ 3 เกิดขึ้น แต่รัฐบาลไม่นำพา ขอยืนยันว่าคนเสื้อแดงจะอยู่จนกว่าจะยุบสภา ในวันที่ 17 เมษายน ทางคนเสื้อแดงจะมีกิจกรรมครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง" นายวีระกล่าว
สาวบุกเดี่ยวด่าม็อบหวิดโดนรุม
สำหรับบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ที่บริเวณแยกราชประสงค์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้ามีผู้ชุมนุมค่อนข้างบางตา โดยกลุ่มผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ยังคงปักหลักกันอยู่หน้าเวที ขณะที่บางส่วนพักผ่อนกันอยู่ตามที่พัก และร่มไม้ของอาคารที่ตั้งอยู่บริเวณโดยรอบ ทั้งนี้กลุ่มผู้ชุมนุมที่มาจากสะพานผ่านฟ้าลีลาศต่างกระจายกันสร้างที่พักและหุงหาอาหาร โดยที่พักของคนเสื้อแดงนั้นยาวไปตามถนนพระรามที่ 1 ไปจนถึงสี่แยกปทุมวัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเวลา 09.20 น. มีผู้หญิงอายุราว 30 ปี เดินเข้าไปบริเวณใกล้เวทีปราศรัย พร้อมตะโกนโวยวายต่อว่ากลุ่มผู้ชุมนุมว่า ทำไมจึงมาตั้งเต๊นท์บริเวณราชประสงค์ เพราะทำให้ประชาชนเดือดร้อนวุ่นวาย ผู้ชุมนุมที่ได้ยินพร้อมใจกันโห่ไล่ จากนั้นการ์ด นปช. จึงเดินเข้าไปประกบหญิงคนดังกล่าว เพราะเกรงว่าจะถูกผู้ชุมนุมทำร้ายร่างกาย และพาหญิงคนดังกล่าวออกไปหลบที่โรงแรมเพรสซิเดนท์ ซึ่งในระหว่างนั้นมีคนเสื้อแดงคนหนึ่งถือไม้เดินไล่ตาม พร้อมทั้งตะโกนขู่ว่า อย่าออกมาอีก ทำให้การ์ด นปช.ต้องรีบตัวเข้าไปหลบในโรงแรมทันที
เมื่อเวลา 09.40 น. ชายคนหนึ่งอายุประมาณ 60 ปี เกิดเป็นลมชักขึ้น โดยเจ้าหน้าที่ศูนย์พยาบาลได้เข้าตรวจดูอาการ พบว่าขยับแขนข้างขวาไม่ได้ ซึ่งแพทย์ประจำหน่วยจึงได้สัณนิษฐานว่าอาจป่วยเป็นโรคหัวใจตีบเฉียบพลัน จึงนำตัวเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากย้ายผู้ชุมนุมมาร่วมกันที่เวทีราชประสงค์ ทำให้แกนนำมารวมตัวกันที่เวทีราชประสงค์ทุกคน ทำให้ต้องปรับแผนรักษาความปลอดภัยให้กับแกนนำใหม่ โดยนำรั้วเหล็กมาล้อม 2 ชั้นรอบเวที ขณะที่มีการกันพื้นที่ให้แกนนำนั่งเฉพาะตรงกลางบริเวณด้านหลังเวทีเท่านั้น พร้อมทั้งกั้นรั้วเหล็กอีกชั้น
เพิ่มการ์ดตั้งด่านตรวจ 3 ชั้น
สำหรับบรรยากาศในช่วงบ่าย ซึ่งอากาศเริ่มร้อนจัด แต่ผู้ชุมนุมยังคงปักหลักฟังการปราศรัย โดยมีบางส่วนเล่นสงกรานต์กันโดยใช้ปืนฉีดน้ำ และน้ำจากขวดน้ำดื่มสาดกันอย่างสนุกสนาน อย่างไรก็ตาม น่าสังเกตว่าแกนนำหลักของคนเสื้อแดงไม่ได้พักอยู่บริเวณด้านหลังเวทีแต่อย่างใด ทั้งนี้บรรดากลุ่มผู้ชุมนุมได้เริ่มนำเต๊นท์จากบริเวณสะพายผ่านฟ้าลีลาศ มาตั้งบังแดดเพิ่มเติมบริเวณแยกราชประสงค์จนเต็มพื้นที่ถนนทำให้การจราจรถูกปิดโดยอัตโนมัติ
ด้านนายอารีย์ ไกรนรา หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย นปช.กล่าวว่า ขณะนี้มีการรักษาความปลอดภัยให้แกนนำเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเพิ่มจำนวนการ์ดให้มากอีกเท่าตัว ซึ่งบริเวณสี่แยกเพลินจิต แยกราชดำริ แยกมาบุญครอง และแยกประตูน้ำ มีการตั้งด้านตรวจสกัดจุดละ 3 ชั้น พร้อมทั้งติดสปอร์ตไลต์จากบริเวณหน้าเวที ที่จะส่องไปยังอาคารสูง เพื่อตรวจสอบจุดผิดสังเกต พร้อมทั้งขอความร่วมมือเจ้าของอาคารไม่ให้มีผู้เข้าไปในตัวอาคารอย่างเด็ดขาด รวมทั้งติดไฟส่องบริเวณตรอกซอกซอยต่างๆ ด้วย
สาวเสื้อแดงหิ้วบะหมี่เยี่ยมนายกฯ
เมื่อเวลา 12.00 น. วันเดียวกัน น.ส.ฉันทิสา โรจนภิมุข สมาชิกกลุ่มคนเสื้อแดง พร้อมด้วยเพื่อนชายขี่รถจักรยานยนต์มายัง ร.11 รอ. โดยอ้างว่า ได้รับมอบหมายจากนายณัฐวุฒิให้นำบะหมี่หมูแดง น้ำดื่ม กาแฟกระป๋อง และจดหมายที่มีข้อความว่า"ให้นายกฯ กินกันตายเพื่อรอยุบสภา ชดใช้กรรมในฐานะฆาตกร" มามอบให้แก่นายอภิสิทธิ์ ซึ่งกับดานอยู่ภายใน ร.11 รอ. เป็นวันที่ 5 อย่างไรก็ตาม ไม่มีแกนนำรัฐบาล หรือนายทหารชั้นผู้ใหญ่ให้ความสนใจ หรือออกมาสังเกตการณ์แต่อย่างใด โดยสาวเสื้อแดงมอบสิ่งของทั้งหมดผ่านทางเจ้าหน้าที่ทหารชั้นประทวนที่ยืนประจำการอยู่บริเวณประตูเข้า-ออก ร.11 รอ. ถนนพหลโยธิน โดยใช้เวลาไม่ถึง 3 นาที ทั้งนี้ก่อนเดินทางกลับ ตำรวจ สน.บางเขน ที่มาอารักขาความปลอดภัยด้านหน้า ร.11 รอ. สอบถามชื่อและรายละเอียดต่างๆ เพื่อบันทึกไว้เป็นหลักฐานด้วย
"เสธ.แดง" โผล่เย้ยกองทัพแต๋วแตก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.45 น. พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก เดินทางมาให้กำลังใจกลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน พร้อมให้ถ่ายรูปคู่และแจกลายเซ็นให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ชื่นชอบ พร้อมให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีข่าวว่า ศอฉ.จะสลายการชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์ว่า รัฐบาลคงไม่กล้าดำเนินการ เพราะกองทัพขณะนี้เป็นกองทัพแต๋วแตก เห็นได้จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 เมษายนว่า กองทัพถูกตีแตกพ่ายไปเรียบร้อย ทั้งที่สั่งกำลัง 3 กองพล มาปฏิบัติการที่หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา และเชิงสะพานปิ่นเกล้า แต่กลับถูกกองกำลังไม่ทราบฝ่ายตีแตกไป
พล.ต.ขัตติยะกล่าวว่า ส่วนกองกำลังชุดดำที่ ศอฉ.ระบุว่า ถือปืนอาก้านั้น เชื่อว่าเป็นคนของรัฐบาลแน่นอน ที่แกนนำออกมาบอกว่าเป็นการ์ดของ นปช. เป็นเพราะแกนนำทั้ง 3 คนไม่รู้เรื่อง แต่ไม่อยากพูดมาก เพราะตนมีหน้าที่ดูแลกองทัพประชาชน และดูแลไม่ให้กลุ่ม นปช.ติดอาวุธเท่านั้น ส่วนคนเสื้อดำที่เป็นคนของรัฐบาล ก็ถือปืนถ่ายรูปเพื่อให้เป็นข่าว จากนั้นจึงมีคนก่อการโดยใช้พลซุ่มยิงหรือสไนเปอร์ ยิงชายคนที่ถือธงก่อน จากนั้นกลุ่มทหารจึงยิงเอ็ม 16 เข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุม จนมีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายออกมาช่วยคนเสื้อแดง
ที่มา.มติชนออนไลน์
************************************************
วันพฤหัสบดีที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2553
"วีระ”ขู่ฟ้องสื่อแพร่ภาพเมษาเลือด ใส่ร้ายคนเสื้อแดง
"วีระ”ขู่ฟ้องสื่อแพร่ภาพเมษาเลือด ใส่ร้ายคนเสื้อแดง เล็งส่งทนายเชือด "ไก่อู-ปณิธาน"แพร่ภาพหมิ่นแดงปลุกเสื้อแดงชุมนุมเสาร์นี้หวังกดดันรัฐฐาลยุบสภา "จตุพร"ยันเสื้อแดงไม่เคยคิดรีดผู้ค้าสลากฯ และร้านค้าย่านราชประสงค์ ท้ามีข้อมูลให้เปิดออกมา พร้อมเรียกร้องกองทัพเผยข้อมูลสาเหตุการตายของทหาร "DSI"เตรียมประชุมรับคดี 10 เมษาเลือดเป็นคดีพิเศษ16เม.ย. พร้อมตั้งพนง.สอบสวนจาก 10 หน่วยงานร่วมคณะ ระบุคณะทำงานพร้อมเดินเครื่องสอบทันทีกก.รับเป็นคดีพิเศษ
(15เม.ย.) เมื่อเวลา 18.00 น . ที่เวทีราชประสงค์ นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ( นปช .) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวแถลงข่าวบนเวทีปราศรัย ว่า ขณะนี้รัฐบาลได้ปิดสถานีโทรทัศน์และสื่อของกลุ่มคนเสื้อแดงทุกทาง แต่กลับมีการเสนอข่าวสารอย่างทางเดียวโดยสื่อในมือของรัฐ แกนนำคนเสื้อแดงจึงมีความเห็นว่า จะตั้งทีมกฎหมายแจ้งความกับสื่อโทรทัศน์ทุกช่องที่เสนอข่าวของคนเสื้อแดงและเผยแพร่ที่มีข้อความอันเป็นเท็จโดยไม่สนใจว่าสถานีดังกล่าวได้รับคำสั่งมาจากใคร แต่ต้องรับผิดชอบที่นำเอาภาพเหล่านี้มาเผยแพร่ เช่นเดียวกับพ.อ. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ( ศอฉ .) และนายปณิธาน วัฒนายากร โฆษกรัฐบาล ที่ได้ออกประกาศอย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทางกลุ่มคนเสื้อแดงจะดำเนินคดีกับคนพวกนี้ให้เข็ดหลาบ
นายวีระ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ได้พบว่าได้มีการนำวิธีการในเหตุการณ์ 6 ตุลา มาใช้กับคนเสื้อแดง โดยมีการพยายามสร้างฉากละครมาเผยแพร่ตลอด อาทิ การนำคลิปของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีมาเผยแพร่บ่อยครั้ง โดยระบุว่าว่า พ.ต.ท.ทักษิณ หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จากการตรวจสอบคลิป ยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นการตัดต่อ เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง นอกจากนี้ การที่พ.ต.ท.ทักษิณ วีดีโอลิงค์ มาเวทีคนเสื้อแดง แล้วเรียกร้องให้ประชาชนร่วมกันต่อสู้เพื่อจะได้กลับมาเป็นประธานาธิบดีนั้นก็ไม่เป็นความจริงเช่นกัน ทั้งสองกรณีถือเป็นการดำเนินการเพื่อหวังให้พ.ต.ท.ทักษิณ และคนเสื้อแดง เป็นกลุ่มคนที่ไม่จงรักภักดี ดังนั้นจึงอยากเน้นย้ำว่า เราคงต้องอาศัยสื่อต่างๆเพื่อใช้มาดำเนินคดีกลับ เพราะจะสามารถยืนยันการชุมนุมครั้งนื้ว่าทำอย่างถูกต้อง ยึดหลักสันติ อหิงสา ปราศจากอาวุธ และเชื่อว่าคงไม่มีอะไรมาทำลายได้ ทั้งนี้ขอเรียกร้องให้ประชาชน ที่อยู่ทางบ้านได้มาช่วยสมทบชุมนุม ในวันที่ 17 เมษายนนี้ เพื่อแสดงจุดยืนข้อเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภาสำเร็จได้
"จตุพร"ยันเสื้อแดงไม่คิดรีดผู้ค้าสลากฯ และร้านค้าย่านราชประสงค์
นายจตุพร พรหมพันธ์ กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชาชชีวะนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ได้หายตัวไป 2 วัน ว่า ตนเชื่อการหายตัวไปของทั้งสองดังกล่าวเพราะไปรวบรวมข้อมูล เพื่อเตรียมจะดำเนินการฟ้องร้องกับกลุ่มคนเสื้อแดงโดยการนำข้อมูลไปให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ( ดีเอสไอ ) ดังนั้นตนจึงอยากจะเสนอให้อธิบดีดีเอสไอ นำเรื่องที่นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพเป็นอาญชากรสั่งฆ่าประชาชนเอาไปเป็นคดีพิเศษด้วย ส่วนกรณีที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่าผู้ประกอบการสลากกินแบ่งได้จ่ายเงินให้คนเสื้อแดงจำนวน 100 ล้าน เพื่อให้ออกจากพื้นที่ทบริเวณถ.ราชดำเนินนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะเมื่อคนเสื้อแดงได้ชุมนุมที่ผ่านฟ้าน่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ประกอบการสลากกินแบ่งมากกว่า
นายจตุพร กล่าวอีกว่า เช่นเดียวกับนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวนายอภิสิทธิ์ที่กล่าวหาว่าคนเสื้อแดงรีดไถผู้ประกอบการธุรกิจย่านราชประสงค์ ยืนยันว่าเราไม่เป็นความจริง เพราะคนเสื้อแดงมาเรียกร้องประชาธิปไตย ดังนั้นคำกล่าวหาของทั้ง 2 เรื่อง ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ดังนั้นหากผู้ประกอบการมีข้อมูลเรื่องดังกล่าวจริง ขอให้มาแสดงตัว หากไม่มีก็ขอให้กลับไปทบทวนด้วยการตบปากตัวเอง
“พรรคประชาธิปัตย์สั่งฆ่าประชาชนเสร็จ ก็มาเล่นการเมืองกันสนุก แทนที่จะมีความสำนึก ไอ้พวกชั่วช้าหากินกับสลากกินแบ่งก็คือพรรคประชาธิปัตย์ ดูได้จากหวยเถื่อนที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดก็สมัยพรรคประชาธิปัตย์เป็นนายก ” นายจตุพรกล่าว
นายจตุพร ยังกล่าวถึงกรณีพ.อ.สรรเสริญ ที่ออกสื่อโทรทัศน์และมีการนำเสนอเหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมาแต่เพียงฝ่ายเดียว ดังนั้นคนเสื้อแดงขอท้าให้มีการนำคนเสื้อแดงมาออกโทรทัศน์ร่วมกันเพื่อจะได้อธิบายข้อเท็จจริงด้วย การกระทำของพ.อ.สรรเสริญ ไม่ใช่พฤติกรรมของชายชาติทหาร เหมือนกับการชันสูตรศพของทหารที่เสียชีวิต ที่คนเสื้อแดงขอถามว่าเหตุใดถึงไม่มีการเปิดเผย หรือ เป็นเพราะทหารมีอะไรที่ต้องการปกปิดประชาชน
“ เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลเผยแพร่ผลการชันสูตรบาดแผลของทหารผู้เสียชีวิต ว่ามีส่วนเชื่อมโยงกับอาวุธของกองทัพหรือไม่ ทำไมถึงไม่ชี้แจงเรื่องนี้บ้าง ” แกนนำคนเสื้อแดงกล่าวและว่ากรณีเครือข่ายประชาชนพิทักษ์ชาติ ที่ออกมาต่อต้านการชุมนุมของคนเสื้อแดง พร้อมระบุว่ามีจำนวนผู้ลงรายชื่อสนับสนุนในเฟสบุ๊คจำนวนกว่า 200,000 คน ตนมองว่าไม่น่าจะเป็นตามนั้นเพราะในความเป็นจริงคงคนกลุ่มนี้มีผู้สนับสนุนเพียง 300-500 คนเท่านั้น
"DSI"เตรียมประชุมรับคดี 10 เมษาเลือดเป็นคดีพิเศษวันพรุ่งนี้
รายงานข่าวจาก ศอฉ. เปิดเผยว่า รัฐบาลเสนอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษรับคดีที่เกิดขึ้นในวันที่ 10 เม.ย. เป็นคดีพิเศษ โดยเลือกเฉพาะข้อหาหนัก เช่น ก่อการร้าย ลอบวางระเบิดและซุ่มยิง ดังนั้นในวันพรุ่งนี้(16 เม.ย.) เวลา 10.30 น. ที่ราบ 11 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) จะเรียกประชุม คณะกรรมการคดีพิเศษเพื่อมีมติรับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษทั้งนี้เพื่อแบ่งเบางานสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเบื้องต้นจะตั้งพนักงานสอบสวนจาก 10 หน่วยงาน เข้าร่วมสอบสวนคดีดังกล่าวตามกฎหมายสอบสวนคดีพิเศษ ประกอบด้วย DSI , สำนักงานอัยการสูงสุด , ตำรวจนครบาล , สันติบาล , ตำรวจสอบสวนกลาง , ตำรวจภูธรภาค 1 , กองทัพบก , กรมพระธรรมนูญ , สภาความมั่นคงแห่งชาติ , และสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ ทั้งนี้หากมีมติรับเป็นคดีพิเศษชุดพนักงานสอบสวนจะเริ่มทำงานทันที เนื่องได้มีหน่วยข่าวเข้าสืบสวนข้อเท็จจริงวันเกิดเหตุไว้ส่วนหนึ่งแล้ว
ที่มา.คมชัดลึก
**************************************************
(15เม.ย.) เมื่อเวลา 18.00 น . ที่เวทีราชประสงค์ นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ( นปช .) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวแถลงข่าวบนเวทีปราศรัย ว่า ขณะนี้รัฐบาลได้ปิดสถานีโทรทัศน์และสื่อของกลุ่มคนเสื้อแดงทุกทาง แต่กลับมีการเสนอข่าวสารอย่างทางเดียวโดยสื่อในมือของรัฐ แกนนำคนเสื้อแดงจึงมีความเห็นว่า จะตั้งทีมกฎหมายแจ้งความกับสื่อโทรทัศน์ทุกช่องที่เสนอข่าวของคนเสื้อแดงและเผยแพร่ที่มีข้อความอันเป็นเท็จโดยไม่สนใจว่าสถานีดังกล่าวได้รับคำสั่งมาจากใคร แต่ต้องรับผิดชอบที่นำเอาภาพเหล่านี้มาเผยแพร่ เช่นเดียวกับพ.อ. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ( ศอฉ .) และนายปณิธาน วัฒนายากร โฆษกรัฐบาล ที่ได้ออกประกาศอย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทางกลุ่มคนเสื้อแดงจะดำเนินคดีกับคนพวกนี้ให้เข็ดหลาบ
นายวีระ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ได้พบว่าได้มีการนำวิธีการในเหตุการณ์ 6 ตุลา มาใช้กับคนเสื้อแดง โดยมีการพยายามสร้างฉากละครมาเผยแพร่ตลอด อาทิ การนำคลิปของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีมาเผยแพร่บ่อยครั้ง โดยระบุว่าว่า พ.ต.ท.ทักษิณ หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จากการตรวจสอบคลิป ยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นการตัดต่อ เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง นอกจากนี้ การที่พ.ต.ท.ทักษิณ วีดีโอลิงค์ มาเวทีคนเสื้อแดง แล้วเรียกร้องให้ประชาชนร่วมกันต่อสู้เพื่อจะได้กลับมาเป็นประธานาธิบดีนั้นก็ไม่เป็นความจริงเช่นกัน ทั้งสองกรณีถือเป็นการดำเนินการเพื่อหวังให้พ.ต.ท.ทักษิณ และคนเสื้อแดง เป็นกลุ่มคนที่ไม่จงรักภักดี ดังนั้นจึงอยากเน้นย้ำว่า เราคงต้องอาศัยสื่อต่างๆเพื่อใช้มาดำเนินคดีกลับ เพราะจะสามารถยืนยันการชุมนุมครั้งนื้ว่าทำอย่างถูกต้อง ยึดหลักสันติ อหิงสา ปราศจากอาวุธ และเชื่อว่าคงไม่มีอะไรมาทำลายได้ ทั้งนี้ขอเรียกร้องให้ประชาชน ที่อยู่ทางบ้านได้มาช่วยสมทบชุมนุม ในวันที่ 17 เมษายนนี้ เพื่อแสดงจุดยืนข้อเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภาสำเร็จได้
"จตุพร"ยันเสื้อแดงไม่คิดรีดผู้ค้าสลากฯ และร้านค้าย่านราชประสงค์
นายจตุพร พรหมพันธ์ กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชาชชีวะนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ได้หายตัวไป 2 วัน ว่า ตนเชื่อการหายตัวไปของทั้งสองดังกล่าวเพราะไปรวบรวมข้อมูล เพื่อเตรียมจะดำเนินการฟ้องร้องกับกลุ่มคนเสื้อแดงโดยการนำข้อมูลไปให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ( ดีเอสไอ ) ดังนั้นตนจึงอยากจะเสนอให้อธิบดีดีเอสไอ นำเรื่องที่นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพเป็นอาญชากรสั่งฆ่าประชาชนเอาไปเป็นคดีพิเศษด้วย ส่วนกรณีที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่าผู้ประกอบการสลากกินแบ่งได้จ่ายเงินให้คนเสื้อแดงจำนวน 100 ล้าน เพื่อให้ออกจากพื้นที่ทบริเวณถ.ราชดำเนินนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะเมื่อคนเสื้อแดงได้ชุมนุมที่ผ่านฟ้าน่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ประกอบการสลากกินแบ่งมากกว่า
นายจตุพร กล่าวอีกว่า เช่นเดียวกับนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวนายอภิสิทธิ์ที่กล่าวหาว่าคนเสื้อแดงรีดไถผู้ประกอบการธุรกิจย่านราชประสงค์ ยืนยันว่าเราไม่เป็นความจริง เพราะคนเสื้อแดงมาเรียกร้องประชาธิปไตย ดังนั้นคำกล่าวหาของทั้ง 2 เรื่อง ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ดังนั้นหากผู้ประกอบการมีข้อมูลเรื่องดังกล่าวจริง ขอให้มาแสดงตัว หากไม่มีก็ขอให้กลับไปทบทวนด้วยการตบปากตัวเอง
“พรรคประชาธิปัตย์สั่งฆ่าประชาชนเสร็จ ก็มาเล่นการเมืองกันสนุก แทนที่จะมีความสำนึก ไอ้พวกชั่วช้าหากินกับสลากกินแบ่งก็คือพรรคประชาธิปัตย์ ดูได้จากหวยเถื่อนที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดก็สมัยพรรคประชาธิปัตย์เป็นนายก ” นายจตุพรกล่าว
นายจตุพร ยังกล่าวถึงกรณีพ.อ.สรรเสริญ ที่ออกสื่อโทรทัศน์และมีการนำเสนอเหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมาแต่เพียงฝ่ายเดียว ดังนั้นคนเสื้อแดงขอท้าให้มีการนำคนเสื้อแดงมาออกโทรทัศน์ร่วมกันเพื่อจะได้อธิบายข้อเท็จจริงด้วย การกระทำของพ.อ.สรรเสริญ ไม่ใช่พฤติกรรมของชายชาติทหาร เหมือนกับการชันสูตรศพของทหารที่เสียชีวิต ที่คนเสื้อแดงขอถามว่าเหตุใดถึงไม่มีการเปิดเผย หรือ เป็นเพราะทหารมีอะไรที่ต้องการปกปิดประชาชน
“ เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลเผยแพร่ผลการชันสูตรบาดแผลของทหารผู้เสียชีวิต ว่ามีส่วนเชื่อมโยงกับอาวุธของกองทัพหรือไม่ ทำไมถึงไม่ชี้แจงเรื่องนี้บ้าง ” แกนนำคนเสื้อแดงกล่าวและว่ากรณีเครือข่ายประชาชนพิทักษ์ชาติ ที่ออกมาต่อต้านการชุมนุมของคนเสื้อแดง พร้อมระบุว่ามีจำนวนผู้ลงรายชื่อสนับสนุนในเฟสบุ๊คจำนวนกว่า 200,000 คน ตนมองว่าไม่น่าจะเป็นตามนั้นเพราะในความเป็นจริงคงคนกลุ่มนี้มีผู้สนับสนุนเพียง 300-500 คนเท่านั้น
"DSI"เตรียมประชุมรับคดี 10 เมษาเลือดเป็นคดีพิเศษวันพรุ่งนี้
รายงานข่าวจาก ศอฉ. เปิดเผยว่า รัฐบาลเสนอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษรับคดีที่เกิดขึ้นในวันที่ 10 เม.ย. เป็นคดีพิเศษ โดยเลือกเฉพาะข้อหาหนัก เช่น ก่อการร้าย ลอบวางระเบิดและซุ่มยิง ดังนั้นในวันพรุ่งนี้(16 เม.ย.) เวลา 10.30 น. ที่ราบ 11 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) จะเรียกประชุม คณะกรรมการคดีพิเศษเพื่อมีมติรับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษทั้งนี้เพื่อแบ่งเบางานสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเบื้องต้นจะตั้งพนักงานสอบสวนจาก 10 หน่วยงาน เข้าร่วมสอบสวนคดีดังกล่าวตามกฎหมายสอบสวนคดีพิเศษ ประกอบด้วย DSI , สำนักงานอัยการสูงสุด , ตำรวจนครบาล , สันติบาล , ตำรวจสอบสวนกลาง , ตำรวจภูธรภาค 1 , กองทัพบก , กรมพระธรรมนูญ , สภาความมั่นคงแห่งชาติ , และสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ ทั้งนี้หากมีมติรับเป็นคดีพิเศษชุดพนักงานสอบสวนจะเริ่มทำงานทันที เนื่องได้มีหน่วยข่าวเข้าสืบสวนข้อเท็จจริงวันเกิดเหตุไว้ส่วนหนึ่งแล้ว
ที่มา.คมชัดลึก
**************************************************
ใกล้ถึงจุดจบ
เหตุการณ์การสลายการชุมนุมของทหารเมื่อค่ำวันที่ 10 เม.ย. ที่ถนนดินสอและสี่แยกคอกวัวจนมีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก
รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้เลย
แต่การแถลง 2-3 ครั้ง ของนายกฯ อภิสิทธิ์หลังเกิดเหตุการณ์เมษาเลือด ไม่มีทีท่าเลยว่าจะยอมรับผิด
ตรงกันข้ามกลับย้ำว่ารัฐบาลต้องบังคับใช้กฏหมาย ใช้คำพูดสวยหรูตามสไตล์ว่ารัฐบาลต้อง "ขอพื้นที่บางส่วนคืน" จากผู้ชุมนุม
ก่อนระบุว่า เหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นมาจากกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่แฝงตัวอยู่ในผู้ชุมนุม
การแถลงของนายกฯ อภิสิทธิ์มองเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกเสียจากโยนความผิดให้ผู้อื่น
ตีความได้ว่าถ้าไม่มีการชุมนุม รัฐบาลก็ไม่ต้องบังคับใช้กฎหมาย ไม่ต้องสลายการชุมนุม
นี่หรือคือความคิดของนายกรัฐมนตรี ผู้ประกาศตัวเองมาตลอดว่าฝักใฝ่ในระบอบประชาธิปไตย!?
การสูญเสียที่สี่แยกคอกวัวยังพิสูจน์ไม่ได้ในตอนนี้ว่าเป็นฝีมือใคร เป็นฝีมือของทหาร ผู้ชุมนุม หรือมือที่ 3
แต่นายกฯ อภิสิทธิ์ไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธความรับผิดชอบ!!
การส่งกำลังทหารหลายพันนายพร้อมอาวุธสงคราม รถหุ้มเกราะ รถถัง เข้าสลายการชุมนุม หรือรัฐบาลจะเรียกว่าขอพื้นที่คืนก็ตาม ทำไม่ได้เลยหากมีผู้ชุมนุมเรือนหมื่นคนปักหลักอยู่แบบนั้น
เพราะไม่มีทางจะหลีกเลี่ยงการปะทะกัน
และก็เกิดขึ้นจริงๆ เกิดการสูญเสีย มีประชาชนล้มตายหลายสิบศพ บาดเจ็บอีก 8-9 ร้อยคน
เป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากคำสั่งรัฐบาล
บทเรียนในอดีตก็มีให้เห็นอยู่แล้ว
รัฐบาล "ถนอม-ประภาส" ส่งกำลังทหารเข้าปราบปรามนิสิตนักศึกษาและประชาชนจนเกิดโศกนาฏกรรม 14 ตุลาคม 2516
เช่นเดียวกับรัฐบาล "สุจินดา" ส่งกำลังทหารเข้าสลายการชุมนุมของประชาชนในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ปี 2535
สุดท้ายถนอม ประภาส หรือแม้แต่สุจินดา ก็ต้องรับผิดชอบกับความสูญเสีย การเสียชีวิตของประชาชน ในฐานะที่เป็นผู้มีอำนาจในการสั่งสลายการชุมนุม
หลังเหตุการณ์ 10 เมษาเลือด แสดงให้เห็นว่านายกฯ อภิสิทธิ์ได้เลือกแล้ว
เลือกที่จะเดินตามรอย "ถนอม-ประภาส-สุจินดา"
และจากความผิดพลาดของรัฐบาลก็เกิดโยโย่เอฟเฟ็กต์ตามมาทันที
จะด้วยความบังเอิญหรือจงใจไม่ทราบได้
แต่กกต.เพิ่งมีมติให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์จากคดีเงินบริจาค 258 ล้านและ 29 ล้าน
ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ก็ออกมาเรียกร้องให้ยุบสภาเพื่อให้บ้านเมืองสงบ
ถึงเวลานี้นายกฯ อภิสิทธิ์ จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้อีกแล้ว
รัฐบาลที่จัดตั้งกันในค่ายทหาร กำลังจะพบจุดจบในค่ายทหารเช่นกัน
ข่าวสดรายวัน
เหล็กใน
****************************************************
รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้เลย
แต่การแถลง 2-3 ครั้ง ของนายกฯ อภิสิทธิ์หลังเกิดเหตุการณ์เมษาเลือด ไม่มีทีท่าเลยว่าจะยอมรับผิด
ตรงกันข้ามกลับย้ำว่ารัฐบาลต้องบังคับใช้กฏหมาย ใช้คำพูดสวยหรูตามสไตล์ว่ารัฐบาลต้อง "ขอพื้นที่บางส่วนคืน" จากผู้ชุมนุม
ก่อนระบุว่า เหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นมาจากกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่แฝงตัวอยู่ในผู้ชุมนุม
การแถลงของนายกฯ อภิสิทธิ์มองเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกเสียจากโยนความผิดให้ผู้อื่น
ตีความได้ว่าถ้าไม่มีการชุมนุม รัฐบาลก็ไม่ต้องบังคับใช้กฎหมาย ไม่ต้องสลายการชุมนุม
นี่หรือคือความคิดของนายกรัฐมนตรี ผู้ประกาศตัวเองมาตลอดว่าฝักใฝ่ในระบอบประชาธิปไตย!?
การสูญเสียที่สี่แยกคอกวัวยังพิสูจน์ไม่ได้ในตอนนี้ว่าเป็นฝีมือใคร เป็นฝีมือของทหาร ผู้ชุมนุม หรือมือที่ 3
แต่นายกฯ อภิสิทธิ์ไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธความรับผิดชอบ!!
การส่งกำลังทหารหลายพันนายพร้อมอาวุธสงคราม รถหุ้มเกราะ รถถัง เข้าสลายการชุมนุม หรือรัฐบาลจะเรียกว่าขอพื้นที่คืนก็ตาม ทำไม่ได้เลยหากมีผู้ชุมนุมเรือนหมื่นคนปักหลักอยู่แบบนั้น
เพราะไม่มีทางจะหลีกเลี่ยงการปะทะกัน
และก็เกิดขึ้นจริงๆ เกิดการสูญเสีย มีประชาชนล้มตายหลายสิบศพ บาดเจ็บอีก 8-9 ร้อยคน
เป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากคำสั่งรัฐบาล
บทเรียนในอดีตก็มีให้เห็นอยู่แล้ว
รัฐบาล "ถนอม-ประภาส" ส่งกำลังทหารเข้าปราบปรามนิสิตนักศึกษาและประชาชนจนเกิดโศกนาฏกรรม 14 ตุลาคม 2516
เช่นเดียวกับรัฐบาล "สุจินดา" ส่งกำลังทหารเข้าสลายการชุมนุมของประชาชนในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ปี 2535
สุดท้ายถนอม ประภาส หรือแม้แต่สุจินดา ก็ต้องรับผิดชอบกับความสูญเสีย การเสียชีวิตของประชาชน ในฐานะที่เป็นผู้มีอำนาจในการสั่งสลายการชุมนุม
หลังเหตุการณ์ 10 เมษาเลือด แสดงให้เห็นว่านายกฯ อภิสิทธิ์ได้เลือกแล้ว
เลือกที่จะเดินตามรอย "ถนอม-ประภาส-สุจินดา"
และจากความผิดพลาดของรัฐบาลก็เกิดโยโย่เอฟเฟ็กต์ตามมาทันที
จะด้วยความบังเอิญหรือจงใจไม่ทราบได้
แต่กกต.เพิ่งมีมติให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์จากคดีเงินบริจาค 258 ล้านและ 29 ล้าน
ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ก็ออกมาเรียกร้องให้ยุบสภาเพื่อให้บ้านเมืองสงบ
ถึงเวลานี้นายกฯ อภิสิทธิ์ จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้อีกแล้ว
รัฐบาลที่จัดตั้งกันในค่ายทหาร กำลังจะพบจุดจบในค่ายทหารเช่นกัน
ข่าวสดรายวัน
เหล็กใน
****************************************************
รื้อเต็นท์เสื้อแดงผ่านฟ้า-นปช.เปรยข่าวสไนเปอร์บนตึกสูง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 15 เม.ย. เจ้าหน้าที่เทศกิจหลายร้อยนาย เข้าเก็บเต็นท์ของกลุ่มเสื้อแดงที่ย้ายออกจากบริเวณสะพานผ่านฟ้า ไปยังบริเวณแยกราชประสงค์ตั้งแต่เมื่อวันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันรื้อถอนเต็นท์ออกจากพื้นผิวการจราจรตั้งแต่ลานพระบรมรูปทรงม้าไปจนถึงสนามหลวง และทำความสะอาดพร้อมทั้งขุดลอกสิ่งปฏิกูลในท่อระบายน้ำ
เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่เปิดการจราจรบนถนนราชดำเนินตั้งแต่แยกมัฆวานรังสรรค์ ไปจนถึงแยกหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ ซึ่งการจราจรจะเดินใช้ได้ตามปกติในช่วงเย็นของวันที่ 15 เม.ย.
ส่วนการชุมนุมของกลุ่มนปช.ที่บริเวณแยกราชประสงค์ตั้งแต่ช่วงเช้า เป็นไปอย่างบางตา กลุ่มผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ยังคงปักหลักกันอยู่หน้าเวที ขณะที่บางส่วนพักผ่อนกันอยู่ตามที่พัก และร่มไม้ของอาคารที่ตั้งอยู่บริเวณโดยรอบทั้งนี้กลุ่มผู้ชุมนุมที่มาจากสะพานผ่านฟ้าลีลาศต่างกระจายกันสร้างที่พักและหุ่งหาอาหาร โดยที่พักของคนเสื้อแดงนั้นยาวไปตามถนนพระรามที่ 1 ไปจนถึงหน้าห้างสรรพสินค้าสยามดิสคัฟเวอร์รี่
เวลา 10.00 น.นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกนปช.แถลงบริเวณเวทีชุมนุมราชประสงค์ ว่า หลังจากมีมติคืนพื้นที่ผ่านฟ้าลีลาศแล้วก็จะมีการเตรียมจัดระบบสาธารณูปโภค เพื่ออำนวยความสะดวกรองรับผู้ชุมนุมที่จะมาจากต่างจังหวัดในช่วงหลังสงกรานต์ โดยในช่วงขณะนี้มีผู้ชุมนุมอยู่มาจากกทม.และปริมณฑลเป็นหลัก และทราบข่าวว่าว่าจะมาจากจังหวัดอุดรธานีว่าผู้ชุมนุมกำลังจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯในวันนี้และจังหวัดอื่นๆ ก็จะตามเข้ามาสมทบ การชุมนุมของคนเสื้อแดงอาจจะยาวไปถึงซอยสุขุมวิท 31 และซอยสีลม และสนามกีฬาแห่งชาติ
รัฐบาลต้องประกาศให้ชัดเจนว่าวันที่ 19 เม.ย.นี้ว่าจะมีการยึดพื้นที่คืนหรือไม่ ทั้งนี้นปช.ยืนยันจุดยืนเดิมคือไม่รับข้อเสนอ ให้นายกฯลาออก หรือเปลี่ยนตัวนายกฯ แต่ต้องมีการยุบสภาอย่างเดียวเท่านั้น ทราบข่าวว่ามีพลแม่นปืนสไนเปอร์หาจุดวางปืนอยู่ตามอาคารต่างๆ มาดูลาดเลา เพื่อทำภารกิจบางอย่างสร้างความกดดันให้ประชาชน ถ้าจะทำก็ทำไป แต่ถ้าทำแล้วมีหลักฐานว่ามีคนมาลับๆ ล่อๆ ต้องมีคำอธิบายกับประชาชนและเจ้าของตึกรู้เห็นเป็นใจหรือไม่ และหากเกิดสงครามกลางเมืองขึ้นใครจะรับผิดชอบ
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า การตั้งกรรมการมาร่วมตรวจสอบเหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย. เป็นเรื่องที่ดี แต่คนกลางจะต้องดูด้วยว่าเป็นใคร ไม่ใช่เอาพันธมิตรมาเป็นกรรมการ เพราะถ้าทำอย่างนั้นนปช.ก็ไม่ยอมรับ ส่วนนายอภิสิทธิ์นั้นต้องยุบสภาทันทีไม่จำเป็นต้องรอให้ตรวจสอบก่อน เพราะนายอภิสิทธิ์หมดความชอบธรรมไปแล้วควรยุบสภาเดี๋ยวนี้ ส่วนการตรวจสอบก็ทำกันไปไม่จำเป็นต้องตรวจสอบจนแล้วเสร็จจึงค่อยยุบสภา
ต่อข้อถามที่ว่า ทำไมการ์ดนปช.ไม่จับกุมตัวกองกำลังชุดดำมาเปิดเผยความจริงว่าเป็นคนของฝ่ายไหน เพราะการ์ดนปช.ได้จับกุมตัวทหารที่ติดอาวุธไว้จำนวนหนึ่งก่อนปล่อยตัวในเวลาต่อมา นายณัฐวุฒิกล่าวว่า การที่การ์ดนปช.จับกุมทหารได้นั้น เพราะทหารกลุ่มดังกล่าวไม่ตอบโต้หรือยิงผู้ชุมนุม แต่กองกำลังชุดดำที่ติดอาวุธเป็นใครก็ไม่รู้จะไปจับกุมได้อย่างไร เท่าที่ตนได้ยินมานั้นกลุ่มคนดังกล่าวเป็นทหารในกองทัพ แต่ตนบอกไม่ได้ว่าเป็นใครเพราะได้ยินมาเท่านั้นไม่มีข้อมูล แต่พ.อ.สรรเสริญมีข้อมูลทำไมไม่ออกมาเปิดเผย บอกแต่เพียงว่าเป็นผู้ก่อการร้าย ถ้ามีข้อมูลก็ขอให้ไปจับ
วันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย พาญาติของผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงที่เสียชีวิตจากการเข้าสลายการชุมนุมของทหารเมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมาเข้ายื่นหนังสือร้องทุกข์ต่อพล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรก.ผบ.ตร. ผ่านทาง พ.ต.อ.พิชิตชัย ศรียานนท์ รองผบก.ส.3.สตช. เพื่อดำเนินคดีกับนายอภสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ และผู้ที่เกี่ยวข้องในการสลายการชุมนุม การกระทำของคนทั้งสองเป็นการร่วมกับกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง
ที่มา.ข่าวสดออนไลน์
*********************************************
เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่เปิดการจราจรบนถนนราชดำเนินตั้งแต่แยกมัฆวานรังสรรค์ ไปจนถึงแยกหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ ซึ่งการจราจรจะเดินใช้ได้ตามปกติในช่วงเย็นของวันที่ 15 เม.ย.
ส่วนการชุมนุมของกลุ่มนปช.ที่บริเวณแยกราชประสงค์ตั้งแต่ช่วงเช้า เป็นไปอย่างบางตา กลุ่มผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ยังคงปักหลักกันอยู่หน้าเวที ขณะที่บางส่วนพักผ่อนกันอยู่ตามที่พัก และร่มไม้ของอาคารที่ตั้งอยู่บริเวณโดยรอบทั้งนี้กลุ่มผู้ชุมนุมที่มาจากสะพานผ่านฟ้าลีลาศต่างกระจายกันสร้างที่พักและหุ่งหาอาหาร โดยที่พักของคนเสื้อแดงนั้นยาวไปตามถนนพระรามที่ 1 ไปจนถึงหน้าห้างสรรพสินค้าสยามดิสคัฟเวอร์รี่
เวลา 10.00 น.นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกนปช.แถลงบริเวณเวทีชุมนุมราชประสงค์ ว่า หลังจากมีมติคืนพื้นที่ผ่านฟ้าลีลาศแล้วก็จะมีการเตรียมจัดระบบสาธารณูปโภค เพื่ออำนวยความสะดวกรองรับผู้ชุมนุมที่จะมาจากต่างจังหวัดในช่วงหลังสงกรานต์ โดยในช่วงขณะนี้มีผู้ชุมนุมอยู่มาจากกทม.และปริมณฑลเป็นหลัก และทราบข่าวว่าว่าจะมาจากจังหวัดอุดรธานีว่าผู้ชุมนุมกำลังจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯในวันนี้และจังหวัดอื่นๆ ก็จะตามเข้ามาสมทบ การชุมนุมของคนเสื้อแดงอาจจะยาวไปถึงซอยสุขุมวิท 31 และซอยสีลม และสนามกีฬาแห่งชาติ
รัฐบาลต้องประกาศให้ชัดเจนว่าวันที่ 19 เม.ย.นี้ว่าจะมีการยึดพื้นที่คืนหรือไม่ ทั้งนี้นปช.ยืนยันจุดยืนเดิมคือไม่รับข้อเสนอ ให้นายกฯลาออก หรือเปลี่ยนตัวนายกฯ แต่ต้องมีการยุบสภาอย่างเดียวเท่านั้น ทราบข่าวว่ามีพลแม่นปืนสไนเปอร์หาจุดวางปืนอยู่ตามอาคารต่างๆ มาดูลาดเลา เพื่อทำภารกิจบางอย่างสร้างความกดดันให้ประชาชน ถ้าจะทำก็ทำไป แต่ถ้าทำแล้วมีหลักฐานว่ามีคนมาลับๆ ล่อๆ ต้องมีคำอธิบายกับประชาชนและเจ้าของตึกรู้เห็นเป็นใจหรือไม่ และหากเกิดสงครามกลางเมืองขึ้นใครจะรับผิดชอบ
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า การตั้งกรรมการมาร่วมตรวจสอบเหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย. เป็นเรื่องที่ดี แต่คนกลางจะต้องดูด้วยว่าเป็นใคร ไม่ใช่เอาพันธมิตรมาเป็นกรรมการ เพราะถ้าทำอย่างนั้นนปช.ก็ไม่ยอมรับ ส่วนนายอภิสิทธิ์นั้นต้องยุบสภาทันทีไม่จำเป็นต้องรอให้ตรวจสอบก่อน เพราะนายอภิสิทธิ์หมดความชอบธรรมไปแล้วควรยุบสภาเดี๋ยวนี้ ส่วนการตรวจสอบก็ทำกันไปไม่จำเป็นต้องตรวจสอบจนแล้วเสร็จจึงค่อยยุบสภา
ต่อข้อถามที่ว่า ทำไมการ์ดนปช.ไม่จับกุมตัวกองกำลังชุดดำมาเปิดเผยความจริงว่าเป็นคนของฝ่ายไหน เพราะการ์ดนปช.ได้จับกุมตัวทหารที่ติดอาวุธไว้จำนวนหนึ่งก่อนปล่อยตัวในเวลาต่อมา นายณัฐวุฒิกล่าวว่า การที่การ์ดนปช.จับกุมทหารได้นั้น เพราะทหารกลุ่มดังกล่าวไม่ตอบโต้หรือยิงผู้ชุมนุม แต่กองกำลังชุดดำที่ติดอาวุธเป็นใครก็ไม่รู้จะไปจับกุมได้อย่างไร เท่าที่ตนได้ยินมานั้นกลุ่มคนดังกล่าวเป็นทหารในกองทัพ แต่ตนบอกไม่ได้ว่าเป็นใครเพราะได้ยินมาเท่านั้นไม่มีข้อมูล แต่พ.อ.สรรเสริญมีข้อมูลทำไมไม่ออกมาเปิดเผย บอกแต่เพียงว่าเป็นผู้ก่อการร้าย ถ้ามีข้อมูลก็ขอให้ไปจับ
วันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย พาญาติของผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงที่เสียชีวิตจากการเข้าสลายการชุมนุมของทหารเมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมาเข้ายื่นหนังสือร้องทุกข์ต่อพล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรก.ผบ.ตร. ผ่านทาง พ.ต.อ.พิชิตชัย ศรียานนท์ รองผบก.ส.3.สตช. เพื่อดำเนินคดีกับนายอภสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ และผู้ที่เกี่ยวข้องในการสลายการชุมนุม การกระทำของคนทั้งสองเป็นการร่วมกับกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง
ที่มา.ข่าวสดออนไลน์
*********************************************
รัฐประหารครั้งใหญ่ จราจลในกรุงเทพ ปีแห่งความหายนะทางเศรษฐกิจ พรรคใหญ่ถึงกาลอวสาน
ประเทศไทย เข้าใกล้รัฐที่ล้มเหลวไปทุกขณะ การสลายการชุมนุมเสื้อแดงของทหาร ตามคำสั่งของรัฐบาล นำไปสู่โศกนาฎกรรมกลางเมือง ท่ามกลางข่าวลือการรัฐประหาร คนไทยแบ่งเป็นก๊กเป็นเหล่า ขัดแย้งกันอย่างหนัก สื่อของรัฐโหมกระแสความชิงชัย ทำให้เกิดการเกลียดชังไปทั้งประเทศ แต่ถ้า ย้อนดู "คำพยากรณ์ของ"โสรัจจะ นวลอยู่ " จะพบว่า นอสตราดามุสเมืองไทย เตือนทั้ง อำมาตย์ และ ไพร่ ไว้หมดแล้ว แต่ไม่มีใครฟัง...
การสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดง บนถนนราชดำเนิน ตามคำสั่งของ ศอฉ. นำไปสู่การสูญเสียครั้งใหญ่ มีผู้เสียชีวิต 22 ราย ทั้ง พลเรือน และทหาร มีคนบาดเจ็บกว่า 800 คน จากนั้น กลุ่มคนเสื้อแดง ได้ยุบเวทีที่ผ่านฟ้าฯ เพื่อไปรวมกับราชประสงค์ โดยอ้างว่า เป็นการต่อสู้ ยกสุดท้าย และ เพื่อสกัดทหาร
ล่าสุด มีมีกระแสข่าวว่า ทหารจะสลายม็อบอีกครั้ง วันที่ 19-21 เมษายน
คำขู่ของ จตุพร พรหมพันธ์ แกนนำ เสื้อแดง บนถนนราชประสงค์ คือ ...คราวนี้ จะได้คืนแต่ซากตึก
ภาพของประเทศไทยที่เผยแพร่ออกไปสู่โลก เลวร้ายกว่าที่คิด
18 เมษายน พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นัดชุมนุมใหญ่ กำหนดท่าทีเคลื่อนไหว
ช่วงนี้เองที่ กระแสข่าวปฎิวัติรัฐประหาร สะพัดไปทั้งเมือง ชื่อของ พลเอก ป. โผล่มาทุกโผ ...ถ้า ปฎิวัติ รอบนี้ ได้เห็น เลือดนองท้องช้าง ... นี่คือ ฝันร้ายของคนไทย
ชั่วโมงนี้ ห้างสรรพสินค้า และโรงแรม ชั้นนำ กลางกรุง เสียหายยับ ประเมินสถานการณ์ แบบวันต่อวัน
นักท่องเที่ยว ยกเลิกการเดินทางเข้ามาเที่ยวไทย อัตราการยกเลิกการจองห้องโรงแรม ... เห็นแล้ว น่าใจหาย
สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ คาดว่า นักลงทุนต่างชาติ จะถอนการลงทุนไปที่อื่น ถ้าสถานการณ์ยังไม่จบ
แล้วที่สุด ใครจะเชื่อว่า ที่สุด กกต. ได้มีมติ ยุบพรรค ประชาธิปัตย์ พรรคเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 64 ปี เหตุเพราะเงินปริศนาจากเสี่ยประชัย เลี่ยวไพรัตน์ 258 ล้าน
ขณะที่ นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เก็บตัวเงียบ มาหลายวัน เมื่อนายกฯ หนุ่มถูกกล่าวหาว่า มือเปื้อนเลือด
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ชี้ว่า ถ้าชุมนุมยืดเยื้อ 3 เดือนจะกระทบ จีดีพี ประมาณ 0.2 เปอร์เซ็นต์ กระทบการบริโภค 3 หมื่นล้าน ท่องเที่ยว เสียหาย 10 เปอร์เซ็นต์
แต่ถ้ายืดเยื้อไปยาวนานกว่านั้น จีดีพี จะลดลง 0.5 เปอร์เซ็นต์ ท่องเที่ยว จะวูบลงไปกว่า 20 เปอร์เซ็นต์
สถิติจากศาลล้มละลาย เผยว่า ปีที่แล้ว คดีล้มละลายจ่อ 2 หมื่นคดี แต่ปี 53 จะสูงที่สุด
ใครจะเชื่อว่า ประเทศไทย เดินมาสู่จุดหายนะ ได้อย่างไร ?
แต่เอาเข้าจริง มีคำเตือนจาก ศาสตร์แห่งโหร โดยหมอดู ที่ชื่อ " โสรัจจะ นวลอยู่" ที่แม่นราวกับตาเห็น
คำพยากรณ์ของ"โสรัจจะ นวลอยู่ " ถึงเหตุการณ์ ปีขาล 2553 เมื่อเทียบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงที่กล่าวมาข้างต้น
@ ปีเสือดุสุดหฤโหดมหาวิปโยคอย่างแท้จริง
ปี 2553 ดวงดาวยังคงเดินในสภาพไม่ปกติ เป็นปีเสือดุสุดหฤโหดมหาวิปโยคอย่างแท้จริง
"พระเสาร์ยังสถิตอยู่ในราศีกันย์ตลอดทั้งปี และพระราหูสถิตราศีธนูทั้งปี เช่นกัน"
"ดาวอังคาร ดาวสีเลือดย้ายเข้าสู่ราศีตุล ในวันที่ 4 กันยายน 2553 เล็งลัคนาเมือง"
"26 เมษายน 2553 ดาวพฤหัสบดี อันเป็นดาวฝ่ายคุณธรรม ฝ่ายศาสนาและเป็นดาวแห่งความดีเดินเข้าสู่ราศีมีน เป็นวินาศกับดวงเมือง สถิตร่วมกับดาวพุธและมฤตยู
ปีนี้ดาวเสาร์เล็งกับมฤตยู ซึ่งเป็นบาปเคราะห์ล้วนร้ายแรงทั้งสิ้น เป็นสิ่งน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง ในการเดินของบาปเคราะห์ล้วนร้ายแรงทั้งสิ้น
เป็นสิ่งน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง ในการเดินของบาปเคราะห์ใหญ่ทั้งสองดวงพร้อมด้วยอังคารโยคหลัง อนึ่งตั้งแต่ต้นปีถึงเดือนเมษายน 2553 ดาวอังคารบาปเคราะห์ที่รุนแรงแบบทะลุทะลวงได้เข้าสู่ราศีกรกฎ ทำมุมฉากหรือมุมข้อพับกับราศีเมษ"
@ เกิดปฏิวัติรัฐประหาร" ครั้งใหญ่อีกครั้ง
เมื่อร่วมผนึกกำลังกันเข้าตรึงลัคนาราศีเมษกรุงสยามเช่นนี้ ทำให้เห็นชัดว่าถึงคราวชะตาเมืองกำลังตกต่ำ การแตกแยกโกรธแค้นชิงชังของผู้คน เสนาบดีมีเหตุอาเพศตางๆ เกิดการจลาจล รัฐประหาร ยึดอำนาจ คว่ำกระดาน บุคคลในเครื่องแบบแตกแยกแบ่งเป็นสองฝ่าย เกิดสงครามกลางเมือง ซึ่งเลือดไทยต้องไหลรินนองแผ่นดิน เป็นหนทางไปสู่ "การปฏิวัติรัฐประหาร" ครั้งใหญ่อีกครั้ง
เป็นปีแห่งการทุกข์ทรมานของนักการเมืองที่ต้องก้มหน้าก้มตารับ กรรมที่ก่อไว้ ถูกประจานตีแผ่ความเลวร้าย ชั่วช้าสามานย์ ที่แอบแฝงซ่อนเร้นต่อผู้คนที่คอยตักตวงผลประโยชน์ของบ้านเมืองมาเป็นเวลาช้า นาน จะต้องถูกคิดบัญชีจากวัฏจักรของดวงดาว ซึ่งส่อถึงความล่มสบายของอาณาจักร เกรงกลัวหรือไม่ก้แล้วแต่ท่านทั้งหลาย เพราะจุดจบของประเทศจะเกิดขึ้นโดยน้ำมือของนักการเมืองชั่ว และบุคคลที่เข้ามาบริหารประเทศอย่างไร้คุณธรรมอย่างทุกวันนี้ แต่ถ้าจะให้ผ่านจุดนั้นไปให้ได้และจะไปให้ถึงเวลาฟ้าใสของประเทศ
ตามดวงดาวบ่งบอกว่าอาจจะต้องใช้เวลาให้ผ่านช่วงเคราะห์กรรมไปอีกสักระยะหนึ่ง
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ก่อกรรมไม่ดี จะถูกลงโทษจากสรวงสวรรค์ จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ดูแลประเทศเพราะสยามประเทศนั้นไม่มีอะไรที่จะมาทำลาย ร้างให้สูญสิ้นไปได้
ซึ่งที่ทำนายมานี้ไม่มีอคติต่อใครๆ ทั้งสิ้น หรือสาปแช่งบุคคลใด แต่ไปเป็นไปตามดวงดาวลิขิตจริงๆ สิ่งที่จะลบร้างคำทำนายให้เบาลง ทุกๆ คนต้องสร้างแต่ความดีถือศีล 5 ทำจากใจจริงไม่ใช่เฉพาะภายนอก หรือชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น
@ พรรคการเมืองทั้งเล็กและใหญ่ทั้ง หลาย ซึ่งเป็นอยู่ในปัจจุบันถึงกาลอวสาน
โสรัจจะ ทำนายว่า พรรคการเมืองทั้งเล็กและใหญ่ทั้ง หลาย ซึ่งเป็นอยู่ในปัจจุบันถึงกาลอวสาน สิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบันจะแตกสลายไปเองตามอิทธิพลของดวงดาว และจะเกิดสิ่งใหม่หรือมิติใหม่ซึ่งพัฒนาขึ้นมาเองยากแก่การคาดการณ์ได้
ดาวมฤตยูเจ้าแห่งการปฏิรูปเปลี่ยนแปลง ได้เดินเข้าทำมุมตรีโกณกับราศีมิถุน ประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย และจะทำมุมอยู่อย่างนั้นเกือบถึง 7 ปี ระหว่างนี้จะมีบาปเคราะห์มาเข้าร่วมมุม ทั้งมุมกากบาท ทั้งมุมสามเหลี่ยม บ่งถึงไทยเรายังมีรัฐบาลที่ดันทุรังและไม่ฉลาดไม่เห็นการณ์ไกล
ความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจ ย่อมจะกระทบกระเทือนต่อคุณภาพของการพัฒนาประชาธิปไตย และนำมาซึ่งความขัดแย้งทางสังคม
เกิดจลาจลในกรุงเทพฯ ทุกหมู่เหล่าแตกแยกเคียดแค้น ปิดร้านค้ายึดเป็นที่มั่นยิงต่อสู้กัน ทั่วทุกแถบในกรุงเทพฯ มีการขว้างระเบิดสนั่นเมืองไปหลายวัน จะก่อความยุ่งยากทีละน้อย และค่อยๆ รุนแรงขึ้นจนระงับไม่อยู่ ผู้มีอำนาจหรือคนสำคัญบางคนจักหมดอำนาจวาสนา
ข้อสังเกตเหตุการณ์รับกันนองเลือดครั้งนี้เกิดที่กรุงเทพฯ เมื่อดาวอังคารแห่งสงครามโคจรเข้าทับลัคนาแห่งดวงเมืองประชาธิปไตย จึงรบกันนองเลือดระหว่างผู้มีอำนาจกับประชาชน ครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่ตั้งกรุงเทพฯ มา
อาจต้องใช้กำลังทหารเข้า แก้ปัญหา เป็นหนทางไปสู่ "การปฏิวัติรัฐประหาร" ต้องรบราฆ่าฟันกัน สูญเสียชีวิตและทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก ตอนต้นปีบุคคลสำคัญและมีชื่อเสียงของประเทศจะถึงแก่กรรมจากการลอบทำร้าย ผู้คนระส่ำระสาย
@ ประเทศไทยกำลังคอยวีรบุรุษผู้กล้าหาญ
ภายใต้อิทธิฤทธิ์ของพระเคราะห์ แห่งสุริยะระบบ จึงไม่มีอะไรไม่ว่าสิ่งอันมีชีวิตหรือสิ่งอันเป็นนามธรรม กับสิ่งอันอุบัติขึ้นจากการก่อตัวของเหตุการณ์หนึ่งๆ จะต้องถูกครอบงำด้วยพระเคราะห์ทั้งสิ้น
เราคนไทยกำลังดิ้นรน เพื่อการคงอยู่ อนาคตนั้นก็ย่อมจะเป็นไปตามอำนาจของดวงดาวและกาลเวลา
พยายามดื้อรั้นฝืนดวงดาว เอาแต่ใจตนเอง โดยถือประเทศชาติเป็นสนามทดลองความดื้อของตนเอง ประเทศไทยกำลังคอยวีรบุรุษผู้กล้าหาญ ผู้เห็นประโยชน์แก่ประเทศชาติมาแก้ไขสถานการณ์นี้
บ้านเมืองเมื่อไรจะสงบเสียที เพราะรู้อยู่แก่ใจว่า ความมืดมนเหล่านี้จะเบาลง ซึ่งต้องใช้เวลายาวนานมาก มันเกี่ยวพันกับภูมิภาค เกี่ยวพันกับดวงชะตาของโลก เพียงแต่ขอตอบว่ายังไม่มีวันสงบ อีกหลายปีจึงจะเบาบางลง
กรุงเทพฯ บางส่วนเริ่มถูกน้ำทะเลท่วมเข้ามาถึง อาจจะจมน้ำหายไปและจะเป็นเช่นนี้ต่อเนื่องไปอีกหลายปี และอาจจะจมหายไปจากแผนที่โลกหรือแผนที่ประเทศไทย อาจจะต้องเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นภาครับต้องตระหนักถึงเรื่องนี้ ควรหาทางป้องกันไว้ก่อน
เดือนเมษายนเป็นที่สังเกตว่าดาวพระพฤหัสบดี แห่งไทยสยามกำลังโคจรร่วมกับพระพุธและดาวมฤตยูเป็นสัญญาณบ่งถึงการแทรกแซง ในราศีมีนเป็นวินาศกับลัคนาเมือง จะมีเหตุยุ่งยากเกิดขึ้น ผู้รักษาอำนาจการปกครองจะต้องระมัดระวัง อย่าได้หลวมตัว ตัดรอนอำนาจพิษสงของตนเองตามคำเรียกร้องต่างๆ ซึ่งวางกลลวง ในการแสวงหาลู่ทาง ให้ฝ่ายของพวกพ้องตนเองได้มีโอกาสเอาสถานการณ์บังหน้า ก่อเหตุวุ่นวายขึ้น
ขอย้ำว่าในปีนี้เหตุการณ์ไม่สู่สงบ จำเป็นต้องมีความรักและสามัคคีต่อกันและกันและมีเสถียรภาพด้วย
@ ปีแห่งการก่อการร้าย
ส่วนปัญหาทางภาคใต้ อิทธิพลของดาวเสาร์และดาวอังคารทำให้ยังเป็นปีแห่งการก่อการร้าย และการก่อวินาศกรรมทั้งปี เหมือนปี 2552 ที่แล้วมาแต่ยังแก้ไม่ตก จะทวีความรุนแรงขึ้นอย่างมหาศาล อาจเสียอำนาจทางภาคใต้ของประเทศประกาสแบ่งแยกเดินแดนแล้วทำให้ทุกสิ่ง ทุกอย่างขาดลอยไป เนื่องจากดาวอังคารคงเดินแบบวิกล เพราะดวงผู้นำประเทศ ทำให้การก่อการร้ายปานกลายเป็นสงครามระหว่างภาค ขยายวงกว้าง ออกไปทางภาคใต้การฆ่าผู้บริสุทธิ์รายวันยังคงดำเนินต่อไป มิมีอะไรมาหยุดยั้งได้ ผู้ก่อการร้ายกระทำครั้งนี้เป็นกลุ่ม ศาสนาถูกนำเข้ามาเกี่ยวข้อง ยังเอาโรงเรียน สถานที่ราชการ วัดวาอาราม ใช้อาวุธที่มีอานุภาพรุนแรงระเบิดพลีชีพ ประหนึ่งเป็นสงคราม จนทำให้องค์กรสหประชาชาติยื่นมือเข้ามา
ประเทศไทยจึงเป็นที่กล่าวขวัญในทางที่น่าสะพรึงกลัวไปทั่วโลก สื่อต่างประเทศมาทำข่าว ชาวต่างชาติไม่กล้าเดินทางมาท่องเที่ยว ผู้คนบริสุทธิ์ ทั้งพ่อค้า นักธุรกิจ นักปกครอง เด็กและสตรีต้องอพยพหนีไปยังที่ปลอดภัยกว่าในดินแดนแห่งใหม่ ผู้ที่จะมาชำระสะสางความมืดมน ความเคลือบแคลงให้กระจ่างออกมา ทุกคนทุกวันนี้ก็รู้กันดีอยู่ว่าการกระทำอันอุกอาจครั้งนี้ ย่อมจะต้องใช้กำลังผู้คนจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ฝ่ายคุ้มครองบ้านเมือง ย่อมจะไม่หย่อนสมรรถภาพถึงขนาดไม่รู้เบาะแสอะไรเลย เพียงแต่ว่าความจริงบางอย่างเปิดเผยออกมา จะต้องมีจังหวะเวลาอันสมควรด้วย ย่อมกระทบกระเทือนต่ออะไรมากมาย รวมทั้งสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศกับบ้านใกล้เรือนเคียง
เนื่องจากในกลุ่มชาติอาหรับผู้เป็นเจ้าของน้ำมันส่วนใหญ่ของโลก ยังมีปัญหาข้อพิพาทและรบราฆ่าฟันกันยังไม่จบสิ้น ยังคุกคามความสงบสุขของประชากรโลกต้องเดือดร้อนยิ่งขึ้นไปกว่าปีที่แล้ว เพราะอาจขาดแคลนน้ำมัน ซึ่งเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ ได้รวมหัวกันขึ้นราคาน้ำมันโดยไม่หยุดยั้ง บางช่วงก็ใช้น้ำมันเป็นเครื่องต่อรองกับประเทศมหาอำนาจทางตะวันตก ส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกตกต่ำลง ทำให้ข้าวของแพง ผู้คนลำบากไปทั่ว
ส่วนในบ้านเรานอกจากน้ำมันเชื้อเพลิงจะขึ้นราคาไม่หยุดแล้ว แก๊สหุงต้มก็ขึ้นราคาอย่างหนักเช่นกัน สร้างความปั่นป่วนเดือดร้อน
@ การปลุกระดมม็อบใดๆ ควรละเว้น
อีกนัยหนึ่งปี 2553 นี้ เมื่อว่ากันในแง่โหราศาสตร์ฮินดูก็เห็นว่า การวู่วามใด ๆ รังแต่จะทำให้บ้านเมืองลุกเป็นไฟ การปลุกระดมม็อบใดๆ ควรละเว้น บ่งถึงว่าถ้าดื้อรั้นจะเอาแต่ฝ่ายตนท่าเดียวโดยมิได้ผ่อนปรนใดๆ บ้านเมืองก็คงฉิบหายและจะเป็นการปลุกให้ผู้ถืออาวุธทนไม่ไหวคิดเข้ามาแก้ไข สถานการณ์อันไม่สงบ มันจะไปกันใหญ่ นอกจากทุพภิกขภัยจะเล่นงานเอาอย่างอ่วมอรทัยแล้ว น้ำผึ้งหยดเดียวก็จักบันดาลให้เกิดอะไรต่ออะไรที่เลวร้ายอย่างใหย่หลวงได้
ผู้มีอำนาจวาสนา อย่าได้นิ่งนอนใจ ระวังสุขภาพ ความยุ่งยาก ความเดือดร้อนอย่างรุนแรง จักสำแดงโทษ ผู้เป็นใหญ่ ผู้เป็นหลักต่างๆ จะประมาทต่อสถานการณ์ใดๆ ไม่ได้ทั้งสิ้น ระวังกว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้ อย่าวางใจในสิ่งที่ตนคิดว่าตัดรากถอนโคนแล้วคงไม่มีเขี้ยวเล็บ ประวัติศาสตร์ที่ยุ่งยากมาเป็นร้อยเป็นพันปี สอนไว้ได้ดีว่า ในโลกนี้หามีความเที่ยงแท้อะไรไม่
ความผันผวนยุ่งยาก เป็นการแสดงให้เห็นว่าสิ่งต่างๆ ยังคงดำเนินสานต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่หยุดยั้ง และโดยทั่วไปสภาวะในประเทศเปรียบเสมือนน้ำเดือดพล่านบนหม้อที่มีเชื้อไฟข้าง ใต้โหมอย่างรุนแรง ประชาชนพลเมืองอาจจะประสบปัญหาที่ไม่เคยประสบมาก่อน คือ คนว่างงานจำนวนมาก มีการเดินขบวน วุ่นวาย ต่างๆ นานา และอาจถูกปราบปรามจนต้องสูญเสียชีวิตไปมิใช่น้อย มีสงครามเบ็ดเสร็จในแต่ละท้องที่ผู้คนจะตายหมู่กันมาก
@ปีแห่งความหายนะทางเศรษฐกิจถึงขั้นล้มละลาย
เศรษฐกิจภายในประเทศยังไม่สามารถแก้ไขได้พร้อมกับเศรษฐกิจทั่วโลกก็ประสบ ปัญหาเศรษฐกิจเช่นกัน ประชาชนคนไทยเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า ยิ่งกว่าปีก่อน เป็นปีแห่งความหายนะทางเศรษฐกิจถึงขั้นล้มละลาย ธนาคารของรัฐไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจฟื้นขึ้นมาได้ ธนาคารทั้งเล็กและใหญ่ปิดตัวลงอย่างสนิท ตลาดหุ้นถูกกระทบอย่างรุนแรง ร่วงหล่นต่ำสุด และปิดตัวเองลง มีคนฆ่าตัวตายเป็นเบือ พลเมืองประสบความยากจนข้นแค้นมากขึ้น แต่องค์ประกอบของรัฐได้ซ้ำเติมประชาชนด้วยการขึ้นค่าสาธารณูปโภคทุกรูปแบบ
ปี 2553 นี้มีภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างรุนแรงทั้งปัญหาภัยแล้งและอุทกภัยน้ำท่วม ปัญหาภัยแล้งทำให้ขาดแคลน ทางภาคตะวันออกและตะวันออกเฉียงเหนืออย่างที่ไม่เคยประสบมาก่อน สัตว์เลี้ยง และผู้คนเดือดร้อน บางจังหวัดและบางอำเภอดินแตกระแหงไม่สามารถปลูกพืชธัญญาหารได้เลย ทำให้ผู้คนอดอยากแต่ขาดความเหลียวแลเอาใจใส่ของภาครัฐ หลายครอบครัวถึงขั้นขุดรากไม้และดินกินเป็นอาหารเพื่อประทังชีวิตให้รอดไป ก่อน เกิดพื้นดินถล่มและทรุดตัวไปทั่วประเทศ ไม่เว้นแม้กระทั่งกรุงเทพมหานคร เราอาจจะต้องสูญเสียแผ่นดินทางภาคใต้ ฝั่งทะเลอันดามัน ตั้งแต่จังหวัดระนองลงมา และจมลงสู่ใต้ทะเลไปทีละน้อย
ราวปลายปีแถบชายฝั่งทะเลอันดามันรวมทั้งเกาะภูเก็ต กระบี่ พังงา ถูกคลื่นยักษ์สึนามิพุ่งเข้าถล่มครั้งใหญ่ กวาดผู้คนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติบ้านเรือนลงทะเลจำนวนมาก
และยังต้องระวังกับวาตภัย ทำให้เกิดความเสียหายแก่เรือกสวนไร่นามหาศาล เกิดน้ำท่วมใหญ่ทั่วประเทศอีกครั้ง กรุงเทพฯจะจมอยู่ใต้บาดาลเป็นเวลานาน เป็นที่น่าทุกขเวทนายิ่งนัก มีผู้เสียชีวิตมากกว่าครั้งใดๆ ที่ผ่านมา
เกิดไต้ฝุ่นเข้าถล่มภาคใต้ ที่ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ และสุราษฎร์ธานี ผลเสียหายมาก เป็นมหาวาตภัยเรือประมงจมร่วม 100 ลำ ลูกเรือสูยหายไปเป็นพัน และปลายปีพายุถล่มรอบสองรุนแรงมาก คนตายเรือนพัน จังหวัดชุมพรเสียหายร่วม 100 เปอร์เซ็นต์
ประเทศไทย ปีขาล 2553 นี้ จะเป็นปีแห่งความอาเพศพิสดารสุดๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นเลยในสยามประเทศจะเกิด "หิมะตกในกรุงเทพฯ" และปริมณฑล คนไทยทั่วประเทศตกตะลึงและพูดกันไปต่างๆ นานา ในความอาถรรพณ์วิปริตผิดธรรมชาติประโคมข่าวไปทั่วโลก เป็นลางร้ายแก่คนกรุงเทพฯ และประชาชนชาวไทย ทั้งภยันตรายจากโรคติดต่อที่ร้ายแรงใหม่ๆ และคร่าชีวิตทั้งเด็ก ผู้หญิง และคนชรา ไปเป็นจำนวนมาก และเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในหลายๆ ด้าน ทั้งวัฒนธรรม-ประเพณีดั้งเดิม และการปกครองการเมืองที่สุดคาดเดา
@ เกิด "เขื่อนยักษ์แตก"
ที่เคยเกิด รอยร้าวสะสมมานาน ได้พังทลายลง เกิดคลื่นน้ำขนาดมหึมา พุ่งตรงลงสู่เบื้องล่าง เข้าท่วมไร่นา ที่อยู่อาศัย สิ่งก่อสร้างของผู้คน อย่างไม่รู้ตัวมาก่อน ทำให้สูญเสียชีวิตผู้คน สัตว์เลี้ยง และทำลายสิ่งก่อสร้าง รวมถึงพืชผลการเกษตรเสียหายทั้งหมดหลายจังหวัดต่อเนื่องมาถึงกรุงเทพฯ
น้ำแข็งขั้วโลกละลายอย่างรวดเร็ว ทำให้ระดับน้ำในทะเลสูงขึ้นและมหาสมุทรสูงขึ้น เกิดสภาวะน้ำท่วมใหญ่ บางส่วนของโลกถูกน้ำท่วมใหญ่จมหมายลงไปในทะเล
กรุงเทพฯ ไข้หวัดนกจะเข้ามาทำลายล้างชีวิตมนุษย์และสัตว์หรือเป็นเชื้อไข้หวัดนกที่ กลายพันธุ์ติดต่อมาถึงคน ทำให้สูญเสียชีวิตมนุษย์มากมายเป็นที่สยดสยองต่อวงการแพทย์
ภูเขาไฟในเกาะสุมาตราระเบิดอย่างรุนแรง มีการปะทุอย่างต่อเนื่องทั้งกลางวันและกลางคืน พ่นแก๊สร้อนขี้เถ้าแผ่กระจายเป็นรัศมีกว้างไกล ทำให้ท้องฟ้ามืดมิดบดบังแสงแดดกลายเป็นกลางคืน
เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงที่เกาะสุมาตรา ทำให้เกิดคลื่นสึนามิขนาดใหญ่ในหลายแห่งทั่วโลก ประเทศไทยได้รับผลอย่างจัง จมเรือหลายลำ พุ่งตรงเข้าไปตามชายฝั่งที่อยู่ติดกับทะเลด้านอันดามัน กวาดเอาหมู่บ้านจำนวนมากหายตกทะเลไป ทำให้ประชาชนจำนวนมากที่อาศัยอยู่คาดไม่ถึง ไม่ทันตั้งรับ เสียชีวิตอย่างอนาถ
เกิดคลื่นยักษ์สึนามิ กวาดและทำลายสิ่งก่อสร้างและชีวิตคนจำนวนมาก นับเป็นเหตุการณ์วิปโยคต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง คลื่นทะเลยักษ์เริ่มปะทะและโจมตีดินแดนชายฝั่งอย่างต่อเนื่อง ทำให้ได้รับความเสียหายมากมายอย่างที่ไม่เคยประสบมาก่อน
ความผันผวนต่างๆ จะแผ่ซ่นไปทั่ว ทุกประเทศจะต้องประสบ ดังเช่นญี่ปุ่น เยอรมนี ตะวันออกไกล ส่วนประเทศในยุโรปนั้น จะเข้าสู่สภาวะมิคสัญญีจะประสบภาวะเดือดร้อนและเดือดพล่านโดยทั่วกัน
นาวาของปวงประเทศทั้งหลายจะต้องเผชิญต่อมหันภัยของมรสุมอีกหลายลูก ประมุขของประเทศต่างๆ ใครจะมีฝีมือ จะเป็นรัฐบุรุษของโลกขนาดไหน ก็ต้องดูความสามารถกันในช่วงปีนี้แหละ
ถึงคราวแล้วที่ประเทศไทยจะเข้าสู่สงครามที่เราไม่เคยมีมาเลยกับ ประเทศเพื่อนบ้านเป็นเวลาช้านานแล้ว เป็นการรบอย่างแท้จริง อิทธิพลของดาวงดาวคือพระราหูทำมุมเสียกับลัคนาประเทศ ถ้าประเทศไทยยังเฉยเมยไม่ตระหนักต่อปัญหาที่รุมเร้าหนักข้อขึ้นทุกที เสมือนดูหมิ่นสยามประเทศมาโดยตลอด
ดังนั้นปี 2553 จะเกิดการรบนองเลือดถึงขั้นเสียชีวิตผู้คนมาก ถึงจะได้คืนมาซึ่งแผ่นดิน อาจจะถึงขั้นประกาศสงครามกับเพื่อนบ้าน
@ ช่วงปลายปี 53 โลกจะเข้าสู่ยุคเข็ญ
ประเทศในอ่าวเปอร์เซียกับตะวันออกกลาง อยู่ในเกณฑ์ของความอดทนอย่างถึงที่สุดของผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย การเคลื่อนกำลังอาวุธอาจจำเป็นต้องกระทำสงครามยุทธนาวีหลีกเลี่ยงไม่ได้
ดาวของประเทศมหาอำนาจ (สหรัฐ) กับตะวันออกกลาง และอ่าวเปอร์เซียเป็นแนวทางการเคร่งเครียด การขัดแย้ง การวิบัติ ที่ฉายเงารางๆ ให้เห็น
ประเทศที่กุมอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก ปีนี้จะมีเหตุไม่ราบรื่นในการสัมพันธ์กับนานาชาติ และภายในประเทศของตนเริ่มมีสัญญาณแห่งการขัดข้อง ความไม่ราบรื่นดังเคย จะมีผลยืดเยื้อที่จะกระทบต่ออนาคตอย่างแน่นอน เงาของความขัดแย้งทางอุดมการณ์ระหว่างประเทศกับความไม่ทัดเทียมกันทางด้าน เทคโนโลยีต่าง ๆ เห็นเหตุให้ชาติที่กำลังรีบเร่งไปสู่อนาคตที่แจ่มจรัสเบื้องหน้า เริ่มเห็นทางตัน มนุษยชาติกำลังเผชิญต่อภาวะความสับสนกับความเดือดร้อนต่อชาติอันยากจนข้น แค้นของประชากรโลกส่วนใหญ่ ความมืดมนกำลังเตรียมปักหลักเป็นแกนนำ บัดนี้โลกจะต้องระวังการหวังพึ่งพิงพลังงานใหม่ๆ เข้ามารับใช้มนุษยชาติในด้านอุตสาหกรรม ในด้านธุรกิจซึ่งกำลังตะบึงไปข้างหน้าอันเต็มไปด้วยหมอกหนาแห่งความไม่แน่ใจ
ดาวบาปเคราะห์ใหญ่ จะกระจายกันเข้าตรึง 4 ทวาร 4 มุม โดยมีดาวเสาร์เดินนำหน้า มันเป็นจุดคับขันที่สุดของโลก เป็นปีที่จะเกิดสงครามล้างผลาญโลกครั้งใหญ่ ทำลายล้างกันอย่างย่อยยับยิ่งกว่าครั้งใดๆ ที่เป็นมาในประวัติศาสตร์ของชาติมนุษย์
ช่วงปลายปี 53 โลกจะเข้าสู่ยุคเข็ญ และตะวันออกกลางเริ่มเปิดฉากแข็งกร้าวขึ้น อาวุธปรมาณู อาวุธนิวเคลียร์ อาวุธเคมีร้ายแรง อาวุธมหาประลัย นำมาใช้กัน ทำให้เกิดจุดวิกฤตการณ์ของดลกที่เขม็งเกลียวที่สุดนับตั้งแต่เกิดสงครามโลก ครั้งที่ 2 เป็นต้นมา และเมื่อนั้น ปีขาลหฤโหดจะสำแดงฤทธิ์ อาณาบริเวณที่จะเกิดจุดฆาตคือ สหรัฐ อังกฤษ อิสราเอล กลุ่มประเทศปาเลสไตน์ และจีน ส่วนสหรัฐแน่นอนละ ฐานทัพนอกประเทศจะถูกทำลายสิ้นไม่มีเหลือ ส่วนประเทศไทยเราจะถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องกับสงครามครั้งนี้ด้วย สงครามยืดเยื้อไปถึงปี 2554 จนอาจจะกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 ได้
นี่คือ คำทำนายของหมอดู ที่เมื่อเทียบกับสิ่งที่เกิดขึ้นในชั่วโมงนี้... น่าเสียวไส้
ที่มา.ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
**************************************************
การสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดง บนถนนราชดำเนิน ตามคำสั่งของ ศอฉ. นำไปสู่การสูญเสียครั้งใหญ่ มีผู้เสียชีวิต 22 ราย ทั้ง พลเรือน และทหาร มีคนบาดเจ็บกว่า 800 คน จากนั้น กลุ่มคนเสื้อแดง ได้ยุบเวทีที่ผ่านฟ้าฯ เพื่อไปรวมกับราชประสงค์ โดยอ้างว่า เป็นการต่อสู้ ยกสุดท้าย และ เพื่อสกัดทหาร
ล่าสุด มีมีกระแสข่าวว่า ทหารจะสลายม็อบอีกครั้ง วันที่ 19-21 เมษายน
คำขู่ของ จตุพร พรหมพันธ์ แกนนำ เสื้อแดง บนถนนราชประสงค์ คือ ...คราวนี้ จะได้คืนแต่ซากตึก
ภาพของประเทศไทยที่เผยแพร่ออกไปสู่โลก เลวร้ายกว่าที่คิด
18 เมษายน พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นัดชุมนุมใหญ่ กำหนดท่าทีเคลื่อนไหว
ช่วงนี้เองที่ กระแสข่าวปฎิวัติรัฐประหาร สะพัดไปทั้งเมือง ชื่อของ พลเอก ป. โผล่มาทุกโผ ...ถ้า ปฎิวัติ รอบนี้ ได้เห็น เลือดนองท้องช้าง ... นี่คือ ฝันร้ายของคนไทย
ชั่วโมงนี้ ห้างสรรพสินค้า และโรงแรม ชั้นนำ กลางกรุง เสียหายยับ ประเมินสถานการณ์ แบบวันต่อวัน
นักท่องเที่ยว ยกเลิกการเดินทางเข้ามาเที่ยวไทย อัตราการยกเลิกการจองห้องโรงแรม ... เห็นแล้ว น่าใจหาย
สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ คาดว่า นักลงทุนต่างชาติ จะถอนการลงทุนไปที่อื่น ถ้าสถานการณ์ยังไม่จบ
แล้วที่สุด ใครจะเชื่อว่า ที่สุด กกต. ได้มีมติ ยุบพรรค ประชาธิปัตย์ พรรคเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 64 ปี เหตุเพราะเงินปริศนาจากเสี่ยประชัย เลี่ยวไพรัตน์ 258 ล้าน
ขณะที่ นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เก็บตัวเงียบ มาหลายวัน เมื่อนายกฯ หนุ่มถูกกล่าวหาว่า มือเปื้อนเลือด
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ชี้ว่า ถ้าชุมนุมยืดเยื้อ 3 เดือนจะกระทบ จีดีพี ประมาณ 0.2 เปอร์เซ็นต์ กระทบการบริโภค 3 หมื่นล้าน ท่องเที่ยว เสียหาย 10 เปอร์เซ็นต์
แต่ถ้ายืดเยื้อไปยาวนานกว่านั้น จีดีพี จะลดลง 0.5 เปอร์เซ็นต์ ท่องเที่ยว จะวูบลงไปกว่า 20 เปอร์เซ็นต์
สถิติจากศาลล้มละลาย เผยว่า ปีที่แล้ว คดีล้มละลายจ่อ 2 หมื่นคดี แต่ปี 53 จะสูงที่สุด
ใครจะเชื่อว่า ประเทศไทย เดินมาสู่จุดหายนะ ได้อย่างไร ?
แต่เอาเข้าจริง มีคำเตือนจาก ศาสตร์แห่งโหร โดยหมอดู ที่ชื่อ " โสรัจจะ นวลอยู่" ที่แม่นราวกับตาเห็น
คำพยากรณ์ของ"โสรัจจะ นวลอยู่ " ถึงเหตุการณ์ ปีขาล 2553 เมื่อเทียบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงที่กล่าวมาข้างต้น
@ ปีเสือดุสุดหฤโหดมหาวิปโยคอย่างแท้จริง
ปี 2553 ดวงดาวยังคงเดินในสภาพไม่ปกติ เป็นปีเสือดุสุดหฤโหดมหาวิปโยคอย่างแท้จริง
"พระเสาร์ยังสถิตอยู่ในราศีกันย์ตลอดทั้งปี และพระราหูสถิตราศีธนูทั้งปี เช่นกัน"
"ดาวอังคาร ดาวสีเลือดย้ายเข้าสู่ราศีตุล ในวันที่ 4 กันยายน 2553 เล็งลัคนาเมือง"
"26 เมษายน 2553 ดาวพฤหัสบดี อันเป็นดาวฝ่ายคุณธรรม ฝ่ายศาสนาและเป็นดาวแห่งความดีเดินเข้าสู่ราศีมีน เป็นวินาศกับดวงเมือง สถิตร่วมกับดาวพุธและมฤตยู
ปีนี้ดาวเสาร์เล็งกับมฤตยู ซึ่งเป็นบาปเคราะห์ล้วนร้ายแรงทั้งสิ้น เป็นสิ่งน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง ในการเดินของบาปเคราะห์ล้วนร้ายแรงทั้งสิ้น
เป็นสิ่งน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง ในการเดินของบาปเคราะห์ใหญ่ทั้งสองดวงพร้อมด้วยอังคารโยคหลัง อนึ่งตั้งแต่ต้นปีถึงเดือนเมษายน 2553 ดาวอังคารบาปเคราะห์ที่รุนแรงแบบทะลุทะลวงได้เข้าสู่ราศีกรกฎ ทำมุมฉากหรือมุมข้อพับกับราศีเมษ"
@ เกิดปฏิวัติรัฐประหาร" ครั้งใหญ่อีกครั้ง
เมื่อร่วมผนึกกำลังกันเข้าตรึงลัคนาราศีเมษกรุงสยามเช่นนี้ ทำให้เห็นชัดว่าถึงคราวชะตาเมืองกำลังตกต่ำ การแตกแยกโกรธแค้นชิงชังของผู้คน เสนาบดีมีเหตุอาเพศตางๆ เกิดการจลาจล รัฐประหาร ยึดอำนาจ คว่ำกระดาน บุคคลในเครื่องแบบแตกแยกแบ่งเป็นสองฝ่าย เกิดสงครามกลางเมือง ซึ่งเลือดไทยต้องไหลรินนองแผ่นดิน เป็นหนทางไปสู่ "การปฏิวัติรัฐประหาร" ครั้งใหญ่อีกครั้ง
เป็นปีแห่งการทุกข์ทรมานของนักการเมืองที่ต้องก้มหน้าก้มตารับ กรรมที่ก่อไว้ ถูกประจานตีแผ่ความเลวร้าย ชั่วช้าสามานย์ ที่แอบแฝงซ่อนเร้นต่อผู้คนที่คอยตักตวงผลประโยชน์ของบ้านเมืองมาเป็นเวลาช้า นาน จะต้องถูกคิดบัญชีจากวัฏจักรของดวงดาว ซึ่งส่อถึงความล่มสบายของอาณาจักร เกรงกลัวหรือไม่ก้แล้วแต่ท่านทั้งหลาย เพราะจุดจบของประเทศจะเกิดขึ้นโดยน้ำมือของนักการเมืองชั่ว และบุคคลที่เข้ามาบริหารประเทศอย่างไร้คุณธรรมอย่างทุกวันนี้ แต่ถ้าจะให้ผ่านจุดนั้นไปให้ได้และจะไปให้ถึงเวลาฟ้าใสของประเทศ
ตามดวงดาวบ่งบอกว่าอาจจะต้องใช้เวลาให้ผ่านช่วงเคราะห์กรรมไปอีกสักระยะหนึ่ง
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ก่อกรรมไม่ดี จะถูกลงโทษจากสรวงสวรรค์ จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ดูแลประเทศเพราะสยามประเทศนั้นไม่มีอะไรที่จะมาทำลาย ร้างให้สูญสิ้นไปได้
ซึ่งที่ทำนายมานี้ไม่มีอคติต่อใครๆ ทั้งสิ้น หรือสาปแช่งบุคคลใด แต่ไปเป็นไปตามดวงดาวลิขิตจริงๆ สิ่งที่จะลบร้างคำทำนายให้เบาลง ทุกๆ คนต้องสร้างแต่ความดีถือศีล 5 ทำจากใจจริงไม่ใช่เฉพาะภายนอก หรือชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น
@ พรรคการเมืองทั้งเล็กและใหญ่ทั้ง หลาย ซึ่งเป็นอยู่ในปัจจุบันถึงกาลอวสาน
โสรัจจะ ทำนายว่า พรรคการเมืองทั้งเล็กและใหญ่ทั้ง หลาย ซึ่งเป็นอยู่ในปัจจุบันถึงกาลอวสาน สิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบันจะแตกสลายไปเองตามอิทธิพลของดวงดาว และจะเกิดสิ่งใหม่หรือมิติใหม่ซึ่งพัฒนาขึ้นมาเองยากแก่การคาดการณ์ได้
ดาวมฤตยูเจ้าแห่งการปฏิรูปเปลี่ยนแปลง ได้เดินเข้าทำมุมตรีโกณกับราศีมิถุน ประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย และจะทำมุมอยู่อย่างนั้นเกือบถึง 7 ปี ระหว่างนี้จะมีบาปเคราะห์มาเข้าร่วมมุม ทั้งมุมกากบาท ทั้งมุมสามเหลี่ยม บ่งถึงไทยเรายังมีรัฐบาลที่ดันทุรังและไม่ฉลาดไม่เห็นการณ์ไกล
ความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจ ย่อมจะกระทบกระเทือนต่อคุณภาพของการพัฒนาประชาธิปไตย และนำมาซึ่งความขัดแย้งทางสังคม
เกิดจลาจลในกรุงเทพฯ ทุกหมู่เหล่าแตกแยกเคียดแค้น ปิดร้านค้ายึดเป็นที่มั่นยิงต่อสู้กัน ทั่วทุกแถบในกรุงเทพฯ มีการขว้างระเบิดสนั่นเมืองไปหลายวัน จะก่อความยุ่งยากทีละน้อย และค่อยๆ รุนแรงขึ้นจนระงับไม่อยู่ ผู้มีอำนาจหรือคนสำคัญบางคนจักหมดอำนาจวาสนา
ข้อสังเกตเหตุการณ์รับกันนองเลือดครั้งนี้เกิดที่กรุงเทพฯ เมื่อดาวอังคารแห่งสงครามโคจรเข้าทับลัคนาแห่งดวงเมืองประชาธิปไตย จึงรบกันนองเลือดระหว่างผู้มีอำนาจกับประชาชน ครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่ตั้งกรุงเทพฯ มา
อาจต้องใช้กำลังทหารเข้า แก้ปัญหา เป็นหนทางไปสู่ "การปฏิวัติรัฐประหาร" ต้องรบราฆ่าฟันกัน สูญเสียชีวิตและทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก ตอนต้นปีบุคคลสำคัญและมีชื่อเสียงของประเทศจะถึงแก่กรรมจากการลอบทำร้าย ผู้คนระส่ำระสาย
@ ประเทศไทยกำลังคอยวีรบุรุษผู้กล้าหาญ
ภายใต้อิทธิฤทธิ์ของพระเคราะห์ แห่งสุริยะระบบ จึงไม่มีอะไรไม่ว่าสิ่งอันมีชีวิตหรือสิ่งอันเป็นนามธรรม กับสิ่งอันอุบัติขึ้นจากการก่อตัวของเหตุการณ์หนึ่งๆ จะต้องถูกครอบงำด้วยพระเคราะห์ทั้งสิ้น
เราคนไทยกำลังดิ้นรน เพื่อการคงอยู่ อนาคตนั้นก็ย่อมจะเป็นไปตามอำนาจของดวงดาวและกาลเวลา
พยายามดื้อรั้นฝืนดวงดาว เอาแต่ใจตนเอง โดยถือประเทศชาติเป็นสนามทดลองความดื้อของตนเอง ประเทศไทยกำลังคอยวีรบุรุษผู้กล้าหาญ ผู้เห็นประโยชน์แก่ประเทศชาติมาแก้ไขสถานการณ์นี้
บ้านเมืองเมื่อไรจะสงบเสียที เพราะรู้อยู่แก่ใจว่า ความมืดมนเหล่านี้จะเบาลง ซึ่งต้องใช้เวลายาวนานมาก มันเกี่ยวพันกับภูมิภาค เกี่ยวพันกับดวงชะตาของโลก เพียงแต่ขอตอบว่ายังไม่มีวันสงบ อีกหลายปีจึงจะเบาบางลง
กรุงเทพฯ บางส่วนเริ่มถูกน้ำทะเลท่วมเข้ามาถึง อาจจะจมน้ำหายไปและจะเป็นเช่นนี้ต่อเนื่องไปอีกหลายปี และอาจจะจมหายไปจากแผนที่โลกหรือแผนที่ประเทศไทย อาจจะต้องเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นภาครับต้องตระหนักถึงเรื่องนี้ ควรหาทางป้องกันไว้ก่อน
เดือนเมษายนเป็นที่สังเกตว่าดาวพระพฤหัสบดี แห่งไทยสยามกำลังโคจรร่วมกับพระพุธและดาวมฤตยูเป็นสัญญาณบ่งถึงการแทรกแซง ในราศีมีนเป็นวินาศกับลัคนาเมือง จะมีเหตุยุ่งยากเกิดขึ้น ผู้รักษาอำนาจการปกครองจะต้องระมัดระวัง อย่าได้หลวมตัว ตัดรอนอำนาจพิษสงของตนเองตามคำเรียกร้องต่างๆ ซึ่งวางกลลวง ในการแสวงหาลู่ทาง ให้ฝ่ายของพวกพ้องตนเองได้มีโอกาสเอาสถานการณ์บังหน้า ก่อเหตุวุ่นวายขึ้น
ขอย้ำว่าในปีนี้เหตุการณ์ไม่สู่สงบ จำเป็นต้องมีความรักและสามัคคีต่อกันและกันและมีเสถียรภาพด้วย
@ ปีแห่งการก่อการร้าย
ส่วนปัญหาทางภาคใต้ อิทธิพลของดาวเสาร์และดาวอังคารทำให้ยังเป็นปีแห่งการก่อการร้าย และการก่อวินาศกรรมทั้งปี เหมือนปี 2552 ที่แล้วมาแต่ยังแก้ไม่ตก จะทวีความรุนแรงขึ้นอย่างมหาศาล อาจเสียอำนาจทางภาคใต้ของประเทศประกาสแบ่งแยกเดินแดนแล้วทำให้ทุกสิ่ง ทุกอย่างขาดลอยไป เนื่องจากดาวอังคารคงเดินแบบวิกล เพราะดวงผู้นำประเทศ ทำให้การก่อการร้ายปานกลายเป็นสงครามระหว่างภาค ขยายวงกว้าง ออกไปทางภาคใต้การฆ่าผู้บริสุทธิ์รายวันยังคงดำเนินต่อไป มิมีอะไรมาหยุดยั้งได้ ผู้ก่อการร้ายกระทำครั้งนี้เป็นกลุ่ม ศาสนาถูกนำเข้ามาเกี่ยวข้อง ยังเอาโรงเรียน สถานที่ราชการ วัดวาอาราม ใช้อาวุธที่มีอานุภาพรุนแรงระเบิดพลีชีพ ประหนึ่งเป็นสงคราม จนทำให้องค์กรสหประชาชาติยื่นมือเข้ามา
ประเทศไทยจึงเป็นที่กล่าวขวัญในทางที่น่าสะพรึงกลัวไปทั่วโลก สื่อต่างประเทศมาทำข่าว ชาวต่างชาติไม่กล้าเดินทางมาท่องเที่ยว ผู้คนบริสุทธิ์ ทั้งพ่อค้า นักธุรกิจ นักปกครอง เด็กและสตรีต้องอพยพหนีไปยังที่ปลอดภัยกว่าในดินแดนแห่งใหม่ ผู้ที่จะมาชำระสะสางความมืดมน ความเคลือบแคลงให้กระจ่างออกมา ทุกคนทุกวันนี้ก็รู้กันดีอยู่ว่าการกระทำอันอุกอาจครั้งนี้ ย่อมจะต้องใช้กำลังผู้คนจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ฝ่ายคุ้มครองบ้านเมือง ย่อมจะไม่หย่อนสมรรถภาพถึงขนาดไม่รู้เบาะแสอะไรเลย เพียงแต่ว่าความจริงบางอย่างเปิดเผยออกมา จะต้องมีจังหวะเวลาอันสมควรด้วย ย่อมกระทบกระเทือนต่ออะไรมากมาย รวมทั้งสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศกับบ้านใกล้เรือนเคียง
เนื่องจากในกลุ่มชาติอาหรับผู้เป็นเจ้าของน้ำมันส่วนใหญ่ของโลก ยังมีปัญหาข้อพิพาทและรบราฆ่าฟันกันยังไม่จบสิ้น ยังคุกคามความสงบสุขของประชากรโลกต้องเดือดร้อนยิ่งขึ้นไปกว่าปีที่แล้ว เพราะอาจขาดแคลนน้ำมัน ซึ่งเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ ได้รวมหัวกันขึ้นราคาน้ำมันโดยไม่หยุดยั้ง บางช่วงก็ใช้น้ำมันเป็นเครื่องต่อรองกับประเทศมหาอำนาจทางตะวันตก ส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกตกต่ำลง ทำให้ข้าวของแพง ผู้คนลำบากไปทั่ว
ส่วนในบ้านเรานอกจากน้ำมันเชื้อเพลิงจะขึ้นราคาไม่หยุดแล้ว แก๊สหุงต้มก็ขึ้นราคาอย่างหนักเช่นกัน สร้างความปั่นป่วนเดือดร้อน
@ การปลุกระดมม็อบใดๆ ควรละเว้น
อีกนัยหนึ่งปี 2553 นี้ เมื่อว่ากันในแง่โหราศาสตร์ฮินดูก็เห็นว่า การวู่วามใด ๆ รังแต่จะทำให้บ้านเมืองลุกเป็นไฟ การปลุกระดมม็อบใดๆ ควรละเว้น บ่งถึงว่าถ้าดื้อรั้นจะเอาแต่ฝ่ายตนท่าเดียวโดยมิได้ผ่อนปรนใดๆ บ้านเมืองก็คงฉิบหายและจะเป็นการปลุกให้ผู้ถืออาวุธทนไม่ไหวคิดเข้ามาแก้ไข สถานการณ์อันไม่สงบ มันจะไปกันใหญ่ นอกจากทุพภิกขภัยจะเล่นงานเอาอย่างอ่วมอรทัยแล้ว น้ำผึ้งหยดเดียวก็จักบันดาลให้เกิดอะไรต่ออะไรที่เลวร้ายอย่างใหย่หลวงได้
ผู้มีอำนาจวาสนา อย่าได้นิ่งนอนใจ ระวังสุขภาพ ความยุ่งยาก ความเดือดร้อนอย่างรุนแรง จักสำแดงโทษ ผู้เป็นใหญ่ ผู้เป็นหลักต่างๆ จะประมาทต่อสถานการณ์ใดๆ ไม่ได้ทั้งสิ้น ระวังกว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้ อย่าวางใจในสิ่งที่ตนคิดว่าตัดรากถอนโคนแล้วคงไม่มีเขี้ยวเล็บ ประวัติศาสตร์ที่ยุ่งยากมาเป็นร้อยเป็นพันปี สอนไว้ได้ดีว่า ในโลกนี้หามีความเที่ยงแท้อะไรไม่
ความผันผวนยุ่งยาก เป็นการแสดงให้เห็นว่าสิ่งต่างๆ ยังคงดำเนินสานต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่หยุดยั้ง และโดยทั่วไปสภาวะในประเทศเปรียบเสมือนน้ำเดือดพล่านบนหม้อที่มีเชื้อไฟข้าง ใต้โหมอย่างรุนแรง ประชาชนพลเมืองอาจจะประสบปัญหาที่ไม่เคยประสบมาก่อน คือ คนว่างงานจำนวนมาก มีการเดินขบวน วุ่นวาย ต่างๆ นานา และอาจถูกปราบปรามจนต้องสูญเสียชีวิตไปมิใช่น้อย มีสงครามเบ็ดเสร็จในแต่ละท้องที่ผู้คนจะตายหมู่กันมาก
@ปีแห่งความหายนะทางเศรษฐกิจถึงขั้นล้มละลาย
เศรษฐกิจภายในประเทศยังไม่สามารถแก้ไขได้พร้อมกับเศรษฐกิจทั่วโลกก็ประสบ ปัญหาเศรษฐกิจเช่นกัน ประชาชนคนไทยเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า ยิ่งกว่าปีก่อน เป็นปีแห่งความหายนะทางเศรษฐกิจถึงขั้นล้มละลาย ธนาคารของรัฐไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจฟื้นขึ้นมาได้ ธนาคารทั้งเล็กและใหญ่ปิดตัวลงอย่างสนิท ตลาดหุ้นถูกกระทบอย่างรุนแรง ร่วงหล่นต่ำสุด และปิดตัวเองลง มีคนฆ่าตัวตายเป็นเบือ พลเมืองประสบความยากจนข้นแค้นมากขึ้น แต่องค์ประกอบของรัฐได้ซ้ำเติมประชาชนด้วยการขึ้นค่าสาธารณูปโภคทุกรูปแบบ
ปี 2553 นี้มีภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างรุนแรงทั้งปัญหาภัยแล้งและอุทกภัยน้ำท่วม ปัญหาภัยแล้งทำให้ขาดแคลน ทางภาคตะวันออกและตะวันออกเฉียงเหนืออย่างที่ไม่เคยประสบมาก่อน สัตว์เลี้ยง และผู้คนเดือดร้อน บางจังหวัดและบางอำเภอดินแตกระแหงไม่สามารถปลูกพืชธัญญาหารได้เลย ทำให้ผู้คนอดอยากแต่ขาดความเหลียวแลเอาใจใส่ของภาครัฐ หลายครอบครัวถึงขั้นขุดรากไม้และดินกินเป็นอาหารเพื่อประทังชีวิตให้รอดไป ก่อน เกิดพื้นดินถล่มและทรุดตัวไปทั่วประเทศ ไม่เว้นแม้กระทั่งกรุงเทพมหานคร เราอาจจะต้องสูญเสียแผ่นดินทางภาคใต้ ฝั่งทะเลอันดามัน ตั้งแต่จังหวัดระนองลงมา และจมลงสู่ใต้ทะเลไปทีละน้อย
ราวปลายปีแถบชายฝั่งทะเลอันดามันรวมทั้งเกาะภูเก็ต กระบี่ พังงา ถูกคลื่นยักษ์สึนามิพุ่งเข้าถล่มครั้งใหญ่ กวาดผู้คนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติบ้านเรือนลงทะเลจำนวนมาก
และยังต้องระวังกับวาตภัย ทำให้เกิดความเสียหายแก่เรือกสวนไร่นามหาศาล เกิดน้ำท่วมใหญ่ทั่วประเทศอีกครั้ง กรุงเทพฯจะจมอยู่ใต้บาดาลเป็นเวลานาน เป็นที่น่าทุกขเวทนายิ่งนัก มีผู้เสียชีวิตมากกว่าครั้งใดๆ ที่ผ่านมา
เกิดไต้ฝุ่นเข้าถล่มภาคใต้ ที่ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ และสุราษฎร์ธานี ผลเสียหายมาก เป็นมหาวาตภัยเรือประมงจมร่วม 100 ลำ ลูกเรือสูยหายไปเป็นพัน และปลายปีพายุถล่มรอบสองรุนแรงมาก คนตายเรือนพัน จังหวัดชุมพรเสียหายร่วม 100 เปอร์เซ็นต์
ประเทศไทย ปีขาล 2553 นี้ จะเป็นปีแห่งความอาเพศพิสดารสุดๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นเลยในสยามประเทศจะเกิด "หิมะตกในกรุงเทพฯ" และปริมณฑล คนไทยทั่วประเทศตกตะลึงและพูดกันไปต่างๆ นานา ในความอาถรรพณ์วิปริตผิดธรรมชาติประโคมข่าวไปทั่วโลก เป็นลางร้ายแก่คนกรุงเทพฯ และประชาชนชาวไทย ทั้งภยันตรายจากโรคติดต่อที่ร้ายแรงใหม่ๆ และคร่าชีวิตทั้งเด็ก ผู้หญิง และคนชรา ไปเป็นจำนวนมาก และเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในหลายๆ ด้าน ทั้งวัฒนธรรม-ประเพณีดั้งเดิม และการปกครองการเมืองที่สุดคาดเดา
@ เกิด "เขื่อนยักษ์แตก"
ที่เคยเกิด รอยร้าวสะสมมานาน ได้พังทลายลง เกิดคลื่นน้ำขนาดมหึมา พุ่งตรงลงสู่เบื้องล่าง เข้าท่วมไร่นา ที่อยู่อาศัย สิ่งก่อสร้างของผู้คน อย่างไม่รู้ตัวมาก่อน ทำให้สูญเสียชีวิตผู้คน สัตว์เลี้ยง และทำลายสิ่งก่อสร้าง รวมถึงพืชผลการเกษตรเสียหายทั้งหมดหลายจังหวัดต่อเนื่องมาถึงกรุงเทพฯ
น้ำแข็งขั้วโลกละลายอย่างรวดเร็ว ทำให้ระดับน้ำในทะเลสูงขึ้นและมหาสมุทรสูงขึ้น เกิดสภาวะน้ำท่วมใหญ่ บางส่วนของโลกถูกน้ำท่วมใหญ่จมหมายลงไปในทะเล
กรุงเทพฯ ไข้หวัดนกจะเข้ามาทำลายล้างชีวิตมนุษย์และสัตว์หรือเป็นเชื้อไข้หวัดนกที่ กลายพันธุ์ติดต่อมาถึงคน ทำให้สูญเสียชีวิตมนุษย์มากมายเป็นที่สยดสยองต่อวงการแพทย์
ภูเขาไฟในเกาะสุมาตราระเบิดอย่างรุนแรง มีการปะทุอย่างต่อเนื่องทั้งกลางวันและกลางคืน พ่นแก๊สร้อนขี้เถ้าแผ่กระจายเป็นรัศมีกว้างไกล ทำให้ท้องฟ้ามืดมิดบดบังแสงแดดกลายเป็นกลางคืน
เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงที่เกาะสุมาตรา ทำให้เกิดคลื่นสึนามิขนาดใหญ่ในหลายแห่งทั่วโลก ประเทศไทยได้รับผลอย่างจัง จมเรือหลายลำ พุ่งตรงเข้าไปตามชายฝั่งที่อยู่ติดกับทะเลด้านอันดามัน กวาดเอาหมู่บ้านจำนวนมากหายตกทะเลไป ทำให้ประชาชนจำนวนมากที่อาศัยอยู่คาดไม่ถึง ไม่ทันตั้งรับ เสียชีวิตอย่างอนาถ
เกิดคลื่นยักษ์สึนามิ กวาดและทำลายสิ่งก่อสร้างและชีวิตคนจำนวนมาก นับเป็นเหตุการณ์วิปโยคต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง คลื่นทะเลยักษ์เริ่มปะทะและโจมตีดินแดนชายฝั่งอย่างต่อเนื่อง ทำให้ได้รับความเสียหายมากมายอย่างที่ไม่เคยประสบมาก่อน
ความผันผวนต่างๆ จะแผ่ซ่นไปทั่ว ทุกประเทศจะต้องประสบ ดังเช่นญี่ปุ่น เยอรมนี ตะวันออกไกล ส่วนประเทศในยุโรปนั้น จะเข้าสู่สภาวะมิคสัญญีจะประสบภาวะเดือดร้อนและเดือดพล่านโดยทั่วกัน
นาวาของปวงประเทศทั้งหลายจะต้องเผชิญต่อมหันภัยของมรสุมอีกหลายลูก ประมุขของประเทศต่างๆ ใครจะมีฝีมือ จะเป็นรัฐบุรุษของโลกขนาดไหน ก็ต้องดูความสามารถกันในช่วงปีนี้แหละ
ถึงคราวแล้วที่ประเทศไทยจะเข้าสู่สงครามที่เราไม่เคยมีมาเลยกับ ประเทศเพื่อนบ้านเป็นเวลาช้านานแล้ว เป็นการรบอย่างแท้จริง อิทธิพลของดาวงดาวคือพระราหูทำมุมเสียกับลัคนาประเทศ ถ้าประเทศไทยยังเฉยเมยไม่ตระหนักต่อปัญหาที่รุมเร้าหนักข้อขึ้นทุกที เสมือนดูหมิ่นสยามประเทศมาโดยตลอด
ดังนั้นปี 2553 จะเกิดการรบนองเลือดถึงขั้นเสียชีวิตผู้คนมาก ถึงจะได้คืนมาซึ่งแผ่นดิน อาจจะถึงขั้นประกาศสงครามกับเพื่อนบ้าน
@ ช่วงปลายปี 53 โลกจะเข้าสู่ยุคเข็ญ
ประเทศในอ่าวเปอร์เซียกับตะวันออกกลาง อยู่ในเกณฑ์ของความอดทนอย่างถึงที่สุดของผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย การเคลื่อนกำลังอาวุธอาจจำเป็นต้องกระทำสงครามยุทธนาวีหลีกเลี่ยงไม่ได้
ดาวของประเทศมหาอำนาจ (สหรัฐ) กับตะวันออกกลาง และอ่าวเปอร์เซียเป็นแนวทางการเคร่งเครียด การขัดแย้ง การวิบัติ ที่ฉายเงารางๆ ให้เห็น
ประเทศที่กุมอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก ปีนี้จะมีเหตุไม่ราบรื่นในการสัมพันธ์กับนานาชาติ และภายในประเทศของตนเริ่มมีสัญญาณแห่งการขัดข้อง ความไม่ราบรื่นดังเคย จะมีผลยืดเยื้อที่จะกระทบต่ออนาคตอย่างแน่นอน เงาของความขัดแย้งทางอุดมการณ์ระหว่างประเทศกับความไม่ทัดเทียมกันทางด้าน เทคโนโลยีต่าง ๆ เห็นเหตุให้ชาติที่กำลังรีบเร่งไปสู่อนาคตที่แจ่มจรัสเบื้องหน้า เริ่มเห็นทางตัน มนุษยชาติกำลังเผชิญต่อภาวะความสับสนกับความเดือดร้อนต่อชาติอันยากจนข้น แค้นของประชากรโลกส่วนใหญ่ ความมืดมนกำลังเตรียมปักหลักเป็นแกนนำ บัดนี้โลกจะต้องระวังการหวังพึ่งพิงพลังงานใหม่ๆ เข้ามารับใช้มนุษยชาติในด้านอุตสาหกรรม ในด้านธุรกิจซึ่งกำลังตะบึงไปข้างหน้าอันเต็มไปด้วยหมอกหนาแห่งความไม่แน่ใจ
ดาวบาปเคราะห์ใหญ่ จะกระจายกันเข้าตรึง 4 ทวาร 4 มุม โดยมีดาวเสาร์เดินนำหน้า มันเป็นจุดคับขันที่สุดของโลก เป็นปีที่จะเกิดสงครามล้างผลาญโลกครั้งใหญ่ ทำลายล้างกันอย่างย่อยยับยิ่งกว่าครั้งใดๆ ที่เป็นมาในประวัติศาสตร์ของชาติมนุษย์
ช่วงปลายปี 53 โลกจะเข้าสู่ยุคเข็ญ และตะวันออกกลางเริ่มเปิดฉากแข็งกร้าวขึ้น อาวุธปรมาณู อาวุธนิวเคลียร์ อาวุธเคมีร้ายแรง อาวุธมหาประลัย นำมาใช้กัน ทำให้เกิดจุดวิกฤตการณ์ของดลกที่เขม็งเกลียวที่สุดนับตั้งแต่เกิดสงครามโลก ครั้งที่ 2 เป็นต้นมา และเมื่อนั้น ปีขาลหฤโหดจะสำแดงฤทธิ์ อาณาบริเวณที่จะเกิดจุดฆาตคือ สหรัฐ อังกฤษ อิสราเอล กลุ่มประเทศปาเลสไตน์ และจีน ส่วนสหรัฐแน่นอนละ ฐานทัพนอกประเทศจะถูกทำลายสิ้นไม่มีเหลือ ส่วนประเทศไทยเราจะถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องกับสงครามครั้งนี้ด้วย สงครามยืดเยื้อไปถึงปี 2554 จนอาจจะกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 ได้
นี่คือ คำทำนายของหมอดู ที่เมื่อเทียบกับสิ่งที่เกิดขึ้นในชั่วโมงนี้... น่าเสียวไส้
ที่มา.ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
**************************************************
วันพุธที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2553
เบื้องลึกยึด "ราชประสงค์" ทุบทุนประชาธิปัตย์ กลุ่มดุสิต-จิราธิวัฒน์-ศรีวิกรม์-วัธนเวคิน กระอัก !!!
แล้ว กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ก็ยุบเวที ผ่านฟ้าฯ เพื่อมารวมกันแห่งเดียว บริเวณแยกราชประสงค์ใจกลางเมืองหลวงของประเทศไทย ทั้งๆ ที่ 12 วันที่ผ่านมา ศูนย์การค้าและโรงแรม ก็เสียหายยับเยิน หากเมื่อม็อบใหญ่เคลื่อนพลมารวมตัวหลายหมื่นคน บนแยกราชประสงค์ อะไรจะเกิดขึ้น!!!
ใคร ๆ ก็รู้ว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ตั้งของศูนย์กลางการค้าและการท่องเที่ยวนับร้อยแห่ง โดยเฉพาะห้างสรรพสินค้า อาทิ เซ็นทรัล เวิลด์, เอราวัณ แบงค็อก, เกษรพลาซ่า, อัมรินทร์พลาซ่า ไม่นับห้างใกล้เคียงอย่างห้างสยามเซ็นเตอร์, สยามดิสคัฟเวอรี่, สยามพารากอน, และห้างย่านประตูน้ำ เช่น แพลทตินัม มอลล์ ฯลฯ
ไม่นับรวม อาคารสำนักงานและโรงแรม เช่น โรงแรม แกรนด์ไอแอท เอราวัณ, โรงแรมอินเตอร์คอน ติเนนตัล, โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์, เลอเนซอง, โรงแรมโฟร์ ซีซั่น และโรงแรมโซฟิเทล เซ็นทารา แกรนด์ แม้เปิดให้บริการแต่บรรยากาศค่อนข้างเหงียบเหงา เนื่องจากลูกค้าเกรงความไม่ปลอดภัย ต้องคืนห้องพักจำนวนมาก
ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ได้แก่ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสมาคมธนาคารไทยออกมาเรียกร้องให้กลุ่ม นปช. คืนพื้นที่ และยังไปไกลถึงขนาดให้รัฐบาลเร่งแก้ไขความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
นายดุสิต นนทนาคร ประธานสภาหอการค้าไทย ประเมินความเสียหายวันละ 300 ล้านบาท หากปิดล้อมยาวนาน 1 เดือนจะสร้างความเสียหายถึง 2 หมื่นล้านบาทเลยทีเดียว
ขณะที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. ได้ออกมาโจมตี กกร. โดยกล่าวหาว่าเป็นองค์กรที่ไม่มีความเป็นกลาง โดยยกเหตุการณ์เมื่อครั้งที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยชุมนุมเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลชุดก่อน กกร. ได้ลงโฆษณาเรียกร้องให้ล้มรัฐบาลเพื่อจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปัตย์ ดังนั้น การเรียกร้องให้กลุ่มเสื้อแดงยุติการชุมนุมโดยอ้างความเสียหายต่อธุรกิจจึงไม่อาจยอมรับได้
"สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ควรหุบปากแล้วนั่งเฉยๆ เพราะไม่มีความเป็นกลางทางการเมือง วันนี้คนเสื้อแดงอยากเหลือเกินที่จะเห็นคนกลาง ขนาดองคมนตรียังกลับกลายเป็นหัวขบวนของอีกฝั่งไปแล้ว" แกนนำ นปช. กล่าว
ท่ามกลางความขัดแย้ง หากตรวจสอบจะพบข้อเท็จจริงดังนี้
โครงสร้างกลุ่มทุนของประชาธิปัตย์ตามรายนามผู้บริจาคเงิน นอกจากนักการเมืองอาชีพยังมีภาคธุรกิจเป็นองค์ประกอบจำนวนมาก
บริษัท แสงโสม จำกัด บริษัท ทีซีซีแลนด์ จำกัด ของกลุ่ม นายเจริญ สิริวัฒนภักดี บริษัท เจริญโภคภัณฑ์ โฮลดิ้ง จำกัด ของ นายธนินท์ เจียรวนนท์ ธนาคารกรุงเทพของ นายชาตรี โสภณพนิช ทุนรับเหมา ช.การช่าง อิตาเลียนไทยของตระกูลกรรณสูต ทุนประกันภัยของกลุ่มล่ำซำ และกลุ่มทุนห้างสรรพสินค้าและอสังหาริมทรัพย์รวมอยู่ด้วย
กลุ่มหลังนี้มีบริษัท เตียง จิราธิวัฒน์ จำกัด กลุ่มเดอะมอลล์ในนามบริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป บริษัท สยามพารากอน ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด บริษัท สยามพารากอน รีเทล จำกัด กลุ่มศรีวิกรม์ และกลุ่มดุสิตธานี อยู่หัวขบวน
บิ๊กเนมเหล่านี้ล้วนได้รับผลกระทบทั้งทางตรงทางอ้อมกับการปิดล้อม "ราชประสงค์" ทั้งสิ้น
ไม่ว่าเป็นห้างเซ็นทรัล เวิลด์ พลาซ่า ของกลุ่มจิราธิวัฒน์ ศูนย์การค้าเพนนินซูล่าของ นางสุนงค์ สาลีรัฐวิภาค ภรรยา นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม แม้กระทั่งห้างเกษรพลาซ่าของตระกูลศรีวิกรม์
ทั้งนี้ กลุ่มจิราธิวัฒน์เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทโพสต์พับลิชชิ่ง เพิ่งแหย่ขาเข้าไปรับทำข่าวให้สถานีโทรทัศน์เอ็นบีที (ช่อง11) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
นายพีระพันธุ์และนางสุนงค์ เป็นเจ้าของ บริษัท นิวแอตแลนติค จำกัด เจ้าของศูนย์การค้าเพนนินซูล่า, บริษัท วงศ์พระยา พรอปเปอตีส์ จำกัด ให้เช่าพื้นที่สำนักงานและพลาซ่า อยู่ในอาคารเพนนินชูล่าพลาซ่า ชั้น 4 ถนนราชดำริ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน
นางสุนงค์เป็นลูกของ ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย เจ้าของโรงแรมดุสิตธานี หนึ่งในคณะ 11 ซึ่งถูก นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แฉว่าสนิทกับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ คู่ปรับของคนเสื้อแดง
ขณะที่ตระกูลศรีวิกรณ์เป็นเจ้าของห้างเกษร พลาซ่า ในกลุ่ม ศรีวิกรม์ กรุ๊ป โฮลดิ้ง มี นายเฉลิมพันธ์ คุณหญิงศศิมา ศรีวิกรม์ เป็นเจ้าของ
นายเฉลิมพันธ์ คุณหญิงศศิมา เป็นพ่อและแม่ นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ ภรรยา นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ส.ส.กรุงเทพฯ ผู้อำนวยการพรรคประชาธิปัตย์
ทั้งนายเฉลิมพันธ์และนายณัฏฐพล ต่างเทเงินบริจาคให้ประชาธิปัตย์ ในช่วงปี 2551 หลายล้านบาท
ดังนั้น การยึด "ราชประสงค์" จึงไม่ต่างจากจับกลุ่มทุนประชาธิปัตย์เป็นตัวประกัน
ยึดพื้นที่ "เชิงสัญลักษณ์" และ ทุบทุนฝ่ายตรงข้ามไปในตัว
หลังจากก่อนหน้านี้แบงก์กรุงเทพซึ่งถูกกล่าวหาว่าใกล้ชิด พล.อ.เปรม ถูกถล่มเละกรณีสนามกอล์ฟเขาสอยดาว จ.จันทบุรี หรือกรณีลอบปาระเบิดหน้าธนาคารกรุงเทพสำนักงานใหญ่ และสำนักงานสาขาใน จ.พะเยา คู่ขนานกับการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง
กลุ่มซีพีของตระกูลเจียรวนนท์ ถูกถล่มยับบนเวทีม็อบแดงที่สะพานผ่านฟ้าแทบทุกคืน ล่าสุดวันที่ 6 เมษายนที่ผ่านมาอาคารสำนักงานใหญ่ย่านสีลมยังถูกปิดล้อมอีกด้วย
วันนี้ถ้าหากเซ็นทรัล เวิลด์ ยังเป็นสมบัติของ นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย อดีต รมช.พาณิชย์ คนใกล้ชิด พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ หรือเป็นนายทุนให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย
อาจไม่เห็นการบุกยึด "ราชประสงค์"
แต่กระนั้น เอราวัณ กรุ๊ป ที่ เมียของนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ถือหุ้น ก็เดือดร้อนเสียหาย ไม่ใช่น้อย
ก่อนหน้านี้ นายประกิต ประทีปะเสน ประธานกรรมการ บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (ERAWAN) แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชา ธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่แยกราชประสงค์ ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 3 เม.ย.53 ได้ส่งผลกระทบต่อโรงแรมของบริษัท 2 แห่ง คือ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ และโรงแรมคอร์ทยาร์ด โดยแมริออท กรุงเทพฯ
บริษัทประเมินว่า หากสถานการณ์ดังกล่าวยืดเยื้อเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 1 เดือน จะมีผลกระทบต่อรายได้ของทั้ง 2 โรงแรม รวมกันประมาณ 90 ล้านบาท/เดือน ซึ่งคิดเป็น 3% ของรายได้จากการประกอบกิจการโรงแรมทั้งหมดของบริษัทในปี"52 ที่ผ่านมา
นายประกิต ประทีปะเสน ยืนยันว่า นับตั้งแต่มีการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลของกลุ่ม นปช.ที่บริเวณแยกราชประสงค์ ตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย.53 จนถึงปัจจุบัน โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ ไม่เคยให้การสนับสนุน และ/หรือให้ที่พักพิงไม่ว่าจะเป็นการชั่วคราวหรือรายวัน แก่แกนนำ นปช. และ/หรือกลุ่มผู้ชุมนุมที่ย่านราชประสงค์
สำหรับ ERAWAN มีโครงสร้างผู้ถือหุ้นคือ ครอบครัวว่องกุศลกิจถือหุ้นรวม 39% ครอบครัววัธนเวคินถือหุ้นรวม 31% และส่วนที่เหลืออีก 30% ถือโดยกองทุนไทยและต่างประเทศ และผู้ถือหุ้นรายย่อย
ผู้ถือหุ้นของบริษัทแต่งตั้งคณะกรรมการบริษัทจำนวน 12 คน ประกอบด้วยกรรมการอิสระ 6 คน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร 1 คน และกรรมการจากครอบครัวผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 5 คน ประกอบด้วย ครอบครัวว่องกุศลกิจ 3 คน และครอบครัววัธนเวคิน 2 คน (กรรมการจากครอบครัววัธนเวคินคิดเป็น 17% ของจำนวนกรรมการทั้งหมด)
ส่วนนางพนิดา เทพกาญจนา (นามสกุลเดิมวัธนเวคิน) ภรรยานายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตผู้บริหารพรรคไทยรักไทย เป็นกรรมการของบริษัท เป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัววัธนเวคิน และคู่สมรสถือหุ้นในบริษัท รวมกันจำนวน 3,693,416 หุ้น คิดเป็น 0.16% ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ไม่เคยดำรงตำแหน่งกรรมการ หรือผู้บริหารของบริษัท และไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องในการบริหารงาน ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม
สถานการณ์ เช่นนี้ ถ้ารัฐบาลประชาธิปัตย์บริหารจัดการไม่เด็ดขาด กลุ่มทุนแถวหน้าที่ ตอนแรกยืนยัน เสียงแข็งว่า ไม่เห็นด้วยกับการยุบสภา
หลังจากผ่านไป เกือบ 2 สัปดาห์ สุ้มเสียง ทุนใหญ่ เริ่ม บ่นกันแล้วว่า ถ้าแก้ปัญหา ไม่ได้ ก็ยุบสภา ไปเหอะ !!!! พ่อมาร์ค
ที่มา.ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
***********************************************
ใคร ๆ ก็รู้ว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ตั้งของศูนย์กลางการค้าและการท่องเที่ยวนับร้อยแห่ง โดยเฉพาะห้างสรรพสินค้า อาทิ เซ็นทรัล เวิลด์, เอราวัณ แบงค็อก, เกษรพลาซ่า, อัมรินทร์พลาซ่า ไม่นับห้างใกล้เคียงอย่างห้างสยามเซ็นเตอร์, สยามดิสคัฟเวอรี่, สยามพารากอน, และห้างย่านประตูน้ำ เช่น แพลทตินัม มอลล์ ฯลฯ
ไม่นับรวม อาคารสำนักงานและโรงแรม เช่น โรงแรม แกรนด์ไอแอท เอราวัณ, โรงแรมอินเตอร์คอน ติเนนตัล, โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์, เลอเนซอง, โรงแรมโฟร์ ซีซั่น และโรงแรมโซฟิเทล เซ็นทารา แกรนด์ แม้เปิดให้บริการแต่บรรยากาศค่อนข้างเหงียบเหงา เนื่องจากลูกค้าเกรงความไม่ปลอดภัย ต้องคืนห้องพักจำนวนมาก
ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ได้แก่ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสมาคมธนาคารไทยออกมาเรียกร้องให้กลุ่ม นปช. คืนพื้นที่ และยังไปไกลถึงขนาดให้รัฐบาลเร่งแก้ไขความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
นายดุสิต นนทนาคร ประธานสภาหอการค้าไทย ประเมินความเสียหายวันละ 300 ล้านบาท หากปิดล้อมยาวนาน 1 เดือนจะสร้างความเสียหายถึง 2 หมื่นล้านบาทเลยทีเดียว
ขณะที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. ได้ออกมาโจมตี กกร. โดยกล่าวหาว่าเป็นองค์กรที่ไม่มีความเป็นกลาง โดยยกเหตุการณ์เมื่อครั้งที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยชุมนุมเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลชุดก่อน กกร. ได้ลงโฆษณาเรียกร้องให้ล้มรัฐบาลเพื่อจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปัตย์ ดังนั้น การเรียกร้องให้กลุ่มเสื้อแดงยุติการชุมนุมโดยอ้างความเสียหายต่อธุรกิจจึงไม่อาจยอมรับได้
"สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ควรหุบปากแล้วนั่งเฉยๆ เพราะไม่มีความเป็นกลางทางการเมือง วันนี้คนเสื้อแดงอยากเหลือเกินที่จะเห็นคนกลาง ขนาดองคมนตรียังกลับกลายเป็นหัวขบวนของอีกฝั่งไปแล้ว" แกนนำ นปช. กล่าว
ท่ามกลางความขัดแย้ง หากตรวจสอบจะพบข้อเท็จจริงดังนี้
โครงสร้างกลุ่มทุนของประชาธิปัตย์ตามรายนามผู้บริจาคเงิน นอกจากนักการเมืองอาชีพยังมีภาคธุรกิจเป็นองค์ประกอบจำนวนมาก
บริษัท แสงโสม จำกัด บริษัท ทีซีซีแลนด์ จำกัด ของกลุ่ม นายเจริญ สิริวัฒนภักดี บริษัท เจริญโภคภัณฑ์ โฮลดิ้ง จำกัด ของ นายธนินท์ เจียรวนนท์ ธนาคารกรุงเทพของ นายชาตรี โสภณพนิช ทุนรับเหมา ช.การช่าง อิตาเลียนไทยของตระกูลกรรณสูต ทุนประกันภัยของกลุ่มล่ำซำ และกลุ่มทุนห้างสรรพสินค้าและอสังหาริมทรัพย์รวมอยู่ด้วย
กลุ่มหลังนี้มีบริษัท เตียง จิราธิวัฒน์ จำกัด กลุ่มเดอะมอลล์ในนามบริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป บริษัท สยามพารากอน ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด บริษัท สยามพารากอน รีเทล จำกัด กลุ่มศรีวิกรม์ และกลุ่มดุสิตธานี อยู่หัวขบวน
บิ๊กเนมเหล่านี้ล้วนได้รับผลกระทบทั้งทางตรงทางอ้อมกับการปิดล้อม "ราชประสงค์" ทั้งสิ้น
ไม่ว่าเป็นห้างเซ็นทรัล เวิลด์ พลาซ่า ของกลุ่มจิราธิวัฒน์ ศูนย์การค้าเพนนินซูล่าของ นางสุนงค์ สาลีรัฐวิภาค ภรรยา นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม แม้กระทั่งห้างเกษรพลาซ่าของตระกูลศรีวิกรม์
ทั้งนี้ กลุ่มจิราธิวัฒน์เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทโพสต์พับลิชชิ่ง เพิ่งแหย่ขาเข้าไปรับทำข่าวให้สถานีโทรทัศน์เอ็นบีที (ช่อง11) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
นายพีระพันธุ์และนางสุนงค์ เป็นเจ้าของ บริษัท นิวแอตแลนติค จำกัด เจ้าของศูนย์การค้าเพนนินซูล่า, บริษัท วงศ์พระยา พรอปเปอตีส์ จำกัด ให้เช่าพื้นที่สำนักงานและพลาซ่า อยู่ในอาคารเพนนินชูล่าพลาซ่า ชั้น 4 ถนนราชดำริ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน
นางสุนงค์เป็นลูกของ ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย เจ้าของโรงแรมดุสิตธานี หนึ่งในคณะ 11 ซึ่งถูก นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แฉว่าสนิทกับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ คู่ปรับของคนเสื้อแดง
ขณะที่ตระกูลศรีวิกรณ์เป็นเจ้าของห้างเกษร พลาซ่า ในกลุ่ม ศรีวิกรม์ กรุ๊ป โฮลดิ้ง มี นายเฉลิมพันธ์ คุณหญิงศศิมา ศรีวิกรม์ เป็นเจ้าของ
นายเฉลิมพันธ์ คุณหญิงศศิมา เป็นพ่อและแม่ นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ ภรรยา นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ส.ส.กรุงเทพฯ ผู้อำนวยการพรรคประชาธิปัตย์
ทั้งนายเฉลิมพันธ์และนายณัฏฐพล ต่างเทเงินบริจาคให้ประชาธิปัตย์ ในช่วงปี 2551 หลายล้านบาท
ดังนั้น การยึด "ราชประสงค์" จึงไม่ต่างจากจับกลุ่มทุนประชาธิปัตย์เป็นตัวประกัน
ยึดพื้นที่ "เชิงสัญลักษณ์" และ ทุบทุนฝ่ายตรงข้ามไปในตัว
หลังจากก่อนหน้านี้แบงก์กรุงเทพซึ่งถูกกล่าวหาว่าใกล้ชิด พล.อ.เปรม ถูกถล่มเละกรณีสนามกอล์ฟเขาสอยดาว จ.จันทบุรี หรือกรณีลอบปาระเบิดหน้าธนาคารกรุงเทพสำนักงานใหญ่ และสำนักงานสาขาใน จ.พะเยา คู่ขนานกับการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง
กลุ่มซีพีของตระกูลเจียรวนนท์ ถูกถล่มยับบนเวทีม็อบแดงที่สะพานผ่านฟ้าแทบทุกคืน ล่าสุดวันที่ 6 เมษายนที่ผ่านมาอาคารสำนักงานใหญ่ย่านสีลมยังถูกปิดล้อมอีกด้วย
วันนี้ถ้าหากเซ็นทรัล เวิลด์ ยังเป็นสมบัติของ นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย อดีต รมช.พาณิชย์ คนใกล้ชิด พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ หรือเป็นนายทุนให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย
อาจไม่เห็นการบุกยึด "ราชประสงค์"
แต่กระนั้น เอราวัณ กรุ๊ป ที่ เมียของนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ถือหุ้น ก็เดือดร้อนเสียหาย ไม่ใช่น้อย
ก่อนหน้านี้ นายประกิต ประทีปะเสน ประธานกรรมการ บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (ERAWAN) แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชา ธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่แยกราชประสงค์ ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 3 เม.ย.53 ได้ส่งผลกระทบต่อโรงแรมของบริษัท 2 แห่ง คือ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ และโรงแรมคอร์ทยาร์ด โดยแมริออท กรุงเทพฯ
บริษัทประเมินว่า หากสถานการณ์ดังกล่าวยืดเยื้อเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 1 เดือน จะมีผลกระทบต่อรายได้ของทั้ง 2 โรงแรม รวมกันประมาณ 90 ล้านบาท/เดือน ซึ่งคิดเป็น 3% ของรายได้จากการประกอบกิจการโรงแรมทั้งหมดของบริษัทในปี"52 ที่ผ่านมา
นายประกิต ประทีปะเสน ยืนยันว่า นับตั้งแต่มีการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลของกลุ่ม นปช.ที่บริเวณแยกราชประสงค์ ตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย.53 จนถึงปัจจุบัน โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ ไม่เคยให้การสนับสนุน และ/หรือให้ที่พักพิงไม่ว่าจะเป็นการชั่วคราวหรือรายวัน แก่แกนนำ นปช. และ/หรือกลุ่มผู้ชุมนุมที่ย่านราชประสงค์
สำหรับ ERAWAN มีโครงสร้างผู้ถือหุ้นคือ ครอบครัวว่องกุศลกิจถือหุ้นรวม 39% ครอบครัววัธนเวคินถือหุ้นรวม 31% และส่วนที่เหลืออีก 30% ถือโดยกองทุนไทยและต่างประเทศ และผู้ถือหุ้นรายย่อย
ผู้ถือหุ้นของบริษัทแต่งตั้งคณะกรรมการบริษัทจำนวน 12 คน ประกอบด้วยกรรมการอิสระ 6 คน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร 1 คน และกรรมการจากครอบครัวผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 5 คน ประกอบด้วย ครอบครัวว่องกุศลกิจ 3 คน และครอบครัววัธนเวคิน 2 คน (กรรมการจากครอบครัววัธนเวคินคิดเป็น 17% ของจำนวนกรรมการทั้งหมด)
ส่วนนางพนิดา เทพกาญจนา (นามสกุลเดิมวัธนเวคิน) ภรรยานายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตผู้บริหารพรรคไทยรักไทย เป็นกรรมการของบริษัท เป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัววัธนเวคิน และคู่สมรสถือหุ้นในบริษัท รวมกันจำนวน 3,693,416 หุ้น คิดเป็น 0.16% ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ไม่เคยดำรงตำแหน่งกรรมการ หรือผู้บริหารของบริษัท และไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องในการบริหารงาน ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม
สถานการณ์ เช่นนี้ ถ้ารัฐบาลประชาธิปัตย์บริหารจัดการไม่เด็ดขาด กลุ่มทุนแถวหน้าที่ ตอนแรกยืนยัน เสียงแข็งว่า ไม่เห็นด้วยกับการยุบสภา
หลังจากผ่านไป เกือบ 2 สัปดาห์ สุ้มเสียง ทุนใหญ่ เริ่ม บ่นกันแล้วว่า ถ้าแก้ปัญหา ไม่ได้ ก็ยุบสภา ไปเหอะ !!!! พ่อมาร์ค
ที่มา.ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
***********************************************
ทรราช?
โดย หนังสือพิมพ์โลกวันนี้รายวัน
ในวันแรกที่มีการสั่งสลายการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แดงทั้งแผ่นดิน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไม่ได้แสดงให้เห็นความรับผิดชอบในการเสียชีวิต บาดเจ็บของประชาชนและทหารจำนวนมาก แถมยังใช้วาจาบิดพลิ้วหรือหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบเหมือนเช่นทุกครั้ง
แม้แต่สำนักข่าวเอเอฟพียังรายงานภาพทหารที่เล็งอาวุธไปยังผู้ชุมนุมเสื้อแดงว่านายอภิสิทธิ์ไม่ได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยังยืนยันจะอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยพยายามโยนไปความผิดให้มือที่สามที่ยิงเอ็ม 79 ทั้งที่หลักฐานภาพถ่ายจำนวนมากของสำนักข่าวต่างประเทศชี้ให้เห็นชัดเจนว่าทหารเล็งปืนและลั่นกระสุนเข้าใส่ผู้ชุมนุม
ดังนั้น ไม่ว่ารัฐบาลจะอ้างความชอบธรรมตามกฎหมายหรือยืนยันว่าได้ปฏิบัติตามขั้นตอนการสลายการชุมนุมตามหลักสากล แต่เมื่อเกิดการเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งรัฐบาลและกองทัพที่เกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุมก็อาจมีความผิดในฐานะอาชญากรสงคราม ที่จะต้องรับโทษตามกฎหมายซึ่งมีอายุความ 20 ปี
ไม่ว่านายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะผู้รับผิดชอบการปฏิบัติหน้าที่การยึดคืนพื้นที่ของ ศอฉ. ทั้งหมดต้องรับผิดชอบการสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดง
สถานการณ์บ้านเมืองวันนี้ ยิ่งนายอภิสิทธิ์ดื้อแพ่งจะอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม ก็ยากที่จะทำให้สถานการณ์กลับมาเหมือนเดิม เพราะขณะนี้ความขัดแย้งได้ถลำลึกเป็นวิกฤตที่พร้อมจะลุกลามไปยังจุดอื่นๆของประเทศได้
นายอภิสิทธิ์จึงต้องออกมาแสดงความจริงใจด้วยการเสียสละและแสดงความรับผิดชอบที่ทำให้คนไทยต้องฆ่ากันเอง ด้วยการประกาศชัดเจนว่าจะลาออกหรือยุบสภา พร้อมยกเลิก พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และ พ.ร.ก.ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ต้องยกเลิกการปิดกั้นสื่อทุกชนิด ขณะเดียวกันสื่อของรัฐก็ต้องยุติการเสนอข่าวในลักษณะบิดเบือนและปลุกระดม เพื่อทำลายความชอบธรรมของคนเสื้อแดงโดยเด็ดขาด
ส่วนการเจรจาก็ไม่ได้ปิดตาย หากนายกรัฐมนตรีจะเป็นฝ่ายเดินหน้าขอเจรจากับแกนนำคนเสื้อแดง โดยมีข้อเสนอที่ชัดเจน ไม่ใช่ยังเล่นลิ้นใช้สำนวนโวหารหลีกเลี่ยงปัญหาให้ผ่านไปวันๆ ซึ่งวันนี้ไม่มีเวลาเหลือสำหรับนายกรัฐมนตรีแล้ว ขณะเดียวกันยังหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการนองเลือดและการฉวยโอกาสเพื่อทำรัฐประหาร
ดีกว่าให้คนไทยและคนทั่วโลกประณามว่าเป็น “ทรราช”
**********************************************************************
ในวันแรกที่มีการสั่งสลายการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แดงทั้งแผ่นดิน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไม่ได้แสดงให้เห็นความรับผิดชอบในการเสียชีวิต บาดเจ็บของประชาชนและทหารจำนวนมาก แถมยังใช้วาจาบิดพลิ้วหรือหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบเหมือนเช่นทุกครั้ง
แม้แต่สำนักข่าวเอเอฟพียังรายงานภาพทหารที่เล็งอาวุธไปยังผู้ชุมนุมเสื้อแดงว่านายอภิสิทธิ์ไม่ได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยังยืนยันจะอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยพยายามโยนไปความผิดให้มือที่สามที่ยิงเอ็ม 79 ทั้งที่หลักฐานภาพถ่ายจำนวนมากของสำนักข่าวต่างประเทศชี้ให้เห็นชัดเจนว่าทหารเล็งปืนและลั่นกระสุนเข้าใส่ผู้ชุมนุม
ดังนั้น ไม่ว่ารัฐบาลจะอ้างความชอบธรรมตามกฎหมายหรือยืนยันว่าได้ปฏิบัติตามขั้นตอนการสลายการชุมนุมตามหลักสากล แต่เมื่อเกิดการเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งรัฐบาลและกองทัพที่เกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุมก็อาจมีความผิดในฐานะอาชญากรสงคราม ที่จะต้องรับโทษตามกฎหมายซึ่งมีอายุความ 20 ปี
ไม่ว่านายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะผู้รับผิดชอบการปฏิบัติหน้าที่การยึดคืนพื้นที่ของ ศอฉ. ทั้งหมดต้องรับผิดชอบการสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดง
สถานการณ์บ้านเมืองวันนี้ ยิ่งนายอภิสิทธิ์ดื้อแพ่งจะอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม ก็ยากที่จะทำให้สถานการณ์กลับมาเหมือนเดิม เพราะขณะนี้ความขัดแย้งได้ถลำลึกเป็นวิกฤตที่พร้อมจะลุกลามไปยังจุดอื่นๆของประเทศได้
นายอภิสิทธิ์จึงต้องออกมาแสดงความจริงใจด้วยการเสียสละและแสดงความรับผิดชอบที่ทำให้คนไทยต้องฆ่ากันเอง ด้วยการประกาศชัดเจนว่าจะลาออกหรือยุบสภา พร้อมยกเลิก พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และ พ.ร.ก.ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ต้องยกเลิกการปิดกั้นสื่อทุกชนิด ขณะเดียวกันสื่อของรัฐก็ต้องยุติการเสนอข่าวในลักษณะบิดเบือนและปลุกระดม เพื่อทำลายความชอบธรรมของคนเสื้อแดงโดยเด็ดขาด
ส่วนการเจรจาก็ไม่ได้ปิดตาย หากนายกรัฐมนตรีจะเป็นฝ่ายเดินหน้าขอเจรจากับแกนนำคนเสื้อแดง โดยมีข้อเสนอที่ชัดเจน ไม่ใช่ยังเล่นลิ้นใช้สำนวนโวหารหลีกเลี่ยงปัญหาให้ผ่านไปวันๆ ซึ่งวันนี้ไม่มีเวลาเหลือสำหรับนายกรัฐมนตรีแล้ว ขณะเดียวกันยังหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการนองเลือดและการฉวยโอกาสเพื่อทำรัฐประหาร
ดีกว่าให้คนไทยและคนทั่วโลกประณามว่าเป็น “ทรราช”
**********************************************************************
เงื่อนไขใหม่′ยุบพรรค′ปชป. ผลัก′มาร์ค′ติดบ่วงศาลรธน.ซ้ำรอยทักษิณ-สมัคร-สมชาย !!
เงื่อนไขใหม่′ยุบพรรค′ปชป. ผลัก′มาร์ค′ติดบ่วงศาลรธน.ซ้ำรอยทักษิณ-สมัคร-สมชาย !!
หวยออกพรรคประชาธิปัตย์ กกต.แถลงผลประชุมวาระพิเศษมีมติเป็นเอกฉันท์สั่งยุบพรรคปชป.คดีเงินบริจาค 258ล้าน และเงินสนับสนุนพรรคการเมือง 29 ล้าน เตรียมส่งอัยการสูงสุดเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป จับตา"อภิสิทธิ์"จะเดินซ้ำรอย 3 อดีตนายกฯ ทักษิณ-สมัคร-สมชาย หรือไม่?
ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก
ขณะที่ "เสื้อแดง" ยึดท้องถนนทั่วกรุงเทพฯ เพื่อกดดันให้รัฐบาลยุบสภา
จู่ๆ 5 คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็เรียกประชุมนัดพิเศษ และมีมติ "ยุบพรรค" ประชาธิปัตย์ ในวันที่ 12 เมษายน 2553
นายธนิศร์ ศรีประเทศ รองเลขาธิการกกต. ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ แถลงผลการประชุมกกต.วาระพิเศษ ว่า ภายหลังจากที่นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ได้รับความเห็นกรณีคดีเงินบริจาค จำนวน 258 ล้านบาท และเงินกองทุนสนุบสนุนพรรคการเมืองจำนวน 29 ล้านบาทที่พรรคประชาธิปัตย์ถูกกล่าวหาอาจกระทำการเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.พรรคการเมืองจากคณะทำงานของนายทะเบียนพรรคการเมืองในวันเดียวกันนี้ ที่ประชุมกกต.จึงได้พิจารณาทันที
ทั้งนี้ ที่ประชุมกกต.พิจารณาใน 2 ข้อกล่าวหาโดยข้อกล่าวหาแรก กรณีพรรคประชาธิปัตย์ได้รับเงินบริจาคจากบริษัททีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ผ่านทางบริษัท เมซไซอะ บิสิเนส แอนด์ ครีเอชั่น จำกัด เป็นจำนวนเงิน 258 ล้านบาท โดยทำสัญญาสื่อว่าจ้างทำสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ต่างๆ "เป็นนิติกรรมอำพราง" เพื่อหลักเลี่ยงการรายงานการรับบริจาคเงินตามที่กฎหมายกำหนด อาจเข้าข่ายกระทำผิดตามมาตรา 66 (2) (3) แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2541 และมาตรา 94 (3) (4) (5) แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2550 โดยที่ประชุมมีมติคะแนน "เสียงข้างมาก" ให้นายทะเบียนพรรคการเมืองแจ้งต่ออัยการสูงสุดพร้อมด้วยหลักฐาน เพื่อให้อัยการสูงสุดยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป ตามาตรา 95 ของกฎหมายพรรคการเมือง
ส่วนข้อกล่าวหาที่สอง กรณีมีผู้แจ้งข้อกล้าวหาว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ใช้จ่ายเงินที่ได้รับจากเงินกองทุนสนับสนุนพรรคการเมืองจากสำนักงานกกต.ให้เป็นไปตามบทบัญญัติตามกฎหมายและการจัดทำการใช้จ่ายและการจัดทำการรายงานใช้จ่ายเงินสนับสนุนพรรคการเมืองไม่ถูกต้องตามความเป็นจริงที่ยื่นต่อกกต.อันเป็นการเข้าข่ายตามมาตาม มาตรา62 และ65 ของพ.ร.บ.พรรคการเมือง 2541 และมาตรา82และ 93 ของพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง2550 โดยที่ประชุมกกต.มี "มติเอกฉันท์"ให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ โดยใช้มติเสียงข้างมากแจ้งต่ออัยการสูงสุดเพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคประชาธิปัตย์ ตามมาตรา 95 ของพ.ร.บ.ประกอบรับธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2550
สำหรับขั้นตอนจากนี้ทาง กกต.ได้มอบหมายให้นายทะเบียนพรรคการเมืองดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดตามความเห็นแจ้งต่ออัยการสูงสุด เมื่ออัยการสูงสุดได้รับเรื่องแล้วจะจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน แต่หากเห็นว่าหลักฐานยังไม่เพียงพอก็ต้องแจ้งกลับมายังนายทะเบียนเพื่อตั้งคณะทำงานร่วมกัน แต่หากเห็นว่ายังไม่ได้ข้อยุติ นายทะเบียนพรรคการเมืองก็สามารถส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญได้โดยตรง
ทั้งนี้ การพิจารณาของนายทะเบียนครั้งนี้ใน 2 ประเด็นก็เห็นว่า คดีดังกล่าวอาจมีการกระทำความผิดจึงเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญจึงส่งให้ที่ประชุมกกต.พิจารณา เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาทั้ง 2 ประเด็นจากนี้ไป "อภิสิทธิ์" จึงต้องเผชิญหน้าทั้งปัญหาการเมือง การทหาร และตุลาการ
กระดานหกการเมือง ผลักให้นายกรัฐมนตรี คนที่ 27 ต้องติดบ่วงศาลรัฐธรรมนูญอย่างน่าจับตาว่าจะเดิน ซ้ำรอย ทักษิณ ชินวัตร-สมัคร สุนทรเวชและสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 คนที่ 25 และคนที่ 26 หรือไม่
เช่นเดียวกับบรรดาแกนนำพรรคที่ร่วมเป็นกรรมการบริหารอยู่ในช่วงเวลาดังกล่าวก็ต้องลุ้นระทึกกับเกมใหม่ที่พลิกผันครั้งนี้ด้วยเช่นเดียวกัน
ที่มา.ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
*************************************************
หวยออกพรรคประชาธิปัตย์ กกต.แถลงผลประชุมวาระพิเศษมีมติเป็นเอกฉันท์สั่งยุบพรรคปชป.คดีเงินบริจาค 258ล้าน และเงินสนับสนุนพรรคการเมือง 29 ล้าน เตรียมส่งอัยการสูงสุดเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป จับตา"อภิสิทธิ์"จะเดินซ้ำรอย 3 อดีตนายกฯ ทักษิณ-สมัคร-สมชาย หรือไม่?
ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก
ขณะที่ "เสื้อแดง" ยึดท้องถนนทั่วกรุงเทพฯ เพื่อกดดันให้รัฐบาลยุบสภา
จู่ๆ 5 คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็เรียกประชุมนัดพิเศษ และมีมติ "ยุบพรรค" ประชาธิปัตย์ ในวันที่ 12 เมษายน 2553
นายธนิศร์ ศรีประเทศ รองเลขาธิการกกต. ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ แถลงผลการประชุมกกต.วาระพิเศษ ว่า ภายหลังจากที่นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ได้รับความเห็นกรณีคดีเงินบริจาค จำนวน 258 ล้านบาท และเงินกองทุนสนุบสนุนพรรคการเมืองจำนวน 29 ล้านบาทที่พรรคประชาธิปัตย์ถูกกล่าวหาอาจกระทำการเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.พรรคการเมืองจากคณะทำงานของนายทะเบียนพรรคการเมืองในวันเดียวกันนี้ ที่ประชุมกกต.จึงได้พิจารณาทันที
ทั้งนี้ ที่ประชุมกกต.พิจารณาใน 2 ข้อกล่าวหาโดยข้อกล่าวหาแรก กรณีพรรคประชาธิปัตย์ได้รับเงินบริจาคจากบริษัททีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ผ่านทางบริษัท เมซไซอะ บิสิเนส แอนด์ ครีเอชั่น จำกัด เป็นจำนวนเงิน 258 ล้านบาท โดยทำสัญญาสื่อว่าจ้างทำสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ต่างๆ "เป็นนิติกรรมอำพราง" เพื่อหลักเลี่ยงการรายงานการรับบริจาคเงินตามที่กฎหมายกำหนด อาจเข้าข่ายกระทำผิดตามมาตรา 66 (2) (3) แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2541 และมาตรา 94 (3) (4) (5) แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2550 โดยที่ประชุมมีมติคะแนน "เสียงข้างมาก" ให้นายทะเบียนพรรคการเมืองแจ้งต่ออัยการสูงสุดพร้อมด้วยหลักฐาน เพื่อให้อัยการสูงสุดยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป ตามาตรา 95 ของกฎหมายพรรคการเมือง
ส่วนข้อกล่าวหาที่สอง กรณีมีผู้แจ้งข้อกล้าวหาว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ใช้จ่ายเงินที่ได้รับจากเงินกองทุนสนับสนุนพรรคการเมืองจากสำนักงานกกต.ให้เป็นไปตามบทบัญญัติตามกฎหมายและการจัดทำการใช้จ่ายและการจัดทำการรายงานใช้จ่ายเงินสนับสนุนพรรคการเมืองไม่ถูกต้องตามความเป็นจริงที่ยื่นต่อกกต.อันเป็นการเข้าข่ายตามมาตาม มาตรา62 และ65 ของพ.ร.บ.พรรคการเมือง 2541 และมาตรา82และ 93 ของพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง2550 โดยที่ประชุมกกต.มี "มติเอกฉันท์"ให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ โดยใช้มติเสียงข้างมากแจ้งต่ออัยการสูงสุดเพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคประชาธิปัตย์ ตามมาตรา 95 ของพ.ร.บ.ประกอบรับธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2550
สำหรับขั้นตอนจากนี้ทาง กกต.ได้มอบหมายให้นายทะเบียนพรรคการเมืองดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดตามความเห็นแจ้งต่ออัยการสูงสุด เมื่ออัยการสูงสุดได้รับเรื่องแล้วจะจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน แต่หากเห็นว่าหลักฐานยังไม่เพียงพอก็ต้องแจ้งกลับมายังนายทะเบียนเพื่อตั้งคณะทำงานร่วมกัน แต่หากเห็นว่ายังไม่ได้ข้อยุติ นายทะเบียนพรรคการเมืองก็สามารถส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญได้โดยตรง
ทั้งนี้ การพิจารณาของนายทะเบียนครั้งนี้ใน 2 ประเด็นก็เห็นว่า คดีดังกล่าวอาจมีการกระทำความผิดจึงเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญจึงส่งให้ที่ประชุมกกต.พิจารณา เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาทั้ง 2 ประเด็นจากนี้ไป "อภิสิทธิ์" จึงต้องเผชิญหน้าทั้งปัญหาการเมือง การทหาร และตุลาการ
กระดานหกการเมือง ผลักให้นายกรัฐมนตรี คนที่ 27 ต้องติดบ่วงศาลรัฐธรรมนูญอย่างน่าจับตาว่าจะเดิน ซ้ำรอย ทักษิณ ชินวัตร-สมัคร สุนทรเวชและสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 คนที่ 25 และคนที่ 26 หรือไม่
เช่นเดียวกับบรรดาแกนนำพรรคที่ร่วมเป็นกรรมการบริหารอยู่ในช่วงเวลาดังกล่าวก็ต้องลุ้นระทึกกับเกมใหม่ที่พลิกผันครั้งนี้ด้วยเช่นเดียวกัน
ที่มา.ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
*************************************************
‘ทักษิณ’ควักกระเป๋าช่วยผู้เสียชีวิตศพละแสน
“ทักษิณ” ควักกระเป๋าช่วยผู้เสียชีวิตศพ 1 แสน ขณะที่ “ณัฐวุฒิ” อุบไต๋ไม่บอกแผนเคลื่อนไหวพรุ่งนี้เมื่อ เวลา 18.00 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. ขึ้นร้องเพลงบนเวทีสะพานผ่านฟ้า หลังจากนั้นกล่าวว่า การต่อสู้ของคนเสื้อแดงยังไม่หยุด จะต้องสู้ต่อไป ไม่ให้การสูญเสียของคนเสื้อแดงต้องสูญเปล่า และในวันที่ 14 เม.ย. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะมอบเงินช่วยเหลือแก่ผู้เสียชีวิตผ่าน นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ ศพละ 1 แสนบาท
นอกจากนั้น ท่านผู้หญิงวิริยา ชวกุล ประธานกรรมการเลขาธิการมูลนิธิบำรุงขวัญทหาร ตำรวจ อาสาสมัคร ชายแดนใต้ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ที่ประกาศชัดเจนว่าอยู่เคียงข้างคนเสื้อแดงบริจาคเงินร่วมสมทบกองทุนเพื่อ ผู้เสียชีวิตรวม 5 แสน และยังมีนายเผด็จ ภูริปฎิภาน คอลัมนิสต์ชื่อดังเจ้าของนามปากกา พญาไม้ สมทบกองทุนเพื่อผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเบื้องต้น 1 แสนบาท นอกจากนั้นยังรับปากว่าจะชักชวนเพื่อฝูงร่วมกันบริจาคเพิ่มเติมอีก พร้อมทั้งขอบคุณประชาชนไทยทั่วโลกที่บริจาคเงินสมทบเข้ากองทุน
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ศอ.รส. ประเมินว่าวันที่ 13 เม.ย. วันมหาสงกรานต์คนจะน้อย เพราะทุกคนต้องกลับบ้านไปหาญาติพี่น้อง และกำลังหาช่องทางรุกคนเสื้อแดงอีกภายในวันหรือสองวัน แต่ประเมินแล้วว่า คนเสื้อแดงยังเหนียวแน่น แสดงว่านายอภิสิทธิ์ถูกหลอกอีกแล้ว เพราะหน่วยงานต้องรายงานแบบถูกใจนาย เพราะไม่มีใครเชื่อว่าจะมีคนออกมาต่อสู้ในวันที่ 13 เม.ย. ทั้ง 2 เวทีไม่น้อยกว่ากัน แสดงว่าคนเสื้อแดงก้าวข้ามงานเทศกาลต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และคนเสื้อแดงจะสนุกสนานเพียงวันนี้เท่านั้น จะเริ่มรุกรบอีกครั้งในวันที่ 14 เม.ย.
นายณัฐวุฒิ ให้สัมภาษณ์ว่า ยังไม่ขอเปิดเผยถึงยุทธวิธีและสถานที่ในการเคลื่อนไหวในวันที่ 14 เม.ย. ส่วนที่ออกข่าวว่าจะไปที่ราบ 11 นั้น ยังไม่มีแนวคิดที่จะไปยังสถานที่ดังกล่าว แต่กำหนดพื้นที่เป้าหมายและยุทธวิธีไว้เรียบร้อยแล้วรอเพียงการประกาศ เคลื่อนไหวอย่างเป็นทางการเท่านั้น
นายณัฐวุฒิยังกล่าวกรณีสำนักพระราชวังออกแถลงการณ์ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ทรงโปรดฯ รับผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุปะทะ เมื่อวันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมา อยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยระบุว่า รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณทั้งสองพระองค์อย่างหาที่เปรียบมิได้
ที่มา กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
***********************************************
นอกจากนั้น ท่านผู้หญิงวิริยา ชวกุล ประธานกรรมการเลขาธิการมูลนิธิบำรุงขวัญทหาร ตำรวจ อาสาสมัคร ชายแดนใต้ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ที่ประกาศชัดเจนว่าอยู่เคียงข้างคนเสื้อแดงบริจาคเงินร่วมสมทบกองทุนเพื่อ ผู้เสียชีวิตรวม 5 แสน และยังมีนายเผด็จ ภูริปฎิภาน คอลัมนิสต์ชื่อดังเจ้าของนามปากกา พญาไม้ สมทบกองทุนเพื่อผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเบื้องต้น 1 แสนบาท นอกจากนั้นยังรับปากว่าจะชักชวนเพื่อฝูงร่วมกันบริจาคเพิ่มเติมอีก พร้อมทั้งขอบคุณประชาชนไทยทั่วโลกที่บริจาคเงินสมทบเข้ากองทุน
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ศอ.รส. ประเมินว่าวันที่ 13 เม.ย. วันมหาสงกรานต์คนจะน้อย เพราะทุกคนต้องกลับบ้านไปหาญาติพี่น้อง และกำลังหาช่องทางรุกคนเสื้อแดงอีกภายในวันหรือสองวัน แต่ประเมินแล้วว่า คนเสื้อแดงยังเหนียวแน่น แสดงว่านายอภิสิทธิ์ถูกหลอกอีกแล้ว เพราะหน่วยงานต้องรายงานแบบถูกใจนาย เพราะไม่มีใครเชื่อว่าจะมีคนออกมาต่อสู้ในวันที่ 13 เม.ย. ทั้ง 2 เวทีไม่น้อยกว่ากัน แสดงว่าคนเสื้อแดงก้าวข้ามงานเทศกาลต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และคนเสื้อแดงจะสนุกสนานเพียงวันนี้เท่านั้น จะเริ่มรุกรบอีกครั้งในวันที่ 14 เม.ย.
นายณัฐวุฒิ ให้สัมภาษณ์ว่า ยังไม่ขอเปิดเผยถึงยุทธวิธีและสถานที่ในการเคลื่อนไหวในวันที่ 14 เม.ย. ส่วนที่ออกข่าวว่าจะไปที่ราบ 11 นั้น ยังไม่มีแนวคิดที่จะไปยังสถานที่ดังกล่าว แต่กำหนดพื้นที่เป้าหมายและยุทธวิธีไว้เรียบร้อยแล้วรอเพียงการประกาศ เคลื่อนไหวอย่างเป็นทางการเท่านั้น
นายณัฐวุฒิยังกล่าวกรณีสำนักพระราชวังออกแถลงการณ์ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ทรงโปรดฯ รับผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุปะทะ เมื่อวันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมา อยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยระบุว่า รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณทั้งสองพระองค์อย่างหาที่เปรียบมิได้
ที่มา กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
***********************************************
วันอังคารที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2553
พล.ต.ท.ชัชจ์ กุลดิลก"แจ้งความจับนายกรัฐมนตรี
พล.ต.ท.ชัชจ์ กุลดิลก อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หนึ่งในแกนนำของ นปช. ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือกับ พล.ต.ท.พงศพัศ พงเจริญ ผู้ช่วยผบตร.โฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่องขอให้จับพนักงานสอบสวน เพื่อรับคำร้องทุกข์ และดำเนินคดี นายอภิสิทธิ์ เวชชาวีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในข้อหาว่าห่า จ้างวานใช้ให้ผู้อื่นฆ่าประชาชน
พล.ต.ท.ชัชจ์ กล่าวว่า เนื่องจาก นปช.ได้พิจรณาแล้วเห็นว่า นายกรัฐมนตรี และรองนายกฝ่ายความมั่น ได้ก่ออาชญากรรมร้ายแรง ด้วยการจ้างวานใช้ให้ผู้อื่นฆ่าประชาชน ขณะนี้มีผู้เสียชีวิตถึง 21 ราย และไม่ถึงแก่ชีวิต เพียงบาดเจ็บมากกว่า 800 ราย จึงขอให้ทางพล.ต.อ.ประทีป ตันประเสริฐ รักษาการ ผบตร. จัดพนักงานสอบสวนเพื่อรับเรื่องร้องทุกข์ไม่ตำกว่าร้อยนานภายในวันนี้ ซึ่งทาง นปช. จะได้จัดส่งผุ้เสียหายให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยายานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีต่อไป ด้าน พล.ต.ท.พงศพัศ พงศเจริญ กล่าว่า เบื้องต้นได้รับเรื่องไว้แล้ว ซึ่งเรื่งนี้จะนำเรียนไปทาง รักษาการผบตร. ในการดำเนินการต่อไป
ที่มา.เนชั่นทันข่าว
****************************************
พล.ต.ท.ชัชจ์ กล่าวว่า เนื่องจาก นปช.ได้พิจรณาแล้วเห็นว่า นายกรัฐมนตรี และรองนายกฝ่ายความมั่น ได้ก่ออาชญากรรมร้ายแรง ด้วยการจ้างวานใช้ให้ผู้อื่นฆ่าประชาชน ขณะนี้มีผู้เสียชีวิตถึง 21 ราย และไม่ถึงแก่ชีวิต เพียงบาดเจ็บมากกว่า 800 ราย จึงขอให้ทางพล.ต.อ.ประทีป ตันประเสริฐ รักษาการ ผบตร. จัดพนักงานสอบสวนเพื่อรับเรื่องร้องทุกข์ไม่ตำกว่าร้อยนานภายในวันนี้ ซึ่งทาง นปช. จะได้จัดส่งผุ้เสียหายให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยายานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีต่อไป ด้าน พล.ต.ท.พงศพัศ พงศเจริญ กล่าว่า เบื้องต้นได้รับเรื่องไว้แล้ว ซึ่งเรื่งนี้จะนำเรียนไปทาง รักษาการผบตร. ในการดำเนินการต่อไป
ที่มา.เนชั่นทันข่าว
****************************************
จาตุรนต์" จวกรบ.โยน "ก่อการร้าย"เบี่ยงประเด็น
นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวเมื่อวันที่ 13 เม.ย. ถึงกรณีที่รัฐบาลสั่งสลายการชุมนุมในช่วงเวลากลางคืน โดยใช้ทหารที่ไม่มีประสบการณ์ ใช้อาวุธร้ายแรง รถหุ้มเกราะ จนทำให้ผู้คนบาดเจ็บ ล้มตายจำนวนมากนั้นว่า เมื่อถูกกระแสสังคมบีบรัฐบาลกลับหาทางออกด้วยการเปิดประเด็นเรื่องการก่อการร้าย สะท้อนให้เห็นถึงความไม่มีประสบการณ์ เหมือนสมัยที่จอมพลถนอม กิตติขจร อดีตนายกฯ อ้างเหตุผลนี้มาใช้ปราบประชน แต่สุดท้ายก็ต้องออกนอกประเทศไป รัฐบาลนี้กำลังทำผิดซ้ำซาก โดยใช้สื่อเป็นเครื่องมือทำให้ประชาชนที่ไม่ทราบข้อเท็จจริงเข้าใจผิด เกลียดชังผู้ชุมนุม ขณะเดียวกันก็ปิดกั้นสื่อที่มีความเห็นไม่ตรงกับรัฐบาล เช่นพีทีวี เว็บไซต์ต่างๆ ด้วยเหตุผลทางการเมือง ซึ่งจุดนี้จะยิ่งสร้างความเกลียดชังนำมาซึ่งความสูญเสียใหญ่หลวง รัฐบาลควรเลิกปิดกั้นสื่อ รวมทั้งเลิกใช้พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพราะทหารระบุชัดแล้วว่า จะไม่นำกำลังออกมาช่วยแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องคงพ.ร.ก.ดังกล่าวเอาไว้ ทั้งนี้เพื่อลดบรรยากาศความตึงเครียดทางการเมือง รวมทั้งเศรษฐกิจ
นายจาตุรนต์ ฉายแสง ยังได้กล่าวถึงกรณีที่ กกต.มีมติเอกฉันท์ให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ ว่า คดีของพรรคประชาธิปัตย์มีข้อมูลหลักฐานที่ชัดเจนแน่นหนากว่าพรรคการเมืองอื่นๆ ที่ถูกยุบไปก่อนหน้านี้ ดังนั้นกกต.จึงไม่มีทางเลือกต้องตัดสินยุบพรรคประชาธิปัตย์ มิฉะนั้นจะถูกมองว่า 2 มาตรฐาน ช่วยเหลือพรรคประชาธิปัตย์ และเชื่อว่าอัยการจะส่งเรื่องต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญอย่างแน่นอน ภาระจึงตกอยู่กับศาลรัฐธรรมนูญว่าจะใช้เวลาพิจารณานานแค่ไหน แต่ศาลรัฐธรรมนูญเคยยุบพรรคการเมืองอื่นๆอย่างง่ายดายไปแล้วหลายพรรค จึงหลีกเลี่ยงที่จะยุบพรรคประชาธิปัตย์ได้ยาก พรรคประชาธิปัตย์มีแนวโน้มที่จะถูกยุบพรรคสูง ทำให้เรื่องนี้เชื่อมโยงกับสถานการณ์ปัจจุบันเกี่ยวกับข้อถกเถียงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อนการยุบสภา เพราะเมื่อพรรคประชาธิปัตย์กำลังจะถูกยุบพรรค จึงทำให้แก้รัฐธรรมนูญในมาตรา 237 เกี่ยวกับการยุบพรรคไม่ได้ เนื่องจากจะเป็นการแก้เพื่อช่วยเหลือตัวเอง ดังนั้นเมื่อไม่ต้องแก้รัฐธรรมนูญแล้วก็จะทำให้เวลายุบสภาลดลงมาอย่างมาก
"พรรคร่วมรัฐบาลควรหารือกันเพื่อทบทวนเรื่องเวลายุบสภาใหม่ ซึ่งน่าจะใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน โดยอาจจะหารือกับฝ่ายค้านด้วย เพื่อทำข้อตกลงร่วมกัน เช่นว่า เมื่อเลือกตั้งเสร็จแล้ว ค่อยมาแก้รัฐธรรมนูญ 6 ประเด็นตามที่คณะกรรมการสมานฉันท์ฯเสนอ จากนั้นก็แก้ทั้งฉบับ เป็นต้น ถ้ายังขืนชักช้าอยู่กระแสสังคมอาจบีบให้นายกฯต้องลาออกก่อนที่จะยุบสภาก็ได้" นายจาตุรนต์กล่าว
ที่มา.เนชั่นทันข่าว
*********************************************
นายจาตุรนต์ ฉายแสง ยังได้กล่าวถึงกรณีที่ กกต.มีมติเอกฉันท์ให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ ว่า คดีของพรรคประชาธิปัตย์มีข้อมูลหลักฐานที่ชัดเจนแน่นหนากว่าพรรคการเมืองอื่นๆ ที่ถูกยุบไปก่อนหน้านี้ ดังนั้นกกต.จึงไม่มีทางเลือกต้องตัดสินยุบพรรคประชาธิปัตย์ มิฉะนั้นจะถูกมองว่า 2 มาตรฐาน ช่วยเหลือพรรคประชาธิปัตย์ และเชื่อว่าอัยการจะส่งเรื่องต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญอย่างแน่นอน ภาระจึงตกอยู่กับศาลรัฐธรรมนูญว่าจะใช้เวลาพิจารณานานแค่ไหน แต่ศาลรัฐธรรมนูญเคยยุบพรรคการเมืองอื่นๆอย่างง่ายดายไปแล้วหลายพรรค จึงหลีกเลี่ยงที่จะยุบพรรคประชาธิปัตย์ได้ยาก พรรคประชาธิปัตย์มีแนวโน้มที่จะถูกยุบพรรคสูง ทำให้เรื่องนี้เชื่อมโยงกับสถานการณ์ปัจจุบันเกี่ยวกับข้อถกเถียงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อนการยุบสภา เพราะเมื่อพรรคประชาธิปัตย์กำลังจะถูกยุบพรรค จึงทำให้แก้รัฐธรรมนูญในมาตรา 237 เกี่ยวกับการยุบพรรคไม่ได้ เนื่องจากจะเป็นการแก้เพื่อช่วยเหลือตัวเอง ดังนั้นเมื่อไม่ต้องแก้รัฐธรรมนูญแล้วก็จะทำให้เวลายุบสภาลดลงมาอย่างมาก
"พรรคร่วมรัฐบาลควรหารือกันเพื่อทบทวนเรื่องเวลายุบสภาใหม่ ซึ่งน่าจะใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน โดยอาจจะหารือกับฝ่ายค้านด้วย เพื่อทำข้อตกลงร่วมกัน เช่นว่า เมื่อเลือกตั้งเสร็จแล้ว ค่อยมาแก้รัฐธรรมนูญ 6 ประเด็นตามที่คณะกรรมการสมานฉันท์ฯเสนอ จากนั้นก็แก้ทั้งฉบับ เป็นต้น ถ้ายังขืนชักช้าอยู่กระแสสังคมอาจบีบให้นายกฯต้องลาออกก่อนที่จะยุบสภาก็ได้" นายจาตุรนต์กล่าว
ที่มา.เนชั่นทันข่าว
*********************************************
ล็อคเป้า
เคยได้ยินแต่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้
ท่านสมเพียร โดนล็อคเป้า แล้วก็ตาย หลังจากขอย้ายออกจากพื้นที่ไม่ได้
ไม่น่าเชื่อว่า ในช่วงการสลายการชุมนุม มีคนใช้คำว่า ล็อคเป้า กับกลุ่มนายทหาร โดยเฉพาะสายบัญชาการ หน่วยหนึ่ง
การยืดเยื้อของการสลาย มีข่าวหลายกระแส ในการล้อมปราบฆ่าให้เกลี้ยง จนปฏิบัติภารกิจจากบ่ายจนถึงยามค่ำสองสามทุ่ม
กระแสข่าว การระเบิดเสาไฟฟ้าแรงสูงแถบชานเมือง ดับไฟทั้งเมือง แล้วล้อมปราบ พลาด เสาล้มไม่หมด
ทำให้เข้าเวลามืดค่ำ การล็อคเป้าจึงเกิดขึ้น และก็มีการดำเนินการจนมีผลให้นายทหารบัญชาการหน่วยนั้น ตายและบาดเจ็บมากมาย
ข่าวก็ว่ากันไป เกิดจากทหารเดียวกันบ้าง เกิดจากบุคคลนิรนามบ้าง ก็ว่ากันไป
แต่ในการปฏิบัติการครั้งนี้ มีการเกณฑ์ทหารมาหลายกองพล แต่ละจุดก็มีนายทหารบังคับบัญชาเช่นกัน
สงสัยว่า ทำไม จึงเป็นการล็อคเป้าเฉพาะทหารหน่วยนี้ และเจาะจงนายทหารที่บัญชาการ
เอาหละ ก็เป็นเรื่องของ ข่าวสารและการสืบสวนต่อไป
แต่ว่า วันที่ 10 เมย. จบไปด้วยความโชคดี โชคช่วยสองชั้น ของคนเสื้อแดง และการต่อสู้สุดตัว แม้ตาย 17 หาย 100 อัพ บาดเจ็บราวพัน
ด้วยสาเหตุไฟไม่ดับทั้งเมือง หรือ ด้วย การล็อคเป้า ก็ตาม
แต่จำนวนคนตาย คนบาดเจ็บ ยังไม่ได้รับการสะสาง แถมยังเจอรัฐบาล โบ้ยให้เป็น ผู้ก่อการร้าย ซะอีก
เชื่อว่า ทหารหลายกองพล ที่เกณฑ์มา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า มาทำอะไร อยู่จุดไหน มาถึงก็จัดลงตามจุด สังเกตเวลาแตกทัพ กลับจุดตัวเองไม่ถูก เพราะไม่ชำนาญพื้นที่
อย่างไรก็ตาม ภาพที่โหดร้าย ภาพถือปืน ภาพยิง ภาพระเบิด ที่ทำกับประชาชน แม้ทหารบางหน่วย ไม่ได้ยิง ไม่ได้ปะทะ ยกเว้นจุดปะทะสำคัญ 2-3 จุดใหญ่ๆ ที่มีการใช้อาวุธ มีคนตาย มีคนบาดเจ็บ
ประชาชนไม่รู้หรอกว่า ทหารหน่วยไหนเป็นหน่วยไหน แต่เหมารวมคือ เครียดแค้นกับทหารที่ทำร้ายประชาชน เจตนาล้อมฆ่าอย่างทารุณ
ทุกหน่วย
คำว่า "ผู้ก่อการร้าย" ในสายตารัฐบาล ที่พยายามผลักให้ประชาชนเสื้อแดง
ทำให้นายทหารทั่วประเทศ ไม่ว่าสังกัดกองพล กองพันไหน อันตรายทันที
การล็อคเป้า ต่อไปคงจะมากขึ้น โดยเฉพาะความเครียดแค้น ชิงชัง ภาพในวันที่ 10 เมย. และหลังจากเหตุการณ์ก็ยังไม่ได้รับความเป็นธรรมจากสื่อ จากรัฐบาลอีก
ประชาชน ยังคงเฝ้าระวังการล้อมฆ่าประชาชนทุกเวลา ไม่ไว้ใจทหาร ตำรวจ แม้แต่น้อย
ยังคงเชื่อว่า ทหาร ตำรวจ พร้อมย้อนกลับมาล้อมฆ่าได้ทุกเวลา
กระแสข่าวการใช้คนมาลอบฆ่าแกนนำ อันนี้ยิ่งเป็นชนวนใหญ่เลย
จะให้ประชาชนคิดอย่างไร คนที่รับงานมาจากทหารหรือตำรวจ หากเกิดอะไรขึ้นจริงๆ
นายทหาร นายตำรวจ คุณต้องรับ การสงสัยจากประชาชนคนเสื้อแดงแน่ๆ
หยุดเถิดทหารกล้า หยุดเถิดตำรวจ การล็อคเป้าที่เกิดจากทหาร นักรบนิรนาม มันก็น่ากลัวพอแล้ว
อย่าให้ถึงขึ้น 3 จังหวัดชายแดนใต้เลย อย่าให้ประชาชน ตามหมู่บ้าน ตามตำบล ตามอำเภอ ตามจังหวัด ล็อคเป้าทหาร ตำรวจ เลย
จงผ่อนคลายสถานการณ์หยุดเรื่อง ใส่ไฟก่อการร้ายเสีย หยุดเรื่องการล้อมฆ่าประชาชนเสีย หยุดเรื่องการลอบยิงแกนนำ เสีย
สถานการณ์ที่ว่ามา ท่านจะต้องรับบทหนักในชีวิตจริง ความเป็นอยู่จริง ต่อไป
ทหาร และตำรวจ จะมีนายสายบังคับบัญชาเสมอ
เพื่อรักษาชีวิต นายทหาร นายตำรวจ ที่ปฏิบัติงานตาม ตจว.และใน กทม.
สถานการณ์แม้จะสลายล้อมฆ่าประชาชนอีกครั้งสำเร็จ
ยังไง ก็โดนล็อคเป้าจาก พวกเดียวกัน นักรบนิรนาม ที่สำคัญประชาชนจะลุกขึ้นมาล็อคเป้าเสียเอง จะลำบาก
เหมือนชายแดนใต้ ทุกขณะ
สวัสดี
ขอให้ สติมา ปัญญาเกิด
by jomvoyvay
************************************************
ท่านสมเพียร โดนล็อคเป้า แล้วก็ตาย หลังจากขอย้ายออกจากพื้นที่ไม่ได้
ไม่น่าเชื่อว่า ในช่วงการสลายการชุมนุม มีคนใช้คำว่า ล็อคเป้า กับกลุ่มนายทหาร โดยเฉพาะสายบัญชาการ หน่วยหนึ่ง
การยืดเยื้อของการสลาย มีข่าวหลายกระแส ในการล้อมปราบฆ่าให้เกลี้ยง จนปฏิบัติภารกิจจากบ่ายจนถึงยามค่ำสองสามทุ่ม
กระแสข่าว การระเบิดเสาไฟฟ้าแรงสูงแถบชานเมือง ดับไฟทั้งเมือง แล้วล้อมปราบ พลาด เสาล้มไม่หมด
ทำให้เข้าเวลามืดค่ำ การล็อคเป้าจึงเกิดขึ้น และก็มีการดำเนินการจนมีผลให้นายทหารบัญชาการหน่วยนั้น ตายและบาดเจ็บมากมาย
ข่าวก็ว่ากันไป เกิดจากทหารเดียวกันบ้าง เกิดจากบุคคลนิรนามบ้าง ก็ว่ากันไป
แต่ในการปฏิบัติการครั้งนี้ มีการเกณฑ์ทหารมาหลายกองพล แต่ละจุดก็มีนายทหารบังคับบัญชาเช่นกัน
สงสัยว่า ทำไม จึงเป็นการล็อคเป้าเฉพาะทหารหน่วยนี้ และเจาะจงนายทหารที่บัญชาการ
เอาหละ ก็เป็นเรื่องของ ข่าวสารและการสืบสวนต่อไป
แต่ว่า วันที่ 10 เมย. จบไปด้วยความโชคดี โชคช่วยสองชั้น ของคนเสื้อแดง และการต่อสู้สุดตัว แม้ตาย 17 หาย 100 อัพ บาดเจ็บราวพัน
ด้วยสาเหตุไฟไม่ดับทั้งเมือง หรือ ด้วย การล็อคเป้า ก็ตาม
แต่จำนวนคนตาย คนบาดเจ็บ ยังไม่ได้รับการสะสาง แถมยังเจอรัฐบาล โบ้ยให้เป็น ผู้ก่อการร้าย ซะอีก
เชื่อว่า ทหารหลายกองพล ที่เกณฑ์มา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า มาทำอะไร อยู่จุดไหน มาถึงก็จัดลงตามจุด สังเกตเวลาแตกทัพ กลับจุดตัวเองไม่ถูก เพราะไม่ชำนาญพื้นที่
อย่างไรก็ตาม ภาพที่โหดร้าย ภาพถือปืน ภาพยิง ภาพระเบิด ที่ทำกับประชาชน แม้ทหารบางหน่วย ไม่ได้ยิง ไม่ได้ปะทะ ยกเว้นจุดปะทะสำคัญ 2-3 จุดใหญ่ๆ ที่มีการใช้อาวุธ มีคนตาย มีคนบาดเจ็บ
ประชาชนไม่รู้หรอกว่า ทหารหน่วยไหนเป็นหน่วยไหน แต่เหมารวมคือ เครียดแค้นกับทหารที่ทำร้ายประชาชน เจตนาล้อมฆ่าอย่างทารุณ
ทุกหน่วย
คำว่า "ผู้ก่อการร้าย" ในสายตารัฐบาล ที่พยายามผลักให้ประชาชนเสื้อแดง
ทำให้นายทหารทั่วประเทศ ไม่ว่าสังกัดกองพล กองพันไหน อันตรายทันที
การล็อคเป้า ต่อไปคงจะมากขึ้น โดยเฉพาะความเครียดแค้น ชิงชัง ภาพในวันที่ 10 เมย. และหลังจากเหตุการณ์ก็ยังไม่ได้รับความเป็นธรรมจากสื่อ จากรัฐบาลอีก
ประชาชน ยังคงเฝ้าระวังการล้อมฆ่าประชาชนทุกเวลา ไม่ไว้ใจทหาร ตำรวจ แม้แต่น้อย
ยังคงเชื่อว่า ทหาร ตำรวจ พร้อมย้อนกลับมาล้อมฆ่าได้ทุกเวลา
กระแสข่าวการใช้คนมาลอบฆ่าแกนนำ อันนี้ยิ่งเป็นชนวนใหญ่เลย
จะให้ประชาชนคิดอย่างไร คนที่รับงานมาจากทหารหรือตำรวจ หากเกิดอะไรขึ้นจริงๆ
นายทหาร นายตำรวจ คุณต้องรับ การสงสัยจากประชาชนคนเสื้อแดงแน่ๆ
หยุดเถิดทหารกล้า หยุดเถิดตำรวจ การล็อคเป้าที่เกิดจากทหาร นักรบนิรนาม มันก็น่ากลัวพอแล้ว
อย่าให้ถึงขึ้น 3 จังหวัดชายแดนใต้เลย อย่าให้ประชาชน ตามหมู่บ้าน ตามตำบล ตามอำเภอ ตามจังหวัด ล็อคเป้าทหาร ตำรวจ เลย
จงผ่อนคลายสถานการณ์หยุดเรื่อง ใส่ไฟก่อการร้ายเสีย หยุดเรื่องการล้อมฆ่าประชาชนเสีย หยุดเรื่องการลอบยิงแกนนำ เสีย
สถานการณ์ที่ว่ามา ท่านจะต้องรับบทหนักในชีวิตจริง ความเป็นอยู่จริง ต่อไป
ทหาร และตำรวจ จะมีนายสายบังคับบัญชาเสมอ
เพื่อรักษาชีวิต นายทหาร นายตำรวจ ที่ปฏิบัติงานตาม ตจว.และใน กทม.
สถานการณ์แม้จะสลายล้อมฆ่าประชาชนอีกครั้งสำเร็จ
ยังไง ก็โดนล็อคเป้าจาก พวกเดียวกัน นักรบนิรนาม ที่สำคัญประชาชนจะลุกขึ้นมาล็อคเป้าเสียเอง จะลำบาก
เหมือนชายแดนใต้ ทุกขณะ
สวัสดี
ขอให้ สติมา ปัญญาเกิด
by jomvoyvay
************************************************
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)