การสูญเสียนายทหารฝีมือดีอย่าง พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม รองเสนาธิการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (รองเสธ.พล.ร.2 รอ.) ณ สมรภูมิสี่แยกคอกวัว สร้างความสลดใจไปทั่วใน
แต่ พ.อ.ร่มเกล้า ไม่ใช่นายทหารระดับสูงเพียงคนเดียวที่ตกเป็นเป้าสังหาร เพราะยังมีนายทหารระดับนายพลอย่าง พล.ต.วลิต โรจนภักดี ผบ.พล ร. 2 รอ. ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิดเอ็ม 79 ถึงขั้นขาหัก 3 ท่อน และระดับผู้พันอย่าง พ.ท.เกรียงศักดิ์ นันทโพธิเดช ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์ (ร.12 พัน 2 รอ.) ถูกสะเก็ดระเบิดจนต้องผ่าตัดสมองด้วย
ที่น่าสนใจ ก็คือ ทั้งหมดเป็นนายทหารสาย "บูรพาพยัคฆ์" จากกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ขณะที่พลทหารอีกจำนวนหนึ่งที่เสียชีวิต ก็สังกัดหน่วยทหารหน่วยนี้เช่นกัน
ปากคำทหารที่อยู่ในเหตุการณ์บอกกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ขณะเกิดมิคสัญญีที่สี่แยกคอกวัว พล.ต.วลิต ซึ่งออกมาบัญชาการภาคสนามด้วยตัวเอง นั่งประชุมวางแผนอยู่บนฟุตบาทริมถนนตะนาวห่างจากสี่แยกคอกวัวไปทางตลาดบางลำพู โดยมี พ.อ.ร่มเกล้า กับ พ.ท.เกรียงศักดิ์ ปฏิบัติหน้าที่อยู่ไม่ห่าง
จู่ๆ โดยที่ไม่มีใครคาดคิด ก็มีลูกระเบิดเอ็ม 79 ถูกยิงมาจากที่สูงตกลงกลางวงนายทหารระดับสูงที่กำลังนั่งหารือสถานการณ์ และไม่ใช่แค่ลูกเดียว แต่เป็นการยิงถล่มถึง 2 ลูกซ้อน เป็นเหตุให้ พล.ต.วลิต กับ พ.ท.เกรียงศักดิ์ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วน พ.อ.ร่มเกล้า ไม่มีข้อมูลยืนยันว่าได้รับบาดเจ็บจากจังหวะนี้หรือไม่
แต่นาทีชีวิตยังไม่ผ่านพ้นไป เพราะมีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายใช้อาวุธปืนยิงถล่มซ้ำเข้าไปอีก จน พ.อ.ร่มเกล้า ได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ที่น่ากังขา ก็คือ ในสถานการณ์ชุลมุนวุ่นวาย เหตุใดกองกำลังไม่ทราบฝ่าย จึงเลือกเป้าได้อย่างแม่นยำยิ่ง!
นายทหารที่มีประสบการณ์ในสนาม ตั้งข้อสังเกตว่า เป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้ชุมนุมทั่วไป หรือคนที่ไม่ได้อยู่ในวงการทหารจะสามารถแยกแยะออกว่าใครเป็นใคร เพราะทหารที่ออกปฏิบัติการล้วนใส่ "ชุดฝึก" ซึ่งหากมองผ่านๆ ก็จะเหมือนๆ กันไปหมด ยิ่งในช่วงเวลาแห่งความสับสน ยิ่งยากที่จะรู้ว่าใครเป็นใคร ใครเป็นนาย ใครเป็นลูกน้อง
ทหารที่อยู่ในจุดเกิดเหตุ ให้ข้อมูลว่าเห็นแสงเลเซอร์เป็นลำสีแดงพุ่งตรงมายังจุดที่นายทหารระดับสูงนั่งกันอยู่ก่อนถูกถล่ม!
เสียงวิจารณ์ว่างานนี้คงไม่ใช่แค่การปะทะกันระหว่างทหารชุดรักษาความสงบกับผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงจึงดังกระหึ่มในแวดวง "คนมีสี" หลายเสียงเชื่อว่า นี่คือ การ "ล็อกเป้ายิง" โดยมีเงื่อนงำลึกลับซับซ้อนยิ่งกว่าการเผชิญหน้ากันระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายต่อต้านรัฐบาล
ประการแรก พล.ร.2 รอ. คือ หน่วยที่ปฏิบัติการสลายการชุมนุมบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง ในเหตุการณ์เมษาฯ เลือด เมื่อปี 2552 เป็นปฏิบัติการที่ประสบความสำเร็จอย่างแทบจะไร้ที่ติ เพราะไม่มีผู้ใดเสียชีวิต ในขณะที่บางกลุ่มบางฝ่ายอยากให้มีการสูญเสียใจแทบขาด
และ พ.อ.ร่มเกล้า กับ พ.ท.เกรียงศักดิ์ ก็คือ สองขุนพลที่ปฏิบัติการภาคสนามในวันนั้น โดยมี พล.ต.วลิต เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด
ความพยายามตรวจสอบเพื่อค้นหาความจริงในเวลาต่อมา พ.อ.ร่มเกล้า คือ กำลังสำคัญของหน่วยที่เดินสายชี้แจง พร้อมเปิดหลักฐานทุกชนิดเพื่อยืนยันว่าปฏิบัติการที่สามเหลี่ยมดินแดง ดำเนินไปตามขั้นตอนและกฎการปะทะทุกอย่าง ไม่มีการละเมิดสิทธิประชาชนผู้ชุมนุมเลยแม้แต่น้อย
บทบาทของ พ.อ.ร่มเกล้า ย่อมทำให้กลุ่มการเมืองบางฝ่ายไม่พอใจ...
ประการที่สอง การที่นายทหารทั้งสามล้วนเป็นสายเลือด "บูรพาพยัคฆ์" จาก พล.ร.2 รอ. อาจทำให้พวกเขาตกเป็นเป้า เพราะ "บูรพาพยัคฆ์" คือ กลุ่มนายทหารที่ยึดกุมอำนาจแทบจะเบ็ดเสร็จในกองทัพบก ตั้งแต่หัวแถวอย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผบ.ทบ. ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าจ่อเก้าอี้ ผบ.ทบ.คนต่อไป
นอกจากนั้นยังมี พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ต่อแถวอยู่อีกคน และ พล.ต.วลิต ก็คือนายทหารมือดีในกลุ่มที่กำลังก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสำคัญต่อไป...ทั้งหมดล้วนเติบโตมาจากเส้นทางสายเดียวกันทั้งสิ้น
การเติบใหญ่ของกลุ่ม "บูรพาพยัคฆ์" ย่อมทำให้นายทหารจากหน่วยอื่นๆ ไม่พอใจ...
ปฏิบัติการรุนแรงที่สี่แยกคอกวัว กับลูกระเบิดและกระสุนปืนที่พุ่งตรงสู่เป้าหมาย คือ นายทหารหน่วยนี้อย่างแม่นยำ เป็นคำตอบที่คนในวงการฟันธงว่า น่าจะเป็นฝีมือของ "คนมีสี" ด้วยกัน และน่าจะ "สีเดียวกัน"
นี่ยังไม่นับแผนปฏิบัติ "ขอคืนพื้นที่" บริเวณโดยรอบเวทีชุมนุมเชิงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ที่ถูกตั้งคำถามจากผู้มีประสบการณ์ ว่า ทำกันอย่างนี้ได้อย่างไร โดยเฉพาะการเปิดปฏิบัติการในช่วงบ่ายถึงค่ำซึ่งยืดเยื้อโดยใช่เหตุ ซ้ำยังสุ่มเสี่ยงต่อการถูกโจมตีจากมือที่สามเป็นอย่างยิ่ง
"บิ๊กมีสี" บางคนถึงกับฟันธงว่างานนี้น่าจะมี "วางยา" และมี "ไส้ศึก" เสียด้วยซ้ำ...
ฤๅกลุ่ม "บูรพาพยัคฆ์" กำลังถึงคราวอัสดง!
ที่มา.กรุงเทพธุรกิจ
**************************************************
วันอังคารที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2553
ผบ.ทบ.ลั่น-ทางสงบ ต้องยุบสภา
"มาร์ค"โบ้ยผู้ก่อการร้าย แดงแห่18โลงศพทั่วกรุง ฝรั่งชี้เหมือนรัฐบาลพม่า
ส่งสัญญาณ- พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. แถลงเคียงข้าง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ที่ศอฉ. ในร.11 รอ. เสนอยุบสภาแก้วิกฤตปัญหา
"อนุพงษ์"ฟันธงเปรี้ยงนายกฯต้องยุบสภาบ้านเมืองถึงสงบ ผบ.ทบ.ชี้ชัดการเมืองต้องแก้ด้วยการเมืองปัญหาถึงจะจบ ส่วน"มาร์ค-เทือก"ระบุผู้ก่อการร้ายแฝงตัวในม็อบจนทำให้เกิดเหตุรุนแรงขึ้น ขณะที่แกนนำม็อบแดงแห่โลงศพ 18 วีรชนไปทั่วกรุง มีประชาชนออกมาไว้อาลัยกันตลอดทาง ขวัญชัยนำทีมนปช.บุกไปถึงหน้าบ้านมาร์ค แต่ไม่มีเหตุการณ์รุนแรง ส่วนอริสมันต์ก็พาจยย.แดง 200 คันบุกกสท เพราะเชื่อว่าปล่อยสัญญาณรบกวนพีทีวี ก่อนบิ๊กกสท ออกมายืนยันว่าไม่จริงก็สลายตัวไปในที่สุด สธ.ระบุยอดตายมีแค่ 20 ราย พ่อแม่เหยื่อปืนร่ำไห้รับศพ สลดบัณฑิตวิศวะโดนยิงตายก่อนจะแต่งงานเร็วๆนี้ นายกฯญี่ปุ่นจี้รัฐบาลไทยสอบกรณีนักข่าวรอยเตอร์โดนยิงตาย เปิดดูภาพในกล้องนักข่าวยุ่นก่อนเสียชีวิต "จตุพร"สวนกลับทันควันมาร์คเป็นหัวหน้าผู้ก่อการร้าย
เวทีผ่านฟ้าฯคึกคัก-เตรียมแห่ศพ
เมื่อวันที่ 12 เม.ย. ที่เวทีสะพานผ่านฟ้าฯ ตั้งแต่เวลา 07.00 น.มีผู้ชุมนุมมาร่วมชุมนุมอย่างหนาแน่น เนื่องจากแกนนำนปช.มีมตินำศพผู้เสียชีวิตจากเหตุปะทะกันวันที่ 10 เม.ย. เคลื่อนไปตามเส้นทางต่างๆ ทั่วกทม. โดยผู้ชุมนุมบางส่วนเริ่มตั้งขบวนตั้งแต่หน้าเวทีปราศรัยเป็นแถวยาวเหยียดถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มีนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง นายขวัญชัย ไพรพนา นายพายัพ ปั้นเกตุ นำขบวนเคลื่อนไปตามเส้นทาง ตั้งแต่แยกหลานหลวง แยกยมราช แยกเจริญผล ถนนบรรทัดทอง ถนนพระราม 4 แยกอโศก ถนนสุขุมวิท เอกมัย ถนนเพชรบุรี แยกประตูน้ำ แยกราชเทวี แยกนางเลิ้ง ทำเนียบรัฐบาล แยกมิสกวัน ถนนราชดำเนินกลาง สะพานพระราม 8 บางแค และถนนกาญจนาภิเษก
นายสุภรณ์กล่าวย้ำว่า ให้รถยนต์แต่ละคันขับต่อกันเป็นแถวยาวอย่างเป็นระเบียบด้วยความสงบ ห้ามขับแซงเพราะพวกเราเพื่อแสดงความไว้อาลัย วันนี้พื้นที่ชุมนุมและขบวนรถยนต์จะเปิดเพลงเพื่อไว้อาลัยแก่ผู้ที่เสียชีวิตเท่านั้น
จากนั้นเวลา 10.00 น.ผู้ชุมนุมเริ่มเคลื่อนขบวนแห่ไว้อาลัยศพวีรชนเสื้อแดงจากหน้าเวที ขณะเดียวกันนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการนปช. เดินทางจากแยกราชประสงค์มาให้กำลังใจผู้ชุมนุมที่จะเคลื่อนขบวน ผู้ชุมนุมพากันวิ่งเข้ามาจับมือนายณัฐวุฒิและเก็บภาพบรรยากาศอย่างต่อเนื่อง ขณะที่บนเวทียังปราศรัยโดยแกนนำคนอื่นๆ อาทิ นายชินวัฒน์ หาบุญพาด นางไพจิตร อักษรณรงค์ กล่าวโจมตีขับไล่รัฐบาลและนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พร้อมกับกำชับการ์ดนปช.ตรวจตราคนที่เข้าพื้นที่ชุมนุมอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันมือที่ 3 เข้ามาแอบแฝงและก่อเหตุรุนแรง นอกจากนี้ยังประกาศทำความเข้าใจผู้ชุมนุม อย่าข่มขู่ขับไล่สื่อมวลชนอีก เพราะสื่อทุกคนที่อยู่ในพื้นที่ทำหน้าที่ที่ดีที่สุดแล้ว คนเสื้อแดงยินดีต้อนรับสื่อทุกคนและทุกสำนัก ไม่ว่าสื่อไทยและสื่อต่างประเทศ รวมทั้งขอขอบคุณที่สื่อทุกคนที่ลงข่าวเสื้อแดงกับสิ่งเกิดขึ้นในความเป็นจริง
เหวงจวกเทือกป้ายสีม็อบ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากเวทีของกลุ่มนปช. คนเสื้อแดง บริเวณสี่แยกราชประสงค์ ว่า ช่วงเช้าบรรยากาศเงียบเหงา เนื่องจากผู้ชุมนุมบางส่วนยังพักผ่อนกระจายอยู่โดยรอบ ส่วนทางเข้าออกสถานที่ชุมนุมตามจุดต่างๆ ทั้งสถานีไฟฟ้าบีทีเอส ราชดำริ ถนนราชดำริ แยกเพลินจิต ถนนสุขุมวิท แยกประตูน้ำ และด้านหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถนนพระราม 1 มีการ์ดนปช.ประจำเฝ้าระวังบุคคลผ่านเข้าออกอย่างเข้มงวด ขณะที่การจราจรได้เปิดเส้นทางสุขุมวิทขาออก ช่องทางซ้ายสุด เพื่อให้รถยนต์ผ่านไปยังถนนราชดำริได้
ส่วนบนเวทีปราศรัย มีแกนนำ อาทิ น.พ.เหวง โตจิราการ นายก่อแก้ว พิกุลทอง สลับกันขึ้นเวทีสรุปข่าวให้ผู้ชุมนุมรับฟังเป็นระยะ โดยน.พ.เหวงกล่าวโจมตีการกระทำของรัฐบาลที่สั่งทหารปะทะกับประชาชน จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก พร้อมทั้งตอบโต้กรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ที่ระบุคนเสื้อแดงเป็นผู้ยิงอาวุธปืนเอ็ม 79 ทำร้ายทหารว่าไม่เป็นความจริง สิ่งที่นายสุเทพพูดเป็นการใส่ร้ายประชาชน
โวยมาร์คโยนความผิดให้มือที่3
เวลา 10.50 น.แกนนำเสื้อแดง นำโดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ น.พ.เหวง โตจิราการ นายก่อแก้ว พิกุลทอง และ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ อดีตส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชาชน ร่วมกันแถลงข่าว นายจตุพรกล่าวว่า หลังจากส.ส.เพื่อไทยแจ้งความดำเนินคดีกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ตามความผิดมาตรา 157 มาตรา 285 และมาตรา 286 ที่สั่งทหารปะทะกับประชาชนที่ผ่านฟ้าและสี่แยกคอกวัว ทำให้มีคนตาย 21 ศพแล้ว ถือเป็นการก่ออาชญากรรมบนท้องถนน ล่าสุดยังพยายามเพิ่มงบประมาณให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติกว่า 200 ล้านบาทเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสอบสวนเรื่องนี้ อยากฝากบอกว่า หากมาตรวจสอบประเด็นการชุมนุม แต่ละเลยเรื่องรัฐบาลฆ่าคนตาย บ้านเมืองนี้ก็อยู่ไม่ได้
นายจตุพรกล่าวว่า รัฐบาลพยายามทำให้เหมือนเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ 2519 ด้วยการปิดบัง ซ่อนเร้นคนตาย ซึ่งคนเสื้อแดงคาดว่ายอดคนล้มตายน่าจะไม่หยุดอยู่แค่นี้ นอกจากนี้ยังขัดขวางไม่ให้เอาศพมาทำพิธีกรรม ซึ่งรัฐบาลนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่มีการนำอาวุธสงครามปราบปรามประชาชน ทั้งที่รู้ว่า การปราบปรามประชาชนในช่วงมืด สุ่มเสี่ยงจะเกิดการล้มตาย ส่วนที่รัฐบาลใช้สื่อรัฐเบี่ยงเบนประเด็นว่าเป็นฝีมือของมือที่ 3 ทำให้คนตายนั้น การโกหกของนายอภิสิทธิ์อยู่บนความตายของคนเสื้อแดงกว่า 16 ชีวิตแล้ว เก้าอี้ของนายอภิสิทธิ์ร้อนเหมือนเมรุเผาศพที่ดวงวิญญาณของคนตายมา ทวงความยุติธรรม ขอตั้งข้อสังเกตว่าเมื่อมีการปราบปรามประชาชนจนล้มตายก็บอกว่าจะยุบสภาภายใน 3 เดือน 6 เดือน แสดงว่าข้อเรียกร้องของคนเสื้อแดงที่บอกให้ยุบสภาทันที ต้องแลกชีวิตคนเสื้อแดงอีก 36 ศพใช่หรือไม่
ไม่เจรจา-เมิน"ชวน-หนั่น"นั่งนายกฯ
นายจตุพรกล่าวอีกว่า ส่วนที่มีข่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเอานายชวน หลีกภัย ขึ้นมาเป็นนายกฯแทนนาย อภิสิทธิ์นั้นก็ว่ากันไป และที่พรรคชาติไทยพัฒนารอส้มหล่นโดยจะให้พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ที่ปรึกษาพรรค เป็นนายกฯขัดตาทัพนั้น อยากฝากนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาพรรค ยังจำคำพูดตัวเองได้หรือไม่ว่าหากมีประชาชนล้มตายจะแสดงความรับผิดชอบ หากนายบรรหารจะมาเจรจากับแกนนำนปช. ขอให้นายบรรหารลาออกจากพรรคร่วมรัฐบาลก่อนแล้วค่อยมาเจรจา รัฐบาลเป็นผู้สังหารประชาชน เอาอาวุธสงครามมาฆ่าประชาชน เวลานี้วิบากกรรมตกมาอยู่ที่คนสั่งการ เพราะทหารได้รับกรรมไปแล้ว ซึ่งเป็นคนที่สั่งฆ่าประชาชนช่วงเดือนเม.ย.2552 ที่ผ่านมา 2 คนเสียชีวิต อีก 1 คนต้องตัดขา ที่พูดไม่ได้สะใจ แต่อยากแสดงให้เห็นว่าเวรกรรมมีจริง
นายจตุพรกล่าวต่อว่า ยืนยันว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะไม่เจรจากับรัฐบาลอีกแล้ว จะชุมนุมต่อไปจนกว่าจะไม่มีคนชื่ออภิสิทธิ์เป็นนายกฯ รวมถึงนายชวน และพล.ต.สนั่นด้วย ต้องไม่ใช้เลือดของประชาชนเป็นบันไดได้มาซึ่งตำแหน่งนายกฯ กลุ่มคนเสื้อแดงไม่อาจยอมรับกระบวนการนี้ได้ คำเดียวคือยุบสภาคืนอำนาจประชาชน ส่วนคดีต้องว่ากันตามกฎหมาย
ม็อบแดงบุกกสทจี้เชื่อมพีทีวี
ส่วนที่นายสุเทพและผบ.ทบ.แถลงมีผู้ก่อการร้ายแฝงตัวเข้ามาในกลุ่มผู้ชุมนุมนั้น นายจตุพรกล่าวว่า ผู้ก่อการร้าย ก็คือทหาร และหัวหน้าผู้ก่อการร้ายชื่อสุเทพ ถ้านายอภิสิทธิ์และนายสุเทพยังยืนอยู่บนเก้าอี้นี้ต่อไป คงต้องสู้กันให้ตายไปอีกข้างหนึ่ง เพราะคนเสื้อแดงไม่ยอมให้ประชาชนตายเปล่าต้องมีคนรับผิดชอบและต้องมีคนติดคุก
ต่อมาเวลา 12.10 น.นายจตุพรประกาศบนเวทีราชประสงค์ ว่า สาเหตุที่การออกอากาศของสถานีโทรทัศน์พีเพิลแชนแนล มีปัญหามาจากบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด จึงขอกำลังคนเสื้อแดงส่วนหนึ่งไปทวงถามสาเหตุการปิดสัญญาณสถานีโทรทัศน์พีเพิลแชนแนล ที่ตึกบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด ย่านแจ้งวัฒนะ โดยนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง จะเป็นผู้นำขบวนกลุ่มผู้ชุมนุมไปพร้อมกับนายการุณ โหสกุล ส.ส.พรรคเพื่อไทย
เวลา 13.10 น.คณะกรรมการสมาคมนักข่าวนักหนังสือ พิมพ์แห่งประเทศไทย เดินทางไปยังเวทีชุมนุมของกลุ่มนปช. ที่สี่แยกราชประสงค์เพื่อหารือกับแกนนำนปช.เกี่ยวกับการรับประกันสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนในภาคสนาม โดยมี น.พ.เหวง โตจิราการ และนายจรัล ดิษฐาอภิชัย แกนนำนปช.ต้อนรับ น.พ.เหวงยืนยันว่าเคารพการทำงานของสื่อ มวลชนทุกคน และพร้อมให้ความปลอดภัยทั้งที่เวทีผ่านฟ้าลีลาศและราชประสงค์ แกนนำนปช.เข้าใจการทำงานของสื่อว่าเป็นไปตามหน้าที่ โดยย้ำให้ผู้ชุมนุมเข้าใจการทำงานของสื่อ ส่วนกรณีช่อง 11 คนที่มีปัญหา คือนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประสำนักนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่สื่อมวลชนในภาคสนาม
เทือกซัดมีผู้ก่อการร้ายแฝงม็อบ
เวลา 10.30 น. ที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุก เฉิน(ศอฉ.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ในฐานะผู้อำนวยการ ศอฉ. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ร่วมกันแถลงข่าวเป็นครั้งแรกหลังเกิดเหตุปะทะกันระหว่างทหาร และกลุ่มคนเสื้อแดงที่แยกคอกวัว เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รอง ผบ.ทบ. ร่วมรับฟังอยู่ด้านหลัง โดยการแถลงดังกล่าวได้ใช้เวลา 1 ชั่วโมง
นายสุเทพกล่าวว่า หลังจากการปฏิบัติการขอพื้นที่การจราจรคืนให้ชาวกทม.เมื่อวันที่ 10 เม.ย. และเกิดเหตุมีผู้ก่อการร้ายแฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมและใช้อาวุธสงครามทั้งเอ็ม 79 เอ็ม 16 อาก้า ระเบิดขว้างเต็มรูปแบบ ขว้างเข้าใส่เจ้าหน้าที่เป็นเหตุให้ทหาร พลเรือน ผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บเสียชีวิต ซึ่งเราเสียใจ หลังจากเหตุการณ์นั้นยังมีความพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง ปล่อยข่าวลือ ข่าวหลอก ทำให้ประชาชนสับสนหลายเรื่อง จึงต้องมาทำความจริงให้ปรากฏและแก้ไขความเข้าใจผิดทุกประเด็น เพราะถ้าปล่อยไปจะกลายเป็นความร้าวฉานของผู้บริโภคข่าวที่ผิดๆ
นายสุเทพ กล่าวว่า การที่ปล่อยข่าวว่าการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่เมื่อวันที่ 10 เม.ย. เป็นการประเมินสถานการณ์ที่ผิดพลาดของรัฐบาล หาว่ารัฐบาลกดดันทหารให้ปฏิบัติการโดยบังคับไม่ให้ใช้อาวุธนั้น ตนอยากชี้ให้เห็นว่าทั้งหมดนี้เป็นภาพที่เขาวาดขึ้น ภาพแรกเพื่อโยนความผิดให้รัฐบาล นายกฯ ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ มีคนเสียชีวิต มุ่งใช้คำว่ารัฐบาลต้องการสลายการชุมนุมและเป็นเหตุให้เกิดปะทะ เสียชีวิต เมื่อภาพนี้ปล่อยไปไม่สำเร็จ วันนี้มาปล่อยข่าวเพื่อมุ่งว่ารัฐบาลบีบบังคับทหารและทำให้ทหารเสียชีวิต ซึ่งไม่จริง
ยันไม่ผิด-มีจนท.สูญเสียมาก
นายสุเทพ กล่าวว่า ในการทำงานที่ศอฉ. มีคณะกรรมการหลายสิบคน ทั้งฝ่ายการเมือง ข้าราชการจากทุกกระทรวง มีมากกว่าทหาร และกว่าที่เราจะดำเนินการ มีการหารือในศอฉ. อย่างละเอียด ซึ่งนโยบายที่นายกฯมอบให้ศอฉ. ไปปฏิบัติคราวนี้ มีเพียงให้เราคิดหาวิธีเอาพื้นที่บางส่วนคืนกลับมาให้ประชาชน เพราะการที่ผู้ชุมนุมยึดพื้นที่ไว้นานๆ คนกทม.เดือดร้อนมาก พื้นที่ที่เขายึดไว้ ไม่ได้ใช้ชุมนุมทั้งหมด มีคน 2,000-3,000 คน แต่ยึดพื้นที่ตั้งแต่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยถึงรัฐสภาอย่างนี้มันมากเกินไป ศอฉ.จึงประชุมเพื่อกำหนดวิธีการปฏิบัติ
"ถ้าถามว่าผมทำผิดอะไร ผมสารภาพว่าความผิดพลาดของผมคือผมและเพื่อนร่วมงานที่ศอฉ.ไม่คิดมาก่อนว่าในกลุ่มผู้ชุมนุมจะมีคนที่ใช้อาวุธหนักมายิงใส่ทำร้ายเจ้าหน้าที่โดยไม่คำนึง ว่าจะมีลูกหลงถูกพลเมืองผู้บริสุทธิ์ ผมไม่คาดคิดว่าในกลุ่มผู้ชุมนุมจะมีเอ็ม 79 เอ็ม 16 อาก้า ระเบิดขว้าง เมื่อเราเริ่มปฏิบัติการตั้งแต่ต้น พอถึงสะพานมัฆวานส่วนหนึ่งเราหยุดแล้ว และกำลังส่วนอื่นที่เข้าไปด้านอื่น พอถึงเวลา 6 โมงเย็นไปแล้วก็หยุดอยู่กับที่แล้ว เตรียมจะถอนกลับ ช่วงจังหวะนั้นได้เกิดการระดมยิงเจ้าหน้าที่ อย่างหนักหน่วง เจ้าหน้าที่ถึงสูญเสียมาก" นายสุเทพกล่าว
รองนายกฯ กล่าวว่า วันที่ 11 เม.ย. ตนได้พูดกับนายดาบตำรวจที่วิ่งไปแล้วแย่งปืนจากกลุ่มคนที่เคลื่อนเข้าไปทำร้ายทหาร ได้ยึดปืนเอ็ม 79 เขาให้การชัดเจนว่ามีมาเป็นชุด ชุดที่เขาเผชิญหน้านั้นมี 5 คน ถือเอ็ม 16 จำนวน 3 คน ถืออาก้า 1 คน ถือเอ็ม 79 จำนวน 1 คน เขากระโดดปลุกปล้ำเอาปืนเอ็ม 79 มาได้ ส่วนพวกที่ถือเอ็ม 16 กับอาก้าก็วิ่งเข้าไปในกลุ่มเสื้อแดง และเข้าไปต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ นี่คือสิ่งที่ตนได้พบกับตัวเองและมีตัวตน สิ่งนี้ศอฉ.ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ไม่คิดว่าประเทศไทยในกลุ่มผู้ชุมนุมจะมีกลุ่มที่คิดเข่นฆ่าเจ้าหน้าที่รัฐด้วยความรุนแรงเสมือนอยู่ในสงครามเช่นนี้
ประวิตรด่าแหลกคนนอกคอก
ด้านพล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ในฐานะรองผอ.ศอฉ. และเป็นหนึ่งในคณะกรรมการทำงาน ทุกขั้นตอนดำเนินการตามที่ผอ.ศอฉ.กล่าว ตั้งแต่ฝ่ายข่าวทุกส่วน คือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทหาร ตำรวจ จะเอาข่าวสารต่างๆ มาร่วมกัน ชี้แจงให้ศอฉ.ทราบ จากนั้นผู้บัญชาการทุกคนจะร่วมกันพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรในเรื่องการขอพื้นที่คืนตามที่นายกฯให้นโยบายมา ซึ่งการข่าวของเจ้าหน้าที่ที่รับฟังจากประชาชนและแกนนำกลุ่มเสื้อแดงบอกว่าจะใช้วิธี สันติอหิงสาและไม่ใช้อาวุธสงคราม ไม่ใช้ความรุนแรง เช่นเดียวกันทหารก็ไม่อยากใช้ความรุนแรง พล.อ.อนุพงษ์ ได้ดำเนินการให้ทหารที่ต้องปะทะกับประชาชนมีเพียงโล่ กระบอง เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองเจ็บ แต่อีกส่วนหนึ่ง เราไม่คาดคิดคือมีผู้ใช้อาวุธสงครามกับเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ว่าปืนเอ็ม 79 ระเบิดที่โยนเข้ามากลางวงทหารบาดเจ็บทีเดียว 30 คน
"ทหารที่ไม่ได้ถืออาวุธก็อยู่ข้างหน้าและที่ถืออาวุธเพื่อป้องกัน เราไม่คาดคิดว่าเขาจะใช้อาวุธ ดังนั้นต้องแยกให้ออกว่าพวกนั้นเป็นกลุ่มใดจะเอาไปรวมกับประชาชนไม่ได้ ทหารไม่คิดทำร้ายประชาชน แต่คิดว่าจะทำยังไงให้ประชาชนปลอดภัย แต่สิ่งที่เราโดนคือคนนอกคอก ทำให้ทหารและประชาชนไม่เข้าใจกัน จุดนี้รัฐบาลบอกทหารว่าเขาจำเป็นต้องดำเนินการรุนแรงกับบุคคลที่อยู่นอกกฎหมายนี้อย่างเด็ดขาด เราประเมินสถานการณ์ตลอดเวลา เราไม่ได้ละเลย นายกฯและทหารทุกเหล่าทัพคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชน เจ้าหน้าที่ทำงานมีขั้นตอน แม้จะมีปะทะก็มีกฎการปะทะว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่สิ่งที่แปลกปลอมเข้ามาขณะนี้ คือคนจำพวกหนึ่งที่มีไม่มาก คนพวกนี้ต้องดำเนินการอย่างเฉียบขาด" พล.อ.ประวิตรกล่าว
บน-สะใจ - ม็อบเสื้อแดงหลายหมื่นคนที่ชุมนุมอยู่ตรงสี่แยกราชประสงค์ ชูกำปั้นร้องตะโกนดีใจดังสนั่นหวั่นไหว หลังแกนนำประกาศว่ากกต.มีมติยุบพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 12 เม.ย.
ล่างซ้าย-แห่ศพ- ขบวนรถคนเสื้อแดงเคลื่อนออกจากเวทีผ่านฟ้าฯ ตั้งแต่เช้าวันที่ 12 เม.ย. แห่ 18 ศพเหยื่อสลายการชุมนุมบริเวณถนนราชดำเนินเมื่อวันที่ 10 เม.ย. ไปทั่วกทม.
ล่างขวา-แห่แล้วเฮ - คนเสื้อแดงหลายหมื่นแห่ 18 ศพเหยื่อสลาย 10 เม.ย.ไปทั่วกรุง ขณะที่ผู้ชุมนุมสะพานผ่านฟ้าฯ ไชโยโห่ลั่น หลังแกนนำประกาศว่ากกต.มีมติยุบพรรคประชาธิปัตย์เรียบร้อย เมื่อวันที่ 12 เม.ย.
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เราต้องช่วยกันหาพวกนอกกฎหมายมาให้ได้ ตอนนี้การเจรจาจำเป็นมาก พวกที่ทำให้ประชาชนและเจ้าหน้าที่เสียชีวิตโดยการใช้อาวุธสงครามนั้น ถือว่าไม่ดีมากๆ ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ว่าอาวุธต่างๆ เหล่านั้นมาจากไหน และต้องจับกุมตามกฎหมาย เมื่อถามว่าจะจัดชุดไล่ล่าในทางลับหรือไม่ พล.อ. ประวิตร กล่าวว่า ไม่ทราบ เมื่อถามถึงการขอคืนพื้นที่จะมีขึ้นอีกหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า จะมีอีกหรือไม่เป็นนโยบายของรัฐบาล คณะกรรมการศอฉ.ตอบไม่ได้
ป๊อกเปรี้ยงยุบสภา-บ้านเมืองสงบ
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กองทัพไม่ได้ใช้อาวุธทำร้ายประชาชน แต่มีการใช้อาวุธสงครามในเหตุการณ์ ซึ่งถ้าทหารจะปราบจริงก็ทำได้ แต่ทหารไม่ต้อง การทำร้ายประชาชนที่เป็นคนไทยด้วยกัน และยืนยันทหารไม่ได้แตกแยกกับรัฐบาล และทหารไม่ได้แตกแยกกันเอง แต่ถ้ามันมี 5 คน 10 คนที่ออกไป ทหารที่รีไทร์ไปแล้วใครเลี้ยงไว้ยังไงก็มี อย่างนี้ไม่ใช่ความแตกแยกในหมู่ทหาร
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ตนคงไม่ยอมให้ยึดพื้นที่อยู่อย่างนั้น แต่คิดว่าถ้าทางการเมืองหลายฝ่ายออกมา ซึ่งตอนนี้มันบังคับให้กลับไปสู่การเมือง ซึ่งการเมืองเดิมทำกันอยู่ แต่มันไปหยุดอยู่ที่จุดๆหนึ่ง ตนประเมินว่ามันต้องกลับไปที่การเมืองและต้องจบที่นั่น พอใจไม่พอใจก็ต้องหยุดและสังคมต้องเป็นตัวตัดสิน ถ้าถึงจุดนั้นการเมืองและสังคมจะทำให้ทุกอย่างจบได้ ซึ่งปัญหาการเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง
เมื่อถามว่าควรจบด้วยการเจรจาและนำไปสู่การยุบสภาใช่หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ถ้าการเมืองเขาแก้กันไม่ได้ เข้าใจว่าเรื่องประ เด็นการยุบสภา ตนเข้าใจว่าต้องยุบ คิดว่ามันต้องจบด้วยการยุบ ส่วนจะยุบเมื่อไหร่เขาไปเจรจาเพื่อให้เกิดกรอบเวลา มันมีเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญด้วย แต่เข้าใจว่ามันคงไปจบที่ยุบสภา หรือบางคนมาเสนอใหม่ว่าเป็นรัฐบาลแห่งชาติ ก็ว่ากันเองแล้วกัน ขอให้สงบก็พอ
ส่วนที่มีคนมองว่ากองทัพไม่ยอมทำอะไรเพราะผบ.ทบ.ประคองตัวเนื่องจากใกล้เกษียณอายุราชการนั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า สิ่งที่ตนทำมาตลอดไม่เคยคิดเช่นนั้น ตนจะดูตามสิ่งที่ควรกระทำ ประเทศชาติได้ประโยชน์ กองทัพไม่เสียหายตนก็ทำ ซึ่งไม่กลัวว่าจะโดนปลด จะ 3 เดือน 5 เดือนมันไม่ใช่ประเด็น กองทัพเพียงแต่หวังต้องการให้เกิดความสงบในบ้านเมือง (อ่านรายละเอียดน.3)
มาร์คแถลงแฉผู้ก่อการร้าย
ต่อมาเวลา 14.05 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แถลงการณ์ที่ศาลากิตติสุข โดยฉากหลังมีการตกแต่งด้วยพื้นสีฟ้า มีรูปพานรัฐธรรมนูญขนาดใหญ่อยู่ด้านขวา ด้านซ้ายเป็นรูปพานรัฐธรรมนูญที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยโดยนายกฯ ใช้เวลาเพียง 5 นาทีในการแถลง ซึ่งวันนี้สีหน้านายกฯ สดใสขึ้น
นายอภิสิทธิ์ แถลงว่าการรายงานสถาน การณ์ในแนวทางการดำเนินงานของรัฐบาลต่อปัญหาสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนั้น ขอเรียนประชาชนว่า หลังเกิดเหตุการณ์ 10 เม.ย.ที่ผ่านมาต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ประชาชนจะได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารมากขึ้นโดยลำดับ ทำให้เห็นเหตุการณ์ชัดเจนมากว่าเหตุการณ์ในวันนั้นเกิดขึ้นอย่างไร จากภาพรวมเราเริ่มมองเห็นชัดเจนแล้วว่ามีบุคคลจำนวนหนึ่งซึ่งถือว่าเป็นผู้ก่อการร้าย อาศัยการที่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่มาชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยและปัญหาความไม่ยุติธรรมเป็นเครื่องมือเพื่อก่อความไม่สงบในบ้านเมือง หวังผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ รัฐบาล ทุกหน่วยงานตลอดจนเจ้าหน้าที่ รวมถึงศอฉ. จึงกำหนดมาตรการดำเนินงานต่อไป มุ่งแยกแยะกลุ่มก่อการร้ายดังกล่าวออกจากประชาชนผู้บริสุทธิ์ อยากจะเรียกร้องประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่าได้เข้าร่วมหรือเป็นเครื่องมือกระบวนการนี้ เมื่อเราได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นจะสามารถกำหนดมาตรการให้เหมาะสมต่อไปในส่วนของการแก้ไขปัญหาความไม่สงบที่เกิดขึ้น
โต้พรรคร่วมเตรียมสละเรือ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าในส่วนของปัญหาข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมในเรื่องความไม่ยุติธรรมหรือประชาธิปไตยนั้นเป็นปัญหาที่ต้องแก้โดยฝ่ายการเมือง ตน รัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลหารือกันอย่างต่อเนื่อง นำเอาข้อเสนอที่ตนใช้ในการเจรจากับแกนนำนปช.ก่อนเกิดสถาน การณ์ฉุกเฉินมาเร่งรัดในการปรับเพื่อนำเสนอเป็นคำตอบในทางออกสำหรับการแก้ปัญหาหาทางการเมืองต่อไป การดำเนินการทั้งสองส่วนคือการบริหารและแก้ไขสถานการณ์ที่จำเป็นต้องแยกแยะให้ชัดเจนระหว่างประชาชนผู้บริสุทธิ์ กับบรรดากลุ่มผู้ก่อการร้ายและความไม่สงบ การแก้ไขทางการเมืองจะต้องดำเนินการคู่ขนาน ขณะนี้ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล กองทัพ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ตลอดจนพรรคร่วมรัฐบาลดำเนินการอย่างเป็นเอกภาพ สอดคล้องกันเพื่อมุ่งมั่นนำไปสู่การแก้ไขปัญหาความไม่สงบที่เกิดขึ้นทั้งหมด
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 เม.ย.นั้น ต้องประมวลตรวจสอบข้อเท็จจริง ถ้ามีความชัดเจนต้องแสดงความรับผิดชอบรัฐบาลจะตั้งคณะกรรมการประมวลเหตุการณ์ เช่นเดียวกับที่เคยดำเนินการหลังเหตุการณ์เดือนเม.ย.52 และพร้อมร่วมมือกับกระบวนการตรวจสอบที่ดำเนินการโดยองค์กรที่มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงและเป็นอิสระ เช่น คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ ขณะเดียวกันการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ทั้งผู้สูญเสีย บาดเจ็บ ไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายใดจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องรวมถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นในทางเศรษฐกิจกับบรรดาผู้ประกอบการ
"รัฐบาลจะเดินหน้าสะสางปัญหาต่างๆ ตามแนวทางอย่างรวดเร็วที่สุด และขอความร่วมมือจากประชาชนอีกครั้งในการสนับสนุนรัฐบาลดำเนินการตามแนวทางดังกล่าว" นายอภิสิทธิ์กล่าว
ตู่สวน"มาร์ค"หน.ก่อการร้าย
หลังจากที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวไม่ลาออกจากตำแหน่ง โดยจะให้ตั้งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) หรือตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมาสอบสวนกรณีที่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากเหตุปะทะระหว่างทหารและกลุ่มคนเสื้อแดงเหมือนช่วงสงกรานต์ 52 นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. ขึ้นเวทีปราศรัยกล่าวโจมตีนายอภิสิทธิ์ ว่า เหตุการณ์เมื่อเดือนเม.ย.52 ยังไม่มีข้อเท็จจริงอะไรออกมา ทั้งกรณีการยึดรถแก๊ส รถเมล์ หรือกรณีที่ถนนเพชรบุรี ที่ปะทะกับชาวบ้านมัสยิด รวมถึงย่านนางเลิ้งนั้น ที่มีคณะกรรมการขึ้นมาสอบแต่ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ เพราะคนที่เป็นตัวการคือนายอภิสิทธิ์ ดังนั้นการที่ระบุว่าจะตั้งกรรมการขึ้นมาสอบสวนถือเป็นการซื้อเวลาของฆาตกร ทรราช ซึ่งเราไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมา
นายจตุพรกล่าวว่า ส่วนกรณีที่พล.อ.อนุพงษ์ระบุว่า ปัญหาการเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง โดยนายกฯควรยุบสภานั้น ท่าทีของพล.อ.อนุพงษ์แสดงความชัดเจนออกมาระดับหนึ่ง และเข้าใจได้ว่าเป็นคำขู่ของทหารที่ไม่เห็นด้วยกับการปราบปรามประชาชน สำหรับกรณีที่กล่าวหาว่าคนเสื้อแดงใช้ปืนเอ็ม 79 ยิงทหาร ต้องถามกลับว่าแล้วการที่เอาสไนเปอร์ ปืนติดลำกล้องยิงระยะไกล ไปตั้งอยู่บริเวณโรงเรียนสตรี วิทยา สี่แยกคอกวัว เพื่อยิงหัวคนเสื้อแดง ดังนั้นที่มีการกล่าวหาว่าเสื้อแดงเป็นผู้ก่อการร้ายนั้นเป็นการพยายามบิดเบือนของนายกฯ หัว หน้าคนก่อการร้ายก็คือนายอภิสิทธิ์ ภารกิจเรายังไม่จบเพราะต้องต่อสู้กับฆาตกรต่อไป ต่อจากนี้ขอส่งสัญญาณว่านายอภิสิทธิ์อยู่ที่ไหน คนเสื้อแดงมีหน้าที่ต้องนำนายอภิสิทธิ์ส่งตำรวจฐานฆ่าประชาชน
ม็อบแดงแห่ 18 โลงศพไปทั่วกรุง
ผู้สื่อข่าวรายงานจากเวทีสะพานผ่านฟ้าฯว่า เวลา 10.00 น. กลุ่มคนเสื้อแดงได้ตั้งขบวนรถเพื่อแห่โลงศพวีรชน 10 เม.ย.ที่เสียชีวิตจำนวน 18 ราย โดยจัดขบวนรถมอเตอร์ไซค์นับพันคันนำขบวน ตามด้วยรถ 6 ล้อของแกนนำนปช. ที่มีนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ และนายเจ๋ง ดอกจิก ยืนปราศรัยอยู่บนรถ ตามด้วยรถปิกอัพ 16 คัน ที่มีโลงศพเปล่าคลุมด้วยธงชาติ พร้อมภาพผู้เสียชีวิตและพวงหรีด มีญาติผู้เสียชีวิตนั่งอยู่บนรถด้วย โดยได้เคลื่อนขบวนออกจากเวทีสะพานผ่านฟ้าฯ มุ่งออกไปแยกยมราช มุ่งไปตามถนนเพชรบุรี เลี้ยวขวาเข้าถนนบรรทัดทอง และเลี้ยวซ้ายตรงไปทางถนนพระราม 4 ผ่านสี่แยกคลองเตย เข้าคลองตัน และตรงเข้าถนนราม คำแหง ผ่ายแยกลำสาลี เลี้ยวเข้าถนนลาดพร้าว ตรงเข้าถนนพหลโยธิน ผ่านอนุสาวรีย์ชัยสมร ภูมิ เข้าประตูน้ำ มุ่งเข้าถนนอโศกมนตรี ก่อนจะเลี้ยวขวาเข้าถนนสุขุมวิท เลี้ยวซ้ายเข้าถนน วิทยุ ออกพระราม 4 เลี้ยวเข้าสีลม เจริญกรุง เยาวราช และกลับมาที่เวทีปราศรัยผ่านฟ้าในเวลา 15.00 น. โดยใช้เวลาเคลื่อนขบวนนาน 5 ชั่วโมง มีขบวนยาวเหยียดหลายกิโลเมตร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างขบวนเคลื่อนผ่านตึกยูเอ็มทาวเวอร์ คลองตัน ปรากฏว่ามีผู้ไม่พอใจได้ขว้างขวดกาแฟพลาสติกจากบนตึกลงมาที่ถนน ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมไม่พอใจ แหงนหน้าขึ้นไปบนตึก พยายามหาตัวคนโยนขวดดังกล่าวลงมาแต่ไม่พบ จากนั้นสักครู่ เมื่อขบวนเคลื่อนมาถึงด้านหน้าการไฟฟ้านครหลวง คลองตัน ปรากฏว่ามีกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วย ได้ออกมาตะโกนด่าทอจากบนตึก ทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงปรี่จะบุกเข้าไปเอาเรื่อง แต่ถูกการ์ดนปช.ห้ามไว้
เรียกร้องให้ไว้อาลัยกับวีรชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อขบวนเคลื่อนผ่านที่ทำการทีวี 2 ช่อง คือช่อง 3 ถนนพระราม 4 กลุ่มผู้ชุมนุมได้โห่ไล่ช่างภาพของสถานีที่พยายามลงมาบันทึกภาพ ทำให้ช่างภาพต้องล่า ถอยไป และเมื่อมาถึงถนนพหลโยธิน บริเวณหน้าทีวีช่อง 5 กองทัพบก กองทัพมอเตอร์ไซค์ได้หยุดรถพร้อมส่งเสียงโห่ดังลั่น และขว้างขวดน้ำพลาสติกเข้าไปที่ป้อมด้านในที่มีทหารยืนตรึงกำลังอยู่ และตะโกนด้วยความไม่พอใจว่าสื่อไม่เป็นกลาง บิดเบือนการเสนอข่าวการสลายการชุมนุม รัฐบาลฆ่าประชาชน
เมื่อขบวนรถเคลื่อนมาถึงหน้าโรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก ถนนเจริญกรุง ปรากฏว่ากลุ่มคนเสื้อแดงหลายคนเข้าไปฉีกป้ายผ้าที่มีข้อความว่า "ชาวเจริญกรุงไม่สนับสนุนความรุนแรง" ทิ้งด้วยความไม่พอใจ นอกจากนี้ยังเข้าไปฉีกกระดาษที่เขียนข้อความ "หยุดทำร้ายชาติ" ติดอยู่ที่เสาไฟฟ้าข้างถนนด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
นายสุภรณ์ ปราศรัยบนรถว่า การเคลื่อนขบวนวันนี้เราไม่ได้เอาศพมาประจาน แต่อยากให้พี่น้องมาร่วมแสดงความเสียใจ และไว้อาลัยแก่วีรชนผู้เสียสละชีวิต เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินให้เป็นประชาธิปไตย นี่คือฝีมือของรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ที่สั่งทหารฆ่าประชาชน
คนเสื้อแดงร่ำไห้-แห่บริจาคเงิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดการเคลื่อนขบวนนั้น นายสุภรณ์ได้ตะโกนว่า "นายอภิสิทธิ์ฆ่าประชาชน นายอภิสิทธิ์เป็นฆาตกร" ตลอดการเคลื่อนขบวน นอกจากนี้หลายจุด อาทิ คลองเตย บิ๊กซี ลาดพร้าว มีกลุ่มคนเสื้อแดงในพื้นที่ได้ออกมาปรบมือให้กำลังใจพร้อมนำน้ำดื่มมามอบให้ผู้ร่วมขบวน นอกจากนี้บางเส้นทางที่ขบวนรถเคลื่อนผ่าน มีคนเสื้อแดงบางคนถึงกับร่ำไห้ออกมากับการเสียชีวิตของวีรชนคนเสื้อแดง บางคนยืนไว้อาลัย บางคนตะโกนแสดงความ เสียใจ และยังมอบเงินร่วมทำบุญด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับศพวีรชนที่นำมาแห่ครั้งนี้มีจำนวน 18 ศพ โดยนำโลงศพตั้งบนรถกระบะคันละ 1 ศพ แต่ละศพมีพวงหรีดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ และอดีตส.ส.พรรคไทยรักไทย โดยมีญาติของผู้เสียชีวิตร่วมขบวนไปด้วย ทั้งนี้ขบวนแถวหน้าจะเป็นรถจักรยานยนต์กว่า 500 คัน ตามด้วยรถโมบายบรรทุกเครื่องขยายเสียง 6 ล้อโดยมีนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ เจ๋ง ดอกจิก อยู่บนรถ ตามด้วยขบวนรถกนะบะบรรทุกศพวีรชนจำนวน 18 ศพ ทั้งนี้ศพอยู่เพียง 2 ศพ ส่วนที่เหลือเป็นโลงเปล่าโดยมีรูปภาพตั้งอยู่ด้วยพร้อมพวงหรีด และปิดท้ายด้วยรถบรรทุก 6 ล้อและรถกลุ่มคนเสื้อแดง รถจักรยานยนต์ รวมแล้วกว่า 1 หมื่นคน
ขวัญชัยบุกไปถึงหน้าบ้านมาร์ค
ระหว่างทางนายสุภรณ์ ได้สั่งให้เปิดเพลงธรณีสรรแสงไว้อาลัยให้คนเสียชีวิตตลอดทาง เริ่มจากสะพานผ่านฟ้า เคลื่อนไปถนนหลาน หลวง ยมราช เลี้ยวขวาแยกเพชรพระราม เข้าถนนบรรทัดทอง เลี้ยวขวาถนนพระราม 4 มุ่งหน้าแยกศาลาแดง และเข้าเส้นสุขุมวิท จากนั้นวกกลับเข้ามาเส้นถนนรามคำแหง ลำสาลี ลาด พร้าว อิมพีเรียล จตุจักร สะพานควาย อนุ สาวรีย์ชัยฯ ก่อนจะไปเยาวราช จากนั้นไปถนนเพชรบุรี ตรงมายังสะพานผ่านฟ้า ก่อนจะนำโลงศพทั้งหมดไปตั้งอยู่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิป ไตยเพื่อสวดศพเป็นคืนที่ 2
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงที่ขบวนเคลื่อน ออกไป กลุ่มนายขวัญชัย ไพรพนา ได้แยกออกจากขบวนเพื่อเดินทางไปยังหน้าบ้านของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ที่ซอยสุขุมวิท 31 โดยเมื่อไปถึงได้พบกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลดักอยู่บริเวณปากซอยสุขุมวิท ขณะที่หน้าบ้านพักก็มีกำลังตำรวจคอมมานโด พร้อมนำลวดหนามมากั้นรอบบ้านพร้อมรั้วเหล็กเพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มเสื้อแดงบุกเข้าไป ซึ่งหลังจากที่กลุ่มเสื้อแดงมาถึงได้มีการเจรจากัน โดยนายขวัญชัยได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ขอให้เปิดทางเพื่อเข้าไปปราศรัยที่หน้าบ้านนายกฯ ถึงเหตุการณ์สลายการชุมนุม โดยเจรจากันนาน 10 นาที เจ้าหน้าที่จึงค่อยๆถอนร่นไปอยู่ตรงแยกหน้าบ้าน นายกฯ จากนั้นแกนนำได้ปราศรัยอยู่ประมาณ 20 นาที ก่อนจะเคลื่อนตัวกลับเวทีสะพานผ่านฟ้า โดยไม่มีเหตุรุนแรงใดๆ ก่อนขบวนผู้ชุมนุมเดินทางกลับไปที่เวทีสะพานผ่านฟ้าฯ
คดีนักข่าวญี่ปุ่น -พ.ต.อ.จุน มารุยาม่า ตำรวจสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เข้าพบพล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 เพื่อติดตามคดีนายฮิโรยูกิ มูราโมโต้ ผู้สื่อข่าวญี่ปุ่นเสียชีวิตในเหตุการณ์สลายม็อบเสื้อแดง
อดิศรแฉเติ้งขอเวลาอีก6เดือน
ต่อมาเวลา 15.00 น. นายอดิศร เพียงเกษ แกนนำนปช. ปราศรัยที่เวทีสะพานผ่านฟ้าลีลาศว่า วันนี้นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย โทรศัพท์มาหาตน โดยการประ สานงานของนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรองหัวหน้าพรรคชาติไทย ซึ่งตนบอกนายบรรหารว่าขอให้ถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ แต่นายบรรหารบอกว่าไม่ได้ ขอเวลา 6 เดือนได้หรือไม่ เพราะมีสัจจะ อยู่กับใครจะอยู่กับคนนั้น ตนบอกไปว่า แต่ตอนนี้มีคนตายเป็นจำนวนมากแล้วนายบรรหารจะมีสัจจะไปทำไม เพราะตอนนี้ไม่สามารถพึ่งอดีตนายกฯได้ ดังนั้นขอให้คนสุพรรณฯ จำไว้ให้ดี
ก่อนหน้านี้เวลา 13.30 น. ที่ด้านหลังเวทีสะพานผ่านฟ้าฯ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 ได้มาพบกับแกนนำนปช. โดยเจรจากับนายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย เพื่อขอรถยนต์ของทหารคืนจำนวน 40 คันที่ถูกกลุ่มคนเสื้อแดงยึดไว้ทุกจุดในพื้นที่ชุมนุม ต่อมาพล.ต.ต.วิชัยได้เดินทางไปยังสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า เพื่อแจ้งให้การ์ดนปช. อำนวยความสะดวกให้เจ้าหน้าที่ทหาร เนื่องจากสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าเป็นเส้นทางเสด็จและเส้นทางการจราจรสายสำคัญ จึงควรเร่งเปิดภายในวันนี้เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความตึง เครียดและเดือดร้อน อย่างไรก็ตาม พ.ท.คมกฤช อินทร หน.กยข. ขสทบ. เป็นตัวแทนรับรถยนต์ทหารคืน จากนั้นพ.ท.คมกฤช จะเดินทางไปยังจุดต่างๆ เพื่อนำรถยนต์ของทหารคืน อย่างไรก็ตาม รถทหารจะถูกนำส่งศูนย์ซ่อมสร้าง กรมสรรพาวุธทหารบก จ.ปทุมธานี ส่วนรถยนต์ของเอกชนจะนำไปยังสน.ในพื้นที่เพื่อสอบสวนว่ามาอยู่ในที่เกิดเหตุได้อย่างไร
นายกฯยุ่นจี้ไทยสอบนักข่าวตาย
ที่บก.น.1 พ.ต.อ.จุน มารุยาม่า เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำสถานทูตญี่ปุ่น ประจำประเทศไทย พร้อมล่ามชาวญี่ปุ่น เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 เพื่อสอบ ถามและติดตามความคืบหน้ากรณีการเสียชีวิตของนายฮิโรยูกิ มูราโมโต้ ผู้สื่อข่าวญี่ปุ่นของสำนักข่าวรอยเตอร์ ภายหลังเหตุการณ์ปะทะของกลุ่มคนเสื้อแดงและเจ้าหน้าที่ทหารเป็นเหตุให้เสียชีวิต ที่แยกคอกวัว เมื่อค่ำวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดแต่อย่างใด
สำนักข่าวซินหัวประจำกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น รายงานว่า นายยูกิโอะ ฮาโตยามะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ให้สัมภาษณ์ก่อนออกเดินทางไปร่วมประชุมความมั่นคงด้านนิวเคลียร์ ณ กรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ถึงกรณีนายฮิโร มูราโมโตะ ชาวญี่ปุ่น วัย 43 ปี ผู้สื่อข่าวและช่างภาพโทรทัศน์ สำนักข่าวรอยเตอร์ ซึ่งถูกยิงตายขณะทำข่าวทหารไทยปะทะม็อบเสื้อแดงบริเวณถนนราชดำเนิน ว่า ขอความแสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตของนายมูราโมโตะและขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยสืบสวนหาสาเหตุที่เกิดขึ้น พร้อมกับเพิ่มมาตรการดูแลความปลอดภัยของพลเมืองญี่ปุ่นในไทย และหาทางยุติความวุ่นวายภายในประเทศโดยเร็วที่สุด ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไทย ส่งจดหมายส่วนตัวถึงนายฮาโตยามะเมื่อวันอาทิตย์ มีเนื้อหาให้คำมั่นว่าจะเปิดการสอบสวนหาสาเหตุการตายของนายมูราโมโตะ
พม.ทุ่ม 50 ล้านเยียวยา
ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) บ้านราชวิถี นายอิสสระ สมชัย รมว.การพัฒนาสังคมฯ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการศูนย์เยียวยาช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ว่า ข้อมูลจากศูนย์เอราวัณแจ้งจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุปะทะเมื่อวันที่ 10 เม.ย.มี 863 ราย จำนวนนี้เสียชีวิต 21 ราย ยังรักษาตัวที่โรงพยาบาล 312 ราย และกลับบ้านรักษาตัว 530 ราย ทางศูนย์ฯพร้อมให้การช่วยเหลือเยียวยาทุกราย รวมถึงผู้สื่อข่าวชาวญี่ปุ่นด้วย โดยจะนำเงินจากการเยียวยาช่วยเหลือเหตุการณ์ความไม่สงบเมื่อเดือนต.ค.2551 ที่ยังคงเหลือ 25 ล้านบาทมาดำเนินการ เงินดังกล่าวหากคำนวณจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตแล้วยังขาดอีก 12 ล้านบาท ดังนั้น จะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 20 เม.ย.นี้ เพื่อขอ งบกลาง สำรองเพิ่มอย่างน้อยอีก 25 ล้านบาท รวมของเดิมเป็น 50 ล้าน เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ และคาดว่าจะเบิกจ่ายงวดแรกให้กับผู้เสียหายได้กลางเดือนพ.ค.นี้
นายอิสสระ กล่าวว่า ผู้ได้รับความเสียหายหรือญาติ ยื่นขอรับการช่วยเหลือได้ที่ศูนย์เยียวยาฯ ตั้งอยู่ที่สำนักคุ้มครองสวัสดิภาพชุมชน ภายในบริเวณสถานสงเคราะห์เด็กหญิงบ้านราชวิถี ถ.ราชวิถี เขตราชวิถี กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 12 เม.ย.เป็นต้นไป โดยได้ประสานให้เจ้าหน้าที่คอยรับเรื่องไว้ตลอด 24 ช.ม.ไม่มีวันหยุดราชการ โทร.0-2354-3140-1, 0-2306-8957-8 หรือศูนย์ประชาบดี 1300 หากยื่นเอกสารให้ติดต่อในเวลา 08.00-18.00 น. โดยเมื่อวันที่ 11 เม.ย.มีผู้มาติดต่อขอรับความช่วยเหลือแล้ว 5 ราย แยกเป็นผู้บาดเจ็บ 4 ราย และญาติผู้เสียชีวิต 1 ราย รวมทั้งประสานขอให้ส่งกลับบ้าน 5 ราย
ตั้งทีมชันสูตรศพเหยื่อสลายม็อบ
ทั้งนี้ ผู้ยื่นคำร้องขอความช่วยเหลือต้องยื่นเอกสารดังนี้ สำเนาบัตรประจำตัว สำเนาทะเบียน บ้าน ใบรับรองแพทย์ รวมถึงสำเนาบันทึกประจำวันจากสถานีตำรวจในพื้นที่ใดก็ได้ ซึ่งตนประสานผบช.น.อำนวยความสะดวกทุกท้องที่ เพื่อให้เกิดความรอบคอบเนื่องจากเหตุการณ์เมื่อต.ค.2551 พบผู้สวมรอยขอรับเงินทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ ส่วนหลักเกณฑ์ความช่วยเหลือ กรณีบาดเจ็บเล็กน้อยเข้ารักษาที่ร.พ.แต่ไม่นอนพัก 20,000 บาท นอนรักษาที่ร.พ.ไม่เกิน 20 วัน 60,000 บาท นอนรักษาที่ร.พ.เกิน 20 วัน 100,000 บาท ทุพพลภาพ 200,000 บาท และเสียชีวิต 400,000 บาท รวมทั้งช่วยเหลือต่อเนื่องกรณีทุพพลภาพและทายาทผู้เสียชีวิตทั้งด้านเงินยังชีพและทุนการศึกษา
วันเดียวกัน พล.ต.ท.จงเจตน์ อาวเจนพงษ์ นายแพทย์ใหญ่(สบ 8) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจชันสูตรพลิกศพ กรณีมีผู้เสียชีวิตจากเหตุจลาจลในพื้นที่กทม. และส่งศพผ่าพิสูจน์ที่สถาบันนิติเวชวิทยา สำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อหาสาเหตุการตายที่แท้จริง ซึ่งทางสถาบันนิติเวชวิทยา ร่วมกับสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทย และผู้เข้าสังเกตการณ์ ร่วมเป็นคณะแพทย์เพื่อเข้าร่วมชันสูตรศพ ดังนี้ 1.ศ.คลินิก น.พ.สมชาย ผมเอี่ยมเอก 2.รศ.พ.ญ.นันทนา ศิริทรัพย์ 3.พล.อ.ต. น.พ.วิชาญ เบี้ยวนิ่ม 4.พล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ เสาวคนธ์ 5.รศ.น.พ.วิสูตร ฟองศิริไพบูลย์ 6.พ.ท.น.พ.เอนก ยมจินดา 7.รศ.น.พ.สุพจน์ แจ่มสุวรรณ 8.น.พ.ทศนัย พิพัฒน์โชติธรรม 9.น.พ.นิติกร โปริสวาณิชย์ 10.น.พ.สฤษดิ์ ศรีนุกูล 11.น.พ.เชิดชัย ตัยติศิรินทร์ 12.น.พ.ชลน่าน ศรีแก้ว
อริสมันต์พาจยย.แดงบุก"กสท"
ก่อนหน้านี้ เวลา 12.30 น. นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง นำกลุ่มนปช. ซึ่งใช้รถจักรยาน ยนต์กว่า 200 คัน เดินทางมายัง บริษัท กสท จำกัด ถนนแจ้งวัฒนะ หลังทราบว่า กสทได้ส่งสัญญาณคลื่นรบกวนดาวเทียม ส่งสัญญาณสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมพีเพิลแชนแนล โดยเมื่อเดินทางมาถึงกลุ่มนปช. ได้กระจายกันล้อมอาคาร กสทไม่ให้ผู้ใดเข้าออกบริษัท ก่อนที่นายจิรยุทธ์ รุ่งศรีทอง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทกสท จะเดินทางมาเจรจากับนายอริสมันต์ โดยบอกกับนายอริสมันต์ว่า กสทไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการส่งสัญญาณคลื่นรบกวนสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมพีเพิลแชนแนล แต่นายอริสมันต์บอกว่าเรารู้มาว่าที่กสทส่งคลื่นรบกวน ก่อนจะให้นายจิรยุทธ์นั่งซ้อนท้ายรถจักรยาน ยนต์ของกลุ่มนปช. เดินทางไปยังศูนย์ส่งสัญญาณของกสท ที่จังหวัดนนทบุรี โดยนายจิรยุทธ์ก็ยินยอมที่จะซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ร่วมเดินทางไปกับกลุ่มนปช.ที่มีนายอริสมันต์ เป็นแกนนำร่วมเดินทางไป
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า เมื่อเดินทางมาถึงศูนย์ส่งสัญญาณ กสทจังหวัดนนทบุรี นายจิรยุทธ์ ได้พานายอริมันต์เข้าไปยังศูนย์ส่งสัญญาณ เพื่อตรวจสอบ โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที จากนั้นนายอริสมันต์ พร้อมด้วยนายจิรยุทธ์ จึงร่วมกันแถลงข่าว ภายในห้องส่งสัญญาณ
โดยนายอริสมันต์ เปิดเผยว่า เราได้ตรวจสอบพบว่า กสท เป็นผู้ส่งสัญญาณรบกวนคลื่นการออกอากาศสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมพีเพิลแชนแนล วันนี้จึงต้องเดินทางมาขอคำยืนยันว่า มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ แต่เมื่อตรวจสอบแล้ว และนายจิรยุทธ์ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เราก็ไม่ติดใจ แต่ถ้าพบว่า กสท ยังส่งคลื่นรบกวนอีกเราก็จะเดินทางมาอีก ซึ่งครั้งแรกเราพบว่า ผู้ส่งสัญญาณรบกวน คือ เอ็นบีที ก่อนจะย้ายมาเป็น กสท และล่าสุดย้ายไปส่งสัญญาณรบกวน อยู่ที่ชลบุรี จึงอยากฝากถึงรมว.ไอซีทีด้วยว่า ขณะนี้ประชาชนชนะแล้ว ขอให้ถอนตัวออกมาจากรัฐบาล และให้ดูแลสัญญาณของช่องพีเพิลแชนแนลให้ดี
จากนั้นนายอริสมันต์ จึงออกมาบอกกลับกลุ่มนปช.ที่กระจายกำลังล้อมศูนย์ส่งสัญญาณ ซึ่งต่างโห่ร้อง ก่อนจะพากันเดินทางกลับไปรวมกับกลุ่มนปช.ที่ราชประสงค์
แดงร่ำไห้ระงมรับศพผู้เสียชีวิต
ที่สถาบันนิติเวชวิทยา ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการรับศพของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุนย่านราชดำเนินเมื่อคืนวันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยพื้นที่รับรองญาติเต็มไปด้วยญาติของผู้เสียชีวิต บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า แต่ละครอบครัวนั่งจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล นอกจากนี้มีตัวแทนของนปช.ที่มาอำนวยความสะดวกและจดบันทึกว่าญาติจะนำศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดใดเพื่อเผยแพร่ให้บรรดาเสื้อแดงไปร่วมบำเพ็ญกุศล
นางนาง ตติยรัตน์ อายุ 55 ปี อาชีพค้าขาย มารดาของนายอำพน ตติยรัตน์ อายุ 26 ปีที่เสียชีวิต กล่าวว่า มีลูกชาย 2 คน นายอำพนเป็นลูกชายคนโต ศึกษาอยู่คณะนิติศาสตร์ ม.ศรี ปทุม ปี 4 เขาเริ่มสนใจที่จะมาชุมนุมเมื่อกลุ่มเสื้อแดงมาชุมนุมที่ย่านราชประสงค์ เนื่องจากใกล้บ้านย่านราชปรารภ หลังจากไปฟังวันแรกน้องเขาบอกว่าเสื้อแดงมีอุดมการณ์เหมือนกัน และเขาก็เริ่มไปเกือบทุกวัน เมื่อครั้งที่เคลื่อนขบวนไปสถานีบริการดาวเทียมไทยคมเขาก็ติดรถเพื่อนไปด้วย ยังโทรศัพท์มาบอกแม่ว่าทหารจะสลายการชุมนุมแล้ว เขาฉีดน้ำ ยิงแก๊สน้ำตา น้องโดนน้ำก็อยู่ตรงนั้นไม่บาดเจ็บ ทหารก็มาช่วย ยิงแก๊สน้ำตาแล้วก็ไม่มีอะไรรุนแรง เสร็จแล้วก็จับมือกัน แต่แม่ก็เป็นห่วง ตนก็บอกเขาเสมอว่าให้อยู่ห่างๆ ตลอด
พ่อแม่เผยปล่อยโฮรู้ว่าลูกตาย
นางนางกล่าวต่อว่า คืนวันเกิดเหตุลูกชายลืมโทรศัพท์มือถือไว้ที่กางเกงอีกตัว จึงติดต่อไม่ได้ หลังทราบว่ามีการสลายการชุมนุมจนมีผู้เสียชีวิต เราไม่รู้ว่าลูกชายอยู่ราชประสงค์หรือผ่านฟ้า แต่เห็นรายชื่อเขาบนตัววิ่งของโทรทัศน์ มีคนชื่ออำพนด้วย แต่อายุมากกว่า เราไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ไปที่ร.พ.ที่มีคนเจ็บมากที่สุดคือ ร.พ. กลาง และญาติๆ ก็แยกย้ายกันไปหาตามร.พ. ต่างๆ และที่เวทีชุมนุมด้วย เมื่อไปถึงเราก็ขอดู ศพเมื่อใช่ก็โฮเลย เสียใจที่เกิดขึ้นกับลูกชายเรา
ด้านนายสุรดิษฐ์ ตติยรัตน์ อายุ 56 ปี บิดากล่าวด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยว่า การชุมนุมครั้งนี้เกิดจากความเห็นแก่ตัว ผลประโยชน์ของสองฝ่าย ตนเป็นกลางไม่อยู่ฝ่ายไหน เสื้อแดงเขาก็มีผลประโยชน์ มีอุดมการณ์ของเขา ส่วนรัฐบาลก็ต้องยอมรับว่ามีการใช้กฎหมาย 2 มาตรฐาน อยากจะบอกว่าการเรียกร้องประชาธิปไตยต้องอยู่บนพื้นฐานของความจริงใจ อย่าเห็นแก่ตัว ฝากไปรัฐบาลว่า สิ่งใดที่คนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยก็ควรยกเลิกได้ อย่าเห็นว่าจะยึดแต่กฎหมาย ต้องนำทั้งรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์เข้าด้วยกัน
หนุ่มวิศวะก็ตายก่อนจะแต่งงาน
ด้านนายพิสันต์ โตพาณิช อายุ 35 ปี อาชีพขายพระเครื่อง พี่เขยของนายทศชัย เมฆงามฟ้า อายุ 44 ปี ที่เสียชีวิต ซึ่งมาพร้อมกับด.ช.ทศเทพ เมฆงามฟ้า อายุ 12 ปี เรียนป. 6 ร.ร. เบญจมบพิตร ลูกชายคนเล็กนายทศชัย กล่าวด้วยเสียงเศร้าสร้อยว่า นายทศชัยเลิกกับภรรยาแล้ว มีลูกชายสองคน พวกตนก็ช่วยกันดูแล เป็นห่วงก็ลูกชายคนเล็ก ที่ต้องเรียนหนังสือต่อ ส่วนคนโตอายุ 18 ปี ก็ทำงานได้แล้ว ด้านด.ช.ทศเทพ กล่าวอย่างไร้เดียงสาว่า ไม่รู้พ่อเสียชีวิตเพราะอะไร เมื่อไม่มีพ่อไม่มีแม่ก็อยู่กับป้า ไม่เป็นไร อยู่ได้
ด้านน.ส.ทศพร ทองเจริญพูลพร อายุ 20 ปี น.ศ.ม.ศรีปทุม คณะศิลปศาสตร์ น้องสาวของนายยุทธนา ทองเจริญพูลพร อายุ 23 ปี ที่เสียชีวิต กล่าวว่า ผู้ตายเพิ่งเรียนจบวิศวะไฟฟ้า ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร เตรียมรับปริญญาเดือนพ.ย. เขาเป็นลูกคนเดียว พ่อแม่แยกทางกันและอยู่กับพ่อมาโดยตลอด 6 เดือนที่แล้วพ่อก็เพิ่งเสียชีวิตไป เขาจึงอยู่คนเดียว แต่มีแฟนและเตรียมเรื่องแต่งงานปีหน้า ส่วนการชุมนุมทราบว่า เขาไปร่วมชุมนุมตั้งแต่เหตุการณ์เมษาเลือดปีที่แล้ว ครั้งนั้นเขาไม่เห็นด้วยกับการสลายการชุมนุม ปีนี้ก็เลยไปร่วมชุมนุมทุกครั้งเขาจะมีกล้องถ่ายรูปไปด้วย เขามีอุดมการณ์มาก แดงทั้งตัว
ไม่เข้าใจทำไมต้องยิงหัวยิงคอ
ด้านนายชาญวุฒิ โยธากูล อายุ 25 ปี เพื่อนสนิทของนายยุทธนา ผู้ตาย กล่าวยืนยันว่า พวกตนก็เคยไปร่วมการชุมนุม แต่วันเกิดเหตุตนไม่ได้ไปเพราะทำงาน ดังนั้น รัฐบาลจะบอกว่าแดงมาจากรากหญ้าคงไม่ใช่ หรือไม่เกี่ยวว่าตนจะจบวิศวะ แล้วไม่ยุ่งการเมืองก็ไม่ใช่ ส่วนที่ศอฉ.ออกมาแถลงการยึดพื้นที่คืน โดยใช้คำว่าการยึด มี 7 มาตรการ โดยมาตรการที่ 7 จบด้วยกระสุนยาง แล้วทำไมมีการใช้กระสุนจริง ตนดูศพเพื่อนแล้ว ลักษณะการยิงเหมือนการรบของทหาร คือยิงที่ขาก่อนก็น่าจะพอแล้ว แต่พบว่า มายิงที่คอและที่ศีรษะอีก และเพื่อนก็ไม่มีอาวุธใดๆ เลย นอกจากกล้องถ่ายรูป
ด้านนางจุฬาลัย นพคุณ พนักงานบัญชีย่านหมอชิต ซึ่งมาตามหาศพของสามี กล่าวอย่างสะเทือนใจว่า ชายไทยไม่ทราบชื่อที่สถาบันนิติเวชวิทยาคือ นายสยาม วัฒนนุกุล อายุ 53 ปี สามี อยู่บ้านเลขที่ 79/ 2ม. 1 ต.นครสวรรค์ตก อ.เมือง จ.นครสวรรค์ สามีเป็นคนชื่นชอบนปช.จริงๆ มีลักษณะคนที่ชอบลุย พร้อมกล่าวสั้นๆ ว่า ถ้ารัฐบาลเห็นคุณค่าของคน ก็จะทราบว่า ควรจะทำอย่างไร
อัลจาซีราแฉทหารใช้กระสุนจริง
ทั้งนี้ ญาติผู้เสียชีวิตจะไปบำเพ็ญกุศลที่วัด ดังนี้ นายธวัฒนะชัย วัดไทรน้อย จ.นนทบุรี นายอำพน วัดเทพศิรินทร์ นายมนต์ชัย วัดด่านสำโรง จ.สมุทรปราการ นายจรูญ วัดธาตุทอง กทม. นายวสันต์ วัดตำหรุ จ.สมุทรปราการ นายยุทธนา วัดช่องลม อ.เมือง จ.ราชบุรี นายไพศาล วัดป่าธรรมประชา จ.ขอนแก่น นายทศชัย วัดแคนางเลิ้ง นายสวาท วัดตรีทศเทพ
วันเดียวกัน เว็บไซต์อัลจาซีรา สำนักข่าวโลกอาหรับ เผยแพร่รายงานข่าวเรื่อง "Thai troops fire on protesters." ระบุว่า ช่างภาพของสำนักข่าวรอยเตอร์ที่อยู่ในเหตุปะทะกันระหว่างทหารไทยและม็อบคนเสื้อแดงบริเวณถนนราชดำเนิน เผยว่า ทหารไทยยิงกระสุนจริงและแก๊สน้ำตาใส่กลุ่มผู้ประท้วงโดยตรง
ขณะที่นายเวย์น เฮย์ ผู้สื่อข่าวอัลจาซีรารายงานจากกรุงเทพฯ ว่า ตำรวจชุดปราบจลาจลปะทะกับคนเสื้อแดงและยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ นอกจากนั้น มีการยิงปืนด้วย ผลจากการปะทะพบว่าคนเสื้อแดงเป็นฝ่ายชนะ เพราะสามารถผลักดันฝ่ายทหารออกไป
ม็อบเฮลั่น-กกต.สั่งยุบปชป.
เวลา 18.09 น. ที่เวทีราชประสงค์ หลังจาก กลุ่มนปช. ได้รับทราบข่าวว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติยุบพรรคประชาธิปัตย์และเตรียมส่งเรื่องให้อัยการเพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคประชาธิปัตย์ในคดีเงินบริจาค 258 ล้านบาท นายวีระ มุสิกพงศ์ ได้นำแกนนำ อาทิ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ขึ้นประกาศชัยชนะบนเวที ท่ามกลางเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจ
โดยนายวีระ กล่าวว่า เราหวังว่าศาลรัฐธรรม นูญและอัยการสูงสุดจะใช้เวลาพิจารณาอย่างรวดเร็วเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของบ้านเมืองเพราะไม่มีประโยชน์ ถ้าจะถ่วงเวลาและ ประชาชนจะไม่ยอมให้ทำอย่างนั้นอีกแล้ว ที่ผ่านมาอัยการและศาลรัฐธรรมนูญไม่มีความเห็นเป็นอย่างอื่น เมื่อกกต.ส่งมาอย่างไรจะพิจารณาอย่างนั้น ถ้าพิจารณาตามนั้นคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์ก็สิ้นสุดการอยู่ในอำนาจแล้วเช่นกัน ข้าราชการและทหารให้ระวังตัวถอยห่างจากคำสั่งรัฐบาลเพราะถือเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบธรรม จากนี้ไปมารยาทและความชอบธรรมของรัฐบาลได้สิ้นสุดลงแล้ว ขอให้เสื้อแดงรอวันแห่งชัยชนะใน 1-2 วันนี้ ขอให้ออกมาชุมนุมให้มากขึ้นเพื่อร่วมกันฉลองชัยชนะประวัติ ศาสตร์พร้อมกัน มาให้เต็มกรุงเทพฯ ปีที่แล้วรัฐบาลทำให้เป็นสงกรานต์เลือด แต่ปีนี้เราจะจัดงานสงกรานต์เพื่อร่วมฉลองชัยชนะครั้งประวัติ ศาสตร์พร้อมกัน ปีนี้จะเป็นปีสงกรานต์สีแดง
เผาศพวีรชนที่อนุสาวรีย์ปชต.
ด้านนายณัฐวุฒิ กล่าวว่า จะสุขใจมากกว่านี้ถ้าในอีกไม่กี่วันข้างหน้าเราได้ชัยชนะของประชาชน ความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากการเสียชีวิตเมื่อวันที่ 10 เม.ย. หลังจากมีผลชันสูตรออกมาแล้วว่าถูกยิงด้วยอาวุธสงคราม เราจะดำเนินคดีอย่างไม่ลดละ และจะเดินหน้าลากคอคนผิดมาลงโทษให้ได้
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เราจะสวดพระอภิธรรมศพผู้เสียชีวิต ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยเปิดโอกาสให้คนทุกสีเสื้อไปร่วมงานได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 19.00 น. และจะฌาปนกิจในที่แห่งนั้นเลย ซึ่งแกนนำนปช.ไม่ขัดข้องเพื่อให้สมเกียรติและศักดิ์ศรีของพวกเขา แต่ขึ้นอยู่กับญาติของผู้เสียชีวิตด้วยว่าจะอนุญาตหรือไม่ ถ้าจะนำไปประกอบพิธีที่ภูมิลำเนาเราจะส่งตัวแทนและเงินบริจาคบางส่วนไปให้ หากญาติประสงค์จะให้ฌาปนกิจที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเราพร้อมดำเนินการให้
จตุพรชี้มาร์ค-เทือกอยู่ไม่ได้แล้ว
"ส่วนวันที่ 13 เม.ย. เดิมเราต้องการจัดงานสงกรานต์ แต่เมื่อเกิดเหตุสูญเสียเกิดขึ้นทำให้ต้องมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย ด้วยการทำบุญเลี้ยงพระเพลที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จากนั้นช่วงบ่ายจะรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ของคนเสื้อแดงขอศีลขอพรที่หน้าเวทีสะพานผ่านฟ้าลีลาศ เพื่อความเป็นสิริมงคล เมื่อเสร็จสิ้นแล้วจะปราศรัยและวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองต่อไป" นายณัฐวุฒิกล่าว
นายจตุพร กล่าวว่า การจากไปของคนเสื้อแดงและผู้บาดเจ็บจะไม่สูญเปล่า วันนี้เราได้เรื่องยุบพรรคประชาธิปัตย์ไปแล้วหนึ่งเรื่อง จากนี้ไปนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพไม่สามารถมี หน้าอยู่ต่อไปได้อีกแล้ว ตอนนี้นายอภิสิทธิ์จะจนมุมแล้ว แต่เมื่อเจอภาพเล็กๆ ก็ออกมาแถลงข่าวอย่างดีใจว่าเป็นฝีมือของผู้ก่อการร้าย แต่ทั้งสองคนต้องรับผิดชอบในฐานะสั่งฆ่าประชาชน ต้องพ้นจากตำแหน่งทันที ต้องดำเนินคดีและตัดสินประหารชีวิต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณปราศรัยที่สะพาน ผ่านฟ้าฯ ทางการ์ดนปช.ได้นำยุทโธปกรณ์ซึ่งเป็นอาวุธสงครามที่ทหารนำมาปราบประชาชน มาแสดง อาทิ ฐานที่ติดอยู่บนรถหุ้มเกราะซึ่งใช้ติดตั้งอาวุธปืน 3 ตัว แก๊สน้ำตา กระสุนปืน โล่ทหารกว่า 30 อัน ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ชุมนุมมาถ่ายรูปเก็บไว้
แดงพรึบเต็มถนนราชดำเนิน
บรรยากาศการชุมนุมช่วงเย็นที่สะพานผ่านฟ้าฯ มีคนเสื้อแดงทยอยเข้าร่วมชุมนุมอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่จะรวมตัวกันอยู่ด้านหน้าเวที และบนถนนราชดำเนิน จากสะพานผ่านฟ้าฯ ถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ทำให้พื้นที่แน่น ขนัด ส่วนบริเวณจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จนถึงสะพานผ่านพิภพลีลา มีผู้ชุมนุมบางตา ส่วนใหญ่ใช้เป็นที่จอดรถของผู้ชุมนุม จะไปหนาแน่นที่สนามหลวง ส่วนจากสะพานผ่านฟ้าฯ ไปจนถึงแยกสวนมิสกวัน มีผู้ชุมนุมพอสมควร ส่วนใหญ่จะเข้าคิวเพื่อรอรับอาหารตามเต็นท์ของกลุ่มจังหวัดต่างๆ ที่ปรุงขึ้นมาให้บริการฟรี ส่วนบนเวทีผลัดเปลี่ยนการขึ้นปราศรัยของแนวร่วมและแกนนำจากจังหวัดต่างๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พิธีกรบนเวทียังประกาศให้คนเสื้อแดงระวังในการเดินทางผ่านซ.สุขุม วิท 71 เนื่องจากมีบุคคลไม่ทราบฝ่ายคอยดักทำร้ายอยู่ พร้อมระบุว่าขณะนี้มีการปล่อยข่าวลวงให้คนเสื้อแดงไปยังสุเหร่าบางมะเขือ เขตพระโขนง ขอให้คนเสื้อแดงที่เดินทางไปแล้วหรือจะไปให้กลับไปรวมตัวกันที่สะพานผ่านฟ้าฯ เนื่องจากไม่มีมติจากแกนนำให้ไปยังสถานที่ดังกล่าว หากไม่ยอมกลับมาจะถือว่าเป็นแดงเทียม ที่มีเจตนาก่อความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง
เวลา 18.10 น. มีการถ่ายทอดเสียงการปราศรัยของนายวีระ จากเวทีราชประสงค์ เกี่ยวกับผลการพิจารณาของกกต. ที่ระบุพรรคประชาธิปัตย์มีความผิดตามข้อกล่าวหา และมีความเห็นให้ยุบพรรค ผู้ชุมนุมต่างตะโกนไชโยโห่ร้องเสียงดังกึกก้องทั่วบริเวณ พร้อมกระโดดโลดเต้นและมีใบหน้ายิ้มแย้มด้วยความดีใจ
ญาติสลดร่วมงานศพ3ทหาร
ก่อนหน้านี้ เวลา 17.30 น. นายศิริพงษ์ ห่านตระกูล ผวจ.ปราจีนบุรี เป็นประธานพิธีรดน้ำศพ 3 นายทหารที่เสียชีวิตเหตุทหารปะทะกับกลุ่มเสื้อแดง โดยทหารที่เสียชีวิตทั้งหมดสังกัดกองพลทหาราบที่ 2 รักษาพระองค์ ค่ายพรหมโยธี ต.บ้านพระ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี หรือ "บูรพาพยัคฆ์" หน่วยกำลังรบหลักภาคตะวันออก ประกอบด้วย ส.ท.ภูริวัฒน์ ประพันธ์ ตำแหน่งช่างยานยนต์ สังกัดร้อย สห. พล.ร.2 รอ. และส.ต.อนุพงษ์ เมืองอำพัน ตำแหน่งพลขับรถ สังกัดร้อย บก.ร.12 รอ. และพลทหารสิงหา อ่อนทรง ตำแหน่งพลยิงเอ็ม 203 สังกัด ร.12 พัน.2 รอ.ร้อย 3 ซึ่งบรรยา กาศเต็มไปด้วยความเศร้าสลด มีพล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผบ.ทบ.เดินทางมาเป็นประธานพิธีน้ำหลวงอาบศพ
จ.ส.อ.อมฤทธิ์ เมืองอำพัน ทหารสังกัด ป.พัน.102 รอ.ค่ายพรหมโยธี กล่าวทั้งน้ำตาว่า เป็นบิดาของส.ต.อนุพงษ์ ก่อนวันเกิดเหตุที่ลูกชายจะเสียชีวิตได้โทรศัพท์มาหาแม่ที่บ้านบอกว่าอยากกลับมาอยู่กับแม่ที่บ้าน ลูกชายเพิ่งบรรจุรับราชการเป็นนายสิบได้ปีเศษ มีบุตรชายได้อายุเพียง 1 ปีเศษ ตนไม่อยากเห็นคนไทย ต้องมาฆ่ากันเอง สิ่งดังกล่าวที่เกิดนี้น่าพูดคุยกันได้ ไม่น่าเกิดการสูญเสียขึ้น ขอให้ยุติเหตุการณ์ได้แล้ว
กองทัพปูนบำเหน็จ-เลื่อนยศ
นายทองล้วน ประพันธ์ กล่าวว่า เป็นบิดาของส.ท.ภูริวัฒน์ ความรู้สึกภูมิใจที่ลูกเสียชีวิตในหน้าที่ แต่ในความจริงยังไม่อยากให้ลูกเสียชีวิตไปเพราะยังทำใจรับกับเหตุการณ์ไม่ได้ ที่ผ่านมาลูกเป็นทหารได้ 2 ปีเศษ สิ่งที่เกิดขึ้นทราบข่าวจากทางทีวี ไม่อยากเห็นภาพนี้เกิดกับครอบครัวใดๆ โดยเฉพาะหมู่คนไทยที่ทำร้ายคนไทยด้วยกันเอง
พล.อ.วิชญ์กล่าวว่า กองทัพบกได้ดูแลให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้นได้มอบเงินเป็นค่าจัดการศพให้แก่ญาติผู้เสียชีวิต กองทัพบกมีระเบียบขั้นตอนการช่วยเหลือ ไม่มีการทอดทิ้ง ขณะนี้ได้เสนอเรื่องขอเลื่อนชั้นยศให้เป็นทหารชั้นสัญญาบัตรทั้ง 3 นาย และยื่นเรื่องไปทางกระทรวงกลาโหมแล้ว ส่วนบุตรของผู้เสียชีวิตหากมีความประสงค์จะรับราชการทหาร กองทัพ บกจะบรรจุเป็นข้าราชการสังกัดกองทัพบก ส่วนบุตรหลานที่ยังอยู่ในวัยเรียนก็จะดูแลให้เรียนถึงระดับมหาวิทยาลัย
เปิดดูภาพกล้องของนักข่าวยุ่น
เย็นวันเดียวกัน สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงโตเกียว ว่า แหล่งข่าวสำนักงานตำรวจประเทศญี่ปุ่นเปิดเผยผู้สื่อข่าวเกียวโดว่า ตำรวจญี่ปุ่นจะจัดชุดสืบสวนมาทำงานร่วมกับตำรวจไทย เพื่อทำคดีหาสาเหตุการเสียชีวิตของนาย ฮิโร มูราโมโตะ นักข่าวญี่ปุ่นสังกัดสำนักข่าวรอยเตอร์ และเมื่อศพกลับถึงญี่ปุ่นแล้วจะผ่าชันสูตรซ้ำอีกครั้ง นายฮิโรฟูมิ ฮิราโนะ โฆษกรัฐบาลญี่ปุ่น กล่าวว่า ตำรวจและกระทรวงต่างประเทศกำลังพิจารณาหลักฐานต่างๆ เพื่อดูว่าการเสียชีวิตของนายมูราโมโตะเข้าข่ายความผิดฐานก่ออาชญากรรมต่อพลเมืองญี่ปุ่นในต่างแดนหรือไม่
ด้านรอยเตอร์เผยแแพร่เทปบันทึกภาพความยาว 7 นาทีที่นายมูราโมโตะถ่ายเอาไว้ก่อนเสียชีวิต แสดงให้เห็นถึงเหตุปะทะกันอย่างรุนแรงและน่าสะพรึงกลัวของทหารกับกลุ่มคนเสื้อแดงบริเวณถนนราชดำเนิน ใกล้อนุสาวรีย์ประชาธิป ไตย โดยช่วงแรก นายมูราโมโตะยืนอยู่ในกลุ่มทหาร ซึ่งชูปากกระบอกปืนขึ้นฟ้า จู่ๆ เกิดระเบิดขึ้นห่างจากนายมูราโมโตะแค่ไม่กี่เมตร ภาพต่อมาช่างภาพรอยเตอร์รายนี้ค่อยๆ เดินถอยหลังพร้อมๆ กับถ่ายภาพไปด้วย มองเห็นทหารบาดเจ็บหลายนาย จากนั้นภาพตัดมาขณะนาย มูราโมโตะย้ายมายืนอยู่ในกลุ่มม็อบที่ส่วนใหญ่ถือไม้เป็นอาวุธและเอาโล่ทหารเป็นเกราะกำบัง การปะทะดำเนินไปเรื่อยๆ จนถึงภาพสุดท้ายนายมูราโมโตะล้มลงและกล้องล้มตะแคงอยู่บนพื้นถนน ทั้งนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงเก็บกล้องดังกล่าวเอาไว้และคืนให้รอยเตอร์ในที่สุด
ฝรั่งชี้เหมือนรัฐบาลพม่า
เอพีรายงานว่า ทั้งฝ่ายรัฐบาลและกลุ่มผู้ประท้วงต่างไว้อาลัยต่อการสูญเสียเลือดเนื้อของฝ่ายตนหลังจากการปะทะกันที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 21 ราย แต่ก็ยังไม่มีฝ่ายไหนพร้อมจะเจรจากันเพื่อยุติความรุนแรง ด้านเกาหลีและจีนต่างประกาศเตือนพลเมืองของตนอย่าเดินทางไปกรุงเทพฯ ในช่วงนี้ ส่วนออสเตรเลียเตือนพล เมืองของตนเช่นกันโดยระบุว่าเป็นไปได้อย่างยิ่งที่จะเกิดความรุนแรงขึ้นอีก ขอให้นักท่องเที่ยวอยู่ห่างจากการชุมนุมประท้วง
ดร.โทมัส ลาร์สสัน นักรัฐศาสตร์แห่งมหา วิทยาลัยเคมบริดจ์ แสดงความเป็นห่วงภาพลักษณ์ประเทศไทยในสายตาประชาคมโลกในด้านความอดทนอดกลั้นต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้นว่า การปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยกำลังทหารที่มากกว่าหลายเท่าตัว แบบเดียวกับที่รัฐบาลทหารพม่ากระทำ จะทำลายภาพพจน์ ของไทยในเวทีโลกจนเสียหายอย่างที่กอบกู้คืนกลับมาไม่ได้ ตนกลัวว่าหากความขัดแย้งยังยืดเยื้อไปอีกหลายวันหรือหลายอาทิตย์ผู้นำทั้งหลายคงจะใจเย็นอยู่ไม่ไหว
บีบีซีระบุมาร์คถูกกดดันหนัก
เอเอฟพีรายงานว่า สหรัฐอวยพรปีใหม่ไทยโดยหวังว่าช่วงเวลานี้จะเป็นโอกาสที่ไทยจะได้สร้างความปรองดองและสมานฉันท์ให้กลับคืนมาสู่ประเทศ ภายหลังจากที่เกิดความรุนแรงทาง การเมืองในไทยครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบ 20 ปี
"สงกรานต์เป็นช่วงเวลาแห่งความท้าทายของประเทศไทย สหรัฐหวังว่าปีใหม่นี้จะเป็นช่วงเวลาของการเริ่มต้นใหม่และการประนี ประนอมปรองดองเพราะประเพณีสงกรานต์เป็นโอกาสที่คนไทยได้กลับไปอยู่ร่วมกับครอบครัวและญาติ มิตร ขณะนี้ที่ประเทศไทยดำเนินการแก้ปัญหาความแตกต่างทางการเมืองไปตามครรลองของตัวเอง สหรัฐยังคงเชื่อมั่นในความสัมพันธ์ที่เข้มแข็งระหว่างสหรัฐกับไทยซึ่งเป็นพันธมิตรที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐในภูมิภาคเอเชีย" นางฮิลลารี คลินตัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐกล่าวอวยพรปีใหม่ไทยและว่า ปรารถนาให้ประเทศไทยและคนไทยทั่วโลกได้ฉลองสงกรานต์อย่างสันติสุข
สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีของไทย กำลังถูกกดดันอย่างหนัก ภายหลังเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารและกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อวันที่ 10 เม.ย. โดยบีบีซีระบุว่าวันเดียวกันนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ออกมาเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ประกาศยุบสภา อย่างสอดคล้องกับแนวทางการเรียกร้องของกลุ่มคนเสื้อแดง ต่อมากกต.ยังมีมติยุบพรรคประชาธิปัตย์ในวันเดียวกัน ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ยังพยายามยืนยันตลอดมาว่าพรรคร่วมรัฐบาลและกองทัพยังเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันอยู่
เวลา 22.20 น. วันเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้ส่งข้อความสั้นหรือ เอสเอ็มเอส ระบุว่า ติดตามพีเพิลแชนแนลผ่านจานขาวและจานส้ม(NSS6) ได้แล้วที่ช่องเดิม ส่วนจานดำจานใหญ่ต้องปรับจูนเล็กน้อย
ที่มา.ข่าวสดรายวัน
***********************************
ส่งสัญญาณ- พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. แถลงเคียงข้าง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ที่ศอฉ. ในร.11 รอ. เสนอยุบสภาแก้วิกฤตปัญหา
"อนุพงษ์"ฟันธงเปรี้ยงนายกฯต้องยุบสภาบ้านเมืองถึงสงบ ผบ.ทบ.ชี้ชัดการเมืองต้องแก้ด้วยการเมืองปัญหาถึงจะจบ ส่วน"มาร์ค-เทือก"ระบุผู้ก่อการร้ายแฝงตัวในม็อบจนทำให้เกิดเหตุรุนแรงขึ้น ขณะที่แกนนำม็อบแดงแห่โลงศพ 18 วีรชนไปทั่วกรุง มีประชาชนออกมาไว้อาลัยกันตลอดทาง ขวัญชัยนำทีมนปช.บุกไปถึงหน้าบ้านมาร์ค แต่ไม่มีเหตุการณ์รุนแรง ส่วนอริสมันต์ก็พาจยย.แดง 200 คันบุกกสท เพราะเชื่อว่าปล่อยสัญญาณรบกวนพีทีวี ก่อนบิ๊กกสท ออกมายืนยันว่าไม่จริงก็สลายตัวไปในที่สุด สธ.ระบุยอดตายมีแค่ 20 ราย พ่อแม่เหยื่อปืนร่ำไห้รับศพ สลดบัณฑิตวิศวะโดนยิงตายก่อนจะแต่งงานเร็วๆนี้ นายกฯญี่ปุ่นจี้รัฐบาลไทยสอบกรณีนักข่าวรอยเตอร์โดนยิงตาย เปิดดูภาพในกล้องนักข่าวยุ่นก่อนเสียชีวิต "จตุพร"สวนกลับทันควันมาร์คเป็นหัวหน้าผู้ก่อการร้าย
เวทีผ่านฟ้าฯคึกคัก-เตรียมแห่ศพ
เมื่อวันที่ 12 เม.ย. ที่เวทีสะพานผ่านฟ้าฯ ตั้งแต่เวลา 07.00 น.มีผู้ชุมนุมมาร่วมชุมนุมอย่างหนาแน่น เนื่องจากแกนนำนปช.มีมตินำศพผู้เสียชีวิตจากเหตุปะทะกันวันที่ 10 เม.ย. เคลื่อนไปตามเส้นทางต่างๆ ทั่วกทม. โดยผู้ชุมนุมบางส่วนเริ่มตั้งขบวนตั้งแต่หน้าเวทีปราศรัยเป็นแถวยาวเหยียดถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มีนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง นายขวัญชัย ไพรพนา นายพายัพ ปั้นเกตุ นำขบวนเคลื่อนไปตามเส้นทาง ตั้งแต่แยกหลานหลวง แยกยมราช แยกเจริญผล ถนนบรรทัดทอง ถนนพระราม 4 แยกอโศก ถนนสุขุมวิท เอกมัย ถนนเพชรบุรี แยกประตูน้ำ แยกราชเทวี แยกนางเลิ้ง ทำเนียบรัฐบาล แยกมิสกวัน ถนนราชดำเนินกลาง สะพานพระราม 8 บางแค และถนนกาญจนาภิเษก
นายสุภรณ์กล่าวย้ำว่า ให้รถยนต์แต่ละคันขับต่อกันเป็นแถวยาวอย่างเป็นระเบียบด้วยความสงบ ห้ามขับแซงเพราะพวกเราเพื่อแสดงความไว้อาลัย วันนี้พื้นที่ชุมนุมและขบวนรถยนต์จะเปิดเพลงเพื่อไว้อาลัยแก่ผู้ที่เสียชีวิตเท่านั้น
จากนั้นเวลา 10.00 น.ผู้ชุมนุมเริ่มเคลื่อนขบวนแห่ไว้อาลัยศพวีรชนเสื้อแดงจากหน้าเวที ขณะเดียวกันนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการนปช. เดินทางจากแยกราชประสงค์มาให้กำลังใจผู้ชุมนุมที่จะเคลื่อนขบวน ผู้ชุมนุมพากันวิ่งเข้ามาจับมือนายณัฐวุฒิและเก็บภาพบรรยากาศอย่างต่อเนื่อง ขณะที่บนเวทียังปราศรัยโดยแกนนำคนอื่นๆ อาทิ นายชินวัฒน์ หาบุญพาด นางไพจิตร อักษรณรงค์ กล่าวโจมตีขับไล่รัฐบาลและนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พร้อมกับกำชับการ์ดนปช.ตรวจตราคนที่เข้าพื้นที่ชุมนุมอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันมือที่ 3 เข้ามาแอบแฝงและก่อเหตุรุนแรง นอกจากนี้ยังประกาศทำความเข้าใจผู้ชุมนุม อย่าข่มขู่ขับไล่สื่อมวลชนอีก เพราะสื่อทุกคนที่อยู่ในพื้นที่ทำหน้าที่ที่ดีที่สุดแล้ว คนเสื้อแดงยินดีต้อนรับสื่อทุกคนและทุกสำนัก ไม่ว่าสื่อไทยและสื่อต่างประเทศ รวมทั้งขอขอบคุณที่สื่อทุกคนที่ลงข่าวเสื้อแดงกับสิ่งเกิดขึ้นในความเป็นจริง
เหวงจวกเทือกป้ายสีม็อบ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากเวทีของกลุ่มนปช. คนเสื้อแดง บริเวณสี่แยกราชประสงค์ ว่า ช่วงเช้าบรรยากาศเงียบเหงา เนื่องจากผู้ชุมนุมบางส่วนยังพักผ่อนกระจายอยู่โดยรอบ ส่วนทางเข้าออกสถานที่ชุมนุมตามจุดต่างๆ ทั้งสถานีไฟฟ้าบีทีเอส ราชดำริ ถนนราชดำริ แยกเพลินจิต ถนนสุขุมวิท แยกประตูน้ำ และด้านหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถนนพระราม 1 มีการ์ดนปช.ประจำเฝ้าระวังบุคคลผ่านเข้าออกอย่างเข้มงวด ขณะที่การจราจรได้เปิดเส้นทางสุขุมวิทขาออก ช่องทางซ้ายสุด เพื่อให้รถยนต์ผ่านไปยังถนนราชดำริได้
ส่วนบนเวทีปราศรัย มีแกนนำ อาทิ น.พ.เหวง โตจิราการ นายก่อแก้ว พิกุลทอง สลับกันขึ้นเวทีสรุปข่าวให้ผู้ชุมนุมรับฟังเป็นระยะ โดยน.พ.เหวงกล่าวโจมตีการกระทำของรัฐบาลที่สั่งทหารปะทะกับประชาชน จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก พร้อมทั้งตอบโต้กรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ที่ระบุคนเสื้อแดงเป็นผู้ยิงอาวุธปืนเอ็ม 79 ทำร้ายทหารว่าไม่เป็นความจริง สิ่งที่นายสุเทพพูดเป็นการใส่ร้ายประชาชน
โวยมาร์คโยนความผิดให้มือที่3
เวลา 10.50 น.แกนนำเสื้อแดง นำโดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ น.พ.เหวง โตจิราการ นายก่อแก้ว พิกุลทอง และ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ อดีตส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชาชน ร่วมกันแถลงข่าว นายจตุพรกล่าวว่า หลังจากส.ส.เพื่อไทยแจ้งความดำเนินคดีกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ตามความผิดมาตรา 157 มาตรา 285 และมาตรา 286 ที่สั่งทหารปะทะกับประชาชนที่ผ่านฟ้าและสี่แยกคอกวัว ทำให้มีคนตาย 21 ศพแล้ว ถือเป็นการก่ออาชญากรรมบนท้องถนน ล่าสุดยังพยายามเพิ่มงบประมาณให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติกว่า 200 ล้านบาทเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสอบสวนเรื่องนี้ อยากฝากบอกว่า หากมาตรวจสอบประเด็นการชุมนุม แต่ละเลยเรื่องรัฐบาลฆ่าคนตาย บ้านเมืองนี้ก็อยู่ไม่ได้
นายจตุพรกล่าวว่า รัฐบาลพยายามทำให้เหมือนเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ 2519 ด้วยการปิดบัง ซ่อนเร้นคนตาย ซึ่งคนเสื้อแดงคาดว่ายอดคนล้มตายน่าจะไม่หยุดอยู่แค่นี้ นอกจากนี้ยังขัดขวางไม่ให้เอาศพมาทำพิธีกรรม ซึ่งรัฐบาลนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่มีการนำอาวุธสงครามปราบปรามประชาชน ทั้งที่รู้ว่า การปราบปรามประชาชนในช่วงมืด สุ่มเสี่ยงจะเกิดการล้มตาย ส่วนที่รัฐบาลใช้สื่อรัฐเบี่ยงเบนประเด็นว่าเป็นฝีมือของมือที่ 3 ทำให้คนตายนั้น การโกหกของนายอภิสิทธิ์อยู่บนความตายของคนเสื้อแดงกว่า 16 ชีวิตแล้ว เก้าอี้ของนายอภิสิทธิ์ร้อนเหมือนเมรุเผาศพที่ดวงวิญญาณของคนตายมา ทวงความยุติธรรม ขอตั้งข้อสังเกตว่าเมื่อมีการปราบปรามประชาชนจนล้มตายก็บอกว่าจะยุบสภาภายใน 3 เดือน 6 เดือน แสดงว่าข้อเรียกร้องของคนเสื้อแดงที่บอกให้ยุบสภาทันที ต้องแลกชีวิตคนเสื้อแดงอีก 36 ศพใช่หรือไม่
ไม่เจรจา-เมิน"ชวน-หนั่น"นั่งนายกฯ
นายจตุพรกล่าวอีกว่า ส่วนที่มีข่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเอานายชวน หลีกภัย ขึ้นมาเป็นนายกฯแทนนาย อภิสิทธิ์นั้นก็ว่ากันไป และที่พรรคชาติไทยพัฒนารอส้มหล่นโดยจะให้พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ที่ปรึกษาพรรค เป็นนายกฯขัดตาทัพนั้น อยากฝากนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาพรรค ยังจำคำพูดตัวเองได้หรือไม่ว่าหากมีประชาชนล้มตายจะแสดงความรับผิดชอบ หากนายบรรหารจะมาเจรจากับแกนนำนปช. ขอให้นายบรรหารลาออกจากพรรคร่วมรัฐบาลก่อนแล้วค่อยมาเจรจา รัฐบาลเป็นผู้สังหารประชาชน เอาอาวุธสงครามมาฆ่าประชาชน เวลานี้วิบากกรรมตกมาอยู่ที่คนสั่งการ เพราะทหารได้รับกรรมไปแล้ว ซึ่งเป็นคนที่สั่งฆ่าประชาชนช่วงเดือนเม.ย.2552 ที่ผ่านมา 2 คนเสียชีวิต อีก 1 คนต้องตัดขา ที่พูดไม่ได้สะใจ แต่อยากแสดงให้เห็นว่าเวรกรรมมีจริง
นายจตุพรกล่าวต่อว่า ยืนยันว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะไม่เจรจากับรัฐบาลอีกแล้ว จะชุมนุมต่อไปจนกว่าจะไม่มีคนชื่ออภิสิทธิ์เป็นนายกฯ รวมถึงนายชวน และพล.ต.สนั่นด้วย ต้องไม่ใช้เลือดของประชาชนเป็นบันไดได้มาซึ่งตำแหน่งนายกฯ กลุ่มคนเสื้อแดงไม่อาจยอมรับกระบวนการนี้ได้ คำเดียวคือยุบสภาคืนอำนาจประชาชน ส่วนคดีต้องว่ากันตามกฎหมาย
ม็อบแดงบุกกสทจี้เชื่อมพีทีวี
ส่วนที่นายสุเทพและผบ.ทบ.แถลงมีผู้ก่อการร้ายแฝงตัวเข้ามาในกลุ่มผู้ชุมนุมนั้น นายจตุพรกล่าวว่า ผู้ก่อการร้าย ก็คือทหาร และหัวหน้าผู้ก่อการร้ายชื่อสุเทพ ถ้านายอภิสิทธิ์และนายสุเทพยังยืนอยู่บนเก้าอี้นี้ต่อไป คงต้องสู้กันให้ตายไปอีกข้างหนึ่ง เพราะคนเสื้อแดงไม่ยอมให้ประชาชนตายเปล่าต้องมีคนรับผิดชอบและต้องมีคนติดคุก
ต่อมาเวลา 12.10 น.นายจตุพรประกาศบนเวทีราชประสงค์ ว่า สาเหตุที่การออกอากาศของสถานีโทรทัศน์พีเพิลแชนแนล มีปัญหามาจากบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด จึงขอกำลังคนเสื้อแดงส่วนหนึ่งไปทวงถามสาเหตุการปิดสัญญาณสถานีโทรทัศน์พีเพิลแชนแนล ที่ตึกบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด ย่านแจ้งวัฒนะ โดยนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง จะเป็นผู้นำขบวนกลุ่มผู้ชุมนุมไปพร้อมกับนายการุณ โหสกุล ส.ส.พรรคเพื่อไทย
เวลา 13.10 น.คณะกรรมการสมาคมนักข่าวนักหนังสือ พิมพ์แห่งประเทศไทย เดินทางไปยังเวทีชุมนุมของกลุ่มนปช. ที่สี่แยกราชประสงค์เพื่อหารือกับแกนนำนปช.เกี่ยวกับการรับประกันสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนในภาคสนาม โดยมี น.พ.เหวง โตจิราการ และนายจรัล ดิษฐาอภิชัย แกนนำนปช.ต้อนรับ น.พ.เหวงยืนยันว่าเคารพการทำงานของสื่อ มวลชนทุกคน และพร้อมให้ความปลอดภัยทั้งที่เวทีผ่านฟ้าลีลาศและราชประสงค์ แกนนำนปช.เข้าใจการทำงานของสื่อว่าเป็นไปตามหน้าที่ โดยย้ำให้ผู้ชุมนุมเข้าใจการทำงานของสื่อ ส่วนกรณีช่อง 11 คนที่มีปัญหา คือนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประสำนักนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่สื่อมวลชนในภาคสนาม
เทือกซัดมีผู้ก่อการร้ายแฝงม็อบ
เวลา 10.30 น. ที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุก เฉิน(ศอฉ.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ในฐานะผู้อำนวยการ ศอฉ. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ร่วมกันแถลงข่าวเป็นครั้งแรกหลังเกิดเหตุปะทะกันระหว่างทหาร และกลุ่มคนเสื้อแดงที่แยกคอกวัว เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รอง ผบ.ทบ. ร่วมรับฟังอยู่ด้านหลัง โดยการแถลงดังกล่าวได้ใช้เวลา 1 ชั่วโมง
นายสุเทพกล่าวว่า หลังจากการปฏิบัติการขอพื้นที่การจราจรคืนให้ชาวกทม.เมื่อวันที่ 10 เม.ย. และเกิดเหตุมีผู้ก่อการร้ายแฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมและใช้อาวุธสงครามทั้งเอ็ม 79 เอ็ม 16 อาก้า ระเบิดขว้างเต็มรูปแบบ ขว้างเข้าใส่เจ้าหน้าที่เป็นเหตุให้ทหาร พลเรือน ผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บเสียชีวิต ซึ่งเราเสียใจ หลังจากเหตุการณ์นั้นยังมีความพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง ปล่อยข่าวลือ ข่าวหลอก ทำให้ประชาชนสับสนหลายเรื่อง จึงต้องมาทำความจริงให้ปรากฏและแก้ไขความเข้าใจผิดทุกประเด็น เพราะถ้าปล่อยไปจะกลายเป็นความร้าวฉานของผู้บริโภคข่าวที่ผิดๆ
นายสุเทพ กล่าวว่า การที่ปล่อยข่าวว่าการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่เมื่อวันที่ 10 เม.ย. เป็นการประเมินสถานการณ์ที่ผิดพลาดของรัฐบาล หาว่ารัฐบาลกดดันทหารให้ปฏิบัติการโดยบังคับไม่ให้ใช้อาวุธนั้น ตนอยากชี้ให้เห็นว่าทั้งหมดนี้เป็นภาพที่เขาวาดขึ้น ภาพแรกเพื่อโยนความผิดให้รัฐบาล นายกฯ ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ มีคนเสียชีวิต มุ่งใช้คำว่ารัฐบาลต้องการสลายการชุมนุมและเป็นเหตุให้เกิดปะทะ เสียชีวิต เมื่อภาพนี้ปล่อยไปไม่สำเร็จ วันนี้มาปล่อยข่าวเพื่อมุ่งว่ารัฐบาลบีบบังคับทหารและทำให้ทหารเสียชีวิต ซึ่งไม่จริง
ยันไม่ผิด-มีจนท.สูญเสียมาก
นายสุเทพ กล่าวว่า ในการทำงานที่ศอฉ. มีคณะกรรมการหลายสิบคน ทั้งฝ่ายการเมือง ข้าราชการจากทุกกระทรวง มีมากกว่าทหาร และกว่าที่เราจะดำเนินการ มีการหารือในศอฉ. อย่างละเอียด ซึ่งนโยบายที่นายกฯมอบให้ศอฉ. ไปปฏิบัติคราวนี้ มีเพียงให้เราคิดหาวิธีเอาพื้นที่บางส่วนคืนกลับมาให้ประชาชน เพราะการที่ผู้ชุมนุมยึดพื้นที่ไว้นานๆ คนกทม.เดือดร้อนมาก พื้นที่ที่เขายึดไว้ ไม่ได้ใช้ชุมนุมทั้งหมด มีคน 2,000-3,000 คน แต่ยึดพื้นที่ตั้งแต่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยถึงรัฐสภาอย่างนี้มันมากเกินไป ศอฉ.จึงประชุมเพื่อกำหนดวิธีการปฏิบัติ
"ถ้าถามว่าผมทำผิดอะไร ผมสารภาพว่าความผิดพลาดของผมคือผมและเพื่อนร่วมงานที่ศอฉ.ไม่คิดมาก่อนว่าในกลุ่มผู้ชุมนุมจะมีคนที่ใช้อาวุธหนักมายิงใส่ทำร้ายเจ้าหน้าที่โดยไม่คำนึง ว่าจะมีลูกหลงถูกพลเมืองผู้บริสุทธิ์ ผมไม่คาดคิดว่าในกลุ่มผู้ชุมนุมจะมีเอ็ม 79 เอ็ม 16 อาก้า ระเบิดขว้าง เมื่อเราเริ่มปฏิบัติการตั้งแต่ต้น พอถึงสะพานมัฆวานส่วนหนึ่งเราหยุดแล้ว และกำลังส่วนอื่นที่เข้าไปด้านอื่น พอถึงเวลา 6 โมงเย็นไปแล้วก็หยุดอยู่กับที่แล้ว เตรียมจะถอนกลับ ช่วงจังหวะนั้นได้เกิดการระดมยิงเจ้าหน้าที่ อย่างหนักหน่วง เจ้าหน้าที่ถึงสูญเสียมาก" นายสุเทพกล่าว
รองนายกฯ กล่าวว่า วันที่ 11 เม.ย. ตนได้พูดกับนายดาบตำรวจที่วิ่งไปแล้วแย่งปืนจากกลุ่มคนที่เคลื่อนเข้าไปทำร้ายทหาร ได้ยึดปืนเอ็ม 79 เขาให้การชัดเจนว่ามีมาเป็นชุด ชุดที่เขาเผชิญหน้านั้นมี 5 คน ถือเอ็ม 16 จำนวน 3 คน ถืออาก้า 1 คน ถือเอ็ม 79 จำนวน 1 คน เขากระโดดปลุกปล้ำเอาปืนเอ็ม 79 มาได้ ส่วนพวกที่ถือเอ็ม 16 กับอาก้าก็วิ่งเข้าไปในกลุ่มเสื้อแดง และเข้าไปต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ นี่คือสิ่งที่ตนได้พบกับตัวเองและมีตัวตน สิ่งนี้ศอฉ.ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ไม่คิดว่าประเทศไทยในกลุ่มผู้ชุมนุมจะมีกลุ่มที่คิดเข่นฆ่าเจ้าหน้าที่รัฐด้วยความรุนแรงเสมือนอยู่ในสงครามเช่นนี้
ประวิตรด่าแหลกคนนอกคอก
ด้านพล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ในฐานะรองผอ.ศอฉ. และเป็นหนึ่งในคณะกรรมการทำงาน ทุกขั้นตอนดำเนินการตามที่ผอ.ศอฉ.กล่าว ตั้งแต่ฝ่ายข่าวทุกส่วน คือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทหาร ตำรวจ จะเอาข่าวสารต่างๆ มาร่วมกัน ชี้แจงให้ศอฉ.ทราบ จากนั้นผู้บัญชาการทุกคนจะร่วมกันพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรในเรื่องการขอพื้นที่คืนตามที่นายกฯให้นโยบายมา ซึ่งการข่าวของเจ้าหน้าที่ที่รับฟังจากประชาชนและแกนนำกลุ่มเสื้อแดงบอกว่าจะใช้วิธี สันติอหิงสาและไม่ใช้อาวุธสงคราม ไม่ใช้ความรุนแรง เช่นเดียวกันทหารก็ไม่อยากใช้ความรุนแรง พล.อ.อนุพงษ์ ได้ดำเนินการให้ทหารที่ต้องปะทะกับประชาชนมีเพียงโล่ กระบอง เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองเจ็บ แต่อีกส่วนหนึ่ง เราไม่คาดคิดคือมีผู้ใช้อาวุธสงครามกับเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ว่าปืนเอ็ม 79 ระเบิดที่โยนเข้ามากลางวงทหารบาดเจ็บทีเดียว 30 คน
"ทหารที่ไม่ได้ถืออาวุธก็อยู่ข้างหน้าและที่ถืออาวุธเพื่อป้องกัน เราไม่คาดคิดว่าเขาจะใช้อาวุธ ดังนั้นต้องแยกให้ออกว่าพวกนั้นเป็นกลุ่มใดจะเอาไปรวมกับประชาชนไม่ได้ ทหารไม่คิดทำร้ายประชาชน แต่คิดว่าจะทำยังไงให้ประชาชนปลอดภัย แต่สิ่งที่เราโดนคือคนนอกคอก ทำให้ทหารและประชาชนไม่เข้าใจกัน จุดนี้รัฐบาลบอกทหารว่าเขาจำเป็นต้องดำเนินการรุนแรงกับบุคคลที่อยู่นอกกฎหมายนี้อย่างเด็ดขาด เราประเมินสถานการณ์ตลอดเวลา เราไม่ได้ละเลย นายกฯและทหารทุกเหล่าทัพคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชน เจ้าหน้าที่ทำงานมีขั้นตอน แม้จะมีปะทะก็มีกฎการปะทะว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่สิ่งที่แปลกปลอมเข้ามาขณะนี้ คือคนจำพวกหนึ่งที่มีไม่มาก คนพวกนี้ต้องดำเนินการอย่างเฉียบขาด" พล.อ.ประวิตรกล่าว
บน-สะใจ - ม็อบเสื้อแดงหลายหมื่นคนที่ชุมนุมอยู่ตรงสี่แยกราชประสงค์ ชูกำปั้นร้องตะโกนดีใจดังสนั่นหวั่นไหว หลังแกนนำประกาศว่ากกต.มีมติยุบพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 12 เม.ย.
ล่างซ้าย-แห่ศพ- ขบวนรถคนเสื้อแดงเคลื่อนออกจากเวทีผ่านฟ้าฯ ตั้งแต่เช้าวันที่ 12 เม.ย. แห่ 18 ศพเหยื่อสลายการชุมนุมบริเวณถนนราชดำเนินเมื่อวันที่ 10 เม.ย. ไปทั่วกทม.
ล่างขวา-แห่แล้วเฮ - คนเสื้อแดงหลายหมื่นแห่ 18 ศพเหยื่อสลาย 10 เม.ย.ไปทั่วกรุง ขณะที่ผู้ชุมนุมสะพานผ่านฟ้าฯ ไชโยโห่ลั่น หลังแกนนำประกาศว่ากกต.มีมติยุบพรรคประชาธิปัตย์เรียบร้อย เมื่อวันที่ 12 เม.ย.
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เราต้องช่วยกันหาพวกนอกกฎหมายมาให้ได้ ตอนนี้การเจรจาจำเป็นมาก พวกที่ทำให้ประชาชนและเจ้าหน้าที่เสียชีวิตโดยการใช้อาวุธสงครามนั้น ถือว่าไม่ดีมากๆ ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ว่าอาวุธต่างๆ เหล่านั้นมาจากไหน และต้องจับกุมตามกฎหมาย เมื่อถามว่าจะจัดชุดไล่ล่าในทางลับหรือไม่ พล.อ. ประวิตร กล่าวว่า ไม่ทราบ เมื่อถามถึงการขอคืนพื้นที่จะมีขึ้นอีกหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า จะมีอีกหรือไม่เป็นนโยบายของรัฐบาล คณะกรรมการศอฉ.ตอบไม่ได้
ป๊อกเปรี้ยงยุบสภา-บ้านเมืองสงบ
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กองทัพไม่ได้ใช้อาวุธทำร้ายประชาชน แต่มีการใช้อาวุธสงครามในเหตุการณ์ ซึ่งถ้าทหารจะปราบจริงก็ทำได้ แต่ทหารไม่ต้อง การทำร้ายประชาชนที่เป็นคนไทยด้วยกัน และยืนยันทหารไม่ได้แตกแยกกับรัฐบาล และทหารไม่ได้แตกแยกกันเอง แต่ถ้ามันมี 5 คน 10 คนที่ออกไป ทหารที่รีไทร์ไปแล้วใครเลี้ยงไว้ยังไงก็มี อย่างนี้ไม่ใช่ความแตกแยกในหมู่ทหาร
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ตนคงไม่ยอมให้ยึดพื้นที่อยู่อย่างนั้น แต่คิดว่าถ้าทางการเมืองหลายฝ่ายออกมา ซึ่งตอนนี้มันบังคับให้กลับไปสู่การเมือง ซึ่งการเมืองเดิมทำกันอยู่ แต่มันไปหยุดอยู่ที่จุดๆหนึ่ง ตนประเมินว่ามันต้องกลับไปที่การเมืองและต้องจบที่นั่น พอใจไม่พอใจก็ต้องหยุดและสังคมต้องเป็นตัวตัดสิน ถ้าถึงจุดนั้นการเมืองและสังคมจะทำให้ทุกอย่างจบได้ ซึ่งปัญหาการเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง
เมื่อถามว่าควรจบด้วยการเจรจาและนำไปสู่การยุบสภาใช่หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ถ้าการเมืองเขาแก้กันไม่ได้ เข้าใจว่าเรื่องประ เด็นการยุบสภา ตนเข้าใจว่าต้องยุบ คิดว่ามันต้องจบด้วยการยุบ ส่วนจะยุบเมื่อไหร่เขาไปเจรจาเพื่อให้เกิดกรอบเวลา มันมีเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญด้วย แต่เข้าใจว่ามันคงไปจบที่ยุบสภา หรือบางคนมาเสนอใหม่ว่าเป็นรัฐบาลแห่งชาติ ก็ว่ากันเองแล้วกัน ขอให้สงบก็พอ
ส่วนที่มีคนมองว่ากองทัพไม่ยอมทำอะไรเพราะผบ.ทบ.ประคองตัวเนื่องจากใกล้เกษียณอายุราชการนั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า สิ่งที่ตนทำมาตลอดไม่เคยคิดเช่นนั้น ตนจะดูตามสิ่งที่ควรกระทำ ประเทศชาติได้ประโยชน์ กองทัพไม่เสียหายตนก็ทำ ซึ่งไม่กลัวว่าจะโดนปลด จะ 3 เดือน 5 เดือนมันไม่ใช่ประเด็น กองทัพเพียงแต่หวังต้องการให้เกิดความสงบในบ้านเมือง (อ่านรายละเอียดน.3)
มาร์คแถลงแฉผู้ก่อการร้าย
ต่อมาเวลา 14.05 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แถลงการณ์ที่ศาลากิตติสุข โดยฉากหลังมีการตกแต่งด้วยพื้นสีฟ้า มีรูปพานรัฐธรรมนูญขนาดใหญ่อยู่ด้านขวา ด้านซ้ายเป็นรูปพานรัฐธรรมนูญที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยโดยนายกฯ ใช้เวลาเพียง 5 นาทีในการแถลง ซึ่งวันนี้สีหน้านายกฯ สดใสขึ้น
นายอภิสิทธิ์ แถลงว่าการรายงานสถาน การณ์ในแนวทางการดำเนินงานของรัฐบาลต่อปัญหาสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนั้น ขอเรียนประชาชนว่า หลังเกิดเหตุการณ์ 10 เม.ย.ที่ผ่านมาต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ประชาชนจะได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารมากขึ้นโดยลำดับ ทำให้เห็นเหตุการณ์ชัดเจนมากว่าเหตุการณ์ในวันนั้นเกิดขึ้นอย่างไร จากภาพรวมเราเริ่มมองเห็นชัดเจนแล้วว่ามีบุคคลจำนวนหนึ่งซึ่งถือว่าเป็นผู้ก่อการร้าย อาศัยการที่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่มาชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยและปัญหาความไม่ยุติธรรมเป็นเครื่องมือเพื่อก่อความไม่สงบในบ้านเมือง หวังผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ รัฐบาล ทุกหน่วยงานตลอดจนเจ้าหน้าที่ รวมถึงศอฉ. จึงกำหนดมาตรการดำเนินงานต่อไป มุ่งแยกแยะกลุ่มก่อการร้ายดังกล่าวออกจากประชาชนผู้บริสุทธิ์ อยากจะเรียกร้องประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่าได้เข้าร่วมหรือเป็นเครื่องมือกระบวนการนี้ เมื่อเราได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นจะสามารถกำหนดมาตรการให้เหมาะสมต่อไปในส่วนของการแก้ไขปัญหาความไม่สงบที่เกิดขึ้น
โต้พรรคร่วมเตรียมสละเรือ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าในส่วนของปัญหาข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมในเรื่องความไม่ยุติธรรมหรือประชาธิปไตยนั้นเป็นปัญหาที่ต้องแก้โดยฝ่ายการเมือง ตน รัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลหารือกันอย่างต่อเนื่อง นำเอาข้อเสนอที่ตนใช้ในการเจรจากับแกนนำนปช.ก่อนเกิดสถาน การณ์ฉุกเฉินมาเร่งรัดในการปรับเพื่อนำเสนอเป็นคำตอบในทางออกสำหรับการแก้ปัญหาหาทางการเมืองต่อไป การดำเนินการทั้งสองส่วนคือการบริหารและแก้ไขสถานการณ์ที่จำเป็นต้องแยกแยะให้ชัดเจนระหว่างประชาชนผู้บริสุทธิ์ กับบรรดากลุ่มผู้ก่อการร้ายและความไม่สงบ การแก้ไขทางการเมืองจะต้องดำเนินการคู่ขนาน ขณะนี้ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล กองทัพ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ตลอดจนพรรคร่วมรัฐบาลดำเนินการอย่างเป็นเอกภาพ สอดคล้องกันเพื่อมุ่งมั่นนำไปสู่การแก้ไขปัญหาความไม่สงบที่เกิดขึ้นทั้งหมด
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 เม.ย.นั้น ต้องประมวลตรวจสอบข้อเท็จจริง ถ้ามีความชัดเจนต้องแสดงความรับผิดชอบรัฐบาลจะตั้งคณะกรรมการประมวลเหตุการณ์ เช่นเดียวกับที่เคยดำเนินการหลังเหตุการณ์เดือนเม.ย.52 และพร้อมร่วมมือกับกระบวนการตรวจสอบที่ดำเนินการโดยองค์กรที่มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงและเป็นอิสระ เช่น คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ ขณะเดียวกันการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ทั้งผู้สูญเสีย บาดเจ็บ ไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายใดจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องรวมถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นในทางเศรษฐกิจกับบรรดาผู้ประกอบการ
"รัฐบาลจะเดินหน้าสะสางปัญหาต่างๆ ตามแนวทางอย่างรวดเร็วที่สุด และขอความร่วมมือจากประชาชนอีกครั้งในการสนับสนุนรัฐบาลดำเนินการตามแนวทางดังกล่าว" นายอภิสิทธิ์กล่าว
ตู่สวน"มาร์ค"หน.ก่อการร้าย
หลังจากที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวไม่ลาออกจากตำแหน่ง โดยจะให้ตั้งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) หรือตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมาสอบสวนกรณีที่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากเหตุปะทะระหว่างทหารและกลุ่มคนเสื้อแดงเหมือนช่วงสงกรานต์ 52 นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. ขึ้นเวทีปราศรัยกล่าวโจมตีนายอภิสิทธิ์ ว่า เหตุการณ์เมื่อเดือนเม.ย.52 ยังไม่มีข้อเท็จจริงอะไรออกมา ทั้งกรณีการยึดรถแก๊ส รถเมล์ หรือกรณีที่ถนนเพชรบุรี ที่ปะทะกับชาวบ้านมัสยิด รวมถึงย่านนางเลิ้งนั้น ที่มีคณะกรรมการขึ้นมาสอบแต่ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ เพราะคนที่เป็นตัวการคือนายอภิสิทธิ์ ดังนั้นการที่ระบุว่าจะตั้งกรรมการขึ้นมาสอบสวนถือเป็นการซื้อเวลาของฆาตกร ทรราช ซึ่งเราไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมา
นายจตุพรกล่าวว่า ส่วนกรณีที่พล.อ.อนุพงษ์ระบุว่า ปัญหาการเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง โดยนายกฯควรยุบสภานั้น ท่าทีของพล.อ.อนุพงษ์แสดงความชัดเจนออกมาระดับหนึ่ง และเข้าใจได้ว่าเป็นคำขู่ของทหารที่ไม่เห็นด้วยกับการปราบปรามประชาชน สำหรับกรณีที่กล่าวหาว่าคนเสื้อแดงใช้ปืนเอ็ม 79 ยิงทหาร ต้องถามกลับว่าแล้วการที่เอาสไนเปอร์ ปืนติดลำกล้องยิงระยะไกล ไปตั้งอยู่บริเวณโรงเรียนสตรี วิทยา สี่แยกคอกวัว เพื่อยิงหัวคนเสื้อแดง ดังนั้นที่มีการกล่าวหาว่าเสื้อแดงเป็นผู้ก่อการร้ายนั้นเป็นการพยายามบิดเบือนของนายกฯ หัว หน้าคนก่อการร้ายก็คือนายอภิสิทธิ์ ภารกิจเรายังไม่จบเพราะต้องต่อสู้กับฆาตกรต่อไป ต่อจากนี้ขอส่งสัญญาณว่านายอภิสิทธิ์อยู่ที่ไหน คนเสื้อแดงมีหน้าที่ต้องนำนายอภิสิทธิ์ส่งตำรวจฐานฆ่าประชาชน
ม็อบแดงแห่ 18 โลงศพไปทั่วกรุง
ผู้สื่อข่าวรายงานจากเวทีสะพานผ่านฟ้าฯว่า เวลา 10.00 น. กลุ่มคนเสื้อแดงได้ตั้งขบวนรถเพื่อแห่โลงศพวีรชน 10 เม.ย.ที่เสียชีวิตจำนวน 18 ราย โดยจัดขบวนรถมอเตอร์ไซค์นับพันคันนำขบวน ตามด้วยรถ 6 ล้อของแกนนำนปช. ที่มีนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ และนายเจ๋ง ดอกจิก ยืนปราศรัยอยู่บนรถ ตามด้วยรถปิกอัพ 16 คัน ที่มีโลงศพเปล่าคลุมด้วยธงชาติ พร้อมภาพผู้เสียชีวิตและพวงหรีด มีญาติผู้เสียชีวิตนั่งอยู่บนรถด้วย โดยได้เคลื่อนขบวนออกจากเวทีสะพานผ่านฟ้าฯ มุ่งออกไปแยกยมราช มุ่งไปตามถนนเพชรบุรี เลี้ยวขวาเข้าถนนบรรทัดทอง และเลี้ยวซ้ายตรงไปทางถนนพระราม 4 ผ่านสี่แยกคลองเตย เข้าคลองตัน และตรงเข้าถนนราม คำแหง ผ่ายแยกลำสาลี เลี้ยวเข้าถนนลาดพร้าว ตรงเข้าถนนพหลโยธิน ผ่านอนุสาวรีย์ชัยสมร ภูมิ เข้าประตูน้ำ มุ่งเข้าถนนอโศกมนตรี ก่อนจะเลี้ยวขวาเข้าถนนสุขุมวิท เลี้ยวซ้ายเข้าถนน วิทยุ ออกพระราม 4 เลี้ยวเข้าสีลม เจริญกรุง เยาวราช และกลับมาที่เวทีปราศรัยผ่านฟ้าในเวลา 15.00 น. โดยใช้เวลาเคลื่อนขบวนนาน 5 ชั่วโมง มีขบวนยาวเหยียดหลายกิโลเมตร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างขบวนเคลื่อนผ่านตึกยูเอ็มทาวเวอร์ คลองตัน ปรากฏว่ามีผู้ไม่พอใจได้ขว้างขวดกาแฟพลาสติกจากบนตึกลงมาที่ถนน ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมไม่พอใจ แหงนหน้าขึ้นไปบนตึก พยายามหาตัวคนโยนขวดดังกล่าวลงมาแต่ไม่พบ จากนั้นสักครู่ เมื่อขบวนเคลื่อนมาถึงด้านหน้าการไฟฟ้านครหลวง คลองตัน ปรากฏว่ามีกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วย ได้ออกมาตะโกนด่าทอจากบนตึก ทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงปรี่จะบุกเข้าไปเอาเรื่อง แต่ถูกการ์ดนปช.ห้ามไว้
เรียกร้องให้ไว้อาลัยกับวีรชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อขบวนเคลื่อนผ่านที่ทำการทีวี 2 ช่อง คือช่อง 3 ถนนพระราม 4 กลุ่มผู้ชุมนุมได้โห่ไล่ช่างภาพของสถานีที่พยายามลงมาบันทึกภาพ ทำให้ช่างภาพต้องล่า ถอยไป และเมื่อมาถึงถนนพหลโยธิน บริเวณหน้าทีวีช่อง 5 กองทัพบก กองทัพมอเตอร์ไซค์ได้หยุดรถพร้อมส่งเสียงโห่ดังลั่น และขว้างขวดน้ำพลาสติกเข้าไปที่ป้อมด้านในที่มีทหารยืนตรึงกำลังอยู่ และตะโกนด้วยความไม่พอใจว่าสื่อไม่เป็นกลาง บิดเบือนการเสนอข่าวการสลายการชุมนุม รัฐบาลฆ่าประชาชน
เมื่อขบวนรถเคลื่อนมาถึงหน้าโรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก ถนนเจริญกรุง ปรากฏว่ากลุ่มคนเสื้อแดงหลายคนเข้าไปฉีกป้ายผ้าที่มีข้อความว่า "ชาวเจริญกรุงไม่สนับสนุนความรุนแรง" ทิ้งด้วยความไม่พอใจ นอกจากนี้ยังเข้าไปฉีกกระดาษที่เขียนข้อความ "หยุดทำร้ายชาติ" ติดอยู่ที่เสาไฟฟ้าข้างถนนด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
นายสุภรณ์ ปราศรัยบนรถว่า การเคลื่อนขบวนวันนี้เราไม่ได้เอาศพมาประจาน แต่อยากให้พี่น้องมาร่วมแสดงความเสียใจ และไว้อาลัยแก่วีรชนผู้เสียสละชีวิต เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินให้เป็นประชาธิปไตย นี่คือฝีมือของรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ที่สั่งทหารฆ่าประชาชน
คนเสื้อแดงร่ำไห้-แห่บริจาคเงิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดการเคลื่อนขบวนนั้น นายสุภรณ์ได้ตะโกนว่า "นายอภิสิทธิ์ฆ่าประชาชน นายอภิสิทธิ์เป็นฆาตกร" ตลอดการเคลื่อนขบวน นอกจากนี้หลายจุด อาทิ คลองเตย บิ๊กซี ลาดพร้าว มีกลุ่มคนเสื้อแดงในพื้นที่ได้ออกมาปรบมือให้กำลังใจพร้อมนำน้ำดื่มมามอบให้ผู้ร่วมขบวน นอกจากนี้บางเส้นทางที่ขบวนรถเคลื่อนผ่าน มีคนเสื้อแดงบางคนถึงกับร่ำไห้ออกมากับการเสียชีวิตของวีรชนคนเสื้อแดง บางคนยืนไว้อาลัย บางคนตะโกนแสดงความ เสียใจ และยังมอบเงินร่วมทำบุญด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับศพวีรชนที่นำมาแห่ครั้งนี้มีจำนวน 18 ศพ โดยนำโลงศพตั้งบนรถกระบะคันละ 1 ศพ แต่ละศพมีพวงหรีดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ และอดีตส.ส.พรรคไทยรักไทย โดยมีญาติของผู้เสียชีวิตร่วมขบวนไปด้วย ทั้งนี้ขบวนแถวหน้าจะเป็นรถจักรยานยนต์กว่า 500 คัน ตามด้วยรถโมบายบรรทุกเครื่องขยายเสียง 6 ล้อโดยมีนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ เจ๋ง ดอกจิก อยู่บนรถ ตามด้วยขบวนรถกนะบะบรรทุกศพวีรชนจำนวน 18 ศพ ทั้งนี้ศพอยู่เพียง 2 ศพ ส่วนที่เหลือเป็นโลงเปล่าโดยมีรูปภาพตั้งอยู่ด้วยพร้อมพวงหรีด และปิดท้ายด้วยรถบรรทุก 6 ล้อและรถกลุ่มคนเสื้อแดง รถจักรยานยนต์ รวมแล้วกว่า 1 หมื่นคน
ขวัญชัยบุกไปถึงหน้าบ้านมาร์ค
ระหว่างทางนายสุภรณ์ ได้สั่งให้เปิดเพลงธรณีสรรแสงไว้อาลัยให้คนเสียชีวิตตลอดทาง เริ่มจากสะพานผ่านฟ้า เคลื่อนไปถนนหลาน หลวง ยมราช เลี้ยวขวาแยกเพชรพระราม เข้าถนนบรรทัดทอง เลี้ยวขวาถนนพระราม 4 มุ่งหน้าแยกศาลาแดง และเข้าเส้นสุขุมวิท จากนั้นวกกลับเข้ามาเส้นถนนรามคำแหง ลำสาลี ลาด พร้าว อิมพีเรียล จตุจักร สะพานควาย อนุ สาวรีย์ชัยฯ ก่อนจะไปเยาวราช จากนั้นไปถนนเพชรบุรี ตรงมายังสะพานผ่านฟ้า ก่อนจะนำโลงศพทั้งหมดไปตั้งอยู่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิป ไตยเพื่อสวดศพเป็นคืนที่ 2
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงที่ขบวนเคลื่อน ออกไป กลุ่มนายขวัญชัย ไพรพนา ได้แยกออกจากขบวนเพื่อเดินทางไปยังหน้าบ้านของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ที่ซอยสุขุมวิท 31 โดยเมื่อไปถึงได้พบกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลดักอยู่บริเวณปากซอยสุขุมวิท ขณะที่หน้าบ้านพักก็มีกำลังตำรวจคอมมานโด พร้อมนำลวดหนามมากั้นรอบบ้านพร้อมรั้วเหล็กเพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มเสื้อแดงบุกเข้าไป ซึ่งหลังจากที่กลุ่มเสื้อแดงมาถึงได้มีการเจรจากัน โดยนายขวัญชัยได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ขอให้เปิดทางเพื่อเข้าไปปราศรัยที่หน้าบ้านนายกฯ ถึงเหตุการณ์สลายการชุมนุม โดยเจรจากันนาน 10 นาที เจ้าหน้าที่จึงค่อยๆถอนร่นไปอยู่ตรงแยกหน้าบ้าน นายกฯ จากนั้นแกนนำได้ปราศรัยอยู่ประมาณ 20 นาที ก่อนจะเคลื่อนตัวกลับเวทีสะพานผ่านฟ้า โดยไม่มีเหตุรุนแรงใดๆ ก่อนขบวนผู้ชุมนุมเดินทางกลับไปที่เวทีสะพานผ่านฟ้าฯ
คดีนักข่าวญี่ปุ่น -พ.ต.อ.จุน มารุยาม่า ตำรวจสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เข้าพบพล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 เพื่อติดตามคดีนายฮิโรยูกิ มูราโมโต้ ผู้สื่อข่าวญี่ปุ่นเสียชีวิตในเหตุการณ์สลายม็อบเสื้อแดง
อดิศรแฉเติ้งขอเวลาอีก6เดือน
ต่อมาเวลา 15.00 น. นายอดิศร เพียงเกษ แกนนำนปช. ปราศรัยที่เวทีสะพานผ่านฟ้าลีลาศว่า วันนี้นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย โทรศัพท์มาหาตน โดยการประ สานงานของนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรองหัวหน้าพรรคชาติไทย ซึ่งตนบอกนายบรรหารว่าขอให้ถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ แต่นายบรรหารบอกว่าไม่ได้ ขอเวลา 6 เดือนได้หรือไม่ เพราะมีสัจจะ อยู่กับใครจะอยู่กับคนนั้น ตนบอกไปว่า แต่ตอนนี้มีคนตายเป็นจำนวนมากแล้วนายบรรหารจะมีสัจจะไปทำไม เพราะตอนนี้ไม่สามารถพึ่งอดีตนายกฯได้ ดังนั้นขอให้คนสุพรรณฯ จำไว้ให้ดี
ก่อนหน้านี้เวลา 13.30 น. ที่ด้านหลังเวทีสะพานผ่านฟ้าฯ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 ได้มาพบกับแกนนำนปช. โดยเจรจากับนายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย เพื่อขอรถยนต์ของทหารคืนจำนวน 40 คันที่ถูกกลุ่มคนเสื้อแดงยึดไว้ทุกจุดในพื้นที่ชุมนุม ต่อมาพล.ต.ต.วิชัยได้เดินทางไปยังสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า เพื่อแจ้งให้การ์ดนปช. อำนวยความสะดวกให้เจ้าหน้าที่ทหาร เนื่องจากสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าเป็นเส้นทางเสด็จและเส้นทางการจราจรสายสำคัญ จึงควรเร่งเปิดภายในวันนี้เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความตึง เครียดและเดือดร้อน อย่างไรก็ตาม พ.ท.คมกฤช อินทร หน.กยข. ขสทบ. เป็นตัวแทนรับรถยนต์ทหารคืน จากนั้นพ.ท.คมกฤช จะเดินทางไปยังจุดต่างๆ เพื่อนำรถยนต์ของทหารคืน อย่างไรก็ตาม รถทหารจะถูกนำส่งศูนย์ซ่อมสร้าง กรมสรรพาวุธทหารบก จ.ปทุมธานี ส่วนรถยนต์ของเอกชนจะนำไปยังสน.ในพื้นที่เพื่อสอบสวนว่ามาอยู่ในที่เกิดเหตุได้อย่างไร
นายกฯยุ่นจี้ไทยสอบนักข่าวตาย
ที่บก.น.1 พ.ต.อ.จุน มารุยาม่า เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำสถานทูตญี่ปุ่น ประจำประเทศไทย พร้อมล่ามชาวญี่ปุ่น เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 เพื่อสอบ ถามและติดตามความคืบหน้ากรณีการเสียชีวิตของนายฮิโรยูกิ มูราโมโต้ ผู้สื่อข่าวญี่ปุ่นของสำนักข่าวรอยเตอร์ ภายหลังเหตุการณ์ปะทะของกลุ่มคนเสื้อแดงและเจ้าหน้าที่ทหารเป็นเหตุให้เสียชีวิต ที่แยกคอกวัว เมื่อค่ำวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดแต่อย่างใด
สำนักข่าวซินหัวประจำกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น รายงานว่า นายยูกิโอะ ฮาโตยามะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ให้สัมภาษณ์ก่อนออกเดินทางไปร่วมประชุมความมั่นคงด้านนิวเคลียร์ ณ กรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ถึงกรณีนายฮิโร มูราโมโตะ ชาวญี่ปุ่น วัย 43 ปี ผู้สื่อข่าวและช่างภาพโทรทัศน์ สำนักข่าวรอยเตอร์ ซึ่งถูกยิงตายขณะทำข่าวทหารไทยปะทะม็อบเสื้อแดงบริเวณถนนราชดำเนิน ว่า ขอความแสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตของนายมูราโมโตะและขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยสืบสวนหาสาเหตุที่เกิดขึ้น พร้อมกับเพิ่มมาตรการดูแลความปลอดภัยของพลเมืองญี่ปุ่นในไทย และหาทางยุติความวุ่นวายภายในประเทศโดยเร็วที่สุด ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไทย ส่งจดหมายส่วนตัวถึงนายฮาโตยามะเมื่อวันอาทิตย์ มีเนื้อหาให้คำมั่นว่าจะเปิดการสอบสวนหาสาเหตุการตายของนายมูราโมโตะ
พม.ทุ่ม 50 ล้านเยียวยา
ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) บ้านราชวิถี นายอิสสระ สมชัย รมว.การพัฒนาสังคมฯ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการศูนย์เยียวยาช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ว่า ข้อมูลจากศูนย์เอราวัณแจ้งจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุปะทะเมื่อวันที่ 10 เม.ย.มี 863 ราย จำนวนนี้เสียชีวิต 21 ราย ยังรักษาตัวที่โรงพยาบาล 312 ราย และกลับบ้านรักษาตัว 530 ราย ทางศูนย์ฯพร้อมให้การช่วยเหลือเยียวยาทุกราย รวมถึงผู้สื่อข่าวชาวญี่ปุ่นด้วย โดยจะนำเงินจากการเยียวยาช่วยเหลือเหตุการณ์ความไม่สงบเมื่อเดือนต.ค.2551 ที่ยังคงเหลือ 25 ล้านบาทมาดำเนินการ เงินดังกล่าวหากคำนวณจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตแล้วยังขาดอีก 12 ล้านบาท ดังนั้น จะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 20 เม.ย.นี้ เพื่อขอ งบกลาง สำรองเพิ่มอย่างน้อยอีก 25 ล้านบาท รวมของเดิมเป็น 50 ล้าน เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ และคาดว่าจะเบิกจ่ายงวดแรกให้กับผู้เสียหายได้กลางเดือนพ.ค.นี้
นายอิสสระ กล่าวว่า ผู้ได้รับความเสียหายหรือญาติ ยื่นขอรับการช่วยเหลือได้ที่ศูนย์เยียวยาฯ ตั้งอยู่ที่สำนักคุ้มครองสวัสดิภาพชุมชน ภายในบริเวณสถานสงเคราะห์เด็กหญิงบ้านราชวิถี ถ.ราชวิถี เขตราชวิถี กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 12 เม.ย.เป็นต้นไป โดยได้ประสานให้เจ้าหน้าที่คอยรับเรื่องไว้ตลอด 24 ช.ม.ไม่มีวันหยุดราชการ โทร.0-2354-3140-1, 0-2306-8957-8 หรือศูนย์ประชาบดี 1300 หากยื่นเอกสารให้ติดต่อในเวลา 08.00-18.00 น. โดยเมื่อวันที่ 11 เม.ย.มีผู้มาติดต่อขอรับความช่วยเหลือแล้ว 5 ราย แยกเป็นผู้บาดเจ็บ 4 ราย และญาติผู้เสียชีวิต 1 ราย รวมทั้งประสานขอให้ส่งกลับบ้าน 5 ราย
ตั้งทีมชันสูตรศพเหยื่อสลายม็อบ
ทั้งนี้ ผู้ยื่นคำร้องขอความช่วยเหลือต้องยื่นเอกสารดังนี้ สำเนาบัตรประจำตัว สำเนาทะเบียน บ้าน ใบรับรองแพทย์ รวมถึงสำเนาบันทึกประจำวันจากสถานีตำรวจในพื้นที่ใดก็ได้ ซึ่งตนประสานผบช.น.อำนวยความสะดวกทุกท้องที่ เพื่อให้เกิดความรอบคอบเนื่องจากเหตุการณ์เมื่อต.ค.2551 พบผู้สวมรอยขอรับเงินทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ ส่วนหลักเกณฑ์ความช่วยเหลือ กรณีบาดเจ็บเล็กน้อยเข้ารักษาที่ร.พ.แต่ไม่นอนพัก 20,000 บาท นอนรักษาที่ร.พ.ไม่เกิน 20 วัน 60,000 บาท นอนรักษาที่ร.พ.เกิน 20 วัน 100,000 บาท ทุพพลภาพ 200,000 บาท และเสียชีวิต 400,000 บาท รวมทั้งช่วยเหลือต่อเนื่องกรณีทุพพลภาพและทายาทผู้เสียชีวิตทั้งด้านเงินยังชีพและทุนการศึกษา
วันเดียวกัน พล.ต.ท.จงเจตน์ อาวเจนพงษ์ นายแพทย์ใหญ่(สบ 8) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจชันสูตรพลิกศพ กรณีมีผู้เสียชีวิตจากเหตุจลาจลในพื้นที่กทม. และส่งศพผ่าพิสูจน์ที่สถาบันนิติเวชวิทยา สำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อหาสาเหตุการตายที่แท้จริง ซึ่งทางสถาบันนิติเวชวิทยา ร่วมกับสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทย และผู้เข้าสังเกตการณ์ ร่วมเป็นคณะแพทย์เพื่อเข้าร่วมชันสูตรศพ ดังนี้ 1.ศ.คลินิก น.พ.สมชาย ผมเอี่ยมเอก 2.รศ.พ.ญ.นันทนา ศิริทรัพย์ 3.พล.อ.ต. น.พ.วิชาญ เบี้ยวนิ่ม 4.พล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ เสาวคนธ์ 5.รศ.น.พ.วิสูตร ฟองศิริไพบูลย์ 6.พ.ท.น.พ.เอนก ยมจินดา 7.รศ.น.พ.สุพจน์ แจ่มสุวรรณ 8.น.พ.ทศนัย พิพัฒน์โชติธรรม 9.น.พ.นิติกร โปริสวาณิชย์ 10.น.พ.สฤษดิ์ ศรีนุกูล 11.น.พ.เชิดชัย ตัยติศิรินทร์ 12.น.พ.ชลน่าน ศรีแก้ว
อริสมันต์พาจยย.แดงบุก"กสท"
ก่อนหน้านี้ เวลา 12.30 น. นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง นำกลุ่มนปช. ซึ่งใช้รถจักรยาน ยนต์กว่า 200 คัน เดินทางมายัง บริษัท กสท จำกัด ถนนแจ้งวัฒนะ หลังทราบว่า กสทได้ส่งสัญญาณคลื่นรบกวนดาวเทียม ส่งสัญญาณสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมพีเพิลแชนแนล โดยเมื่อเดินทางมาถึงกลุ่มนปช. ได้กระจายกันล้อมอาคาร กสทไม่ให้ผู้ใดเข้าออกบริษัท ก่อนที่นายจิรยุทธ์ รุ่งศรีทอง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทกสท จะเดินทางมาเจรจากับนายอริสมันต์ โดยบอกกับนายอริสมันต์ว่า กสทไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการส่งสัญญาณคลื่นรบกวนสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมพีเพิลแชนแนล แต่นายอริสมันต์บอกว่าเรารู้มาว่าที่กสทส่งคลื่นรบกวน ก่อนจะให้นายจิรยุทธ์นั่งซ้อนท้ายรถจักรยาน ยนต์ของกลุ่มนปช. เดินทางไปยังศูนย์ส่งสัญญาณของกสท ที่จังหวัดนนทบุรี โดยนายจิรยุทธ์ก็ยินยอมที่จะซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ร่วมเดินทางไปกับกลุ่มนปช.ที่มีนายอริสมันต์ เป็นแกนนำร่วมเดินทางไป
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า เมื่อเดินทางมาถึงศูนย์ส่งสัญญาณ กสทจังหวัดนนทบุรี นายจิรยุทธ์ ได้พานายอริมันต์เข้าไปยังศูนย์ส่งสัญญาณ เพื่อตรวจสอบ โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที จากนั้นนายอริสมันต์ พร้อมด้วยนายจิรยุทธ์ จึงร่วมกันแถลงข่าว ภายในห้องส่งสัญญาณ
โดยนายอริสมันต์ เปิดเผยว่า เราได้ตรวจสอบพบว่า กสท เป็นผู้ส่งสัญญาณรบกวนคลื่นการออกอากาศสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมพีเพิลแชนแนล วันนี้จึงต้องเดินทางมาขอคำยืนยันว่า มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ แต่เมื่อตรวจสอบแล้ว และนายจิรยุทธ์ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เราก็ไม่ติดใจ แต่ถ้าพบว่า กสท ยังส่งคลื่นรบกวนอีกเราก็จะเดินทางมาอีก ซึ่งครั้งแรกเราพบว่า ผู้ส่งสัญญาณรบกวน คือ เอ็นบีที ก่อนจะย้ายมาเป็น กสท และล่าสุดย้ายไปส่งสัญญาณรบกวน อยู่ที่ชลบุรี จึงอยากฝากถึงรมว.ไอซีทีด้วยว่า ขณะนี้ประชาชนชนะแล้ว ขอให้ถอนตัวออกมาจากรัฐบาล และให้ดูแลสัญญาณของช่องพีเพิลแชนแนลให้ดี
จากนั้นนายอริสมันต์ จึงออกมาบอกกลับกลุ่มนปช.ที่กระจายกำลังล้อมศูนย์ส่งสัญญาณ ซึ่งต่างโห่ร้อง ก่อนจะพากันเดินทางกลับไปรวมกับกลุ่มนปช.ที่ราชประสงค์
แดงร่ำไห้ระงมรับศพผู้เสียชีวิต
ที่สถาบันนิติเวชวิทยา ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการรับศพของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุนย่านราชดำเนินเมื่อคืนวันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยพื้นที่รับรองญาติเต็มไปด้วยญาติของผู้เสียชีวิต บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า แต่ละครอบครัวนั่งจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล นอกจากนี้มีตัวแทนของนปช.ที่มาอำนวยความสะดวกและจดบันทึกว่าญาติจะนำศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดใดเพื่อเผยแพร่ให้บรรดาเสื้อแดงไปร่วมบำเพ็ญกุศล
นางนาง ตติยรัตน์ อายุ 55 ปี อาชีพค้าขาย มารดาของนายอำพน ตติยรัตน์ อายุ 26 ปีที่เสียชีวิต กล่าวว่า มีลูกชาย 2 คน นายอำพนเป็นลูกชายคนโต ศึกษาอยู่คณะนิติศาสตร์ ม.ศรี ปทุม ปี 4 เขาเริ่มสนใจที่จะมาชุมนุมเมื่อกลุ่มเสื้อแดงมาชุมนุมที่ย่านราชประสงค์ เนื่องจากใกล้บ้านย่านราชปรารภ หลังจากไปฟังวันแรกน้องเขาบอกว่าเสื้อแดงมีอุดมการณ์เหมือนกัน และเขาก็เริ่มไปเกือบทุกวัน เมื่อครั้งที่เคลื่อนขบวนไปสถานีบริการดาวเทียมไทยคมเขาก็ติดรถเพื่อนไปด้วย ยังโทรศัพท์มาบอกแม่ว่าทหารจะสลายการชุมนุมแล้ว เขาฉีดน้ำ ยิงแก๊สน้ำตา น้องโดนน้ำก็อยู่ตรงนั้นไม่บาดเจ็บ ทหารก็มาช่วย ยิงแก๊สน้ำตาแล้วก็ไม่มีอะไรรุนแรง เสร็จแล้วก็จับมือกัน แต่แม่ก็เป็นห่วง ตนก็บอกเขาเสมอว่าให้อยู่ห่างๆ ตลอด
พ่อแม่เผยปล่อยโฮรู้ว่าลูกตาย
นางนางกล่าวต่อว่า คืนวันเกิดเหตุลูกชายลืมโทรศัพท์มือถือไว้ที่กางเกงอีกตัว จึงติดต่อไม่ได้ หลังทราบว่ามีการสลายการชุมนุมจนมีผู้เสียชีวิต เราไม่รู้ว่าลูกชายอยู่ราชประสงค์หรือผ่านฟ้า แต่เห็นรายชื่อเขาบนตัววิ่งของโทรทัศน์ มีคนชื่ออำพนด้วย แต่อายุมากกว่า เราไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ไปที่ร.พ.ที่มีคนเจ็บมากที่สุดคือ ร.พ. กลาง และญาติๆ ก็แยกย้ายกันไปหาตามร.พ. ต่างๆ และที่เวทีชุมนุมด้วย เมื่อไปถึงเราก็ขอดู ศพเมื่อใช่ก็โฮเลย เสียใจที่เกิดขึ้นกับลูกชายเรา
ด้านนายสุรดิษฐ์ ตติยรัตน์ อายุ 56 ปี บิดากล่าวด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยว่า การชุมนุมครั้งนี้เกิดจากความเห็นแก่ตัว ผลประโยชน์ของสองฝ่าย ตนเป็นกลางไม่อยู่ฝ่ายไหน เสื้อแดงเขาก็มีผลประโยชน์ มีอุดมการณ์ของเขา ส่วนรัฐบาลก็ต้องยอมรับว่ามีการใช้กฎหมาย 2 มาตรฐาน อยากจะบอกว่าการเรียกร้องประชาธิปไตยต้องอยู่บนพื้นฐานของความจริงใจ อย่าเห็นแก่ตัว ฝากไปรัฐบาลว่า สิ่งใดที่คนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยก็ควรยกเลิกได้ อย่าเห็นว่าจะยึดแต่กฎหมาย ต้องนำทั้งรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์เข้าด้วยกัน
หนุ่มวิศวะก็ตายก่อนจะแต่งงาน
ด้านนายพิสันต์ โตพาณิช อายุ 35 ปี อาชีพขายพระเครื่อง พี่เขยของนายทศชัย เมฆงามฟ้า อายุ 44 ปี ที่เสียชีวิต ซึ่งมาพร้อมกับด.ช.ทศเทพ เมฆงามฟ้า อายุ 12 ปี เรียนป. 6 ร.ร. เบญจมบพิตร ลูกชายคนเล็กนายทศชัย กล่าวด้วยเสียงเศร้าสร้อยว่า นายทศชัยเลิกกับภรรยาแล้ว มีลูกชายสองคน พวกตนก็ช่วยกันดูแล เป็นห่วงก็ลูกชายคนเล็ก ที่ต้องเรียนหนังสือต่อ ส่วนคนโตอายุ 18 ปี ก็ทำงานได้แล้ว ด้านด.ช.ทศเทพ กล่าวอย่างไร้เดียงสาว่า ไม่รู้พ่อเสียชีวิตเพราะอะไร เมื่อไม่มีพ่อไม่มีแม่ก็อยู่กับป้า ไม่เป็นไร อยู่ได้
ด้านน.ส.ทศพร ทองเจริญพูลพร อายุ 20 ปี น.ศ.ม.ศรีปทุม คณะศิลปศาสตร์ น้องสาวของนายยุทธนา ทองเจริญพูลพร อายุ 23 ปี ที่เสียชีวิต กล่าวว่า ผู้ตายเพิ่งเรียนจบวิศวะไฟฟ้า ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร เตรียมรับปริญญาเดือนพ.ย. เขาเป็นลูกคนเดียว พ่อแม่แยกทางกันและอยู่กับพ่อมาโดยตลอด 6 เดือนที่แล้วพ่อก็เพิ่งเสียชีวิตไป เขาจึงอยู่คนเดียว แต่มีแฟนและเตรียมเรื่องแต่งงานปีหน้า ส่วนการชุมนุมทราบว่า เขาไปร่วมชุมนุมตั้งแต่เหตุการณ์เมษาเลือดปีที่แล้ว ครั้งนั้นเขาไม่เห็นด้วยกับการสลายการชุมนุม ปีนี้ก็เลยไปร่วมชุมนุมทุกครั้งเขาจะมีกล้องถ่ายรูปไปด้วย เขามีอุดมการณ์มาก แดงทั้งตัว
ไม่เข้าใจทำไมต้องยิงหัวยิงคอ
ด้านนายชาญวุฒิ โยธากูล อายุ 25 ปี เพื่อนสนิทของนายยุทธนา ผู้ตาย กล่าวยืนยันว่า พวกตนก็เคยไปร่วมการชุมนุม แต่วันเกิดเหตุตนไม่ได้ไปเพราะทำงาน ดังนั้น รัฐบาลจะบอกว่าแดงมาจากรากหญ้าคงไม่ใช่ หรือไม่เกี่ยวว่าตนจะจบวิศวะ แล้วไม่ยุ่งการเมืองก็ไม่ใช่ ส่วนที่ศอฉ.ออกมาแถลงการยึดพื้นที่คืน โดยใช้คำว่าการยึด มี 7 มาตรการ โดยมาตรการที่ 7 จบด้วยกระสุนยาง แล้วทำไมมีการใช้กระสุนจริง ตนดูศพเพื่อนแล้ว ลักษณะการยิงเหมือนการรบของทหาร คือยิงที่ขาก่อนก็น่าจะพอแล้ว แต่พบว่า มายิงที่คอและที่ศีรษะอีก และเพื่อนก็ไม่มีอาวุธใดๆ เลย นอกจากกล้องถ่ายรูป
ด้านนางจุฬาลัย นพคุณ พนักงานบัญชีย่านหมอชิต ซึ่งมาตามหาศพของสามี กล่าวอย่างสะเทือนใจว่า ชายไทยไม่ทราบชื่อที่สถาบันนิติเวชวิทยาคือ นายสยาม วัฒนนุกุล อายุ 53 ปี สามี อยู่บ้านเลขที่ 79/ 2ม. 1 ต.นครสวรรค์ตก อ.เมือง จ.นครสวรรค์ สามีเป็นคนชื่นชอบนปช.จริงๆ มีลักษณะคนที่ชอบลุย พร้อมกล่าวสั้นๆ ว่า ถ้ารัฐบาลเห็นคุณค่าของคน ก็จะทราบว่า ควรจะทำอย่างไร
อัลจาซีราแฉทหารใช้กระสุนจริง
ทั้งนี้ ญาติผู้เสียชีวิตจะไปบำเพ็ญกุศลที่วัด ดังนี้ นายธวัฒนะชัย วัดไทรน้อย จ.นนทบุรี นายอำพน วัดเทพศิรินทร์ นายมนต์ชัย วัดด่านสำโรง จ.สมุทรปราการ นายจรูญ วัดธาตุทอง กทม. นายวสันต์ วัดตำหรุ จ.สมุทรปราการ นายยุทธนา วัดช่องลม อ.เมือง จ.ราชบุรี นายไพศาล วัดป่าธรรมประชา จ.ขอนแก่น นายทศชัย วัดแคนางเลิ้ง นายสวาท วัดตรีทศเทพ
วันเดียวกัน เว็บไซต์อัลจาซีรา สำนักข่าวโลกอาหรับ เผยแพร่รายงานข่าวเรื่อง "Thai troops fire on protesters." ระบุว่า ช่างภาพของสำนักข่าวรอยเตอร์ที่อยู่ในเหตุปะทะกันระหว่างทหารไทยและม็อบคนเสื้อแดงบริเวณถนนราชดำเนิน เผยว่า ทหารไทยยิงกระสุนจริงและแก๊สน้ำตาใส่กลุ่มผู้ประท้วงโดยตรง
ขณะที่นายเวย์น เฮย์ ผู้สื่อข่าวอัลจาซีรารายงานจากกรุงเทพฯ ว่า ตำรวจชุดปราบจลาจลปะทะกับคนเสื้อแดงและยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ นอกจากนั้น มีการยิงปืนด้วย ผลจากการปะทะพบว่าคนเสื้อแดงเป็นฝ่ายชนะ เพราะสามารถผลักดันฝ่ายทหารออกไป
ม็อบเฮลั่น-กกต.สั่งยุบปชป.
เวลา 18.09 น. ที่เวทีราชประสงค์ หลังจาก กลุ่มนปช. ได้รับทราบข่าวว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติยุบพรรคประชาธิปัตย์และเตรียมส่งเรื่องให้อัยการเพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคประชาธิปัตย์ในคดีเงินบริจาค 258 ล้านบาท นายวีระ มุสิกพงศ์ ได้นำแกนนำ อาทิ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ขึ้นประกาศชัยชนะบนเวที ท่ามกลางเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจ
โดยนายวีระ กล่าวว่า เราหวังว่าศาลรัฐธรรม นูญและอัยการสูงสุดจะใช้เวลาพิจารณาอย่างรวดเร็วเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของบ้านเมืองเพราะไม่มีประโยชน์ ถ้าจะถ่วงเวลาและ ประชาชนจะไม่ยอมให้ทำอย่างนั้นอีกแล้ว ที่ผ่านมาอัยการและศาลรัฐธรรมนูญไม่มีความเห็นเป็นอย่างอื่น เมื่อกกต.ส่งมาอย่างไรจะพิจารณาอย่างนั้น ถ้าพิจารณาตามนั้นคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์ก็สิ้นสุดการอยู่ในอำนาจแล้วเช่นกัน ข้าราชการและทหารให้ระวังตัวถอยห่างจากคำสั่งรัฐบาลเพราะถือเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบธรรม จากนี้ไปมารยาทและความชอบธรรมของรัฐบาลได้สิ้นสุดลงแล้ว ขอให้เสื้อแดงรอวันแห่งชัยชนะใน 1-2 วันนี้ ขอให้ออกมาชุมนุมให้มากขึ้นเพื่อร่วมกันฉลองชัยชนะประวัติ ศาสตร์พร้อมกัน มาให้เต็มกรุงเทพฯ ปีที่แล้วรัฐบาลทำให้เป็นสงกรานต์เลือด แต่ปีนี้เราจะจัดงานสงกรานต์เพื่อร่วมฉลองชัยชนะครั้งประวัติ ศาสตร์พร้อมกัน ปีนี้จะเป็นปีสงกรานต์สีแดง
เผาศพวีรชนที่อนุสาวรีย์ปชต.
ด้านนายณัฐวุฒิ กล่าวว่า จะสุขใจมากกว่านี้ถ้าในอีกไม่กี่วันข้างหน้าเราได้ชัยชนะของประชาชน ความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากการเสียชีวิตเมื่อวันที่ 10 เม.ย. หลังจากมีผลชันสูตรออกมาแล้วว่าถูกยิงด้วยอาวุธสงคราม เราจะดำเนินคดีอย่างไม่ลดละ และจะเดินหน้าลากคอคนผิดมาลงโทษให้ได้
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เราจะสวดพระอภิธรรมศพผู้เสียชีวิต ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยเปิดโอกาสให้คนทุกสีเสื้อไปร่วมงานได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 19.00 น. และจะฌาปนกิจในที่แห่งนั้นเลย ซึ่งแกนนำนปช.ไม่ขัดข้องเพื่อให้สมเกียรติและศักดิ์ศรีของพวกเขา แต่ขึ้นอยู่กับญาติของผู้เสียชีวิตด้วยว่าจะอนุญาตหรือไม่ ถ้าจะนำไปประกอบพิธีที่ภูมิลำเนาเราจะส่งตัวแทนและเงินบริจาคบางส่วนไปให้ หากญาติประสงค์จะให้ฌาปนกิจที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเราพร้อมดำเนินการให้
จตุพรชี้มาร์ค-เทือกอยู่ไม่ได้แล้ว
"ส่วนวันที่ 13 เม.ย. เดิมเราต้องการจัดงานสงกรานต์ แต่เมื่อเกิดเหตุสูญเสียเกิดขึ้นทำให้ต้องมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย ด้วยการทำบุญเลี้ยงพระเพลที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จากนั้นช่วงบ่ายจะรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ของคนเสื้อแดงขอศีลขอพรที่หน้าเวทีสะพานผ่านฟ้าลีลาศ เพื่อความเป็นสิริมงคล เมื่อเสร็จสิ้นแล้วจะปราศรัยและวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองต่อไป" นายณัฐวุฒิกล่าว
นายจตุพร กล่าวว่า การจากไปของคนเสื้อแดงและผู้บาดเจ็บจะไม่สูญเปล่า วันนี้เราได้เรื่องยุบพรรคประชาธิปัตย์ไปแล้วหนึ่งเรื่อง จากนี้ไปนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพไม่สามารถมี หน้าอยู่ต่อไปได้อีกแล้ว ตอนนี้นายอภิสิทธิ์จะจนมุมแล้ว แต่เมื่อเจอภาพเล็กๆ ก็ออกมาแถลงข่าวอย่างดีใจว่าเป็นฝีมือของผู้ก่อการร้าย แต่ทั้งสองคนต้องรับผิดชอบในฐานะสั่งฆ่าประชาชน ต้องพ้นจากตำแหน่งทันที ต้องดำเนินคดีและตัดสินประหารชีวิต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณปราศรัยที่สะพาน ผ่านฟ้าฯ ทางการ์ดนปช.ได้นำยุทโธปกรณ์ซึ่งเป็นอาวุธสงครามที่ทหารนำมาปราบประชาชน มาแสดง อาทิ ฐานที่ติดอยู่บนรถหุ้มเกราะซึ่งใช้ติดตั้งอาวุธปืน 3 ตัว แก๊สน้ำตา กระสุนปืน โล่ทหารกว่า 30 อัน ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ชุมนุมมาถ่ายรูปเก็บไว้
แดงพรึบเต็มถนนราชดำเนิน
บรรยากาศการชุมนุมช่วงเย็นที่สะพานผ่านฟ้าฯ มีคนเสื้อแดงทยอยเข้าร่วมชุมนุมอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่จะรวมตัวกันอยู่ด้านหน้าเวที และบนถนนราชดำเนิน จากสะพานผ่านฟ้าฯ ถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ทำให้พื้นที่แน่น ขนัด ส่วนบริเวณจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จนถึงสะพานผ่านพิภพลีลา มีผู้ชุมนุมบางตา ส่วนใหญ่ใช้เป็นที่จอดรถของผู้ชุมนุม จะไปหนาแน่นที่สนามหลวง ส่วนจากสะพานผ่านฟ้าฯ ไปจนถึงแยกสวนมิสกวัน มีผู้ชุมนุมพอสมควร ส่วนใหญ่จะเข้าคิวเพื่อรอรับอาหารตามเต็นท์ของกลุ่มจังหวัดต่างๆ ที่ปรุงขึ้นมาให้บริการฟรี ส่วนบนเวทีผลัดเปลี่ยนการขึ้นปราศรัยของแนวร่วมและแกนนำจากจังหวัดต่างๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พิธีกรบนเวทียังประกาศให้คนเสื้อแดงระวังในการเดินทางผ่านซ.สุขุม วิท 71 เนื่องจากมีบุคคลไม่ทราบฝ่ายคอยดักทำร้ายอยู่ พร้อมระบุว่าขณะนี้มีการปล่อยข่าวลวงให้คนเสื้อแดงไปยังสุเหร่าบางมะเขือ เขตพระโขนง ขอให้คนเสื้อแดงที่เดินทางไปแล้วหรือจะไปให้กลับไปรวมตัวกันที่สะพานผ่านฟ้าฯ เนื่องจากไม่มีมติจากแกนนำให้ไปยังสถานที่ดังกล่าว หากไม่ยอมกลับมาจะถือว่าเป็นแดงเทียม ที่มีเจตนาก่อความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง
เวลา 18.10 น. มีการถ่ายทอดเสียงการปราศรัยของนายวีระ จากเวทีราชประสงค์ เกี่ยวกับผลการพิจารณาของกกต. ที่ระบุพรรคประชาธิปัตย์มีความผิดตามข้อกล่าวหา และมีความเห็นให้ยุบพรรค ผู้ชุมนุมต่างตะโกนไชโยโห่ร้องเสียงดังกึกก้องทั่วบริเวณ พร้อมกระโดดโลดเต้นและมีใบหน้ายิ้มแย้มด้วยความดีใจ
ญาติสลดร่วมงานศพ3ทหาร
ก่อนหน้านี้ เวลา 17.30 น. นายศิริพงษ์ ห่านตระกูล ผวจ.ปราจีนบุรี เป็นประธานพิธีรดน้ำศพ 3 นายทหารที่เสียชีวิตเหตุทหารปะทะกับกลุ่มเสื้อแดง โดยทหารที่เสียชีวิตทั้งหมดสังกัดกองพลทหาราบที่ 2 รักษาพระองค์ ค่ายพรหมโยธี ต.บ้านพระ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี หรือ "บูรพาพยัคฆ์" หน่วยกำลังรบหลักภาคตะวันออก ประกอบด้วย ส.ท.ภูริวัฒน์ ประพันธ์ ตำแหน่งช่างยานยนต์ สังกัดร้อย สห. พล.ร.2 รอ. และส.ต.อนุพงษ์ เมืองอำพัน ตำแหน่งพลขับรถ สังกัดร้อย บก.ร.12 รอ. และพลทหารสิงหา อ่อนทรง ตำแหน่งพลยิงเอ็ม 203 สังกัด ร.12 พัน.2 รอ.ร้อย 3 ซึ่งบรรยา กาศเต็มไปด้วยความเศร้าสลด มีพล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผบ.ทบ.เดินทางมาเป็นประธานพิธีน้ำหลวงอาบศพ
จ.ส.อ.อมฤทธิ์ เมืองอำพัน ทหารสังกัด ป.พัน.102 รอ.ค่ายพรหมโยธี กล่าวทั้งน้ำตาว่า เป็นบิดาของส.ต.อนุพงษ์ ก่อนวันเกิดเหตุที่ลูกชายจะเสียชีวิตได้โทรศัพท์มาหาแม่ที่บ้านบอกว่าอยากกลับมาอยู่กับแม่ที่บ้าน ลูกชายเพิ่งบรรจุรับราชการเป็นนายสิบได้ปีเศษ มีบุตรชายได้อายุเพียง 1 ปีเศษ ตนไม่อยากเห็นคนไทย ต้องมาฆ่ากันเอง สิ่งดังกล่าวที่เกิดนี้น่าพูดคุยกันได้ ไม่น่าเกิดการสูญเสียขึ้น ขอให้ยุติเหตุการณ์ได้แล้ว
กองทัพปูนบำเหน็จ-เลื่อนยศ
นายทองล้วน ประพันธ์ กล่าวว่า เป็นบิดาของส.ท.ภูริวัฒน์ ความรู้สึกภูมิใจที่ลูกเสียชีวิตในหน้าที่ แต่ในความจริงยังไม่อยากให้ลูกเสียชีวิตไปเพราะยังทำใจรับกับเหตุการณ์ไม่ได้ ที่ผ่านมาลูกเป็นทหารได้ 2 ปีเศษ สิ่งที่เกิดขึ้นทราบข่าวจากทางทีวี ไม่อยากเห็นภาพนี้เกิดกับครอบครัวใดๆ โดยเฉพาะหมู่คนไทยที่ทำร้ายคนไทยด้วยกันเอง
พล.อ.วิชญ์กล่าวว่า กองทัพบกได้ดูแลให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้นได้มอบเงินเป็นค่าจัดการศพให้แก่ญาติผู้เสียชีวิต กองทัพบกมีระเบียบขั้นตอนการช่วยเหลือ ไม่มีการทอดทิ้ง ขณะนี้ได้เสนอเรื่องขอเลื่อนชั้นยศให้เป็นทหารชั้นสัญญาบัตรทั้ง 3 นาย และยื่นเรื่องไปทางกระทรวงกลาโหมแล้ว ส่วนบุตรของผู้เสียชีวิตหากมีความประสงค์จะรับราชการทหาร กองทัพ บกจะบรรจุเป็นข้าราชการสังกัดกองทัพบก ส่วนบุตรหลานที่ยังอยู่ในวัยเรียนก็จะดูแลให้เรียนถึงระดับมหาวิทยาลัย
เปิดดูภาพกล้องของนักข่าวยุ่น
เย็นวันเดียวกัน สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงโตเกียว ว่า แหล่งข่าวสำนักงานตำรวจประเทศญี่ปุ่นเปิดเผยผู้สื่อข่าวเกียวโดว่า ตำรวจญี่ปุ่นจะจัดชุดสืบสวนมาทำงานร่วมกับตำรวจไทย เพื่อทำคดีหาสาเหตุการเสียชีวิตของนาย ฮิโร มูราโมโตะ นักข่าวญี่ปุ่นสังกัดสำนักข่าวรอยเตอร์ และเมื่อศพกลับถึงญี่ปุ่นแล้วจะผ่าชันสูตรซ้ำอีกครั้ง นายฮิโรฟูมิ ฮิราโนะ โฆษกรัฐบาลญี่ปุ่น กล่าวว่า ตำรวจและกระทรวงต่างประเทศกำลังพิจารณาหลักฐานต่างๆ เพื่อดูว่าการเสียชีวิตของนายมูราโมโตะเข้าข่ายความผิดฐานก่ออาชญากรรมต่อพลเมืองญี่ปุ่นในต่างแดนหรือไม่
ด้านรอยเตอร์เผยแแพร่เทปบันทึกภาพความยาว 7 นาทีที่นายมูราโมโตะถ่ายเอาไว้ก่อนเสียชีวิต แสดงให้เห็นถึงเหตุปะทะกันอย่างรุนแรงและน่าสะพรึงกลัวของทหารกับกลุ่มคนเสื้อแดงบริเวณถนนราชดำเนิน ใกล้อนุสาวรีย์ประชาธิป ไตย โดยช่วงแรก นายมูราโมโตะยืนอยู่ในกลุ่มทหาร ซึ่งชูปากกระบอกปืนขึ้นฟ้า จู่ๆ เกิดระเบิดขึ้นห่างจากนายมูราโมโตะแค่ไม่กี่เมตร ภาพต่อมาช่างภาพรอยเตอร์รายนี้ค่อยๆ เดินถอยหลังพร้อมๆ กับถ่ายภาพไปด้วย มองเห็นทหารบาดเจ็บหลายนาย จากนั้นภาพตัดมาขณะนาย มูราโมโตะย้ายมายืนอยู่ในกลุ่มม็อบที่ส่วนใหญ่ถือไม้เป็นอาวุธและเอาโล่ทหารเป็นเกราะกำบัง การปะทะดำเนินไปเรื่อยๆ จนถึงภาพสุดท้ายนายมูราโมโตะล้มลงและกล้องล้มตะแคงอยู่บนพื้นถนน ทั้งนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงเก็บกล้องดังกล่าวเอาไว้และคืนให้รอยเตอร์ในที่สุด
ฝรั่งชี้เหมือนรัฐบาลพม่า
เอพีรายงานว่า ทั้งฝ่ายรัฐบาลและกลุ่มผู้ประท้วงต่างไว้อาลัยต่อการสูญเสียเลือดเนื้อของฝ่ายตนหลังจากการปะทะกันที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 21 ราย แต่ก็ยังไม่มีฝ่ายไหนพร้อมจะเจรจากันเพื่อยุติความรุนแรง ด้านเกาหลีและจีนต่างประกาศเตือนพลเมืองของตนอย่าเดินทางไปกรุงเทพฯ ในช่วงนี้ ส่วนออสเตรเลียเตือนพล เมืองของตนเช่นกันโดยระบุว่าเป็นไปได้อย่างยิ่งที่จะเกิดความรุนแรงขึ้นอีก ขอให้นักท่องเที่ยวอยู่ห่างจากการชุมนุมประท้วง
ดร.โทมัส ลาร์สสัน นักรัฐศาสตร์แห่งมหา วิทยาลัยเคมบริดจ์ แสดงความเป็นห่วงภาพลักษณ์ประเทศไทยในสายตาประชาคมโลกในด้านความอดทนอดกลั้นต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้นว่า การปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยกำลังทหารที่มากกว่าหลายเท่าตัว แบบเดียวกับที่รัฐบาลทหารพม่ากระทำ จะทำลายภาพพจน์ ของไทยในเวทีโลกจนเสียหายอย่างที่กอบกู้คืนกลับมาไม่ได้ ตนกลัวว่าหากความขัดแย้งยังยืดเยื้อไปอีกหลายวันหรือหลายอาทิตย์ผู้นำทั้งหลายคงจะใจเย็นอยู่ไม่ไหว
บีบีซีระบุมาร์คถูกกดดันหนัก
เอเอฟพีรายงานว่า สหรัฐอวยพรปีใหม่ไทยโดยหวังว่าช่วงเวลานี้จะเป็นโอกาสที่ไทยจะได้สร้างความปรองดองและสมานฉันท์ให้กลับคืนมาสู่ประเทศ ภายหลังจากที่เกิดความรุนแรงทาง การเมืองในไทยครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบ 20 ปี
"สงกรานต์เป็นช่วงเวลาแห่งความท้าทายของประเทศไทย สหรัฐหวังว่าปีใหม่นี้จะเป็นช่วงเวลาของการเริ่มต้นใหม่และการประนี ประนอมปรองดองเพราะประเพณีสงกรานต์เป็นโอกาสที่คนไทยได้กลับไปอยู่ร่วมกับครอบครัวและญาติ มิตร ขณะนี้ที่ประเทศไทยดำเนินการแก้ปัญหาความแตกต่างทางการเมืองไปตามครรลองของตัวเอง สหรัฐยังคงเชื่อมั่นในความสัมพันธ์ที่เข้มแข็งระหว่างสหรัฐกับไทยซึ่งเป็นพันธมิตรที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐในภูมิภาคเอเชีย" นางฮิลลารี คลินตัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐกล่าวอวยพรปีใหม่ไทยและว่า ปรารถนาให้ประเทศไทยและคนไทยทั่วโลกได้ฉลองสงกรานต์อย่างสันติสุข
สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีของไทย กำลังถูกกดดันอย่างหนัก ภายหลังเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารและกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อวันที่ 10 เม.ย. โดยบีบีซีระบุว่าวันเดียวกันนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ออกมาเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ประกาศยุบสภา อย่างสอดคล้องกับแนวทางการเรียกร้องของกลุ่มคนเสื้อแดง ต่อมากกต.ยังมีมติยุบพรรคประชาธิปัตย์ในวันเดียวกัน ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ยังพยายามยืนยันตลอดมาว่าพรรคร่วมรัฐบาลและกองทัพยังเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันอยู่
เวลา 22.20 น. วันเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้ส่งข้อความสั้นหรือ เอสเอ็มเอส ระบุว่า ติดตามพีเพิลแชนแนลผ่านจานขาวและจานส้ม(NSS6) ได้แล้วที่ช่องเดิม ส่วนจานดำจานใหญ่ต้องปรับจูนเล็กน้อย
ที่มา.ข่าวสดรายวัน
***********************************
วันจันทร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2553
แถลงการณ์แดงสยาม ฉบับที่ ๓ โดย จักรภพ เพ็ญแข
แถลงการณ์แดงสยาม ฉบับที่ ๓
เรื่อง จุดยืนของขบวนประชาธิปไตยภายหลังการปราบปรามประชาชน ๑๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๓
พวกเราผู้สนับสนุนแนวทางแดงสยามทุกคนขอร่วมแสดงความเสียใจอย่างลึกซึ้งต่อการเสียชีวิตของมวลชนฝ่ายประชาธิปไตยทุกท่าน เป็นจำนวนไม่ต่ำกว่า ๑๕ คน ด้วยอาวุธสงครามหลายประเภทที่่ศัตรูของฝ่ายประชาธิปไตยนำมาใช้ ตลอดจนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทางกายและทางใจ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ ๑๐ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๓ และขอแสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตและบาดเจ็บของทหารหลายนาย ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับคำสั่งอันไม่ชอบธรรมให้มาปฏิบัติการในครั้งนี้
แดงสยามชูธงปฏิวัติประชาธิปไตยโดยสันติตลอดมา เราจึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายอดทนอดกลั้นไม่ส่งเสริมความรุนแรงในรูปแบบใดๆ อีกต่อไป และเราขอประณามการใช้อาวุธสงครามและอาวุธใดๆ ในคืนนั้นโดยสิ้นเชิง
เราเห็นว่าการแก้ไขวิกฤติการเมืองขณะนี้ต้องกระทำในระดับโครงสร้างและด้วยการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของประเทศ ข้อเรียกร้องใดๆ ที่เล็กไปกว่านี้ ย่อมไม่สอดคล้องต่อขนาดของปัญหา และสภาพการณ์ในปัจจุบัน รังแต่จะสร้างเงื่อนไขแห่งความรุนแรงยิ่งขึ้นในอนาคตเท่านั้น
แถลงไว้ ณ วันจันทร์ที่ ๑๒ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๓
_____________________________
The Announcement of Dang Sayam (Red Siam) No. 3
“Our Standpoint In The Aftermath of Government’s Suppression of April 10, 2010”
All supporters of the path of Dang Sayam (Red Siam) wish to express our utmost grief and sorrow to the perished lives of people who fought for democracy, no less than 15 of them, and who were hit by heavy artilleries and battlefield weapons used by the enemies of Thailand’s democratization on Saturday, April 10, 2010, and also to the injured, both physically and mentally. We also express our regret to the loss of some military personnels, who were forced to execute some illegitimate orders of operation.
All along, Dang Sayam flies the flag firmly at the peaceful democratic revolution. We thus ask all sides to stop encouraging any trend of violence, whatsoever. We condemn vehemently at the use of heavy weaponry and other kinds.
We are certain that the resolve of Thailand’s political crisis must be done at a structural level and through the drastic change of our political regime. Any lesser demands will not fit the size of the problem and current situation. Such inadequate demands will only enhance future violence.
This is announced on Monday, April 12 of 2010.
**************************************************
เรื่อง จุดยืนของขบวนประชาธิปไตยภายหลังการปราบปรามประชาชน ๑๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๓
พวกเราผู้สนับสนุนแนวทางแดงสยามทุกคนขอร่วมแสดงความเสียใจอย่างลึกซึ้งต่อการเสียชีวิตของมวลชนฝ่ายประชาธิปไตยทุกท่าน เป็นจำนวนไม่ต่ำกว่า ๑๕ คน ด้วยอาวุธสงครามหลายประเภทที่่ศัตรูของฝ่ายประชาธิปไตยนำมาใช้ ตลอดจนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทางกายและทางใจ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ ๑๐ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๓ และขอแสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตและบาดเจ็บของทหารหลายนาย ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับคำสั่งอันไม่ชอบธรรมให้มาปฏิบัติการในครั้งนี้
แดงสยามชูธงปฏิวัติประชาธิปไตยโดยสันติตลอดมา เราจึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายอดทนอดกลั้นไม่ส่งเสริมความรุนแรงในรูปแบบใดๆ อีกต่อไป และเราขอประณามการใช้อาวุธสงครามและอาวุธใดๆ ในคืนนั้นโดยสิ้นเชิง
เราเห็นว่าการแก้ไขวิกฤติการเมืองขณะนี้ต้องกระทำในระดับโครงสร้างและด้วยการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของประเทศ ข้อเรียกร้องใดๆ ที่เล็กไปกว่านี้ ย่อมไม่สอดคล้องต่อขนาดของปัญหา และสภาพการณ์ในปัจจุบัน รังแต่จะสร้างเงื่อนไขแห่งความรุนแรงยิ่งขึ้นในอนาคตเท่านั้น
แถลงไว้ ณ วันจันทร์ที่ ๑๒ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๓
_____________________________
The Announcement of Dang Sayam (Red Siam) No. 3
“Our Standpoint In The Aftermath of Government’s Suppression of April 10, 2010”
All supporters of the path of Dang Sayam (Red Siam) wish to express our utmost grief and sorrow to the perished lives of people who fought for democracy, no less than 15 of them, and who were hit by heavy artilleries and battlefield weapons used by the enemies of Thailand’s democratization on Saturday, April 10, 2010, and also to the injured, both physically and mentally. We also express our regret to the loss of some military personnels, who were forced to execute some illegitimate orders of operation.
All along, Dang Sayam flies the flag firmly at the peaceful democratic revolution. We thus ask all sides to stop encouraging any trend of violence, whatsoever. We condemn vehemently at the use of heavy weaponry and other kinds.
We are certain that the resolve of Thailand’s political crisis must be done at a structural level and through the drastic change of our political regime. Any lesser demands will not fit the size of the problem and current situation. Such inadequate demands will only enhance future violence.
This is announced on Monday, April 12 of 2010.
**************************************************
พรรคร่วมนัดถก ส่อทิ้งปชป.
แกนนำเห็นพ้อง ต้อง"ยุบ"เท่านั้น นายกฯ-คนสนิท หารือกันเครียด
มาร์คถกคนสนิทเครียดตั้งแต่เช้า เทือกวุ่นนัดพรรคร่วมฯหารือล่ม ด้านแกนนำพรรคร่วมฯขอถกกันก่อนคุยปชป. เบื้องต้นเห็นตรงกันต้องเร่งยุบสภา ปชป.บี้เพื่อไทยร่วมรับผิดชอบ ส่วนเพื่อไทยจี้รัฐบาลทบทวนคำสั่ง สมชายบี้ครม.แสดงความรับผิดชอบ เร่งพรรคร่วมฯแสดงจุดยืน"สั่งสลาย" อ๋อยชี้รัฐบาลตัดสินใจผิดที่ใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แนะทั้งสองฝ่ายเร่งเจรจา-เลิกชิงพื้นที่ เผยเป็นคนกลาง"กอร์ป-ณัฐวุฒิ"ถกหยุดยิง โพลชี้คนหนุนเจรจา-ถอยคนละก้าว องคมนตรีแนะใช้สติ-เจรจาหาข้อยุติ อธิการบดี มศว ชี้รัฐบาลไม่เป็นผู้ใหญ่
มาร์คถกเครียดตั้งแต่เช้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ยกเลิกการจัดรายการ"เชื่อมั่นประเทศไทย กับนายกฯอภิสิทธิ์" เพื่อใช้เวลาช่วงเช้าหารือกับฝ่ายการเมือง อาทิ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ผอ.ศอฉ. นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นาย สาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯ นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา โดยนายอภิสิทธิ์ มีสีหน้าเคร่งเครียดและดวงตาแดงก่ำตลอดเวลา
รายงานข่าวแจ้งว่า แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลได้ติดต่อประสานงานผ่านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อพูดคุยหาทางออกในเย็นวันเดียวกันนี้ โดยมีข่าวลือว่าทางออกที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์อาจใช้คือ ให้นายกฯลาออก และตั้งรัฐบาลแห่งชาติขึ้นมา
สส.กทม.ปชป.แถลงการณ์
ส.ส.กทม.ของพรรคประชาธิปัตย์ประมาณ 15 คน นำโดยนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส. ภาคกทม. และส.ส. อาทิ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ นายสกลธี ภัททิยกุล นางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ นายสุทธิ ปัญญาสกุลวงศ์ ฯลฯ ร่วมกันหารือถึงเหตุปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จนทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัสจำนวนมาก ใช้เวลาหารือประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง
จากนั้นนายองอาจ พร้อมด้วย 15 ส.ส. กทม. ร่วมกันแถลงว่า จากการหารือของส.ส. กทม. ได้ข้อสรุปเป็นแถลงการณ์ฉบับที่ 2 เรื่อง "ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์กับการชุมนุมของนปช." โดยกรณีที่มีการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมในนามของ นปช.หรือกลุ่มเสื้อแดงกับทหาร ตำรวจ จนก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน มีผู้ชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงและทหาร ตำรวจจำนวนมากบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนหนึ่ง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ก่อให้เกิดความสะเทือนใจกับพี่น้องประชาชนชาวไทยทั่วประเทศ เป็นอย่างมาก จากการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดพบว่า มีผู้ชุมนุมหรือผู้ที่อยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งได้ใช้ระเบิด อาวุธนานาชนิด กระทำการอันก่อให้เกิดความรุนแรงต่อทหาร ตำรวจ ที่พยายามเข้าไปปฏิบัติการให้การชุมนุมเป็นไปตามครรลองของกฎหมาย
เร่งรัฐบาลบังคับใช้กฎหมาย
นายองอาจกล่าวอีกว่า ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์มีข้อเรียกร้องดังนี้ คือ 1.ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการสูญเสียชีวิตของทหารและผู้ชุมนุม 2.ขอให้รัฐบาลดูแลรักษาทหาร ตำรวจและผู้บาดเจ็บอย่างเต็มที่ และเยียวยาครอบครัวของผู้เสียชีวิตทั้งฝ่ายเจ้าหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย และผู้ชุมนุมอย่างถึงที่สุด 3.ควรจัดให้มีคณะกรรมการอิสระ เพื่อพิสูจน์ ตรวจสอบความสูญเสียทรัพย์สินที่เกิดขึ้น และเพื่อให้เกิดความโปร่งใส ตรวจสอบได้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย 4.ขอให้รัฐบาลใช้มาตรการทางกฎหมายให้มีผลบังคับใช้อย่างจริงจัง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชนส่วนมาก ที่อยากเห็นความสงบสุขเกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา พวกเราส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ขอยืนยันว่าพวกเราจะพยายามกระทำทุกวิถีทางที่จะทำให้สถานการณ์คลี่คลาย เพื่อให้พี่น้องประชาชนชาวกทม.สามารถใช้ชีวิตอย่างปกติสุขต่อไป
นายองอาจ กล่าวว่า ส.ส.กทม.ของพรรค จะไปโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เพื่อเยี่ยมทหารตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บ จากการปะทะกันประมาณ 300 กว่านาย โดยจะนำปัจจัยส่วนหนึ่งไปมอบให้ ซึ่งเดิมตั้งใจจะมอบให้ในช่วงสงกรานต์ เพื่อบำรุงขวัญที่ช่วยรักษาการณ์ในกทม. โดยเป็นเงินเดือนส.ส. 1 เดือนรวมกัน ได้ประมาณ 1 ล้านกว่าบาท ส่วนประชาชนผู้บาดเจ็บได้หารือกันแล้วจะยังไม่ไปเยี่ยมในช่วงนี้ เพราะเกรงว่า อาจจะสร้างความขัดแย้งให้บานปลาย
บุรณัชย์โวยนปช.ชิงศพปลุกระดม
น.พ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกประจำพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า พรรคประชาธิปัตย์มองว่าการสูญเสียที่เกิดขึ้นเป็นการสูญเสียของคนไทยทุกคน ขอให้ทุกฝ่ายช่วยพาบ้านเมืองให้หลุดพ้นจากวิกฤตการเมือง ความขัดแย้งและความรุนแรง ทั้งนี้พรรคมีความวิตกกรณีนปช. ยังใช้โอกาสนำศพของผู้ที่เสียชีวิตมาเป็นต้นเหตุการณ์ปลุกระดม และเพิ่มความขัดแย้งเพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริงในสังคม เพื่อให้เกิดความเกลียดชังระหว่างคนไทยด้วยกันเอง ดังนั้นจึงขอให้ผู้ที่เคลื่อนไหวและก่อความวุ่นวายบนเวทียุติการกระทำดังกล่าวทันที และขอให้กระบวนการพิสูจน์สาเหตุการตายเป็นไปตามกระบวน การที่เป็นกลางตามหลักวิทยาศาสตร์ โดยบุคคลซึ่งเป็นที่เชื่อถือของทุกฝ่ายในสังคม
น.พ.บุรณัชย์กล่าวต่อว่า พรรคขอสนับสนุนแนวทางของรัฐบาล โดยให้องค์กรที่เป็นกลางและองค์กรต่างประเทศ ได้รับทราบกระบวนการชันสูตรศพของผู้ที่เสียชีวิต และบาดเจ็บของทุกฝ่าย ทุกคนให้เป็นไปตามมาตรฐานตามหลักสากล ส่วนที่มีการปล่อยข่าวว่า มีการขนศพโดยเจ้าหน้าที่ทหารจากโรงพยาบาลของรัฐที่รับผู้บาดเจ็บนั้น ทางพรรคประชาธิปัตย์ได้ตรวจสอบทุกโรงพยาบาลหน่วยแพทย์ทุกสถาบันที่รับผิดชอบ ไม่มีที่ใดที่ปรากฏว่ามีภาพหรือข้อเท็จจริง ว่าจะมีเจ้าหน้าที่ทหารหรือคนของรัฐไปดำเนินการใดๆ ในทางกลับกันได้มีภาพที่ปรากฏทางสื่อ และเป็นข้อเท็จจริงที่ตรวจสอบได้ว่า มีกลุ่มผู้ชุมนุมนปช.จำนวนมากพยายามที่จะเข้าไปแย่งชิงศพของประชาชนผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุดังกล่าว เพื่อปลุกระดมมวลชน จึงขอให้คนเสื้อแดงยุติการกระทำดังกล่าว
เชื่อแดงจงใจสร้างความรุนแรง
น.พ.บุรณัชย์กล่าวว่า พรรคขอให้รัฐบาลเร่งจับกุมกลุ่มบุคคล ที่มีพยานในเหตุการณ์การปะทะบริเวณสี่แยกคอกวัว ที่มีรายงานทางสื่อ มวลชนออกมาว่า มีบุคคลที่สวมชุดดำคลุมหน้าเริ่มใช้ความรุนแรงโดยการขว้างระเบิดใส่เจ้าหน้าที่ทหารในเวลาประมาณ 20.00 น. ดังนั้น จึงขอให้ภาคสังคมตรวจสอบและรับทราบข้อเท็จจริง โดยขอให้สื่อทุกแขนงช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงและเผยแพร่ข้อเท็จจริง ที่สำคัญขอให้สังคมช่วยตรวจสอบเหตุการณ์ที่มีความเป็นมาก่อนหน้านี้อย่างต่อเนื่องทั้งการใช้วัตถุระเบิดและอาวุธสงครามที่ใช้ก่อเหตุวินาศกรรมในพื้นที่ต่างๆทั้งใน กทม.และปริมณฑลมาโดยตลอด เพราะใช้อาวุธลักษณะเดียวกัน
น.พ.บุรณัชย์กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ยังมีข้อสังเกตที่แกนนำสั่งให้ผู้ชุมนุมใช้ถุงดำครอบกล้องวงจรปิดในจุดที่มีความเสี่ยงในการเผชิญหน้า เป็นเพราะต้องการปิดบังพฤติกรรมและการสร้างสถานการณ์ของตนเองใช่หรือไม่ เพราะ ทำให้สังคมสงสัยว่าเป็นการเตรียมการเพื่อให้เกิดความรุนแรงขึ้นใช่หรือไม่ ขณะเดียวกันแกนนำคนเสื้อแดงเองถือว่าเป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบโดยตรงในการเคลื่อนมวลชนเข้าเผชิญหน้าและปะทะกับเจ้าหน้าที่ทหารที่บริเวณหน้า กองทัพภาคที่ 1 ก่อนที่จะเกิดความรุนแรงขึ้น และพรรคเห็นว่ามีหลายปัจจัยที่ทำให้เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นจากมือที่สาม แต่เป็นการเคลื่อนไหวจากมืออีกข้างหนึ่งของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ต้องการสร้างความรุนแรงในลักษณะใช้ยุทธศาสตร์แบ่งงานกันทำ
จี้พท.ร่วมรับผิดชอบ
น.พ.บุรณัชย์กล่าวว่า กรณีที่ส.ส.พรรคเพื่อไทยเรียกร้องให้นายกฯยุบสภาทันทีเพื่อแสดงความรับผิดชอบนั้น พรรคมั่นใจว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาสังคมไทยโดยรวมได้รับทราบแนวทางของรัฐบาล ที่ยึดหลักการตบมือข้างเดียวของคนเสื้อแดง โดยที่รัฐบาลได้ใช้ความอดทนอดกลั้นเพื่อป้องกันความสูญเสียจนถึงที่สุด แต่การเผชิญหน้าก็เกิดขึ้นจากการใช้ความรุนแรงจากผู้ที่ก่อความวุ่นวาย ขณะที่ส.ส.พรรคเพื่อไทยก็มีบทบาทสำคัญที่สนับสนุนชักจูงประชาชนจากจังหวัดต่างๆ มาร่วมชุมนุม ดังนั้นด้วยสำนึกความเป็นผู้แทนราษฎร ส.ส.พรรคเพื่อไทยจึงไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบความสูญเสียที่เกิดขึ้น จึงขอให้แสดงความสำนึกในเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประชาชนเสียชีวิต 10 กว่าราย บาดเจ็บ 800 กว่าคน เรื่องนี้รัฐบาลเองจะต้องหาทางออกให้ดี ไม่ให้เหตุการณ์เกิดขึ้นซ้ำสอง โดยเรื่องนี้น่าจะให้สภาเป็นผู้ตัดสินมากกว่า และที่กลุ่มเสื้อแดงเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ยุบสภาและให้ออกจากประเทศไทย ซึ่งเรื่องนี้มันมากไปในการร้องขอซึ่งจะต้องดูตามข้อเท็จจริงว่า สาเหตุเกิดเพราะใครไม่ใช่ไม่พอใจใครแล้วจะไล่เขาออกจากประเทศได้
หนั่นชี้รัฐบาลใจดีจนนปช.เหิม
พล.ต.สนั่นกล่าวอีกว่า เหตุที่เกิดเหตุการณ์รุนแรงในการที่สลายการชุมนุมนั้น ขณะนี้กำลังสอบสวนข้อเท็จจริงว่าใครเริ่มก่อน เพราะทหารก็เสียชีวิต ถ้าทหารยิงก่อนทำไมทหารถึงเสียชีวิตทหารจะไปยิงพวกเดียวกันหรือซึ่งเป็นไปไม่ได้ เชื่อว่าคนที่ยิงน่าจะเป็นมือที่ 3 ต้องยอมรับว่าขณะนี้อาวุธสงครามมีมาก รัฐบาลเองก็น่าจะมีการแก้กฎหมายแบบสิงคโปร์ มาเลเซียว่าหากใครมีอาวุธสงครามในครอบครองก็สั่งให้มีการสั่งประหารชีวิตไม่มีการยกเว้น
"การที่กลุ่ม นปช. กดดันให้ยุบสภา ผมมองว่าไม่มีอะไรดีขึ้น ที่ผ่านมานายกฯก็พยายามทุกอย่างก่อนในการสลายการชุมนุม จากเบาไปหาหนัก รัฐบาลเองก็กลัวจะเกิดเหตุปัญหาหนักในการสลายการชุมนุม ซึ่งรัฐบาลเองใจดีเกินไปทำให้กลุ่มนปช.เหิมเกริมจนเป็นเหตุบานปลายใหญ่ขึ้นมา" พล.ต.สนั่นกล่าว
เพื่อไทยจี้รบ.ทบทวนคำสั่ง
ที่พรรคเพื่อไทย น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย และเลขานุการคณะศูนย์ช่วยเหลือดูแลประชาชน (ศชปป.) กล่าวว่า รัฐบาลต้องทบทวนคำสั่งที่ใช้ปฏิบัติกับประชาชน เพราะนำไปสู่ความสูญเสีย สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ว่าใครผิดใครถูก รัฐบาลไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้ รัฐบาลไม่สามารถทำตามกฎหมาย และมีการทำผิดกฎหมายมากมาย ทั้งการข้ามขั้นตอนการปฏิบัติในการสลายการชุมนุมตามที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.)ประกาศไว้ อย่างไรก็ตามเบื้องต้นพรรคเพื่อไทยได้เข้าไปช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการปะทะ ซึ่งเรื่องนี้เป็นภารกิจหลักที่ต้องเร่งดำเนินการ
"การสูญเสียชีวิตของทหารที่ปฏิบัติหน้าที่นั้น ทราบว่ามีทหารระดับระดับล่างที่เสียชีวิต เรื่องนี้ทหารต้องเรียกร้องความรับผิดชอบจากผู้บังคับบัญชา เพราะเขารู้อยู่เต็มอกว่าตายเพราะอะไร" น.อ.อนุดิษฐ์
อ๋อยชี้รัฐบาลตัดสินใจผิดที่ใช้พรก.
ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว นายจาตุรนต์ ฉายแสง สมาชิกบ้านเลขที่ 111 แถลงว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นจากการแก้ปัญหาผิดทางของรัฐบาล ที่ทำเหมือนไม่เข้าใจและเลือกวิธีที่ผิด ทำให้เกิดความขัดแย้งและเกิดความเสียหาย อีกทั้งความผิดพลาดคือการที่รัฐบาลได้ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำให้การแก้ปัญหาความขัดแย้งที่สงบและปราศจากอาวุธ กลายเป็นการใช้ความรุนแรงต่อประชาชน รวมทั้งการผิดพลาดแทรกแซงสื่อ เหตุสำคัญที่ผิดพลาดคือรัฐบาลตัดสินใจใช้มาตรการทางทหารที่สามารถใช้อาวุธจัดการกับประชาชนได้ โดยใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่มีอำนาจคุ้มครอง
"ที่รัฐบาลบอกว่าเป็นการกระทำที่ต้องการขอพื้นที่คืน แต่รัฐบาลทำเหมือนเข้าแย่งพื้นที่มากกว่า ทำให้เกิดการห้ำหั่น ผมได้เตือนแล้วว่าการสลายการชุมนุมช่วงค่ำ ไม่มีที่ไหนเขาทำกัน เพราะอาจมีมือที่ 3 ก่อกวน เรื่องนี้ทางทหารและรัฐบาลคาดการณ์ล่วงหน้าได้ ฉะนั้นการกระทำนี้จึงเป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นทั้งที่รู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าต้องเกิดปัญหา" นายจาตุรนต์กล่าว
นายจาตุรนต์กล่าวว่า การจะแก้ปัญหานี้ได้คือทุกฝ่ายต้องเลิกคิดว่าจะเอาพื้นที่คืน เพราะทำให้เกิดวิกฤตหนักขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นต้องมาดูต้นเหตุของปัญหา ประชาชนเรียกร้องให้ยุบสภา แต่ถูกบ่ายเบี่ยง รัฐบาลต้องยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินโดยทันที และให้พีทีวีออกอากาศได้ตามปกติ รัฐบาลต้องหยุดใช้สื่อของรัฐออกข่าวบิดเบือนข้อเท็จจริง
แนะ2ฝ่ายเร่งเจรจา-เลิกชิงพื้นที่
"หากรัฐบาลยังไม่สามารถตัดสินใจยุบสภาได้โดยเร็ว และดื้อดึงเอาพื้นที่คืน ผมอยากเรียกร้องให้พรรคร่วมหารือประกาศยุติสนับสนุนนายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯต่อไปและยุบสภา ที่ผ่านมารัฐบาลคิดมักง่ายไปมาก คิดว่าเดี๋ยวก็สลายไปเอง เดี๋ยวก็กลับบ้านไปเอง หากคิดเช่นนี้จะเกิดความเสียหายใหญ่หลวง" นายจาตุรนต์กล่าว
เมื่อถามว่าการเจรจาของทั้งสองฝ่ายควรมีอยู่หรือไม่ นายจาตุรนต์กล่าวว่า การเจรจาเพื่อแก้วิกฤตการเมืองควรต้องมี แต่รัฐบาลต้องเป็นฝ่ายเริ่มก่อน การที่รัฐบาลบอกว่าผู้ชุมนุมต้องรักษากฎหมายก่อนนั้น รัฐบาลไม่ควรตั้งแง่มุ่งจะเอาพื้นที่คืน เพราะจะทำให้การเจรจาไม่สามารถเกิดขึ้นได้ และเห็นว่านายกฯไม่แสดงความจริงใจในการแก้ไขปัญหา
เมื่อถามว่ายุบสภาต้องเร็วแค่ไหนและเงื่อนไขควรเป็นอย่างไร นายจาตุรนต์กล่าวว่า เงื่อนไขการยุบสภา คือการแก้รัฐธรรมนูญที่ปกติใช้เวลาไม่ถึง 3 เดือน การที่พรรคร่วมรัฐบาลหารือกันนั้นทั้งหมดจะใช้เวลาไม่ถึง 2 เดือน เชื่อว่าหากพรรคร่วมไปประชุมกันเพื่อหาข้อสรุปจะใช้เวลา 2 สัปดาห์ และเชื่อว่าจะได้ข้อสรุปไม่แก้รัฐธรรมนูญ เพราะพรรคประชาธิปัตย์จะไม่มีการแก้ไข ดังนั้นควรยุบสภาทันทีภายใน 2 สัปดาห์ก็เพียงพอแล้ว และหากนายกฯไม่เชื่อโดยจะใช้แต่กำลังทหารปราบปราม เชื่อว่านายอภิสิทธิ์จะไม่มีโอกาสยุบสภา และไม่เหลือเวลาแม้จะคิดด้วยซ้ำ
เผยเป็นคนกลางถกหยุดยิง
นายจาตุรนต์ยังได้โพสต์เล่ารายละเอียดการเจรจาระหว่างนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. ในทวิตเตอร์จาตุรนต์ ว่า ข่าวเกี่ยวกับการเจรจาเมื่อคืนคลาดเคลื่อนในน.ส.พ.หลายฉบับ ขอชี้แจงเพื่อเข้าใจตรงกันดังต่อไปนี้ หลังจากพูดที่ผ่านฟ้าเสนอให้รัฐบาลสั่งให้ทหารหยุดปฏิบัติการทั้งหมดเพราะมืดแล้วจะเสียหายมาก ก็ได้รับการติดต่อจากนายกอร์ปศักดิ์ว่า จะทำอย่างไรกันดี จึงเสนอว่ารัฐบาลควรสั่งให้ทหารหยุดปฏิบัติการทั้งหมดในคืนนี้
"คุณกอร์ปศักดิ์ถามว่าช่วยพูดกับนปช.ได้ไหม ผมบอกไปว่าเชื่อว่าได้ คุณกอร์ปศักดิ์ขอให้บอกนปช.ให้ช่วยประกาศให้คนถอยกลับเข้าที่ตั้ง แล้วศอฉ.จะประกาศหยุดปฏิบัติการ หลังจากนั้นผมได้บอกณัฐวุฒิไปตามนั้น และคุณกอร์ปศักดิ์ติดต่อมาก็ได้พูดกับณัฐวุฒิโดยตรงด้วย แต่บอกกับผมว่าณัฐวุฒิอยู่ในที่เสียงดังฟังไม่ค่อยชัด
นายจาตุรนต์ระบุต่อไปว่า นายณัฐวุฒิตกลงประกาศทันทีให้คนถอยมารวมกัน หลังจากนั้นศอฉ.ก็ประกาศ แล้วนายณัฐวุฒิจึงประกาศซ้ำ ต่างฝ่ายต่างหยุด ไม่ใช่แดงไม่หยุดอย่างที่เป็นข่าว เรื่องนอกเหนือจากนั้น เช่นการดำเนินการทางการเมืองของแต่ละฝ่ายจะเป็นอย่างไร วันรุ่งขึ้นจะอย่างไร อยู่นอกเหนือการหารือที่ตนเป็นคนกลาง
ชื่นชม"กอร์ป-ณัฐวุฒิ"ตัดสินใจเร็ว
"ผมแจ้งทั้งสองฝ่ายว่าพูดกันเฉพาะการหยุดยิงหยุดปะทะในคืนนั้นเท่านั้นก่อนจะได้คุยกันง่าย จบเร็ว ซึ่งไม่มีฝ่ายใดบิดพลิ้วอย่างที่เป็นข่าว"
นายจาตุรนต์ระบุอีกว่า หลังสองฝ่ายประกาศแล้ว นายกอร์ปศักดิ์หารือว่าจะทำอย่างไรกับเอ็ม79ที่ยังไม่เลิก จึงบอกกลับไปว่าไม่เกี่ยวกับเสื้อแดงแน่ และไม่สามารถทำอะไรได้เลย ถ้าทหารถอยห่างออกไปแล้วยังมีปัญหาเอ็ม 79 ก็ว่ากันไป จะแจ้งเสื้อแดงให้ว่าเสียงปืนที่ดังไม่เกี่ยวไม่ใช่การสลายการชุมนุมการหารือประเด็นต่างๆ รวมทั้งเรื่องเอ็ม 79 อีกทางหนึ่งทางทหารระดับสูงไม่ทราบชื่อก็ได้หารือมาทางอดีตรมต.
"ที่ยุติได้เร็วต้องขอบคุณคุณกอร์ปศักดิ์ คุณณัฐวุฒิ และทหารผู้ใหญ่ท่านนั้น ที่เมื่อหารือแล้วตัดสินใจเร็วและสั่งการได้จริงตามตกลงทันที ผมเสนอให้รัฐบาลยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทันทีและคืนพีทีวีให้ออกอากาศได้ แล้วเจรจาหาข้อยุติทางการเมืองด่วน จะมีฝ่ายอื่นร่วมก็ได้"
เอแบคโพลเผยประชาชนหนุนเจรจา
สำนักวิจัยเอแบคโพล มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เสนอผลวิจัยเชิงสำรวจเองเสียงสะท้อนของสาธารณชนต่อสถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบัน โดยศึกษาตัวอย่างประชาชนที่พักอาศัยอยู่ใน 17 จังหวัดทั่วประเทศ จำนวน 1,124 ตัวอย่าง วันที่ 10 เม.ย. พบว่า ร้อยละ 67.4 ติดตามการชุมนุมทุกวัน โดยร้อยละ 57.0 มีความทุกข์ใจมากถึงมากที่สุดที่เห็นเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่กับประชาชน และร้อยละ 72.8 อยากเห็นการเปิดเจรจาครั้งที่ 3 ระหว่างรัฐบาลกับแกนนำผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง
ของขวัญวันสงกรานต์หรือวันขึ้นปีใหม่ไทยที่อยากได้จากการเจรจา อันดับแรก ร้อยละ 93.4 อยากได้ความสงบสุขของบ้านเมือง รองลงมาคือร้อยละ 84.0 อยากได้ความเป็นธรรมในสังคม ร้อยละ 82.2 อยากได้ชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ร้อยละ 78.1 อยากได้ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
ดุสิตโพลชี้คนแนะถอยคนละก้าว
สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นคนกรุงเทพฯ ปริมณฑล ต่อการปะทะกันระหว่าง "ทหาร" กับ "กลุ่มคนเสื้อแดง" จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,084 คน สรุปว่า ประชาชนร้อยละ 60.29 รู้สึกสลดใจ หดหู่ใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและไม่เคยคิดมา ก่อนว่าจะเจอเหตุการณ์แบบนี้ในประเทศไทย ร้อยละ 12.88 อยากให้ทั้ง 2 ฝ่าย โดยเฉพาะรัฐบาลและแกนนำเสื้อแดงหยุดใช้ความรุนแรงตอบโต้กัน ควรคิดถึงผลดี-ผลเสีย ที่ตามมาให้มาก ร้อยละ 11.06 ไม่รู้ว่าสถานการณ์ต่างๆ จะคลี่คลายหรือยุติลงอย่างไร ร้อยละ 8.09 ระบุว่าถือเป็นบทเรียนหนึ่งที่สร้างความบอบช้ำให้กับประเทศชาติและคนไทยทั้งประเทศ และร้อยละ 7.68 ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ 10 เมษายน
เมื่อถามถึง "วิธีแก้ไข" สถานการณ์เพื่อให้เกิดความสงบ ควรทำอย่างไร ร้อยละ 39.83 ระบุว่า ควรถอยกันคนละก้าว/อยากให้ทั้ง 2 ฝ่ายมีท่าทีที่อ่อนลง ไม่ใช้ความรุนแรง ร้อยละ 27.16% อยากให้ทุกคนนึกถึงส่วนรวมให้มาก นึกถึงความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น ร้อยละ 26.08 อยากให้มีการเจรจารอบ 3 เพื่อพูดคุยกันอีกครั้งระหว่างนายกฯ อภิสิทธิ์ กับแกนนำเสื้อแดง และร้อยละ 6.93 รัฐบาลควรออกมาชี้แจงหรือมีการสื่อสารเพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนเป็นระยะๆ
แนะรบ.ยึดกม.คู่มนุษยธรรม
เมื่อถามว่า "ฝ่ายรัฐบาล" ควรทำอย่างไร เพื่อให้เหตุการณ์สงบ ร้อยละ 32.41 ระบุว่า ไม่ว่าจะดำเนินการใดๆ รัฐบาลจะต้องยึดหลักของกฎหมายและหลักของมนุษยธรรมควบคู่กัน ร้อยละ 24.29 กำชับเจ้าหน้าที่ในระดับปฏิบัติการไม่ให้ใช้อาวุธที่รุนแรงหรือก่อให้เกิดความสูญเสียได้ ร้อยละ 18.30 หาคนกลางหรือตัวแทนฝ่ายรัฐบาลเข้าไปเจรจากับแกนนำเสื้อแดงอีกครั้ง ร้อยละ 14.21 ต้องใช้ความอดทนอดกลั้นอย่างมากในการควบคุมสถานการณ์ไม่ให้เกิดความรุนแรง และร้อยละ 10.79 สร้างความเข้าใจและมีการชี้แจงถึงเหตุผลต่างๆ ในการดำเนินการกับการชุมนุมเป็นระยะๆ
เมื่อถามว่า "ฝ่ายเสื้อแดง" ควรทำอย่างไร เพื่อให้เหตุการณ์สงบ ร้อยละ 47.58 ระบุว่า ผู้ที่เป็นแกนนำจะต้องควบคุมดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมให้อยู่ในความเป็นระเบียบเรียบร้อย ร้อยละ 23.04 ไม่ใช้คำพูดที่รุนแรง หรือพูดจาในลักษณะยั่วยุ ปลุกระดมให้ผู้ชุมนุมเกิดความโกรธแค้น ร้อยละ 19.72 ขอความร่วมมือจากผู้ชุมนุมไม่ให้ใช้อาวุธที่รุนแรงหรือก่อให้เกิดความสูญเสียได้ และร้อยละ 9.66 ยุติการชุมนุมหรือถ้าจะชุมนุมต่อไปก็จะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของกฎหมาย อย่างเคร่งครัด
เมื่อถามว่า "ประชาชน" ควรทำอย่างไร เพื่อให้เหตุการณ์สงบ ร้อยละ 33.48 ไม่ออกมาเคลื่อนไหวหรือเข้าร่วมการชุมนุมต่างๆ ร้อยละ 30.12 มีสติ /รับฟังข้อมูลข่าวสารหลายๆ ด้าน พิจารณาไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน ร้อยละ 15.39 อยาก ให้ญาติพี่น้องของผู้ชุมนุมติดต่อหรือขอร้องให้กลับบ้าน /เลิกเข้าร่วมการชุมนุม ร้อยละ 14.20 สวดมนต์ ขอพร ให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายคุ้มครอง ปกปักรักษาประเทศชาติและคนไทยให้ผ่านพ้นวิกฤตทางการเมืองครั้งนี้ไปได้ด้วยดี และร้อยละ 6.81 ไม่แสดงความคิดเห็นหรือพูดคุยเรื่องการเมืองในที่สาธารณะ
303 คณาจารย์เรียกร้องสื่อเป็นกลาง
คณาจารย์ 303 คน จาก 14 สถาบัน นำโดยนายสมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้ประสานงาน ได้แสดงจุดยืนและข้อเสนอแนะต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น 1.รัฐบาลต้องจัดตั้งคณะกรรมการที่เป็น กลาง โดยเสนอให้แต่งตั้งจากบุคคล 4 ฝ่าย คือผู้เชี่ยวชาญด้านการพิสูจน์หลักฐาน ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมฝูงชน และตัวแทนจากกลุ่มนักวิชาการทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการยุบสภา ทำหน้าที่สอบสวนข้อเท็จจริงและรายงานต่อประชาชนโดยเร็วที่สุด ขั้นต้นต้องรายงานผลได้ภายใน 24 ช.ม.และทุกวัน จนกว่าจะคลี่คลายไปในทางที่ดี
2.การรักษากฎหมายของบ้านเมืองยังจำเป็นต้องได้รับการปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ผู้ชุมนุมควรเลิกกระทำการในสิ่งที่ผิดกฎหมายและถอนตัวจากพื้นที่แยกราชประสงค์กลับคืนมาที่สะพานผ่านฟ้าฯ หรือยุติการชุมนุมชั่วคราว นอกจากนี้การใช้กระบวนการควบคุมฝูงชนไม่ควรทำหลังจากเวลา 17.30 น. เนื่องจากเป็นเวลากลางคืน การควบคุมสถานการณ์ยากลำบาก 3.ขอเรียกร้องให้สื่อเสนอข่าวเป็นกลาง นำเสนอข้อเท็จจริง
4.ขอเรียกร้องให้เปิดโต๊ะเจรจายุติศึกชั่วคราว เจรจาในประเด็นการร่วมกันคลี่คลายสถานการณ์ เฉพาะหน้า โดยรัฐมีข้อเสนอเพียงให้ย้ายที่ชุมนุม ไปสะพานผ่านฟ้าฯและนปช.มีข้อเสนอเพียงการยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินและยกเลิกหมายจับแกนนำ ไม่จำเป็นต้องเจรจาเรื่องอื่นซึ่งยากจะได้ข้อยุติ 5.ในการประสานให้เกิดการเจรจา กลุ่ม 303 คณาจารย์ ยินดีเป็นคนกลางประสานกับทุกฝ่าย ขอเรียกร้องให้กลุ่ม 155 นักวิชาการที่เสนอให้ยุบสภาใน 3 เดือน เข้ามาร่วมประสานให้เกิดการเจรจา ซึ่งหากเห็นร่วมกัน จะได้นัดหมายให้มีการเจรจาโดยเร็ว
จอนเสนอทางออกวิกฤต
ด้านนายจอน อึ๊งภากรณ์ อดีตส.ว.กทม. เขียนบทความ 2 เรื่องคือ 1.กระจกที่สะท้อนคุณภาพของนายกฯ และ2.สังคมสองมาตรฐานย่อมไถลไปสู่สงครามกลางเมืองและความป่าเถื่อน ทางออกมีทางเดียว...ต้องกลับมา สู่มาตรฐาน เดียวกัน โดยระบุตอนหนึ่งว่า ในประเทศประชาธิปไตยที่มีอารยธรรมเขาไม่ใช้ทหารปราบประชาชนในประเทศ หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้นายกฯย่อมอยู่ต่อไม่ได้ แต่ไม่ว่าจะเป็น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรือนายอภิสิทธิ์ ต่างไม่เข้าใจมารยาททางการเมือง และคำกล่าวเสียใจต่อเหตุที่เกิดขึ้นโดยไม่แสดงความรับผิดชอบ ย่อมไม่สามารถเยียวยาผู้ที่ได้รับการสูญเสียทั้งประเทศได้ ต่อไปนี้ทุกครั้งที่นายอภิสิทธิ์มองหน้าตัวเองในกระจกก็ย่อมจะเห็นหน้าของ พ.ต.ท.ทักษิณ
นายจอนระบุด้วยว่า ขอเสนอทางออกในการแก้วิกฤตที่เกิดขึ้น ซึ่งไม่ใช่ทางออกที่ง่ายนักว่า 1.ต้องมีการเลือกตั้งโดยเร็ว 2.ทุกพรรคให้สัญญาต่อประชาชนว่าใครชนะเลือกตั้ง จะไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญโดยพลการ แต่จะดูแลให้ตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญใหม่โดยเร็ว ที่มีประชาชนทุกกลุ่มทุกส่วนเป็นสมาชิกมาจากการเลือกตั้งในกลุ่มของตน แต่ละพรรคเสนอรูปแบบโครงสร้างสสร.ที่พรรคนั้นเห็นว่าเหมาะสมระหว่างการหาเสียงเพื่อให้ประชาชนได้เลือก 3.กลุ่มพลังทางการเมืองทุกฝ่ายตกลงร่วมกันงดการชุมนุมทุกรูปแบบระหว่างการเลือกตั้ง การร่างรัฐธรรมนูญและเคารพต่อผลการเลือกตั้งและการร่างรัฐธรรมนูญ 4.รัฐธรรมนูญใหม่ร่างเสร็จภายใน 9 เดือนและทำประชามติ ถ้าเริ่มต้นสร้างมาตรฐานเดียวกันได้อย่างนี้ สังคมไทยยังมีความหวัง
องคมนตรีแนะใช้สติ-เจรจาหาข้อยุติ
ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ พล.อ.อ.กำธน สินธวานนท์ องคมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า ตนมาเยี่ยมผู้บาดเจ็บจากการปะทะกันเมื่อวันที่ 10 เม.ย. ไม่ว่าทหาร ตำรวจ พลเรือน รวมทั้งคนเสื้อแดง เพราะทุกฝ่ายถือเป็นคนไทยด้วยกัน ซึ่งจะไปเยี่ยมทุกโรงพยาบาล เช่น ที่ร.พ.ราชวิถี หัวเฉียว จุฬาฯ ศิริราช เท่าที่จะทำได้ ไม่ได้ตั้งใจเยี่ยมเฉพาะทหาร
"วันนี้ไม่รู้จะว่าอย่างไร เป็นเรื่องของดวง ขอใช้คำว่าซวยอีกแล้วที่ต้องมาดูแลคนที่บาดเจ็บเนื่องจากคนไทยสู้กันเอง เราเสียใจ และเสียดายกับผู้ที่เสียชีวิตไป จึงมาเยี่ยมในฐานะกรรมการมูลนิธิสายใจไทย ไม่ได้มาพูดในนามองคมนตรี ปัญหาที่มีขึ้นเป็นเรื่องการเมือง เราคงไปยุ่งไม่ได้ แต่ขอฝากถึงประชาชนว่า ขอให้มีสติกันมากขึ้น คิดเสียหน่อย ทำในสิ่งที่ถูก การที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตยนั้น มีความเห็นได้ แต่ต้องมาพูดจากันหาข้อยุติว่าแล้วอะไรมันดีที่สุด แต่ถ้าเรามีความเห็นของเราแล้วเราปักใจว่าของเราถูก ต้องเป็นของเราเท่านั้น ไปบังคับให้เป็นไปตามนั้น อันนี้คือปัญหาที่เกิดขึ้น" องคมนตรี กล่าว
สมชายบี้ครม.แสดงความรับผิดชอบ
เวลา 11.00 น. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมแกนนำพรรคเพื่อไทย อาทิ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นางสุนีย์ เหลืองวิจิตร เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย และ ส.ส.พรรคเพื่อไทย กว่า 20 คน เดินสายเยี่ยมผู้ชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงที่ได้รับบาดเจ็บ ทั้งโรงพยาบาลกลาง โรงพยาบาลวชิระ โรงพยาบาลรามาฯ และโรงพยาบาลหัวเฉียว นายสมชาย ได้มอบเงินช่วยเหลือให้กับผู้ได้รับบาดเจ็บ
นายสมชาย ออกแถลงการณ์ 1.แสดงความเสียใจกับญาติผู้ชุมนุมที่เสียชีวิต บาดเจ็บ สดุดีต่อความกล้าหาญเยี่ยงวีรชน และเสียใจต่อทหารที่เสียชีวิตและบาดเจ็บ 2.เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นผลโดยตรงจากคำสั่งของรัฐบาล ที่บังคับใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือทางการเมืองและใช้กำลังทหารแก้ปัญหาทางการเมือง ทั้งที่ผู้ชุมนุมเรียกร้องเพียงให้ยุบสภา แต่รัฐบาลได้ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง และประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง นายกฯ ประกาศว่าจะไม่สลายการชุมนุม แต่ 2 วันหลังจากนั้นกลับสั่งการให้ทหารพร้อมอาวุธเข้าสลาย อ้างเพียงแค่ต้องการขอพื้นที่คืนจากผู้ชุมนุม เหตุที่ประชาชน ตายและบาดเจ็บจำนวนมากจึงมีต้นเหตุมาจากคำสั่งของรัฐบาล และรัฐบาลสั่งปิดสถานีโทรทัศน์พีเพิลแชนแนลโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ขณะเดียวกันกลับปล่อยให้เอเอสทีวีและช่อง 11 ที่มีรายการสร้างความแตกแยกออกอากาศได้ จึงเป็นการเลือกปฏิบัติ 3.รัฐบาลได้ใช้อำนาจจนเกิดความสูญเสีย อย่างร้ายแรง จึงเรียกร้องให้คณะรัฐมนตรีร่วมกันแสดงความรับผิดชอบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะนายกฯไม่ควรพูดในลักษณะโยนความผิดให้กับผู้ชุมนุมและมือที่ 3
เร่งพรรคร่วมแสดงจุดยืน"สั่งสลาย"
นายสมชาย กล่าวว่า ไม่ได้เรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลสลับขั้วทางการเมือง หรือย้ายข้างมาร่วมกับพรรคเพื่อไทย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นพรรคร่วมรัฐบาลควรแสดงความรับผิดชอบ แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยที่นายกฯ ตัดสินใจสั่งให้ทหารสลายการชุมนุม เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยพยายามเสนอให้นายกฯ ลาออกและทุกพรรคมาร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลเพื่อจัดการเลือกตั้งในระยะเวลาสั้นๆ นายสมชาย กล่าวว่า ไม่ทราบว่าพรรคเพื่อไทยเสนออะไรอย่างไร แต่เมื่อสถานการณ์มาถึงวันนี้รัฐบาลก็ต้องตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งในการแก้ไขปัญหา จะเจรจาหรือยุบสภาก็ควรจะเริ่มทำอะไรสักอย่าง เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่มีใครรับได้ และที่สำคัญคือสังคมโลกก็รับไม่ได้
นายสมชาย กล่าวว่าการตัดสินใจยุบสภา เป็นแนวทางหนึ่งที่จะทำให้สถานการณ์สงบลง เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา แต่การดำเนินการของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ ที่จะเชิญอดีตนายกฯ มาเป็นตัวกลางในการเจรจาและแก้ไขปัญหาของประเทศ ขณะนี้คงไม่ใช่ทางแก้ไขปัญหาอีกต่อไป คณะกรรมการสิทธิฯควรไปตรวจสอบว่าการสั่งให้ทหารเข้าสลายการชุมนุม โดยมีการใช้อาวุธสงครามนั้นเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงและใครจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ เมื่อถามว่าหากสถานการณ์ยังรุนแรงอยู่จะมีโอกาสเกิดการปฏิวัติหรือไม่ นายสมชายกล่าวว่า หากเกิดการปฏิวัติขึ้นมาอีกก็เท่ากับว่าทำให้ประเทศถอยหลังเข้าคลอง
เวลา 16.30 น. ที่มูลนิธิ 111 ไทยรักไทย น.พ.สันต์ หัตถีรัตน์ ประธานมูลนิธิวีรชนประชาธิปไตย นางประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ ประธานสมาพันธ์ประชาธิปไตย และนายไพรพนา ศรีเสน กรรมการมูลนิธิ 111 ไทยรักไทย ออกแถลงการณ์ การช่วยเหลือผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บจากการสลายการชุมนุม โดยระบุว่า ทั้งสองมูลนิธิและสมาพันธ์ประชาธิปไตย ได้ตั้งกองทุนช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว ผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคได้ที่ธ.กสิกรไทย ออมทรัพย์ สาขานางเลิ้ง เลขที่ 062-2-41611-5 และได้มอบเงินช่วยเหลือให้กับครอบครัวของนายบรรเจิด ฟุ้งกลิ่นจันทร์ คนเสื้อแดงซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุม เป็นเงิน 10,000 บาทด้วย
เทือกนัดพรรคร่วมฯถก
เวลา 14.00 น. ที่ศอฉ. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะผอ.ศอฉ. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเชิญหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลเข้าหารือในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ที่กรมทหารราบที่ 11 บางเขน ว่า เป็นปกติเมื่อมีเหตุการณ์สำคัญๆ ที่พรรคร่วมรัฐบาลต้องมาหารือ ปรึกษากัน ตนจะพยายามประสานกับพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อหารือพูดคุย ช่วยกันคิดว่าในสถานการณ์บ้านเมืองอย่างนี้เราต้องทำอะไรกันบ้าง กี่อย่าง เป็นปกติ ไม่มีอะไรพิเศษ
ผู้สื่อข่าวถามว่า จนถึงวันนี้คิดว่าปัญหาขณะนี้ไปไกลกว่าการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองตามระบบ แต่เป็นการพยายามเปลี่ยนโครงสร้างการปกครองหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า คิดว่าบางฝ่ายคิดอยากจะเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองไปตามใจที่เขาปรารถนา ซึ่งอาจจะไม่ตรงกับใจของคนไทยส่วนใหญ่ก็ได้ แต่ในส่วนของพวกเราต้องยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขอย่างนี้ต่อไป และต้องต่อสู้เพื่อปกป้องสิ่งที่เห็นว่าดีที่สุดสำหรับประเทศไทย ต้องช่วยกันทำหน้าที่ไม่เฉพาะนักการเมือง แต่รวมถึงสื่อมวลชนด้วย คือต้องพูดกันตามความเป็นจริง เพราะขณะนี้มีการบิดเบือนมีการสร้างภาพให้เห็นผิดไปจากข้อเท็จจริง ผิดไปจากความเป็นจริง มีการปลุกปั่นให้คนไทยโกรธ เกลียด แค้น กันมากขึ้น ซึ่งไม่เป็นประโยชน์
พร้อมเสียสละเพื่อประเทศสงบ
นายสุเทพกล่าวว่า สิ่งที่พยายามต่อไปนี้คือบอกกับคนที่มาร่วมชุมนุมว่า ได้มาแสดงออกอะไรไปมากแล้ว กลับบ้านเถิด ให้บ้านเมืองอยู่ในความสงบเรียบร้อยสักระยะหนึ่ง และอะไรที่เป็นเรื่องทางการเมืองก็มาเจรจา มาว่ากันไปตามวิถีทางทางการเมือง ส่วนผู้ที่แฝงตัวมาในการกระทำความผิดนั้นก็เป็นผู้ก่อการร้าย เป็นคนร้าย ซึ่งต้องดำเนินการตามกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุการณ์นี้จะทำให้เสถียร ภาพรัฐบาลกระทบกระเทือนไปด้วยหรือไม่ โดยเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาลอาจมีความไม่สบายใจ นายสุเทพ กล่าวว่า อย่าเพิ่งพูดอย่างนั้น ยังมีความมั่นใจว่าพรรคร่วมรัฐบาลเข้าใจเหตุการณ์ดีว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะทุกขั้นตอนในการตัดสินใจในการดำเนินการนั้นได้บอกให้พรรคร่วมทราบตลอด แม้แต่ในวันที่ประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน หัวหน้าพรรคร่วมก็มานั่งอยู่ที่นี่แถลงพร้อมนายกฯ
เมื่อถามถึงกรณีที่จะหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลในช่วงเย็นวันเดียวกันนี้ นายสุเทพกล่าวว่า ขอให้ได้หารือกันก่อนแล้วจะมารายงานความก้าวหน้าให้ทราบ เมื่อถามถึงความรับผิดชอบร่วมกันนายสุเทพ กล่าวว่า เรารับผิดชอบร่วมกันมาตลอด ทุกขั้นตอนปรึกษาหารือกันมาตลอด และจะทำอย่างนั้นต่อไป ยืนยันว่าเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องทำงานต่อไป รัฐบาลไม่มีสิทธิท้อแท้ ท้อถอย ต้องปฏิบัติหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ ต้องเดินหน้าปฏิบัติหน้าที่ต่อไป เมื่อถามว่านายสุเทพอาจจะต้องเสียสละตัวเองเพื่อที่จะรักษารัฐบาลไว้ นายสุเทพ กล่าวว่า "ไม่มีปัญหาครับ สำหรับผม ถ้าทำอะไรให้ประเทศไทยอยู่อย่างสงบได้ ให้บ้านเมืองคืนกลับสู่ความสงบสุข เรียบร้อยได้ ผมยินดีครับ ไม่มีปัญหา"
เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคร่วมจะเสนอให้นายกฯพิจารณาพระราชกฤษฎีกากำหนดวันยุบสภา นายสุเทพ กล่าวว่า ยังไม่ได้ข่าว
พรรคร่วมฯนัดถกกันก่อนคุยปชป.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดช่วงบ่ายนายสุเทพพยายามโทร.ติดต่อบรรดาแกนนำพรรคร่วมให้มาหารืออีกครั้งในช่วงเย็น บางคนติดต่อได้ บางคนติดต่อไม่ได้ บางคนรับสายแต่อ้างว่าอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด กระทั่งเวลา 18.00 น. ยังไม่มีแกนนำพรรคร่วมคนใดมาหารือตามคำเชิญ โดยก่อนหน้านี้เวลา 14.00 น. ระหว่างให้สัมภาษณ์สื่อ นายสุเทพได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า นัดหมายกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลมาหารือแก้ปัญหาบ้านเมืองในช่วงเย็นวันเดียวกันนี้
รายงานข่าวจากแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเผยว่า หลังเกิดเหตุปะทะของทหารและคนเสื้อแดง จนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต แกนนำพรรคร่วมต่อสายโทรศัพท์พูดคุยกันคร่าวๆ ส่วนใหญ่ไม่สบายใจและเห็นตรงกันว่า นายอภิสิทธิ์ต้องตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง หากให้สถานการณ์เป็นแบบนี้ต่อไปจะอยู่ลำบาก แกนนำพรรคร่วมจึงเตรียมนัดหารือภายในโดยไม่มีพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อกำหนดท่าทีและหาทางออกให้กับประเทศโดยเร็ว อาจภายใน 2-3 วันนี้ เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะนำไปหารือกับพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป
แกนนำเห็นตรงกันต้องเร่งยุบสภา
รายงานข่าวระบุด้วยว่า เบื้องต้นเท่าที่พูดคุยกับแกนนำพรรคร่วมเห็นตรงกันว่า การลาออกจากตำแหน่งนายกฯเพื่อแสดงความรับผิดชอบคงไม่พอ ไม่ช่วยให้ปัญหายุติ ต้องเร่งประกาศยุบสภาและรีบแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเร็ว ไม่ต้องกำหนดโรดแม็ป 9 เดือนอีกแล้ว หากปล่อยให้สถานการณ์บานปลายมากกว่านี้ ทหารอาจออกมาปฏิวัติได้
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า หลังนายกฯออกแถลงการณ์ทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยเมื่อกลางดึกวันที่ 10 เม.ย. ในวันที่ 11 เม.ย. นายสุเทพโทร.ติดต่อแกนนำพรรคร่วมให้เข้าหารือที่ ร.11 รอ. ที่ตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) แต่ปรากฏว่าแกนนำพรรคร่วมไม่มีใครยอมไป อ้างติดภารกิจ แต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ลดละ พยายามติดต่อขอหารือต่อไป
เวลา 17.00 น. น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน หัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ยอมรับว่าได้รับการติดต่อให้ไปร่วมหารือกับนายกฯ ที่ ร.11 รอ.จริง แต่ไม่เดินทางไปเพราะไม่สะดวก เมื่อถามว่ามองเหตุการณ์รุนแรงเมื่อวันที่ 10 เม.ย. อย่างไร น.พ.ชวรัตน์กล่าวว่า ไม่วิจารณ์ ประเทศจะยิ่งสับสนวุ่นวายมากขึ้น
หน่อยจี้มาร์คลาออก
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่ถนนราชดำเนิน ว่า นายอภิสิทธิ์ควรลาออกเพื่อลดการเผชิญหน้าระหว่าง 2 ฝ่าย แล้วตั้งกรรมการกลางที่ทุกฝ่ายยอมรับ ตรวจสอบการใช้กำลังสลายการชุมนุม ผลออกมาอย่างไร ต้องใช้กฎหมายลงโทษฝ่ายที่ทำผิดอย่างเที่ยงธรรม จากนั้นเร่งรีบแก้ไขปัญหาระดับรากเหง้าในรอบ 3-4 ปีที่ผ่านมา ทุกฝ่ายต้องร่วมเปิดไฟเขียวให้ประเทศไทยเดินหน้าโดย 1.จัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ให้สภาเลือกผู้เหมาะสมเป็นนายกฯ หากไม่มีก็ให้ขออนุญาตยกเว้นรัฐธรรมนูญสักหนึ่งมาตรา หาคนนอกมาเป็นนายกฯ รัฐบาลที่จัดตั้งขึ้นต้องกำหนดกรอบกติกาเลือกตั้งให้เป็นธรรม พอใจทุกฝ่าย ต้องไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับงบประมาณและการแต่งตั้งโยกย้าย จากนั้นรีบยุบสภาภายใน 3 เดือน
2.ก่อนเลือกตั้งต้องทำสัญญาประชาคม ผลออกมาอย่างไรต้องยุติความเคลื่อนไหวทุกกลุ่ม ระหว่างเตรียมการเลือกตั้ง ให้ทุกพรรคทุกสีทำพิมพ์เขียวแก้ไขรัฐธรรมนูญ ใช้จุดนี้รณรงค์เลือกตั้ง หากประชาชนเลือกพรรคใดแสดงว่าให้ฉันทานุมัติพรรคนั้นแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยไม่ต้องทำประชามติ และ 3.ให้ทุกฝ่ายเลิกแอบอ้างหรือพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งนี้ทุกฝ่ายต้องจริงใจ เสียสละและถอยคนละก้าว ให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไปได้ สำหรับแนวคิดรัฐบาลแห่งชาติยังไม่ได้หารือกับพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย และผู้ชุมนุม อยากให้พรรคร่วมรัฐบาลพิจารณาเรื่องนี้เพื่อนำไปแก้ไขปัญหา ตนพร้อมเดินสายพูดคุยกับแกนนำพรรคร่วมด้วยตัวเอง
อธิการบดีมศวชี้รัฐบาลไม่เป็นผู้ใหญ่
ศ.ดร.วิรุณ ตั้งเจริญ อธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีนครินทวิโรฒ (มศว) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการปะทะกันระหว่างทหารและกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นทำให้เห็นว่าทั้งสองฝ่ายเอาความตายของมนุษย์มาต่อสู้กันและมองเห็นความตายเป็นเรื่องไม่สำคัญ ทั้งนี้ผู้มีอำนาจในบ้านเมืองก็จะยกเรื่องราวการใช้กฎหมายและความถูกต้องโดยอิงกับกฎหมายเป็นตัวตั้ง หากมองทุกเรื่องโดยอิงกับกฎหมายจะมองไม่เห็นความเป็นคน จะมองเห็นแต่อำนาจ ความถูกต้อง โดยอิงกับเศรษฐกิจ รายได้ของประเทศ และระบบทุนนิยมเป็นหลักและจะมองไม่เห็นความเป็นมนุษย์ในตัวตนของคนในชาติ
"จากแถลงการณ์ของนายกรัฐมนตรีเมื่อคืนวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมานี้พบว่านายอภิสิทธิ์ไม่ได้มีความเป็นผู้ใหญ่ทั้งรัฐบาลทำตัวเหมือนเด็กๆ เหตุที่พูดเช่นนี้เพราะรัฐบาลเปรียบเสมือนพ่อแม่ที่ต้องดูแลลูกๆ เมื่อลูกเกเรจะทำอย่างไรกับลูกของเรา รัฐบาลต้องมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้ และนายกฯก็ฟังคนใกล้ตัวมากเกินไป จนลืมมองและไม่ได้ฟังให้รอบด้าน มีแต่วาทศิลป์ ที่ประดิษฐกรรมขึ้นมาเป็นคำพูดที่สวยหรูดูดี ทั้งนี้การกล่าวคำว่าเสียใจที่มีคนเสียชีวิตนั้นควรจะได้กล่าวแสดงให้เห็นถึงความเสียใจในเหตุการณ์นั้นจริงๆ และควรจะมีความรับผิดชอบ ซึ่งควรจะประกาศออกมาเลยว่า ต้องการจะเจรจาในวันรุ่งขึ้น และไม่จำเป็นต้องสร้างภาพกันด้วยการถ่ายทอดผ่านทางโทรทัศน์ก็ได้" ศ.ดร.วิรุณ กล่าว
ศ.ดร.วิรุณ กล่าวอีกว่า เรากำลังใช้ความตายของมนุษย์มาเป็นเครื่องมือเพื่อเรียกร้องความชอบธรรมให้ฝ่ายของตัวเองมากเกินไป เมื่อไหร่ที่เราฟังแต่คนรอบตัวของตัวเอง ไม่ฟังคนให้รอบด้าน เราก็จะเห็นแต่เหตุผลของตัวเองเป็นหลัก จนมองไม่เห็นคนอื่นท้ายที่สุดเหตุการณ์ความรุนแรงจะยังไม่จบสิ้น คนไทยจะลุกขึ้นมาฆ่ากันอีก ซึ่งคนไทยควรตายด้วยเหตุอื่นมากกว่าจะมาเข่นฆ่ากันเอง รัฐบาลไม่ต้องมาพูดว่าใครผิดใครถูกอีกแล้วในตอนนี้ จะหาคนผิดก็ทำไปตามกระบวนการ แต่สิ่งที่ต้องเร่งทำอย่างด่วนที่สุดก็คือ รับผิดชอบและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างจริงใจให้มากกว่านี้
ประสพสุขเผยวุฒิก้าวล่วงมากไม่ได้
นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงบทบาทของสมาชิกรัฐสภาในการหาทางออกวิกฤตการเมืองหลังมีการปะทะกันระหว่างทหารและผู้ชุมนุมจนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ว่า สัปดาห์นี้ส.ว.คงไม่นัดหารือ เพราะ ส.ว.หลายคนกลับพื้นที่ไปแล้ว และคิดว่า ตอนนี้วุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฎร คงยังทำอะไรไม่ได้มาก คงต้องดูรัฐบาลดำเนินการตามที่เห็นสมควร วุฒิสภาคงไปก้าวล่วงมากกว่านี้ไม่ได้ และตอนนี้ต้องให้รัฐบาลและแกนนำผู้ชุมนุมเจรจากัน คนอื่นเข้าไปยุ่งอีกจะยิ่งสับสน การประคองสถานการณ์ในขณะนี้อยู่ที่ทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันหารือว่า จะทำอย่างไรต่อไป แต่เท่าที่ทราบ ส.ว.หลายคนก็พยายามช่วยประสานให้ทั้งสองฝ่ายมีการเจรจากันให้ได้ แต่คงต้องทำในทางลึก และคิดว่าหากจะมีการเจรจาครั้งที่ 3 แล้วถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์คงไม่เหมาะสม แต่ควรคุยในทางลับ ตกลงกันได้แล้วค่อยแถลง และแม้ว่าจะมีความสูญเสียจนทำให้นปช.ยืนกรานว่า รัฐบาลต้องยุบสภาทันทีเพียงอย่างเดียวนั้นคิดว่า ทุกอย่างยังคงเจรจากันได้อยู่
เมื่อถามว่า ประเมินการดำเนินการของรัฐบาลเมื่อวันที่ 10 เม.ย.อย่างไรเพราะปฏิบัติการผลักดันผู้ชุมนุมตั้งแต่บ่ายจนถึงค่ำมืด นายประสพสุข กล่าวว่า การขอคืนพื้นที่ต้องทำในตอนกลางวัน เมื่อเข้าเวลากลางคืนแล้วไม่ควรดำเนินการต่อ เพราะจะสับสน ไม่รู้ใครเป็นใคร อย่างไรก็ดีไม่ขอวิจารณ์การปฏิบัติการของรัฐบาล
นายวิทยา บูรณศิริ ส.ส.อยุธยา พรรคเพื่อไทย ประธานวิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ถึงข้อเสนอตั้งรัฐบาลแห่งชาติเพื่อแก้วิกฤตว่า ยืนยันว่าขณะนี้คงไม่สามารถตั้งรัฐบาลแห่งชาติได้ เพราะการเจรจาจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อผู้กระทำความผิดสั่งฆ่าประชาชนได้รับโทษก่อน เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้มีคนต้องรับผิดชอบชัดเจน
ที่มา.ข่าวสดออนไลน์
*************************************************
มาร์คถกคนสนิทเครียดตั้งแต่เช้า เทือกวุ่นนัดพรรคร่วมฯหารือล่ม ด้านแกนนำพรรคร่วมฯขอถกกันก่อนคุยปชป. เบื้องต้นเห็นตรงกันต้องเร่งยุบสภา ปชป.บี้เพื่อไทยร่วมรับผิดชอบ ส่วนเพื่อไทยจี้รัฐบาลทบทวนคำสั่ง สมชายบี้ครม.แสดงความรับผิดชอบ เร่งพรรคร่วมฯแสดงจุดยืน"สั่งสลาย" อ๋อยชี้รัฐบาลตัดสินใจผิดที่ใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แนะทั้งสองฝ่ายเร่งเจรจา-เลิกชิงพื้นที่ เผยเป็นคนกลาง"กอร์ป-ณัฐวุฒิ"ถกหยุดยิง โพลชี้คนหนุนเจรจา-ถอยคนละก้าว องคมนตรีแนะใช้สติ-เจรจาหาข้อยุติ อธิการบดี มศว ชี้รัฐบาลไม่เป็นผู้ใหญ่
มาร์คถกเครียดตั้งแต่เช้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ยกเลิกการจัดรายการ"เชื่อมั่นประเทศไทย กับนายกฯอภิสิทธิ์" เพื่อใช้เวลาช่วงเช้าหารือกับฝ่ายการเมือง อาทิ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ผอ.ศอฉ. นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นาย สาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯ นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา โดยนายอภิสิทธิ์ มีสีหน้าเคร่งเครียดและดวงตาแดงก่ำตลอดเวลา
รายงานข่าวแจ้งว่า แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลได้ติดต่อประสานงานผ่านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อพูดคุยหาทางออกในเย็นวันเดียวกันนี้ โดยมีข่าวลือว่าทางออกที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์อาจใช้คือ ให้นายกฯลาออก และตั้งรัฐบาลแห่งชาติขึ้นมา
สส.กทม.ปชป.แถลงการณ์
ส.ส.กทม.ของพรรคประชาธิปัตย์ประมาณ 15 คน นำโดยนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส. ภาคกทม. และส.ส. อาทิ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ นายสกลธี ภัททิยกุล นางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ นายสุทธิ ปัญญาสกุลวงศ์ ฯลฯ ร่วมกันหารือถึงเหตุปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จนทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัสจำนวนมาก ใช้เวลาหารือประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง
จากนั้นนายองอาจ พร้อมด้วย 15 ส.ส. กทม. ร่วมกันแถลงว่า จากการหารือของส.ส. กทม. ได้ข้อสรุปเป็นแถลงการณ์ฉบับที่ 2 เรื่อง "ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์กับการชุมนุมของนปช." โดยกรณีที่มีการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมในนามของ นปช.หรือกลุ่มเสื้อแดงกับทหาร ตำรวจ จนก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน มีผู้ชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงและทหาร ตำรวจจำนวนมากบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนหนึ่ง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ก่อให้เกิดความสะเทือนใจกับพี่น้องประชาชนชาวไทยทั่วประเทศ เป็นอย่างมาก จากการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดพบว่า มีผู้ชุมนุมหรือผู้ที่อยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งได้ใช้ระเบิด อาวุธนานาชนิด กระทำการอันก่อให้เกิดความรุนแรงต่อทหาร ตำรวจ ที่พยายามเข้าไปปฏิบัติการให้การชุมนุมเป็นไปตามครรลองของกฎหมาย
เร่งรัฐบาลบังคับใช้กฎหมาย
นายองอาจกล่าวอีกว่า ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์มีข้อเรียกร้องดังนี้ คือ 1.ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการสูญเสียชีวิตของทหารและผู้ชุมนุม 2.ขอให้รัฐบาลดูแลรักษาทหาร ตำรวจและผู้บาดเจ็บอย่างเต็มที่ และเยียวยาครอบครัวของผู้เสียชีวิตทั้งฝ่ายเจ้าหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย และผู้ชุมนุมอย่างถึงที่สุด 3.ควรจัดให้มีคณะกรรมการอิสระ เพื่อพิสูจน์ ตรวจสอบความสูญเสียทรัพย์สินที่เกิดขึ้น และเพื่อให้เกิดความโปร่งใส ตรวจสอบได้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย 4.ขอให้รัฐบาลใช้มาตรการทางกฎหมายให้มีผลบังคับใช้อย่างจริงจัง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชนส่วนมาก ที่อยากเห็นความสงบสุขเกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา พวกเราส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ขอยืนยันว่าพวกเราจะพยายามกระทำทุกวิถีทางที่จะทำให้สถานการณ์คลี่คลาย เพื่อให้พี่น้องประชาชนชาวกทม.สามารถใช้ชีวิตอย่างปกติสุขต่อไป
นายองอาจ กล่าวว่า ส.ส.กทม.ของพรรค จะไปโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เพื่อเยี่ยมทหารตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บ จากการปะทะกันประมาณ 300 กว่านาย โดยจะนำปัจจัยส่วนหนึ่งไปมอบให้ ซึ่งเดิมตั้งใจจะมอบให้ในช่วงสงกรานต์ เพื่อบำรุงขวัญที่ช่วยรักษาการณ์ในกทม. โดยเป็นเงินเดือนส.ส. 1 เดือนรวมกัน ได้ประมาณ 1 ล้านกว่าบาท ส่วนประชาชนผู้บาดเจ็บได้หารือกันแล้วจะยังไม่ไปเยี่ยมในช่วงนี้ เพราะเกรงว่า อาจจะสร้างความขัดแย้งให้บานปลาย
บุรณัชย์โวยนปช.ชิงศพปลุกระดม
น.พ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกประจำพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า พรรคประชาธิปัตย์มองว่าการสูญเสียที่เกิดขึ้นเป็นการสูญเสียของคนไทยทุกคน ขอให้ทุกฝ่ายช่วยพาบ้านเมืองให้หลุดพ้นจากวิกฤตการเมือง ความขัดแย้งและความรุนแรง ทั้งนี้พรรคมีความวิตกกรณีนปช. ยังใช้โอกาสนำศพของผู้ที่เสียชีวิตมาเป็นต้นเหตุการณ์ปลุกระดม และเพิ่มความขัดแย้งเพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริงในสังคม เพื่อให้เกิดความเกลียดชังระหว่างคนไทยด้วยกันเอง ดังนั้นจึงขอให้ผู้ที่เคลื่อนไหวและก่อความวุ่นวายบนเวทียุติการกระทำดังกล่าวทันที และขอให้กระบวนการพิสูจน์สาเหตุการตายเป็นไปตามกระบวน การที่เป็นกลางตามหลักวิทยาศาสตร์ โดยบุคคลซึ่งเป็นที่เชื่อถือของทุกฝ่ายในสังคม
น.พ.บุรณัชย์กล่าวต่อว่า พรรคขอสนับสนุนแนวทางของรัฐบาล โดยให้องค์กรที่เป็นกลางและองค์กรต่างประเทศ ได้รับทราบกระบวนการชันสูตรศพของผู้ที่เสียชีวิต และบาดเจ็บของทุกฝ่าย ทุกคนให้เป็นไปตามมาตรฐานตามหลักสากล ส่วนที่มีการปล่อยข่าวว่า มีการขนศพโดยเจ้าหน้าที่ทหารจากโรงพยาบาลของรัฐที่รับผู้บาดเจ็บนั้น ทางพรรคประชาธิปัตย์ได้ตรวจสอบทุกโรงพยาบาลหน่วยแพทย์ทุกสถาบันที่รับผิดชอบ ไม่มีที่ใดที่ปรากฏว่ามีภาพหรือข้อเท็จจริง ว่าจะมีเจ้าหน้าที่ทหารหรือคนของรัฐไปดำเนินการใดๆ ในทางกลับกันได้มีภาพที่ปรากฏทางสื่อ และเป็นข้อเท็จจริงที่ตรวจสอบได้ว่า มีกลุ่มผู้ชุมนุมนปช.จำนวนมากพยายามที่จะเข้าไปแย่งชิงศพของประชาชนผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุดังกล่าว เพื่อปลุกระดมมวลชน จึงขอให้คนเสื้อแดงยุติการกระทำดังกล่าว
เชื่อแดงจงใจสร้างความรุนแรง
น.พ.บุรณัชย์กล่าวว่า พรรคขอให้รัฐบาลเร่งจับกุมกลุ่มบุคคล ที่มีพยานในเหตุการณ์การปะทะบริเวณสี่แยกคอกวัว ที่มีรายงานทางสื่อ มวลชนออกมาว่า มีบุคคลที่สวมชุดดำคลุมหน้าเริ่มใช้ความรุนแรงโดยการขว้างระเบิดใส่เจ้าหน้าที่ทหารในเวลาประมาณ 20.00 น. ดังนั้น จึงขอให้ภาคสังคมตรวจสอบและรับทราบข้อเท็จจริง โดยขอให้สื่อทุกแขนงช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงและเผยแพร่ข้อเท็จจริง ที่สำคัญขอให้สังคมช่วยตรวจสอบเหตุการณ์ที่มีความเป็นมาก่อนหน้านี้อย่างต่อเนื่องทั้งการใช้วัตถุระเบิดและอาวุธสงครามที่ใช้ก่อเหตุวินาศกรรมในพื้นที่ต่างๆทั้งใน กทม.และปริมณฑลมาโดยตลอด เพราะใช้อาวุธลักษณะเดียวกัน
น.พ.บุรณัชย์กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ยังมีข้อสังเกตที่แกนนำสั่งให้ผู้ชุมนุมใช้ถุงดำครอบกล้องวงจรปิดในจุดที่มีความเสี่ยงในการเผชิญหน้า เป็นเพราะต้องการปิดบังพฤติกรรมและการสร้างสถานการณ์ของตนเองใช่หรือไม่ เพราะ ทำให้สังคมสงสัยว่าเป็นการเตรียมการเพื่อให้เกิดความรุนแรงขึ้นใช่หรือไม่ ขณะเดียวกันแกนนำคนเสื้อแดงเองถือว่าเป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบโดยตรงในการเคลื่อนมวลชนเข้าเผชิญหน้าและปะทะกับเจ้าหน้าที่ทหารที่บริเวณหน้า กองทัพภาคที่ 1 ก่อนที่จะเกิดความรุนแรงขึ้น และพรรคเห็นว่ามีหลายปัจจัยที่ทำให้เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นจากมือที่สาม แต่เป็นการเคลื่อนไหวจากมืออีกข้างหนึ่งของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ต้องการสร้างความรุนแรงในลักษณะใช้ยุทธศาสตร์แบ่งงานกันทำ
จี้พท.ร่วมรับผิดชอบ
น.พ.บุรณัชย์กล่าวว่า กรณีที่ส.ส.พรรคเพื่อไทยเรียกร้องให้นายกฯยุบสภาทันทีเพื่อแสดงความรับผิดชอบนั้น พรรคมั่นใจว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาสังคมไทยโดยรวมได้รับทราบแนวทางของรัฐบาล ที่ยึดหลักการตบมือข้างเดียวของคนเสื้อแดง โดยที่รัฐบาลได้ใช้ความอดทนอดกลั้นเพื่อป้องกันความสูญเสียจนถึงที่สุด แต่การเผชิญหน้าก็เกิดขึ้นจากการใช้ความรุนแรงจากผู้ที่ก่อความวุ่นวาย ขณะที่ส.ส.พรรคเพื่อไทยก็มีบทบาทสำคัญที่สนับสนุนชักจูงประชาชนจากจังหวัดต่างๆ มาร่วมชุมนุม ดังนั้นด้วยสำนึกความเป็นผู้แทนราษฎร ส.ส.พรรคเพื่อไทยจึงไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบความสูญเสียที่เกิดขึ้น จึงขอให้แสดงความสำนึกในเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประชาชนเสียชีวิต 10 กว่าราย บาดเจ็บ 800 กว่าคน เรื่องนี้รัฐบาลเองจะต้องหาทางออกให้ดี ไม่ให้เหตุการณ์เกิดขึ้นซ้ำสอง โดยเรื่องนี้น่าจะให้สภาเป็นผู้ตัดสินมากกว่า และที่กลุ่มเสื้อแดงเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ยุบสภาและให้ออกจากประเทศไทย ซึ่งเรื่องนี้มันมากไปในการร้องขอซึ่งจะต้องดูตามข้อเท็จจริงว่า สาเหตุเกิดเพราะใครไม่ใช่ไม่พอใจใครแล้วจะไล่เขาออกจากประเทศได้
หนั่นชี้รัฐบาลใจดีจนนปช.เหิม
พล.ต.สนั่นกล่าวอีกว่า เหตุที่เกิดเหตุการณ์รุนแรงในการที่สลายการชุมนุมนั้น ขณะนี้กำลังสอบสวนข้อเท็จจริงว่าใครเริ่มก่อน เพราะทหารก็เสียชีวิต ถ้าทหารยิงก่อนทำไมทหารถึงเสียชีวิตทหารจะไปยิงพวกเดียวกันหรือซึ่งเป็นไปไม่ได้ เชื่อว่าคนที่ยิงน่าจะเป็นมือที่ 3 ต้องยอมรับว่าขณะนี้อาวุธสงครามมีมาก รัฐบาลเองก็น่าจะมีการแก้กฎหมายแบบสิงคโปร์ มาเลเซียว่าหากใครมีอาวุธสงครามในครอบครองก็สั่งให้มีการสั่งประหารชีวิตไม่มีการยกเว้น
"การที่กลุ่ม นปช. กดดันให้ยุบสภา ผมมองว่าไม่มีอะไรดีขึ้น ที่ผ่านมานายกฯก็พยายามทุกอย่างก่อนในการสลายการชุมนุม จากเบาไปหาหนัก รัฐบาลเองก็กลัวจะเกิดเหตุปัญหาหนักในการสลายการชุมนุม ซึ่งรัฐบาลเองใจดีเกินไปทำให้กลุ่มนปช.เหิมเกริมจนเป็นเหตุบานปลายใหญ่ขึ้นมา" พล.ต.สนั่นกล่าว
เพื่อไทยจี้รบ.ทบทวนคำสั่ง
ที่พรรคเพื่อไทย น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย และเลขานุการคณะศูนย์ช่วยเหลือดูแลประชาชน (ศชปป.) กล่าวว่า รัฐบาลต้องทบทวนคำสั่งที่ใช้ปฏิบัติกับประชาชน เพราะนำไปสู่ความสูญเสีย สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ว่าใครผิดใครถูก รัฐบาลไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้ รัฐบาลไม่สามารถทำตามกฎหมาย และมีการทำผิดกฎหมายมากมาย ทั้งการข้ามขั้นตอนการปฏิบัติในการสลายการชุมนุมตามที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.)ประกาศไว้ อย่างไรก็ตามเบื้องต้นพรรคเพื่อไทยได้เข้าไปช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการปะทะ ซึ่งเรื่องนี้เป็นภารกิจหลักที่ต้องเร่งดำเนินการ
"การสูญเสียชีวิตของทหารที่ปฏิบัติหน้าที่นั้น ทราบว่ามีทหารระดับระดับล่างที่เสียชีวิต เรื่องนี้ทหารต้องเรียกร้องความรับผิดชอบจากผู้บังคับบัญชา เพราะเขารู้อยู่เต็มอกว่าตายเพราะอะไร" น.อ.อนุดิษฐ์
อ๋อยชี้รัฐบาลตัดสินใจผิดที่ใช้พรก.
ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว นายจาตุรนต์ ฉายแสง สมาชิกบ้านเลขที่ 111 แถลงว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นจากการแก้ปัญหาผิดทางของรัฐบาล ที่ทำเหมือนไม่เข้าใจและเลือกวิธีที่ผิด ทำให้เกิดความขัดแย้งและเกิดความเสียหาย อีกทั้งความผิดพลาดคือการที่รัฐบาลได้ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำให้การแก้ปัญหาความขัดแย้งที่สงบและปราศจากอาวุธ กลายเป็นการใช้ความรุนแรงต่อประชาชน รวมทั้งการผิดพลาดแทรกแซงสื่อ เหตุสำคัญที่ผิดพลาดคือรัฐบาลตัดสินใจใช้มาตรการทางทหารที่สามารถใช้อาวุธจัดการกับประชาชนได้ โดยใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่มีอำนาจคุ้มครอง
"ที่รัฐบาลบอกว่าเป็นการกระทำที่ต้องการขอพื้นที่คืน แต่รัฐบาลทำเหมือนเข้าแย่งพื้นที่มากกว่า ทำให้เกิดการห้ำหั่น ผมได้เตือนแล้วว่าการสลายการชุมนุมช่วงค่ำ ไม่มีที่ไหนเขาทำกัน เพราะอาจมีมือที่ 3 ก่อกวน เรื่องนี้ทางทหารและรัฐบาลคาดการณ์ล่วงหน้าได้ ฉะนั้นการกระทำนี้จึงเป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นทั้งที่รู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าต้องเกิดปัญหา" นายจาตุรนต์กล่าว
นายจาตุรนต์กล่าวว่า การจะแก้ปัญหานี้ได้คือทุกฝ่ายต้องเลิกคิดว่าจะเอาพื้นที่คืน เพราะทำให้เกิดวิกฤตหนักขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นต้องมาดูต้นเหตุของปัญหา ประชาชนเรียกร้องให้ยุบสภา แต่ถูกบ่ายเบี่ยง รัฐบาลต้องยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินโดยทันที และให้พีทีวีออกอากาศได้ตามปกติ รัฐบาลต้องหยุดใช้สื่อของรัฐออกข่าวบิดเบือนข้อเท็จจริง
แนะ2ฝ่ายเร่งเจรจา-เลิกชิงพื้นที่
"หากรัฐบาลยังไม่สามารถตัดสินใจยุบสภาได้โดยเร็ว และดื้อดึงเอาพื้นที่คืน ผมอยากเรียกร้องให้พรรคร่วมหารือประกาศยุติสนับสนุนนายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯต่อไปและยุบสภา ที่ผ่านมารัฐบาลคิดมักง่ายไปมาก คิดว่าเดี๋ยวก็สลายไปเอง เดี๋ยวก็กลับบ้านไปเอง หากคิดเช่นนี้จะเกิดความเสียหายใหญ่หลวง" นายจาตุรนต์กล่าว
เมื่อถามว่าการเจรจาของทั้งสองฝ่ายควรมีอยู่หรือไม่ นายจาตุรนต์กล่าวว่า การเจรจาเพื่อแก้วิกฤตการเมืองควรต้องมี แต่รัฐบาลต้องเป็นฝ่ายเริ่มก่อน การที่รัฐบาลบอกว่าผู้ชุมนุมต้องรักษากฎหมายก่อนนั้น รัฐบาลไม่ควรตั้งแง่มุ่งจะเอาพื้นที่คืน เพราะจะทำให้การเจรจาไม่สามารถเกิดขึ้นได้ และเห็นว่านายกฯไม่แสดงความจริงใจในการแก้ไขปัญหา
เมื่อถามว่ายุบสภาต้องเร็วแค่ไหนและเงื่อนไขควรเป็นอย่างไร นายจาตุรนต์กล่าวว่า เงื่อนไขการยุบสภา คือการแก้รัฐธรรมนูญที่ปกติใช้เวลาไม่ถึง 3 เดือน การที่พรรคร่วมรัฐบาลหารือกันนั้นทั้งหมดจะใช้เวลาไม่ถึง 2 เดือน เชื่อว่าหากพรรคร่วมไปประชุมกันเพื่อหาข้อสรุปจะใช้เวลา 2 สัปดาห์ และเชื่อว่าจะได้ข้อสรุปไม่แก้รัฐธรรมนูญ เพราะพรรคประชาธิปัตย์จะไม่มีการแก้ไข ดังนั้นควรยุบสภาทันทีภายใน 2 สัปดาห์ก็เพียงพอแล้ว และหากนายกฯไม่เชื่อโดยจะใช้แต่กำลังทหารปราบปราม เชื่อว่านายอภิสิทธิ์จะไม่มีโอกาสยุบสภา และไม่เหลือเวลาแม้จะคิดด้วยซ้ำ
เผยเป็นคนกลางถกหยุดยิง
นายจาตุรนต์ยังได้โพสต์เล่ารายละเอียดการเจรจาระหว่างนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. ในทวิตเตอร์จาตุรนต์ ว่า ข่าวเกี่ยวกับการเจรจาเมื่อคืนคลาดเคลื่อนในน.ส.พ.หลายฉบับ ขอชี้แจงเพื่อเข้าใจตรงกันดังต่อไปนี้ หลังจากพูดที่ผ่านฟ้าเสนอให้รัฐบาลสั่งให้ทหารหยุดปฏิบัติการทั้งหมดเพราะมืดแล้วจะเสียหายมาก ก็ได้รับการติดต่อจากนายกอร์ปศักดิ์ว่า จะทำอย่างไรกันดี จึงเสนอว่ารัฐบาลควรสั่งให้ทหารหยุดปฏิบัติการทั้งหมดในคืนนี้
"คุณกอร์ปศักดิ์ถามว่าช่วยพูดกับนปช.ได้ไหม ผมบอกไปว่าเชื่อว่าได้ คุณกอร์ปศักดิ์ขอให้บอกนปช.ให้ช่วยประกาศให้คนถอยกลับเข้าที่ตั้ง แล้วศอฉ.จะประกาศหยุดปฏิบัติการ หลังจากนั้นผมได้บอกณัฐวุฒิไปตามนั้น และคุณกอร์ปศักดิ์ติดต่อมาก็ได้พูดกับณัฐวุฒิโดยตรงด้วย แต่บอกกับผมว่าณัฐวุฒิอยู่ในที่เสียงดังฟังไม่ค่อยชัด
นายจาตุรนต์ระบุต่อไปว่า นายณัฐวุฒิตกลงประกาศทันทีให้คนถอยมารวมกัน หลังจากนั้นศอฉ.ก็ประกาศ แล้วนายณัฐวุฒิจึงประกาศซ้ำ ต่างฝ่ายต่างหยุด ไม่ใช่แดงไม่หยุดอย่างที่เป็นข่าว เรื่องนอกเหนือจากนั้น เช่นการดำเนินการทางการเมืองของแต่ละฝ่ายจะเป็นอย่างไร วันรุ่งขึ้นจะอย่างไร อยู่นอกเหนือการหารือที่ตนเป็นคนกลาง
ชื่นชม"กอร์ป-ณัฐวุฒิ"ตัดสินใจเร็ว
"ผมแจ้งทั้งสองฝ่ายว่าพูดกันเฉพาะการหยุดยิงหยุดปะทะในคืนนั้นเท่านั้นก่อนจะได้คุยกันง่าย จบเร็ว ซึ่งไม่มีฝ่ายใดบิดพลิ้วอย่างที่เป็นข่าว"
นายจาตุรนต์ระบุอีกว่า หลังสองฝ่ายประกาศแล้ว นายกอร์ปศักดิ์หารือว่าจะทำอย่างไรกับเอ็ม79ที่ยังไม่เลิก จึงบอกกลับไปว่าไม่เกี่ยวกับเสื้อแดงแน่ และไม่สามารถทำอะไรได้เลย ถ้าทหารถอยห่างออกไปแล้วยังมีปัญหาเอ็ม 79 ก็ว่ากันไป จะแจ้งเสื้อแดงให้ว่าเสียงปืนที่ดังไม่เกี่ยวไม่ใช่การสลายการชุมนุมการหารือประเด็นต่างๆ รวมทั้งเรื่องเอ็ม 79 อีกทางหนึ่งทางทหารระดับสูงไม่ทราบชื่อก็ได้หารือมาทางอดีตรมต.
"ที่ยุติได้เร็วต้องขอบคุณคุณกอร์ปศักดิ์ คุณณัฐวุฒิ และทหารผู้ใหญ่ท่านนั้น ที่เมื่อหารือแล้วตัดสินใจเร็วและสั่งการได้จริงตามตกลงทันที ผมเสนอให้รัฐบาลยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทันทีและคืนพีทีวีให้ออกอากาศได้ แล้วเจรจาหาข้อยุติทางการเมืองด่วน จะมีฝ่ายอื่นร่วมก็ได้"
เอแบคโพลเผยประชาชนหนุนเจรจา
สำนักวิจัยเอแบคโพล มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เสนอผลวิจัยเชิงสำรวจเองเสียงสะท้อนของสาธารณชนต่อสถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบัน โดยศึกษาตัวอย่างประชาชนที่พักอาศัยอยู่ใน 17 จังหวัดทั่วประเทศ จำนวน 1,124 ตัวอย่าง วันที่ 10 เม.ย. พบว่า ร้อยละ 67.4 ติดตามการชุมนุมทุกวัน โดยร้อยละ 57.0 มีความทุกข์ใจมากถึงมากที่สุดที่เห็นเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่กับประชาชน และร้อยละ 72.8 อยากเห็นการเปิดเจรจาครั้งที่ 3 ระหว่างรัฐบาลกับแกนนำผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง
ของขวัญวันสงกรานต์หรือวันขึ้นปีใหม่ไทยที่อยากได้จากการเจรจา อันดับแรก ร้อยละ 93.4 อยากได้ความสงบสุขของบ้านเมือง รองลงมาคือร้อยละ 84.0 อยากได้ความเป็นธรรมในสังคม ร้อยละ 82.2 อยากได้ชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ร้อยละ 78.1 อยากได้ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
ดุสิตโพลชี้คนแนะถอยคนละก้าว
สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นคนกรุงเทพฯ ปริมณฑล ต่อการปะทะกันระหว่าง "ทหาร" กับ "กลุ่มคนเสื้อแดง" จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,084 คน สรุปว่า ประชาชนร้อยละ 60.29 รู้สึกสลดใจ หดหู่ใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและไม่เคยคิดมา ก่อนว่าจะเจอเหตุการณ์แบบนี้ในประเทศไทย ร้อยละ 12.88 อยากให้ทั้ง 2 ฝ่าย โดยเฉพาะรัฐบาลและแกนนำเสื้อแดงหยุดใช้ความรุนแรงตอบโต้กัน ควรคิดถึงผลดี-ผลเสีย ที่ตามมาให้มาก ร้อยละ 11.06 ไม่รู้ว่าสถานการณ์ต่างๆ จะคลี่คลายหรือยุติลงอย่างไร ร้อยละ 8.09 ระบุว่าถือเป็นบทเรียนหนึ่งที่สร้างความบอบช้ำให้กับประเทศชาติและคนไทยทั้งประเทศ และร้อยละ 7.68 ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ 10 เมษายน
เมื่อถามถึง "วิธีแก้ไข" สถานการณ์เพื่อให้เกิดความสงบ ควรทำอย่างไร ร้อยละ 39.83 ระบุว่า ควรถอยกันคนละก้าว/อยากให้ทั้ง 2 ฝ่ายมีท่าทีที่อ่อนลง ไม่ใช้ความรุนแรง ร้อยละ 27.16% อยากให้ทุกคนนึกถึงส่วนรวมให้มาก นึกถึงความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น ร้อยละ 26.08 อยากให้มีการเจรจารอบ 3 เพื่อพูดคุยกันอีกครั้งระหว่างนายกฯ อภิสิทธิ์ กับแกนนำเสื้อแดง และร้อยละ 6.93 รัฐบาลควรออกมาชี้แจงหรือมีการสื่อสารเพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนเป็นระยะๆ
แนะรบ.ยึดกม.คู่มนุษยธรรม
เมื่อถามว่า "ฝ่ายรัฐบาล" ควรทำอย่างไร เพื่อให้เหตุการณ์สงบ ร้อยละ 32.41 ระบุว่า ไม่ว่าจะดำเนินการใดๆ รัฐบาลจะต้องยึดหลักของกฎหมายและหลักของมนุษยธรรมควบคู่กัน ร้อยละ 24.29 กำชับเจ้าหน้าที่ในระดับปฏิบัติการไม่ให้ใช้อาวุธที่รุนแรงหรือก่อให้เกิดความสูญเสียได้ ร้อยละ 18.30 หาคนกลางหรือตัวแทนฝ่ายรัฐบาลเข้าไปเจรจากับแกนนำเสื้อแดงอีกครั้ง ร้อยละ 14.21 ต้องใช้ความอดทนอดกลั้นอย่างมากในการควบคุมสถานการณ์ไม่ให้เกิดความรุนแรง และร้อยละ 10.79 สร้างความเข้าใจและมีการชี้แจงถึงเหตุผลต่างๆ ในการดำเนินการกับการชุมนุมเป็นระยะๆ
เมื่อถามว่า "ฝ่ายเสื้อแดง" ควรทำอย่างไร เพื่อให้เหตุการณ์สงบ ร้อยละ 47.58 ระบุว่า ผู้ที่เป็นแกนนำจะต้องควบคุมดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมให้อยู่ในความเป็นระเบียบเรียบร้อย ร้อยละ 23.04 ไม่ใช้คำพูดที่รุนแรง หรือพูดจาในลักษณะยั่วยุ ปลุกระดมให้ผู้ชุมนุมเกิดความโกรธแค้น ร้อยละ 19.72 ขอความร่วมมือจากผู้ชุมนุมไม่ให้ใช้อาวุธที่รุนแรงหรือก่อให้เกิดความสูญเสียได้ และร้อยละ 9.66 ยุติการชุมนุมหรือถ้าจะชุมนุมต่อไปก็จะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของกฎหมาย อย่างเคร่งครัด
เมื่อถามว่า "ประชาชน" ควรทำอย่างไร เพื่อให้เหตุการณ์สงบ ร้อยละ 33.48 ไม่ออกมาเคลื่อนไหวหรือเข้าร่วมการชุมนุมต่างๆ ร้อยละ 30.12 มีสติ /รับฟังข้อมูลข่าวสารหลายๆ ด้าน พิจารณาไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน ร้อยละ 15.39 อยาก ให้ญาติพี่น้องของผู้ชุมนุมติดต่อหรือขอร้องให้กลับบ้าน /เลิกเข้าร่วมการชุมนุม ร้อยละ 14.20 สวดมนต์ ขอพร ให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายคุ้มครอง ปกปักรักษาประเทศชาติและคนไทยให้ผ่านพ้นวิกฤตทางการเมืองครั้งนี้ไปได้ด้วยดี และร้อยละ 6.81 ไม่แสดงความคิดเห็นหรือพูดคุยเรื่องการเมืองในที่สาธารณะ
303 คณาจารย์เรียกร้องสื่อเป็นกลาง
คณาจารย์ 303 คน จาก 14 สถาบัน นำโดยนายสมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้ประสานงาน ได้แสดงจุดยืนและข้อเสนอแนะต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น 1.รัฐบาลต้องจัดตั้งคณะกรรมการที่เป็น กลาง โดยเสนอให้แต่งตั้งจากบุคคล 4 ฝ่าย คือผู้เชี่ยวชาญด้านการพิสูจน์หลักฐาน ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมฝูงชน และตัวแทนจากกลุ่มนักวิชาการทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการยุบสภา ทำหน้าที่สอบสวนข้อเท็จจริงและรายงานต่อประชาชนโดยเร็วที่สุด ขั้นต้นต้องรายงานผลได้ภายใน 24 ช.ม.และทุกวัน จนกว่าจะคลี่คลายไปในทางที่ดี
2.การรักษากฎหมายของบ้านเมืองยังจำเป็นต้องได้รับการปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ผู้ชุมนุมควรเลิกกระทำการในสิ่งที่ผิดกฎหมายและถอนตัวจากพื้นที่แยกราชประสงค์กลับคืนมาที่สะพานผ่านฟ้าฯ หรือยุติการชุมนุมชั่วคราว นอกจากนี้การใช้กระบวนการควบคุมฝูงชนไม่ควรทำหลังจากเวลา 17.30 น. เนื่องจากเป็นเวลากลางคืน การควบคุมสถานการณ์ยากลำบาก 3.ขอเรียกร้องให้สื่อเสนอข่าวเป็นกลาง นำเสนอข้อเท็จจริง
4.ขอเรียกร้องให้เปิดโต๊ะเจรจายุติศึกชั่วคราว เจรจาในประเด็นการร่วมกันคลี่คลายสถานการณ์ เฉพาะหน้า โดยรัฐมีข้อเสนอเพียงให้ย้ายที่ชุมนุม ไปสะพานผ่านฟ้าฯและนปช.มีข้อเสนอเพียงการยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินและยกเลิกหมายจับแกนนำ ไม่จำเป็นต้องเจรจาเรื่องอื่นซึ่งยากจะได้ข้อยุติ 5.ในการประสานให้เกิดการเจรจา กลุ่ม 303 คณาจารย์ ยินดีเป็นคนกลางประสานกับทุกฝ่าย ขอเรียกร้องให้กลุ่ม 155 นักวิชาการที่เสนอให้ยุบสภาใน 3 เดือน เข้ามาร่วมประสานให้เกิดการเจรจา ซึ่งหากเห็นร่วมกัน จะได้นัดหมายให้มีการเจรจาโดยเร็ว
จอนเสนอทางออกวิกฤต
ด้านนายจอน อึ๊งภากรณ์ อดีตส.ว.กทม. เขียนบทความ 2 เรื่องคือ 1.กระจกที่สะท้อนคุณภาพของนายกฯ และ2.สังคมสองมาตรฐานย่อมไถลไปสู่สงครามกลางเมืองและความป่าเถื่อน ทางออกมีทางเดียว...ต้องกลับมา สู่มาตรฐาน เดียวกัน โดยระบุตอนหนึ่งว่า ในประเทศประชาธิปไตยที่มีอารยธรรมเขาไม่ใช้ทหารปราบประชาชนในประเทศ หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้นายกฯย่อมอยู่ต่อไม่ได้ แต่ไม่ว่าจะเป็น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรือนายอภิสิทธิ์ ต่างไม่เข้าใจมารยาททางการเมือง และคำกล่าวเสียใจต่อเหตุที่เกิดขึ้นโดยไม่แสดงความรับผิดชอบ ย่อมไม่สามารถเยียวยาผู้ที่ได้รับการสูญเสียทั้งประเทศได้ ต่อไปนี้ทุกครั้งที่นายอภิสิทธิ์มองหน้าตัวเองในกระจกก็ย่อมจะเห็นหน้าของ พ.ต.ท.ทักษิณ
นายจอนระบุด้วยว่า ขอเสนอทางออกในการแก้วิกฤตที่เกิดขึ้น ซึ่งไม่ใช่ทางออกที่ง่ายนักว่า 1.ต้องมีการเลือกตั้งโดยเร็ว 2.ทุกพรรคให้สัญญาต่อประชาชนว่าใครชนะเลือกตั้ง จะไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญโดยพลการ แต่จะดูแลให้ตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญใหม่โดยเร็ว ที่มีประชาชนทุกกลุ่มทุกส่วนเป็นสมาชิกมาจากการเลือกตั้งในกลุ่มของตน แต่ละพรรคเสนอรูปแบบโครงสร้างสสร.ที่พรรคนั้นเห็นว่าเหมาะสมระหว่างการหาเสียงเพื่อให้ประชาชนได้เลือก 3.กลุ่มพลังทางการเมืองทุกฝ่ายตกลงร่วมกันงดการชุมนุมทุกรูปแบบระหว่างการเลือกตั้ง การร่างรัฐธรรมนูญและเคารพต่อผลการเลือกตั้งและการร่างรัฐธรรมนูญ 4.รัฐธรรมนูญใหม่ร่างเสร็จภายใน 9 เดือนและทำประชามติ ถ้าเริ่มต้นสร้างมาตรฐานเดียวกันได้อย่างนี้ สังคมไทยยังมีความหวัง
องคมนตรีแนะใช้สติ-เจรจาหาข้อยุติ
ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ พล.อ.อ.กำธน สินธวานนท์ องคมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า ตนมาเยี่ยมผู้บาดเจ็บจากการปะทะกันเมื่อวันที่ 10 เม.ย. ไม่ว่าทหาร ตำรวจ พลเรือน รวมทั้งคนเสื้อแดง เพราะทุกฝ่ายถือเป็นคนไทยด้วยกัน ซึ่งจะไปเยี่ยมทุกโรงพยาบาล เช่น ที่ร.พ.ราชวิถี หัวเฉียว จุฬาฯ ศิริราช เท่าที่จะทำได้ ไม่ได้ตั้งใจเยี่ยมเฉพาะทหาร
"วันนี้ไม่รู้จะว่าอย่างไร เป็นเรื่องของดวง ขอใช้คำว่าซวยอีกแล้วที่ต้องมาดูแลคนที่บาดเจ็บเนื่องจากคนไทยสู้กันเอง เราเสียใจ และเสียดายกับผู้ที่เสียชีวิตไป จึงมาเยี่ยมในฐานะกรรมการมูลนิธิสายใจไทย ไม่ได้มาพูดในนามองคมนตรี ปัญหาที่มีขึ้นเป็นเรื่องการเมือง เราคงไปยุ่งไม่ได้ แต่ขอฝากถึงประชาชนว่า ขอให้มีสติกันมากขึ้น คิดเสียหน่อย ทำในสิ่งที่ถูก การที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตยนั้น มีความเห็นได้ แต่ต้องมาพูดจากันหาข้อยุติว่าแล้วอะไรมันดีที่สุด แต่ถ้าเรามีความเห็นของเราแล้วเราปักใจว่าของเราถูก ต้องเป็นของเราเท่านั้น ไปบังคับให้เป็นไปตามนั้น อันนี้คือปัญหาที่เกิดขึ้น" องคมนตรี กล่าว
สมชายบี้ครม.แสดงความรับผิดชอบ
เวลา 11.00 น. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมแกนนำพรรคเพื่อไทย อาทิ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นางสุนีย์ เหลืองวิจิตร เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย และ ส.ส.พรรคเพื่อไทย กว่า 20 คน เดินสายเยี่ยมผู้ชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงที่ได้รับบาดเจ็บ ทั้งโรงพยาบาลกลาง โรงพยาบาลวชิระ โรงพยาบาลรามาฯ และโรงพยาบาลหัวเฉียว นายสมชาย ได้มอบเงินช่วยเหลือให้กับผู้ได้รับบาดเจ็บ
นายสมชาย ออกแถลงการณ์ 1.แสดงความเสียใจกับญาติผู้ชุมนุมที่เสียชีวิต บาดเจ็บ สดุดีต่อความกล้าหาญเยี่ยงวีรชน และเสียใจต่อทหารที่เสียชีวิตและบาดเจ็บ 2.เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นผลโดยตรงจากคำสั่งของรัฐบาล ที่บังคับใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือทางการเมืองและใช้กำลังทหารแก้ปัญหาทางการเมือง ทั้งที่ผู้ชุมนุมเรียกร้องเพียงให้ยุบสภา แต่รัฐบาลได้ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง และประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง นายกฯ ประกาศว่าจะไม่สลายการชุมนุม แต่ 2 วันหลังจากนั้นกลับสั่งการให้ทหารพร้อมอาวุธเข้าสลาย อ้างเพียงแค่ต้องการขอพื้นที่คืนจากผู้ชุมนุม เหตุที่ประชาชน ตายและบาดเจ็บจำนวนมากจึงมีต้นเหตุมาจากคำสั่งของรัฐบาล และรัฐบาลสั่งปิดสถานีโทรทัศน์พีเพิลแชนแนลโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ขณะเดียวกันกลับปล่อยให้เอเอสทีวีและช่อง 11 ที่มีรายการสร้างความแตกแยกออกอากาศได้ จึงเป็นการเลือกปฏิบัติ 3.รัฐบาลได้ใช้อำนาจจนเกิดความสูญเสีย อย่างร้ายแรง จึงเรียกร้องให้คณะรัฐมนตรีร่วมกันแสดงความรับผิดชอบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะนายกฯไม่ควรพูดในลักษณะโยนความผิดให้กับผู้ชุมนุมและมือที่ 3
เร่งพรรคร่วมแสดงจุดยืน"สั่งสลาย"
นายสมชาย กล่าวว่า ไม่ได้เรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลสลับขั้วทางการเมือง หรือย้ายข้างมาร่วมกับพรรคเพื่อไทย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นพรรคร่วมรัฐบาลควรแสดงความรับผิดชอบ แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยที่นายกฯ ตัดสินใจสั่งให้ทหารสลายการชุมนุม เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยพยายามเสนอให้นายกฯ ลาออกและทุกพรรคมาร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลเพื่อจัดการเลือกตั้งในระยะเวลาสั้นๆ นายสมชาย กล่าวว่า ไม่ทราบว่าพรรคเพื่อไทยเสนออะไรอย่างไร แต่เมื่อสถานการณ์มาถึงวันนี้รัฐบาลก็ต้องตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งในการแก้ไขปัญหา จะเจรจาหรือยุบสภาก็ควรจะเริ่มทำอะไรสักอย่าง เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่มีใครรับได้ และที่สำคัญคือสังคมโลกก็รับไม่ได้
นายสมชาย กล่าวว่าการตัดสินใจยุบสภา เป็นแนวทางหนึ่งที่จะทำให้สถานการณ์สงบลง เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา แต่การดำเนินการของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ ที่จะเชิญอดีตนายกฯ มาเป็นตัวกลางในการเจรจาและแก้ไขปัญหาของประเทศ ขณะนี้คงไม่ใช่ทางแก้ไขปัญหาอีกต่อไป คณะกรรมการสิทธิฯควรไปตรวจสอบว่าการสั่งให้ทหารเข้าสลายการชุมนุม โดยมีการใช้อาวุธสงครามนั้นเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงและใครจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ เมื่อถามว่าหากสถานการณ์ยังรุนแรงอยู่จะมีโอกาสเกิดการปฏิวัติหรือไม่ นายสมชายกล่าวว่า หากเกิดการปฏิวัติขึ้นมาอีกก็เท่ากับว่าทำให้ประเทศถอยหลังเข้าคลอง
เวลา 16.30 น. ที่มูลนิธิ 111 ไทยรักไทย น.พ.สันต์ หัตถีรัตน์ ประธานมูลนิธิวีรชนประชาธิปไตย นางประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ ประธานสมาพันธ์ประชาธิปไตย และนายไพรพนา ศรีเสน กรรมการมูลนิธิ 111 ไทยรักไทย ออกแถลงการณ์ การช่วยเหลือผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บจากการสลายการชุมนุม โดยระบุว่า ทั้งสองมูลนิธิและสมาพันธ์ประชาธิปไตย ได้ตั้งกองทุนช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว ผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคได้ที่ธ.กสิกรไทย ออมทรัพย์ สาขานางเลิ้ง เลขที่ 062-2-41611-5 และได้มอบเงินช่วยเหลือให้กับครอบครัวของนายบรรเจิด ฟุ้งกลิ่นจันทร์ คนเสื้อแดงซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุม เป็นเงิน 10,000 บาทด้วย
เทือกนัดพรรคร่วมฯถก
เวลา 14.00 น. ที่ศอฉ. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะผอ.ศอฉ. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเชิญหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลเข้าหารือในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ที่กรมทหารราบที่ 11 บางเขน ว่า เป็นปกติเมื่อมีเหตุการณ์สำคัญๆ ที่พรรคร่วมรัฐบาลต้องมาหารือ ปรึกษากัน ตนจะพยายามประสานกับพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อหารือพูดคุย ช่วยกันคิดว่าในสถานการณ์บ้านเมืองอย่างนี้เราต้องทำอะไรกันบ้าง กี่อย่าง เป็นปกติ ไม่มีอะไรพิเศษ
ผู้สื่อข่าวถามว่า จนถึงวันนี้คิดว่าปัญหาขณะนี้ไปไกลกว่าการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองตามระบบ แต่เป็นการพยายามเปลี่ยนโครงสร้างการปกครองหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า คิดว่าบางฝ่ายคิดอยากจะเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองไปตามใจที่เขาปรารถนา ซึ่งอาจจะไม่ตรงกับใจของคนไทยส่วนใหญ่ก็ได้ แต่ในส่วนของพวกเราต้องยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขอย่างนี้ต่อไป และต้องต่อสู้เพื่อปกป้องสิ่งที่เห็นว่าดีที่สุดสำหรับประเทศไทย ต้องช่วยกันทำหน้าที่ไม่เฉพาะนักการเมือง แต่รวมถึงสื่อมวลชนด้วย คือต้องพูดกันตามความเป็นจริง เพราะขณะนี้มีการบิดเบือนมีการสร้างภาพให้เห็นผิดไปจากข้อเท็จจริง ผิดไปจากความเป็นจริง มีการปลุกปั่นให้คนไทยโกรธ เกลียด แค้น กันมากขึ้น ซึ่งไม่เป็นประโยชน์
พร้อมเสียสละเพื่อประเทศสงบ
นายสุเทพกล่าวว่า สิ่งที่พยายามต่อไปนี้คือบอกกับคนที่มาร่วมชุมนุมว่า ได้มาแสดงออกอะไรไปมากแล้ว กลับบ้านเถิด ให้บ้านเมืองอยู่ในความสงบเรียบร้อยสักระยะหนึ่ง และอะไรที่เป็นเรื่องทางการเมืองก็มาเจรจา มาว่ากันไปตามวิถีทางทางการเมือง ส่วนผู้ที่แฝงตัวมาในการกระทำความผิดนั้นก็เป็นผู้ก่อการร้าย เป็นคนร้าย ซึ่งต้องดำเนินการตามกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุการณ์นี้จะทำให้เสถียร ภาพรัฐบาลกระทบกระเทือนไปด้วยหรือไม่ โดยเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาลอาจมีความไม่สบายใจ นายสุเทพ กล่าวว่า อย่าเพิ่งพูดอย่างนั้น ยังมีความมั่นใจว่าพรรคร่วมรัฐบาลเข้าใจเหตุการณ์ดีว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะทุกขั้นตอนในการตัดสินใจในการดำเนินการนั้นได้บอกให้พรรคร่วมทราบตลอด แม้แต่ในวันที่ประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน หัวหน้าพรรคร่วมก็มานั่งอยู่ที่นี่แถลงพร้อมนายกฯ
เมื่อถามถึงกรณีที่จะหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลในช่วงเย็นวันเดียวกันนี้ นายสุเทพกล่าวว่า ขอให้ได้หารือกันก่อนแล้วจะมารายงานความก้าวหน้าให้ทราบ เมื่อถามถึงความรับผิดชอบร่วมกันนายสุเทพ กล่าวว่า เรารับผิดชอบร่วมกันมาตลอด ทุกขั้นตอนปรึกษาหารือกันมาตลอด และจะทำอย่างนั้นต่อไป ยืนยันว่าเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องทำงานต่อไป รัฐบาลไม่มีสิทธิท้อแท้ ท้อถอย ต้องปฏิบัติหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ ต้องเดินหน้าปฏิบัติหน้าที่ต่อไป เมื่อถามว่านายสุเทพอาจจะต้องเสียสละตัวเองเพื่อที่จะรักษารัฐบาลไว้ นายสุเทพ กล่าวว่า "ไม่มีปัญหาครับ สำหรับผม ถ้าทำอะไรให้ประเทศไทยอยู่อย่างสงบได้ ให้บ้านเมืองคืนกลับสู่ความสงบสุข เรียบร้อยได้ ผมยินดีครับ ไม่มีปัญหา"
เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคร่วมจะเสนอให้นายกฯพิจารณาพระราชกฤษฎีกากำหนดวันยุบสภา นายสุเทพ กล่าวว่า ยังไม่ได้ข่าว
พรรคร่วมฯนัดถกกันก่อนคุยปชป.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดช่วงบ่ายนายสุเทพพยายามโทร.ติดต่อบรรดาแกนนำพรรคร่วมให้มาหารืออีกครั้งในช่วงเย็น บางคนติดต่อได้ บางคนติดต่อไม่ได้ บางคนรับสายแต่อ้างว่าอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด กระทั่งเวลา 18.00 น. ยังไม่มีแกนนำพรรคร่วมคนใดมาหารือตามคำเชิญ โดยก่อนหน้านี้เวลา 14.00 น. ระหว่างให้สัมภาษณ์สื่อ นายสุเทพได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า นัดหมายกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลมาหารือแก้ปัญหาบ้านเมืองในช่วงเย็นวันเดียวกันนี้
รายงานข่าวจากแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเผยว่า หลังเกิดเหตุปะทะของทหารและคนเสื้อแดง จนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต แกนนำพรรคร่วมต่อสายโทรศัพท์พูดคุยกันคร่าวๆ ส่วนใหญ่ไม่สบายใจและเห็นตรงกันว่า นายอภิสิทธิ์ต้องตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง หากให้สถานการณ์เป็นแบบนี้ต่อไปจะอยู่ลำบาก แกนนำพรรคร่วมจึงเตรียมนัดหารือภายในโดยไม่มีพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อกำหนดท่าทีและหาทางออกให้กับประเทศโดยเร็ว อาจภายใน 2-3 วันนี้ เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะนำไปหารือกับพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป
แกนนำเห็นตรงกันต้องเร่งยุบสภา
รายงานข่าวระบุด้วยว่า เบื้องต้นเท่าที่พูดคุยกับแกนนำพรรคร่วมเห็นตรงกันว่า การลาออกจากตำแหน่งนายกฯเพื่อแสดงความรับผิดชอบคงไม่พอ ไม่ช่วยให้ปัญหายุติ ต้องเร่งประกาศยุบสภาและรีบแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเร็ว ไม่ต้องกำหนดโรดแม็ป 9 เดือนอีกแล้ว หากปล่อยให้สถานการณ์บานปลายมากกว่านี้ ทหารอาจออกมาปฏิวัติได้
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า หลังนายกฯออกแถลงการณ์ทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยเมื่อกลางดึกวันที่ 10 เม.ย. ในวันที่ 11 เม.ย. นายสุเทพโทร.ติดต่อแกนนำพรรคร่วมให้เข้าหารือที่ ร.11 รอ. ที่ตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) แต่ปรากฏว่าแกนนำพรรคร่วมไม่มีใครยอมไป อ้างติดภารกิจ แต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ลดละ พยายามติดต่อขอหารือต่อไป
เวลา 17.00 น. น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน หัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ยอมรับว่าได้รับการติดต่อให้ไปร่วมหารือกับนายกฯ ที่ ร.11 รอ.จริง แต่ไม่เดินทางไปเพราะไม่สะดวก เมื่อถามว่ามองเหตุการณ์รุนแรงเมื่อวันที่ 10 เม.ย. อย่างไร น.พ.ชวรัตน์กล่าวว่า ไม่วิจารณ์ ประเทศจะยิ่งสับสนวุ่นวายมากขึ้น
หน่อยจี้มาร์คลาออก
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่ถนนราชดำเนิน ว่า นายอภิสิทธิ์ควรลาออกเพื่อลดการเผชิญหน้าระหว่าง 2 ฝ่าย แล้วตั้งกรรมการกลางที่ทุกฝ่ายยอมรับ ตรวจสอบการใช้กำลังสลายการชุมนุม ผลออกมาอย่างไร ต้องใช้กฎหมายลงโทษฝ่ายที่ทำผิดอย่างเที่ยงธรรม จากนั้นเร่งรีบแก้ไขปัญหาระดับรากเหง้าในรอบ 3-4 ปีที่ผ่านมา ทุกฝ่ายต้องร่วมเปิดไฟเขียวให้ประเทศไทยเดินหน้าโดย 1.จัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ให้สภาเลือกผู้เหมาะสมเป็นนายกฯ หากไม่มีก็ให้ขออนุญาตยกเว้นรัฐธรรมนูญสักหนึ่งมาตรา หาคนนอกมาเป็นนายกฯ รัฐบาลที่จัดตั้งขึ้นต้องกำหนดกรอบกติกาเลือกตั้งให้เป็นธรรม พอใจทุกฝ่าย ต้องไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับงบประมาณและการแต่งตั้งโยกย้าย จากนั้นรีบยุบสภาภายใน 3 เดือน
2.ก่อนเลือกตั้งต้องทำสัญญาประชาคม ผลออกมาอย่างไรต้องยุติความเคลื่อนไหวทุกกลุ่ม ระหว่างเตรียมการเลือกตั้ง ให้ทุกพรรคทุกสีทำพิมพ์เขียวแก้ไขรัฐธรรมนูญ ใช้จุดนี้รณรงค์เลือกตั้ง หากประชาชนเลือกพรรคใดแสดงว่าให้ฉันทานุมัติพรรคนั้นแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยไม่ต้องทำประชามติ และ 3.ให้ทุกฝ่ายเลิกแอบอ้างหรือพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งนี้ทุกฝ่ายต้องจริงใจ เสียสละและถอยคนละก้าว ให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไปได้ สำหรับแนวคิดรัฐบาลแห่งชาติยังไม่ได้หารือกับพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย และผู้ชุมนุม อยากให้พรรคร่วมรัฐบาลพิจารณาเรื่องนี้เพื่อนำไปแก้ไขปัญหา ตนพร้อมเดินสายพูดคุยกับแกนนำพรรคร่วมด้วยตัวเอง
อธิการบดีมศวชี้รัฐบาลไม่เป็นผู้ใหญ่
ศ.ดร.วิรุณ ตั้งเจริญ อธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีนครินทวิโรฒ (มศว) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการปะทะกันระหว่างทหารและกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นทำให้เห็นว่าทั้งสองฝ่ายเอาความตายของมนุษย์มาต่อสู้กันและมองเห็นความตายเป็นเรื่องไม่สำคัญ ทั้งนี้ผู้มีอำนาจในบ้านเมืองก็จะยกเรื่องราวการใช้กฎหมายและความถูกต้องโดยอิงกับกฎหมายเป็นตัวตั้ง หากมองทุกเรื่องโดยอิงกับกฎหมายจะมองไม่เห็นความเป็นคน จะมองเห็นแต่อำนาจ ความถูกต้อง โดยอิงกับเศรษฐกิจ รายได้ของประเทศ และระบบทุนนิยมเป็นหลักและจะมองไม่เห็นความเป็นมนุษย์ในตัวตนของคนในชาติ
"จากแถลงการณ์ของนายกรัฐมนตรีเมื่อคืนวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมานี้พบว่านายอภิสิทธิ์ไม่ได้มีความเป็นผู้ใหญ่ทั้งรัฐบาลทำตัวเหมือนเด็กๆ เหตุที่พูดเช่นนี้เพราะรัฐบาลเปรียบเสมือนพ่อแม่ที่ต้องดูแลลูกๆ เมื่อลูกเกเรจะทำอย่างไรกับลูกของเรา รัฐบาลต้องมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้ และนายกฯก็ฟังคนใกล้ตัวมากเกินไป จนลืมมองและไม่ได้ฟังให้รอบด้าน มีแต่วาทศิลป์ ที่ประดิษฐกรรมขึ้นมาเป็นคำพูดที่สวยหรูดูดี ทั้งนี้การกล่าวคำว่าเสียใจที่มีคนเสียชีวิตนั้นควรจะได้กล่าวแสดงให้เห็นถึงความเสียใจในเหตุการณ์นั้นจริงๆ และควรจะมีความรับผิดชอบ ซึ่งควรจะประกาศออกมาเลยว่า ต้องการจะเจรจาในวันรุ่งขึ้น และไม่จำเป็นต้องสร้างภาพกันด้วยการถ่ายทอดผ่านทางโทรทัศน์ก็ได้" ศ.ดร.วิรุณ กล่าว
ศ.ดร.วิรุณ กล่าวอีกว่า เรากำลังใช้ความตายของมนุษย์มาเป็นเครื่องมือเพื่อเรียกร้องความชอบธรรมให้ฝ่ายของตัวเองมากเกินไป เมื่อไหร่ที่เราฟังแต่คนรอบตัวของตัวเอง ไม่ฟังคนให้รอบด้าน เราก็จะเห็นแต่เหตุผลของตัวเองเป็นหลัก จนมองไม่เห็นคนอื่นท้ายที่สุดเหตุการณ์ความรุนแรงจะยังไม่จบสิ้น คนไทยจะลุกขึ้นมาฆ่ากันอีก ซึ่งคนไทยควรตายด้วยเหตุอื่นมากกว่าจะมาเข่นฆ่ากันเอง รัฐบาลไม่ต้องมาพูดว่าใครผิดใครถูกอีกแล้วในตอนนี้ จะหาคนผิดก็ทำไปตามกระบวนการ แต่สิ่งที่ต้องเร่งทำอย่างด่วนที่สุดก็คือ รับผิดชอบและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างจริงใจให้มากกว่านี้
ประสพสุขเผยวุฒิก้าวล่วงมากไม่ได้
นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงบทบาทของสมาชิกรัฐสภาในการหาทางออกวิกฤตการเมืองหลังมีการปะทะกันระหว่างทหารและผู้ชุมนุมจนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ว่า สัปดาห์นี้ส.ว.คงไม่นัดหารือ เพราะ ส.ว.หลายคนกลับพื้นที่ไปแล้ว และคิดว่า ตอนนี้วุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฎร คงยังทำอะไรไม่ได้มาก คงต้องดูรัฐบาลดำเนินการตามที่เห็นสมควร วุฒิสภาคงไปก้าวล่วงมากกว่านี้ไม่ได้ และตอนนี้ต้องให้รัฐบาลและแกนนำผู้ชุมนุมเจรจากัน คนอื่นเข้าไปยุ่งอีกจะยิ่งสับสน การประคองสถานการณ์ในขณะนี้อยู่ที่ทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันหารือว่า จะทำอย่างไรต่อไป แต่เท่าที่ทราบ ส.ว.หลายคนก็พยายามช่วยประสานให้ทั้งสองฝ่ายมีการเจรจากันให้ได้ แต่คงต้องทำในทางลึก และคิดว่าหากจะมีการเจรจาครั้งที่ 3 แล้วถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์คงไม่เหมาะสม แต่ควรคุยในทางลับ ตกลงกันได้แล้วค่อยแถลง และแม้ว่าจะมีความสูญเสียจนทำให้นปช.ยืนกรานว่า รัฐบาลต้องยุบสภาทันทีเพียงอย่างเดียวนั้นคิดว่า ทุกอย่างยังคงเจรจากันได้อยู่
เมื่อถามว่า ประเมินการดำเนินการของรัฐบาลเมื่อวันที่ 10 เม.ย.อย่างไรเพราะปฏิบัติการผลักดันผู้ชุมนุมตั้งแต่บ่ายจนถึงค่ำมืด นายประสพสุข กล่าวว่า การขอคืนพื้นที่ต้องทำในตอนกลางวัน เมื่อเข้าเวลากลางคืนแล้วไม่ควรดำเนินการต่อ เพราะจะสับสน ไม่รู้ใครเป็นใคร อย่างไรก็ดีไม่ขอวิจารณ์การปฏิบัติการของรัฐบาล
นายวิทยา บูรณศิริ ส.ส.อยุธยา พรรคเพื่อไทย ประธานวิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ถึงข้อเสนอตั้งรัฐบาลแห่งชาติเพื่อแก้วิกฤตว่า ยืนยันว่าขณะนี้คงไม่สามารถตั้งรัฐบาลแห่งชาติได้ เพราะการเจรจาจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อผู้กระทำความผิดสั่งฆ่าประชาชนได้รับโทษก่อน เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้มีคนต้องรับผิดชอบชัดเจน
ที่มา.ข่าวสดออนไลน์
*************************************************
"ประวิตร" สงสัย คนชี้เป้าเด็ดหัว ผบ.หน่วยบูรพาพยัคฆ์
พล.อ.นพดล อินทปัญญา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงข่าวกรณีถูกพาดพิงเป็นทหารแตงโมให้ข้อมูลกับกลุ่มคนเสื้อแดงว่า ตนไม่อยากให้รัฐมนตรี ซึ่งเป็นทั้งผู้บังคับบัญชา และเพื่อนของตนเกิดความเสียหาย ซึ่งตนก็ไม่เคยเป็นคณะกรรมการทั้ง ศอ.รส.และ ศอฉ. ในการประชุมของ 2 หน่วยงานนี้ ก็ไม่เคยเข้าประชุม จึงเป็นไปไม่ได้ ที่จะไปรู้ความลับของที่ประชุมและไปบอกกับคนเสื้อแดง ซึ่งยอมรับว่าตนมีเพื่อนมาก มีหลายวงการ และในฐานะเลขารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมก็พยายามแสวงหาข้อมูลต่างๆและ มาเรียนให้ท่านทราบ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่ตนจะรับรู้ข้อมูลของการประชุมและไปบอกกลุ่ม นปช.ตนไม่ใช่ทหารแตงโม ตนคือนายทหารที่เกษียณคนหนึ่งที่ได้รับความไว้วางใจจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมให้มาทำหน้าที่เลขาฯ ทั้งนี้ ทหารที่ถูกฝึกมา และ ถูกสั่งสอนมาว่าอย่าเผยแพร่ความลับของทางราชการเด็ดขาด เป็นเรื่องที่เราท่องกันมาแต่เด็ก
“ ผมเชื่อว่าไม่มีทหารแตงโม มีแต่พวกสื่อมวลชนที่ตนยอมรับว่าเก่ง อาจจะไปถามคนโน่น คนนี้ และ เขียนข่าว พวกคุณคือแตงโมงมากกว่ามั้ง ไม่ใช่พวกผม และผมไม่เชื่อว่าทหารระดับสูงของ ศอฉ.และ ศอ.รส.จะเอาความลับไปเปิดเผยกับบุคคลอื่น ซึ่งทุกคนมีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เป็นเพื่อน เป็นพี่น้องกัน มีความเป็นเอกภาพ ในส่วนของสื่อเองก็ไม่ได้เข้าร่วมประชุมกับ ศอฉ.ด้วยก็ไม่น่าจะรู้ข้อมูล สื่อเก่ง อาจจะไปสอบถามจากคนใกล้ชิด และ ไปประมวลเหตุการณ์ขึ้นมา ” พล.อ.นพดล กล่าวและว่า ส่วนที่มีข่าวว่า ตนสนิทสนมกับนางสุดารัตน์ เกยุราพันธ์นั้น เป็นความจริง แต่ไม่ใช่ว่าตนสนิทกับนักการเมืองเพียงคนเดียว อย่าง นายเชน เทือกสุบรรณ ก็ถือว่าสนิทสนมกันมากกว่าอีก โดยเฉพาะกับภริยา นอกจากนั้น ยังมีนายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง ซึ่งก็คุ้นเคยกัน
เมื่อถามว่า ในฐานะที่เป็นเลขาฯของ รมว. กห. กรณีที่มีนายทหารระดับผู้บังคับบัญชาเสียชีวิตเมื่อคืนวันที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมา จะมีการตั้งคณะตรวจสอบหรือไม่ว่าเพราะเหตุใดคนยิงถึงรู้ว่าใครเป็นผู้บังคับบัญชาและเล็งถูกคน พล .อ.นพดล กล่าวว่า ตนได้มีการพูดคุยกับรมว.กลาโหม ซึ่งท่านได้แสดงความเสียใจ ที่ผู้ใต้บังคับบัญชาได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต คิดว่าเรื่องนี้ต้องเป็นหน้าที่ของกระบวนการยุติธรรม และดำเนินการสอบสวน เอาผู้กระทำผิดมาลงโทษ
เมื่อถามถึง กรณีที่มีการนำอาวุธสงครามยิงทหารที่เข้าสลายการชุมนุม พล.อ.นพดล กล่าวว่า อาวุธสงคราม เป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะปราบปรามยาก คนที่ทำค่อนข้างจะเตรียมการดี คิดว่ากระบวนการยุติธรรม สามารถดำเนินการได้ ซึ่งการลักลอบขนอาวุธจากแนวชายแดน อาจจะเล็ดลอดเข้ามาบ้าง เหตุการณ์เมื่อคืนวันที่ 10 เม.ย. ซึ่งมีการใช้อาวุธสงครามยิงทหารและประชาชนนั้น ก็ไม่รู้เป็นใคร แต่ต้องมีการตรวจสอบต่อไป
ที่มา.เนชั่นทันข่าว
*********************************************
“ ผมเชื่อว่าไม่มีทหารแตงโม มีแต่พวกสื่อมวลชนที่ตนยอมรับว่าเก่ง อาจจะไปถามคนโน่น คนนี้ และ เขียนข่าว พวกคุณคือแตงโมงมากกว่ามั้ง ไม่ใช่พวกผม และผมไม่เชื่อว่าทหารระดับสูงของ ศอฉ.และ ศอ.รส.จะเอาความลับไปเปิดเผยกับบุคคลอื่น ซึ่งทุกคนมีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เป็นเพื่อน เป็นพี่น้องกัน มีความเป็นเอกภาพ ในส่วนของสื่อเองก็ไม่ได้เข้าร่วมประชุมกับ ศอฉ.ด้วยก็ไม่น่าจะรู้ข้อมูล สื่อเก่ง อาจจะไปสอบถามจากคนใกล้ชิด และ ไปประมวลเหตุการณ์ขึ้นมา ” พล.อ.นพดล กล่าวและว่า ส่วนที่มีข่าวว่า ตนสนิทสนมกับนางสุดารัตน์ เกยุราพันธ์นั้น เป็นความจริง แต่ไม่ใช่ว่าตนสนิทกับนักการเมืองเพียงคนเดียว อย่าง นายเชน เทือกสุบรรณ ก็ถือว่าสนิทสนมกันมากกว่าอีก โดยเฉพาะกับภริยา นอกจากนั้น ยังมีนายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง ซึ่งก็คุ้นเคยกัน
เมื่อถามว่า ในฐานะที่เป็นเลขาฯของ รมว. กห. กรณีที่มีนายทหารระดับผู้บังคับบัญชาเสียชีวิตเมื่อคืนวันที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมา จะมีการตั้งคณะตรวจสอบหรือไม่ว่าเพราะเหตุใดคนยิงถึงรู้ว่าใครเป็นผู้บังคับบัญชาและเล็งถูกคน พล .อ.นพดล กล่าวว่า ตนได้มีการพูดคุยกับรมว.กลาโหม ซึ่งท่านได้แสดงความเสียใจ ที่ผู้ใต้บังคับบัญชาได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต คิดว่าเรื่องนี้ต้องเป็นหน้าที่ของกระบวนการยุติธรรม และดำเนินการสอบสวน เอาผู้กระทำผิดมาลงโทษ
เมื่อถามถึง กรณีที่มีการนำอาวุธสงครามยิงทหารที่เข้าสลายการชุมนุม พล.อ.นพดล กล่าวว่า อาวุธสงคราม เป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะปราบปรามยาก คนที่ทำค่อนข้างจะเตรียมการดี คิดว่ากระบวนการยุติธรรม สามารถดำเนินการได้ ซึ่งการลักลอบขนอาวุธจากแนวชายแดน อาจจะเล็ดลอดเข้ามาบ้าง เหตุการณ์เมื่อคืนวันที่ 10 เม.ย. ซึ่งมีการใช้อาวุธสงครามยิงทหารและประชาชนนั้น ก็ไม่รู้เป็นใคร แต่ต้องมีการตรวจสอบต่อไป
ที่มา.เนชั่นทันข่าว
*********************************************
น้อมคารวะดวงวิญญาณผู้กล้าเพื่อประชาธิปไตย
เลือดระบอบ
เลือดหยดรดถนน คือเลือดข้นคนเสื้อแดง
บทเรียนราคาแพง จี้ระบอบตอบคำถาม
อภิสิทธิ์คนเดียวหรือ ควรลุกฮือควรติดตาม
เชื้อร้ายโรคลุกลาม ทั่วโคตรพงศ์และวงศา
คนไทยไม่มืดบอด ไม่หลุดรอดจากสายตา
คนยิงก็เพียงหมา เจ้าของคลั่งผู้สั่งยิง
เกิดซ้ำและเกิดซาก ใต้หน้ากากน่าเกรงกริ่ง
จากเตียงส่งเสียงยิง ดับญาติตนไม่สนใจ
อย่าร้องอย่างขี้ข้า ให้เชิดหน้าสูงกว่าไพร่
เจ้าของคือผองไทย เลิกครรลองขอร้องมาร
เลือดนี้มีความหมาย เฮือกสุดท้ายให้กล่าวขาน
เหมาะสมล้มกระดาน สร้างรัฐหลวงของปวงชน”
โดยกรภพ เพ็ญแข
**********************************************
เลือดหยดรดถนน คือเลือดข้นคนเสื้อแดง
บทเรียนราคาแพง จี้ระบอบตอบคำถาม
อภิสิทธิ์คนเดียวหรือ ควรลุกฮือควรติดตาม
เชื้อร้ายโรคลุกลาม ทั่วโคตรพงศ์และวงศา
คนไทยไม่มืดบอด ไม่หลุดรอดจากสายตา
คนยิงก็เพียงหมา เจ้าของคลั่งผู้สั่งยิง
เกิดซ้ำและเกิดซาก ใต้หน้ากากน่าเกรงกริ่ง
จากเตียงส่งเสียงยิง ดับญาติตนไม่สนใจ
อย่าร้องอย่างขี้ข้า ให้เชิดหน้าสูงกว่าไพร่
เจ้าของคือผองไทย เลิกครรลองขอร้องมาร
เลือดนี้มีความหมาย เฮือกสุดท้ายให้กล่าวขาน
เหมาะสมล้มกระดาน สร้างรัฐหลวงของปวงชน”
โดยกรภพ เพ็ญแข
**********************************************
วันอาทิตย์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2553
เสธ.แดงโฟนอิน ระบุมีกองกำลังไม่ทราบฝ่าย
เวลา 21.30 น . วันที่ 10 เมษายน กลุ่มเสื้อแดงพิษณุโลกประมาณ 150 คน ได้มารวมตัวกันบริเวณประตูทางเข้าศาลา กลางจังหวัดพิษณุโลก หลังมีเหตุสลายการชุมนุมในกรุงเทพฯ โดยต่างพกพาอารมณ์เดือดแค้นเจ้าหน้าที่ทหารและรัฐบาล ที่เข้าสลายการชุมนุม เจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยพ.ต.อ.พายัพ ค้าขาย ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก ได้ระดมตำรวจชุดปราบจลาจล สนธิกำลังกับอส. จังหวัดพิษณุโลก ปิด ประตูทางเข้า ไม่ให้กลุ่มเสื้อแดงเข้าไปในศาลากลางได้
สำหรับการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงครั้งนี้ แม้จะเต็มไปด้วยอารมรณ์โกรธแค้น แต่ก็มีการควบคุมไม่ให้ฝูงชนเข้าไปภายในศาลากลาง จังหวัดพิษณุโลก โดยปักหลักตั้งเต้นท์อยู่หน้าทางเข้าศาลากลางจังหวัด และระหว่างที่ชุมนุมกันอยู่ นางพรมนัส เพชรนาโกสีย์ แกนนำการ ชุมนุมครั้งนี้ ได้โทรศัพท์ติดต่อกับพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง และพูดคุยผ่านเครื่องขยายเสียงให้ผู้ชุมนุมรับทราบด้วย
โดยเสธ.แดงระบุว่า “ มีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายมาช่วยพวกเรา ฝ่ายเขาฝ่ายเราต่างได้รับบาดเจ็บไปด้วยกัน จนทหารแตกทัพกลับไป ขอให้พวกเรารวมตัวกันอยู่ตรงนี้อย่างเหนียวแน่น “
ที่มา.เนชั่นทันข่าว
*********************************************
สำหรับการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงครั้งนี้ แม้จะเต็มไปด้วยอารมรณ์โกรธแค้น แต่ก็มีการควบคุมไม่ให้ฝูงชนเข้าไปภายในศาลากลาง จังหวัดพิษณุโลก โดยปักหลักตั้งเต้นท์อยู่หน้าทางเข้าศาลากลางจังหวัด และระหว่างที่ชุมนุมกันอยู่ นางพรมนัส เพชรนาโกสีย์ แกนนำการ ชุมนุมครั้งนี้ ได้โทรศัพท์ติดต่อกับพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง และพูดคุยผ่านเครื่องขยายเสียงให้ผู้ชุมนุมรับทราบด้วย
โดยเสธ.แดงระบุว่า “ มีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายมาช่วยพวกเรา ฝ่ายเขาฝ่ายเราต่างได้รับบาดเจ็บไปด้วยกัน จนทหารแตกทัพกลับไป ขอให้พวกเรารวมตัวกันอยู่ตรงนี้อย่างเหนียวแน่น “
ที่มา.เนชั่นทันข่าว
*********************************************
จรัลยันข้อเรียกร้องเดียวของนปช.คือยุบสภา-ลาออก
นายจรัล ดิษฐาอภิไชย แกนนำนปช.กล่าวถึงสถานการณ์ของกลุมผู้ชุมนุมในขณะนี้ว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะเจรจากับรัฐบางอีก เพราะการเจรจาเท่ากับประวิงเวลา นายกรัฐมนตรีควรยุบสภาหรือลาออก ตอนนี้มีเงื่อนไขใหม่เกิดขึ้นแล้วคือความรับผิดชอบต่อผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ ซึ่งสำคัญกว่าการยกเลิกพรก.ฉุกเฉินแล้ว
นายจรัลยังไม่ปฏิเสธกรณีที่มีกองกำลังอื่นมาร่วมในม็อบแดง โดยบอกว่าเป็นการมาร่วมเองโดยธรรมชาติของคนกลุ่มอื่นที่ไม่ชอบรัฐบาล แต่ไม่เกี่ยวกับนปช. ที่เป็นเช่นนี้เพราะรัฐบาลมีศัตรูเยอะ และขณะนี้ได้เตรียมที่จะยื่นหนังสือต่อกรรมการสิทธิมนุษยชน เพราะทหารและรัฐบาลทำผิดหลักสิทธิมนุษยชน
ส่วนเรื่องการเจรจาเพื่อยุติปัญหาร่วมกนกับรัฐบาลนั้น นายจรัลบอกว่า สถานการณ์ ณ วันนี้ พรุ่งนี้ ยังเป็นสถานการณ์สู้รบอยู่ พรรคร่วมฯยังคุยกันไม่ได้เลย พวกเรารอไม่ได้แล้ว อยู่บนถนนมาเป็นเดือน
อย่างไรก็ตามนายจรัลบอกว่า ถึงแม้จะมีประกาศกฎอัยการศึกออกมา แต่ก็ไม่ได้มีผลกับเสื้อแดง นปช.เลย และการตั้งคกก.ตรวจสอบข้อเท็จจริงฯที่เกิดขึ้นตอนนี้ยังไม่สมควรทำ
ที่มา.เนชั่นทันข่าว
*********************************************
นายจรัลยังไม่ปฏิเสธกรณีที่มีกองกำลังอื่นมาร่วมในม็อบแดง โดยบอกว่าเป็นการมาร่วมเองโดยธรรมชาติของคนกลุ่มอื่นที่ไม่ชอบรัฐบาล แต่ไม่เกี่ยวกับนปช. ที่เป็นเช่นนี้เพราะรัฐบาลมีศัตรูเยอะ และขณะนี้ได้เตรียมที่จะยื่นหนังสือต่อกรรมการสิทธิมนุษยชน เพราะทหารและรัฐบาลทำผิดหลักสิทธิมนุษยชน
ส่วนเรื่องการเจรจาเพื่อยุติปัญหาร่วมกนกับรัฐบาลนั้น นายจรัลบอกว่า สถานการณ์ ณ วันนี้ พรุ่งนี้ ยังเป็นสถานการณ์สู้รบอยู่ พรรคร่วมฯยังคุยกันไม่ได้เลย พวกเรารอไม่ได้แล้ว อยู่บนถนนมาเป็นเดือน
อย่างไรก็ตามนายจรัลบอกว่า ถึงแม้จะมีประกาศกฎอัยการศึกออกมา แต่ก็ไม่ได้มีผลกับเสื้อแดง นปช.เลย และการตั้งคกก.ตรวจสอบข้อเท็จจริงฯที่เกิดขึ้นตอนนี้ยังไม่สมควรทำ
ที่มา.เนชั่นทันข่าว
*********************************************
วันศุกร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2553
ขบเหลี่ยมลึกๆ !!!
อำนาจในกองทัพ ยังเต็มไม้เต็มฝีมือ อยู่ในคอนโทรล สั่งการ ของ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ผู้เป็นจ่าฝูง แกนนำขุนศึก??การเคลื่อนกำลัง กรีฑาทัพ ออกจากกรมกองค่ายทหาร...ปฏิบัติการณ์ตาม “พ.ร.ก.ฉุนเฉิน” ...ที่ “นายกฯ มาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ใช้ยาแรง เช็คบิล “เสื้อแดง” ให้ราบคาบ....“สิทธิ์ขาด” อำนาจเต็ม ยังเป็นเครื่องหมายการค้า ของ “บิ๊กป๊อก” ที่จะสั่งเคลื่อนกองทัพ“บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา รองผบ.ทบ. ผู้เป็นเดี่ยวมือสอง จะมาแย่งช็อต แย่งซีน อย่างข้ามหน้าข้ามตา คงจะไม่ได้!!!!!การเคลื่อนพลออกจากที่ตั้ง....ต้องเกิดจากคำสั่ง...ฟากฝั่ง “บิ๊กป๊อก” คนเดียวขอรับเจ้านาย???
xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
อัด ‘ยาแรง’ ออกมาหลายโดส!!!
กระบวนยุทธ์มีกี่ท่า.... “นายกฯ มาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ก็งัดออกมาใช้หมด???“สลายกองทัพเสื้อแดง” ให้ราบเป็นหน้ากลอง.... “สงครามประชาชนกลางเมือง” สมรภูมินี้ “นายกฯ อภิสิทธิ์ชน” ใช่จะกำชัยเด็ดขาดแสงสว่างปลายอุโมงค์ ชิง “ยุบสภา” ใน “๓ เดือน” ท่านจะได้ใจจากคนทั้งชาติถึงจะชิงยุบสภาฯไว เป็นปานกามหนุ่มนิต..แต่อย่าลืมว่า ช่วงรักษาการเป็น “รัฐบาล” อยู่นั้น... “นายกฯ อภิสิทธิชน” ยังได้โควตา วีซ่า เป็น “นายกรัฐมนตรี” ต่ออีก ๔๕ วันชนิดซำบาย!!!ทางออกช่องนี้ดีที่สุด... “นายกฯ มาร์ค” รีบชิงหัวมุด.....อย่าให้หลุดจากมือไป???
xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
‘เต็งหาม’ ..นำแบบม้วนเดียวจบ!!!
“บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รอง ผบ.ทบ. “ฟ้าไม่ผ่าเสียก่อน” ท่านต้องได้เป็น “ผู้บัญชาการทหารบก” ในการคุม “กองทัพนักรบ”???แต่ของที่ว่าแน่..บางทีก็ แน่นอนแช่แป้ง เหมือนกัน“บิ๊กน้อย” พล.อ.วิทย์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา รอง ผบ.ทบ. ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนหัวโปรด “พล.อ.ยศ เทพหัสดิน ณ อยุธยา” ก็มองข้าม ไม่ได้เชียวนะท่าน“พล.อ.พิรุณ แผ้วพลสง” เสนาธิการทหารบก ผู้มีเกียรติมาตั้งแต่กำเนิด... เป็นหนึ่งในตองอูสมัยเรียน ..หนำซ้ำยังเก่งยอดเยี่ยมด้านการงาน มีผลงานอย่างเปี่ยมล้น!!!และที่รู้มา ทั้ง “พล.อ.วิทย์” และ “พล.อ.พิรุณ”...เป็นเด็กสร้าง ของ “พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร”....ที่สนับสนุน มาทั้งสองคน???
xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
เป็น ‘นักบู๊’ สายเลือดเยี่ยม!!!
ผลงาน เป็นที่ประทับใจจ๊อด...พิสูจน์และดมได้ ว่า “เดอะอ๊อด” พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา” ที่ปรึกษาสบ. ๑๐ ....ยกนิ้วให้เลย มีผลงานยากหาใครมาเทียม???เป็นนายตำรวจใหญ่รุ่น ๒๘ ...เป็นเพื่อนรักเพื่อนเลิฟ กับขุนศึกใหญ่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตท.รุ่น ๑๒ ผู้มีอำนาจและบทบาทเท่าที่รู้ “พล.อ.ประยุทธ์” ...หนุนสุดขั้ว เพื่อให้ “พล.ต.อ.ภาณุพงษ์” ขึ้นมาเป็น “ผบ.ตร.” คุมอำนาจทั้งนี้ เพราะ ผลงานคุณภาพคับแก้ว ของ “เดอะอ๊อด” พล.ต.อ.ภาณุพงษ์ สิงหรา ณ อยุธยา เข้าตาเป็นอันมาก.....ถึงจะมีคู่แข่ง “พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี” คอยเบียดทางนอก เพื่อแซงทางใน...แต่ด้วยเส้นทางที่เป็น “นายตำรวจนักธุรการ” จึงมีความเฉียบคม ไม่เพียงพอ!!!ฉะนั้น,ขอยินดีล่วงหน้า....กับ “พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหราฯ”......ที่จะคว้าเก้าอี้ “ผอบอตอรอ”???
xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
‘ข้อแม้’ ที่พากันกังขา!!!
เหตุที่ “นายกฯ มาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตั้งโรดแม็ป ในการ “ยุบสภา ๙ เดือน” นั่นแหละ....ที่คนสงกะสัย กันเป็นนักเป็นหนา???เรื่องขอแก้ปัญหาเศรษฐกิจ “นายกฯ อภิสิทธิ์ชน” อ้างน้ำขุ่น ๆ .....เรื่องขอตั้งงบประมาณแผ่นดินใหม่ “อภิสิทธิ์ชน” ก็อ้างไปข้างๆ คูๆ ....ยิ่งเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องยกเมฆอยู่ที่ “เงินกู้ ๔ แสนล้าน” ..ที่ยังค้างติ่ง ไม่ผ่านที่ประชุม “วุฒิสภา” นั่นแหละ เป็นสิ่งที่ ต้องโยกเยก“งบก้อนนี้” เป็นเงินไว้ “สร้างถนน” จำนวนมหาศาลบานตะไท ...หากสร้างสำเร็จ ก็เป็นความดีความงาม โดยเฉพาะตัว ของ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ผู้จัดการรัฐบาล และ “เนวิน ชิดชอบ” ผู้ยิ่งใหญ่แห่งพรรคภูมิใจไทย !!!แต่เรื่องที่ลึกลับ ไม่ใช่เล่น....มีคนรอโซ้ย “ ๒๐ เปอร์เซ็นต์”.....ฟันกันเล่นๆ “๘ หมื่นล้าน” กันอย่างง่ายๆ
ตอดนิดตอดหน่อย
โดย.การบูร
xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
อัด ‘ยาแรง’ ออกมาหลายโดส!!!
กระบวนยุทธ์มีกี่ท่า.... “นายกฯ มาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ก็งัดออกมาใช้หมด???“สลายกองทัพเสื้อแดง” ให้ราบเป็นหน้ากลอง.... “สงครามประชาชนกลางเมือง” สมรภูมินี้ “นายกฯ อภิสิทธิ์ชน” ใช่จะกำชัยเด็ดขาดแสงสว่างปลายอุโมงค์ ชิง “ยุบสภา” ใน “๓ เดือน” ท่านจะได้ใจจากคนทั้งชาติถึงจะชิงยุบสภาฯไว เป็นปานกามหนุ่มนิต..แต่อย่าลืมว่า ช่วงรักษาการเป็น “รัฐบาล” อยู่นั้น... “นายกฯ อภิสิทธิชน” ยังได้โควตา วีซ่า เป็น “นายกรัฐมนตรี” ต่ออีก ๔๕ วันชนิดซำบาย!!!ทางออกช่องนี้ดีที่สุด... “นายกฯ มาร์ค” รีบชิงหัวมุด.....อย่าให้หลุดจากมือไป???
xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
‘เต็งหาม’ ..นำแบบม้วนเดียวจบ!!!
“บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รอง ผบ.ทบ. “ฟ้าไม่ผ่าเสียก่อน” ท่านต้องได้เป็น “ผู้บัญชาการทหารบก” ในการคุม “กองทัพนักรบ”???แต่ของที่ว่าแน่..บางทีก็ แน่นอนแช่แป้ง เหมือนกัน“บิ๊กน้อย” พล.อ.วิทย์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา รอง ผบ.ทบ. ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนหัวโปรด “พล.อ.ยศ เทพหัสดิน ณ อยุธยา” ก็มองข้าม ไม่ได้เชียวนะท่าน“พล.อ.พิรุณ แผ้วพลสง” เสนาธิการทหารบก ผู้มีเกียรติมาตั้งแต่กำเนิด... เป็นหนึ่งในตองอูสมัยเรียน ..หนำซ้ำยังเก่งยอดเยี่ยมด้านการงาน มีผลงานอย่างเปี่ยมล้น!!!และที่รู้มา ทั้ง “พล.อ.วิทย์” และ “พล.อ.พิรุณ”...เป็นเด็กสร้าง ของ “พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร”....ที่สนับสนุน มาทั้งสองคน???
xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
เป็น ‘นักบู๊’ สายเลือดเยี่ยม!!!
ผลงาน เป็นที่ประทับใจจ๊อด...พิสูจน์และดมได้ ว่า “เดอะอ๊อด” พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา” ที่ปรึกษาสบ. ๑๐ ....ยกนิ้วให้เลย มีผลงานยากหาใครมาเทียม???เป็นนายตำรวจใหญ่รุ่น ๒๘ ...เป็นเพื่อนรักเพื่อนเลิฟ กับขุนศึกใหญ่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตท.รุ่น ๑๒ ผู้มีอำนาจและบทบาทเท่าที่รู้ “พล.อ.ประยุทธ์” ...หนุนสุดขั้ว เพื่อให้ “พล.ต.อ.ภาณุพงษ์” ขึ้นมาเป็น “ผบ.ตร.” คุมอำนาจทั้งนี้ เพราะ ผลงานคุณภาพคับแก้ว ของ “เดอะอ๊อด” พล.ต.อ.ภาณุพงษ์ สิงหรา ณ อยุธยา เข้าตาเป็นอันมาก.....ถึงจะมีคู่แข่ง “พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี” คอยเบียดทางนอก เพื่อแซงทางใน...แต่ด้วยเส้นทางที่เป็น “นายตำรวจนักธุรการ” จึงมีความเฉียบคม ไม่เพียงพอ!!!ฉะนั้น,ขอยินดีล่วงหน้า....กับ “พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหราฯ”......ที่จะคว้าเก้าอี้ “ผอบอตอรอ”???
xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
‘ข้อแม้’ ที่พากันกังขา!!!
เหตุที่ “นายกฯ มาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตั้งโรดแม็ป ในการ “ยุบสภา ๙ เดือน” นั่นแหละ....ที่คนสงกะสัย กันเป็นนักเป็นหนา???เรื่องขอแก้ปัญหาเศรษฐกิจ “นายกฯ อภิสิทธิ์ชน” อ้างน้ำขุ่น ๆ .....เรื่องขอตั้งงบประมาณแผ่นดินใหม่ “อภิสิทธิ์ชน” ก็อ้างไปข้างๆ คูๆ ....ยิ่งเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องยกเมฆอยู่ที่ “เงินกู้ ๔ แสนล้าน” ..ที่ยังค้างติ่ง ไม่ผ่านที่ประชุม “วุฒิสภา” นั่นแหละ เป็นสิ่งที่ ต้องโยกเยก“งบก้อนนี้” เป็นเงินไว้ “สร้างถนน” จำนวนมหาศาลบานตะไท ...หากสร้างสำเร็จ ก็เป็นความดีความงาม โดยเฉพาะตัว ของ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ผู้จัดการรัฐบาล และ “เนวิน ชิดชอบ” ผู้ยิ่งใหญ่แห่งพรรคภูมิใจไทย !!!แต่เรื่องที่ลึกลับ ไม่ใช่เล่น....มีคนรอโซ้ย “ ๒๐ เปอร์เซ็นต์”.....ฟันกันเล่นๆ “๘ หมื่นล้าน” กันอย่างง่ายๆ
ตอดนิดตอดหน่อย
โดย.การบูร
มาตรฐานของการใช้กฎหมาย
เส้นแบ่งระหว่างประชาธิปไตยกับเผด็จการ คือ “การใช้อำนาจ” กับ “การใช้กฎหมาย” ...
-หนังสือพิมพ์ บางกอกทูเดย์ ฉบับใหม่วันเสาร์ที่ 10-วันอาทิตย์ที่ 11 เมษายน 2553...
-รัฐบาลปัจจุบันของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ต้องความชอบธรรมของการได้มาซึ่งอำนาจบริหารกำลังจะต้องเผชิญชะตากรรมประชาธิปไตยในวังวนอำนาจปฏิวัติเมื่อ 19 กันยายน 2549 เหมือนรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช รัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งเป็นรัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตยแต่ไม่ถูกใจเผด็จการ...
-เรื่องแปลกที่คนทั้งหลายในโลกงงก็คือ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีพูดจาเหมือนท่องจำว่ารัฐบาลของเขามาจากการได้อำนาจบริหารทางประชาธิปไตย แต่ทำไมคนไทยกลุ่มใหญ่อีกกลุ่มคือ เสื้อแดง ออกมาทวงประชาธิปไตยคืนให้นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ “ยุบสภา” คืนอำนาจให้ประชาชนแล้วเลือกตั้งกันใหม่ล่ะ...ใครกันแน่ที่เป็นประชาธิปไตยจริง? ใครกันแน่ที่เป็นประชาธิปไตยแอบแฝง หรือ กาฝากประชาธิปไตย?...
-แต่ที่แน่ๆ คือ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคเก่าแก่ในระบอบประชาธิปไตย สนับสนุนการกระทำของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อย่างเต็มที่ และนี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่ ประชาธิปัตย์ ญาติดีกับ ทหารในกองทัพอย่างที่ไม่เคยมีการเอื้ออารีย์และเอื้ออาทรกันและกันมากมายมหาศาลอย่างนี้...นี่จะเป็นอีกหน้าประวัติศาสตร์หนึ่งของการเมืองไทยที่จะต้องจารึกไว้ถึงรุ่นลูกรุ่นหลายไปว่าเด็กสร้างของชวน หลีกภัย ชื่ออภิสิทธิ์ เวชาชีวะ ทำเรื่องอย่างนี้เอาไว้...
-ตัวอย่างประชาธิปไตยจากประเทศแม่แบบอย่างอังกฤษก็มีให้เห็นแล้ว เมื่อ กอร์ดอน บราวน์ นายกรัฐมนตรี ใช้ทางออกของประชาธิปไตย ยุบสภา ให้มีการเลือกตั้งใหม่ 6 พ.ค. นี้...
-วันนี้การเมืองประเทศไทยที่มีการเรียกร้องประชาธิปไตยไปทั่วโลก จึงเปรียบได้กับมองโกเลียซึ่งกำลังมีการเรียกร้องประชาธิปไตยให้ยุบสภา...ไทย กับ มองโกเลีย จึงจับคู่เปรียบเทียบทางการเมืองในเวทีประชาธิปไตยของโลกว่าใครจะได้ประชาธิปไตยก่อนกัน อ้าวแล้วไหนนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ บอกว่าประเทศเราเป็นประชาธิปไตยแล้วไงล่ะ?...
-และนี่ก็เป็นประกฏการณ์เป็นครั้งแรกในการเมืองไทยที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องให้ธาริษฐ เพ็งดิศ อธิบดีดีเอสไอ ออกมาตีความ คำสั่งศาลแพ่งเรื่องการชุมนุมของเสื้อแดง...นี่หรือคือวิธีสร้างประชาธิปไตยให้สวยงามแต่ไม่เคยสร้างมาตรฐานของการใช้กฎหมายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันรวมถึงการบริหารการปกครองที่เกิดความเป็นธรรมกับประชาชนทั่วหน้าได้เหมือนกันเท่าเทียมกันทั้งหมดนั้นมันมีได้อยู่ในโลกเดียวเท่านั้นแหละครับ นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คือโลกประชาธิปไตยในความฝันไม่ใช่โลกแห่งความจริง...
-มาจนถึงวันนี้ มด คันไฟ ยืนยันว่า สงบ สันติ และ สามัคคี และประชาธิปไตยของคนไทยจะเกิดขึ้นได้ มีทางออกเหลืออยู่แค่ทางเดียวเท่านั้น คือ การยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชนเพราะปฏิกิริยากองทัพหลังสุดของทหารที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.บอกว่า การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง ต่อจากนี้ไปขึ้นอยู่กับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีจะเชื่อใครมากกว่ากันระหว่าง ตัวเอง กับ คนสั่งการ คนนั้นและผลของเรื่องนี้มันจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงต่อชีวิตและครอบครัวของคนที่ได้ชื่อว่า เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ที่ทิ้งไพ่ใบสุดท้ายประกาศภาวะฉุกเฉินแล้ว...
-ย้อน 19 ก.ย. 2549 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินจากสหรัฐอเมริกา ยังยื้ออยู่ในอำนาจต่อไปไม่ได้เลย...ยังจำได้ไหม?..-/-
บางกอกกอสซิบ
มด คันไฟ
**************************************
-หนังสือพิมพ์ บางกอกทูเดย์ ฉบับใหม่วันเสาร์ที่ 10-วันอาทิตย์ที่ 11 เมษายน 2553...
-รัฐบาลปัจจุบันของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ต้องความชอบธรรมของการได้มาซึ่งอำนาจบริหารกำลังจะต้องเผชิญชะตากรรมประชาธิปไตยในวังวนอำนาจปฏิวัติเมื่อ 19 กันยายน 2549 เหมือนรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช รัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งเป็นรัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตยแต่ไม่ถูกใจเผด็จการ...
-เรื่องแปลกที่คนทั้งหลายในโลกงงก็คือ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีพูดจาเหมือนท่องจำว่ารัฐบาลของเขามาจากการได้อำนาจบริหารทางประชาธิปไตย แต่ทำไมคนไทยกลุ่มใหญ่อีกกลุ่มคือ เสื้อแดง ออกมาทวงประชาธิปไตยคืนให้นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ “ยุบสภา” คืนอำนาจให้ประชาชนแล้วเลือกตั้งกันใหม่ล่ะ...ใครกันแน่ที่เป็นประชาธิปไตยจริง? ใครกันแน่ที่เป็นประชาธิปไตยแอบแฝง หรือ กาฝากประชาธิปไตย?...
-แต่ที่แน่ๆ คือ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคเก่าแก่ในระบอบประชาธิปไตย สนับสนุนการกระทำของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อย่างเต็มที่ และนี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่ ประชาธิปัตย์ ญาติดีกับ ทหารในกองทัพอย่างที่ไม่เคยมีการเอื้ออารีย์และเอื้ออาทรกันและกันมากมายมหาศาลอย่างนี้...นี่จะเป็นอีกหน้าประวัติศาสตร์หนึ่งของการเมืองไทยที่จะต้องจารึกไว้ถึงรุ่นลูกรุ่นหลายไปว่าเด็กสร้างของชวน หลีกภัย ชื่ออภิสิทธิ์ เวชาชีวะ ทำเรื่องอย่างนี้เอาไว้...
-ตัวอย่างประชาธิปไตยจากประเทศแม่แบบอย่างอังกฤษก็มีให้เห็นแล้ว เมื่อ กอร์ดอน บราวน์ นายกรัฐมนตรี ใช้ทางออกของประชาธิปไตย ยุบสภา ให้มีการเลือกตั้งใหม่ 6 พ.ค. นี้...
-วันนี้การเมืองประเทศไทยที่มีการเรียกร้องประชาธิปไตยไปทั่วโลก จึงเปรียบได้กับมองโกเลียซึ่งกำลังมีการเรียกร้องประชาธิปไตยให้ยุบสภา...ไทย กับ มองโกเลีย จึงจับคู่เปรียบเทียบทางการเมืองในเวทีประชาธิปไตยของโลกว่าใครจะได้ประชาธิปไตยก่อนกัน อ้าวแล้วไหนนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ บอกว่าประเทศเราเป็นประชาธิปไตยแล้วไงล่ะ?...
-และนี่ก็เป็นประกฏการณ์เป็นครั้งแรกในการเมืองไทยที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องให้ธาริษฐ เพ็งดิศ อธิบดีดีเอสไอ ออกมาตีความ คำสั่งศาลแพ่งเรื่องการชุมนุมของเสื้อแดง...นี่หรือคือวิธีสร้างประชาธิปไตยให้สวยงามแต่ไม่เคยสร้างมาตรฐานของการใช้กฎหมายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันรวมถึงการบริหารการปกครองที่เกิดความเป็นธรรมกับประชาชนทั่วหน้าได้เหมือนกันเท่าเทียมกันทั้งหมดนั้นมันมีได้อยู่ในโลกเดียวเท่านั้นแหละครับ นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คือโลกประชาธิปไตยในความฝันไม่ใช่โลกแห่งความจริง...
-มาจนถึงวันนี้ มด คันไฟ ยืนยันว่า สงบ สันติ และ สามัคคี และประชาธิปไตยของคนไทยจะเกิดขึ้นได้ มีทางออกเหลืออยู่แค่ทางเดียวเท่านั้น คือ การยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชนเพราะปฏิกิริยากองทัพหลังสุดของทหารที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.บอกว่า การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง ต่อจากนี้ไปขึ้นอยู่กับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีจะเชื่อใครมากกว่ากันระหว่าง ตัวเอง กับ คนสั่งการ คนนั้นและผลของเรื่องนี้มันจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงต่อชีวิตและครอบครัวของคนที่ได้ชื่อว่า เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ที่ทิ้งไพ่ใบสุดท้ายประกาศภาวะฉุกเฉินแล้ว...
-ย้อน 19 ก.ย. 2549 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินจากสหรัฐอเมริกา ยังยื้ออยู่ในอำนาจต่อไปไม่ได้เลย...ยังจำได้ไหม?..-/-
บางกอกกอสซิบ
มด คันไฟ
**************************************
เสื้อแดงยันไม่เผาศาลากลาง รอฟังคำสั่งแกนนำ นปช.
ที่บริเวณสนามหน้าศาลา จ.ศรีสะเกษ ได้มีกลุ่มเสื้อแดงประมาณ 100 คน เดินทางทยอยมาร่วมการชุมนุมเพื่อฟังคำสั่งจากแกนนำส่วนกลางและรอติดตามฟังสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โดยมีแกนนำผลัดเปลี่ยนกันขึ้นปราศัยโจมตีรัฐบาล
นายพรชัย มะณีนิล แกนนำกลุ่มเสื้อแดง จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า การที่รัฐบาลสั่งปิดสถานีโทรทัศน์พีทีวี เท่ากับเป็นการปิดหูปิดตาชาวบ้าน รัฐบาลดูถูกความคิดของชาวบ้าน เพราะการที่ชาวบ้านดูช่องของเสื้อแดง พวกเขาก็รู้จักวิเคราะห์ว่าอะไรควรเชื่อไม่ควรเชื่อ เหมือนกับช่องของรัฐบาลที่เปิดกรอกหูชาวบ้านทุกวัน เขาดูแล้วเขาก็วิเคราะห์ได้ ถ้าบอกว่าเขาดูช่องเสื้อแดงแล้วทำให้เกลียดรัฐบาล ทำไมเขาดูช่องรัฐบาลแล้วไม่เกลียดเสื้อแดงบ้าง
นายพรชัย กล่าวต่อว่า สำหรับการชุมนุมของเสื้อแดงจังหวัดศรีสะเกษ เราได้จัดให้มีการ์ดป้องกันเหตุไม่คาดฝันที่อาจจะเกิดขึ้นจำนวน 200 คน ไว้สำหรับป้องกันการก่อเหตุรุนแรง เพราะเรายึดรูปแบบการชุมนุมแบบสันติ อหิงสา จะไม่มีการบุกขึ้นไปยึดศาลากลาง และไม่มีการเผาศาลากลางหรือสถานที่ราชการอย่างเด็ดขาด แต่หาก นปช.กรุงเทพถูกรัฐบาลสั่งสลายการชุมนุม และถ้าได้รับคำสั่งจากแกนนำส่วนกลางพวกเราก็พร้อมจะปิดล้อมศาลากลาง โดยจะปิดล้อมเฉพาะประตูทางเข้าศาลากลาง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าทำงานได้ ซึ่งถือเป็นมาตรการในการกดดันรัฐบาลป้องกันไม่ให้ใช้มาตรการรุนแรงกับกลุ่มผู้ชุมนุม
ที่มา.เนชั่นทันข่าว
*******************************************
นายพรชัย มะณีนิล แกนนำกลุ่มเสื้อแดง จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า การที่รัฐบาลสั่งปิดสถานีโทรทัศน์พีทีวี เท่ากับเป็นการปิดหูปิดตาชาวบ้าน รัฐบาลดูถูกความคิดของชาวบ้าน เพราะการที่ชาวบ้านดูช่องของเสื้อแดง พวกเขาก็รู้จักวิเคราะห์ว่าอะไรควรเชื่อไม่ควรเชื่อ เหมือนกับช่องของรัฐบาลที่เปิดกรอกหูชาวบ้านทุกวัน เขาดูแล้วเขาก็วิเคราะห์ได้ ถ้าบอกว่าเขาดูช่องเสื้อแดงแล้วทำให้เกลียดรัฐบาล ทำไมเขาดูช่องรัฐบาลแล้วไม่เกลียดเสื้อแดงบ้าง
นายพรชัย กล่าวต่อว่า สำหรับการชุมนุมของเสื้อแดงจังหวัดศรีสะเกษ เราได้จัดให้มีการ์ดป้องกันเหตุไม่คาดฝันที่อาจจะเกิดขึ้นจำนวน 200 คน ไว้สำหรับป้องกันการก่อเหตุรุนแรง เพราะเรายึดรูปแบบการชุมนุมแบบสันติ อหิงสา จะไม่มีการบุกขึ้นไปยึดศาลากลาง และไม่มีการเผาศาลากลางหรือสถานที่ราชการอย่างเด็ดขาด แต่หาก นปช.กรุงเทพถูกรัฐบาลสั่งสลายการชุมนุม และถ้าได้รับคำสั่งจากแกนนำส่วนกลางพวกเราก็พร้อมจะปิดล้อมศาลากลาง โดยจะปิดล้อมเฉพาะประตูทางเข้าศาลากลาง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าทำงานได้ ซึ่งถือเป็นมาตรการในการกดดันรัฐบาลป้องกันไม่ให้ใช้มาตรการรุนแรงกับกลุ่มผู้ชุมนุม
ที่มา.เนชั่นทันข่าว
*******************************************
ผู้ ประท้วงไทยบุกเข้าไปในสถานีโทรทัศน์
โดย KINAN SUCHAOVANICH
The Associated Press
กรุงเทพฯ -- กลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลของไทยได้บุกเข้าไปยังพื้นที่ของสถานีสัญญาณ ดาวเทียมที่ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ของรัฐตัดสัญญาณทีวี ในขณะที่ทหารและตำรวจปราบจราจลได้พยายามที่จะยันทัพด้วยแก๊ซน้ำตาและปืนน้ำ
นี่เป็น ครั้งแรกที่มีการใช้กำลังโดยรัฐบาลระหว่างการประท้วงที่กินเวลานับเดือนของ ผู้ชุมนุมที่ต้องการที่จะขับไล่นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และให้มีการจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่ ในขณะเดียวกันได้มีการออกหมายจับโดยศาลต่อแกนนำผู้ประท้วงคนสำคัญจำนวน 3 คน
กลุ่ม ผู้ประท้วง"เสื้อแดง" ได้ขู่ที่จะบุกเข้าไปในอาคารหากผู้บัญชาการทหารไม่ออกมาเจรจากับพวกเขาเพื่อ ที่จะยกเลิกการปิดสถานีพีเพิ้ลแชนแนล หรือพีทีวี
ผู้ประท้วงได้ทำการ ข้ามขวากหนามที่ถูกวางไว้รอบบริษัทไทยคมในเวลาเพียงไม่กี่นาที แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถเข้าไปยังในอาคารได้ ในขณะต่อมากองกำลังทหารได้ขว้างแก๊สน้ำตาและยิงปืนฉีดน้ำเข้าใส่แต่ก็ต้อง ถอยร่นออกมาอย่างรวดเร็วเข้ามาในยังอาคารในขณะที่ผู้ประท้วงจำนวนนับพันๆคน ได้ทะลักล้นมาโดยรอบ
นายทหารบางท่านได้โยนโล่ห์และชุดเกราะของตนทิ้ง พร้อมกับจับมือกับเหล่าผู้ประท้วง ในขณะที่ผู้ประท้วงเสื้อแดงได้ยื่นน้ำไปให้กับทหารและตำรวจ
การยก ระดับการชุมนุมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการต่อสู้อันยาวนานระหว่างกลุ่มคน ยากจนส่วนใหญ่และผู้สนับสนุนจากชนบทของอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร และกลุ่มอำมาตย์ที่เผยว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการยึดอำนาจในการรัฐประหาร เมื่อปี 49 ผู้ชุมนุมมองว่านายอภิสิทธิ์นักเรียนอ๊อกฟอร์ดเป็นสัญลักษณ์ของอำมาตย์ และอ้างว่าเขาเข้ามาในตำแหน่งอย่างไม่ถูกต้องตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 50 ด้วยความช่วยเหลือจากอิทธิพลจากกองทัพที่มีต่อรัฐสภา
ในสัปดาห์ที่ ผ่านมา ตำรวจที่ดูแลการชุมนุมได้แสดงให้เห็นถึงความเห็นอกเห็นใจต่อผู้ประท้วงหลาย ครั้ง ในขณะที่นักวิเคราะห์กล่าวว่า กองกำลังโดยเฉพาะตำรวจได้เผื่อใจให้ ซึ่งทำให้เป็นการยากสำหรับรัฐบาลที่จะบังคับใช้กฏหมายต่างๆ
ในตอนต้น ผู้นำเสื้อแดงกล่าวว่าพวกเขาจะแยกกันเดินไปยังหลายจุดในกรุงฯในวันนี้ แต่ได้เปลี่ยนแผน โดยณัฐวุฒิ ไสยเกื้อกล่าวต่อผู้ชุมนุมว่า "เราจะเคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียว"
"เราจะไปนำเอาสถานีพีเพิ้ลแชนแนล เรากลับมา" เขากล่าว
แถวของผู้ประท้วง, แนวของมอเตอร์ไซต์และรถปิคอัพ ได้ทำการส่งเสียงแตรสัญญาณและโบกธงแดงในระหว่างที่พวกเขาเคลื่อนตัวออกจาก จุดที่ประท้่วงหลักสองจุดใจกลางกรุงฯ เพื่อเคลื่อนตัวไปยังทิศเหนือประมาณ 45 กม. ไปยังออฟฟิศของไทยคมในจังหวัดปทุมฯ
ไทยคมถูกก่อตั้งโดยทักษิณ มหาเศรษฐีโทรคมนาคมที่เปลี่ยนอาชีพมาเป็นนักการเมือง
หน่วยงานของ รัฐประเมินว่ามีผู้ชุมนุมราว 15,000 คนที่เคลื่อนตัว แต่โฆษกกองทัพ สรรเสริญ แก้วกำเนิด บอกว่าตัวเลขมีแค่ประมาณ 3,000 ตัวเลขทั้งสองนี้ล้วนต่ำกว่าตัวเลขสูงสุดที่เคยมีการประเมินคนกว่า 100,000 คนระหว่างการชุมนุมครั้งแรกๆเมื่อเดือนก่อน
พีทีวีถูกก่อตั้งและให้ ทุนโดยกลุ่มคนเสื้อแดงที่เห็นอกเห็นใจ มีวิทยุชุมนุมกลุ่มเล็กๆหลายแห่งได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรด้วยโดยการใช้โทร ศํพท์และเครือข่ายโซเชียลเน็ตเวิรก์
**************************************************
The Associated Press
กรุงเทพฯ -- กลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลของไทยได้บุกเข้าไปยังพื้นที่ของสถานีสัญญาณ ดาวเทียมที่ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ของรัฐตัดสัญญาณทีวี ในขณะที่ทหารและตำรวจปราบจราจลได้พยายามที่จะยันทัพด้วยแก๊ซน้ำตาและปืนน้ำ
นี่เป็น ครั้งแรกที่มีการใช้กำลังโดยรัฐบาลระหว่างการประท้วงที่กินเวลานับเดือนของ ผู้ชุมนุมที่ต้องการที่จะขับไล่นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และให้มีการจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่ ในขณะเดียวกันได้มีการออกหมายจับโดยศาลต่อแกนนำผู้ประท้วงคนสำคัญจำนวน 3 คน
กลุ่ม ผู้ประท้วง"เสื้อแดง" ได้ขู่ที่จะบุกเข้าไปในอาคารหากผู้บัญชาการทหารไม่ออกมาเจรจากับพวกเขาเพื่อ ที่จะยกเลิกการปิดสถานีพีเพิ้ลแชนแนล หรือพีทีวี
ผู้ประท้วงได้ทำการ ข้ามขวากหนามที่ถูกวางไว้รอบบริษัทไทยคมในเวลาเพียงไม่กี่นาที แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถเข้าไปยังในอาคารได้ ในขณะต่อมากองกำลังทหารได้ขว้างแก๊สน้ำตาและยิงปืนฉีดน้ำเข้าใส่แต่ก็ต้อง ถอยร่นออกมาอย่างรวดเร็วเข้ามาในยังอาคารในขณะที่ผู้ประท้วงจำนวนนับพันๆคน ได้ทะลักล้นมาโดยรอบ
นายทหารบางท่านได้โยนโล่ห์และชุดเกราะของตนทิ้ง พร้อมกับจับมือกับเหล่าผู้ประท้วง ในขณะที่ผู้ประท้วงเสื้อแดงได้ยื่นน้ำไปให้กับทหารและตำรวจ
การยก ระดับการชุมนุมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการต่อสู้อันยาวนานระหว่างกลุ่มคน ยากจนส่วนใหญ่และผู้สนับสนุนจากชนบทของอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร และกลุ่มอำมาตย์ที่เผยว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการยึดอำนาจในการรัฐประหาร เมื่อปี 49 ผู้ชุมนุมมองว่านายอภิสิทธิ์นักเรียนอ๊อกฟอร์ดเป็นสัญลักษณ์ของอำมาตย์ และอ้างว่าเขาเข้ามาในตำแหน่งอย่างไม่ถูกต้องตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 50 ด้วยความช่วยเหลือจากอิทธิพลจากกองทัพที่มีต่อรัฐสภา
ในสัปดาห์ที่ ผ่านมา ตำรวจที่ดูแลการชุมนุมได้แสดงให้เห็นถึงความเห็นอกเห็นใจต่อผู้ประท้วงหลาย ครั้ง ในขณะที่นักวิเคราะห์กล่าวว่า กองกำลังโดยเฉพาะตำรวจได้เผื่อใจให้ ซึ่งทำให้เป็นการยากสำหรับรัฐบาลที่จะบังคับใช้กฏหมายต่างๆ
ในตอนต้น ผู้นำเสื้อแดงกล่าวว่าพวกเขาจะแยกกันเดินไปยังหลายจุดในกรุงฯในวันนี้ แต่ได้เปลี่ยนแผน โดยณัฐวุฒิ ไสยเกื้อกล่าวต่อผู้ชุมนุมว่า "เราจะเคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียว"
"เราจะไปนำเอาสถานีพีเพิ้ลแชนแนล เรากลับมา" เขากล่าว
แถวของผู้ประท้วง, แนวของมอเตอร์ไซต์และรถปิคอัพ ได้ทำการส่งเสียงแตรสัญญาณและโบกธงแดงในระหว่างที่พวกเขาเคลื่อนตัวออกจาก จุดที่ประท้่วงหลักสองจุดใจกลางกรุงฯ เพื่อเคลื่อนตัวไปยังทิศเหนือประมาณ 45 กม. ไปยังออฟฟิศของไทยคมในจังหวัดปทุมฯ
ไทยคมถูกก่อตั้งโดยทักษิณ มหาเศรษฐีโทรคมนาคมที่เปลี่ยนอาชีพมาเป็นนักการเมือง
หน่วยงานของ รัฐประเมินว่ามีผู้ชุมนุมราว 15,000 คนที่เคลื่อนตัว แต่โฆษกกองทัพ สรรเสริญ แก้วกำเนิด บอกว่าตัวเลขมีแค่ประมาณ 3,000 ตัวเลขทั้งสองนี้ล้วนต่ำกว่าตัวเลขสูงสุดที่เคยมีการประเมินคนกว่า 100,000 คนระหว่างการชุมนุมครั้งแรกๆเมื่อเดือนก่อน
พีทีวีถูกก่อตั้งและให้ ทุนโดยกลุ่มคนเสื้อแดงที่เห็นอกเห็นใจ มีวิทยุชุมนุมกลุ่มเล็กๆหลายแห่งได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรด้วยโดยการใช้โทร ศํพท์และเครือข่ายโซเชียลเน็ตเวิรก์
**************************************************
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)