--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันพุธที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2553

"เสื้อแดง"ประชิดบ้านนายกฯแล้วขอ "มือปราบหูดำ"เปิดทางสาดเลือดสด ม็อบประจันหน้าจนท.กลางสายฝน

แกนนำย้ำกับผู้ชุมนุมให้อดทนต่อการยั่วยุและคำด่าให้ยึดไว้ว่า ไม่โกรธ ไม่รุนแรง ไม่ตอบโต้ เสริมกำลังอารักขาบ้านนายกฯ 10 กองร้อยรับม็อบเทเลือดหน้าบ้าน "เสื้อแดง"ยังคึกไม่หลับไม่นอน-ขยะเกลื่อนถนน ฝนเทสองฝ่ายเปียกปอน

เสื้อแดงประชิดบ้านนายกฯห่างแค่ 200 เมตร

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ปากซอยสุขุมวิท 31 กลุ่มคนเสื้อแดงเดินทางประชิดบ้านนายกฯ ห่างจากบ้านพักเพียง 200 เมตร ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรึงกำลังมีรถคุมขัง และรั้วลวดนามคอยสกัดกลุ่มผู้ชุมนุม ไม่ให้เข้ามาถึงหน้าบ้านนายกฯได้ โดยแกนนำได้พยายามเจรจาขอเปิดทาง นอกจากนี้ ได้เกิดฝนตกลงมาค่อนข้างหนักทำให้เจ้าหน้าที่ต้องนำโล่มาบังศีรษะ ส่วนผู้ชุมนุมต้องหาที่หลบฝนกันอลหม่าน

ขณะที่แกนนำพยายามเจรจากับเจ้าหน้าที่ให้เปิดทางเข้าไปใกล้บ้านนายกฯ มากที่สุด

แดงผ่าน"พร้อมพงศ์" ขอ"มือปราบหูดำ"เข้าซอยบ้านนายกฯ

เมื่อเวลา 10.45 น. แกนนำเสื้อแดงซึ่งเดินทางโดยรถบรรทุกเดินทางถึงซอยพร้อมพงศ์ ซึ่งเป็นเส้นทางทะลุไปยังบ้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ซอยสุขุมวิท 31 (ซอยสวัสดี) ได้ แต่มีรถตำรวจนครบาลจอดและเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งกำแพงมนุษย์ยืนขวางอยู่ แกนนำจึงได้เจรจาต่อรองผ่านเครื่องเสียงกับพล.ต.ต.วิชัย สิงห์ประไพ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล1 (ฉายามือปราบหูดำ) เพื่อขอเข้าซอยสวัสดี

"ณัฐวุฒิ"อ้างวอร์รูมรบ.ไม่พอใจคนหนุนแดง เชื่อจ้องยั่วยุ

เมื่อวันที่ 17 มี.ค. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) แดงทั้งแผ่นดิน แถลงข่าวว่า ได้รับข้อมูลและงานด้านการข่าวว่ารัฐบาลรู้สึกเสียหายในช่วง 2 วันที่ผ่านมา เนื่องจากเสื้อแดงเคลื่อนขบวนไปกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) ทำเนียบฯและพรรคประชาธิปัตย์ และมีประชาชนออกมาให้การต้อนรับและสนับสนุนจำนวนมาก วอร์รูมของรัฐบาลไม่สบายใจไม่อยากให้ประชาชนเห็นภาพแสดงการยอมรับเหมือนเป็นการต้านรัฐบาล วันนี้รัฐบาลได้เตรียมจัดตั้งกลุ่มบุคคลออกมาเพื่อยั่วยุเสื้อแดงระหว่างทางไปบ้านนายกฯ และหวังผล 1.ทำลายภาพความสำเร็จของคนเสื้อแดงพยายามทำให้เห็นว่าคนกทม.ไม่สนับสนุนการชุมนุม 2.ยั่วให้เกิดการปะทะระหว่างคนเสื้อแดงและประชาชนที่เป็นคนในพื้นที่

ทัพแดงเริ่มเคลื่อนขบวนไปบ้านนายกฯเแล้ว

เมื่อเวลา 09.30 น.ผู้สื่อข่าวรายงานการบรรยากาศการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ เคลื่อนขบวนออกจากที่ตั้งเพื่อเดินทางไป เทเลือดหน้าบ้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ซอยสุขุมวิท 31 โดยได้เตรียมเลือดประมาณ 10 แกลลลอนแช็งน้ำแข็ง และ ห่อถุงดำไว้เป็นอย่างดี และเช้าวันนี้ยังไม่มีการรับบริจาคเลือดเพิ่มเติม ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 08.30 น.กองทัพเลือดชุดแรกได้เคลื่อนขบวนไปบ้านายกฯก่อนแล้ว โดยใช้เส้นทางหลานหลวง ยมราช อุรุพงษ์ เพชรบุรี สุขุมวิท

นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำคนเสื้อแดงขึ้นกล่าวบนเวทีเสื้อแดงก่อนเคลื่อนขบวนไปบ้านนายกฯว่า 2 ข้างทางที่กำลังจะไปเต็มไปด้วยศัตรู อาจจะทำให้เราโกรธได้เพราะอำมาตย์มีการจัดตั้งม็อบมายั่วยุด่าพวกเราให้โมโห ต้องยึดไว้ว่า "ไม่โกรธ ไม่รุนแรง ไม่ตอบโต้" ทุกคนต้องท่องให้ขึ้นใจ

"เสื้อแดง"ยังคึกไม่หลับไม่นอน-ขยะเกลื่อนถนน

บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อเวลาประมาณ 05.30 น. กลุ่มผู้ชุมนุมส่วนใหญ่พากันเข้าไปนอนในเต็นท์ มีกลุ่มผู้ชุมนุมประมาณ 1 พันคนยังพากันร้องรำทำเพลงอยู่บริเวณหน้าเวทีปราศรัยเพื่อรอเวลาที่แกนนำได้นัดหมายเอาไว้ว่าจะเคลื่อนขบวนไปยังบ้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในเวลา 09.00 น. ขณะที่บางส่วนพากันนอนตามพื้นถนนและบนฟุตบาท โดยมีขยะจำนวนมากกระจัดกระจายเกลื่อนถนน มีบางคนเริ่มตื่นนอนแล้วลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำภายในรถสุขาที่ทาง กทม.จัดมาให้ ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหาร-ตำรวจยังคงให้การดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด

ที่มา.มติชนออนไลน์
*************************************************

เสื้อแดงหลั่งเลือด ทักษิณซึ้ง สัญลักษณ์สันติวิธี

ทักษิณ" วิดีโอลิงก์ เวทีเสื้อแดง ขอบคุณที่สละเลือด เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการแสดงออกโดยสันติวิธี ลั่น เตรียมกระเป๋ากลับไทยแล้ว เชื่อเสื้อแดงไม่ยอมแพ้ แม้จะเหนื่อย...

เมื่อเวลาประมาณ 20.40 น. วันที่ 16 มี.ค. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี วิดีโอลิงก์ มาที่เวทีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ โดยกล่าวว่า "พี่น้องยังทนไหวอยู่มั้ยครับ ได้ข่าวว่ามีคนมาชวนกลับบ้าน ทั้งโฆษณา และมีวิชามารมาจ้างกลับบ้าน แล้วทำไมยังไม่กลับล่ะครับ รอผมกลับก่อนใช่มั้ยครับ" พร้อมทั้งบอกว่า "ผมเตรียมกระเป๋าแล้วนะ" โดยผู้ชุนนุมต่างตะโกนตอบรับ และปรบมือเสียงดัง ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังเปรียบรัฐบาลเหมือนต้นไม้ผุที่มีไม้คำ้พิเศษ

พ.ต.ท.ทักษิณ ยังกล่าวว่า วันนี้มีการเจาะเลือด ตนได้รับโทรศัพท์ ว่ามีคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย บริจาคส่วนบริจาค บริจาคเลือดต้อง 300 ซีซี เอา 10 ซีซี เพื่อเป็นสัญลักษณ์ เมื่อวานพอตนได้รับโทรศัพท์ ก็ส่งทวิตเตอร์ออกไป ว่ามีข้อห่วงใยอย่างนี้ ตนจะไปสั่งการ ไม่ใช่ ตนเป็นคนร่วมให้ความคิด แต่ไม่ได้สั่งการ แต่ขอขอบคุณพี่น้องที่รักชาติบ้านเมือง ยอมสละเลือดเป็นสัญลักษณ์วันนี้ อย่างชัดเจน ท่านที่วิตกกังวล ถ้าไม่เห็นด้วยก็ขออภัยด้วย เพราะทุกคนมีอุดมการณ์ วันนี้เป็นการแสดงออกของคนที่พร้อมเสียเลือดเนื้อโดยสันติวิธี

พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวอีกว่า วันนี้ตนมาในมาดนักวิเคราะห์ เชื่อว่าผู้ที่เข้ามาวุ่นวายในบ้านเมืองขณะนี้เป็นผู้มีปัญหาทางจิต สมัยอดีตที่การแพทย์ยังไม่ก้าวหน้า ฮิตเลอร์เป็นผู้ที่ชอบอยู่คนเดียว เก็บตัวไม่ไปไหนและไม่พบใคร นายอภิสิทธิ์ เกิดที่เมืองนอก พ่อเป็นหมอ เรียนหนังสือดี ตนวิเคราะห์ได้เลยจากการเรียนจิตวิทยาว่า นายอภิสิทธิ์ป่วยแน่นอน ขอวิเคราะห์อีกหนึ่งเรื่อง ทำไมถึงมีเสื้อแดงเสื้อเหลือง นอกจากปัญหาทางจิต ยังต้องวิเคราะห์เรื่องประชาธิปไตยด้วยว่า วันนี้ประชาธิปไตยเดินมาถึงทางแยก จะเดินหน้าหรือถอยหลัง คนทั่วไป คนรุ่นใหม่ คนสู้ชีวิต คนแสวงหาโอกาส คนรักห่วงลูก คนเหล่านี้อยากให้เป็นประชาธิปไตยที่เดินหน้าอย่างแท้จริง แต่คนอีกประเภทหนึ่งที่มีความคิดเก่า มีความสุขและอิ่มหมีพีมัน กับสถานภาพของตนเองในปัจจุบัน ได้แก่ พวกอำมาตย์ เศรษฐีเก่าที่ไม่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ทำให้ประเทศถอยหลังไปสู่ยุคศตวรรษที่ 19 ต้องนึกถึงคำพูดของไอสไตน์ที่บอกว่า โลกไม่น่าอยู่ไม่ใช่เพราะมีสิ่งแย่เกิดขึ้นตลอดเวลา แต่เป็นเพราะคนดีไม่สนใจกับสิ่งแย่ๆ เหล่านี้ ขอย้ำอีกครั้งว่าชวนให้ผู้รักประชาธิปไตยและพี่น้องเสื้อแดงมาร่วมกระบวนการเพื่อขับเคลื่อนสู่ประชาธิปไตยที่แท้จริง

ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังเปรียบเทียบระหว่างเสื้อเหลืองและเสื้อแดง ว่า สีเหลืองดูดี บริจาคกันทีละหลายสิบล้าน แต่ฝั่งสีแดงที่เป็นพี่น้องเกษตรกรบริจาคครั้งละ 200 50 รือ 20 บาท จึงถูกมองเป็นชนชั้นต่ำ แต่จิตสำนึกของผู้ที่ต้องการประชาธิปไตยเป็นจิตสำนึกชั้นสูงแม้จะไม่มีเงิน และเมื่อประชาธิปไตยเบ่งบานขึ้นเมื่อไหร่ก็จะมีเศรษฐีใหม่เกิดขึ้นทั่วประเทศ ตอนนี้ประชาชนคนไทยมีสำนึกทางการเมืองสูงขึ้น สื่อสารเทคโนโลยีทำให้พี่น้องคนไทยแม้กระทั่งถูกปิดข่าวมอมเมาอยู่ด้านเดียว พี่น้องก็ยังอุตส่าห์เข้าใจการเมืองอย่างลึกซึ้ง ความพยายามที่ต้องการสื่อว่าตนจ้างพี่น้องมา ในที่สุดก็ได้รู้ว่าทุกคนเสียสละ จึงถึงกับพูดไม่ออก การเสียสละในครั้งนี้ถือเป็นการบอกว่าเรามีวิธีคิดที่แตกต่างกัน พวกเราสีแดงเป็นผู้ที่ยอมเสียสละ แต่เราอยากได้โอกาสและความทัดเทียมในสังคม

พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวด้วยว่า อยากบอกว่า พวกเราไม่เป็นอันตรายหรอก เราไม่ได้คิดเป็นศัตรูกับท่าน แต่เราไม่อยากให้ขวางความเจริญของประเทศ ลูกหลานเรายังหิวเราต้องการให้ลูกหลานเรามีโอกาส มีการศึกษาที่ดี ไม่ติดยาเสพติด เมื่อจบมาก็ได้อยู่ในตลาดเสรีที่ให้ลูกเราได้มี เป็นเศรษฐี เปิดโอกาสให้คนไทยได้เท่าเทียมกันแล้วประเทศไทยจะมั่งคั่ง ไม่ต้องมีรัฐบาลที่ผลัดกันมากู้เงินเหมือนอย่างทุกวันนี้ ทัศนคติสองแนวทางนี้เป็นวิธีมอง และเป็นความสะดวกสบายของชีวิตที่ต่างกัน ถ้าหันหน้าเข้าหากันและบอกว่าต่อไปนี้จะเป็นประชาธิปไตย เราไม่ต้องการล้มล้างใคร พวกเราต้องการต่อสู้กับโลกทั้งโลก เพราะประเทศไทยไม่ได้อยู่ลำพังเพียวคนเดียวเหมือนเมื่อก่อน บ้านเมืองมีความเชื่อมโยงกันแล้ว ขอประชาธิปไตยเราคืน

"พี่น้องก็สู้กันมา แกนนำของพรรค 3 เกลอก็สู้กันมา ถามว่าเหนื่อยมั้ยเหนื่อย แต่ถามว่ายอมแพ้มั้ยผมเชื่อว่าพี่น้องไม่ยอมแพ้ หายเหนื่อยเราก็สู้ใหม่ เราจะพยายามทำให้ความจริงเป็นที่ประจักษ์ทีละขั้นทีละตอน บ้านเมืองจะไปได้ดี ผมเชื่อว่าจะทำให้บ้านเมืองมั่งคั่งแค่ไหนก็เป็นเรื่องง่ายนิดเดียว ถ้าระบบไม่ถ่วงแข้งถ่วงขากันเหมือนทุกวันนี้" พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว

พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวอีกว่า การกระจายความเจริญสู่ประเทศเป็นเรื่องที่พูดกันมานานแต่ยังทำไม่ได้ ยิ่งเมื่อได้มาเห็นแนวทางการทำมาหากินสมัยใหม่ของเมืองนอก บอกได้แล้วว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงมาก แต่ติดปัญหาชักคะเย่อระหว่างสองฝ่าย ถ้าวันนี้มีการปลดปล่อยประชาชนสู่โลกเศรษฐกิจ โลกประชาธิปไตย โลกที่มีสิทธิเสรีภาพ และมีความยุติธรรมอย่างแท้จริง ตนสามารถนำความร่ำรวยสู่พี่น้องทั้งประเทศได้ง่ายมาก

ไทยรัฐออนไลน์
โดย ไทยรัฐออนไลน์
tags:ทักษิณ ชินวัตร เสื้อแดง วิดีโอลิงก์ ผ่านฟ้า เจาะเลือด Share |
*****************************************************

ตร.บุกตรวจระเบิดเวทีแดงแต่ไม่เจอ

พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ

ผบก.น.1 รุดตรวจระเบิดเวทีเสื้อแดง หลังได้รับข่าวจะมีการลอบวางระเบิด แต่ไร้วัตถุต้องสงสัย คุยแกนนำเคลื่อนทัพเทเลือดบ้านนายกฯ สั่ง ปะฉะดะ จนท.นอกเครื่องแบบตรวจเข้ม ขณะมีคนเมาโดดขึ้นเวที การ์ดลากคอลง...

เมื่อเวลา 22.00 วันที่ 16 มี.ค. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้และตรวจวัตถุระเบิด (EOD) เข้าตรวจสอบบริเวณพื้นที่โดยเฉพาะบริเวณใต้เวทีชุมนุมสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ซึ่งมี นายสุพร อัตถาวงศ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ให้การต้อนรับ หลังจากนั้น พล.ต.ต.วิชัย ได้ประชุมหารือเรื่องเส้นทางการเคลื่อนขบวนของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่จะเดินทางไปเทเลือดบริเวณบ้าน นายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ถนนสุขุมวิท ร่วมกับ นายอารี ไกรนรา หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยของกลุ่มคนเสื้อแดง (การ์ด นปช.) นายจตุพร พรหมพันธ์ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช.

ทั้งนี้ พล.ต.ต.วิชัย เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากสำนักข่าวกรองแห่งชาติว่า จะมีเหตุลักลอบวางระเบิด และ ก่อวินาศกรรมบริเวณพื้นที่เวทีของกลุ่มคนเสื้อแดง ดังนั้น จึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ เครื่องมือในการตรวจสอบ และ เก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าตรวจสอบครั้งนี้ แต่การตรวจนั้นขณะนี้ยังไม่ได้พบเจอสิ่งผิดปกติ แต่เราคงจะต้องเฝ้าระวังและเข้าตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง วางใจไม่ได้

พล.ต.ต.วิชัย กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ทราบว่ากลุ่ม นปช. จะเคลื่อพลจากถนนหลานหลวง มุ่งสู่พญาไท สยามและมุ่งสู่ถนนสุขุมวิท ซึ่งเรื่องนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งประชาสัมพันธ์และแจ้งให้กับประชาชนทราบอย่างใกล้ชิด ส่วนเรื่องที่กลุ่มคนเสื้อแดงจะเทเลือดหน้าบ้านนายอภิสิทธิ์ ได้หรือไม่นั้น คงต้องหารือกับแกนนำอีกครั้งหนึ่ง แต่เท่าที่หารือกันวันนี้ยืนยันเบื้องต้นว่าจะไม่เกิดเหตุรุนแรงขึ้น อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจจะพยายามหาจุดลงตัวกับกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งจะต้องไม่ทำผิดกฎหมาย ทั้งนี้ จะสั่งการให้หน่วยเคลื่อนที่เร็วปะฉะดะ จำนวน 26 คัน หรือจำนวน 54 นาย รวมทั้งเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบอีกจำนวน กว่า 20 คน เข้าดูแลกลุ่มผู่ชุมนุมอย่างใกล้ชิด และ หากมีข่าวลักษณะนี้ก็พร้อมที่จะเข้าตรวจสอบ และหากกลุ่ม นปช.ต้องการให้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่ก็พร้อมที่จะเข้ามาทันที

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ พล.ต.ต.วิชัย หารืออยู่กับแกนนำ นปช. ถึงการรักษาความปลอดภัย และเส้นทางเดินไปเทเลือดที่บ้านนายกรัฐมนตรี ได้มีชายฉกรรจ์วัยกลางคน อยู่ในอาการเมาสุรา ได้เดินทางเข้าบริเวณหลังเวทีบริเวณสะพานผ่านผ้าลีลาศ พยายามเดินไปบนเวทีปราศรัย แต่ไม่ได้เดินทางขี้นไป เพราะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของกลุ่มคนเสื้อแดง ล็อกตัวพร้อมให้กักตัวไปบริเวณข้างเวที ท่ามกลางความสงสัยของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า การ์ด นปช. ปล่อยให้เดินทางเข้ามาบริเวณหลังเวทีได้อย่างไร

ขณะที่ บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงวันที่ 4 ประชาชนเสื้อแดงยังคงปักหลักชุมนุม ซึ่งสังเกตได้ว่ามีจำนวนมากกว่าคืนที่ 3 หรือ คืนวันที่ 15 มี.ค.เนื่องจากบางคนได้เดินทางกลับมาจากบ้านญาติที่อยู่บริเวณใกล้เคยมาชุมนุมอีกครั้ง ทั้งนี้ มีกลุ่ม ส.ส.พรรคเพื่อไทย และ อดีต ส.ส.ของพรรคพลังประชาชน ปรากฏตัวบริเวณหลังเวทีจำนวนไม่มากนัก

จากนั้น เมื่อเวลา 23.00 น. นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. กล่าวว่า มีคนฝั่งรัฐบาลบอกว่าที่สาดและเทเลือดที่หน้าทำเนียบรัฐบาลนั้น เป็นไม่ใช่เลือดคน น่าจะเป็นเลือดวัวเลือดควาย พูดอย่างนี้เป็นการดูถูกประชาชนคนเสื้อแดง ส่วนกรณีมีกลุ่มคนที่ตั้งเวทีที่สนามหลวงนั้นไม่ใช่กลุ่มพวกเดียวกัน ดังนั้นที่มีข่าวว่ากลุ่มเสื้อแดงแตกกันนั้น บอกได้เลยว่าไม่ได้แตกคออะไรกันเพราะไม่ได้ร่วมกันตั้งแต่ต้นแล้ว มาวันนี้หลายคนอึดอัดว่า จะชนะเมื่อไหร่ เราต้องกดดันพวกเขาให้เป็นจำเลยของสังคม ทุกคนที่มาวันนี้ข้ามพ้นความกลัวและความตายแล้ว แต่เราต้องกำความชอบธรรมเอาไว้ ไม่ต้องไปต่อสู้แบบหยาบๆ

“สถานการณ์เวลานี้ต่างฝ่ายต่างกดดัน 10 โมงตรง เราจะไปบ้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยผ่านถนนหลานหลวง ผ่านถนนพญาไท เข้าสู่สยามสแควร์ ผ่านสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผ่าน รพ.ตำรวจ เข้าสู่ถนนสุขุมวิท แวะ สถานทูตอังกฤษ ขากลับจะแวะสถานทูตสหรัฐอเมริกา เพื่อทวงขอความเป็นธรรมให้กับกลุ่มคนเสื้อแดง และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จึงขอความกรุณาคนแถวสยามแสคว แถวถนนสุขุมวิทเพราะอาจจะไม่สะดวกบ้าง”นายจตุพร กล่าว

โดย.thaitiger
ที่มา.konthaiuk
***********************************************

วันอังคารที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2553

ระทึกฮ.คณะนายกจอมหน้าด้านน้ำมันหมดซ้ำเจอพายุลูกเห็บ

หวาดเสียวเฮลิคอปเตอร์คณะนายกรัฐมนตรี ที่บินตรวจภัยแล้งภาคเหนือน้ำมันหมด ซ้ำเจออากาศแปรปวน

คณะของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ลงเฮลิคอปเตอร์ เบลล์ 212 ของกองทัพภาคที่ 3 เตรียมเปลี่ยนเป็นเครื่องบินเจ็ต กองทัพบกที่สนามบินพิษณุโลก เพื่อเดินทางกลับเข้ากรุงเทพ หลังจากเดินสายตรวจสถานการณ์ภัยแล้ง เมื่อช่วงบ่ายวันของวันเดียวกัน ซึ่งมีพลโททนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน แม่ทัพภาคที่ 3 พาขึ้นเฮลิคอปเตอร์ทำการบินตรงไปยังเขื่อนภูมิพล จ.ตาก และเขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ เพื่อดูระดับน้ำที่กักเก็บว่า สามารถบรรเทาภัยแล้งในปีนี้ได้หรือไม่

โดยมีนายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรเเละสหกรณ์ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกฯ นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกฯนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ ส.ส.ตาก ร่วมเดินทางโดยมีเฮลิคอปเตอร์ทั้งหมด 3 ตัวและอีกเครื่องบิน 1 ตัวบรรทุกคณะนักข่าว

ทั้งนี้ เหตุการณ์ไม่คาดฝันเมื่อมีลูกเห็บ ทำให้สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย ส่งผลให้คณะของนายอภิสิทธิ์ ไม่สามารถนำเฮลิคอปเตอร์ลงจอดที่เขื่อนสิริกิติ์ได้ โดยเฮลิคอปเตอร์ทั้ง 3 ลำ บินอ้อมผ่านสภาพอากาศไม่ดี แต่เฮลิคอปเตอร์ของสื่อมวลชนติดสภาพอากาศแปรปวน บินวนจนน้ำมันเครื่อง ฮ.หมด ทำให้ต้องเสียเวลา มาเติมน้ำมันที่ค่ายพระยาพิชัยดาบหัก ห่างจากเขื่อน 70 กิโลเมตร ทำให้ ฮ. ทั้ง 3 ลำของคณะนายกฯกลับมาลงจอดที่สนามบินกองบิน 46 ก่อน โดยต้องรอเครื่องบินของคณะนักข่าว ทำให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะต้องพักผ่อนคลายอิริยาบถที่ห้องพักรับรอง กองบิน 46 นานกว่า 1 ชั่วโมง

นอกจากนี้ยังรับรายงานว่า กลุ่มมวลชนเสื้อแดงที่จังหวัดอุตรดิตถ์ถูกเกณฑ์จำนวน 2 คันรถบรรทุก 10 ล้อ เพื่อต้อนรับนายอภิสิทธิ์ แต่ถูกสกัดไว้ ประกอบกับนายอภิสิทธิ์ยกเลิก ภารกิจที่เขื่อนสิริกิติ์ เพราะสภาพอากาศไม่ดี ทำให้ล่าสุด 18.30 น.ของวันเดียวกันนี้ นายอภิสิทธิ์ยังคงนั่งอยู่ห้องรับรองที่กองบิน 46 โดยมีแม่ทัพภาคที่ 3 ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ผู้บังคับการตำรวจจังหวัดพิษณุโลกฯลฯให้การต้อนรับ โดยไม่มีกลุ่มมวลชนเสื้อแดงออกมาเคลื่อนไหวแต่อย่างใด

ต่อมาเวลา 18.40 น. ฮ.คณะสื่อมวลชน ได้บินกลับมาสนามบินพิษณุโลกอย่างปลอดภัยแล้วและเดินทางกลับ กทม.ต่อไป

โดย.thaitiger
ที่มา.konthaiuk
*************************************************

เลือด ไหลหลั่ง ถั่งโถม ชะโลมดิน

เลือดไหลหลั่ง ถั่งโถม ชะโลมดิน
เลือดของไทย ไหลริน ไม่ขาดสาย
หน้าทำเนียบ คาวเลือด กระจัดจาย
เลือดหญิงชาย สีแดง ร้อนแรงจริง

วันนี้เรา จะขอ จารึกไว้
อยู่ก้นบึ้ง ของใจ ทุกสรรพสิ่ง
วันสิบหก มีนา อย่าประวิง
ถึงเวลา โลกหยุดนิ่ง จับตามอง

หากแม้นมี จิตใจ ดั่งหินผา
อีกเย็นชา ไม่สนใจ ใครทั้งผอง
นั่งมองดู เลือดไทย ไหลหลั่งนอง
เสียงเรียกร้อง ผู้คน ไม่สนใจ

ก็เพราะมี จิตใจ ไร้เมตตา
นี่หรือคน จะมา นำเราได้
ยุติธรรม สูญหาย สลายไป
โอ้..เมืองไทย ยุคมืดมน อนธกาล

ฟังบทสวด สาปซ้ำ คำบวงสรวง
ใจทุกดวง ปวงประชา มหาศาล
พร้อมตั้งจิต สวดนำ คำโองการ
แช่งหมู่มาร ทั้งเลือดสาด ราดแผ่นดิน

วันนี้จะ เป็นวันแห่ง ประวัติศาสตร์
เหล่าคนไทย ทั้งชาติ จำได้สิ้น
เลือดสีแดง คนไทย ที่ไหลริน
แม้นฟ้าดิน คงได้เห็น เป็นพยาน

เกียรติมุข ๚ ๛
ที่มา.konthaiuk

*******************************

ท่านผู้หญิงเสื้อแดงขึ้นเวทีไพร่การันตีพลังบริสุทธิ์


เมื่อเวลาประมาณ 21.35น. วันที่ 15 มีนาคม ภายหลังจากที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้โฟนอินแล้ว ท่านผู้หญิงวิระยา ชวกุล กรรมการมูลนิธิสายใจไทย และประธานกรรมการเลขาธิการมูลนิธิบำรุงขวัญทหาร ตำรวจ อาสาสมัครชายแดน ได้ขึ้นเวทีคนเสื้อแดงโดยมีแกนนำคนเสื้อแดงจำนวนมากให้การต้อนรับ โดยได้กล่าวให้กำลังใจ คนเสื้อแดงเป็นเวลาประมาณ 10 นาที พร้อมกล่าวด้วยว่า ตนเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ และผู้ชุมนุมเสื้อแดง มาชุมนุมด้วยความบริสุทธิ์ใจ และจงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์

“พี่ปลื้มใจมากนะคะที่ได้รับการต้อนรับอบอุ่นแบบนี้ พี่เป็นนักสังคมสงเคราะห์ทำแต่การกุศล แต่ก็ยังโดนลูกหลง วันนี้หลายคนคงเห็นข่าวที่ออกเกี่ยวกับพี่ มีคนโทรมาบอก พี่ไม่สนใจ ไม่อยากรับทราบ เชื่อว่าถ้าใครชอบพี่เขาก็ไม่เชื่อ ถ้าใครไม่ชอบก็เชื่อก็ช่างเขา พี่มาวันนี้อยากมาเป็นกำลังใจให้น้องๆ ทุกคน ปลื้มใจที่เห็นทุกคนรักกัน มีความเสียสละ ไม่ได้ทำเพื่อตนเอง ทุกคนที่มาเชื่อว่าทำด้วยใจสมัคร ทำเพื่อประเทศชาติราชบัลลังก์เท่านั้น พี่โดนกล่าวหาว่าได้รับผลประโยชน์ร่วมกับทักษิณ จริงๆ แล้วพี่รวยกว่าคุณทักษิณนะคะ ลูกก็ไม่มี สามีก็ไม่มี ไม่รู้จะเอาเงินไปทำอะไร"

“มาวันนี้เพราะเห็นภาพในโทรทัศน์ วันนี้เห็นว่าเป็นการรวมตัวที่ยิ่งใหญ่ ขอแสดงความยินดีกับแกนนำที่สามารถทำให้ทุกคยมารวมตัวกันอยู่ตรงนี้ ไม่ใช่มาเพื่อตัวเอง มาเพื่อเรียกร้อง ประชาธิปไตยจริงๆ” ประธานกรรมการเลขาธิการมูลนิธิบำรุงขวัญทหาร ตำรวจ อาสาสมัครชายแดนกล่าว

ท่านผู้หญิงกล่าวอีกว่า ขณะนี้ประเทศไทยขาดเวลานี้คือความถูกต้องและความเป็นธรรม ส่วนตนขอการันตีตนเองว่ามีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตรย์ เกินล้าน

“คนที่กล่าวหาพี่ พี่อยากถามว่าได้รับใช้เบื้องพระยุคลบาทเท่าเศษหนึ่งเปอร์เซ็นต์ของพี่หรือเปล่า พี่เชื่อว่าถ้าการมารวมตัวของพวกเราไม่จงรักภักดี พี่จะไม่มายืนตรงนี้เด็ดขาด คนกลุ่มเล็กไม่ถึงสิบคนกล่าวหาคนเป็นล้านว่าไม่จงรักภักดี พี่ไม่รับค่ะ พี่เชื่อว่าน้องทุกคนจงรักภักดี” ท่านผู้หญิงวิระยา กล่าวการันตีคนเสื้อแดง

ในตอนท้ายของการปราศรัย ท่านผู้หญิงวิระยากล่าวว่า อยากขอให้สื่อมวลชนนำข้อความที่ตนพูดนี้ไปลงอย่างถูกต้องและอย่าบิดเบือน ก่อนจะกล่าวอวยพรคนเสื้อแดง และลงจากเวทีไป

สายสัมพันธ์-ท่านผู้หญิง ม.ร.ว.บุษบา สธนพงศ์ และ น.อ.สุรยุทธ์ สธนพงศ์ เลี้ยงปลอบขวัญ ท่านผู้หญิง วิระยา ชวกุล โดยมี ไพโรจน์-ท่านผู้หญิง อรสา ล่ำซำ พล.ร.ต.จุลปรีชา วารุณประภา และภริยา มาร่วมให้กำลังใจ ที่ห้องอาหารโรงแรมเจดับบลิวแมริออท เมื่อวันที่ 14พ.ค.ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นเหตุการณ์ช่วงที่สนธิ ลิ้มทองกุล กำลังกล่าวหาว่าท่านผู้หญิงวิระยาอาจเกี่ยวพันกับการลอบสังหารเขา

ก่อนหน้านั้นเมื่อคืนที่ผ่านมาเวลา 24.00 น. ท่านผู้หญิงวิระยา ชวกุล กรรมการมูลนิธิสายใจไทย ได้เดินทางมาให้กำลังใจผู้ชุมนุมที่เวทีปราศรัยสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ของกลุ่มเสื้อแดง โดยมีนายวีระ มุสิกพงศ์ ประธาน นปช.ให้การต้อนรับ โดยใช้เวลาไม่นานก็เดินทางกลับ

จากนั้น นายวีระ เปิดเผยด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า ท่านประกาศตัวเป็นเสื้อแดงสนับสนุนการเคลื่อนไหวของ นปช.มานานแล้ว แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มาที่ชุมนุมด้วยตัวเอง ก่อนหน้านี้มีการโทรศัพท์สอบถามกันเป็นระยะ โดยท่านประสงค์จะช่วยเหลือค่าอาหารแต่ไม่เปิดเผยจำนวนเงิน สะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มคนเสื้อแดงไม่ได้มีแต่ไพร่ แต่มีหลากหลายชนชั้น

ทั้งนี้ ท่านผู้หญิงวิระยา เคยถูกนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯกล่าวหาว่าอาจพัวพันกับเหตุการณ์ลอบสังหารเขา หลังจากที่ออกมาปกป้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และโจมตีกลุ่มพันธมิตรฯ และท่านผู้หญิงม.ร.ว.บุษบาได้เลี้ยงปลอบขวัญท่านผู้หญิงวิระยาท่ามกลางกระแสข่าวโจมตี

ท่านผู้หญิงบุษบา สธนพงศ์ เป็นพระขนิษฐาในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มีธิดา 1 คน คือ ท่านผู้หญิงสุธาวัลย์ เสถียรไทย ภริยาของ นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และกระทรวงการต่างประเทศ(รายละเอียดเพิ่มเติมในวิกิพีเดีย)

สหภาพไฟฟ้านครหลวงเปิดตัวเข้าร่วมเสื้อแดงหากทหารใช้กำลังปราบ

นอกจากบุคคลในแวดวงชั้นสูง(ไฮโซ)อย่างท่านผู้หญิงวิระยาแล้ว ก็ปรากฎว่ามีสหภาพแรงงานที่เคยร่วมกับพันธมิตรประกาศจะเข้าร่วมกับเสื้อแดงด้วย หากทหารใช้กำลังปราบปราม

โดยนายเพียร ยงหนู ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) กล่าวว่า กองทัพต้องวางบทบาทอยู่บนหลักความถูกต้อง ยึดถือความยุติธรรม เพื่อเป็นที่พึ่งพาของประชาชน ตามระบอบประชาธิปไตย และทางสหภาพฯ ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ไม่ให้นำกองกำลังทหารหลายกองร้อยออกปฏิบัติการ เพื่อควบคุมฝูงชน และยุติการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มเสื้อแดง เพราะเป็นการสร้างความหวาดกลัวให้ประชาชน และหากมีการใช้กำลังสลายการชุมนุมด้วยวิธีรุนแรง ทางสหภาพแรงงานฯ จะเข้าร่วมต่อสู้กับประชาชนทันที

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
*****************************************************

“บิ๊กบัง” ชี้ยุบสภาต้องดูเงื่อนไข แนะ รบ. ฟังเสียงข้างน้อย

“บิ๊กบัง” ชี้ยุบสภาต้องดูเงื่อนไข แนะ รบ. ฟังเสียงข้างน้อย ห่วงเหตุยิงเอ็ม 79 โยงจับโรงงานผลิต จี้รัฐหาแหล่งต้นตอกระสุนเอ็ม 79...

พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตผู้บัญชาการทหารบก และอดีตประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า ตนมองว่ายังอยู่ในกรอบของประชาธิปไตย เนื่องจากไม่ได้ใช้ความรุนแรง ขณะเดียวกันรัฐบาลที่บริหารประเทศอยู่ในขณะนี้ก็มาอย่างถูกต้องตามกฎหมายและระบอบประชาธิปไตย ซึ่งกำหนดให้เสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาล ดังนั้น ขณะนี้ยังถือว่าทั้งฝ่ายบริหารและกลุ่มเสื้อแดงดำเนินอยู่ในกรอบของประชาธิปไตย แต่รัฐบาลต้องฟังเสียงข้างน้อย ซึ่งการที่กลุ่มคนเสื้อแดงเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา ลาออกนั้น ต้องดูว่ามีเงื่อนไขสมควรแล้วหรือไม่ เพราะอยู่ดี ๆ จะให้รัฐบาลยุบสภาเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง

เมื่อถามว่า สถานการณ์ขณะนี้ถือว่าเลยขั้นตอนการเจรจาแล้วหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า การเจรจาเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แม้ว่าเกิดวิกฤตหรือการนองเลือดแล้วก็ตามก็สามารถเจรจากันได้หากทุกฝ่ายยอมลดเงื่อนไขแล้วมาพูดคุยกัน เมื่อถามถึงกรณีคนร้ายยิงระเบิดเอ็ม 79 เข้าไปภายในกรมทหารราบที่ 1 (มหาดเล็ก) รักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) พล.อ.สนธิ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่าติดตามมากกว่าเรื่องอื่นขณะนี้ ต้องตรวจสอบว่าสอดคล้องกับกรณีที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบเครื่องยิงเอ็ม 79 ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา และสมุทรปราการหรือไม่ โดยเจ้าหน้าที่ต้องเร่งหาข้อเท็จจริงโดยเร็วที่สุดว่า เครื่องยิงดังกล่าวถูกส่งไปขายในต่างประเทศ หรือนำมาใช้ในประเทศ เพราะลูกระเบิดเอ็ม 79 ซึ่งเป็นอาวุธสงครามส่วนใหญ่จะจัดซื้อมาจากต่างประเทศโดยทางการ

“ตัวปืนผลิตง่าย แต่กระสุนผลิตยาก ถึงจะมีปืน แต่ก็หาลูกยิงไม่ง่าย เพราะลูกระเบิดต้องสั่งซื้อจากต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ ถ้าเป็นการผลิตในประเทศจะมีการควบคุม สิ่งที่ผมบอกว่าน่าสนใจคือ เขาผลิตแล้วเอาไปไหน ต้องรีบหาตรงนี้ให้เจอ ถ้าเจอแล้วเอาไปทำอะไร เพราะไม่มีที่ให้ขาย น่าเป็นห่วง และเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งอาวุธดังกล่าวมีแหล่งสนับสนุนจากภายในประเทศนั้นน้อยมาก แต่ถ้าสนับสนุนมาจากภายนอก อาจเกิดเรื่องยุ่งถือว่าอันตราย ต้องรีบหาต้นตอให้ได้ เพราะโลกเดี๋ยวนี้โดยเฉพาะประเทศรอบบ้านเราไม่มีสงครามแล้ว จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจและน่าติดตาม”พล.อ.สนธิ กล่าว

เมื่อถามว่า จะเชื่อมโยงกับเอ็ม 79 ที่หายไปจากคลังที่ จ.พัทลุง หรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า จะเล็ดลอดมาอย่างไรก็มีไม่มาก แต่ระเบิดเอ็ม 79 ที่มีอยู่ในกองทัพมีจำนวนมาก ซึ่งการนำมาใช้รบในเมืองหรือการก่อการร้ายในเมืองจะได้ผลมาก เพราะเป็นอาวุธเล็ก ยิงไม่ต้องเห็นตัว เสียงเบา ไม่ต้องเล็งตรง แต่เล็งวิถีโค้งได้ ระยะ 400 เมตร ถือว่าไกลสุด ถ้าจะยิงให้ไกลสุดต้องตั้งปืน 45 องศา ทั้งนี้ อาวุธดังกล่าวไม่มีความแม่นยำ เป็นการยิงเพื่อรบกวน บ่อนทำลาย


ที่มา.ไทยรัฐออนไลน์
************************************************

วันจันทร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2553

รัฐบาลโจร พลาดเอง

การชุมนุมของม็อบเสื้อแดงครั้งใหญ่ในกรุงเทพฯ ต้องยอมรับว่าสร้างความอกสั่นขวัญผวาให้พี่น้องประชา ชนพอสมควร

เพราะช่วงก่อนถึงวันดีเดย์ของนปช.นั้น รัฐบาลภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เดินเกมประโคมข่าวเสียใหญ่โตราวกับว่าจะเกิดสงครามกลางเมือง

การประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคง ควบกฎหมายย่อยอีก 18 ฉบับ

การตระเตรียมกำลังของฝ่ายรัฐเข้าตรึงสถานที่ราชการสำคัญๆ หลายแห่งตั้งแต่ 2-3 วันก่อนถึงวันชุมนุมใหญ่

การระดมกำลังตำรวจ-ทหารตั้งด่านทั้งในเมืองหลวงและทางหลวงสายสำคัญๆ ที่จะมุ่งหน้าเข้ากรุง

การตั้งวอร์มรูมรัฐบาลในกองพันทหารราบที่ 11

การจัดแจงทำเนียบสำรองไว้ล่วงหน้า ฯลฯ

ทั้งหมดนี้ฟังดูแล้วนัยหนึ่งคือการเตรียมพร้อมของรัฐบาลในการรับมือการชุมนุม

แต่ในทางกลับกันการออกข่าวในลักษณะนี้ เท่ากับสร้างความระส่ำระสายขึ้นในสังคม

ยังมีเรื่องนายกฯมาร์คไปประชุมบอร์ดพลังงานแห่งชาติ สั่งห้ามไม่ให้ปั๊มน้ำมันขายน้ำมันปลีกใส่ภาชนะเด็ดขาด การสั่งเฝ้าระวังรถแก๊ส รวมทั้งเรื่องให้ธนาคารหลายสาขาในกรุงเทพฯประกาศปิดทำการ

ตรงนี้ล่อแหลม เป็นดาบ 2 คม

เพราะอาจมองได้ว่าบ้านเมืองถึงขั้นวิกฤต จะเกิดการเผาเมืองขึ้น

มันส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไปเรียบร้อยแล้ว !!

นานาประเทศไม่มั่นใจในความปลอดภัยในเมืองไทยไปแล้ว !!

การประโคมข่าวต่างๆ ของรัฐบาลให้เหตุผลว่าต้องเตรียมรับมือหากเกิดความรุนแรงขึ้น

แต่การกระทำบางอย่างของรัฐบาลกลับสวนทางกันโดยสิ้นเชิง

เช่นวันก่อน หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีก่อการร้าย ม็อบพันธมิตรยึดสนามบินดอนเมือง-สุวรรณภูมิ

นำสำนวนคดีเดินทางไปยื่นศาลอาญารัชดาฯ เพื่อขออนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหา

แต่ไม่ทันได้ยื่น โดน"ผู้ใหญ่"สั่งเบรกเสียก่อน

ความจริงก่อนที่พนักงานสอบสวนจะขนสำนวนไปศาลก็โดนบิ๊กตำรวจใหญ่พยายามยับยั้งแล้วครั้งหนึ่ง

ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นใคร !?

ตรงนี้แหละที่รัฐบาลพลาด

เตรียมตัวรับมือม็อบเสียใหญ่โตจนดูว่าเกินพอดี

แต่ประเด็นสำคัญที่สร้างความเจ็บช้ำให้ม็อบเสื้อแดงมาโดยตลอดคือเรื่อง 2 มาตรฐาน

รัฐบาลก็ไม่วายตอกย้ำเข้าไปอีก

พนักงานสอบสวนไปขออนุมัติออกหมายจับแกนนำม็อบเหลืองคดียึดสนามบินก็มีจุดประสงค์

ต้องการลดดีกรีความรุนแรงของม็อบแดง ต้องการทำให้เห็นว่าไม่ได้ 2 มาตรฐาน

และต้องการให้รู้ว่าหากม็อบแดงจะยึดสนามบินเลียนแบบม็อบเหลืองก็ต้องโดนหมายจับคดีก่อการร้ายเหมือนกัน

เป็นการปรามไว้ก่อน

พอโดนห้ามโดนระงับแบบนี้

ก็เท่ากับว่ารัฐบาลราดน้ำมันเข้ากองเพลิงเสียเอง

ที่มา.ข่าวสดรายวัน
โดย.เหล็กใน
***************************************************

วันอาทิตย์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2553

ข่าวกรอง : มีการเคลื่อนย้ายกำลังหน่วยอรินทราช /นเรศวร 261 เข้าไปที่ราบ 11

ข่าวกรอง : มีการเคลื่อนย้ายกำลังหน่วยอรินทราช /นเรศวร 261 เข้าไปที่ราบ 11
มีคนเสื้อแดงที่มีข่าววงในพอสมควรแจ้งผมมาว่า มีการเคลื่อนย้ายกำลังของฝ่ายอำมาตย์โดย มีเนื้อหาของข่าวดังนี้
1. มีการเคลื่อนย้ายหน่วยอรินทราชเข้าไปที่ราบ 11
2. มีคำสั่งให้หน่วย นเรศวร 261 พร้อมอาวุธเต็มอัตรา เข้าไปในราบ 11 เช่นกัน
3. มีข่าวมาว่า พล.อ.เปรม ไปอยู่ที่โคราชแล้ว (อันนี้ยังไม่มั่นใจร้อยเปอร์เซนต์)
4. สายข่าวแจ้งว่ากองกำลังในทำเนียบ ติดอาวุธพร้อม โดยอยู่ที่หลังโล่ห์ ในถุง
จากการข่าวนี้ เขาบอกว่าอาจใช่เพื่อจู่โจมจับแกนนำ
นั่นเป็นเนื้อหาของข่าวนะครับ ส่วนการเคลื่อนไหวของฝ่ายอำมาตย์ เขาจะทำได้จริงอย่างที่คิด หรือตั้งใจหรือไม่ มันคนละเรื่องกับ "ความอยากทำอะไร" การดำเนินการมันต้องขึ้นกับสภาพแวดล้อม เงือนไข โอกาสต่างๆ ด้วย ไม่ใช่ "ความต้องการของเจ้" อย่างเดียว มันไม่ใช่การทำกับข้าวที่เจ้จะสั่งให้เอาอะไรขึ้นโต๊ะอาหารก็ได้ตามใจเจ้
เมื่อคืน หลังจากที่ไปได้ไปตะเวณดูพื้นที่การชุมนุมของพี่น้องเสื้อแดง เดินตั้งแต่โรงแรมรัตนโกสินทร์ ถึงหน้าประตูเข้าสวนสัตว์ดุสิต ระยะทางกว่า 3 กม. ปรากฎว่ามีพี่น้องเสื้อแดงเต็มไปหมด พื้นที่บนถนนตั้งแต่เลยผ่านฟ้าไป มีการจอดรถปิ๊กอัพในขบวนที่เดินทางไกลมาเต็มไปหมด ลานพระรูป ไม่มีพื้นที่ว่างเหลือเลย รถจอดยาวมาถึงหน้าเขาดินเลยทีเดียว
สภาพแบบนี้คือ สิ่งกีดขวางโดยธรรมชาติ ไม่มีทางที่จะใช้ "ยานเกราะหรือกำลังใดๆ เข้าไปได้อีก ต่อให้มี "กองพลรถถังทั้งกองพล กว่าจะเคลื่อนตัวไปถึงสะพานผ่านฟ้าได้ ก็คงใช้เวลานานมาก เพราะต้องเคลียร์สิ่งกีดขวางไปด้วย หากรถเหล่านี้ขยับตัวเพียงเล็กน้อย ก็จะขวางถนนได้ทั้งหมด
ตามซอยต่างๆ ที่เข้าไปสู่เส้นทางนี้ก็เต็มไปด้วยรถครับ
รัฐบาลโง่เองที่ไม่ให้เขาเช่ารถทัวร์กันมา ให้เอารถปิคอัพมาเอง สภาพมันจึงเหมือน Car Camp ที่เขามีอุปกรณ์พร้อมทุกอย่าง ๆ
วันนี้ไม่ต้องคิดเรื่องปราบ เรื่องสลาย ต่อให้รถพร้อมใจกันเคลื่อนออกมา ก็ใช้เวลานาน กว่าจะจัดคนขึ้นรถ กว่าจะตามหากันเจอ
การเคลื่อนหน่วยกำลังของ ฝ่ายอำมาตย์ ที่จริงทั้งหน่วยอรินทราช นเรศวรอะไรนี่ ก็คงมีไม่เกิน 300 คน
มันใช้จู่โจมผู้ก่อการร้ายในตึกได้ แต่จู่โจม แกนนำชุมชนกลางประชาชน 1,000,000 คนไม่ได้

โดย.ลูกชาวนาไทย
******************************************************

เต็นท์พยาบาลภาคสนาม RSR

เวทีและเต็นท์รายรอบถนนราชดำเนินเต็มสองฝากถนนแล้วครับ
ขอเชิญพี่น้องเสื้อแดง หากไม่สบายหรือ เหน็ดเหนื่อย ร้อนแดด แวะมาได้แล้วครับ
เต็นท์พยาบาลภาคสนามRSR อยู่บนถนนราชดำเนิน บริเวณด้านหน้าพลับพลารับแขกเมือง(ศาลาเฉลิมไทย)
หรือหากหันเข้าหาเวทีใหญ่ จะอยู่ด้าขวามือ ถัดจากสัญญาณไฟจราจรครับ
เพื่อนๆๆประชาไท แวะไปทักทายกันด้วยครับ

เวลายิ่งเนิ่นนาน อายุขัยจอมมาร กลับสั้นลง...

ยุทธ์ภพอาภรณ์แดง ชุมนุมกันต่อไป...
เข้าออกว่องไว ไม่ให้บาดเจ็บล้มตาย รอ"สิ้นเสียงนกแสก"...
กุนซือใหญ่ฝ่ายเสื้อแดงใบหน้าฉาบด้วยรอยยิ้ม

สายตาทอดมองไปข้างหน้า รอเวลา"นกแสกไอ"
สิ้นเสียง"นกแสกไอ"ต่อไปมันจึงหยุดร้อง...!!!

ยอดแผนชิงชัย คือ พิชิตฝ่ายตรงข้ามให้ย่อยยับ
สุดยอดยิ่งกว่าความย่อยยับ ฝ่ายมีชัย"ต้อง"ไม่เสียรี้พล
สุดยอดยิ่งกว่ารักษารี้พล คือ ชัยชนะที่ไม่ต้องรบ

ข้อความทั้งสิ้นที่กล่าวนำ จอมมาร"เตียบ่อหลัน"มันแจ้งสิ้น
แต่ด้วยวัยดุจดังไม้ใกล้ฝั่ง ไม่อำนวยให้ดำเนินแผนการเช่นนั้นได้
ผู้สามารถ"ใช้เวลาเป็นอาวุธ"ได้ กลับมีเพียงจอมยุทธ์"ชิน"

เวลายิ่งเนิ่นนาน อายุขัยจอมมาร กลับสั้นลง...
แผนการเร่งให้แตกหักถูกกำหนดครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ไม่เป็นผล
ทั้งหยาบช้าสามานย์ ทั้งอำมหิตโหดเหิ่ยม นำมาใช้จนสิ้น แต่ทำอะไรมิได้

บรรดาผู้ทรงคุณธรรม ทั้งหนอนตำรา และเหล่ามหาบัณฑิตที่เคยร่วมช่วย
แต่ด้วยความสามานย์ในแผนการทั้งหลายที่กล่าว
สร้างความอิดหน้าระอาใจ ระคนสำนึกในถูกผิด แต่มิคิดโต้แย้ง

บัดนี้ต่างหันหลังให้กับความชั่วช้า หันหน้ามุ่งสู่ใต้ดิน.......เปลี่ยนเป็น"สีแดง"
เริ่มจากเสียงกระซิบไม่เห็นคล้อย ตามมาด้วยเสียงสาปแช่ง
กลายเป็นสมาชิกเสื้อแดง เสียมากกว่ามาก

สิ่งเหล่านี้พิสูจน์ได้ ในวันรวมพลครั้งใหญ่ที่ 12 ที่ผ่าน
บ้างใส่เกียร์วาง บ้างส่งเสียงคัดค้าน บ้างกระโดดเข้าร่วม

ฝ่ายโจรปล้นชาติอาภรณ์เหลือง เคยนำโดย"ลิ่มซงติง"
บัดนี้เงียบสิ้น ยิ่งกว่า สุนัขเป่าสาก ฝ่ายเหลืองมาน้อย โป้ปดว่ามามาก
เสื้อแดงเคลื่อนทัพยิ่งกว่าน้ำป่าไหลหลาก ไม่ยอมรับว่ามาก กลบเกลื่อนว่ามาน้อย...(ปอดลอยซะแระ)

******************************************************

ช้าก่อนสหายผู้ร่วมทาง การชนะด้วยมิต้องรบ
ไม่หมายรวมถึงการปลดปล่อยคู่ต่อสู้ทุกรายให้ลอยนวล

การทวงคืนความแค้น บุญคุณต้องทดแทน ยังคงอยู่
รายชื่อฝ่ายตรงข้ามที่กระทำสามานย์ได้ถูกบันทึก

ทั้งแพทย์เสียงสั่น ทั้งอานัง และ หนอนตำราเสื้อกั๊ก
โดยเฉพาะ อดีต คมช.ผู้สุมหัวปล้นอำนาจจากมหาประชาชน...

"สิ้นเสียงนกแสกร้อง"วันใด นั้นคือวันวอดวายของรายชื่อที่ว่า
พวกมันทั้งสิ้นต่างหวาดผวาเกรงภัยมาถึง

ต่างกอดกันร้องระงม เรียกร้องให้ระดมกำจัด "จอมยุทธ์ชินฯ"
แม้นเสื้อแดงกลับมาใหญ่ รายชื่อทั้งหลายย่อมไร้ที่ฝัง..!!!

พวกมันซึมทราบ ก่อนภัยร้ายมากำราบ ต้องใช้ทุกหนทางกำจัด
ไม่ว่าความโสมมชั่วร้าย อำมหิตเสียงภัย มารร้ายงัดออกมาใช้จนสิ้น...

"จอมยุทธ์ชิน" ย่อมเป็น "จอมยุทธ์ชิน"
แผนร้ายทั้งสิ้น ไม่ระคายผิวแม้รอยแมวข่วน

ยังบริสุทธิ์ผุดผ่องเป็นยองใย ทั้งนอกในใสสะอาด
วันวาน "อ้ายมาก"ส่งศิวลัก ไปทำการ ศิวลึงค์ ยังเสียมราช กระทั่งถูกจับได้

หวังกำหนดวันตาย แต่ต้องมาตายเสียเอง...!!!
เล่นเอามหามนตรี"หลงจู๊ใหญ่" กินมิได้ ต้องถ่ายมากกว่ากิน

...เวนกำแท้แท้นะ"อ้ายตุ๊ดเฒ่า"...!!!

ที่มา..konthaiuk
*****************************************

วันเสาร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2553

วาทะแกนนำเสื้อแดง 4 ภาค เด็ดเดี่ยว-ไม่มีถูกจ้าง


นอกจาก 3 เกลอหัวแข็ง วีระ มุสิกพงษ์ จตุพร พรหมพันธุ์ และ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่คุมเวทีส่วนกลาง แต่ยังมีแกนนำเสื้อแดงที่นำกำลังคนจากต่างจังหวัด 4 ภาคมาสมทบด้วย เราไปลองฟังทัศนะ และจุดยืนของพวกเขา

ไสว ณ พัทลุง “ผมสู้เพราะรับไม่ได้กับ 2 มาตรฐาน”
สัมภาษณ์โดย : สมชาย สามารถ

ไสว ณ พัทลุง แกนนำ นปช.สงขลา เคยมีบทบาทในฐานะอดีตนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดสงขลา อดีตนายกสมาคมโรงแรมหาดใหญ่-สงขลา และญาติร่วมสายสกุลกับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ วันนี้เขานำมวลชนในสงขลา เข้ากรุงเทพฯ

ทำไม ถึงมาเป็นแกนนำคนเสื้อแดงสงขลา
- เขาเห็นว่าผมเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ เคยเป็นอดีตนายกสมาคมท่องเที่ยวฯ นายกสมาคมโรงแรมฯมาก่อน เป็นอดีตสรรพสามิตจังหวัดสงขลามาก่อน จึงคิดว่าผมน่าจะทำหน้าที่เป็นหลักและทุกคนยอมรับ

กล้าประกาศตัวเป็นเสื้อแดง

-ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า กับพรรคการเมืองทุกพรรค แม้กระทั่งประชาธิปัตย์ก็ดีกัน แต่เรื่องนี้มันเป็นที่ผมเห็นว่าเป็นเรื่องความไม่ยุติธรรม สองมาตรฐาน ยกตัวอย่างเรื่องการปิดสนามบินของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จนขณะนี้รัฐบาลไม่ได้มีการดำเนินการอะไรกับกลุ่มคนกลุ่มนี้ ขณะที่คนเสื้อแดงทำอะไรรัฐบาลก็ดำเนินการทันที มันเห็นถึงความแตกต่างกับการปฏิบัติต่อคนเสื้อแดง ผมรับไม่ได้กับความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะผมกับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย เป็นญาติร่วมสายสกุลเดียวกัน จึงได้สถานที่ของผมเป็นศูนย์ประสานงานของกลุ่มที่รักประชาธิปไตย

ไม่กลัวจะมีผลกระทบตามมา โดยเฉพาะกับธุรกิจ
- ผมไม่สนใจ เพราะทันที่ผมประกาศตัว ก็มีเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ติดตามความเคลื่อนไหวตลอด มีการขึ้นบัญชีดำร่วมกับพี่น้องที่เป็นแกนนำในพื้นที่รวม 17 คน ฉะนั้นผมจึงไม่สนใจว่าใครจะคิดอย่างไร เพราะนี่คือแนวทางการเรียกร้องประชาธิปัตย์ไตยของประชาชน มันไม่ใช่เรื่องส่วนตัว

ยืนยันว่าไปร่วมชุมนุม ไม่มีการว่าจ้างหรือเกณฑ์กันไป
-ยืนยันได้ว่าไม่มีการว่าจ้างแน่นอน เพราะไม่เช่นนั้นผมคงไม่ต้องประชุมสมาชิกและรับบริจาคเงินจากผู้ที่มีแนวคิดตรงกันได้เกือบ 100,000 บาท ซึ่งก็ยังไม่พอกับค่าใช้จ่ายเดินทางสำหรับพี่น้องที่ต้องการเดินทางไปร่วมชุมนุมครั้งนี้ ผมก็ต้องควักเงินส่วนตัวช่วยอีก ผมอยากยกตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพ กรณีพี่น้องชาวไทยมุสลิมในพื้นที่เขายอมควักเงิน 500 บาทสนับสนุน ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมเองก็ไม่คิดว่าเขาจะตั้งใจมากขนาดนี้

ดูแลกันอย่างไร โดยเฉพาะเรื่องอาวุธ
-ได้ประกาศย้ำตลอดก่อนการเดินทางว่า อะไรที่เจ้าหน้าที่เขาสามารถจะตีความได้ว่าเป็นอาวุธ อย่าได้นำติดตัวไปขอให้นำตัวและหัวใจไม่เท่านั้น และสำคัญเราไปครั้งนี้ไม่ได้ไปรบราฆ่าฟันกับใคร จึงไม่ต้องนำอะไรที่เป็นอาวุธติดตัวไปโดยเด็ดขาด

การชุมนุมจะชุมนุมยืดเยื้อหรือไม่
-คงตอบไม่ได้ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของความตั้งใจของประชาชน เขาเห็นว่าไม่มีความยุติธรรม แต่ส่วนตัวเชื่อว่าทุกคนพร้อมหากการชุมนุมยืดเยื้อ เราพร้อมที่ยืนอยู่เคียงกัน จนกว่าจะได้รับสิ่งที่ต้องการ ผมอยากบอกกับรัฐบาลว่า คำว่าประชาธิปไตย คือ การที่ประชาชนจำนวนมากรวมตัวกันออกเรียกร้องสิ่งหนึ่งสิ่งใดโดยสันติ และเป็นเรื่องที่ไม่ต้องมีใครไปบังคับ

ขวัญชัย ไพรพนา “ขอรบครั้งสุดท้าย ไม่ชนะไม่กลับ”
สัมภาษณ์โดย : สุมาลี สุวรรณกร

ชื่อจริงเขาคือ ขวัญชัย สาราคำ คนเกิดภาคกลางมาเป็นหัวขบวนคนเสื้อแดง “ชมรมคนรักษ์อุดร" ซึ่งเขาประเมินแดงอุดรธานีครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 10,000 คน ใช้รถกว่า 900 คัน การเคลื่อนไหวเฉพาะที่อุดรธานี แบ่งการนำออกเป็นสองส่วน

ส่วนแรกเขาดูแล ส่วนที่สอง นายวิเชียร ขาวขำ ส.ส.เพื่อไทย ดูแล การต่อสู้ครั้งนี้ได้รับเงินบริจาครวมแล้ว 1.1 ล้านบาท

"ตลอดสองข้างทางที่เราเคลื่อนขบวนมา มีประชาชนใส่เสื้อแดงมายืนรออยู่ข้างทางเพื่อให้กำลังใจเป็นจุดๆ หลายคนมาร่วมชุมนุมไม่ได้ก็โบกรถเพื่อให้ขบวนของเรารับเอาสิ่งของที่พวกเขาต้องการช่วยสมทบ บางคนติดลูกสอบ ลูกเรียน รอสอบเสร็จก็จะเดินทางไปร่วมทันที ข้าวของที่เราเตรียมมาทั้งหมดต้องการใช้ให้ได้ 7 วัน และ 7 วันนี้เราต้องชนะ"

ขวัญชัย กล่าวถึงชัยชนะของเขานั้น คือรัฐบาลชุดนี้จะต้องยุบสภา หากไม่ยุบสภา คนเสื้อแดงจะไม่เลิก และจะไม่กลับ เพราะการรบครั้งนี้จะเป็นการรบครั้งสุดท้ายแล้ว จะต้องเอาชัยชนะกลับมาให้ได้ รัฐบาลต้องคืนอำนาจให้ประชาชน แล้วกลับมาเลือกตั้งกันใหม่ เริ่มต้นกันใหม่

"การไปกรุงเทพฯครั้งนี้จะใช้ยุทธวิธีควบคุมดูแลคนของเราเอง ไม่อยากจะไปปล่อยเข้ากับกลุ่มอื่น เพราะเรามีการ์ด มีกลุ่มนักรบดำ ซึ่งเป็นอดีตทหารพรานจากค่ายปักธงชัย 200 นาย ที่มาร่วมกับเราและคอยดูแลเรื่องความปลอดภัยให้ และกลุ่มนี้ก็เป็นกลุ่มที่ พลตรีขัตติยะ สวัสดิผล เสธ.แดง ร่วมฝึกและดูแลอยู่" ขวัญชัย เปิดเผย

เขาบอกอีกว่า รัฐบาลประเมินค่าคนเสื้อแดงต่ำไป รัฐบาลมัวไปมองว่า คนเสื้อแดงถูกจ้างมาหัวละ 30-50 บาท นั่นเป็นการมองต่ำไป เพราะมองแต่ว่าจะมีท่อน้ำเลี้ยง แต่ขอบอกว่าไม่มีท่อน้ำเลี้ยง ทุกคนมาด้วยใจ มาเพราะอยากทวงคืนประชาธิปไตย

"วันจันทร์นี้ถ้าไม่มีคำตอบ จะลุยแน่ เรามีเป้าหมายของเราแล้ว แต่ไม่บอกว่าอยู่ที่ไหน ประเทศชาติอยู่ไม่ได้ ถ้าคุณยังดื้ออยู่แบบนี้ ทุกคนเสียสละกันทั้งนั้น รัฐบาลกลับไม่เสียสละเลย"

เมื่อถามถึงแรงต่อต้านของคนเมือง เขากลับตอบว่าไม่รู้สึกเกรงกลัวแต่อย่างใด อีกทั้งยังว่า ประชาธิปัตย์ยุให้คนกรุงเทพฯ ต่อต้าน แต่อีกด้านหนึ่งกลับสมานฉันท์ ทำให้คนเสื้อแดงแค้นมากขึ้น คนเสื้อแดงทุกคนเกินขีดความกลัวมาแล้ว รัฐบาลประโคมข่าวมากไป ทำให้คนเสื้อแดงออกมาเยอะและไม่กลัวพร้อมสู้ถึงที่สุด

พายัพ ปั้นเกตุ “ครั้งนี้ เสื้อแดงจะทำให้รัฐบาลได้บทเรียน”
สัมภาษณ์โดย : จีรแมน ขำฉา

พายัพ ปั้นเกตุ อดีตส.ส.สิงห์บุรี พรรคไทยรักไทย แกนนำหลักของกลุ่มเสื้อแดงสิงห์บุรี แสดงความมั่นใจว่าการแสดงพลังของกลุ่มคนเสื้อแดงครั้งนี้ จะเป็นบทสรุปชัดจนที่สุดในการขับไล่รัฐบาล เพราะนี่คือการแสดงพลังที่เป็นไปอย่างพร้อมเพรียงกัน

เขายอมรับว่า ที่ผ่านมาการเคลื่อนไหวของเสื้อแดงไม่เป็นเอกภาพเท่าครั้งนี้ แต่จากการประเมินความพร้อมในขณะนี้ จะเห็นว่าทุกภาคของประเทศ มวลชนของเสื้อแดงมีความพร้อม ที่สำคัญการเคลื่อนครั้งนี้มีการวางแผนรัดกุม

"เรากำลังจะให้บทเรียนกับรัฐบาล นี่คือพลังของคนเสื้อแดง เมื่อรัฐบาลชุดนี้มาด้วยวิถีทางที่ไม่ถูกต้อง ก็จะมาสกัดกั้นการเคลื่อนไหวของคนกลุ่มหนึ่งที่มีเป้าหมายตรงกันไม่ได้ ที่ผ่านมาเราอดทนกับการต่อสู้ แต่ครั้งนี้คือการทำศึกครั้งสุดท้ายอย่างแท้จริงแล้ว" แกนนำภาคกลาง กล่าว

เพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล “ยุทธศาสตร์ที่วางไว้ จะชนะอย่างแน่อน”
สัมภาษณ์โดย : จันจิรา จารุศุภวัฒน์

เขาคือแกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 หรือกลุ่มคนเสื้อแดงที่เดินเกมเคลื่อนไหวทางการเมืองในเชียงใหม่ บ้านเกิดของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้รับการยอมรับเป็นกลุ่มที่เข้มแข็ง ผลงานโดยการนำของ เพชรวรรต สร้างชื่อเสียงให้เขาหลายครั้ง เช่น นำคนเสื้อแดงขับไล่รัฐมนตรีที่ลงพื้นที่เชียงใหม่หลายครั้ง

ถือว่าได้รับความไว้วางใจจาก “นายใหญ่” ดูแลหลายพื้นที่ของภาคเหนือ และนำทัพไปสมทบกับที่กรุงเทพฯ วันที่ 14 มีนาคม

นายเพชรวรรต ไม่ยอมเปิดเผยยุทธวิธีของกลุ่มเสื้อแดงภาคเหนือ แต่มั่นใจว่ายุทธศาสตร์ที่วางไว้จะนำชัยชนะมาให้กับกลุ่มเสื้อแดงอย่างแน่นอน เขายังคุยโวด้วยว่า จากการระดมพลครั้งนี้จากเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน พะเยา ได้มากกว่า 100,000 คน

ส่วนการดูแลและคุมมวลชนไม่ใช่ปัญหา และขอยืนยันว่าการเดินทางไปชุมนุมของคนเสื้อแดงในภาคเหนือจะเป็นไปอย่างสันติวิธี ปราศจากอาวุธ หากจะมีคงมีแต่อาวุธชีวภาพ หรือ อุจจาระเท่านั้น และทุกขั้นตอนวางมาตรการไว้อย่างรัดกุม

"ผมตอบไม่ได้ว่าจะปักหลักชุมนุมอยู่ในกรุงเทพฯ นานแค่ไหน แต่ตั้งใจไว้ถ้าไม่ชนะจะไม่พามวลชนกลับ เราต้องการเรียกร้องและทวงคืนประชาธิปไตย เป็นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยด้วยวิธีการอย่างสันติ"

เขาออกตัวเมื่อถามถึงการสั่งการจาก "พ.ต.ท.ทักษิณ" ว่าไม่มีโทรศัพท์มาสั่งอะไรเป็นพิเศษ เพราะการกำหนดยุทธศาสตร์เขาเป็นกำหนดเอง


ที่มา.กรุงเทพธุรกิจ
********************************************************