--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันพฤหัสบดีที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ในที่สุดรายการ "นายกฯทักษิณพบประชาชน" ของผมก็กลับคืนมาช่วง Prime time ด้วย


ผมเป็นแฟนพันธุ์แท้ของรายการ "นายกฯทักษิณพบประชาชน" ตั้งแต่จัดที่สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยแล้ว ต้องตั้งนาฬิกาปลุกให้ตื่นให้ทันในเช้าวันเสาร์ให้ได้ แม้ไปทำอย่างอื่น ก็ต้องกลับไปดาวน์โหลดอ่านที่เขาถอดเทปในเว็บ "กองงานโฆษกรัฐบาล" อ่านจนได้ ช่วงที่นายกฯทักษิณเป็นนายกฯ เรียกว่าผมไม่เคยไม่ได้ฟังหรืออ่านรายการเลย แม้ไปต่างประเทศแล้วผมก็ดาวน์โหลดมาฟังมาอ่านจนได้

เมื่อรายการนี้หายไป ดูเหมือนว่าชีวิตจะขาดอะไรไปสักอย่าง เพราะการฟังคนที่มีประสบการณ์จริง เป็น CEO เคยผ่านงานใหญ่ ๆ มาแล้วนั้นเป็นสิ่งที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง

ผมไม่อยากฟังนัก โวหารหรือคนที่จำหนังสือมาพูดแบบอภิสิทธิ์ ไม่้มีประสบการณ์ตรง เพราะผมเป็นนักอ่านหนังสือตัวยง อ่านจนสายตาสั้น ดังนั้น การหยิบเอาหนังสือแล้วมาพูดผมถือว่าดูถูกผมมาก เพราะผมก็อ่านพอๆ กันนั้นแหละผมอยากฟังประสบการณ์ตรงมากกว่า เรื่องที่ผมไม่ได้อ่านก็ถือว่าผมไม่สนใจ ก็แค่นั้นเอง ในแง่นี้ผมไม่ได้คิดว่าอภิสิทธิ์มีอะไรดีกว่าผม จนผมต้องฟัง

ตอนนี้ท่านนายกฯทักษิณ มาจัดรายการพูดเรื่องต่างๆ ประสบการณ์ชีวิตใน People Channel ช่วง 20.3-21.00 ทุกวันแล้ว เ็ป็นช่วง Prime Time เสียด้วย ทำให้วันคืนเก่าๆ ของผมกลับคืนมา ผมต้องตั้งนาฬิกาเอาไว้ 20.30 น. จะได้่ไม่พลาด

People Channel เรตติ้งกระฉูดแน่ๆ ครับ โดยเฉพาะนักธุรกิจ หากใครไม่ฟัง ถือว่าเสียโอกาสอย่างมาก ไม่ต้องเสียเงินไปนั่งฟัง CEO ฝรั่ง ทักษิณนี่ถือว่าสุดยอดของโลกแล้วในด้านธุรกิจและยอด CEO ฟังฟรีเสียด้วย แค่ไปซื้อจานดาวเทียม 2000 บาท

ไม่งั้นวิทยุชุมชน ก็เอาไปถ่ายทอดต่อได้ครับ

สรุปคือ การเมืองตอนนี้แพ้ชนะ ได้ตัดสินไปแล้วครับ เป็นเรื่อง Matter of time เท่านั้น

อาวุธที่ทรงอานุภาพที่สุดของทักษิณคือ "รายการนายกฯทักษิณพบประชาชน" นี่แหละครับ


มีทุกวันเริ่มตั้งแต่วันนี้ครับ แต่ก่อนจัดทุกวันอังคาร เวลา 20.30-21.30 น. วันละชั่วโมง แต่มันนานตั้งอาทิตย์กว่าจะได้ฟังอีก ทำให้แฟนคลับโวยวาย ว่ามันไม่ต่อเนื่องมันค้าง ท่านนายกฯทักษิณเลยขอเพิ่มเป็น จัดทุกวัน จันทร์-ศุกร์ แต่วันละครึ่งชั่วโมง ยกเว้นวันอังคาร หนึ่งชั่วโมงเหมือนเดิมครับ

ที่มา: thaifreenews
โดย..ลูกชาวนาไทย

วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ดาบสุดท้าย !!!!


น่ากลัวสุด สุด..สมัยโบราณ การ “ประหารชีวิต” นักโทษ..คือการทำต่อหน้า “ประชาชน” เพื่อให้รับรู้ถึงความผิดของผู้ที่กำลังจะ
โดนประหารด้วย การร่ายรำ ผสม เสียงปี่กลอง ซึ่งจะทำให้ “นักโทษ” เกิดอาการ “สยิวใจ” เป็นยิ่งนัก..ซึ่งมันเย็นเยียบยะเยือกเข้าไป
ถึงก้นบึ้งหัวใจทีเดียว!! จากนั้นก็ “ลงดาบประหาร” เรียกว่า “ดาบสุดท้าย”!!

เฉกเช่นเดียวกัน..กับที่ พรรคประชาธิปัตย์ กำลังกระทำการประหาร พรรคร่วมรัฐบาล ที่ถูกเพ่งเล็งชี้ว่าเป็น “นักโทษ”??

หลังจากที่ “ร่ายรำ” ให้ประชาชนคนทั่วประเทศได้รับรู้ว่า ในการที่ ไม่ร่วมทำการแก้ไข รัฐธรรมนูญ ด้วยแล้ว..ขณะนี้กำลังเตรียมลง
“ดาบสุดท้าย” นั่นคือ ทำการ รื้อโครงการ ต่างๆ ของ พรรคร่วม โดยเฉพาะ พรรคภูมิใจไทย..ที่เคย ภูมิใจนัก-ภูมิใจหนา ว่าเป็นผู้มี
คุณอนันต์ในการร่วมจัดตั้งรัฐบาลนี้ขึ้นมา

หมด-หมดสิ้นไม่เหลือฟอร์มของผู้อุปการะ..วาดหวังไว้ว่า คมนาคม ที่ให้ โสภณ ซารัมย์ นั่งเป็นเจ้ากระทรวงดูแล จะสร้าง “ผลงาน”
และ “ผลเงิน”!!

แต่..ขณะนี้ “ซารัมย์” ยังหา “ซาเล้ง” นั่งกลับบ้านไม่ถูก?? นอกจากกำลังจะถูก “รื้อโครงการ” แบบ “ย้อยเก็บฉากลิเก” แล้ว..
ยังถูกพรรคประชาธิปัตย์นำ มาประจานให้ชาวบ้านรู้ว่า เงินของแผ่นดิน เป็น หมื่นล้าน-แสนล้าน ที่จะนำมาเทลงไปนั้น ไม่ก่อเกิดประโยชน์
ต่อชาวบ้านอันใดเลย

อภิสิทธิ์ /กรณ์ /ไตรรงค์ /กอร์ปศักดิ์.. เดิน “เกมแรง” และ เร่ง “เกมเร็ว”!!

เพราะคิว “เลือกตั้งใหม่” จะ ลงโรงฉาย เป็นโปรแกรมต่อไปค่อนข้างแน่

“ภูมิใจไทย” จึงต้องถูกฆ่าเป็นอันดับแรก..เพราะยังไงชาตินี้ก็มิมีโอกาสที่จะร่วม “สังฆกรรม” กันอีกแน่

ในอนาคต “ไก่กับงู” เห็นกันหมดแล้ว จะมีอะไรมากกว่า “ตีนกับนม”??

ขณะนี้ “ภูมิใจไทย” กำลังนั่งพนมมือฟัง เสียงปี่กลอง ด้วยใจสยิวสุดๆรอ “ดาบสุดท้าย” ที่กำลังเงื้อใส่อย่างสุดแขน..
หัวหลุดกระเด็นไม่พอ ยังมีปากห้อยให้เห็นอีกตะหาก..อนาถโว้ย!!


โดย:หนุ่ม ชิงชัย
*******************************************************************************

แก้ไม่ถูกจุด...!!!!???

วิพากษาวิจารณ์กันมาแทบทุกยุคทุกสมัยเรื่องการวิ่งเต้นซื้อขายเก้าอี้แต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ

พอโผตำรวจประกาศออกมา ก็ต้องร้องเรียนเป็นประจำ

ไม่ใช่การร้องเรียนไม่ดี

เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะตำรวจที่ร้องเรียนส่วนใหญ่เป็นตำรวจที่ไม่ได้รับความยุติธรรม

บางนายมีอาวุโสสูงติดอันดับต้นๆ ผลงานก็อยู่ในเกณฑ์ดี หลักเกณฑ์ข้อกำหนดต่างๆ ก็ครบถ้วน

แต่พอถึงเวลาโยกย้ายจริงๆ กลับไม่ได้รับการพิจารณา

โดนพวกเด็กเส้นเงินหนากระเป๋าหนัก วิ่งเต้นข้ามหัวกันหน้าตาเฉย !?

แต่ก็ยังมีอีกพวกที่จ่ายเงินเซ็งลี้เก้าอี้ไปแล้วแต่กลับไม่ได้รับการแต่งตั้ง

ก็ต้องร้องเรียนกับเค้าด้วย หวังทวงสิทธิ์ที่ไม่ค่อยจะชอบธรรมให้ตัวเอง

เพราะแวดวงสีกากีมีเซ็งลี้เก้าอี้กันทุกยุค แต่จะมากหรือน้อยแค่นั้นเอง

ที่ผ่านมาหลายรัฐบาลก็ไม่เห็นจะแก้ปัญหานี้ได้

พอมาถึงรัฐบาลนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี อยู่ไม่เป็นสุข รีบลงนามในคำสั่งแต่งตั้งตั้งคณะกรรมการสอบซื้อขายตำแหน่ง

กำชับด้วยว่าให้เริ่มดำเนินการสอบสวนเลย

เพราะคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายระดับรองผู้การ-สารวัตรมีผลบังคับใช้ในวันที่ 16 ก.พ.นี้

การตั้งคณะกรรมการชุดนี้ขึ้นมา คงเป็นเพราะนายกฯ มาร์คทนกระแสสังคมไม่ไหวเลยต้องรีบสะสาง และอาจมองข้ามไปถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ฝ่ายค้านฮึ่มๆ จะยื่นอยู่เร็วๆนี้

หากคลายปมปัญหาตรงนี้ไม่ได้ ปล่อยให้ถึงเวลาเปิดสภา มีหวังโดนฝ่ายค้านถล่มอ่วมอรทัย

อาจเสียผู้เสียคนเพราะคนใกล้ชิดก็คราวนี้ !?

ย้อนกลับไปเรื่องตั้งคณะกรรมการสอบเซ็งลี้เก้าอี้ ถ้านายกฯมาร์คอยากให้ได้ภาพใสสะอาด ยุติธรรม

ต้องจัดการกับ "บิ๊กตำรวจ" ที่เป็นโต้โผขายเก้าอี้ให้ได้จริง !!

และต้องไม่ 2 มาตรฐาน เพราะการวิ่งเต้นซื้อขายไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะแวดวงตำรวจอย่างเดียว

ตั๋วเด็กเส้นเด็กฝากส่วนใหญ่มาจากนักการเมือง

ยิ่งหนนี้ก็ชัดเจน คนสนิทคนใกล้ตัวนายกฯส่งตั๋วกันเป็นปึกๆ

ขาใหญ่ม็อบที่นายกฯ ไว้เนื้อเชื่อใจเป็นพิเศษก็จับมือกับตำรวจเก่าบางคนฝากเด็กเป็นโขยง

ถ้าแน่จริงต้องสาวให้ถึงพวกนี้ให้ได้

สังคมจะได้ไม่แคลงใจอีก

แต่เอาเข้าจริงๆ นายกฯ อาจแก้ไม่ถูกจุด หรือมองข้ามต้นตอปัญหาที่แท้จริงไป

ตำรวจทั้งหมดรู้ดีว่าการซื้อขายตำแหน่งครั้งนี้มโหฬารกว่าทุกครั้ง เพราะยังไม่มีผบ.ตร.ตัวจริงเสียที

รักษาการผบ.ตร.อาจดูเหมือนจะมีอำนาจเทียบเท่าทุกอย่าง แต่ก็เป็นแค่ตัวสำรอง

ไม่มีบารมีพอที่จะไปชนกับนักการเมือง หรือไปควบคุมผู้บัญชาการทั้งหมด

ฉะนั้น อย่าประโคมข่าวสอบเซ็งลี้เก้าอี้

เพื่อกลบปัญหาตั้งผบ.ตร.ที่คาราคาซังเท่านั้น

ที่มา:ข่าวสดรายวัน
คอลัมน์ เหล็กใน
**************************************************************

มีทางออกยึดทรัพย์ !! หาช่องเอาคืนหากเป็นรัฐบาล

นายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคเพื่อไทย ในฐานะอดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา

กล่าวถึงเรื่องคดียึดทรัพย์ว่า เรื่องนี้ต้องมองไปข้างหน้าแล้ว ยึดก็ยึดไปเราก็ไปเอากลับคืนมาได้ โดยใช้มติมหาประชาชน

ซึ่งหลังการเลือกตั้งเมื่อพรรคเพื่อไทยได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลจะเอาทรัพย์สินคืนมาทั้งหมด

แต่ไม่ใช่การออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรม เพราะถ้าทำในรูปนี้เท่ากับว่าเป็นการยอมรับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิด

โดยกระบวนการที่จะทำได้มีการคุยกันไว้แล้ว


ด้านนายนิยม วรปัญญา ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ทรัพย์สินทั้งหมดเป็นของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเอาไปได้อย่างไร

ถ้ายึดไปก็เอากลับคืนมาได้ เพราะเคยมีตัวอย่างแล้ว เช่น จอมพลถนอม กิตติขจร และ จอมพลประภาส จารุเสถียร

ที่ต่อมาภายหลังก็เอาทรัพย์สินคืนได้บางส่วน ซึ่งกระบวนการก็ทำได้หลายอย่าง แม้ศาลจะตัดสินไปแล้ว

เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ



*******************************************************************************

ทักษิณเตรียมยื่นศาลโลก ทอล์คผ่านเน็ตจันทร์-ศุกร์

"ทักษิณ" เตรียมเรื่องยื่นสู้ต่อที่ศาลโลก พร้อมเตรียมเปิดทอล์คตั้งแต่วันจันทร์-ศุกร์
หลังทนเสียงเรียกร้องไม่ไหว

(วานนี้ 9ก.พ.) ช่วงค่ำ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวใน รายการทอล์คอะราวด์เดอะเวิล์ด
ผ่านสถานีโทรทัศน์พีเพิลชาแนล กล่าวความตอนหนึ่งว่า

การนำคดีร้องไปยังศาลโลกนั้น วันนี้ได้มีผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายที่เป็นคนไทยและต่างประเทศได้เข้ามาพบตนหลายคน
และ ได้มีการเตรียมการไว้

ซึ่งช่วงท้ายรายการ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้กล่าวถึง ปัญหาความขัดแย้งระหว่าง พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี กับ 3 แกนนำนปช. ว่า
เรื่องนี้เรามีความจำเป็น ที่จะต้องมีคนมาคอยดูแลผู้ชุมนุมที่มารวมตัวกันอยู่จำนวนมาก เรื่องนี้เราจะต้องมีความมั่นใจว่า
เราจะต้องไม่ถูกรังแก เหมือนช่วงเดือนเมษายนปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ในช่วงต้นรายการนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ได้กล่าวว่า เวลานี้มีเสียงเรียกร้องออกมา อยากจะฟังตนให้มากยิ่งขึ้น
เพราะเรื่องจะได้ปะติดปะต่อ เพราะหากทิ้งช่วงสัปดาห์ละครั้งมันจะนานไป ดังนั้น ตนจะมาจัดรายการวันละครึ่งชั่วโมง
ตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ เวลา 20.30 - 21.00 น. โดยจะเริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (10 ก.พ.) เป็นต้นไป
โดยจะนำเรื่องชีวิตการต่อสู้ว่า ตนเองตั้งตัวขึ้นมาได้อย่างไร

ที่มา:คนไทยูเค

****************************************************************************

วันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

วัดกึ๋นมาร์ค !!

ประชาชนทำได้เพียง “นิ่งเงียบ” “ฮุน เซน” กับการออกมาด่ารัฐบาลไทยด้วยถ้อยคำรุนแรง...
และพาดพิงโดยตรงไปถึงนายกรัฐมนตรี “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” มันไม่เพียงเป็นการ “กระทืบหน้า” ใครบางคน...

แต่มันเป็นการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีคนไทย “โดนหางเลข” เพราะความที่เรามีรัฐบาลปวกเปียกอ่อนแอ

การได้มาของตำแหน่ง...รวมถึงการบริหารราชการแผ่นดินที่ผ่านมา...มันแทบจะหาสิ่งถูกต้องในความเกิดขึ้น และ การดำรงอยู่
ของการขึ้นสู่อำนาจ “พรรคประชาธิปัตย์” ไม่ได้เลยทั้งสิ้น

แม้สิ่งที่ “ฮุน เซน” พูดพล่ามออกมาจะแสดงออกถึง “ความเป็นจริง” แต่กับคนไทยที่ได้ยินได้ฟังมันทำให้รู้สึกว่านี่แหละคือ
“ความเจ็บปวด”

ทำไมเราต้องตกอยู่ภายใต้การกระจายอำนาจของรัฐบาลที่สร้าง “ความแตกแยก” ภายในจนกลายเป็น “ขี้ปาก” ของคนภายนอก

จิตสำนึกแห่ง “ความรักชาติ” คือการไม่มองชนชาติอื่นดีไปกว่าชนชาติของเรา...แต่ไม่จำเป็นต้องมองเขาว่า “เลว” กว่า

เราถามว่า...การที่ฮุน เซน ออกมาด่า “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ท่านจะตอบโต้กลับไปด้วยความรู้สึกที่ว่า “หนังหน้าบาง” เพื่อปกป้องตน...
หรือเพื่อปกป้องประชาชน

ไม่มีใครสามารถช่วย “อภิสิทธิ์” ได้...นอกจากความคิดที่มาจากสติปัญญาของเขาเอง ซึ่งเลิกพูดถึงเรื่องที่ว่าบรรดา อมาตย์ และ ทหาร
จะออกมาให้การสนับสนุนช่วยเหลือ...เพราะบุคคลเหล่านั้นทำได้เพียง “เป็นเสืออยู่ในกรง” ถูกเลี้ยงให้เชื่อง...ให้อาหารให้น้ำ
สร้าง “ความภักดี” แต่หากปล่อยเข้าป่าใหญ่ “เสือ” ที่คิดว่าน่าเกรงขาม...คงกลายเป็นแมวเชื่องๆ...ถูกนักล่าไล่ตะปบ
เพราะไม่เคยใช้ชีวิตสู่โลกภายนอก มีแต่ถูกรอกหูทำตัวเป็น “กบอยู่ในกะลา”

ความขัดแย้งครั้งนี้ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” จะแก้ไขด้วยวิธีอัจฉริยะเพียงใด เพื่อให้เป็นที่เชิดหน้าชูตาและเป็นที่น่าชื่นชม

เพราะผู้นำโลกมากมายอย่าง โอบามา เหมาเจ๋อตุง ลีกวนยู รวมถึง ดร.มหาธีร์ โมฮัมหมัด...พวกเขาผ่านเรื่อง “กระจอกงอกง่อย”
อย่างนี้มาแล้วทั้งนั้น

คำของหลวงปู่ชาท่านว่า...ท่านให้แก้ไข “ตัวเราเอง” ไม่ใช้ไปแก้ไข “อย่างอื่น”
ไม่เชื่อลองทำดู...แล้วท่านนายกฯ จะเห็นผลลัพธ์อย่างน่าอัศจรรย์!

ที่มา:คนไท ยูเค
โดย.ภูผาหิน
*****************************************************************************

จุดยืน “ทักษิณ”

ร่อแร่ ร่อแร่.. ขณะนี้ “คนเสื้อแดง” รู้สึกสับสนตัวเองเป็นอย่างยิ่ง..ที่กลุ่มผู้นำหันหน้ามา “กัดกันเอง”??

ว่ากันตามจริง..กว่าจะ “จุดไฟติด” รวมตัวกันได้มาถึงขนาดนี้..เพราะต่างก็มีความเชื่อมั่นในตัว “ทักษิณ ชินวัตร” คนนี้คนเดียว!!
จึงเกิด “คนเสื้อแดง” ขึ้นมาค่อนประเทศ!!

เพราะ “คนเสื้อแดง” เชื่อว่า “ทักษิณ” และ “มันสมอง” ของเขาเท่านั้น ที่จะนำพาประเทศชาติให้รอดปลอดภัย และ “นำความเจริญ”
กลับมาอีกครั้ง

ดังนั้น การต่อสู้เพื่อ “ช่วงชิงอำนาจ” ทางการเมือง จะต้องชูธง “ทักษิณ” อย่างเดียว..ธงอื่นต้องพับเก็บทันที อย่าโผล่มาให้เห็น..

ขณะที่ “พล.อ.พัลลภ” กับ “เสธ.แดง” ประกาศที่จะจัดตั้ง กองทัพประชาชน ด้วยการใช้ “คนเสื้อแดง”..และก็เป็นจตุพร พรหมพันธุ์
ก็ร้องเพลงสวนขึ้นมาทันควันด้วยเพลง ของ “ตั๊กแตนชลลดา”.. คนที่ไม่ใช่แฟน ทำแทนให้กันไม่ได้

จากนั้นต่างฝ่ายต่างออกมาซัด ถล่มกันไป-ถลกกันมาอย่างเมามันส์

จะว่าเป็น “แผนโฆษณา” ละครใหม่ ทางช่อง 3 เรื่อง “รุ้งร้าว” ไม่น่าจะใช่..เพราะแต่ละคนก็รุ่น “กรุร้าว” ทั้งนั้น!!

คนที่สับสนคือ “เสื้อแดง”..ในขณะคนที่ปวดหัวสุดๆ คือ “ทักษิณ” เพราะขณะนี้ต้องกินแอสไพรินวันละกำมือ

ในเมื่อ “เสื้อแดง” เกิดขึ้นมาเพราะเชื่อมั่น “ทักษิณ”..ดังนั้น “แม้ว เลี่ยงเมือง” คนนี้เท่านั้น ที่จะกำหนดทิศทางในการต่อสู้..
จะต่อสู้แบบ “อหิงสา” ก็ต้องปักธงไปเลยว่า “อหิงสา” ปากบอกว่าจะต่อสู้แบบ “อหิงสา” แต่ดันหยิบยา “มหาหิงค์” ทาสะดือ
เด็กเล่นไปวันๆ อย่างนั้นมันก็ไม่ใช่

ต้อง มั่นคง หนักแน่น อย่าโอนเอนกับ “จุดยืน” ที่ตัวเองมีไม่ใช่ใครแวะเวียนเยี่ยมแบบ “รถไฟฟ้ามาหานะเธอ”..
เกรงใจต้องรับปากจะตั้ง “กองทัพ” หรือจะให้ “กางเต้นท์” ก็ต้องชัดเจนแล้ว

เอ้า “โอ๊ค” ฝากไปบอกพ่อด้วย..อย่ามัวแต่เกรงใจ ไม่เอานะเกรงใจ!!

ที่มา:คนไทย ยูเค
โดย:หนุม ชิงชัย
*******************************************************************************

ฯพณฯ ศรีธนญชัย !!!!

ในประเทศไทย..แทบจะไม่มีใครไม่รู้จัก ศรีธนญชัย เรื่องราวของเขา..ความสามารถของเขา..ในการฉกฉวยเล่นลิ้น อาจจะเป็นเรื่องขบขัน..

แต่จะเป็นอย่างไร..หากคนแบบศรีธนญชัยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน..เป็นถึงระดับ นายกรัฐมนตรี

ท่านนายกรัฐมนตรีศรีธนญชัย..คงจะมีความผาสุขในฐานะผู้นำประเทศ..แล้วหาเหตุสร้างความขบขันให้กับตนเองไปเรื่อยๆ
จากการบริหารราชการแผ่นดิน

เพราะท่านนายกรัฐมนตรีศรีธนญชัย เป็นคนที่คนโบราณเรียกว่า..มะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูก..
คือไม่ว่าใครจะกล่าวหาว่าท่านอย่างไร..ท่านก็เถียงเลี่ยงไปแบบข้างๆ คูๆ หรือเอาสีข้างเข้าถู..ซื้อเวลาไปวันๆ หาสาระและความเป็นจริงไม่ได้

ท่านนายกรัฐมนตรีศรีธนญชัย..อาจจะเชี่ยวชาญในเรื่องตำหรับตำราเป็นครูบาอาจารย์..พูดเรื่องการเสียสละการทำคุณงามความดี
พูดถึงหน้าที่ ที่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่จะต้องเสียสละให้กับชาติ.

แต่ในประพฤติปฏิบัติ..ท่านอาจจะใช้เล่ห์เพทุบาย 18 ประการ เพื่อหลีกเลี่ยงจากการทำหน้าที่ ที่พลเมืองทุกคนต้องทำ..
แต่นั่นยังไม่สำคัญเท่ากับท่านนายกรัฐมนตรีศรีธนญชัย..ยังทำไขสือต่อ..ความจริงอันเป็นสัจจะ หน้าด้านหน้าหนาพอที่จะทำไขสือ
ไม่อธิบาย..แล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น..หรือสิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน..

ท่านนายกรัฐมนตรีศรีธนญชัย..อาจจะปฏิเสธอำนาจของคณะกรรมการที่มีอำนาจเต็มตามกฎหมาย..ในการแต่งตั้งโยกย้าย..
ในขณะที่ท่านไปสอนให้ใครต่อใคร..ปฏิบัติตนเป็นคนดีมีหลักการ รับฟังความเห็นของคนส่วนใหญ่.แล้วตะแบงแต่งตั้งตามอำเภอใจ
เป็นตัวไม่ได้ก็ให้รักษาการณ์..อันเป็นการฝืนจารีตประเพณีของสถาบัน

ฯพณฯ ศรีธนญชัย..สร้างบ้านด้วยทอง...แล้วคุยโวโอ้อวด..แล้วท่านก็ปิติยิ้มเยาะคนทั่วไปที่..เข้ามาชมบ้านไม้ทองหลางของท่าน

ฯพณฯ ศรีธนญชัย..สร้างประตูบ้านให้ต่ำเตี้ย..แล้วก็ยืนรับเสด็จพระเจ้าอยู่หัว...ที่ค้อมตัวก้มหัวเอาตัวลอดประตู..แล้วเปรียบเทียบว่า..
นั่นคือการทำความเคารพ ..แก่ ศรีธนญชัย

เรื่องราวของศรีธนญชัย จบลงที่ตรอมใจตาย เพราะเสียรู้ให้กับ..เณรน้อย...

เมื่อศรีธนญชัยสั่งให้เณรน้อย..นั่งพายเรือ..แล้วเณรน้อยก็เอาพายมารองก้น

แต่ประเทศที่มี ศรีธนญชัย เป็นนายกรัฐมนตรี..น่าจะจบลงที่..ฉิบหายวายวอดทั้งแผ่นดิน !!!!!!!!!!!!!!!!!!

โดย. พญาไม้


***************************************************************************

TG200 จะไม่มีการผ่าเครื่องพิสูจน์ คำสั่งใคร...(ข่าว3มิติ.)

ที่มา:thaifreenews
จากคุณ : แม่หนูดำ

นึกอยู่แล้วต้องเป็นอย่างนี้ เพราะถ้าผ่าเครือง สิ่งที่เจอ...
1 .COMMISION
2 .CORUPTION
ประชาชนและสื่อมวลชนต้องไม่ยอมให้พวกโกงชาติทำร้ายประเทศไทยอีกต่อไป
ต้องจัดการกับพวกอำมาตย์

จากคุณ : scad stroms

กลัวอ่ะ

เปิดแผนรัฐบาลรับมือ"ม็อบเสื้อแดง"


จากสถานการณ์คนเสื้อแดงงัดยุทธวิธีดาวกระจาย หวังโหมกระแสไปสู่การชุมนุมใหญ่ ก่อนการตัดสินคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 26 ก.พ.นี้

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ได้ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และหน่วยงานด้วยความมั่นคง ทหาร ตำรวจ ถี่ยิบเพื่อวางแผนรับมือการเคลื่อนไหวที่นับวันจะเข้มข้นขึ้น

นับตั้งแต่การประชุมครม.เมื่อวันที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมา สมช.ได้แจก"เอกสารลับ" ถึงมือครม. ประเมินว่าการชุมนุมใหญ่จะเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 19-28 ก.พ.นี้

มีกลุ่มเคลื่อนไหวอยู่ 3 กลุ่ม 1.กลุ่มเสื้อแดงบางคนที่มีจุดประสงค์เคลื่อนไหวโดยไม่ได้มีเป้าหมายอยู่ที่พ.ต.ท.ทักษิณ แต่มีเป้าหมายไปไกลกว่านั้น คนกลุ่มนี้จะได้รับการยอมรับและมีผู้รับฟังความคิดเห็น ดังนั้น การเคลื่อนไหวของคนกลุ่มนี้เพื่อรอเวลาติดลมบน

2.กลุ่มแดงแบบฮาร์ดคอร์ เป้าหมายการเคลื่อนไหวที่รุนแรงจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง ซึ่งคนกลุ่มนี้มีอยู่ไม่มาก และจะมีฐานบัญชาการอยู่บริเวณภาคเหนือ ซึ่งถือว่าอันตรายที่สุด

3.กลุ่มผู้นำที่ตามกระแสและปัจจัยตอบแทน ซึ่งเคลื่อนไหวให้เห็นอย่างเปิดเผย

ทั้งนี้ ยังมีกลุ่มคนที่ไม่เปิดเผยตัว ที่บางคนทำงานอยู่ในระบบ คอยเป็นคนประสานงานระหว่างทั้ง 3 กลุ่มกับพ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล

ดังนั้น นอกจากจะขอมติครม.โดยอาศัยช่องทางพ.ร.บ.การจัดระเบียบกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2551 มาตรา 8(5) มาใช้ดึงทหาร มาเป็นผู้ช่วยตำรวจ ดูแลการชุมนุมที่จะเกิดขึ้นโดยไม่ต้องออกมาเป็นมติครม.อีก

ยังวางมาตรการทางกฎหมาย โดยใช้กฎหมายปกติดูแลการชุมนุม แต่หากมีการเคลื่อนไหวไปยังจุดเสี่ยงต่อการปะทะหรือเผชิญหน้าจนนำไปสู่ความรุนแรง จะใช้พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร คุมพื้นที่

แต่หากลุกลาม บานปลาย ถึงจะประกาศใช้พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน

ขณะเดียวกันในพื้นที่ต่างจังหวัด ได้กำหนดพื้นที่เสี่ยงที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ 38 จังหวัด โดยส่งกำลังเสริมลงไปในพื้นที่ ผนวกกับกองกำลังผสมตำรวจ ทหารและพลเรือนของแต่ละจังหวัดที่ประจำการอยู่ 3-5 กองร้อย

มีผู้บังคับบัญชาคือ ผู้ว่าฯ และกอ.รมน.จังหวัด เป็นผู้ดูแลและรายงานเข้ามายังกอ.รมน.ใหญ่อีกครั้ง

"พื้นที่ที่น่าเป็นห่วงมากที่สุด คือกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยเฉพาะสถานที่สำคัญต่างๆ เครือข่ายคมนาคม" นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุ

เพราะถือเป็นจุดที่มีคนเข้ามาชุมนุมจำนวนมาก

โดยกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ได้มีคำสั่งตั้งจุดตรวจค้น (ว.43 ปกติ) ตั้งแต่วันที่ 1-28 ก.พ.

บก.น.1

สน.ดุสิต จุด A-B บริเวณปาก ซ.สุโขทัย 3 ถ.สวรรคโลก

สน.ชนะสงคราม จุด A แยกบางลำพู จุด B บริเวณหน้าวิทยาลัยนาฏศิลป์

สน.ห้วยขวาง จุด A ซ.รัชดาภิเษก 3 จุด B บริเวณหน้าสถานีรถไฟฟ้าศูนย์วัฒนธรรม

สน.พญาไท จุด A พระราม 6 ตัดอารีย์สัมพันธ์ จุด B หน้ากระทรวงการต่างประเทศ

สน.นางเลิ้ง จุด A แยก จปร. เชิงสะพานพระราม 8 ขาขึ้น จุด B แยกนางเลิ้ง พณิชยการพระนคร

สน.สามเสน จุด A หน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ ถ.ศรีอยุธยา จุด B ถนนขาว

สน.ดินแดง จุด A หน้าสวนสันติภาพ ถ.ศรีอยุธยา จุด B ใต้ทางด่วน ซ.หมอเหล็ง

สน.มักกะสัน จุด A ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ขาเข้า จุด B แยกเอกมัย

บก.น.2

สน.คันนายาว จุด A ชุมชนวัชรพล 3 จุด B แยกลำกะโหลก

สน.ทุ่งสองห้อง จุด A หน้าห้างไอทีสแควร์ จุด B หน้าปั๊มน้ำมันคาล เท็กซ์ ถ.แจ้งวัฒนะ

สน.สุทธิสาร จุด A กลาง ซ.รัชดาฯ 18 จุด B ซ.อินทามระ 59

สน.ประชาชื่น จุด A หน้าปั๊มน้ำมันคาลเท็กซ์ ถ.พิบูลสงคราม จุด B หน้าตลาดบองมาร์เช่

สน.โคกคราม จุด A ซ.ปัญจมิตร ถ.นวมินทร์ จุด B หน้าร.พ.ศรีสยาม

สน.สายไหม จุด A หัวถนนสายไหม จุด B หน้าร.พ.สายไหม

สน.บางซื่อ จุด A หน้าตึกชินวัตร 1 จุด B หน้าลานจอดรถไฟฟ้าบีทีเอส หมอชิตเก่า

สน.บางเขน จุด A ม.ชัยพฤกษ์ ถ.หลังกองบินตำรวจ จุด B หน้าโรงแรมมารวย

สน.ดอนเมือง จุด A แยกหลังวัดไผ่เขียว จุด B แยกประชาอุทิศ

สน.พหลโยธิน จุด A หน้าห้างเซ็นทรัลลาดพร้าว จุด B ซ.เสนา นิคม 1

สน.เตาปูน จุด A โรงเรียนโยธินบูรณะ จุด B โค้งวัดสร้อยทอง

บก.น.3

สน.มีนบุรี จุด A แยกบาแลด้าน ถ.ประชาร่วมใจ จุด B แยกบาแลด้าน ถ.ราษฎร์อุทิศ

สน.ลำหิน จุด A-B หน้าจุดรับแจ้งเหตุตลาดคู้ ถ.มิตรไมตรี

สน.สุวินทวงศ์ จุด A แยกทหารอากาศอุทิศ จุด B หน้าเดอะไพน์แอน ลอร์กอล์ฟคลับ

สน.ร่มเหล้า จุด A แยกการเคหะร่มเกล้า จุด B หน้าส.สุมาลี แมนชั่น

สน.จรเข้น้อย จุด A สถาบันเทคโนโลยีเจ้าคุณทหาร จุด B แยกทางเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ

สน.นิมิตรใหม่ จุด A จุดรับแจ้งเหตุหทัยราษฎร์ จุด B จุดรับแจ้งเหตุนิมิตรใหม่

สน.ประชาสำราญ จุด A จุดรับแจ้งเหตุเทียนทอง จุด B หน้าหมู่บ้านวัฒนาธานี

สน.ลำผักชี จุด A แยกมหานคร (ใต้สะพาน) จุด B หน้าบริษัทฟุตบอลไทย

สน.ฉลองกรุง จุด A หน้าตลาดแย้มเจริญ จุด B หน้าตลาดวีแอ๊ด

สน.ลาดกระบัง จุด A หน้าตลาดบัญญัติทรัพย์ จุด B หน้าตลาดนำชัย

สน.หนองจอก จุด A แยกโรงสีไฟสุขใจ จุด B ถ.อยู่วิทยา ตัดสังฆสันติสุข

บก.น.4

สน.หัวหมาก จุด A สี่แยกลำสาลี จุด B ซ.รามคำแหง 26

สน.โชคชัย จุด A หน้าปั๊มน้ำมันปตท. ท้าย ซ.ลาดพร้าว 87 จุด B หน้าปั๊มปตท. ถ.ลาดพร้าววังหิน

สน.อุดมสุข จุด A ปาก ซ.เฉลิมพระเกียรติ 28 จุด B จุดรับแจ้งเหตุหน้าสวนหลวง ร.9

สน.บึงกุ่ม จุด A หน้าทางเข้าหมู่บ้านนวธานี จุด B หน้าสำนักงานเขตบึงกุ่ม

สน.ลาดพร้าว จุด A หน้าเดอะมอลล์ บางกะปิ จุด B ปากซ.นวมินทร์ 111

สน.ประเวศ จุด A ปากทางเข้าหมู่บ้านสวนสน จุด B ปากซ.อ่อน นุช 82

สน.บางชัน จุด A หน้าบริษัทแมทโก ถ.รามอินทรา จุด B สามแยกมิสทีน

สน.วังทองหลาง จุด A-B หน้าสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชา

บก.น.5

สน.ทองหล่อ จุด A แยกเกษมราษฎร์ ถ.รถรางเก่า จุด B ปาก ซ.สุขุมวิท 31



สน.คลองตัน จุด A ปากซ.ปรีดีฯ 14 จุด B ปากซ.ปรีดีฯ 45

สน.พระโขนง จุด A ลีโอแมนชั่น กลางซ.อ่อนนุช 44 จุด B ปากซ.ปุณวิถี 28

สน.บางนา จุด A ก.ม.4.5 ถ.บางนา-ตราด ขาเข้า ช่องคู่ขนาน จุด B ปากซ.แบริ่ง ถ.สุขุมวิท ขาเข้า

สน.ท่าเรือ จุด A ปากซ.คั่วพริก ถ.สุนทรโกษา จุด B ปากซ.8 ถ.สุนทรโกษา

สน.วัดพระยาไกร จุด A ถ.เจริญราษฎร์ ตัดซ.ประดู่ 1 จุด B หน้าปั๊มแก๊ส (ถ.เจริญราษฎร์ ฝั่งขวา)

สน.ทุ่งมหาเมฆ จุด A แยกอาคารสงเคราะห์ จุด B หน้าคลังคาล เท็กซ์ ถ.พระราม 3

สน.บางโพงพาง จุด A แยกสะพานวงแหวนอุตสาหกรรม ถ.พระราม 3 จุด B ปากซ.นราธิวาสฯ 18

สน.ลุมพินี จุด A หน้าอนุบาลจุไรรัตน์ จุด B หน้าการไฟฟ้าเพลินจิต

บก.น.6

สน.สำราญราษฎร์ จุด A หน้าตู้ยามบำรุงเมือง จุด B หน้ากระทรวงมหาดไทย

สน.พลับพลาไชย 2 จุด A หน้าปั๊มแก๊ส ถ.กรุงเกษม จุด B ถ.เจริญ กรุง ตัด ถ.ทรงวาด

สน.ปทุมวัน จุด A หน้าวัดดวงแข จุด B หน้าศูนย์ฮอนด้า (197) แยกปทุมวัน

สน.ยานนาวา จุด A หน้าปั๊มปิโตรนาส ถ.จันทร์ จุด B หน้าวัดแขก

สน.พระราชวัง จุด A ทำเนียบองคมนตรี จุด B ศาลรัฐธรรมนูญ

สน.จักรวรรดิ จุด A หน้าวิทยาลัยเขตบพิตรพิมุขฯ จุด B ร้านเซเว่น แยกวัดตึก ถ.เยาวราช

สน.พลับพลาไชย 1 จุด A ถ.หลวง ตัด ถ.มังกร จุด B ถ.กรุงเกษม ปากซ.ยศเส

สน.บางรัก จุด A หัวมุมนราธิวาสตัดสุรวงศ์ จุด B หน้าไปรษณีย์กลาง

บก.น.7

สน.บางพลัด จุด A หน้าดับเพลิงบางอ้อ จุด B หน้าห้างตั้งฮั่วเส็ง

สน.ธรรมศาลา จุด A ทางขึ้นคู่ขนานลอยฟ้า (ขาเข้า) ถ.พุทธมณฑลสาย 3 จุด B หน้านิ่มซี่เส็ง ถ.พุทธมณฑลสาย 2

สน.ท่าพระ จุด A แยกท่าพระ จุด B หน้าปั๊มปตท.ปากซ.เพชรเกษม 3

สน.บางกอกน้อย จุด A ปากซ.วัดระฆังโฆสิตาราม จุด B ปากซ.อิสรภาพ 41

สน.บางขุนนนท์ จุด A-B ถนนตัดใหม่เลียบทางรถไฟ หลังวัดบางขุนนนท์

สน.ตลิ่งชัน จุด A แยกสะพานกรุงนนท์ จุด B ทางลงถ.บรมราชชนนี เบี่ยงฉิมพลี

สน.ศาลาแดง จุด A ปากซ.อำนวยโชค จุด B แยกสวนแสงธรรม

สน.บางยี่ขัน จุด A ทางลงสะพานพระราม 8 จุด B จุดกลับรถใต้สะพานพระราม 8

สน.บางกอกใหญ่ จุด A ปากซ.ทวีธาภิเษก จุด B ซ.วัดสังข์กระจาย

สน.บางเสาธง จุด A แยกบางเชือกหนังใกล้ซ.วัดมะพร้าวเตี้ย จุด B ถ.บางแวก ตัดถ.กาญจนา

บก.น.8

สน.บุปผาราม จุด A สี่แยกตลาดนกกระจอก จุด B หน้ารร.ศึกษานารี

สน.สำเหร่ จุด A หน้าอาคารไทยวีรวัฒน์ จุด B กลางซ.เจริญนคร 40

สน.ตลาดพลู จุด A หน้าจุดวุฒากาศ จุด B หน้าธนาคารไทยพาณิชย์ ตลาดพลู

สน.ทุ่งครุ จุด A สามแยกแฟลตกทม. จุด B สามแยกครุใน

สน.บางยี่เรือ จุด A หน้าโรงเรียนจรวยพร จุด B หน้าสน.บางยี่เรือ

สน.บุคคโล จุด A หน้าเปี่ยมรักษ์คอนโดฯ จุด B แยกบุคคโล

สน.สมเด็จเจ้าพระยา จุด A แยกท่าดินแดง จุด B หน้าจุดคลองสาน

สน.บางมด จุด A หน้าสมาคมฮินแหน่น จุด B ซ.พระราม 2 ที่ 3

สน.ราษฎร์บูรณะ จุด A ใต้ด่วนถ.ราษฎร์บูรณะ จุด B ปากซ.พุทธบูชา 39

บก.น.9

สน.ท่าข้าม จุด A ปากซ.แยกที่ 5 ถ.พระยามนธาตุ จุด B หน้าปั๊มเอสโซ่ ถ.บางขุนเทียน-บางบอน

สน.บางบอน จุด A-B หน้าวัดบางบอน ถ.เอกชัย

สน.เทียนทะเล จุด A หน้าจุดรับแจ้งเหตุเทียนทะเล จุด B ปากซ.เพชรทองคำ

สน.หลักสอง จุด A หน้าจุดรับแจ้งเหตุเพชรกาญจนา จุด B หน้าปั๊มปตท. ถ.พุทธมณฑลสาย 2

สน.หนองค้างพลู จุด A หน้าม.เอเชีย จุด B ปากซ.นิคมจัดสรร ถ.เลียบคลองทวีวัฒนา

สน.แสมดำ จุด A หน้าปั๊มปตท. ถ.พระราม 2 จุด B ซ.พรมแดน

สน.บางขุนเทียน จุด A หน้าปั๊มน้ำมันเจ็ท ถ.กัลปพฤกษ์ จุด B หน้าปั๊มปิโตรนาส ถ.เอกชัย

สน.ภาษีเจริญ จุด A หน้าศูนย์บริการรถยนต์เบนซ์ ถ.กัลปพฤกษ์ จุด B หน้าห้างฟิวเจอร์พาร์คบางแค

สน.เพชรเกษม จุด A แยกพัฒนาการ ตัดถ.สุขาภิบาล 1 จุด B ซ.เพชรเกษม 69

สน.หนองแขม จุด A หน้าปั๊มเจ็ท ถ.มาเจริญ จุด B หน้าอนามัย 48 ถ.เลียบคลองภาษีเจริญฝั่งเหนือ

ด้านหน่วยงานด้านความมั่นคง จัดวางกำลังไว้รับมือค่อนข้างเต็มพิกัดเช่นกัน ใช้การตั้งด่าน 160-200 ด่าน ใช้กองกำลังผสม 54 กองร้อย และมีกองหนุนอีกจำนวนหนึ่ง

มีสมช.และกอ.รมน.เป็นแม่ข่ายทั้งหมด

ครึ่งเดือนแรกของเดือนก.พ. จะให้ประจำกำลังพล จัดระเบียบ กำหนดแผนต่างๆ อย่างต่อเนื่อง

แต่เมื่อผ่านวันที่ 15 ก.พ.จะเข้มข้นขึ้น กำลังพลจะเคลื่อนออกจากกรมกองเพื่อประจำตามจุดต่างๆ ที่สามารถปฏิบัติการได้ทันที

ฝ่ายความมั่นคงต่างมั่นใจว่าการออกมาปฏิบัติหน้าที่ของทหารไม่ล่าช้าเหมือนเหตุการณ์เม.ย. 2552



38 จังหวัดที่ต้องเฝ้าระวัง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยพล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร. มีคำสั่งให้ทุกกองบัญชาการและทุกกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัด เปิดศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะ เพื่อติดตามสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มต่างๆ ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อย และความมั่นคงปลอดภัย

ศูนย์ดังกล่าวมีหน้าที่ควบคุม อำนวยการ และสั่งการติดตามตรวจสอบสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ. เป็นต้นไป เชื่อมโยงกับศูนย์ปฏิบัติการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติตั้งขึ้น

จังหวัดที่ให้ตำรวจแต่ละพื้นที่เข้าไปดูแลและติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิดมี 38 จังหวัด

ภาคเหนือ 10 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แม่ฮ่องสอน พิษณุโลก กำแพงเพชร นครสวรรค์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 17 จังหวัด ได้แก่ อุดรธานี ขอนแก่น นครราชสีมา อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สกลนคร มหาสารคาม ยโสธร ร้อยเอ็ด เลย สุรินทร์ กาฬสินธุ์ หนองบัวลำภู หนองคาย นครพนม มุกดาหาร ชัยภูมิ

ภาคกลางและตะวันออก 9 จังหวัด ได้แก่ สิงห์บุรี ลพบุรี นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี ชลบุรี จันทบุรี

ภาคใต้ 2 จังหวัด ได้แก่ พัทลุงและนครศรีธรรมราช

ที่มา:ข่าวสดรายวัน

วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

รัฐบาลอภิสิทธิ์น่าจะใกล้พังเต็มที่แล้ว


ความจริงมีหลายเรื่องที่จะตั้งกระทู้ แต่ขอรวม ๆ พูดในกระทู้นี้ก็แล้วกัน

นั่งดูสถานการณ์ทั่วไป คิดว่าการล่มสลายของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำ น่าจะใกล้เข้ามาแล้ว

1. การที่ทั้ง พล.อ.เปรม และ พล.อ.อ.กำธน ออกมาพูดเมื่อวันก่อน ดูแล้วคล้ายกับตอนที่ พล.ร.อ.สงัด เตรียมปฏิวัติรัฐบาลธานินทร์ กรัยวิเชียร เพราะอุ้มไม่ไหว

แม้รัฐบาล จะพยายามระดมกองทัพ และหน่วยวอร์รูม เตรียมถล่มคนเสื้อแดง
(อ้างอิงจากข่าว ที่ให้กำลังทหาร ตำรวจ พลเรือน ลงพื้นที่ตั้งด่านสะกัดเเสื้อแดง 38 จังหวัด)
ก็ไม่ทราบว่า เอากฎหมายข้อไหนมาสะกัดกั้นการเดินทางสัญจรของประชาชนตามปรกติ

ซึ่งทั้งหมดนี้ น่าจะมาจากการหารือกันของสภาความมั่นคง ฯ
ที่เกิดขึ้นหลังจากการดอดเข้าพบ พล.อ.เปรม เมื่อวันก่อนของอภิสิทธิ์

2. การเริ่มเบื่อหน่ายของข้าราชการชั้นผู้น้อย ที่ต้องทำงานกับรัฐบาลที่ไม่มีวิสัยทัศน์ และมักจะโยนความผิดให้กับข้าราชการประจำ

อย่าง กรณี ตั้ง ผบ.ตร. ซึ่งนี่ผ่านมากว่าครึ่งปีแล้ว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังไม่มีผู้นำตัวจริง
และการแต่งตั้ง ผู้กำกับ และผู้บัญชาการทั้งหลายแหล่ ก็ไม่ได้ผ่านมติที่ชอบธรรม จากคณะกรรมการ ฯ ที่เคยถือเป็นประเพณีปฏิบัติ

3. การที่พรรคร่วมรัฐบาล เล่นเกมในการยื่นเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งทราบมาว่า ประธานรัฐสภา ได้บรรจุวาระการขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับ หมอเหวง เข้าที่ประชุมสภาเรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ คิดว่า พรรคร่วม ฯ กำลังรอดูจังหวะ หลังวันที่ 26 ก.พ. นี้ เพื่อประเมินท่าทีของ ดร.ทักษิณ ว่า จะมีเงินเหลือพอแค่ไหนในการเลือกตั้งที่จะถึง..

4. ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นของรัฐบาลเอง

ปัญหานี้ ไม่อยากจะพูดเลย เพราะมีเยอะ จนไม่รู้ว่าจะว่าเรื่องไหนก่อน
ทุกวันนี้ คิดว่ารัฐบาลนี้ มีการโกงกินอย่างมโหฬาร กินแบบหน้าด้าน ๆ ไม่อายฟ้าดินยิ่งกว่ารัฐบาลไหน ๆ แถมการบังคับใช้กฎหมาย ยังเป็นแบบเล่นพรรคเล่นพวก แถมยังเป็นประเภท มือใครยาวสาวได้สาวเอา


อภิสิทธิ์ มาแบบมะม่วงบ่มแก็ส ก็คงจะไปอย่างมะม่วงถูกลมแล้งพัดเหมือนกัน
บัญชีนั้น คิดว่า น่าจะมีคนคิดไว้แล้ว

รัฐบาลมาแล้วก็ไป

อยากให้อภิสิทธิ์จำกรณี "เด็กถือเตารีด" ไว้ให้ดีก็แล้วกัน

กฏข้อที่สามของนิวตัน บอกว่า แรงกด เท่า กับ แรงต้าน

ยิ่งผมเห็นรัฐบาลชุดนี้
กดเสื้อแดงมากแค่ไหน ก็ยิ่งเห็นแรงต้านมากขึ้นเท่านั้น
ขนาดรัฐบาลทหารตั้ง อย่างรัฐบาลขิงแก่ ยังทนเสื้อแดงไม่ไหว
จน พล.อ.สุรยุทธ์ ต้องบอกตอนท้ายว่า ถ้าเลือกได้ไม่ขอเป็นนายก ฯ

พวกที่บอกว่า เสื้อแดงจะแผ่ว หรือ อะไรทั้งหลายแหล่นั้น ก็ปล่อยให้เขาคิดไปเถอะครับ
เพราะเท่าที่นั่งดูอยู่นี่ คนพวกนี้หลอกตัวเองทั้งนั้น

ที่มา.พันทิป

จาตุรนต์ ฉายแสง แจงเหตุฟันธง ยึดทรัพย์"ทักษิณ"หมดตัว


ช่วงเวลานับถอยหลัง วันศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองพิพากษาคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร 7.6 หมื่นล้านบาท จาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ฟันธง ต้องยึดทรัพย์ทั้งหมดแน่นอน

แล้วพยากรณ์ เมื่อยึดทรัพย์หมดแล้ว จะมีการตั้งคำถามกันครั้งใหญ่ และมีความเสี่ยงที่จะเกิดความรุนแรงตามมา อาจนำไปสู่การใช้กำลังปราบปรามประชาชน ซึ่งจะเป็นเหตุให้ความขัดแย้งในสังคมไทยยิ่งลึกและบานปลาย ยากจะสมานฉันท์

รับรองด้วย "ที่ผ่านมาผมทายเรื่องการเมืองแม่นยำ"

ประเมินการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดง ก่อนวันที่ 26 ก.พ. อย่างไร

การเคลื่อนไหวของเสื้อแดงช่วงระยะหลังมีความถี่สูง เข้มข้นมากขึ้น แต่มีจุดอ่อนคือคนบางส่วนในเสื้อแดง หรือไม่ใช่เสื้อแดง แต่มีเข้ามาเกี่ยวข้องกับเสื้อแดง อาจจะพูดหรือเสนออะไรที่รุนแรง ไม่สอดคล้องกับทิศทางหลักของเสื้อแดงที่มุ่งประชาธิปไตยและสันติวิธี พูดเรื่องเอาขวดคนละขวด น้ำมันคนละลิตรบ้าง พูดเปิดเผยข้อมูลแกมขู่ผู้พิพากษาหรือคนในองค์กรตามรัฐธรรมนูญบ้าง และหลังสุดเรื่องกองทัพประชาชน ทำให้มันดูน่ากลัวและคงไม่เป็นที่ยอมรับของประชาชนส่วนหนึ่ง ก็ให้เขากำลังแก้กันอยู่ว่าความคิดเห็นที่ใช้ความรุนแรงไม่ใช่ความเห็นของแกนนำเสื้อแดง

คนจะมองว่าการเคลื่อนไหวที่เข้มข้นโยงกับวันที่ 26 ก.พ. รัฐบาลทำให้เห็นว่าการเคลื่อนไหวของเสื้อแดงเป็นการเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับคดียึดทรัพย์ หมายความว่าเสื้อแดงเคลื่อนไหวเพราะต้องการให้เกิดความวุ่นวาย เพื่อจะได้มีการรัฐประ หาร และจะเป็นประโยชน์ต่อคดี เพราะเห็นจากการเตรียมการมาอย่างเป็นระบบ โดยรัฐบาลใช้สื่อในลักษณะที่เตรียมชักจูงคนให้เห็นว่าต้องยึด และเตรียมเสนอข่าวสารว่าถ้ายึดแล้วเสื้อแดงคงอาละวาด

การให้ข้อมูลในลักษณะนี้ การเตรียมการฝ่ายความมั่นคงล่วงหน้าเพื่อรับมือกับเหตุการณ์หลังการตัดสินคดี ผมจึงมีความเชื่อว่าจะมีการยึดทรัพย์ของพ.ต.ท. ทักษิณและครอบครัวทั้งหมดทุกบาททุกสตางค์ ไม่ทราบว่าจะใช้ข้อกฎหมายอะไรยึดทรัพย์ เขาทำมาหากินมา และเคยถูกตรวจสอบจากศาลรัฐธรรมนูญมาแล้วรอบหนึ่งตอนที่เป็นนายกฯใหม่ๆ ผมไม่ได้ไปศึกษาว่ามีข้อกฎหมายอย่างไร แต่ผมวิเคราะห์จากพฤติกรรมรัฐบาล และผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น กลุ่มพันธมิตร อดีตคตส. และสื่อบางส่วน พูดเหมือนกับว่ามันต้องยึดทรัพย์ทั้งหมด ผมจึงเชื่อว่าจะมีการยึดทรัพย์ทั้งหมด เมื่อเป็นอย่างนี้การเคลื่อนไหวอะไรก็ตามก่อนถึงวันตัดสินคดี จึงจะไม่มีผลอะไรกับคดี

ฝ่ายรัฐบาลจะใช้สื่อของรัฐชี้แจงคดียึดทรัพย์ในช่วงประมาณ 2 สัปดาห์สุดท้ายก่อนถึงวันตัดสิน เขาต้องทำให้เห็นว่าถ้าตัดสินออกมาแล้วยึดทรัพย์ก็คงจะพยศ ก็จะเป็นผู้ร้าย เสื้อแดงก็เป็นผู้ร้าย ถ้าเสื้อแดงไปเข้าทางก็จะยิ่งทำให้รัฐบาล ทำให้คนเห็นว่าเสื้อแดงเป็นฝ่ายผู้ร้าย และคนก็จะลืมประเด็นเกี่ยวกับการยึดทรัพย์ หรือมองประเด็นการยึดทรัพย์ไปในแง่เดียว คือเรื่องของการที่มีคนพยศ การที่มีคนต่อสู้ เพราะไม่พอใจที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และ ครอบครัวถูกยึดทรัพย์

จะเกิดความรุนแรงขึ้นหรือไม่

อันตรายที่จะเกิดความรุนแรงนั้นยังมี หากเราดูมาเป็นลำดับก็จะเห็นว่า ช่องทางในการแก้ปัญหาของประเทศ หรือช่องทางที่คนไม่ได้รับความยุติธรรมหรือถูกปล้นเอาอำนาจไป ช่องทางมันถูกปิดลงเรื่อยๆ ไปอาศัยกฎหมายก็ไม่ได้ องค์กรตามรัฐธรรมนูญก็ไม่เป็นกลาง การเลือกตั้งก็ล้มเขาได้อีก จะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อความสมานฉันท์ สุดท้ายรัฐบาลก็ไม่แก้เลย พรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด เถียงกันอยู่ 2 ประเด็น การจะแก้รัฐธรรมนูญบางประเด็น เพื่อจะได้รัฐบาลที่เป็นที่ยอมรับ แล้วก็กลับมาเป็นรัฐบาลกันแล้วค่อยแก้รัฐธรรมนูญกันทั้งฉบับก็ไม่เกิดขึ้น ช่องทางในการที่จะหาทางออกให้กับประเทศมันก็ถูกปิดไปเรื่อยๆ คนก็จะพูดกันเรื่องสู้ไปแบบนี้มันจะชนะหรือ ถ้าไม่แตกหักก็คงไม่ได้ชัยชนะ มีการพูดอย่างนี้ สะท้อนให้เห็นว่า คนในสังคมไทยกำลังมีความรู้สึกว่า เขาเคยเป็นเสียงข้างมากจากการเลือกตั้ง แล้วกลายมาเป็นเสียงข้างน้อย และไม่มีช่องทางอะไรในสันติวิธี สิ่งที่พูดผมไม่ต้องการพูดเพื่อขู่

มองการจัดตั้งกองทัพประชาชนอย่างไร

ที่มีการเสนอขึ้นมา เป็นการเสนอของ 2 นายพล ซึ่งก็อาจจะมีการพูดเล่นคำ พูดหวือหวาเกินไป หรือว่าพูดโดยไม่เข้าใจจิตวิทยาสังคม ไม่เข้าใจเรื่องการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย โดยเฉพาะการต่อสู้อย่างสันติที่ต้องการแนวร่วม ต้องการความเห็นจากประชาชนจำนวนมาก การจะมีกองกำลังอาวุธของประชาชนเพื่อต่อสู้ด้วยอาวุธมันไม่สอดคล้องกับความคิด ความเชื่อของคนในสังคม แกนนำคนอื่นๆ ก็ไม่เห็นด้วย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธก็ไม่เห็นด้วย ผมก็ไม่เห็นด้วยเลย สุดท้ายผู้เสนอความคิดนี้ก็ล้มเลิกไปแล้ว มันเป็นบทเรียนว่า การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยต้องพูดคุยกันมากขึ้น ต้องรีบทำให้คนมั่นใจ ใครแตกแถวทำอะไรนอกแนวทางสันติต้องประกาศเด็ดขาดว่า นี่ไม่ใช่พวกเดียวกันแล้ว

- การที่สมเด็จฮุนเซนเดินทางมาพื้นที่ทับซ้อนมองว่าเป็นเกมของพ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่

คงไม่ใช่เกมของคุณทักษิณ แต่ว่าดูเหมือนว่ารัฐบาลจะโหมข่าวให้ไปทางนั้น ซึ่งรัฐบาลก็กลายเป็นว่ากำลังมีปฏิกิริยาตอบสนองรุนแรงเกินเหตุ เห็นว่ามีการประชุมฝ่ายความมั่นคง สั่งตรึงกำลัง ดูเหมือนว่ามาตรการทางทหารเป็นไปตามนโยบายต่างประเทศ นโยบายชายแดนของรัฐบาลนี้ แต่ว่ารัฐบาลฉวยโอกาสเอาเรื่องนี้มาเป็นประโยชน์ทางการเมือง เพราะเห็นว่าสมเด็จฮุนเซนกับคุณทักษิณโยงกัน พอสมเด็จฮุนเซนบอกว่าจะมาพื้นที่ทับซ้อนก็รีบโหมเรื่องนี้เพื่อประโยชน์ของรัฐบาล โดยไม่คำนึงถึงผลเสียหายที่จะเกิดของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เรื่องมันถูกทำให้เลยเถิด รัฐบาลสนใจอยู่อย่างเดียวคือจะเอาชนะทางการเมืองต่อคุณทักษิณอย่างไร

มองการที่รัฐบาลเรียกประชุมสมช.ก่อนผบ.ทบ. จะเดินทางไปราชการต่างประเทศอย่างไร

ผบ.ทบ.จะไปนอกคิดว่าก็เป็นการเล่นข่าว สร้างข่าวสร้างกระแสให้ไปในทิศทางต้องทำให้คุณทักษิณและเสื้อแดงเป็นผู้ร้ายให้เต็มที่เอาทุกเรื่องมาเป็นประโยชน์ ปาอุจจาระก็นำมาใช้ประโยชน์ สมเด็จฮุนเซนมาก็ใช้ประโยชน์ ผบ.ทบ.จะไม่อยู่ผมคิดว่าไม่น่าเป็นห่วงอะไร ถึงแม้คนจำนวนไม่น้อยจะเชื่อว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผบ.ทบ.เป็นผู้ที่มีความคิดไปในทางที่ต้องการใช้กำลังในการแก้ปัญหา แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันไม่มีเหตุความจำเป็นอะไรที่จะต้องรัฐประหาร ผู้นำกองทัพอยู่ในเก้าอี้ต่อไปก็มีความสุขดีอยู่แล้ว ยึดอำนาจมาก็คงไม่มีความสุขไปกว่านั้นได้ ส่วนผู้นำกองทัพคนอื่นๆ ก็อาจอยากยึดอำนาจ แต่ว่าเมื่อดูจากสถานการณ์แล้วคงยังไม่มีความจำเป็นและไม่เป็นประโยชน์ เพราะว่าเขายังคุมรัฐบาลได้ ในสายตาผู้มีอำนาจคงต้องการใช้กลไกทางกฎหมายดำเนินมาตรการที่เป็น 2 มาตรฐานต่อไป เพื่อจัดการฝ่ายตรงข้ามให้เต็มที่เสียก่อน

ในช่วงเร็วๆ นี้คงไม่เกิดการรัฐประหารอยู่แล้ว ที่พูดเรื่องรัฐประหารก็เพราะได้ยินมา ได้ยินการขึ้นบัญชีคน 200 คน การที่มีการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐประหารก็เป็นเรื่องดีเหมือนกัน เพราะหากใครคิดจะทำรัฐประหารต้องเจอกับการคัดค้าน แต่ว่าที่รัฐบาลก็รู้ว่าเขาไม่ได้กลัวทหารจะรัฐประหาร เพราะมองตาก็รู้ใจ เขาเป็นพวกเดียวกันมาและถือไพ่เหนือกว่า เขาจะไปรัฐประหารทำไม แต่ต่อไปข้างหน้าไม่แน่

ที่มา:ข่าวสดรายวัน